จุดชนวนรัก อุบัติเหตุเลิฟ
บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารัก ‘พี่เกล’ แต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว
Tags: วัยรุ่น

ตอน: บทที่ 20 (the end)

บทที่ 20
สามสัปดาห์กับอีกสีวันผ่านไป…
คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งตระหง่านอย่างเงียบสงบ ฉันได้แต่เฝ้ามองหวังให้ใครคนหนึ่งก้าวออกมาจากประตูบานใหญ่แล้วยิ้มให้ฉันเหมือนเช่นที่ผ่านมา แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว และฉันก็ต้องยอมรับความจริงว่าเขาได้จากฉันไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีก แม้ว่าฉันจะร้องไห้หรือพร่ำบอกว่าฉันรักเขามากแค่ไหนก็ตาม แต่ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
"ชีวิตต้องก้าวต่อไปนะขมิ้น"
ฉันหันกลับไปมองยังต้นเสียง อาจารย์นิสาก้าวเดินมาหาฉันอย่างช้าๆ เหมือนคนหมดอะไรตายอยากไม่ต่างไปจากฉันสักเท่าไหร่ เธอยังคงสวมชุดสีดำเช่นเดียวกับฉันแม้ว่าจะผ่านไปเกือบเดือนแล้วก็ตาม
":)"
ฉันหันไปส่งยิ้มให้เธอแม้ว่ารอยยิ้มจะไม่เหมือนเก่าอีกแล้ว แต่ฉันก็ยังมีลมหายใจฉันจึงสมควรต้องยิ้มให้คนรอบข้างเสียบ้างถึงหัวใจฉันมันจะร้องไห้ก็ตาม แต่ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไปอย่างที่เธอพูดจริงๆ ฉันต้องอยู่ต่อแม้จะเหมือนคนไร้วิญญาณแค่ไหนฉันก็ยังคงต้องอยู่ อยู่เพื่อรอวันที่จะได้ไปพบเขาอาจเป็นที่ใดสักแห่งหนึ่งอันไกลโพ้นจากโลกใบนี้
"และฉันก็อยากให้เธอตัดสินใจให้ดีๆ ก่อนที่เธอจะไปที่ ฉันไม่อยากให้เธอไปเพียงเพราะรู้สึกผิดฉันเชื่อว่าการที่เซทได้ปกป้องเธอจนถึงลมหายใจสุดท้ายคือความสุขของเขา เพราะฉะนั้นเธอยังมีเวลาคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ ที่นั่นไม่มีอะไรเลยนอกจากผู้ชายที่นอนแน่นิ่งอยู่ในหลุมฝังศพ แถมอยู่ไกลจากที่นี่เกือบซีกโลกคิดให้ดีๆ นะ"
"หนูต้องไปค่ะอาจารย์ เพราะคนที่หนูรักรอหนูอยู่"
เสียงของเซทก้องขึ้นในความรู้สึกฉันอีกครั้ง
ถ้าฉันไม่ตื่นขึ้นมาฉันอยากให้เธอกลับไปหาคนที่เธอรัก
และคนที่ฉันรักก็คือนายเซท และจะตลอดไป แม้ว่าร่างกายของนายจะนอนสงบอยู่ใต้พื้นดิน แต่นายยังมีตัวตนชัดเจนเสมอในหัวใจฉัน
"แต่เขาตายไปแล้วนะขมิ้น ฉันไม่อยากให้ชีวิตเธอต้องจมอยู่กับอดีตติดอยู่กับคนที่จากเราไปอย่างไม่มีวันกลับมา"
"ที่นั่นคืออนาคตของหนูต่อจากนี้ไปค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ"
อาจารย์นิสาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่จะพูดเรื่องนี้ต่อ
"อาจารย์คะฝากสิ่งนี้ให้พี่เกลได้มั้ยคะ"
ฉันยื่นซองเอกสารที่เซทเคยให้ไว้เพียงแต่ ฉันยังไม่ได้เซ็นรับและก็หวังว่าพี่เกลจะรับมันไว้แทนฉัน
"หนูคิดว่าจะไม่กลับมาอีก สิ่งนี้คงมีประโยชน์กับพี่เกลมากกว่าหนู"
"บ้านพร้อมที่ดินที่เคยเป็นของคุณป้าเธอ นี่มันอะไรกัน"
"เรื่องมันยาวน่ะค่ะ"
ฉันพูดตัดบท แล้วดูเหมือนเธอก็พอจะรู้ก็เลยไม่ซักถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ
"แล้วเธอจะไม่ไปส่งเกลขึ้นเครื่องวันนี้เหรอ"
"ไม่ค่ะ"
"ทำไมละ"
เธอเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างแปลกใจ
"เพราะหัวใจของหนูไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกแล้ว" มันอาจฟังดูเลวร้ายแต่บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารักพี่เกลแต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว "ฝากบอกพี่เกลด้วยว่าเขาคือพี่ชายของหนูเสมอ เพราะทุกอย่างหนูได้เลือกแล้ว และก็หวังว่าเขาจะยอมรับมันได้โดยที่ไม่เกลียดหนูซะก่อน"
นอกจากจะไม่มีโอกาสได้บอกความรู้สึกกับเซท นี่คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดมากขนาดนี้ ผิดที่ไม่อาจรักพี่เกลได้อย่างเก่า ไม่กล้าแม้แต่จะไปสู่หน้าหรือล่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย

ฉันออกเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่เจทน้องชายฝาแฝดของเซทจัดการให้ เขาดูเป็นมิตรกับฉันจนน่าแปลกใจ อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขาต้องการเขาก็ได้ไปหมดแล้วมั้ง พอเซทตายไปทายาทคนต่อไปที่จะได้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมดก็ตกเป็นของเจทแม้ว่าป๊าของเขาจะไม่ต้องการให้มือเขาเปื้อนเลือดก็ตาม แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือก
แต่ในขณะที่กำลังจะขึ้นเครื่องฉันก็ได้ยินเสียงเรียก ทำให้ฉันหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมา
"จะทิ้งพี่ไปโดยไม่คิดจะล่ำลากันสักคำเลยเหรอ"
"พี่เกล!"
"เรายังเป็นน้องสาวพี่อยู่หรือเปล่า"
ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเอง ว่าเพียงแค่ประโยคสั้นๆ จะทำให้ต่อมน้ำตาฉันทำงานขึ้นมาซะดื่อๆ
"ขมิ้น…ขอโทษ"
"ตั้งแต่เสร็จจากงานศพ เจอหน้ากันทีไรขมิ้นก็เอาแต่พูดคำนี้กับพี่"
"ก็ขมิ้น…"
"การที่เราจะรักใครจริงๆ สักคนมันไม่ใช่ความผิดสักหน่อย เด็กโง่!"
พี่เกลยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ ใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้ฉันที่กำลังไหลรินยิ่งกว่าทำนบเขื่อนแตกซะอีก
"พี่ไม่เกลียดขมิ้นใช่มั้ย"
"พี่จะเกลียดขมิ้นได้ยังไง"
"ก็ขมิ้นระ รักคนอื่น"
"พี่รู้ แต่อย่าลืมสิเราเป็นพี่น้องกันนะพี่จะเกลียดน้องสาวตัวเองได้ยังไง"
"…"
ฉันโผเข้าไปกอดพี่เกลทั้งน้ำตา การไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหามันไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย และตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่าสิ่งที่สำคัญคือการหันหน้ามาพูดกันมากกว่า ฉันไม่คิดเลยว่าฉันจะรู้สึกโล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาทั้งลูกออกจากอก
"น้องสาวคนสวยของพี่ขี้แงเหมือนเด็กๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
"ก็ขมิ้นดีใจที่พี่เกลไม่โกรธนี่ ว่าแต่พี่ต้องบินไปเกาหลีไม่ใช่เหรอแล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ"
ฉันผละออกจากพี่เกลทันทีที่นึกขึ้นได้พลางจ้องหน้าเขาอย่างต้องการคำตอบ
"ก็อยู่ๆ ขมิ้นก็จะทิ้งพี่ไปอยู่ต่างประเทศโดยไม่คิดจะบอกกันสักคำ แถมยังหยามศักดิ์ศรีพี่อีก"
"?"
