เสน่ห์นาคา
เกริ่นเรื่อง

“ในเมื่อชาติภพนี้ หม่อมฉันกับเสด็จพี่เกิดมาต่างเผ่าพันธุ์ และหม่อมฉันก็มีรูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว และเสด็จพี่ก็รังเกียจที่หม่อมฉันเป็นเช่นนี้”วสินารีมองหน้าเขาจริงจังก่อนจะตั้งจิตมั่น
“หม่อมฉันขอ ..ขอให้”นางหายใจติดขัด หัวใจบีบตัวส่งผลให้เลือดไหลทะลักออกมา
“วสินารี”วนันทะเรียกชื่อนางเมื่อเห็นว่าเลือดของนางทะลักออกมาไม่ยอมหยุด
“พระธิดา”เสียงของพี่เลี้ยงเรียกพร้อมๆ กัน เมื่อเห็นว่าร่างกายนางกำลังแย่ลงทุกที
วสินารีพยายามสูดลมหายใจเข้าฉันปอด นางหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตามุ่งมั่น

“ขอให้ชาติหนึ่งชาติใด หม่อมฉันและเสด็จพี่จงสลับชาติพันธุ์กัน หม่อมฉันขอให้เสด็จพี่บังเกิดเป็นนาคา ส่วนตัวหม่อมฉันนั้นไซร้ ขอจงได้บังเกิดเป็นมนุษย์ และในชาตินั้น ..ขอให้เป็นตัวเสด็จพี่ที่ทุ่มเทความรักทั้งหมดของเสด็จพี่ ..ให้หม่อมฉัน”สิ้นคำนางก็กระอักออกมาเป็นเลือด
“ส่วนหม่อมฉันนั้นไซร้ ..จงอย่าได้มีใจให้เสด็จพี่อีกแม้นเพียงเสี้ยวใจ”พูดจบนางก็สิ้นใจ ดวงตาไม่อาจหลับลงได้
“พระธิดา”เสียงของนางพี่เลี้ยงกรีดร้อง

“พี่ขอน้อมรับคำอธิฐานของน้อง ไม่ว่าชาติภพใดพี่จักติดตามไปรักน้องในทุกภพชาติ”วนันทะหลับตาลงพร้อมๆ กับไฟที่ครอกลงมา ทั้งปราสาทจึงพังทลายลงด้วยไฟที่เผาทำลาย




Tags: พยานาค แฟนตาซี โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 1 สุวระปุระ

บทที่ ๑ สุวระปุระ

นับพันปีในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรสุวระปุระ ดินแดนที่งดงามและอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์ในดินสินในน้ำ ผู้คนในยุคนี้บูชาและสรรเสริญพญานาค เนื่องจากเหล่านาคราชดลบันดาลฝนและปริมาณน้ำซึ่งจำเป็นต่อการเพาะปลูกและการดำรงชีพ
เจ้าผู้ครองนครในสมัยนั้นได้จัดพิธีสักการะบูชาพญานาค และในวาระนี้ก็เป็นอีกครั้งที่พิธีการบูชาพญานาคได้จัดขึ้นที่ปราสาทนาคราช
ปราสาทนาคราชมีเอกลักษณ์พิเศษกว่าปราสาทอื่น โดยจะมีรูปปั้นพญานาคอยู่ตรงบันใดทางขึ้นทุกด้าน ทั่วทั้งปราสาทสร้างจากศิลาแลงสีแดงอิฐ แกะสลักเป็นรูปพญานาค ปราสาทนี้ถูกเปิดใช้ทุกครั้งที่มีการจัดพิธีบูชานาคราช
วันนี้ก็เช่นกัน เหล่าบรรดาพราหมณ์ผู้ทำพิธีได้มารวมตัวเพื่ออัญเชิญให้นาคราชวสุธร ..เจ้าแห่งพญานาคได้ประทานฝนแก่ชาวสุวระปุระ

เจ้าผู้ครองนครพร้อมมเหสีและโอรสธิดาได้เข้าร่วมพิธี ตอนนี้เข้าฤดูฝนแล้ว แต่ไร้ซึ่งเม็ดฝนที่จะให้ความชุ่มฉ่ำแก่พรรณไม้ เจ้าผู้ครองอาณาจักรจึงต้องทำพิธีขอพร
เสียงพราหมณ์ยังคงสวดต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่ท้องฟ้าซึ่งเคยสว่างจ้าด้วยแสงแดดค่อยๆ มีเมฆดำ ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ราวกับคำเรียกขานจากพราหมณ์ส่งไปถึงนาคราชวสุธร ..เจ้าผู้ครองนครบาดาลในขณะนั้น
ทันทีที่ธูปถูกปักลงในกระถางซึ่งวางอยู่หน้าปราสาทนาค ฝนก็เทกระหน่ำลงมา ทุกคนหันไปมองกันและกันด้วยความดีใจ

