ลมหวนรัก(จบแล้วค่ะ)
เธอ...หญิงสาวผู้อ่อนหวานและอ่อนไหว ควรลงเอยกับผู้ชายที่เข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ความรักไม่ปล่อยให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขนาดนั้น ส่งโจทย์ยากมาให้ด้วยสองชายหนุ่มที่แตกต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งเป็นคุณหมอหนุ่มแสนดี และมีในทุกสิ่งที่ผู้หญิงทั้งโลกต้องการ อีกคนยียวน แสนกวน แต่มั่นคงในรัก เธอเปิดใจให้ชายคนแรกเพราะความเหมาะสม ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่เธอรักเหมือนน้องชายก็เข้ามากร่อนกำแพงหัวใจไม่หยุด นานวันเข้า...หัวใจก็เริ่มลังเล เมื่อหัวใจเลือกได้เพียงหนึ่ง...เธอจะเลือกใคร ชายในฝันของใครๆ หรือหนุ่มรุ่นน้องที่เธอปฏิเสธนักหนาว่า "ไม่มีวัน"
Tags: ดอกนางพญาเสือโคร่ง

ตอน: บทนำและตอนที่ 1

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ นักอ่านทุกท่าน

"ดาริยา" ขอฝากนิยายเรื่องล่าสุดไว้ให้อ่านเล่นกันนะคะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่านักอ่านที่รักคงได้รับความสุขและรู้สึกหวามไหวในหัวใจไปกับนิยายเรื่องนี้

แม้จะห่างหายไปพักหนึ่ง แต่เสน่ห์ของการลงนิยายในเว็บแล้วได้รับเสียงสะท้อนจากเพื่อนๆ ที่รักในตัวอักษรด้วยกันนั้นยังดึงดูดให้คิดถึงเสมอ...เรื่องนี้ตั้งใจว่าจะลงเร็ว ไปเร็วนิดนึงนะคะ...แต่เชื่อว่าแฟนๆ ที่เคยติดตาม คงตามทัน ^0^

ขอฝากนิยาย "ลมหวนรัก" ไว้ในอ้อมใจด้วยค่ะ อีกไม่นานจะได้พบกันในรูปแบบของหนังสือ จากพิมพ์คำสำนักพิมพ์ แต่ตอนนี้ "ดาริยา" เอามานำเสนอให้อ่านเพลินๆ กันไปก่อนเลยนะคะ และหากกรุณาเข้ามาคอมเมนต์หรือคุยกันด้วย จะยิ่งสร้างกำลังใจเลยค่าาาาา ขอบคุณมากค่ะ ^______^

ด้วยรัก

ดาริยา

______________________________________________________________



ลมหวนรัก


โดย ดาริยา



บทนำ


มือเรียวที่ลูบลงบนกลีบดอกนางพญาเสือโคร่งทับแห้งสีชมพูซีดอมน้ำตาลนั้นไหวน้อยๆ น่าจะเป็นเพราะข้อความในจดหมายซึ่งสั่นสะเทือนหัวใจหญิงสาวได้อย่างประหลาดจนต้องก้มลงอ่านอีกครั้ง



เต็มใจ ที่คิดถึง

วันนี้ผมเจอเรื่องท้อๆ หนักใจหลายเรื่อง สิ่งที่ผมอยากทำเป็นอย่างแรกเมื่ออยู่ในห้องคนเดียวก็คือการเขียนจดหมายถึงคุณ
ได้โปรดอย่าคิดว่าผมเป็นคนประหลาดอะไรเลยนะครับ ผมก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ประทับใจในตัวคุณ ไม่ได้หวังสิ่งใดนอกจากการติดต่อผ่านมาทางตัวอักษร โดยคุณไม่ต้องเสียเวลาตอบ เพราะคงไม่รู้ว่าควรส่งกลับไปที่ไหน ผมอยากให้คุณได้อ่านได้รับรู้ เพราะคุณกลายเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมจะเล่าความรู้สึกในใจออกไป...ขอบคุณจริงๆ ครับ

ได้ข่าวว่าคุณเริ่มทำงานในโรงพยาบาลมาหลายเดือนแล้ว บางทีผมก็นึกสงสัยว่าอาชีพที่ต้องสวมชุดขาว วิ่งวุ่นกับการดูแลคนไข้ทุกวันจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน แต่ผมก็มั่นใจมากว่าคุณไม่เคยท้อ ผมยังจำแววตามุ่งมั่นมีชีวิตชีวาของคุณได้ดี เด็กที่เติบโตมาโดยไม่มีพ่อแม่ประคับประคองนั้น...แค่คิดผมก็นับถือในหัวจิตหัวใจแล้ว ดังนั้นทุกคราวที่ผมเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ผมจะคิดถึงคุณ คุณเป็นตัวอย่างดีๆ ซึ่งผมใช้นำทางชีวิตตัวเองด้วย