ฉันมองหน้าเขาอย่างงงๆ ก็จริงอยู่ฉันต้องการไปโดยที่ไม่ลาเพราะไม่กล้าสู้หน้าเขา แต่ไอ้เรื่องหยามสักสงสักสีอะไรนั่นฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ แต่แล้วเมื่อพี่เกลยื่นซองเอกสารที่ฉันให้อาจารย์นิสาเอาไปให้เขาที่สนามบินฉันก็รู้ตัวทันที ว่าตัวเองกำลังทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัยจริงๆ
"ขมิ้นขอโทษ" ฉันเอื้อมไปจับมือเขาไว้พลางทำหน้าหงอยสำนึกผิด รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาเอาซะดื่อๆ ให้ตายสิ! นี่ฉันจะทำเรื่องแย่ๆ ไปถึงไหนกัน
"ช่างมันเถอะพี่ไม่ติดใจอะไรหรอก จริงๆ แล้วที่พี่มาที่นี่ก็เพราะพี่อยากทำหน้าที่พี่ชายที่ดีสักครั้ง"
"…"
"ให้พี่ได้ดูแลในช่วงเวลาที่ขมิ้นกำลังแย่ที่สุดในชีวิตแบบนี้ได้มั้ย ไปอยู่กับพี่นะ อย่าไปเลย"
"…"

ฉันไม่รู้ว่าใช้เวลาเดินทางทั้งหมดกี่ชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่นี่ แต่ก็คงนานมากพอที่ทำให้ช่อดอกกุหลาบสีแดงที่ฉันหอบหิ้วมาจากประเทศไทยเริ่มเหี่ยวเฉาลง
และเมื่อมาถึงฉันก็หายเหนื่อยไปเลยที่นี่สวยมาก คฤหาสน์สไตล์โมเดินที่รอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจีให้ความร่มรื่น แถมยังมีภูเขาหินสลับทับซ้อนตั้งตระง่านอยู่ด้านหลัง ส่วนหน้าบ้านก็เป็นทะเลทราบอันกว้างใหญ่ ทุ่งหญ้ารอบทะเลทราบถูกแต่งแต้มด้วยดอกไม้สีเหลืองดอกเล็กๆ เต็มไปหมด แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันยอมปฏิเสธความหวังดีของพี่เกลเพื่อมาอยู่ตรงนี้ หากแต่เป็นใครคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับอย่างสงบอยู่ที่นี่ต่างหาก
ฉันก้าวเดินไปหาเขาอย่างช้าๆ แล้ววางช่อกุหลาบสีแดงลงข้างหน้าแท่นหินอ่อนสีขาวที่สลักชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า ลี เซท ถัดจากชื่อไปก็เป็นประโยคสั้นๆ ที่ทำให้น้ำตาที่เคยเหือดแห้งไปหลายชั่วโมงหยดลงอาบข้างแก้มอีกครั้ง
ฉันพร้อมที่จะอยู่หรือตายเพื่อเธอได้เสมอ
ฉันวางมือที่สั่นเทาลงบนหลุมฝังศพพร้อมทั้งน้ำตา เฝ้าหวังว่าหัวใจที่นอนสงบนิ่งจะเต้นขึ้นมาอีกครั้งตามคำร้องขอ
"ตอนนี้ฉันอยากให้นายอยู่กับฉัน เมื่อไม่มีนายโลกทั้งโลกก็ว่างเปล่าสำหรับฉันเหลือเกิน ฉันรักนายนะเซท ได้ยินมั้ย ฉันรักนาย"
"เธอพูดจริงเหรอ"
เฮือก!!
หัวใจฉันกระตุกวาบเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง มันชัดเจนเกินกว่าที่จะดังก้องอยู่ในความทรงจำของตัวเอง ฉันไม่รู้ว่านี่คือความฝันหรือความจริงแต่ฉันได้ยินเสียงของเขา
"เซท!..." พอฉันหันไปก็พบว่าเป็นเขาจริงๆ เขายืนอยู่ตรงนี้ห่างออกไปจากฉันเพียงไม่กี่ก้าว กำลังมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มและแววตาที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยพลั่งชีวิต แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาตายไปแล้วหรือว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้คือเจทเพราะเขาหน้าเหมือนกัน นี่เป็นข้อสันนิษฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดแล้วไม่มีทางที่เขาจะฟื้นคืนชีพเหมือนดังในเทพนิยายเรื่องไหนๆ ได้หรอก "…ไม่สินายคือเจทต่างหาก"
"มองให้ดีสิว่าฉันเป็นใคร"
ถ้าเขายังไม่ตายเพียงแค่เห็นรอยยิ้มและแววตาคู่นั้น ฉันก็บอกได้ทันทีว่าเป็นเซทอย่างแน่นอน แต่นี้เขาตายไปแล้วจะเป็นเขาไปได้ยังไง
"เป็นไปไม่ได้"
"ฉันพร้อมที่จะอยู่หรือตายเพื่อเธอได้เสมอ และฉันก็เพิ่งได้ยินเธอพูดว่าอยากให้ฉันอยู่ ฉันก็อยู่ตรงนี้ตามคำขอของเธอแล้วไง"
"แต่นายตายไปแล้ว"
"ฉันอาจจะตายไปแล้วสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอหัวใจฉันเต้นเพื่อเธอได้เสมอ"
เขาเดินเข้ามาหาแล้วจับมือข้างหนึ่งของฉันแนบไว้กับอกข้างซ้ายของเขาเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าหัวใจของเขายังคงเต้นอยู่
ฉันตาค้างยืนนิ่งจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจนี่มันเกิดอะไรขึ้น หัวใจเขายังเต้นฝ่ามือเขายังอบอุ่นเช่นทุกครั้งที่เขาสัมผัสฉัน มันเป็นเรื่องจริงเหรอที่เขายังไม่ตาย ไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย
"นายยังไม่ตาย!"
