Flower of Love สุภาพบุรุษสีชมพู (ผ่านการพิจารณา สนพ.ดอกหญ้า 2000)
“ทิวลิป” นักการตลาดสาวสวยเปรี้ยวเฉี่ยว วัย ๓๐ ปี เนื่องจากต้องพบเจอกับปัญหาครอบครัวของคนรอบข้างอยู่เสมอ ทิวลิปจึงไม่คิดจะมีครอบครัวและไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครได้ใกล้ชิด ทั้งที่หัวใจปฏิเสธแต่ในส่วนลึกนั้น ทิวลิปก็เหมือนหญิงสาวทั่วไปที่ต้องการชายหนุ่มที่เข้าใจในทุกสิ่งที่ผู้หญิงเป็นและต้องการความรักจากใครสักคนที่จะไม่ทำให้เธอเจ็บปวด
“ศิวา (หิน)” ชายหนุ่มวัย ๓๑ ปี เพราะหน้าตาที่หล่อมากจนกระเดียดไปทางสวยกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก ทั้งที่มีรูปร่างที่สูงใหญ่มาดแมนแต่เพราะเขาไม่เคยเปิดใจให้ใครจึงถูกมองว่าเป็น “เกย์” ศิวาไม่เคยมีความรักแบบหนุ่มสาวกับใคร เขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดไปกับการดูแลเหล่าดอกไม้ทั้ง ๖ ของเขา และดูแลร้านดอกไม้ที่เป็นธุรกิจของครอบครัว เพราะหน้าที่ปกป้องดอกไม้เหล็กที่ผู้เป็นพ่อมอบหมาย ทำให้ทุกเรื่องของผู้หญิงนั้นศิวารู้ไปทุกอย่าง แม้แต่การเลือกซื้อผ้าอนามัย ควรจะซื้อแบบไหนถึงจะซึมซับได้ดี เครื่องสำอางแบบไหนและการแต่งหน้าอย่างไรจึงจะส่งขับความสวยงามตามธรรมชาตินั้นออกมามากที่สุด
เมื่อทั้งสองมาเจอกัน ทิวลิปไม่คิดว่าตัวเองจะมีรักแรกพบกับใคร ผู้ชายที่เธอคิดว่า “ใช่” มาเกิดแล้ว แต่ “Oh! My god. He แอ๊บแมน” ทิวลิปเสียศูนย์กับรักครั้งแรกของตัวเองแต่ก็ได้กำลังใจจากกลุ่มเดอะแก๊งค์ของเธอ ทำให้เธอฮึดสู้ แต่เพราะไม่แน่ใจว่าศิวาเป็นเกย์จริงหรือไม่ ภาระกิจพิสูจน์เกย์จึงเกิดขึ้น
“ศิวา (หิน)” ชายหนุ่มวัย ๓๑ ปี เพราะหน้าตาที่หล่อมากจนกระเดียดไปทางสวยกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก ทั้งที่มีรูปร่างที่สูงใหญ่มาดแมนแต่เพราะเขาไม่เคยเปิดใจให้ใครจึงถูกมองว่าเป็น “เกย์” ศิวาไม่เคยมีความรักแบบหนุ่มสาวกับใคร เขาใช้ชีวิตหนุ่มโสดไปกับการดูแลเหล่าดอกไม้ทั้ง ๖ ของเขา และดูแลร้านดอกไม้ที่เป็นธุรกิจของครอบครัว เพราะหน้าที่ปกป้องดอกไม้เหล็กที่ผู้เป็นพ่อมอบหมาย ทำให้ทุกเรื่องของผู้หญิงนั้นศิวารู้ไปทุกอย่าง แม้แต่การเลือกซื้อผ้าอนามัย ควรจะซื้อแบบไหนถึงจะซึมซับได้ดี เครื่องสำอางแบบไหนและการแต่งหน้าอย่างไรจึงจะส่งขับความสวยงามตามธรรมชาตินั้นออกมามากที่สุด
เมื่อทั้งสองมาเจอกัน ทิวลิปไม่คิดว่าตัวเองจะมีรักแรกพบกับใคร ผู้ชายที่เธอคิดว่า “ใช่” มาเกิดแล้ว แต่ “Oh! My god. He แอ๊บแมน” ทิวลิปเสียศูนย์กับรักครั้งแรกของตัวเองแต่ก็ได้กำลังใจจากกลุ่มเดอะแก๊งค์ของเธอ ทำให้เธอฮึดสู้ แต่เพราะไม่แน่ใจว่าศิวาเป็นเกย์จริงหรือไม่ ภาระกิจพิสูจน์เกย์จึงเกิดขึ้น