จดหมายฉบับนี้ออกจะเครียดๆ สักหน่อย ผมขอโทษและสัญญาจะไม่ทำแบบนี้บ่อยๆ ในหนึ่งเดือน คุณได้รับจดหมายผมครั้งเดียว ผมอยากส่งความสุขมาให้มากกว่า

ดังนั้น ขอจบด้วยบทกลอนที่ผมแต่งด้วยความสุขใจมาให้คุณนะครับ...


ดวงเนตรงามยามพบประสบพักตร์ ให้ประจักษ์แจ้งจิตคิดหลงใหล
ทั้งรอยจำความรู้สึกอันฝังใจ เสริมส่งให้ตั้งมั่นฝันถึงเธอ
ฝันว่าวันหนึ่งนั้นเราได้พบ พร้อมประสบรักมั่นฉันเสนอ
ขอมอบรักเต็มดวงใจให้กับเธอ มิต้องเพ้อเพียงลำพังอย่างเดียวดาย


ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ เรื่องกลอนนี่ผมเพิ่งเริ่มหัดแต่งได้ไม่นาน อาจจะไม่สละสลวยเท่าที่ควร คุณไม่ต้องอึดอัดกับเนื้อความว่าหมายถึงใคร แค่ฝากไว้อ่านเล่นเป็นการฝึกฝีมือด้วย...และแค่อยากให้คุณได้รับรู้ก็เท่านั้น

คุณเชื่อมั้ยว่าพอเขียนมาถึงตอนนี้ ผมสบายใจขึ้นมาก ค่อยรู้สึกผ่อนคลายหน่อย พร้อมสู้ต่อไป...เรามาก้าวไปด้วยกันนะครับ ไม่ว่าคุณและผมจะอยู่ที่ไหน ผมหวังว่าเราจะเชื่อมต่อกันได้ด้วยจดหมาย และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

คิดถึงคุณเสมอ




จดหมายที่ไม่เคยลงชื่อซึ่งมาพร้อมกลีบดอกนางพญาเสือโคร่งทุกครั้งถูกพับเก็บใส่ซอง และวางรวมกันในกล่องกระดาษลายดอกไม้ หญิงสาวจ้องมองกองจดหมายในกล่องนั้นด้วยความรู้สึกผูกพันซึ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ นึกสงสัยว่าชีวิตที่ผ่านมา ที่เธอฝ่ากระแสความเศร้าลึกๆ ในใจมาได้อย่างเข้มแข็งนั้น...เป็นเพราะจดหมายลึกลับเหล่านี้หรือเปล่า ใจความในฉบับแรกๆ เริ่มจากคุยทั่วไปมาจนบัดนี้ ข้อความของเขาดูลึกซึ้งขึ้น กินใจขึ้น และเธอก็มักจะปล่อยให้ถ้อยคำดีๆ ในจดหมายเหล่านั้นไหลเข้าเอิบอาบหัวใจจนอบอุ่น

คงไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร และเธอก็พอใจให้เป็นเช่นนี้

________________________________________________________________






เสียงมอเตอร์ไซค์ที่แล่นเข้ามาจอดนั้น ไม่ต้องเดาเต็มใจก็รู้ว่าเป็นรถใคร สองหนุ่มน้อยวิ่งตรงเข้ามาหา คนตัวเตี้ยกว่าพยายามวิ่งแซงแต่ไม่สำเร็จ หนุ่มร่างสูงที่มาถึงตัวก่อนจับสองมือของเธอไปเขย่า

“พี่เต็ม ผมติดโควตาวิศวะมช. แล้วละพี่ เจ๋งปะล่ะ”

“นี่ๆ อย่ามาอำพี่นะยะ ถ้าอำกันละ เอาตายเลย” เธอปราม ก่อนมองเลยไปยังอีกหนึ่งหนุ่มที่ตามเข้ามาติดๆ สีหน้าตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน เธอถามออกไป ในใจนั้นลุ้นเต็มที่ “แล้วฆ้องล่ะ ติดมั้ย”

