ลมหวนรัก(จบแล้วค่ะ)
เธอ...หญิงสาวผู้อ่อนหวานและอ่อนไหว ควรลงเอยกับผู้ชายที่เข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ความรักไม่ปล่อยให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขนาดนั้น ส่งโจทย์ยากมาให้ด้วยสองชายหนุ่มที่แตกต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งเป็นคุณหมอหนุ่มแสนดี และมีในทุกสิ่งที่ผู้หญิงทั้งโลกต้องการ อีกคนยียวน แสนกวน แต่มั่นคงในรัก เธอเปิดใจให้ชายคนแรกเพราะความเหมาะสม ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่เธอรักเหมือนน้องชายก็เข้ามากร่อนกำแพงหัวใจไม่หยุด นานวันเข้า...หัวใจก็เริ่มลังเล เมื่อหัวใจเลือกได้เพียงหนึ่ง...เธอจะเลือกใคร ชายในฝันของใครๆ หรือหนุ่มรุ่นน้องที่เธอปฏิเสธนักหนาว่า "ไม่มีวัน"
Tags: ดอกนางพญาเสือโคร่ง

ตอน: ตอนที่ 2

ชวนคุยก่อนอ่านค่าาาาา ^____^

ดาริยา ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและทุกคอมเมนต์นะคะ ต้องยอมรับว่าที่นี่เป็น "ที่เกิด" ของดาริยา เอานิยายมาลงตั้งแต่สมัยเริ่มแต่งใหม่ๆ เมื่อหลายปีมาแล้ว ปลาบปลื้มกับมิตรภาพของทุกคนที่นี่ สื่อสารกันอย่างน่ารัก

ก่อนนำนิยายเรื่องนี้มาลง มีหลายความเห็น เข้ามาแนะนำในการนำนิยายลงเว็บในปัจจุบัน เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าระยะหลังมีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้วิธีการต่างๆ ทำให้นักเขียนไม่ค่อยกล้าลง

แต่การที่ให้นักอ่านได้ลองอ่าน ได้สัมผัสตัวอักษรในวงกว้าง แลกเปลี่ยนความรู้สึกกัน ได้รู้จักกันนั้นมีเสน่ห์มาก จนดาริยาหักห้ามใจไม่ไหว ดังนั้น "ลมหวนรัก" จึงถูกนำเสนอ โดยตั้งใจว่าจะ "รีบมา รีบไป" หลายเสียงแนะนำว่าปัจจุบันนักเขียนใช้วิธี "ลงไป ลบไป" ซึ่งดาริยากำลังคิดว่าจะหาวิธีการอย่างไรดี จึงจะเหมาะสม

จึงขออนุญาตเรียนล่วงหน้าว่า หากมีเวลาและอยากติดตามก็เข้ามาอ่านได้เลยนะคะ และน่าจะมีการทยอยลบตอนแรกๆ ไปเรื่อยๆ ค่ะ ต้องขออภัยมากๆ เลยในความไม่สะดวก

แต่ที่ตั้งใจและทำมาทุกครั้งคือ ถ้าเริ่มลง จะลงจนจบ สำหรับคราวนี้ก็เช่นกันค่ะ แต่อย่างที่บอกว่า...มาเร็ว ไปเร็ว... แน่ๆ เลยค่ะ ... ทั้งที่ไม่อยากทำ >0<

ขอบพระคุณกำลังใจที่ทุกท่านมอบให้ดาริยามาโดยตลอด หวังว่าคงมีความสุขกับนิยายหวานๆ เรื่องนี้ ^0^

ด้วยรัก

จาก ดาริยา

__________________________________________________________











เมื่อหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนังห้อง เต็มใจก็ต้องเร่งมือ ผมยาวถูกรวบเก็บไว้ในหมวกอย่างเรียบร้อย ก้มลงสำรวจชุดพยาบาลสีขาวสะอาดอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีจึงเตรียมจะออกจากห้อง หันไปมองรูมเมตยังนอนอุตุอยู่ เนื่องจากเมื่อคืนยุวดีอยู่เวรจนถึงเที่ยงคืน กว่าจะได้นอนไม่ต่ำกว่าตีหนึ่ง หญิงสาวจึงไม่อยากรบกวนเพื่อน ประตูห้องจึงถูกปิดลงอย่างเบามือ

ลงบันไดแล้วเต็มใจก็ก้มหน้าก้มตาเดินออกจากแฟลตด้วยความเร่งรีบ ไม่อยากเข้างานสาย ปกติเธอจะไปถึงก่อนสักครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อยเพื่อเตรียมเครื่องมือต่างๆ แต่นี่มันเจ็ดโมงสี่สิบเข้าไปแล้ว

ระยะทางจากแฟลตพยาบาลมาถึงตัวตึกรับผู้ป่วยส่วนหน้าดูจะไกลมากในวันนี้ หญิงสาวแทบวิ่งเมื่อนึกถึงเสียงเข้มของประภา หัวหน้าพยาบาลแผนกอายุรกรรมที่กำชับไว้เมื่อวาน