"ใช่! ฉันยังไม่ตาย" จบคำยืนยันของเขาฉันก็แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นความจริงเขายังมีลมหายใจ และแน่นอนว่านั้นคือเครื่องยืนยันว่าเขายังมีชีวิตอยู่ไม่ได้จากฉันไปไหน ฉันโผเข้าไปกอดเขาไว้แน่นราวกับว่าเขาคือสิ่งมีค่าที่สุดที่ฉันได้มันกลับคืนมาอีกครั้ง และครั้งนี้ฉันจะไม่มีวันยอมปล่อยให้เขาหายไปไหนอีกเด็ดขาด
"แต่ฉันกำลังจะตายเพราะโดนเธอกอดแน่นจนหายใจไม่ออกนี่แหละ"
อุ๊ย! ฉันคงดีใจมากเกินไปเลยกอดเขาแน่นไปหน่อย ฉันจึงผละออกจากเขาอย่างเขินๆ
"ฉันขอโทษ"
"ชาติที่แล้วเป็นงูเหลือมหรือไง ช้ากว่านี้กระดูกฉันอาจจะหักมากองรวมกันที่ตาตุ่มแล้วก็ได้"
"เว่อร์!"
ด้วยความอายฉันเลยตีเขาที่แขนอย่างลืมตัว จนเขาถึงกับสะดุ้งร้องโหยงขึ้นมานี่ยิ่งออกอาการเว่อร์ยิ่งกว่าเมื่อกี๊อีก
"เบาๆ สิแผลฉันยังไม่หายดีนะ เดียวมันเกิดอักเสบแล้วฉันดันตายขึ้นมาเดี๋ยวก็จะมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบเมื่อกี้อีกหรอก ว่าแต่ตอนนั้นฉันได้ยินแว่วๆ ว่าเธอบอกรักฉันด้วยแหละ"
"ฉันพูดแบบนั้นเหรอไม่เห็นจะจำได้สักนิด"
"โธ่! อย่าแกล้งกลับเซ่ พูดอีกครั้งได้มั้ยฉันอยากได้ยิน นะๆๆ"
"ไม่จนกว่านายจะบอกว่าไอ้ที่วางแผนให้ฉันถ่อมาไกลข้ามน้ำข้ามทะเลมาอีกซีกโลกถึงนี่เพื่ออะไร"
เซทถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งก่อนจะยิ้มให้ฉันแล้วกวาดสายตามองออกไปยังรอบๆ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า…
"ฉันอยากใช้ลมหายใจสุดท้ายที่เหลือ อยู่กับเธอที่นี่ไง เธอชอบธรรมชาติแบบที่บ้านสวนคุณยายไม่ใช่เหรอ"
เขาจำได้ด้วย!
