Flower of Love สุภาพบุรุษสีชมพู (ผ่านการพิจารณา สนพ.ดอกหญ้า 2000)
“ทิวลิป” นักการตลาดสาวสวยเปรี้ยวเฉี่ยว วัย ๓๐ ปี เนื่องจากต้องพบเจอกับปัญหาครอบครัวของคนรอบข้างอยู่เสมอ ทิวลิปจึงไม่คิดจะมีครอบครัวและไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครได้ใกล้ชิด ทั้งที่หัวใจปฏิเสธแต่ในส่วนลึกนั้น ทิวลิปก็เหมือนหญิงสาวทั่วไปที่ต้องการชายหนุ่มที่เข้าใจในทุกสิ่งที่ผู้หญิงเป็นและต้องการความรักจากใครสักคนที่จะไม่ทำให้เธอเจ็บปวด
“ศิวา (หิน)” ชายหนุ่มวัย ๓๑ ปี เพราะหน้าตาที่หล่อมากจนกระเดียดไปทางสวยกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก ทั้งที่มีรูปร่างที่สูงใหญ่มาดแมนแต่เพราะเขาไม่เคยเปิดใจให้ใครจึงถูกมองว่าเป็น “เกย์” ศิวาไม่เคยมีความรักแบบหนุ่มสาวกับใคร เขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดไปกับการดูแลเหล่าดอกไม้ทั้ง ๖ ของเขา และดูแลร้านดอกไม้ที่เป็นธุรกิจของครอบครัว เพราะหน้าที่ปกป้องดอกไม้เหล็กที่ผู้เป็นพ่อมอบหมาย ทำให้ทุกเรื่องของผู้หญิงนั้นศิวารู้ไปทุกอย่าง แม้แต่การเลือกซื้อผ้าอนามัย ควรจะซื้อแบบไหนถึงจะซึมซับได้ดี เครื่องสำอางแบบไหนและการแต่งหน้าอย่างไรจึงจะส่งขับความสวยงามตามธรรมชาตินั้นออกมามากที่สุด
เมื่อทั้งสองมาเจอกัน ทิวลิปไม่คิดว่าตัวเองจะมีรักแรกพบกับใคร ผู้ชายที่เธอคิดว่า “ใช่” มาเกิดแล้ว แต่ “Oh! My god. He แอ๊บแมน” ทิวลิปเสียศูนย์กับรักครั้งแรกของตัวเองแต่ก็ได้กำลังใจจากกลุ่มเดอะแก๊งค์ของเธอ ทำให้เธอฮึดสู้ แต่เพราะไม่แน่ใจว่าศิวาเป็นเกย์จริงหรือไม่ ภาระกิจพิสูจน์เกย์จึงเกิดขึ้น
Tags: นิยาย, รัก, ร้านดอกไม้, สีชมพู, สุภาพบุรุษ

ตอน: ภารกิจดอกไม้

ตอนที่ ๔
ภารกิจดอกไม้

ใบหน้าของหญิงสาวแสนสวยที่สะท้อนออกมาจากกระจกบานใหญ่นั้น ทำให้ทิวลิปไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นตึกตักในจังหวะสม่ำเสมอแต่ว่ามั่นคงนั้น เสียงด่าทอของพี่สาวกับพี่เขย เสียงทะเลาะเบาะแว้งของญาติข้างบ้าน จนเสียงตะโกนร้องด่าแสนจะรำคาญของญาติอีกฝั่งที่พี่สาวและพี่เขยเธอทะเลาะกันเสียงดัง ทั้งหมดนั้นไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทนี้เลยสักนิด เพราะตลอดเวลาที่ขับรถจากสำโรงเหนือจนมาถึงมีนบุรีนี้ในหัวสมองเธอมีแต่เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ของเขาเท่านั้น
สัมผัสอุ่นวาบยามปลายนิ้วของเขาบรรจงแต่งแต้มไล้เครื่องสำอางลงบนใบหน้าของเธอ ไม่ว่าจะลงรองพื้นบางเบา ตามมาด้วยตบแป้งฝุ่นเพียงเล็กน้อย กรีดอายไลเนอร์เส้นบางๆ ปัดมาสคาร่า ปัดคิ้ว ปัดบลัชออน จนกระทั่งถึงขั้นตอนที่เรียกเสียงหัวใจตื่นตูมเสียจนเธออดคิดไม่ได้ว่า.. เขาอาจได้ยิน ยามเขาบรรจงกดซับลิปสติคสีชมพูกะปิลงบนเรียวปากของเธอมันช่างสร้างจินตนาการกระเจิดกระเจิงซะมากมาย.. จนเธอไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมอง
“เสร็จแล้วครับ สวยมาก ดูสิครับ”
เสียงทุ้มนุ่มๆ ของเขาละไล้อยู่ข้างๆ ใบหู จนเธอไม่อยากจะลืมตาขึ้นมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะกลัวว่าทั้งหมดนั่นมันจะกลายเป็นแค่ความฝัน แต่ไม่ใช่.. ทั้งหมดนั่นเป็นความจริง เพราะลมหายใจอุ่นๆ ของเขายังคงเป่ารดอยู่ข้างๆ แก้ม
“คุณทิวลิปมีผิวที่สวยอยู่แล้ว อย่าลงรองพื้นหนาๆ เลยนะครับ ลงบางๆ แบบนี้ให้เห็นผิวเปลือยบ้างดูสดชื่นมากกว่า และอายไลเนอร์นี่ก็กรีดแต่เพียงเส้นบางๆ ก็พอ ไม่จำเป็นต้องให้ยาวให้หนาตามสมัยหรอกครับ รูปตาของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนก็สวยมากอยู่แล้วแต่งเพียงนิดหรือไม่แต่งเลยก็ได้ ปัดคิ้วบางๆ ให้เข้ารูป ปัดแก้มสีนี้ดูมีสุขภาพดี แต่จริงๆ แล้วตอนนี้ไม่ปัดก็ได้นะครับ”
“เขาหมายความว่าอะไรนะ เพราะเราอายจนหน้าแดงใช่ไหม”
ทิวลิปแตะสัมผัสสองแก้มของตัวเองไปมา แม้ในขณะนี้แค่เพียงคิดถึงเขา สีชมพูระเรื่อยังปรากฏจนมองเห็นได้ชัด และตอนนั้น.. ตอนอยู่ใกล้ชิดกันแบบนั้น เขาจะไม่เห็นหรือไง
“แล้วลิปสติคนี่ เวลาทาใช้แบบกดๆ ลงแบบนี้จะทำให้ดูเหมือนไม่ตั้งใจ แต่จะทำให้ริมฝีปากมีมิติมากกว่า เวลาลงลิปกลอสทับก็จะดูน่ารัก ดูอิ่มเอิบนะครับ”
“อืม.. ใช่ มันดูอิ่มเอิบ ดูน่าจูจุ๊บมากๆ เลยอ่ะ”
แค่คำว่า “อิ่มเอิบ” ของเขา มันทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะเม้มริมฝีปากเข้าหากัน คงได้แต่ทำปากเจ่อๆ เพราะกลัวลิปสติคจะลบจนถึงป่านนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก..
เสียงที่เรียกให้เธอตื่นจากภวังค์ทั้งที่ไม่อยากตื่นเลยสักนิด แต่ว่าหากไม่ลุกไปเปิดก็คงมีหวังเหมือนเมื่อเช้านี้ ดีไม่ดีประตูอาจจะหลุดออกมาซะก่อนเพราะโดนกระแทกอยู่ทุกวัน
“มีอะไรเจ้”
พี่สาวที่ยืนอยู่หน้าห้องทำให้เธอเอ่ยทักอย่างแกนๆ เพราะไม่อยากถูกรบกวนความทรงจำแสนหวานในขณะนี้
“ทิวลิป เจ้ขอโทษนะที่ทำเสียงดัง อย่าโกรธเจ้เลยนะ”
แอนนาขึ้นมาเอ่ยขอโทษน้องสาวที่ได้แต่หมกตัวอยู่ในห้อง ไม่ออกมาร้องโวยวายหรือตะโกนด่าเธอและสามีที่ทะเลาะกันเสียงดังเหมือนอย่างเคย เพราะเงียบจนเธอแปลกใจ แอนนาจึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นมาดูว่าคราวนี้ทิวลิปคงโกรธจนไม่มีแรงที่จะตะโกนด่าออกมาแล้วมั้ง หลายต่อหลายครั้งที่ทิวลิปพยายามไล่ให้เธอและสามีออกไปซื้อบ้านอยู่ที่อื่น เพราะรำคาญเสียงทะเลาะเบาะแว้งแต่เธอก็ไม่ยอมทำ เงินน่ะมีแต่ไม่อยากไปให้พ้นญาติพี่น้อง เพราะขนาดอยู่ร่วมบ้าน สามีแสนเจ้าชู้ของเธอยังหาเรื่องทะเลาะและตบตีกันไม่เว้นแต่ละวัน หากย้ายไปอยู่กันเองตามลำพังไกลญาติพี่น้อง ดีไม่ดีเธออาจถูกฆ่าหมกบ้านไปก่อนก็ได้ เพราะสภาพของเธอในทุกๆ ค่ำคืนนั้นก็แทบจะตายอยู่แล้ว