‘อย่าลืมนะ พรุ่งนี้เช้าคุณหมอธชาจะมาทำงานเป็นวันแรก พี่ต้องแนะนำให้พยาบาลทุกคนได้รู้จักอย่างเป็นทางการ พี่เองก็ยังไม่รู้ว่าแกจะเฮี้ยบขนาดไหน ประวัติคร่าวๆ จบอายุรกรรมและทำงานในโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นมาพักหนึ่ง แล้วก็ย้ายมาที่นี่ อายุน่าจะสักสามสิบสอง’

‘ยังหนุ่มอยู่เลย ทำไมย้ายมาอยู่โรงพยาบาลชุมชนแบบนี้ อยู่โรง’บาลศูนย์ก้าวหน้ากว่าตั้งเยอะ’

ยุวดีซึ่งเป็นพยาบาลใหม่เอ่ยแทรก คงลืมนึกไปว่าตัวเองก็เพิ่งย้ายจากโรงพยาบาลเอกชนสุดหรูมาทำงานที่นี่เหมือนกัน ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง เต็มใจเชื่อเช่นนั้น

‘อย่าลืมนะยะ ว่าโรงพยาบาลเราขยายใหญ่ขึ้นทุกที ตอนนี้ก็มีร้อยยี่สิบเตียงเข้าไปแล้ว ต้องภาคภูมิใจนะ เราเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ งบก็เยอะ แพทย์จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ’ ประภาประกาศอย่างภาคภูมิ เรื่องการรักองค์กรไม่มีใครเกินพยาบาลสาวใหญ่คนนี้

‘อ๋อ ค่ะ’ สาวหน้าหมวยร่างท้วมรับคำเบาๆ เป็นที่รู้กันว่าไม่ควรต่อปากต่อคำกับพยาบาลสาวโสดอาวุโสซึ่งเวลาดุก็ดุใจหาย เต็มใจซึ่งมาทำงานที่นี่ได้เกือบปีรู้หมดแล้วถึงวิธีทำตัวให้ไม่ขวางหูขวางตาหัวหน้า เธอจึงเลือกที่จะรับคำสั่งอย่างเดียวมากกว่า

การประชุมอย่างไม่เป็นทางการของเหล่าพยาบาลในแผนกเมื่อวานทำให้เต็มใจออกจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยกับการต้อนรับคุณหมอหนุ่มในเช้านี้...และเธอกำลังจะไปสาย!

เกือบจะถึงแผนกอายุรกรรมอยู่แล้ว พยาบาลสาวเร่งฝีเท้าเต็มที่จนผ่านมาตรงมุมตึก เลี้ยวขวาอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงจุดหมาย แต่ร่างบอบบางกลับชนเข้ากับอะไรบางอย่างเต็มแรง เป็นเพราะจำได้ว่าไม่มีตู้ทำน้ำเย็นตรงมุมนี้ เธอจึงเดินเลี้ยวเข้ามาโดยไม่ได้ระวัง

หญิงสาวเซถลา แทบเรียกได้ว่า ‘กระเด็น’ ถอยหลังจนเกือบล้มไม่เป็นท่า ดีที่มีมือแข็งแกร่งรั้งตัวเธอไว้ แล้วฉุดไปด้านหน้า ร่างบอบบางปะทะกับ ‘บางอย่าง’ อีกครั้ง แต่คราวนี้ด้วยความนุ่มนวล หญิงสาวหลับตาปี๋ มุกเดินชนกันตรงมุมตึกนี่มันสุดแสนเชย ที่สำคัญ คนที่เธอชนเต็มแรงต้องไม่ใช่ชายหนุ่มหล่อแน่ ไม่เป็นเวรแปลที่เข็นคนไข้มาก็บุญแค่ไหนแล้ว

“ขอโทษค่ะ”

คำนี้หลุดปากออกไปทันที เพราะรู้ดีว่าตนผิดเต็มประตูก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองคู่กรณี

“ไม่เป็นไรครับ”

เสียงทุ้มเรียบๆ นั่นคงไม่ทำให้หัวใจเธอสั่นได้ขนาดนี้ หากคนพูดจะหล่อน้อยกว่านี้สักหน่อย หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้หญิงสาวยังอดนึกแบบติดตลกไม่ได้...เอาละ! อย่างน้อยในช่วงชีวิตหนึ่งของวัยสาวเธอก็เคยเดินชนกับหนุ่มหล่อมาแล้วละน่า มันไม่ได้มีแค่ในนิยายเสียหน่อย

สติกลับมาทันทีเมื่อได้ยินฝ่ายตรงข้ามพูดตอบกลับมาเบาๆ

“ผมก็ต้องขอโทษคุณด้วย รีบไปหน่อย ไม่ทราบแผนกอายุรกรรมไปทางไหนครับ”
แผนกอายุรกรรม! อย่าบอกนะว่า...

“เลี้ยวขวาแล้วตรงไปอีกนิดก็ถึงแล้วค่ะ” ขณะบอก เต็มใจก็อ่านตัวหนังสือสีเขียวที่ปักบนอกขวาของเสื้อกาวน์เขาไปด้วย

นพ. ธชา จิรากรกุล!