Tags: นิยาย, รัก, ร้านดอกไม้, สีชมพู, สุภาพบุรุษ
ตอน: แอบจริงหรือหลอก
ตอนที่ ๓
แอบจริงหรือหลอก
“สุภาพร”
ป้ายหน้าร้านพร้อมทั้งรูปลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเธอมาไม่ผิดร้านแน่ๆ เพราะทั้งด้านในห้องกระจกและด้านนอกล้วนแต่ประดับประดาตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ทั้งดอกไม้ของเมืองไทยและดอกไม้ที่ต้องสั่งนำเข้าจากเมืองนอก
“ร้านดอกไม้.. ก็ใช่นะสิ”
ทิวลิปบอกตัวเองแบบนั้นและพยายามพาแข้งขาที่สั่นๆ เล็กน้อยให้ก้าวเดินเข้าสู้ด้านใน“ร้านดอกไม้สุภาพร” สถานที่ที่เขานัดให้เธอมาพบเพื่อมาเอาสิ่งของน่าอายที่เธอลืมไว้ ในเหตุผลที่ว่าเขาเผลอเอาติดรถกลับมาด้วยและไม่สะดวกหากเธอยังไม่รีบใช้เขาจะเอาไปฝากไว้ที่ “ร้านสีชมพู” ก็คงจะเป็นวันอังคารหน้าเพราะเขาจะเข้าไปที่นั่นได้แค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกค้อนคนพูดนัก คิดได้ยังไงว่าหากเธอยังไม่รีบใช้ หนังสือนั่น.. ถึงไม่รีบก็ต้องตามเอากลับมาให้เร็วที่สุดจนได้ และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องรีบมาที่นี่ในทันทีที่เขาโทรหา
“เพื่อนเกิดเดือนตุลาก็ต้องนี่เลยครับ ดอกกุหลาบ เพราะเป็นดอกไม้สำหรับคนราศีตุลโดยเฉพาะเลยนะครับ คนโรแมนติค อ่อนหวาน ชอบความงดงามของบรรยากาศ รับรองครับ ดอกกุหลาบถูกใจแน่”
“แล้วจะให้สีอะไรดีล่ะคะ พี่หินช่วยเลือกหน่อยสิ”
นักศึกษาสาวที่ดูท่าอยากจะมาซื้อเจ้าของร้านมากกว่าดอกไม้ เอียงหน้าออดอ้อนเขาแบบน่ารักน่าเอ็นดูสุดๆ และก็ดูท่าเขาจะเอ็นดูเสียด้วยถึงได้ให้คำตอบเธออย่างอ่อนหวาน จนสาวเจ้าทำท่าเคลิ้มซะจนน่าจะเก็บไปนอนฝันหวานแน่คืนนี้
“น้องก้อยชอบสีไหนล่ะครับ เอาสีที่น้องก้อยชอบนั่นแหละ เพราะเวลามอบให้เพื่อน คนถือที่มีใบหน้าสดชื่นน่ารักจะยิ่งช่วยขับดอกไม้ในมือให้สวยมากขึ้นไปด้วย”
“น้องก้อยชอบทุกสีที่เป็นของพี่หินล่ะค่ะ พี่หินช่วยเลือกหน่อย.. นะคะ เลือกให้น้องก้อยนะคะ”
“ครับ.. ครับ เดี๋ยวพี่เลือกให้ น้องก้อยไปนั่งคอยก่อนนะครับ พี่จะได้รีบจัดดอกไม้ให้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวพี่ช้าแล้วน้องก้อยไปแต่งหน้าทำผมไม่ทันจะมาโทษพี่หินไม่ได้นะครับ”
เสียงทุ้มกล่าวอย่างสุภาพปนหยอกเย้า ยิ่งทำให้สาวเจ้าม้วนอายจนเพื่อนสาวที่มาด้วยกันต้องสะกิดให้รู้ว่าไม่ได้อยู่กันแค่ตามลำพัง ระหว่างแม่น้องก้อยคนงามและคนขายดอกไม้หนุ่มหล่อเท่านั้น แต่ยังมีเธอและก็มีสาวห้าวในชุดกางเกงชาวเลเสื้อยืดที่ยืนหน้าซีดไร้เครื่องสำอางที่โผล่จากไหนก็ไม่รู้มายืนฟังอยู่ด้วยอีกคน
“อ่ะ! คุณทิวลิปครับ เชิญนั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวขอผมจัดดอกไม้ให้น้องเขาก่อน น้องก้อยจ๊ะเชิญทางโน้นเลยจ้ะ คุณทิวลิปครับ กาแฟน้ำดื่มบริการตัวเองนะครับ”