“อืม.. ทะเลาะกันเสร็จแล้วใช่ไหม ฉันจะได้เข้านอน”
“ฮะ! จะนอนทั้งที่ยังแต่งหน้าและน้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบนี่นะ”
“อ้าว! เหรอ”
“ทิวลิป.. ไม่สบายหรือเปล่า”
แอนนาแตะหลังมือไปมาบนหน้าผากและตามเนื้อตัวของน้องสาว ทว่าทิวลิปกับปัดป้องและทำท่าจะกลับเข้าห้องเหมือนเดิม กระแสบางอย่างจากมือพี่สาวที่ส่งผ่านมาตามเนื้อตัวมันกำลังแสดงความอาทรกันและกันออกมา กระแสสัมผัสที่ลืมไปแล้วว่าเคยมี เพราะนับตั้งแต่แม่ตายและเฮียปุ๊ยออกลายเต็มที่แอนนาก็ทำท่าหลงผัวเสียจนไม่ฟังคำของเธอเลย ยังดีอยู่อย่างที่แอนนาไม่ได้กล่าวหาว่าเธอให้ท่าพี่เขย ไม่อย่างนั้นคงเป็นเธอเสียเองที่ต้องระเห็จไปอยู่ที่อื่น
“ทิวลิป.. ไม่สบายแน่ๆ ปวดหัวตัวร้อน เจ็บท้องหรือเจ็บตรงไหนหรือเปล่า บอกเจ้สิ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกเจ้ เจ้มีอะไรก็ไปทำเหอะ ฉันจะนอนแล้ว”
“ทิวลิป.. ต้องไม่สบายแน่ๆ เลย ไปหาหมอไหม เดี๋ยวเจ้พาไป”
“เอ๊ะ! เจ้ ฉันไม่เป็นไร เจ้ไปเหอะ ฉันง่วงแล้ว”
“จริงนะ”
“จริงสิเจ้ เอ.. หรือว่าเจ้กับเฮียนี่ไม่ถูกฉันด่าแล้วนอนไม่หลับ เอาสักดอกไหม”
“เออ.. ไม่ล่ะ เจ้เห็นทิวลิปไม่ด่า ไม่โวยวายก็เลยคิดว่าไม่สบายเสียอีก”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก เจ้ไปเหอะ”
“อืม.. ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ว่าแต่วันนี้ แต่งหน้าสวยดีนะ”
“อืม.. เพื่อนแต่งให้นะ เทรนใหม่”
ทิวลิปรีบปิดประตูห้องเพราะกลัวว่าแอนนาจะถามอะไรเธออีก เพราะสีหน้าสลับร้อนสลับเย็นนั้นกำลังสร้างความสงสัยให้กับแอนนามากขึ้น คืนนี้กะว่าจะแค่อาบน้ำแต่ไม่ล้างหน้าอยากจะพาใบหน้าสวยๆ นี้ไปอวดเพื่อนสาวทั้งหลายว่าเขาเป็นคนแต่งให้ และก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพความประทับใจส่งไปให้เพื่อนอิจฉาเล่นกันก่อน
แอนนายืนนิ่งอยู่ด้านหน้าห้องนอนของน้องสาว ทิวลิปนั้นยังเป็นโสดเพราะความคล่องตัวและปากจัดๆ นั้นทำให้มีแต่คนขยาดที่จะเข้าใกล้ แต่เธอกลับอยากเป็นให้ได้ครึ่งหนึ่งของทิวลิป เพราะความสวยเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยยื้อให้สามีอยู่ติดบ้านและป้องกันการทะเลาะเบาะแว้งได้ เธออยากเก่งอย่างน้องสาวที่จะทำให้สามีทั้งรักและเกรงใจ แต่สิ่งที่เธอทำได้กลับเป็นการ “ตามใจ” สามีเพื่อให้เขารักเขาหลง ซึ่งหากเธอได้เพียงครึ่งของน้องสาวเธอคงไม่ต้องพบกับสภาพแบบนี้ การตามใจที่สุดท้ายแล้วกลับเป็นเหมือนสิ่งเสพติดที่เธอเองก็ขาดไม่ได้