หญิงสาวรีบก้มหน้าหลบสายตา...เจริญละฉัน! วิ่งชนคุณหมอคนใหม่ตั้งแต่วันแรกที่เขามาทำงาน ถ้าเขาดุเหมือนหมอคนอื่น วันนี้เธออาจโดนเทศนาเรื่องมารยาทและการทำงานตรงต่อเวลา รู้ๆ อยู่ว่าเป็นพยาบาล อย่างไรก็ควรถึงที่ทำงานก่อนหมอ

หญิงสาวกำลังจะหลบฉากไป แต่แล้วเสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เอ๊ะ คุณ!”

สีหน้าแววตาฉงนสนเท่ห์ของธชา ทำให้เธอต้องเพ่งพินิจเขาอีกรอบ แล้วทั้งคู่ก็เอ่ยออกมาพร้อมกัน

“คุณนั่นเอง!”

แต่ไม่มีเวลาแล้วละ เต็มใจรีบตัดบท

“ฉันต้องรีบไปทำงาน ด่วนที่สุด แล้วเราค่อยคุยกันวันหลังนะคะ”

พยาบาลสาวผละจากมา ภาพความหลังที่ขุนวางวิ่งเข้าสมองเป็นฉากๆ...นี่เขาจริงๆ ด้วย! สมควรแล้วหรือที่มาเจอกันอีกที่นี่...ไม่สมควรนะ

_____________________________________________________


เป็นเพราะธชานั่นแหละที่ทำให้การแนะนำตัวของเต็มใจวันนี้ดูตะกุกตะกักไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย กว่าจะเสร็จสิ้นการต้อนรับคุณหมอคนใหม่อย่างเป็นทางการก็กินเวลาไปไม่น้อย ทุกคนต้องเริ่มงานทันที ไม่มีเวลาจะพูดคุย คนไข้ก็หลั่งไหลเข้ามาราวกับจะประลองกำลังนายแพทย์หนุ่มหล่อที่เพิ่งเข้ามาทำงานวันแรก

เต็มใจทำหน้าที่ของเธอได้อย่างคล่องแคล่ว แม้จะกดดันนิดๆ ที่บังอาจวิ่งชนชายที่เคยเป็นคู่กรณีกันมาก่อน แต่เธอก็ทำงานที่นี่มานานกว่า ควบคุมทุกอย่างได้ดี ให้เขาเข้าใจไปก่อนว่างานยุ่งยังไม่พร้อมคุย แต่เมื่อใกล้บ่ายโมง ร่างสูงของธชาก็มาปรากฏตรงหน้า ราวกับบังคับอยู่กลายๆ ว่าคราวนี้หนีอย่างไรก็ไม่พ้น

“ฉัน...เอ้อ...เต็มรู้น่าว่าติดหนี้คุณหมออยู่”

ในที่สุดเธอก็เลือกสรรพนามแทนตัวเองได้สำเร็จ หลังจากคิดมาตลอดช่วงเช้า เถอะน่า...อย่างไรเสียเธอก็เป็นผู้น้อย อายุเขาก็แก่กว่าเธอเป็นสิบปีถ้าเป็นอย่างที่คุณประภาบอก ว่าแต่สิบปีเชียวหรือ! นี่เธอหน้าแก่หรือเขาหน้าอ่อนกันแน่ คนอายุสามสิบสองที่มีอาชีพเป็นหมอ ทำไมยังดูมีชีวิตชีวาได้ขนาดนี้นะ

“เราไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อนะ จะได้ถือโอกาสให้คุณช่วยแนะนำร้านอร่อยๆ ด้วย”

ถ้าเป็นหนุ่มอื่นมาชวนกินข้าว รับรองว่าเต็มใจปฏิเสธเสียตั้งแต่เขาอ้าปาก เธอไม่ค่อยชอบสุงสิงกับผู้ชาย ไม่เคยมั่นใจในเรื่องความรักและความสัมพันธ์กับเพื่อนต่างเพศ แต่นี่เป็นเขา...คนที่เธอควรใช้หนี้ให้จบๆ ไป บางทีการเลี้ยงข้าวเขาสักมื้อน่าจะตอบแทนได้หมดภายในวันแรกที่เจอ ดีออก ได้ปลดหนี้เร็วกว่าที่คิด...ผ่านไปแค่แปดปีเอง ไม่สายที่จะตอบแทนบุญคุณหรอกน่า

“ก็ได้ค่ะ คุณหมออยากทานอาหารประเภทไหนคะ เต็มจะได้เลือกถูก”

ทำเหมือนมีร้านให้เลือกเยอะ ทั้งที่จริงๆ แล้ว อำเภอนี้มีร้านดังนับร้านได้ แถมส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมืองซึ่งไม่รู้ว่าเขาจะกินได้หรือเปล่า

“ผมชอบกินข้าวซอย มีเจ้าอร่อยที่จะแนะนำมั้ยครับ”

เขาปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้จะยิ้มอะไรนักหนา คงไม่รู้ตัวเลยสิว่าเป็นเพราะรอยยิ้มกว้างจริงใจนี่แหละ ที่ทำให้เธอจำเขาได้...ผ่านมาเกือบสิบปีแล้วก็ยังไม่ลืม เหลือเชื่อจริงๆ