“พลาดได้ไงพี่ ผมก็ติดวิศวะเหมือนกัน ไม่เห็นต้องตื่นเต้นออกนอกหน้าแบบไอ้ตั้ง มันน่ะชอบเว่อร์ พอเห็นประกาศในเว็บมันก็บึ่งมอ’ไซค์มาหาพี่ก่อนเลย”

เต็มใจเคยชินเสียแล้วกับการที่สองหนุ่มเพื่อนซี้ซึ่งอันที่จริงต่างวัยกันเล็กน้อยจะสนิทสนมกันขนาดนี้ ตั้งใจอายุน้อยกว่าฆ้องหนึ่งปี แต่เพราะเขาเรียนเก่ง ได้เลื่อนชั้นตอนอยู่ประถม จึงทำให้ได้เรียนชั้นเดียวกัน

“เร็วเข้า ไปบอกป้าคำกันเถอะ แต่เตือนก่อนนะ เบาๆ กันหน่อย เด็กๆ นอนกลางวันกันอยู่” เธอชักชวน

อันที่จริงเต็มใจรู้ดีว่าไม่ต้องเตือน สองหนุ่มก็รู้อยู่แล้วว่าช่วงบ่ายอย่างนี้ เด็กๆ ในบ้านปันน้ำใจจะนอนกลางวันกันเป็นส่วนใหญ่ โดยมีคำปันนั่งทำบัญชีหรือไม่ก็งานฝีมืออยู่ตรงโต๊ะระหว่างที่ดูแลเด็กไปด้วย

“งั้นเอางี้ เดี๋ยวผมไปลากป้าคำออกมาเฮกันที่นี่ดีกว่า”

พูดจบตั้งใจก็ผละจากไป เต็มใจหันไปคุยกับหนุ่มน้อยที่ยืนยิ้มอยู่

“เป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายปีของบ้านเราเลยนะฆ้อง ที่จริงสอบโควตานี่ก็ดีอย่าง รู้ผลเร็วมาก ต้นมกราก็รู้แล้วว่าได้เรียนมช. หรือเปล่า พี่ดีใจด้วยที่เราสองคนทำได้ทั้งคู่ เหลือเชื่อจริงๆ”

“ไอ้ที่เหลือเชื่อน่ะก็คงเป็นผมเนี่ยแหละ โชคดีที่ไอ้ตั้งมันช่วยติวให้ เห็นแบบนั้นมันเก่งมากนะพี่ ไม่งั้นมันไม่ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งฟิสิกส์ที่กรุงเทพฯ หรอก”

“พี่ละง้งงงนะ คนฮาๆ แบบตั้งเนี่ยนะจะเรียนเก่ง บางทีก็ไม่อยากเชื่อ”

เต็มใจนึกภาพเด็กชายกะโปโลที่เติบโตมาด้วยกันจนตอนนี้เขากลายเป็นหนุ่ม ความสูงแซงเธอไปอย่างรวดเร็ว

“ผมว่ามันเป็นเด็กเรียนที่เกรียนที่สุดแล้วละพี่” เสียงหัวเราะของทั้งคู่ยังไม่สิ้นสุดดี ร่างผอมบางของหญิงสูงวัยก็ถูกตั้งใจพามาตรงห้องรับแขกด้านหน้า สองหนุ่มประสานเสียงกันดังลั่น

“เราติดโควตาวิศวะทั้งคู่เลยป้า!”

“หา! จริงเหรอเนี่ย เจ้าทโมนสองตัวกำลังจะเข้ามหา’ลัย นี่ติดโควตากันได้ไง เห็นใครๆ ว่ายากนี่นา”

“ไม่เกินฝีมือเราหรอกป้า” ฆ้องยืดอกบอกอย่างภาคภูมิ ก่อนแจ้งข่าวที่ดีกว่านั้น “ที่สำคัญนะ ไอ้ตั้งสอบได้คะแนนสูงสุดด้วย”
คนเพิ่งถูกเปิดเผยข่าวดีดูไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควร เขายักไหล่ ก่อนบอกด้วยน้ำเสียงกวนๆ ตามประสา

“ชิลชิล ครับ ผมแค่ทำเต็มความสามารถ”

เต็มใจรู้ดีว่าเด็กหนุ่มทำเพื่อสร้างบรรยากาศเท่านั้น ลึกๆ แล้วตั้งใจเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน โตมาด้วยกันขนาดนี้เธอย่อมรู้จักเขาดี