ชายวัยกลางคนเดินออกมาจากปราสาทนาค ร่างกายเขากำยำ ทว่า ขาวซีดเพราะไม่ค่อยพบเจอกับแสงแดด ด้วยดำรงชีพอยู่ใต้น้ำ ร่างกายจึงซีดเซียว ผิดแผกจากมนุษย์ทั่วไป อีกทั้งดวงตาสีเขียวมรกตน่ากลัวน่าเกรงขาม สมดั่งผู้สืบเชื้อสายนาคราช หญิงสาวผู้มีผิวกายและดวงตาเฉกเช่นเดียวกัน เดินตามท้าววสุธรออกมา โดยทิ้งช่วงให้ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ขณะที่เหล่าทหารนาคอีกห้าตนเดินตามออกมาในระยะที่ห่างกันพอสมควร
“ท้าววสุธรเสด็จ”พราหมณ์ผู้เป็นประธานในการประกอบพิธีนั่งคุกเข่าลงกับพื้นดิน
เมื่อเห็นพราหมณ์ผู้ทำพิธีนั่งลง ผู้คนนับพันที่อยู่ในพิธีก็นั่งลง จากนั้นก็ก้มลงกราบนาคราชผู้ทรงไว้ซึ่งอิทธิฤทธิ์
ท้าววสุธรมีหนวดบริเวณใต้คาง ดวงตาเรียวยาว นัยน์ตาสีเขียวมรกต มองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกสิ่งใด ทุกความรู้สึกถูกเก็บไว้ในดวงตายาวเรียว และภายใต้บุคลิกน่าเกรงขาม ซึ่งตรงกันข้ามกับวสินารี ..ผู้เป็นบุตรีที่ไม่เก็บความรู้สึกใดๆ
วสินารีตื่นเต้นกับพิธีสักการะนี้ ใบหน้าขาวซีด นัยน์ตาสีเขียวมรกตแต่แฝงไว้ด้วยความเริงร่า และยิ่งรอยยิ้มตรงริมฝีปาก ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความปรีดาแห่งนาง

รูปลักษณ์ของวสินารีมีผิวกายซีดเผือดราวซากศพคนตาย ดวงตาทั้งดวงมีเพียงสีเขียวมรกต หนังตาชั้นเดียว ทำให้ตาดูเล็ก ยาว เรียว เหมือนตางู ไร้ขนคิ้ว จมูกเหมือนจมูกอสรพิษ ตรงริมฝีปากสองข้างมีเขี้ยวโผล่ออกมาให้เห็น
สายตาของวสินารีมองไปยังวนันทะ ..โอรสแห่งสุวระปุระ ผู้ซึ่งเป็นพระคู่หมั้นตามที่ท้าววสุธร และท้าวเทวทัต ..เจ้าผู้ครองสุวระปุระเคยตกลงกันไว้
สายตาของวสินารีมองตรงไปยังวนันทะ แต่ดูเหมือนเขาไม่มองมาที่นางด้วยซ้ำ ใบหน้าเขาก้มมองพื้น แทนที่จะเงยขึ้นมองนาง ..นางซึ่งเป็นพระคู่หมั้น
ท้าววสุธรเดินลงบันไดหินศิลาแลงของปราสาท เพื่อตรงไปยังเจ้าเหนือหัวแห่งสุวระปุระ โดยมีวสินารีเดินตามไปไม่ห่าง
“ถึงเวลาแล้วที่สัญญาของข้าและเจ้า ต้องเป็นจริง”ท้าววสุธรกล่าว
“พระเจ้าคะ”องค์เหนือหัวแห่งสุวระปุระน้อมรับ สายตามองไปยังผู้เป็นโอรสก่อนจะเงยขึ้นไปมองสตรีผู้ยืนอยู่เบื้องหลังท้าววสุธร