“ถ้าข้าวซอยละก็ ไม่ยากเลยค่ะ มีเจ้าที่อร่อยที่สุดในอำเภอ อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไหร่ แต่ก็ควรนั่งรถไปค่ะ เดินไปไม่ไหวแน่”

ไม่อยากบอกเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นชวนกินข้าวซอยมื้อกลางวัน เต็มใจไม่มีวันยอมเด็ดขาด เขาคงไม่รู้อีกแหละ ว่าชุดพยาบาลสีขาวของเธอไม่ถูกกันอย่างยิ่งกับข้าวซอยน้ำสีเหลืองข้นๆ เคยมาแล้ว สมัยที่ประสบการณ์ยังน้อย ต่อให้กินสำรวมขนาดไหน เส้นข้าวซอยก็ยังอุตส่าห์ตวัดน้ำแกงมาใส่เสื้อผ้าจนได้ แล้วซักออกยากเป็นที่สุดเสียด้วย

แต่นาทีนี้เธอปฏิเสธไม่ลงในเมื่อออกปากไปแล้วว่าให้เขาเป็นคนเลือกจึงจำต้องเดินนำธชาออกไปนอกแผนก มีสายตานับสิบคู่มองมา เต็มใจพยายามไม่หันกลับไปสบตาทั้งพยาบาลและผู้ช่วยฯ ที่ส่งสายตาเป็นเครื่องหมายคำถาม...อ่านได้ความว่า...ยายเต็มมีสิทธิพิเศษอะไร ถึงได้ไปกินข้าวกับคุณหมอธชา

“รถผมจอดอยู่ด้านหน้า ตามผมมาสิ”

ใครไม่เป็นพยาบาลไม่มีทางรู้ คำพูดของหมอ ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน ลองว่าออกจากปากมาแล้ว พยาบาลเป็นต้องเผลอทำตามไปทุกเรื่องเพราะความเคยชินดังนั้นเต็มใจจึงเดินตามร่างสูงใหญ่ไปต้อยๆ จนถึงรถเก๋งคันเล็กป้ายแดงซึ่งเธอเองเคยใฝ่ฝันอยากได้ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันเป็นจริง รถขนาดกะทัดรัดน่ารัก แต่มั่นใจว่าราคาคงไม่น่ารักด้วยหรอก

จนเข้ามานั่งในรถเธอก็ยังตกตะลึงกับกลิ่นรถใหม่ที่อบอวล ไหนจะอุปกรณ์ตกแต่งภายในที่ดูล้ำสมัย...อาจจะดูไม่ค่อยสมวัยคนอายุสามสิบสองอย่างเขานัก

“รถคันนี้คงไม่ค่อยเหมาะกับผมละสิ ดูคุณทำหน้าเข้า”

ตายละ! เพิ่งรู้ตัวว่าเธอแสดงความรู้สึกออกทางสีหน้ามากขนาดนั้น

“เอ้อ...เปล่านะคะ คันนี้ก็เหมาะกับคุณหมอดีค่ะ สีขาวด้วย เห็นพวกหมอชอบใช้รถสีขาว” เธออ้างไปส่งๆ

“ผมชอบตรงที่ประหยัดน้ำมัน เพราะคิดว่าอยู่อำเภอเล็กอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องมีรถสมรรถนะสูงอะไรมากมาย เอาไว้ขับไปไหนมาไหนใกล้ๆ”

เขาคงไม่ได้กำลังอวดว่าพอไปไหนไกลๆ มีอีกคันหรอกนะ จากน้ำเสียงที่เล่าไม่ได้ดูโอ้อวดแต่อย่างใด

เต็มใจนั่งเกร็งมาตลอดทาง เธอไม่ได้คุยอย่างอื่นนอกจากบอกทางไปร้านข้าวซอยอุ๊ยเป็งซึ่งห่างจากโรงพยาบาลประมาณสามกิโลเมตรได้...แต่ทำไมรู้สึกนานเหมือนสิบกิโลเมตรก็ไม่ปาน

“ร้านนี้แหละค่ะคุณหมอ วันนี้เต็มขอเลี้ยงนะคะ เพื่อตอบแทนคุณหมอคราวนั้น”

รถจอดข้างร้านแล้ว แต่คนขับไม่มีทีท่าจะลงจากรถ เขาเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“นี่คุณยังตั้งมั่นกับการตอบแทนบุญคุณที่ลั่นวาจาไว้ตั้งแต่ยังวัยรุ่นอีกเหรอเนี่ย ลืมมันไปเถอะครับ ที่ผมชวนคุณมากินข้าวด้วยกันก็เพราะไม่รู้จะชวนใคร ผมไม่รู้จักใครที่นี่เลยสักคน นอกจากคุณที่เคยเจอกันครั้งหนึ่ง”

คำว่า ‘ชวนคุณเพราะไม่รู้จะชวนใคร’ ทำเอาคนฟังฉุนขึ้นมานิดๆ แน่ละสิ เขาคงไม่ได้ถูกตาต้องใจเธอตั้งแต่ทำงานด้วยกันวันแรกจนเริ่มความสัมพันธ์ในทันทีหรอก

“ที่ฉัน เอ้อ...เต็มมากินข้าวด้วยก็เพราะมีความจำเป็นเหมือนกัน ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใครนาน”