ดวงตากลมโตแต่หม่นหมองมองเหม่ออยู่เพียงหน้าประตูห้องน้องสาวด้วยความเป็นห่วง หรือบางทีเธออาจจะต้องเลือกเพื่อความสบายใจและความปลอดภัยของทิวลิปเอง แต่ท่าทีที่ดูแปลกออกไปของทิวลิปก็ทำให้แอนนาอดคิดไม่ได้ว่า คนที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่ขอแต่งงานกับใครเพราะกลัวว่าจะมีปัญหาเหมือนทุกครอบครัวที่รายล้อม กำลังจะเปลี่ยนใจหรือไม่ เพราะอาการเหล่านั้นมันจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่
“คนมีความรัก.. หรือว่าทิวลิปกำลังมีความรัก”

“บอกมานะหิน สาวคนใหม่นี่ถูกใจมากเลยรึไง ถึงได้ลงทุนแต่งหน้าทำผมให้เธอด้วย นี่ยัยทิพย์หาสาวได้ถูกใจหินขนาดนี้เชียวรึ”
นภาดาเอ่ยถามในขณะที่พี่สาว น้องสาว และคุณแม่ได้แต่นั่งจ้องชายหนุ่มคนเดียวของบ้าน เพราะลุ้นๆ กับคำตอบของเขา พอๆ กับที่ไม่อยากได้ยินคำตอบ แม้อยากจะให้ศิวาลงจากคานแค่ไหน แต่แค่ได้ยินว่าเขาถูกใจเธอคนนี้มากมายก็อดจะอิจฉาเล็กๆ ไม่ได้ ตามประสาเจ้าหญิงทั้ง ๕ ของน้องชาย ที่ศิวามักจะล้อเลียนในความเอาแต่ใจแบบสาวทึนทึกอย่างพวกเธอเสมอ
“ก็น้องรหัสของทิพย์น่ะน่ารัก น้องทิวลิปนี่แหละที่ทิพย์สกรีนแล้วว่าเหมาะกับหินมาก เธอยังโสดและสด! มากๆ แบบว่าริ้นไม่ไต่ไรไม่ตอมเลยทีเดียว”
ทิพยุพาเยินยอสรรพคุณของทิวลิปหน้าบาน ก่อนจะสบกับสายตาฉงนๆ ของน้องชายที่คงเพิ่งนึกขึ้นได้กับคำสองแง่สองง่ามของพี่สาววัยเซี้ยวของเขา
“NO. NO. NO. อย่าเพิ่งพูดอะไรออกมา เรื่องนั้นเดี๋ยวไปคุยกันหลังไมค์ พูดรอบสื่อมวลชนไม่ได้”
ทิพยุพาชิงพูดก่อนที่ศิวาจะเอ่ยคำพูดอะไรออกมาเพราะอ่านออกได้จากสายตาว่าเขาจะถามเธอแน่ๆ ว่า.. จริงไหม
“อะไรๆ” พี่สาวทั้งหลายพากันเอ่ยถาม
“ไม่บอก อย่ามาสนใจเรื่องของทิพย์ สนใจเรื่องหินต่อดีกว่า” ทิพยุพาบุ้ยใบ้ให้ทั้ง ๔ สาวไปคาดคั้นเอาคำตอบจากศิวาต่อ
“ไงล่ะหิน”
“ก็ไม่มีอะไรครับ เธอก็น่ารักดี ประเภทอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอน่ะครับ”
“โอววว.. หิน เจอกันสองครั้งพูดแบบนี้เลยเหรอ สงสัยแม่สาวนี่คงมีดีจริงอ่ะ ว่าไงภา สวยไหม กิริยามารยาทเป็นไง พอที่เราพี่น้องจะคุมได้หรือเปล่า”
นภาดาหันไปถามอาภาพรที่รับหน้าที่นักสืบประจำร้าน และสิ่งที่น้องสาวคนรองจากเธอชูขึ้นในมือนั้น ก็ทำให้ทั้งพี่สาวน้องสาวต้องกรี๊ดกันอีกหน จนศิวาและคุณสุภาพรรวมทั้งทิพยุพาต้องอุดหู แต่ก็ไม่วายที่จะยิ้มตามไปกับภาพบรรยากาศแสนรักแสนห่วงน้องชายคนเล็กของบรรดาพี่สาวทั้งหลาย