คนหน้าหล่อแกมสวยเสียจนทำให้เธอใจเต้นรัว หันมาเห็นเธอพร้อมกับทำสีหน้าตกใจนิดๆ ที่เธอคิดว่ามันช่างเร้าใจเสียจนอยากลืมทุกคำเล่าลือเกี่ยวกับตัวเขา ยิ่งเสียงทุ้มๆ ที่เขาตะโกนบอกเธออย่างเป็นกันเองสุดๆ นั่นอีก ก็ทำให้แม่น้องก้อยคนงามหันมาค้อนให้เธอวงใหญ่ แล้วอย่างนี้ “เขาเป็นหรือไม่เป็นกันแน่” ในเมื่อเด็กสาวนี้ทำท่าว่าจะชอบพอเขาเอามากๆ ไม่ต่างกับเธอ
มุมชุดรับแขกที่ตกแต่งในธีมสีชมพูหวาน ซึ่งประกอบไปด้วยโต๊ะไม้สีขาวหลายตัววางอยู่ในมุมต่างๆ โดยมีเบาะรองนั่งที่ตัดเย็บจากผ้าสีขาวนวลแต่มีลวดลายเป็นใบไม้เล็กๆ สีเขียวกระจุกรวมกันเป็นกลุ่ม ทิวลิปคิดว่ามันช่างเข้ากับผนังสีชมพูหวานอย่างสุดๆ นั้น และที่ทำให้สะดุดใจอย่างที่สุดก็คือ หากสังเกตดูจะพบว่าสิ่งที่ปะปนอยู่ผืนผ้าสีขาวนวลที่มีใบไม้สีเขียวเล็กๆ แซมอยู่นั้นกลับกลายเป็นช่อดอกแก้วสีขาวสะอาดตาปักลายนูน จนทำให้เธอไม่กล้าที่จะหย่อนก้นลงนั่งที่เบาะนั้นได้อย่างเต็มที่ ผิดกับอีกสองสาวฝั่งตรงกันข้ามที่นั่งลงในทันทีโดยไม่ได้สนใจมองเธอเลยสักนิด เพราะสิ่งที่เด็กสาวสนใจก็คงจะมีแต่เจ้าของร้านรูปหล่อเท่านั้น
ตำแหน่งที่เธอเลือกนั่งหรืออาจจะเรียกได้ว่าโดนบังคับให้นั่ง เพราะแม่น้องก้อยคนงามรีบเดินแซงเข้ามาก่อน คงเพราะกลัวจะไม่ได้ตำแหน่งที่หมายปอง ทว่าตำแหน่งที่โดนบังคับกลายเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดไปซะงั้นเพราะภาพสะท้อนในกระจกที่เห็นทำให้เธอแอบมองเขาได้อย่างถนัด โดยที่เธอก็ไม่อึดอัดและแม่เด็กสาวคนนี้ก็ไม่ต้องมาทำกิริยาตาขวางใส่เธอไม่ยั้ง และที่สำคัญ “เขา” คนที่เธอแอบมองกิริยาหยิบจับสิ่งของและจัดดอกไม้อย่างคล่องแคล่วชำนาญสมกับเป็นมืออาชีพนั้น.. ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตกเป็นเป้าหมายของสายตาอยากรู้อยากเห็นในตัวตนของเขา จนไม่อาจที่จะละสายตาไปที่ไหนได้สักเสี้ยววินาทีเดียว
ร่างสูงสมส่วนอีกทั้งอกผายไหล่ผึงในวันนี้ สวมเสื้อโปโลสีขาวสะอาดตาที่หน้าอกปักตัวอักษรสีชมพูที่เป็นชื่อร้าน “สุภาพร” ใบหน้าหล่อสะอาดๆ ของเขาดูเกลี้ยงเกลา แต่ก็ยังคงเห็นไรหนวดสีเขียวจางที่ดูเข้มกว่าเมื่อวานเล็กน้อย จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเรียบตรงทว่ากลับมีสีแดงสดเหมือน.. ทาลิปสติค
“แล้วจริงไหม”
นั่นล่ะคือปัญหาที่เธอต้องหาคำตอบ แต่จะด้วยวิธีทางใดนั้นเธอก็ยังไม่รู้ รู้แต่เพียงว่า.. แววอ่อนโยนในดวงตาของเขา ที่มองช่อดอกไม้ไปมาสลับกับเลือกโบว์ที่จะใช้ให้เข้ากับช่อของมัน กลับทำให้เธออยากจะกลายร่างจากดอกทิวลิปไปเป็นดอกกุหลาบสีโอรสช่อนั้นนัก แต่.. เธอคิดคนเดียวเสียเมื่อไรล่ะ ในเมื่อ..