จำได้ดี...ตอนอายุสิบสี่ เธอกับเพื่อนกลุ่มใหญ่พากันไปเที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่งบนดอยที่ขุนวาง เดินชมจนหนำใจแล้วเธอก็ขอแยกตัวออกมาหาโกโก้ร้อนดื่มแก้หนาว ส่วนเพื่อนๆ พากันไปชมแปลงต้นพีชกันต่อ เต็มใจตั้งใจไว้แล้วว่าอยากลองนั่งดื่มโกโก้อร่อยๆ ในร้านน่ารัก ท่ามกลางบรรยากาศสบาย มองออกไปเห็นต้นซากุระเมืองไทยออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งอยู่ไกลๆ

พอมาถึงร้านก็ต้องอมยิ้ม เมื่อเห็นว่าคิวไม่ยาวอย่างที่คิด เธอปราดเข้าไปต่อแถว ครู่เดียวก็ได้ถ้วยโกโก้ร้อนมาอยู่ในมือ แต่แล้วเต็มใจก็ต้องหน้าซีด หลังจากควานหากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋าผ้าคู่ใจพักใหญ่แต่ไม่พบ เธออึกอักอยู่ครู่หนึ่ง จนได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยออกมา

‘เดี๋ยวผมจ่ายให้ก่อนแล้วกัน คนเริ่มต่อคิวกันเยอะแล้ว จะได้ไม่เสียเวลาคนอื่น’

เต็มใจจำต้องยอมเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวทยอยเดินเข้ามาเรื่อยๆ นึกฉุนนิดๆ กับคำพูดที่ว่า ‘จะได้ไม่เสียเวลาคนอื่น’ แต่เมื่อเห็นสีหน้าคนพูดไม่ได้มีแววตำหนิ ตรงข้ามชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยแจ็กเกตสีเทากับกางเกงยีนเก่าๆ คนนั้นกลับส่งยิ้มกว้างหน้าตาใจดีเป็นที่สุด เธอจึงรีบยกมือไหว้ขอบคุณเขา ยืนรออีกพักหนึ่งจนเขาได้กาแฟร้อนหอมฉุยมาแล้วเธอจึงบอกออกไปเบาๆ ยังอายไม่หายกับประสบการณ์หน้าแตกเมื่อครู่

‘พี่รอหนูตรงนี้แป๊บนึงนะคะ หนูจะกลับไปยืมเงินเพื่อนมาคืนพี่ สงสัยกระเป๋าตังค์หนูจะตกหายน่ะค่ะ’

‘ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ ผมยินดีมอบโกโก้ถ้วยนั้นให้คุณเลย’

‘ไม่ได้ค่ะ หนูไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร’ เธอยืนกราน

‘งั้นเอาเป็นว่า ถ้าเรามีโอกาสเจอกันอีก คุณค่อยเลี้ยงผมตอบแทนละกันนะ แล้วคุณชื่ออะไรล่ะ เผื่อเจอกันอีกที ผมจะได้ทวงถูก’ เสียงพูดทีเล่นทีจริงนั้นกลั้วหัวเราะ ถึงเขาจะใช้สรรพนามเรียกเธอว่า ‘คุณ’ แต่เห็นๆ อยู่ว่าเขามองด้วยสายตาผู้ใหญ่มองเด็กกะโปโลชัดๆ

‘หนูชื่อเต็มใจ’ เธอเอ่ยออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ เขาจะได้จำได้ และทวงบุญคุณถูกคน

‘เต็มใจ’ เขาทวนชื่อเธอ ดวงตาคมเบิกกว้างพร้อมเลิกคิ้วน้อยๆ ไม่รู้ว่าสงสัยอะไร

‘หนูไปละ’

“คุณไม่อยากติดหนี้บุญคุณใครนาน แต่คุณเหม่ออยู่นานมากแล้วนะเต็มใจ เราลงไปกินข้าวซอยกันได้รึยัง”

เสียงทุ้มของธชาเรียกพยาบาลสาวกลับมาสู่ปัจจุบันอย่างรวดเร็ว รีบลงจากรถแทบไม่ทัน

“คนยังไม่เยอะมาก เดี๋ยวเต็มไปสั่งให้ก่อนนะคะ คุณหมอเอาข้าวซอยอะไรดี”

เธอก้าวฉับๆ นำไปยังร้านอุ๊ยเป็งซึ่งมองดูคล้ายบ้านเสียมากกว่า ภายในตัวบ้านตั้งโต๊ะพับง่ายๆ กระจายอยู่ทั่วและยังมีอีกบางส่วนตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ด้านนอกตัวบ้านด้วย

“ขอเป็นไก่ก็แล้วกัน งั้นผมไปจองที่นั่งก่อน”

เต็มใจผละจากร่างสูงไปยังหม้อข้าวซอยหน้าร้าน ยังนึกแปลกใจกับท่าทางสบายๆ เหมือนเคยชินกับการกินอาหารในร้านสุดแสนธรรมดาที่ค่อนไปทางโทรมนิดๆ อย่างนี้ ทั้งที่มองจากภาพลักษณ์ภายนอกของเขามันคุณชายชัดๆ มาดนิ่งแฝงรอยยิ้มตลอดเวลาเหมือนไม่ค่อยเจอความทุกข์ความเศร้า