สิ่งที่นักสืบประจำร้านทำได้ดีเสียจนได้รับคำชมไม่ขาดปากนั้นก็คือ คลิปวีดีโอที่อาภาพรถ่ายมาได้กำลังถูกต่อเข้าสู่จอทีวีขนาดใหญ่ ทั้งองค์ประกอบของแสงสีเสียงที่ได้บรรยากาศเสียจนทำให้ชายหญิงที่อยู่ในจอนั้นคล้ายเป็นพระเอกนางเอกของมิวสิควีดีโอสักเรื่องหนึ่ง และบรรยากาศแสนหวานแสนโรแมนติคนั้นก็เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ได้เป็นระยะๆ ส่วนพระเอกของเรื่องได้แต่นั่งอึ้งๆ เพราะความอายปนขำที่บรรดาพี่สาวทั้ง ๔ ของเขาทำได้แสบสันต์มากๆ
“เธอน่ารักดีนะหิน แม่ชอบ”
ศิวากอดกระชับรอบเอวท้วมๆ ของคุณสุภาพรอย่างแสนรัก เพราะแค่คำนี้แหละที่เขารอคอย ผู้หญิงที่เขาชอบคงไม่ใช่แค่ความชอบของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ต้องเหมารวมพี่สาวทั้ง ๕ และคุณแม่ ๑ เข้าไปด้วย ดูจากเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาพี่สาวกับฉากแสนโรแมนติคของเขา ก็พอจะเดาออกว่าคำตอบจะไปในทิศทางใด เขาแค่รอแม่เอ่ยปากเท่านั้น ต่อจากนี้เขาก็พร้อมที่จะเดินหน้า หากคนที่เล่นเป็นนางเอกอยู่นั้นพร้อมที่จะเดินไปด้วยกันกับเขา
ศิวายิ้มให้กับพี่สาวทั้ง ๕ ของเขา รอยยิ้มที่มั่นใจในความคิดว่าคงไม่ผิดแน่หากจะเป็นเธอคนนี้ บางคนความรักอาจต้องใช้เวลาในการศึกษาดูใจ แต่สำหรับเขาเลยเวลาของจุดนั้นมาแล้ว และเธอเองก็คงจะไม่แตกต่างกันเท่าไร หากมันคลิ๊กตรงกันว่าใช่ แล้วจะมัวชักช้าอยู่ใย ถ้าคิดที่จะรักก็ควรจะเริ่มเลยไม่ต้องรอเวลา

“นี่แกอย่าบอกนะว่า เมื่อคืนแกไม่ได้อาบน้ำน่ะ”
“อาบสิ! ไม่อาบก็เน่ากันพอดี ก็แค่ไม่ได้ล้างหน้าก็เท่านั้นแหละ”
“เอ่อ.. แล้วไป ว่าแต่แก.. เป็นเอามากเลยนะเนี๊ย ฉันไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้มาก่อนเลยทิวลิป หรือว่าคนนี้โดนจริงๆ จริงอ่ะ! แกพร้อมแล้วใช่ไหมทิวลิป แกพร้อมจะไต่ลงมาแล้วใช่ไหม”
แก้มที่แดงระเรื่อของทิวลิปพร้อมกับใบหน้าที่พยักน้อยๆ นั้น เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้จากผองเพื่อนทั้ง ๔ ของเธอได้ในทันที จนเจ้าตัวต้องเอามือป้องปากเป็นสัญญาณให้เบาเสียง เพราะกลุ่มของเธอกำลังจะกลายเป็นจุดเด่นของร้านอาหารนี้อีกครา
“ว่าแต่ แล้วเขาไม่สงสัยหรือไงว่า แกซื้อหนังสือพวกนั้นมาทำไมมากมาย”
“อื้อ.. ไม่รู้ดิ ไม่เห็นถามอะไรหนิ” ทิวลิปส่ายใบหน้าไปมาแต่แก้มระเรื่อนั้นกลับมีสีแดงมากขึ้น
“แล้วแกทำไมไม่บอกเขาไปเลย ว่าซื้อมาทำไม”
“จะบ้าเหรอ ใครจะไปกล้าบอก เขาก็หาว่าฉันร้อนตัวดิ”
“โถ.. ยังจะเหลือตัวให้ร้อนอีกเหรอจ๊ะ ล่อเข้าไปตั้ง ๘ เล่ม ป่านนี้ฉันว่าคุณหินของแกคงไปซื้อมาอ่านแล้วล่ะเพราะอยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมันมีอะไรบ้าง เผื่อจะได้ฝึกวิทยายุทธพร้อมไว้ก่อนน่ะแก”
“นังยุบ้า! แกนี่ รู้งี้ฉันไม่ซื้อให้แกซะก็ดีแล้ว”
“ไม่เชื่อฉัน แกก็คอยดูละกัน ฉันว่าแกให้เขาไปแค่ ๗ เล่มก็พอ อีก ๑ เล่มก็เอาไว้ศึกษาเถอะ เดี๋ยวคุณหินเขารุกมา แกจะไม่รู้ท่ารับที่ถูกต้องนะ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน”