แต่ถึงยังไงเหตุผลมันก็ยังไม่เพียงพอที่เขาต้องหลอกให้ฉันมาไกลถึงที่นี่
"ฉันไม่เข้าใจ"
"เธอเคยสงสัยว่าทำไมฉันถึงรักเธอ แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จริงๆ แล้วฉันชอบเธอตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน"
"O_O"
"วันนั้นฉันตั้งใจไปหาริชกะเซอร์ไพรส์ที่ฉันกลับมาเมืองไทย แต่ฉันดันเจอผู้หญิงผมยาวแต่งตัวเซอร์ๆ คนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ข้างถนน ฉันตกอยู่ในช่วงความปรารถนา* เข้าอย่างจังตั้งแต่แรกเห็นจนทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองเธอตาค้าง เลยเบรกไม่ทันตอนที่เธอเดินมาตัดหน้ารถฉันเอาดื้อๆ"
"แต่วันนั้นฉันจำได้ว่านายไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ แถมไม่พาฉันไปโรงพยาบาลด้วย"
"ก็ตั้งแต่แม่จากฉันไปฉันก็ไม่กล้าให้ใครนั่งไปด้วยอีกเลย อีกอย่างตอนนั้นไอ้นักร้องพี่ชายคนละยีนของเธอวิ่งเข้ามาพอดี ฉันก็นึกว่าเป็นแฟนเธอก็เลยหัวเสีย เล่นเอาอาละวาดไปหลายวันจนกระทั้งริชจับได้ก็เลยต้องเล่าให้ฟัง แล้วก็บังเอิญเธอดันเป็นลูกศิษย์ของยัยนั่นพอดี ฉันก็เลยรู้ว่าเธอยังไม่มีแฟน พอมีความหวังอีกครั้งก็เลยไปหาเธอที่โรงพยาบาล"
"ขี้โม้ แล้วไอ้เงินก้อนโตที่นายเอามาฟาดหัวฉันล่ะ"
"ก็ฉันไม่เคยจีบใครปกติมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหาฉันก่อน พอวันหนึ่งตัวเองต้องวิ่งไปหาใครสักคนบ้างก็เลยไม่รู้จะต้องทำยังไงเงินมันใกล้ตัวฉัน แล้วก็ง่ายที่สุดฉันก็เลยคิดได้แค่นั้น แต่ที่ไหนได้เธอมันประเภทต้องแลกมาด้วยเลือดดูสิกว่าจะจีบติด ได้ไปไม่รู้กี่แผล"
_________________________________________________________
* ช่วงความปรารถนา เป็นช่วงที่ขับเคลื่อนจากแรงดึงดูดทางกายภาพ เมื่อแรกพบความพึงพอใจในลักษณะ เฉพาะของแต่ละคน ส่วนช่วงตกหลุมรักนั้นจะมีอาการทางร่างกาย เช่น การนอนไม่หลับ ไม่หิว เพ้อ หลงใหล ตลอดจน ซึมเศร้า…เหงา…โหยหา
เซทยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมกับโน้มหน้าลงมาในระดับเดียวกับใบหน้าฉัน ก่อนจะทำตาเซ็กซี่ชวนให้เพ้อฝันจนรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์
"แต่มันก็คุ้มที่ได้เธอมา และฉันสัญญาว่าคืนนี้จะไม่ทำรุนแรงแบบวันนั้นอีก"
"ไอ้บ้าเซท >///<"
พอฉันได้สติว่าเขาหมายถึงอะไร ฉันก็เดือดยิ่งกว่าน้ำพุร้อน แต่หมอนี่ไวชะมัดขนาดยังไม่หายดีก็ยังออกวิ่งได้ทันที่ฝามือฉันจะลอยไปด้วยซ้ำ
หน็อย! อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้นนะฉันวิ่งไล่ตามเขาไปติดๆ จนกระทั้งไปสะดุดขาตัวเอง เซทหันมาพอดีเลยรับฉันไว้เราก็เลยเสียหลักล้มไปด้วยกัน แล้วมันก็บังเอิญเกิ๊นที่ริมฝีปากฉันดันไปโดนปากเขาพอดีอย่างกับตั้งใจ นี่มันฉากในละครหลังข่าวชัดๆ ว่ามั้ย
ด้วยความอายฉันก็เลยรีบผละออกจากเขา แต่เซทก็กดหัวฉันลงไปจูบเขาเสียก่อน จนฉันรู้สึกว่าตัวเองกับลังหน้าแดงอยู่แน่ๆ
"ฉันดีใจแค่ไหนรู้มั้ยที่เธอมา"
เซทถอนริมฝีปากออกแล้วเปลี่ยนเป็นกอดฉันไว้แทน แล้วฉันก็ดันไม่ดิ้นเสียด้วยสิมันน่าโมโหตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย
"ฉันคิดว่าเธอรักไอ้นักร้อง แต่ที่ยังอยู่กับฉันเพราะเธอเป็นคนกตัญญูต่อผู้มีบุญคุณและฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ฉันทนไม่ได้ที่ต้องเห็นเธอทรมานใจ พอสบโอกาสบาดเจ็บพอดีก็เลยวางแผนแกล้งตายเพื่อให้เธอไม่ลำบากใจที่จะต้องเลือก แต่ในใจก็ยังแอบหวังว่าเธอจะรักฉันแต่แค่ไม่รู้ตัวเองก็เลยเขียนพินัยกรรมหลอกให้เธอเข้าใจว่าหลุมฝังศพฉันอยู่ที่นี่ แล้วเธอก็มาจริงๆ"
ฉันผละออกจากอ้อมกอดเซท ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างเคืองๆ ที่หลอกปั่นหัวฉันจนแทบไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่บนโลกใบนี้
"แต่นายก็ไม่ควรถึงกับหลอกใครต่อใครว่านายตายไปแล้ว"
เซทดันตัวเองลุกขึ้นนั่งเขาคงรู้สึกเจ็บแผลแต่ก็ไม่ยอมปริปากบ่น กับอธิบายให้ฉันฟังถึงเหตุผลว่า…
"ถ้าเธอมาทั้งๆ ที่เธอเข้าใจว่าฉันตายไปแล้วด้วยซ้ำ นั่นก็แปลว่าเธอรักฉันจริงๆ โดยที่ไม่มีข้อกังขาใดๆ เลย และเมื่อเป็นอย่างนั้นฉันก็อยากใช้ชีวิตให้ยืดยาวที่สุดเพื่ออยู่กับเธอการเป็นมาเฟียมันอันตรายทั้งตัวเองและคนที่รัก แล้วเจทก็คงไม่เลิกราแย้งชิงสิ่งที่เขาต้องการง่ายๆ ฉันก็เลยเสนอการไร้ตัวตนให้เขาเพื่อหลอกป๊าเขาจะได้ขึ้นเป็นใหญ่แทนฉัน อาจฟังดูเห็นแก่ตัวและไม่ดีเท่าไหร่ แต่ที่ทำไปก็เพราะฉันอยากเป็นคนดีสำหรับเธอเสมอและจะได้อยู่กับเธออย่างสงบจนกว่าแผ่นดินจะกลบหน้าฉันจริงๆ"
คำพูดของเซททำให้ฉันอึ้งไป ฉันยอมรับว่าโกรธเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้ แต่พอได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างก็ทำให้ฉันลืมความโมโหนั้นไปได้ เขาอยากใช้ชีวิตธรรมดาทั้งๆ ที่ความรักที่เขามีให้ฉันมันไม่ธรรมดาเลยมันมากมายเหลือเกินจนยอมทำในสิ่งที่ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครบ้าบินทำเรื่องแบบนี้บ้าง แต่นั่นแหละฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าสักวันหนึ่งต้องเสียเขาไปจริงๆ จะเป็นยังไง แค่คิดน้ำตาฉันก็ไหลลงมาอย่างเลี่ยงไม่ได้จนเซทถึงกับเลิกคิ้วมองฉัน
"ร้องไห้ทำไม ยัยบื้อ!"
"ก็ฉันกลัวว่าจะเสียนายไปอีก แล้วจะไม่ได้บอกความในใจให้นายรู้"
"ฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้วไง และยังรอฟังคำนั้นอยู่นะ"
เซทคลี่ยิ้มอีกครั้งก่อนจะขยี้ผมฉันเบาๆ แต่ฉันก็รู้สึกอายๆ ก็เลยพูดขาดๆ หายๆ เหมือนแผ่น CD สะดุด
"ฉะ..ฉัน…ระ…"
"โห! ไม่เอาอะอย่าพูดภาษาจำเพาะของเธอสิ ฉันฟังไม่รู้เรื่อง"
"ฉะฉันระ..รากกกนาย"
"อะไรนะ!"
"ฉันพูดว่า รักนาย ได้ยินมายยยยย"
"หา!"
"ฉัน รัก นาย"
ฉันตะโกนออกไปเสียงดังจนนกแตกฝูงกระเจิงบินจากต้นไม้ไปบนท้องฟ้าคนละทิศคนละทาง จนเซทอดยิ้มให้ฉันอย่างขำๆ ไม่ได้ และนั่นยิ่งทำให้ฉันอายม้วนเข้าไปอีก
">///<"
"ฉันก็รักเธอ"
พูดจบเซทก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ แล้วประทับจูบฉันอย่างแผ่วเบาเพื่อบอกความรู้สึกทั้งหมดที่มี ว่าเขาจะคอยปกป้องและมอบความรักให้ฉันเพียงคนเดียวจนกระทั้งถึงวันสุดท้ายของชีวิตเขาที่นี่ ตลอดไป

The End




lovezombie
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2557, 14:03:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ต.ค. 2558, 21:13:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1110





<< บทที่ 19   
lovezombie 14 เม.ย. 2557, 14:15:53 น.
ใครอ่านจบแล้วเม้นต์มาคุยกับคนเขียนบ้าง ^_^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account