“หมั่นไส้นักเชียว เอาละๆ ป้าดีใจด้วยนะ งานนี้ต้องฉลองแล้ว ใครอยากกินอะไรบอกมาเลย มื้อเย็นป้าจะทำเลี้ยง เต็มที่”
เป็นที่รู้กันว่าการเลี้ยงฉลองด้วยอาหารที่ทำเองถือว่าพิเศษสุดแล้วสำหรับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเล็กๆ แห่งนี้ การออกไปกินอาหารข้างนอกไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องการ นอกจากสิ้นเปลืองแล้วยังไม่อร่อยเท่าฝีมือคำปันอีกด้วย

“ผมขอแกงฮังเลยืนพื้นไว้ก่อนเลย ป้าคำทำอร่อย”

ตั้งใจบอกแล้วตรงเข้าไปกอดเอวอย่างประจบ ใครๆ ก็รู้ว่าหนุ่มน้อยคนนี้คำปันรักเหมือนลูกแท้ๆ เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด เขาถูกพ่อแม่นำมาวางทิ้งไว้ตรงหน้าประตูบ้านปันน้ำใจ...ไม่ต่างจากเต็มใจ ส่วนฆ้องนั้นเข้ามาทีหลัง เขาถูกญาติๆ ซึ่งไม่มีปัญญาเลี้ยงเมื่อพ่อแม่ของเขาตายไป นำมาฝากไว้ที่นี่

“แล้วฆ้องอยากกินอะไร คนสอบติดต้องได้เลือกเต็มที่” คำปันถาม รอยยิ้มภาคภูมิระบายทั่วใบหน้า

“ผมอยากกินแอ็บอ่องออ ครับ ทำยากไปรึเปล่าป้า”

“ยากแค่ไหนป้าก็จะทำให้กิน โอกาสพิเศษขนาดนี้ป้าทุ่มทุน น่าดีใจนะ เด็กกำพร้าจากบ้านเรากำลังจะเรียนปริญญาตรีอีกสองคน หลังจากเต็มจบพยาบาลมา ป้าภูมิใจมาก”

ปลายเสียงสั่นเล็กน้อยทำให้เต็มใจและฆ้องเข้าไปกอดแขนป้าไว้คนละข้าง ในขณะที่ตั้งใจโอบเอวให้แน่นขึ้นอีกนิดพร้อมเอ่ย

“พวกเรารักป้านะ และจะไม่ทำให้ป้าผิดหวังเป็นอันขาด เดี๋ยวพอผมกับฆ้องเรียนจบ เราจะส่งเงินให้ป้าใช้ เผลอๆ อาจมีบางส่วนเอาไปช่วยเลี้ยงเด็กๆ ได้อีก”

“ยังไม่ต้องคิดไกลขนาดนั้นหรอกเจ้าตั้ง พยายามหาทุนเรียนกันให้จบป้าก็พอใจแล้ว เราสามคนน่ะเก่งกันเอง ตั้งใจเรียน ตอนมัธยมก็ได้ทุนกันมาตลอด ผลักดันตัวเองจนได้ ป้าไม่ได้มีส่วนด้วยหรอก”

นานๆ ทีจะพูดจริงจังในเรื่องนี้ เต็มใจซาบซึ้งจนบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเด็กหนุ่มตัวสูงบอกหญิงสูงวัย

“ตั้งรักป้านะ พี่เต็มกับฆ้องก็ด้วย ขอบคุณป้าที่เลี้ยงพวกเรามา เราเป็นสามผู้โชคดีที่ป้าไม่ส่งต่อไปที่บ้านอื่น ไม่ยอมให้ใครเอาไปอุปการะอีกต่างหาก เพราะพวกเราน่ารักใช่มั้ยล่ะป้าเลยเก็บไว้แล้วขี้ตู่ว่าเป็นลูกซะเลย”

“ใครบอกแก ป้าว่าเป็นเพราะไม่มีใครเห็นความน่ารักของพวกแกเลยต่างหากล่ะ ไม่มีใครเขาเอาสักคน เลยต้องสุมหัวกันอยู่ที่นี่แหละ”

เสียงหัวเราะประสานกันดังลั่นห้องรับแขก หากใครคิดว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต้องเต็มไปด้วยความรันทดหดหู่ ต้องเปลี่ยนความคิดทันทีถ้าได้มาที่บ้านปันน้ำใจ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความสุข ความมีชีวิตชีวาและสีสันเกินคาด...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะสองหนุ่มนี้ ตั้งใจนั้นขึ้นชื่อเรื่องจอมทะเล้น ขี้เล่น กวนๆ ส่วนฆ้องเคร่งขรึมกว่าแต่ก็ปากจัดได้ใจ ไม่อยากเชื่อว่าสีสันของบ้านจะทำผลงานออกมาได้ดีขนาดนี้...