ยุรนาทำท่าเหมือนกูรูผู้รอบรู้อย่างน่าหมั่นไส้ จนทิวลิปอดไม่ได้ที่จะตีต้นแขนอวบอิ่มนั้นไปทีนึง แต่เสียงที่ยุรนาร้องออกมา มันกลับเป็นเสียงเล็ดลอดไรฟันที่ชวนจินตนาการเคลิบเคลิ้มเสียจน เพื่อนสาวที่เหลือต้องรีบเอามือตะครุบปิดปากของยุรนาไว้แน่น เพราะกลัวเจ้าหล่อนจะเผลอครวญครางไปจนถึงฝั่งฝันฉิมพลี

ภาพหญิงสาวที่ดูสวยสดใสกว่าวันไหนๆ ที่เห็น กำลังอยู่ในวงล้อมของเพื่อนๆ และทายได้เลยว่าหัวข้อสนทนาคงไม่พ้นสาเหตุที่ทำให้เจ้าดอกทิวลิปที่เคยก๋ากั่นนั้นถึงกับอายม้วนต้วนอยู่นี่แน่ๆ ทิพยุพาจ้องมองเจ้าของใบหน้าระเรื่อนั้นผ่านห้องกระจกด้านในที่คนภายนอกจะไม่เห็นเธอแต่เธอสามารถมองเห็นแขกที่เข้ามาในร้านได้อย่างชัดเจน เธอเห็นด้วยกับศิวาที่ว่าผู้หญิงควรแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าอย่างพอเหมาะ จึงจะช่วยขับความสวยของแต่ละคนออกมาได้อย่างแท้จริง เพราะวันนี้ทิวลิปดูสวยใสผิดตา และดูอ่อนกว่าวัยมากๆ จนไม่น่าเชื่อว่าทิวลิปนั้นจะมีอายุห่างจากเธอเพียงแค่ปีเศษเท่านั้น
เมื่อมองทิวลิปก็อดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนจากกระจก เธอก็เหมือนกันสินะ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการแต่งหน้าทำผมหรือแม้แต่การเลือกซื้อเครื่องสำอางแต่งแต้มหรือเครื่องสำอางประทินผิว ก็ดูเหมือนว่าศิวาจะจัดการให้เธอและพี่สาวทั้ง ๔ จนครบทุกอย่าง จนบางครั้งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าศิวานั้นเป็นน้องชายคนเล็กหรือว่าเป็นน้องสาวคนเล็กของเธอกันแน่ เพราะเขานั้นศึกษาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพวกเธอ อะไรก็ตามที่จะทำให้พวกเธอมีความสุขและสบายไม่มีสักอย่างที่ศิวาจะไม่ทำ แม้แต่ลงทุนไปเรียนแต่งหน้าทำผม ชายหนุ่มสุดที่รักของเธอก็ทำมาแล้วและก็ทำได้ดีเสียด้วย
ผลงานที่ได้รับก็คงจะเป็นความอ่อนเยาว์ของพวกเธอที่ยังคงเหลืออยู่มากถ้าเทียบกับสาวๆ วัยเดียวกัน และจะยังธุรกิจของครอบครัว “ร้านดอกไม้สุภาพร” สถานที่ที่สร้างให้ดอกไม้อย่างพวกเธอให้เติบโตขึ้นเป็นดอกไม้เหล็กอย่างภาคภูมิใจ ศิวาก็เป็นคนสืบทอดกิจการ ดังนั้นภารกิจหาคู่ให้กับเขาก็เป็นหน้าที่ที่เธอต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ ริมฝีปากบอบบางคลี่ยิ้มในขณะที่มือหยิบโทรศัพท์มือถือและกดไปที่เบอร์เป้าหมายในทันที