“แก.. ฉันอยากกลายร่างเป็นดอกกุหลาบช่อนั้นอ่ะ แกดูเวลาพี่หินเขามองดอกไม้สิ แทบจะกลืนกิน เขาจะมีแววตาอย่างนั้นไว้มองฉันบ้างไหมนะ”
“ฝันเฟื่องเลยแก ไม่มีวันที่พี่เขาจะมองแกแบบนั้นหรอก แกไม่รู้หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ยายก้อย.. ไม่รู้รึไงว่าพี่เขาเป็นอะไร นังบ้า!”
ทิวลิปหูผึ่งไปกับคำพูดโต้ตอบของสองสาว โดยเฉพาะคำพูดสุดท้ายที่เจ้าตัวพยายามพูดให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นหูเรดาห์อย่างเธอไปได้ สิ่งที่ได้ยินแล้วอยากจะเอาน้ำล้างรูหูนัก แต่ที่ทำได้ก็แค่เพียงพร่ำบ่นตัวเองอยู่ในใจเท่านั้น
“ไม่น่าเลยไอ้ทิวลิป อยากรู้เรื่องคนอื่นดีนัก ม่าย.. ฉันไม่ได้อยากให้ใครมาตอกย้ำ โอววว..ไม่”
“ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อว่าพี่หินจะเป็นอย่างนั้น ฉันจะพิสูจน์ เป็นไม่เป็นฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันจะทำให้พี่หินชอบฉันให้ได้ และถ้ามันเกิดเป็นจริงขึ้นมา ฉันอาจจะได้เขียนหนังสือ.. ได้หน้าลืมหลังก็ได้นะแก”
“นังก้อย นังบ้า! เกรงใจพี่เขาบ้างสิ พูดไม่มีหูรูด เอ่อ.. พี่คะหนูขอโทษแทนเพื่อนหนูด้วยนะคะ เขาไม่ค่อยเต็มน่ะค่ะ”
เด็กสาวตัวอ้วนหันมาขอโทษเธอ ก็น่าจะขอโทษอยู่หรอกเพราะนังน้องก้อยคนงามนั่นเล่นพูดซะเห็นภาพขนาดนั้น แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะก็แค่ยิ้มรับเท่านั้น แต่แค่ยิ้มจะพอเหรอในเมื่อนังหน้าสวยนั่นเล่นเบนสายตามาจ้องมองเธออย่างไม่กะพริบ เหมือนเป้าหมายใหม่ของนางก็คือตัวเธอนี่แหละ
“พี่คะ พี่เป็นเพื่อนของพี่หินใช่ไหมคะ บอกหนูหน่อย พี่หินเป็นเกย์จริงๆ หรือเปล่าคะ”
“น้าน! คำถามตรงใจที่สุด”
ถ้าไม่ใช่ว่านังน้องก้อยจะหันมาถามเธอ ความรู้สึกก็คงจะดีกว่านี้ เพราะจะบอกได้ยังไงว่าเธอก็อยากจะตะโกนถามแม่นักศึกษาสาวก๋ากั่นคนนี้เหลือเกินว่า “จริงหรือไม่จริง” ที่เขาเป็น แต่กลายเป็นว่านังเด็กนี่ดันมาถามเธอก่อน แล้วเธอล่ะควรจะตอบว่าไง
“พี่คะ หนูขอร้องล่ะค่ะ พี่บอกหนูหน่อยว่าพี่หินเขาเป็นเกย์จริงหรือเปล่า พี่เป็นเพื่อนเขา พี่น่าจะรู้”
“นังก้อย! แกรู้ได้ไงว่าพี่เขาเป็นเพื่อนของพี่หิน เขาอาจจะเป็นลูกค้าก็ได้ นังบ้า! ดันไปถามพี่เขาแบบนั้น”
แม่สาวร่างอวบยึดต้นแขนเพื่อนกระซิบกระซาบขณะที่แววตามองมาที่เธออย่างขอโทษขอโพยอีกครั้ง แต่ทั้งหมดนั่นแม่เพื่อนสาวคนสวยไม่ได้สนใจเลยสักนิด เพราะหล่อนยังคงนั่งมองมาที่เธอตาแป๋วอย่างที่ว่า ถ้าไม่ได้คำตอบก็คงจะไม่หยุดรุกเร้า และนั่นจะกลายเป็นสิ่งทำลายเวลาอันมีค่าที่เธอจะใช้มันสำรวจตรวจตราเขาผ่านกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนทุกอิริยาบถของเขาให้มากกว่านี้