สั่งข้าวซอยไก่สองชามแล้วเธอก็เดินกลับมายังโต๊ะพับเก่าๆ ที่อยู่ด้านหลังร้านซึ่งคุณหมอหนุ่มนั่งรออยู่

“สงสัยของเขาดีจริงๆ คนทยอยเข้ามาเรื่อยๆ เลย ขายดีนะเนี่ย ขนาดบ่ายโมงกว่าแล้วยังคนเยอะ” เขาชวนคุย สายตาสำรวจไปทั่วร้านซึ่งแม้จะเก่าแต่ก็สะอาดสะอ้าน

“ถ้ามาตอนเที่ยงนะคะ ที่นั่งแทบไม่มี เพราะพวกข้าราชการที่อำเภอชอบมาร้านนี้กัน”

“คุณมากินบ่อยมั้ย” เสียงที่ถามทุ้มนุ่ม แฝงแววเอ็นดู

“ไม่บ่อยค่ะ เลือกมาแค่วันหยุด”...ที่ไม่ได้สวมชุดสีขาว พยาบาลสาวต่อท้ายแล้วก็อมยิ้มคนเดียว
เพียงครู่ ข้าวซอยหอมกรุ่นก็มาวางตรงหน้า เต็มใจเห็นธชาตักเครื่องเคียงต่างๆ ใส่ชามแล้วก็อดถามออกไปไม่ได้

“คุณหมอกินข้าวซอยบ่อยเหรอคะ ดูคล่องมากเลย” เธอจ้องเส้นข้าวซอยแบนๆ สีเหลืองแทนดวงตาคมทรงอานุภาพของเขา

“ผมเกิดที่เชียงใหม่นะ เป็นคนเชียงใหม่เต็มตัว แต่เอนท์ติดคณะแพทย์ที่กรุงเทพฯ เรียนต่อเนื่องยาวนาน แล้วไปอยู่อีสานพักใหญ่ ที่สุดก็ต้องมาตายรัง ผมรักเชียงใหม่มาก ยิ่งมาอยู่ชนบทแบบนี้ยิ่งชอบเลย”

“แปลกนะคะ หมอส่วนใหญ่อยากอยู่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ก้าวหน้าดี”

“หมอไม่ได้เหมือนกันทุกคนหรอกนะ ต่างก็มีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น”

เขาก้มหน้าก้มตาตักข้าวซอยเข้าปาก ท่าทางเอร็ดอร่อย แต่เต็มใจเองสิ อยากทำความเร็วให้สมกับความหิว แต่กลับต้องกินให้ช้าที่สุด ระมัดระวังที่สุดจนคนนั่งกินด้วยเริ่มจับสังเกต

“คุณกลัวชุดเปื้อนมากเลยนะ” เขาถามขึ้นมาดื้อๆ จนเธอต้องเลิกคิ้ว

“ทำไมรู้ล่ะคะ”

“ท่าทางในการกินของคุณไม่ธรรมชาติเลย ขอโทษทีนะ ชวนคุณมาลำบากแท้ๆ”

“สบายมากค่ะ นี่ไง หมดชามพอดี” หญิงสาวอวด

“แต่ผมหมดไปแล้วสอง” เขาหัวเราะขณะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ทำท่าจะควักกระเป๋าสตางค์ออกมา หญิงสาวรีบร้องห้าม

“ไม่ได้นะคะ เรายังไม่ได้พูดเรื่องนั้นออกมาอย่างเป็นทางการแต่เต็มก็รู้ว่าคุณหมอจำเต็มได้ เด็กกะโปโลบนขุนวางที่ดันทำกระเป๋าสตางค์หาย ต้องให้คุณหมอช่วยจ่ายค่าโกโก้ให้ มื้อนี้เต็มขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงเองค่ะ”

ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังลุกขึ้นไปจ่ายเงินกับมืออุ๊ยเป็งเอง ไม่ให้ใครมาแย่งจ่ายเด็ดขาด งานนี้ถึงเวลาชำระสะสาง เธอไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะคนแปลกหน้า เจ้าหนี้เก่าเดินตามมายืนข้างๆ พร้อมเสียงบ่น

“คุณนี่นะ ดื้อจริงๆ”

เต็มใจส่งยิ้มให้เขาแล้วเดินนำออกจากร้าน เมื่อมาถึงรถซึ่งจอดใต้ต้นลิ้นจี่เขาก็พูดต่อเหมือนเมื่อครู่ยังพูดไม่จบ

“ผมไม่เคยคิดถึงเงินที่จ่ายให้คุณเป็นค่าโกโก้นั่นเลย แต่คุณกลับไม่เคยลืม”

“เต็มพยายามจำเอาไว้ เพราะเป็นเหตุการณ์หน้าแตกครั้งใหญ่ ดีใจมากเลยค่ะที่เจอคุณหมออีกครั้ง จะได้ทดแทนบุญคุณกันไป”