“ดอกเหล็ก ๕ เรียกดอกเหล็ก ๓ ทราบแล้วเปลี่ยน.. OK. ดอกไม้หินอยู่ที่นี่แล้ว กำลังเบ่งบานเต็มที่พร้อมสำหรับร่วมสกุล อื้อ! รู้แล้วน่า พี่ภาดูหินไปเถอะ ทิพย์จะจัดการทางนี้เอง OK. ภารกิจดอกไม้เหล็กจะต้องเสร็จสมบูรณ์ตามเป้าหมาย พี่ภาเดี๋ยว! พี่ภา ทิพย์ขออย่างนึงสิ.. เอ่อ.. รหัสลับของพวกเรา เปลี่ยนจาก ดอกเหล็ก.. เป็น ดอกไม้เหล็ก.. ได้ไหมพี่ ทิพย์แขยงขนเวลาพูดอ่ะ โห.. นี่พวกพี่เล่นเผด็จการหนิ ไม่ฟังเสียงโหวตของน้องๆ เลย พี่อรก็ไม่ชอบนะ OK. OK. เพื่อหินนะ ไม่งั้นทิพย์ไม่ยอมหรอก จ้า..ไม่ลืม เย็นนี้เจอกัน หมักหมูไว้เยอะๆ ล่ะ จะล้างท้องไว้รอเลย”
ทิพยุพาอมยิ้มก่อนจะปิดสัญญาณโทรศัพท์ที่เธอโทรหาอาภาพรซึ่งทำหน้าที่ซุ่มดูศิวาอยู่ที่ร้านดอกไม้ เพื่อรายงานผลที่เธอได้รับหน้าที่ให้เฝ้าดูทิวลิป เพราะในทฤษฎีของนักสืบนั้นเชื่อกันว่า “ผู้ต้องหาจะต้องกลับมาที่สถานที่เกิดเหตุอีกครั้งอย่างแน่นอน” และก็เป็นดังคาด เพราะทิวลิปกลับมาที่นี่พร้อมผองเพื่อนของเธอจริงๆ แต่มันจะเป็นจริงตามทฤษฎีไหมเธอไม่รู้ รู้แต่ว่าทิวลิปกับผองเพื่อนของเธอก็แวะเวียนกันมาที่ร้านของเธอเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเจ้าหญิงแสนเปรี้ยวไม่เคยเจอกับเจ้าชายก้นครัวเท่านั้นเอง
“คุยกับใครคะพี่ทิพย์ อมยิ้มไม่หุบเลย”
“กับพี่ภาน่ะ พอดีแก๊งดอกไม้เหล็กของบ้านพี่เขามีภารกิจใหม่ทำกัน แต่ดั๊นใช้รหัสลับว่า ดอกเหล็ก ๑ ถึง ๕ น่ะสิ พี่ก็ดันอยู่ในอันดับ ดอกเหล็ก ๕ เสียด้วย คิดดูสิปุ้ม เวลาคุยกันต้องเรียกว่า ดอกเหล็ก ๕ เรียกดอกเหล็ก ๓ มันทะแม่งๆ ไหมล่ะ”
“น่ารักดีออกค่ะ พี่สาวพี่ทิพย์น่ะช่างคิดทั้งนั้น ว่าแต่ครั้งนี้มีคุณหินเป็นเหยื่ออีกหรือเปล่าคะ”
เด็กปุ้มสาวน้อยร่างเล็กที่ทำงานอยู่กับทิพยุพามากว่า ๓ ปีได้เห็นภารกิจดอกไม้เหล็กที่สาวโสดบ้านนี้ทำกันมานับครั้งไม่ถ้วน และทุกครั้งไม่พ้นเป็นภารกิจจับคู่ให้กับคุณศิวาหรือคุณหินที่เธอมักจะใช้เรียกเขา ความรักและเอื้ออาทรของพี่น้องทั้ง ๖ ทำให้บางครั้งเธอก็แอบคิดเกินเลยไปบ้างเพราะผู้ชายอย่างศิวามีหรือที่ใครจะไม่ชอบ ติดตรงที่ว่าเธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะแมนทั้งแท่งจริงหรือเปล่าและยังไม่อยากพิสูจน์เสียด้วย หรือหากจะพิสูจน์จริง ผลที่ออกมาอาจทำให้เธอต้องระเห็จออกไปหางานที่ใหม่ทำก็ได้แล้วใครล่ะจะรับผิดชอบ
“จะเหลือหรือปุ้ม นั่นน่ะภารกิจสำคัญของพี่เลย ว่าแต่ปุ้มว่างหรือเปล่าล่ะ”
“ค่ะพี่”
ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของทิพยุพาทำให้ปุ้มชักรู้สึกสนุกที่จะมีส่วนร่วมในภารกิจนี้ขึ้นมาซะแล้ว และเมื่อได้ฟังสิ่งที่เจ้าของร้านสาวกระซิบที่ข้างใบหู ดวงตากลมๆ นั้นก็ฉายแววตื่นเต้นและมองตรงไปยังกลุ่ม ๕ สาวเพื่อนซี้ที่เธอคุ้นเคยในทันที
“ว๊าวววว.. ปุ้มชักสนุกแล้วค่ะพี่ทิพย์ ไม่คิดเลยว่าเป้าหมายครั้งนี้จะเป็นคุณทิวลิปนะคะ”
“ไปเหอะน่า อย่ามัวเว้าอยู่ เดี๋ยวทิวลิปเช็คบิลหนีไปก่อนพี่ก็เลยไม่รู้เลยว่าพวกเธอคุยอะไรกัน ไปดิ!”