*¬¬¬¬¬__________________________________________*
ไม่นานนับจากวันนั้น พิธีสยุมพรระหว่างธิดาพญานาคและโอรสแห่งสุวระปุระก็บังเกิดเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข
วนันทะจำต้องแต่งงานกับนางนาคีซึ่งตนไม่เคยมีใจรักใคร่ เขามีหญิงอื่นอยู่ในหทัย แต่หากไม่แต่งกับธิดาพญานาค ผู้เป็นบิดาก็ไม่ยินยอมให้แต่งงานกับหญิงผู้เป็นที่รัก ด้วยเหตุความจำเป็น วนันทะจึงแต่งงานกับวสินารีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ท้าววสุธรได้กลับไปเมืองบาดาล โดยทิ้งวสินารีและนางนาคพี่เลี้ยงไว้ที่เมืองสุวระปุระ ซึ่งวสินารีจะต้องปกครองและดูแลฝนและปริมาณน้ำให้อุดม นับแต่นี้อาณาจักรแห่งจะมีนางเป็นผู้ปกปักษ์
วนันทะเดินมายังปราสาทนาค เขาลังเลที่จะเดินขึ้นไปบนปราสาทที่ประทับของผู้เป็นชายา ..ผู้ซึ่งมีเผ่าพันธุ์ที่แตกต่าง

“เจ้าพี่”วสินารีก้มลงกราบเท้าผู้เป็นสวามีราวกับจะฝากเนื้อฝากตัว
“ลุกขึ้นเถิด พระนางเป็นถึงธิดาพญานาคราช ไม่สมควรยิ่งที่จะก้มลงกราบเท้ามนุษย์ธรรมดาๆ เช่นกระหม่อม”วนันทะบอก
วสินารีเข้าใจ จึงลุกขึ้นยืนตามคำเชิญของเขา เป็นโอกาสให้เผชิญหน้ากัน ทั้งสองมองกันและกัน ทว่า ด้วยสายตาที่ต่างความหมายอย่างสิ้นเชิง
วนันทะมองมาอย่างไร้เยื่อใย ไร้ซึ่งความรัก มีเพียงความเกรงอกเกรงใจเท่านั้น ในขณะที่สายตาของวสินารีมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก

“พระนางเป็นธิดาพญานาค ส่วนกระหม่อมเป็นมนุษย์ ระหว่างกระหม่อมและพระนางไม่อาจมีสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาได้ กระหม่อมไม่อาจทำใจให้รักกับนาคี ..พระองค์ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับหม่อมฉัน”วนันทะกล่าว
“ท่าน ..รังเกียจข้า”วสินารีน้ำตาไหลร่วง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร
“หม่อมฉันไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่ ..เราต่างกัน”เขาปลอบใจ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเคืองโกรธ
“เชิญพระนางพักผ่อนเถิด ..หม่อมฉันจะกลับไปยังตำหนักของตัวเอง”
“ท่านจะทิ้งข้าในคืนแรกของการแต่งงาน ..ไม่ใจดำกับข้าเกินไปหรือ”นางพยายามรั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลใดๆ เขายังคงทำตามที่ตัวเองต้องการ
วสินารียืนมองร่างของสวามีที่เดินออกไปจากห้องด้วยความเสียใจ น้อยใจ ตัดพ้อในวาสนาของตน

“ข้าเปลี่ยนชาติพันธุ์ของตัวเองไม่ได้ เช่นเดียวกับใจข้าที่ไม่อาจเปลี่ยนรัก”ดวงตาสีเขียวมรกตของนางเอ่อนองไปด้วยน้ำตาที่ดูจะไม่ต่างไปจากน้ำตาของมนุษย์แม้แต่น้อย
วสินารีนึกย้อนไปในช่วงวัยเยาว์ ในวันที่นางและพระพี่เลี้ยงแอบหนีขึ้นมาโลกมนุษย์ เพื่อไปแอบดูพระคู่หมั้นตามที่พระมารดาบอกล่าว
พวกนางแปลงกายสู่ร่างมนุษย์ รูปลักษณ์ของนางและพระพี่เลี้ยงเหมือนดั่งผู้คนบนโลก จึงไม่มีใครรู้ว่าพวกนางคือพญานาค
ในกาลนั้น วสินารีได้พบวนันทะ ทั้งสองได้ทำความรู้จักและเป็นเพื่อนกัน นับแต่นั้นนางก็ผูกจิตไว้กับเขา ความรักของนางมอบไว้ให้พระคู่หมั้น โดยที่เขาไม่เคยรู้เลยว่านางเป็นใคร