_______________________________________________________________


“พี่เต็ม พรุ่งนี้เข้าเวรเช้าเหรอ ผมไปส่งนะ”

เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากด้านหลัง เต็มใจรีบพับจดหมายในมือแล้ววางลงบนโต๊ะม้าหิน

“ใช่ เวรเช้าเข้าแปดโมง พี่คงต้องออกแต่เช้าหน่อย ตั้งไปส่งก็ดีเหมือนกัน”

“มื้อเย็นตะกี้อร่อยเนอะพี่ อิ่มแปล้กันทุกคน นี่ไอ้ฆ้องขอตัวไปนอนตีพุงเล่นละ” คนพูดทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้าม

“ฝีมือป้าคำไม่ตกเลย ถ้าบอกว่าสมัยสาวๆ แกขายกับข้าวก็ยังเชื่อนะ ใครจะนึกว่าแกเคยเป็นครูสอนภาษาไทยมาก่อน”

เต็มใจชวนคุย ยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าตั้งใจกับฆ้องย้ายไปอยู่ที่หอพักนักศึกษาในมหาวิทยาลัย บ้านปันน้ำใจจะเงียบเหงาขนาดไหน

“นั่นสิพี่ ป้าแกเสียสละเนอะ บ้านกับที่ดินกลางหุบเขาสวยๆ ของตระกูลแบบนี้ แกเอามาทำสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉยเลย แกใจบุญจริงๆ” ตั้งใจหันไปมองบ้านไม้สองชั้นทาสีเขียวเย็นตาซึ่งเขาอยู่มาตั้งแต่เกิด

“ถ้าไม่มีคนแบบป้า พวกเราคงไม่มีชีวิตมาได้ขนาดนี้หรอก” หญิงสาวสบตาชายหนุ่ม แค่เห็นแววตาเธอเขาก็โวยวาย

“อีกแล้วนะพี่ มาโหมดเศร้าอีกละ ไม่เอาน่า คุยเรื่องสนุกๆ กันดีกว่า” ตั้งใจละสายตาจากใบหน้าของเธอไปยังกระดาษแผ่นบางสีชมพูบนโต๊ะม้าหิน บอกต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น รู้ทันจนน่าหมั่นไส้ “แน่ะ! นั่นกระดาษอะไรวางแอบๆ ไว้บนโต๊ะน่ะ อย่าบอกนะว่าจดหมายรัก”

เต็มใจใจหายวาบ...จดหมายรัก? จะว่าไปแม้ไม่มีคำบอกรักอะไรมากมายในถ้อยความ แต่เธอก็ต้องยอมรับว่านี่คือจดหมายรัก ส่งมาจากชายนิรนามต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ทุกเดือนเธอได้รับจดหมายจากเขาหนึ่งฉบับ ภาษาที่ใช้งดงามปลุกปลอบให้กำลังใจได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าบอกว่าจดหมายเหล่านั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอไปแล้วก็คงใช่

“จดหมายรักบ้าบออะไร ไม่ใช่สักหน่อย” หญิงสาวโวยวายกลบเกลื่อน

“ถ้าไม่ใช่ก็เอามาให้ผมอ่านหน่อยสิ” หนุ่มน้อยไม่พูดเปล่า เขาเอื้อมมือมาคว้ากระดาษบนโต๊ะ แต่เต็มใจไวกว่า เธอคว้ากลับมาได้ทัน

“โหย ดูดิ หวงซะด้วย แล้วนั่นอะไร กระดาษสีชมพูอีกต่างหาก ยังมีอีกเหรอสมัยนี้ ที่ติดต่อกันทางจดหมายน่ะ ใช้อีเมลไม่ไวกว่าเหรอพี่”

“แต่จดหมายได้อารมณ์กว่า” เธอเถียงเต็มปากเต็มคำ เพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

“แน่ะ! ยอมรับแล้วสิว่าจดหมายรัก แต่ระวังนิดก็แล้วกัน ผู้ชายแมนๆ ที่ไหนจะใช้กระดาษสีชมพูอ่อน ระวังโดนเก้งหลอกนะพี่ ขอผมดูหน่อยสิ ใครมาจีบพี่สาวผมต้องผ่านด่านผมไปก่อน”