“ใช้คำพูดขนาดนั้นเลยนะ” เขาบอกขณะทั้งคู่เข้ามานั่งในรถ

“ก็ลองคิดดูสิคะ เด็กวัยรุ่นที่เพิ่งมีโอกาสไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเป็นครั้งแรก อยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น บางทีก็น่าตกใจ...อยากกินโกโก้แต่ไม่มีเงินจ่าย แม่ค้างี้มองตาเขียวเลย นึกว่าเต็มฟอร์มเพื่อขอของฟรี”

“เลิกพูดเรื่องนั้นได้แล้ว กลับไปทำงานต่อกันดีกว่า ที่จริงคุณไม่น่าต้องแย่งจ่ายเลย แค่มาช่วยแนะนำร้านก็พอแล้ว ยังไงก็ขอบใจนะที่เลี้ยงข้าวซอยมื้อนี้ อร่อยมาก”

เขาทำเสียงเหมือนผู้ใหญ่บอกเด็ก คงไม่รู้ตัวสินะ ว่าหน้าตาเขาไม่ค่อยเหมือนคนอายุสามสิบสองเท่าไหร่ หญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้ ก็ไหนใครเคยบอกว่ายิ้มมากไป ตีนกาจะถามหา แต่สำหรับธชา รอยยิ้มที่มักระบายบนใบหน้ากลับทำให้เขาดูดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และยังไม่มีตีนกาให้เห็นเลย

“คุณจ้องหน้าผมมาพักใหญ่แล้ว มีอะไรรึเปล่า”

“เอ้อ...ขอโทษค่ะ” เอ่ยปากออกไปแล้ว เหมือนยอมรับกลายๆ ว่าแอบสำรวจใบหน้าเขา แต่ก็หาเหตุผลมาสนับสนุนไม่ได้ว่าทำไมต้องทำ เต็มใจจึงเปลี่ยนมานั่งนิ่ง สายตาจ้องมองกระจกด้านข้าง ราวกับสนใจวิวทิวทัศน์ข้างทางมาก ทั้งที่ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านทุกวัน

“คุณมาทำงานที่นี่นานรึยัง” คนเพิ่งย้ายมาใหม่ถาม

“เกือบปีแล้วค่ะ ทันทีที่จบมช. เต็มก็มาทำที่นี่เลยเพราะใกล้บ้านที่สุดแล้ว”

“ก็ดีนะ บ้านปันน้ำใจอยู่ห่างจากนี่ไม่มาก คิดถึงบ้านก็กลับได้ง่ายๆ คุณคงนั่งรถรับจ้างไปใช่ไหม ขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยเองคงไม่ไหวมั้ง”

“คุณรู้? รู้ได้ไงคะว่าฉันอยู่ที่บ้านนั้น”

เต็มใจตกใจจนขนลุกซู่ จากที่รู้สึกดีๆ กับคุณหมอหนุ่ม ตอนนี้เธอเริ่มกลัว เขารู้จักเธอมากเกินไปแล้ว พวกโรคจิตหรือเปล่าเนี่ย เจอกันแค่หนเดียวตอนเธอยังวัยรุ่นแต่กลับสืบจนรู้อะไรเยอะแยะ ตายละ อย่าบอกนะว่าตามมาทำงานที่เดียวกันอีก...คนชอบดูหนังสยองขวัญคิดไปไกล

“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น” เสียงพูดกลั้วหัวเราะ แววตาที่ส่งมาเต็มไปด้วยความเอ็นดู ก่อนอธิบายต่อเมื่อรถจอดตรงที่จอดรถพิเศษเฉพาะแพทย์

“ผมก็แค่ได้ยินคุณคุยกับพี่ประภาว่าที่มาทำงานสายกว่าทุกวันเพราะคุณเพิ่งกลับมาจากบ้าน พี่พยาบาลยังถามคุณเรื่องบ้านปันน้ำใจด้วยว่าเด็กเยอะมั้ย”

จริงสินะ เมื่อเช้าประภามายืนถามไถ่อยู่ครู่หนึ่งด้วยความห่วงใย เพราะเห็นว่าเธอไม่เคยมาสายกว่าเจ็ดโมง พยาบาลสาวใหญ่ใจบุญเคยไปเยี่ยมบ้านปันน้ำใจ จึงถามถึงความเป็นไปต่ออีกนิดหน่อยก่อนแยกย้ายไปทำงาน ไม่นึกว่าจะมีคนแอบได้ยินด้วย

“ผมว่าเรารีบไปทำงานต่อดีกว่า คนไข้เยอะกว่าที่คิดนะนี่” เขาเปลี่ยนเรื่องอย่างฉับพลันขณะเดินเร็วๆ นำไปยังแผนกอายุรกรรม พอเดินผ่านหน้าห้องจ่ายยาก็มีเสียงใสทักขึ้น

“พี่ธชา! จิณเพิ่งมาถึงค่ะ รอพี่ตั้งนานเห็นพยาบาลบอกว่าไปทานข้าวใช่มั้ยคะ จิณดีใจมากเลยที่จบปุ๊บก็ได้งานที่เดียวกับพี่ธชา มีรุ่นพี่คณะอยู่ที่นี่ด้วย คราวนี้ก็สบายละ”