บัดนี้ กาลเวลาล่วงเลยผ่าน นางได้แต่งงานกับเขาในฐานะธิดาพญานาค และต้องการให้เขารักนางที่ตัวตนแท้จริง
ทั้งที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ แต่วสินารีก็ไม่ปรารถนาให้เขารักนางที่รูปลักษณ์งดงาม
“หากท่านยอมรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของข้าได้ เมื่อนั้น ท่านจะได้พบเจอกับสิ่งที่ดีที่สุดของข้า”ธิดาพญานาคกล่าว
“เมื่อท่านสามารถรับรูปลักษณ์นาคีที่อัปลักษณ์ของข้า นั่นหมายถึง รักแท้บังเกิด แล้วเมื่อนั้น ท่านจักได้พบกับรูปลักษณ์ที่งดงามของข้า”วสินารีตั้งปณิธาณแล้วว่า จะทำให้เขารักในความเป็นตัวตนของนาง
จงรัก ..ที่ข้าเป็นข้า
จงรับตัวตน และความเป็นข้า
จงอย่ามองแค่ตา แต่จงใช้ใจในการรัก

*¬¬¬¬¬__________________________________________*

หกเดือนต่อมา
วนันทะได้เสด็จมายังปราสาทนาค เพื่อขออนุญาตจากวสินารีให้เขาแต่งงานกับหญิงมนุษย์ ..ผู้ซึ่งเขารักใคร่มานาน
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นวสินารีก็มองวนันทะด้วยความเจ็บช้ำ นอกจากเขาจะไม่รัก ยังกล้ามาขอให้นางยอมให้เขามีหญิงอื่นอีก ปวดใจเพียงไรใครเล่าจะรู้

“ท่านทิ้งร้างข้านานแรมปี ปล่อยข้าไว้ที่นี่เพียงลำพังโดยไม่เคยย่างกรายมาหา แต่บัดนี้ท่านมาเพื่อขอให้ข้าอนุญาตให้ท่านแต่งงานกับหญิงอื่น ท่านทำได้เยี่ยงใด”วสินารีถาม
“ท่านคงคิดว่าข้าไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึก เพราะข้าเป็นเพียงพวกอมนุษย์ มีความเป็นคนเพียงแค่ครึ่งเดียว เลยเจ็บปวดแค่ครึ่งเดียวหรือไร”นางมองวนันทะด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เสียใจที่อีกฝ่ายไม่เคยคิดถึงจิตใจนางแม้แต่น้อย
“ต่อให้ข้าเป็นพญานาค แต่ข้าก็มีความรู้สึก ..ข้าก็เสียใจเหมือนเช่นมนุษย์ทั่วไป หรืออาจมากกว่ามนุษย์อย่างท่านเสียอีก”

“ข้าน่าจะรู้ว่าพระนางจะไม่ยินยอม เพราะพระนางจะเก็บข้าไว้เช่นนี้ตลอดไป แต่ข้าขอบอกให้รู้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ระหว่างเรา ..ไม่มีวันเหมือนคู่ครองคู่อื่น”วนันทะบอกด้วยสายตามุ่งมั่น จริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น วสินารีก็อยากจะเอาชนะชายที่อยู่ตรงหน้านี้เหลือเกิน นางตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่า จะทำให้เขาต้องหมดศักดิ์ศรีของตัวเอง
“ก็ได้ ข้าให้ท่านแต่งงานกับหญิงมนุษย์ แต่มีข้อแม้ว่า ..”นางหยุดไว้นิดหนึ่งเพื่อให้อีกฝ่ายได้ดีใจ ก่อนจะรู้สึกเหมือนต้องตกนรกในตอนท้าย
“เมื่อท่านแต่งงานแล้ว ท่านต้องมานอนที่ปราสาทนี้ทุกคืน ท่านต้องอยู่กับข้าไปจนถึงเที่ยงคืน หลังจากเที่ยงคืนแล้วจึงกลับไปนอนกับมนุษย์นางนั้นได้”
“ไม่มีวัน ..ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น”วนันทะส่ายหน้า ปฏิเสธข้อเสนอนี้
“ถ้าเช่นนั้น ชาตินี้ทั้งชาติก็อย่าหวังจะได้แต่งงานกับใครอีกเลย เพราะข้าไม่มีวันยินยอมให้ท่านมีใครได้อีก”วสินารีกล่าวด้วยสายตามุ่งมั่น และจริงจังเช่นกัน