“เอ๊ะ! ไม่ได้นะตั้ง เรานี่ ไม่มีมารยาทเลย เดี๋ยวตีตาย” เธอถลึงตาใส่ อีกฝ่ายกลับหัวเราะลั่น

“ดุอีกแล้ว ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ ผมโตแล้ว”

“ชิ! โตยังไงก็ยังเด็กกว่าพี่ห้าปีเท่าเดิม พี่ไปนอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า”

หญิงสาวตัดบทก่อนผละจากมา เรื่องจดหมายปริศนานี้อันที่จริงเธอไม่อยากให้ใครรู้เลย เกรงจะโดนล้อว่าเป็นคนเพ้อฝันไร้สาระ แต่ใครจะเข้าใจว่าชีวิตเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งนั้นอ้างว้างเดียวดายขนาดไหน การมีจดหมายลึกลับส่งมาให้กำลังใจโดยไม่ต้องได้เจอหน้ากันจึงเป็นเรื่องพิเศษสุดที่เกิดขึ้น และเธอก็พอใจให้เป็นเช่นนี้

เต็มใจไม่เคยรู้ชื่อที่อยู่ผู้ส่ง รู้เพียงว่าตราไปรษณีย์ที่ปั๊มลงบนซองนั้นบอกว่าส่งจากตัวเมืองเชียงใหม่เท่านั้น แม้จะเคยอยากรู้ว่าใครเป็นคนส่ง แต่เมื่อลองพยายามสืบแล้วไม่สำเร็จเธอก็ปล่อยเลยตามเลย ได้แต่รอคอยจดหมายที่ใช้วิธีการพิมพ์จากเขาทุกเดือน บางครั้งยังนึกอยากให้เขาเขียนด้วยลายมือ เผื่อจะพอเดาได้ว่าเขาคือใคร

แต่ปริศนาบางเรื่อง ถ้าคงไว้แล้วทำให้ความอบอุ่นในหัวใจไม่คลายลงก็ดีเหมือนกัน เธอจึงปล่อยให้เขาอยู่ในจินตนาการ แอบผูกพันกับเขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเรื่อยมา

____________________________________________________


อากาศหนาวเย็นในยามเช้าดูจะไม่เหมาะกับการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปไหนๆ แต่เต็มใจกลับชอบความรู้สึกนี้ ไออุ่นจากแผ่นหลังของคนขับแผ่มาบางๆ เคยคิดเล่นๆ ว่าถ้าเขาเป็นหนุ่มรู้ใจ เธอคงกอดเอวเขาแน่นๆ ซุกซบใบหน้าลงบนหลังกว้างนั้น...แต่นี่เป็นแผ่นหลังของน้องชายที่โตมาด้วยกัน แม้จะกว้างขึ้นจนน่าประหลาดใจในระยะหลัง แต่ยังไงก็ยังเป็นของเจ้าตั้งจอมซนคนเดิม

“ดอกนางพญาเสือโคร่งเริ่มบานแล้วนะพี่ ปีนี้ไปเที่ยวขุนวางกันอีกมั้ย” คนถามหันมาสบตาแวบหนึ่ง มือยังจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์แน่น

“ไม่เบื่อรึไงยะ ไปมาสองปีติดกัน ถ้าปีนี้ไปอีกก็ปีที่สามแล้วนะ”

“ไม่เบื่อเลยครับพี่ ผมชอบที่นั่นมาก ยิ่งเห็นพี่ไปทีไรก็มีความสุข ยิ้มได้ทุกครั้งก็ยิ่งอยากพาไป ผมชอบรอยยิ้มของพี่”

“กินยาผิดรึเปล่า ทำไมวันนี้พูดจริงจังแปลกๆ” เธอท้วง

“พี่จะให้ผมตลกตลอดได้ไง ผมพูดเป็นงานเป็นการก็ได้นะ” ยังคงมีเสียงหัวเราะปิดท้ายเช่นเคย ตามประสาคนอารมณ์ดี
ถ้าจะมีบางสิ่งที่ดึงดูดให้เต็มใจอยากกลับไปที่ขุนวางบ่อยๆ ก็น่าจะเป็นเพราะกลีบดอกนางพญาเสือโคร่งที่ถูกทับจนแห้งซึ่งใส่มากับซองจดหมายทุกซองนั่นแหละ เธออยากรู้ว่าคนส่งต้องการสื่อความหมายอะไรหรือเปล่า...หรือว่า