เสียงใสที่ร้องทักนั้นมาพร้อมกับคุณหมอสาวร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสั้นลายดอกไม้น่ารัก เธอปรี่เข้ามาคว้าต้นแขนธชาไปเกาะไว้นี่คงเป็นคุณหมอจิณณา หมอจบใหม่ที่มาทำงานใช้ทุนที่นี่ ได้ยินว่าเดินทางมาถึงวันนี้และจะเริ่มงานอาทิตย์หน้า

การพูดคุยอย่างสนิทสนมพร้อมเสียงหัวเราะที่ประสานกันนั้น ทำให้เต็มใจรู้สึกเป็นส่วนเกินจนต้องค่อยๆ หลบออกมา เธอมุ่งตรงไปยังแผนกของตน แล้วเริ่มงานทันทีด้วยการเรียกคนไข้ที่มารอช่วงบ่ายวัดความดัน

“รู้ตัวรึเปล่า ที่โรงอาหารเมื่อตะกี้เขาคุยเรื่องเต็มกันใหญ่เลย” พยาบาลสาวใหญ่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ

“เรื่องเต็มเหรอคะพี่ภา?” แม้จะพอเดาได้ แต่เต็มใจก็ไม่นึกว่าจะเป็นข่าวดังขนาดนั้น

“คงไม่มีใครสนใจหรอก ถ้าคุณหมอคนใหม่จะหล่อน้อยกว่านี้สักหน่อย สาวๆ ตาร้อนกันเป็นแถว ที่คุณหมอธชาเลือกไปกินข้าวกลางวันกับเต็ม”

“อูย แย่แล้ว พี่ภาต้องช่วยแก้ข่าวนะคะ เรื่องของเรื่องคือเต็มแค่อยากเลี้ยงตอบแทนที่เขาเคยช่วยจ่ายค่าโกโก้ให้ วันนั้นเต็มทำกระเป๋าสตางค์หาย” หญิงสาวแก้ตัวเป็นพัลวัน

“เรื่องเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ประภาถามอย่างสนใจ

“ตอนเต็มอายุสิบสี่ค่ะ”

“อ๊าย โรแมนติกมาก นี่ถ้าเล่าให้ใครๆ ฟัง ข่าวจะยิ่งน่าเม้าท์ แสดงว่าเต็มกับคุณหมอธชาบังเอิญหวนกลับมาพบกันอีกงั้นเหรอ”

หญิงสาวพยักหน้ารับ พอมานึกดูอีกทีก็ออกจะเห็นด้วยว่าเรื่องดูจะโรแมนติกเหมือนนิยายมากเข้าไปทุกที ไม่ควรบอกใครเลยจะดีกว่า...

“งั้นพี่ภาก็ไม่ต้องชี้แจงค่ะ แค่บอกว่าไม่มีอะไรก็พอ”

“ให้มันจริงเถอะ ดูเต็มสิ แค่พูดถึงก็หน้าแดงแล้ว อุ๊ย! คุณหมอมาแล้ว แยกย้ายกันไปทำงานนะ”

ประภาผละจากไปทันที เต็มใจส่งยิ้มให้คุณหมอหนุ่มซึ่งเข้าไปนั่งประจำโต๊ะแพทย์ เตรียมรับคนไข้ตอนบ่าย

ท่าทางจะต้องพยายามถอยห่างออกมาแล้วละ เต็มใจรู้พิษสงของข่าวลือในโรงพยาบาลได้ดี เผลอๆ จะแพร่เร็วกว่าเชื้อโรคเสียอีก และเธอก็ไม่พร้อมจะเป็นเหยื่อด้วย...เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ห่างไกลไว้ก่อนเป็นดี

จบตอนที่ 2

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและทุกคอมเมนต์ค่ะ ^______^

_______________________________________________________


ตอบคอมเมนต์ค่ะ

คุณ oleang ... ขอบคุณมากๆ ค่าาา สำหรับกำลังใจอันเหนียวแน่น ^0^

คุณ วรรษา ... เล่มนี้เป็นนิยายเดี่ยวๆ ไม่ใช่ซีรีส์ค่ะ ^^

คุณ หมีสีชมพู ... แวะมาแอบดูก็ดีใจละค่าาาา ^__^

_________________________________________________________



ดาริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.พ. 2557, 05:55:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.พ. 2557, 13:39:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1472





<< บทนำและตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
Oleang 7 ก.พ. 2557, 07:12:57 น.
น้องมาแว้ววว


imsoul 7 ก.พ. 2557, 09:30:16 น.
มาอ่านไม่ค่อยได้เม้นท์ค่ะ วันนี้เลยมาเม้นท์ให้กำลังใจ สนุกมากค่ะ


หมีสีชมพู 7 ก.พ. 2557, 10:47:42 น.
ลงทุกวันรึเปล่าคะ ถ้าลงทุกวัน ส-อ คงไม่ได้เข้ามาส่อง
อย่ารีบลบหนีนะค้าาา


Pat 7 ก.พ. 2557, 13:29:55 น.
อิอิ หลุดล่ะ นางเอกกินเด็กหรือคะ


nunoi 7 ก.พ. 2557, 14:42:36 น.
คุณหมอเป็นเจ้าของจดหมายหรือเปล่าน๊าา


วรรษา 8 ก.พ. 2557, 09:34:49 น.
อ๋อ ขอบคุณค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account