“พระนางน่ารังเกียจเพียงใด ไม่รู้ตัวฤา”สายตาวนันทะมองอย่างรังเกียจเดียจฉันท์
“กระหม่อมคงตายทั้งเป็นหากต้องสมสู่กับพระนางจริง”
“สักวัน ..ข้าจะทำให้ท่านรักข้าจนหมดใจ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นท่านจะรู้ว่าความรักไม่มองเพียงสิ่งภายนอก”นางไม่ยอมแพ้ สายตามุ่งเอาชนะให้ได้
“แล้วกระหม่อมจะคอยวันนั้น”พูดจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่คิดหันกลับมา
วสินารีหันไปมองกระจกที่อยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เพื่อมองรูปลักษณ์ที่สะท้อนกลับจากกระจกนั้น

ใบหน้าและเนื้อตัวที่ซีดเซียวราวกับซากศพของนาง ทำให้แตกต่างไปจากผิวกายมนุษย์โดยทั่วไป มันคงน่าเกลียดน่ากลัวมากสำหรับเขา ดวงตาสีเขียวมรกตและเรียวยาวราวกับดวงตาของอสรพิษ คงทำให้เขาไม่อาจทำใจยอมรับ
“รูปกายที่อัปลักษณ์ ทำให้ข้ากำลังจะสูญเสียท่าน”วสินารีมองสภาพตัวเองแล้วเศร้าใจ
“ข้าควรทำฉันท์ใด”นางถามตัวเองในกระจก
“หรือข้าควรให้ท่านได้เห็นกายมนุษย์ของข้า”ธิดาพญานาคใคร่ครวญ ไม่ยินยอมสูญเสียเขาให้ใคร

*¬¬¬¬¬__________________________________________*
เพียงไม่นานการอภิเษกครั้งใหม่ของวนันทะก็เกิดขึ้น แม้ไม่ได้รับการยินยอมจากวสินารี ด้วยเหตุนี้นางจึงตรมทุกข์ เป็นเหตุให้ฝนฟ้าไม่ตก ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ประชาชนมีความเดือดร้อน
“เจ้าต้องจัดการกับเรื่องนี้ ..วนันทะ”ท้าวเทวทัต ..เจ้าผู้ครองนครกล่าว
“เสด็จพ่อจะให้ลูกทำอย่างไร ลูกไม่สามารถดลบันดาลน้ำได้”เขาบอกกับผู้เป็นบิดา
“เป็นเพราะเจ้าทำให้วสินารีโกรธ บ้านเมืองเราจึงเดือดร้อนเยี่ยงนี้”
“ก็ได้ หม่อมฉันจะจัดการกับเรื่องนี้เอง”

วนันทะไปยังปราสาทนาค เพื่อให้วสินารีดลบันดาลฝนฟ้าให้ตกตามฤดูกาล เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนทั้งเมืองจะต้องเดือดร้อนไปมากกว่านี้
“ข้ามาขอเฝ้า ..พระธิดาของพวกเจ้า”วนันทะบอกกับเหล่านาคผู้รับใช้
“พระธิดาบรรทมแล้ว”ทหารผู้เฝ้าอยู่ตรงบันใดทางขึ้นกล่าว
“แต่ข้าต้องพบนาง”
“พระนางบรรทมแล้วจริงๆ ฝ่าบาท”ทหารย้ำคำเดิม
“ต่อให้หลับ ข้าก็จะปลุก”วนันทะพูดจบก็เดินฝ่าทหารที่เฝ้าเข้าไป

เสียงเอะอะโวยวาย และความชุลมุนข้างนอก ทำให้วสินารีตื่นขึ้น
“เสียงใคร”นางสงสัย
“ถอยไป ข้าจะพบนาง”วนันทะตะคอกเสียงดัง
“เจ้าพี่!”วสินารีอุทาน จำได้ว่าเสียงนั้นเป็นของใคร
นางรีบเดินไปยังประตูห้อง แต่ก่อนที่นางจะเปิดประตูออกมันก็ถูกผลักให้เปิดโดยฝีมือของผู้ที่บุกเข้ามา
“ท่าน ..”นางมองด้วยความไม่พอใจ
“เราต้องตกลงกัน”วนันทะกล่าว
“แต่ข้าไม่มีอะไรต้องตกลงด้วย”วสินารีมองอย่างไม่พอใจ
“เราต้องคุยกัน ..ข้าขอร้อง”ถ้อยคำของเขาอ่อนลงเมื่อเห็นท่าทีนางแข็งกร้าว
สายตาของวสินารีอ่อนลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายลดอารมณ์ลงแล้ว ทว่า สีหน้าและแววตาของนางยังคงแฝงร่องรอยความไม่พอใจเอาไว้