“เจ้าตั้ง! นี่เธอเป็นคนส่งจดหมายให้พี่ทุกเดือนใช่มั้ย”

“เฮ้ย! จดหมายอะไรพี่ อย่าบอกนะว่าจดหมายรักสีชมพูของพี่น่ะ ผมคงไม่กล้าทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นหรอก ถ้าจะติดต่อถึงพี่ คุยโดยตรงหรืออีเมลไปคุยไม่สะดวกกว่าเหรอ จดหมายน่ะ มันเชยมากนะ พี่คิดว่าเหมาะกับคนรุ่นใหม่อย่างผมเหรอ”

“นั่นสิ ก็คิดอยู่ว่าไม่น่าใช่” เธอรำพึงเบาๆ

“บอกให้ลองเอามาให้ผมอ่านก็ไม่เชื่อ ผมจะได้ช่วยสืบว่ามันจดหมายใครกันแน่”

“ไม่ต้องมายุ่งเลย”

เต็มใจบอกปัด นึกโล่งใจที่มอเตอร์ไซค์แล่นมาถึงหน้าแฟลตพยาบาลพอดี หญิงสาวรีบลงจากรถ โบกมือลา

“ส่งแค่นี้พอ ขอบใจนะตั้ง”

“เรื่องไปดูนางพญาเสือโคร่งบานว่าไงพี่ มันไม่ได้บานให้ชมอยู่นานนะ ช่วงนี้กำลังสวย เพื่อนผมไปพิสูจน์มาแล้ว”

คนคร่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ยังชวนคุยไม่หยุด ชวนให้นึกถึงตอนที่เต็มใจไปส่งเขาที่โรงเรียนอนุบาลทุกเช้า เด็กชายตั้งใจจะงอแง ทำเป็นคุยโน่นคุยนี่ถ่วงเวลาไม่ให้เธอรีบกลับ

“สงสัยจะไปไม่ได้ งานพี่ยุ่งมาก ปลีกตัวแทบไม่ได้ งานพยาบาลมันมีการเข้าเวร พี่ไม่อยากวิ่งแลกเวรยุ่งยาก เกรงใจคนอื่นน่ะ”

“งั้นก็ตามใจครับพี่ แต่เห็นเขาว่าปีนี้ดอกดก งามจริงๆ นะ” เขายังคงพยายามโน้มน้าว

“รอปีต่อไปละกัน” เธอบอกปัดทั้งที่ใจอยากไปมาก แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เธอเริ่มทำงาน ไม่อยากลาหรือแลกเวรให้วุ่นวาย

“ผมไปละ”

ตั้งใจตัดบทพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้ แววตาคมแฝงแววประหลาดซึ่งเต็มใจไม่อยากคิด พยายามทำเป็นไม่สนใจ ตั้งแต่เขาเข้าวัยรุ่น สายตาบางแวบที่หนุ่มน้อยมองมานั้นปนความรู้สึกบางอย่างที่หญิงสาวต้องบอกตัวเองเสมอว่า...คิดไปเอง

__________________________________________________________

“ไอ้ตั้ง แกชอบพี่เต็ม ข้ารู้นะ”

“เฮ้ย! พูดอะไรบ้าๆ ข้าไม่มีวันคิดแบบนั้นหรอก พี่เต็มเป็นพี่สาวพวกเรานะโว้ย” คนโดนกล่าวหาโวยวายลั่นห้องนอนที่ทั้งคู่พักด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

“แล้วไงล่ะ พี่สาวแค่ห้าปี แถมพี่เต็มหน้าเด็กยังกับอะไร ใครๆ ก็รู้ สวยหวานน่ารักขนาดนั้น อีกกี่ปีถึงจะแก่ เผลอๆ พวกเราจะแก่แซงแกไปก่อน ถ้ารักจริงก็ต้องลองนะ”

ฆ้องตบบ่าเขาเบาๆ แววตาจริงใจที่เพื่อนส่งมาทำให้ตั้งใจอดซาบซึ้งไม่ได้ จะว่าไปฆ้องเป็นเพื่อนที่รู้ใจเขาที่สุด การเติบโตมาด้วยกันในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้สร้างสายใยผูกพันแน่นหนาจนเขารู้สึกได้

“ไม่หรอกฆ้อง ข้าไม่กล้าคิดหรอกว่ะ”