“แล้วทำไมพี่ทิพย์ไม่ออกไปเองล่ะคะ”
“ได้ไงล่ะหล่อน เจอหน้าฉันเขาจะกล้าเว้ากันเรอะ หล่อนน่ะดีแล้ว ไปสิ! เร็วปุ้ม! พี่ใจร้อน”
“หวังว่าทิวลิปดอกนี้คงกลายเป็นดอกไม้ของคุณหินจริงๆ นะคะ”
เด็กปุ้มพูดทิ้งท้ายก่อนจะยิ้มยั่วพร้อมทำท่าเดินออกไปช้าๆ ให้คนอยากรู้ต้องเข่นเขี้ยวคาดโทษเธออยู่อย่างนั้น ทิพยุพามองปุ้มที่ตรงไปยังโต๊ะเป้าหมายเพื่อทำภารกิจสอดแนมที่เธอมอบหมายให้พร้อมนึกถึงสิ่งที่อาภาพรบอกเมื่อสักครู่
“ก้อนหินของพี่ก็ทำท่าจะอ่อนเป็นขี้ผึ้งรนไฟอยู่แล้ว วันนี้ดอกไม้ในร้านท่าจะสวยผิดปกติ โดยเฉพาะเจ้าดอกไม้ของฮอลแลนด์นั่น สารพัดสีที่ท่านจะเอาออกมาชื่นชม งานนี้ภารกิจเสร็จสมบูรณ์แน่ แล้วทางนั้นล่ะ”
สิ่งที่รับรู้ยิ่งสร้างความมั่นใจให้เธอมากขึ้นว่าภารกิจครั้งนี้ต้องสอยศิวาลงจากคานได้อย่างแน่นอน หรืออีกนัยหนึ่งก็ช่วยสอยทิวลิปลงจากคานเสริมใยเหล็กที่เจ้าตัวสร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นความขมขื่นจากครอบครัวได้เช่นกัน เพราะเป็นพี่รหัสน้องรหัสกันทำให้เธอและทิวลิปสนิมสนมกันพอสมควร และสิ่งที่มักจะสร้างปัญหาให้กับทิวลิปเสมอก็คือบรรดาชายหนุ่มทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องที่มักจะติดตามมาขายขนมจีบให้ทิวลิปอยู่เสมอก็เพราะหล่อนน่ะสวยใช่เล่น แต่ทิวลิปก็ไม่เคยชอบพอใครสักคน เหตุผลก็คือเธอรอคอยคนที่ “ใช่” และอีกเหตุผลสำคัญ ก็คือ “เบื่อ” เหลือทนกับชีวิตคู่ที่ล้มเหลวของคนรอบข้าง แต่ตอนนี้ทิพยุพามั่นใจว่าจะทำให้คานคอนกรีตเสริมเหล็กของทิวลิปสั่นสะเทือนได้แน่ๆ เพราะดูท่าทิวลิปเองก็คงเจอคนที่ “ใช่” สำหรับเธอแล้ว



ชนิตร์นันท์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.พ. 2557, 20:42:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.พ. 2557, 20:42:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 831





<< แอบจริงหรือหลอก   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account