“พวกเจ้าไปได้”นางหันไปสั่งเหล่าผู้รับใช้ก่อนจะหันมายังวนันทะ “ท่านมีเรื่องอันใด”
“ข้ามาขอร้องพระนาง”เขาบอกด้วยสายตาจริงจัง
“ช่วยบันดาลฝนให้ตกด้วยเถิด”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นวสินารีก็นิ่งไป นึกขึ้นได้ว่าลืมให้ฝนแก่อาณาจักร เป็นเพราะนางมัวแต่ตรอมใจกับการแต่งงานของวนันทะ จึงทำให้ลืมทุกสิ่งทุกอย่างโดยสิ้นเชิง
“ข้ารู้ว่าพระนางกำลังบีบบังคับ เพราะไม่พอใจที่ข้าแต่งงานใหม่ แต่พระนางก็ไม่ควรเอาความทุกข์ยากของราษฎรมาบีบบังคับกันเยี่ยงนี้”วนันทะพูดเหน็บ
วสินารีกำมือเข้าหากันด้วยความเจ็บใจ นางแค่ลืม ไม่ได้ตั้งใจ

“พระนางทำเช่นนี้เพราะต้องการบีบให้ข้ามาอยู่กับพระนาง ใช่หรือไม่”เขาถาม
วสินารียืนนิ่ง รู้สึกโกรธจนแทบจะอาละวาดออกมา ต่อให้นางอยากเอาชนะเขามากเพียงใด แต่ไม่คิดใช้ความเดือดร้อนของราษฎรมาเป็นเครื่องมือในการเอาชนะ
“ในเมื่อพระนางต้องการข้า ข้าก็จักสนองให้”พูดจบวนันทะก็เดินเข้ามา สองมือรั้งร่างนางเข้ามาใกล้ ใบหน้าของเขาโน้มลงมาอย่างรวดเร็ว
วสินารีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของเขาประกบกับริมฝีปากนางโดยที่ไม่ทันตั้งตัว หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก

*¬¬¬¬¬__________________________________________*

หลังจากเที่ยงคืนวนันทะก็กลับไปยังตำหนักของตัวเอง ปล่อยให้วสินารีนอนอยู่บนเตียงในปราสาทของนางเพียงลำพัง
“ข้าไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงนี้”น้ำตานางไหลริน แม้พยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออกมาแต่มันก็ไม่ยอมหยุดไหล
“ข้าต้องการหัวใจท่าน ไม่ใช่ร่างกาย”วสินารีสะอื้นไห้
น้ำฝนที่ตกลงมาในค่ำคืนนั้น ให้พื้นดินชุ่มชื่น ช่วยให้ความแห้งแล้งมลายหายไป พืชผลธัญญาหารที่หว่านไปเริ่มเขียวขจีในวันรุ่งเช้า
วนันทะยืนมองผืนแผ่นดินที่ชุ่มชื้นแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นสายตาก็มองเลยไปยังปราสาทนาคซึ่งเป็นที่พำนักของวสินารี

“พระองค์”เสียงของลันวตี ..ชายามนุษย์ของเขาดังขึ้น
วนันทะหันกลับมาตามเสียง ก็ได้เห็นนางผู้เป็นที่รักเดินใกล้เข้ามา
“ทอดพระเนตรสิ่งใดเพคะ”
“ข้ากำลังดูผืนดินที่กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง”เขาตอบ
“เมื่อคืน ..”ลันวตีเงียบไว้แค่นั้น ไม่ต้องการพูดอะไรอีก
วนันทะไม่ตอบ แต่เดินเลี่ยงไปจากตรงนั้น ไม่อยากพูดสิ่งใดทั้งสิ้น

*¬¬¬¬¬__________________________________________*



ฟินนิกซ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.พ. 2557, 19:33:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.พ. 2557, 19:33:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 2240





   ตอนที่ 2 พระสนมคนใหม่ หัวใจดวงเดิม >>
คิมหันตุ์ 2 ก.พ. 2557, 01:35:24 น.
ยินดีต้อนรับในบ้านหลังใหม่ค่ะ..


Sukhumvit66 2 ก.พ. 2557, 11:29:07 น.
น่าติดตามค่ะ


ฟินนิกซ์ 9 ก.พ. 2557, 08:45:00 น.
ขอบคุณมากค่าา สำหรับคอมเม้นท์^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account