ตั้งใจยังคงทำเสียงแข็ง เขาไม่มีวันเปิดเผยความในใจออกมาง่ายๆ...ความรัก บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ ไม่ว่าจะกับเจ้าตัวหรือกับผู้คนรอบข้าง แค่ที่เขาพูดทีเล่นทีจริงหยอกเย้าไปเรื่อยนี่ก็มากเกินควรแล้ว

“อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะไอ้จดหมายประหลาดที่ส่งมาหาพี่เต็มทุกเดือนนั่น กลัวอะไรวะกับผู้ชายที่ไม่มีตัวตน เรานี่สิของจริง ถ้ารักแล้วไม่ลองสานต่อ จะรู้ได้ไงว่าสำเร็จมั้ย”

นานทีปีหนที่สองหนุ่มจะนั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ คาดว่าฆ้องเองก็คงคิดอยู่นานกว่าจะเอ่ยปากออกมาได้

“ไม่เด็ดขาด พี่เต็มเป็นพี่สาวข้า พี่สาวแก เราโตมาด้วยกัน” คนพูดยืนยันเพื่อเตือนตัวเองไปด้วย

“ตามใจนะ ทีเรื่องอื่นละเก่งนัก ทีเรื่องนี้ทำป๊อด แล้วเอาไง วันเกิดแกกับพี่เต็มปีนี้ กะทำเซอร์ไพรส์อะไรหน่อยมั้ย ไหนๆ ก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกขั้น จะเข้ามหา’ลัยแล้ว” หนุ่มผิวเข้มหน้าคมเลิกเซ้าซี้พร้อมเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา

“คงไม่ดีกว่า ตอนแรกกะว่าจะชวนไปขุนวางดูดอกไม้บานด้วยกัน แต่พี่เขาปฏิเสธมาแล้ว” น้ำเสียงเศร้าจนได้ แม้พยายามฝืนเพียงใดก็ตาม

“งั้นก็จัดงานกันที่บ้านเนี่ยแหละ ขอป้าคำ อ้างไปว่าปีนี้พิเศษสุด ฉลองที่พวกเราติดโควตาพร้อมวันเกิดของแกกับพี่เต็มไง ตอนพี่เต็มเรียนจบ เราไม่ได้จัดงานฉลองเลยนะ เด็กๆ ต้องดีใจ ตื่นเต้นกันแน่ๆ”

“นั่นสิ น่าสน ก็ไม่ต้องจัดอะไรมากมาย แค่ให้เด็กๆ ได้สนุกกันบ้างก็ดี มีลูกโป่งสีสวยๆ มายืนพื้นไว้ก่อน เดี๋ยวข้าไปขอป้าคำเอง รับรองป้าอนุญาต” ตั้งใจบอกอย่างมั่นใจ

“แหงสิวะ ไอ้ลูกรักของป้าคำ คิดแล้วน่าอิจฉาว่ะ” หน้าตาคนพูดไม่แสดงอาการอย่างที่บอกสักนิด

“อิจฉาทำเตี่ยอะไรวะ ที่ข้าได้รับความรักก็เพราะข้าถูกทิ้งไว้หน้าประตูแถมพ่อแม่ไม่เคยมาหา...แกกับพี่เต็มซะอีกหลังๆ ยังมีญาติมาแสดงตัวบ้าง ถึงจะไม่รับกลับไปเลี้ยงก็เถอะ”

“อืม งั้นแกรีบไปขอป้าเหอะนะ” ฆ้องตัดบท

ทั้งสองพยายามไม่พูดถึงเรื่องหดหู่ ไม่ว่าชีวิตจริงจะน่าเศร้าเพียงใดก็พยายามทำให้บรรยากาศของบ้านดูดีไว้ก่อน บ้านปันน้ำใจแห่งนี้จึงไม่เหมือนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งใดในโลก ที่นี่เต็มไปด้วยความรัก เสียงหัวเราะและความอบอุ่นอย่างยิ่งกว่าบ้านบางหลังด้วยซ้ำไป



_____________________________________________________________



ดาริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2557, 05:46:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2557, 05:52:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 2549





   ตอนที่ 2 >>
Oleang 6 ก.พ. 2557, 07:42:57 น.
มาเป็นกำลังใจค่า


วรรษา 6 ก.พ. 2557, 07:44:55 น.
ซีรี่ย์หอมลมหวนรึเปล่าคะนี่


หมีสีชมพู 6 ก.พ. 2557, 12:25:36 น.


แมวเหมียวก้อย 8 ก.พ. 2557, 18:04:43 น.
แวะมาโหวตค่าา ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account