สมองสั่งการไวกว่าความคิด เพราะทุกความคิดก็ล้วนมาจากจิตใต้สำนึกในสมองสั่งการ ทิวลิปยิ้มที่มุมปากนิดๆ อย่างประหม่าอายที่จะพูด กิริยาแบบนี้เธอชอบนักเพราะนั่นหมายถึง “นางมารร้าย” ได้กำเนิดแล้ว
“น้องคะ.. ข้อแรกพี่หินไม่ได้เป็นเกย์ค่ะ พี่เขาแมนทั้งแท่ง และข้อสอง.. พี่ไม่ได้เป็นเพื่อนพี่หินค่ะ แต่พี่เป็น..แฟน”
“น้องก้อยครับ เรียบร้อยแล้วครับ”
เสียงสวรรค์ตะโกนร้องบอกดั่งเสียงระฆังช่วยชีวิต.. ไม่ใช่ชีวิตเธอแน่ แต่เป็นนังน้องก้อยคนสวยที่หัวใจคงเต้นไม่เป็นจังหวะหรืออาจจะกำลังช็อก เพราะใบหน้าเอ๋อๆ ของทั้งสองสาวมันทำให้เธอแทบจะหลุดขำออกมา ไม่คิดเลยว่าเวลาเครียดๆ อย่างนี้จะมีอะไรมาให้เล่นแก้เครียดแก้อาการประหม่าที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ได้
น้องก้อยกับเพื่อนสาวที่เดินไปรับช่อดอกไม้พร้อมจ่ายเงินในอาการตึงๆ ปนกระฟัดกระเฟียดทำให้ศิวาแปลกใจ แต่สำหรับทิวลิปนั้นกลับรู้สึกสะใจปนกลัวนิดๆ ที่ตัวเองกล้าหาญชาญชัยประกาศออกไปซะอย่างนั้น แต่จะทำไงได้ “นางมารร้าย” แถมยังพ่วงตำแหน่งมหานครเที่ยวสุดท้ายไว้ด้วยอย่างเธอ หากตัดคู่แข่งได้ก็ควรจะทำไม่ใช่หรือ เด็กนั่นยังกล้าที่จะรุกโดยไม่กลัวสักนิดว่าเขาจะเป็นหรือไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ แล้วหากศิวาเขาเป็นจริงล่ะ ถึงตอนนั้นเธอจะอายไหมนะ
“ไม่หรอก.. โลกมันไม่กลมขนาดนั้นหรอก สำโรงกับมีนใกล้กันซะที่ไหนล่ะ”
ชายหนุ่มทรุดนั่งลงในจุดที่น้องก้อยนั่งเมื่อสักครู่พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุดแล้วมาให้เธอ แต่เธอล่ะถึงอยากจะมองเขาให้เต็มตามากแค่ไหนก็ไม่กล้า เพราะถุงใบโตที่วางอยู่ตรงหน้านี้มันทำให้ได้แต่ก้มหน้าก้มตาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“เอ่อ.. หายากไหมครับ”
“คะ!” อะไรที่หายาก.. ร้านของเขาหรือว่าของในถุง
“เอ่อ.. ผมหมายถึงร้านน่ะครับ หายากไหม เห็นคุณทิวลิปบอกว่าจะมาถึงตอนบ่ายๆ นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว ผมก็คิดว่าหลงทางเสียอีก ตอนแรกว่าจะโทรหาแต่มีลูกค้าเข้ามาพอดีก็เลยไม่ได้โทรน่ะครับ คิดว่าจะมาไม่ถูกซะแล้ว”
เขาที่พูดไปยิ้มไปอย่างคนไม่ซีเรียสกับเรื่องอะไรง่ายๆ ทำให้ทิวลิปกล้าที่จะมองเขา ค่อยคลายบรรยากาศอึมครึมเพราะความประหม่าของตัวเองไปได้มาก และก็ดีแล้วที่หัวข้อสนทนาของเขาจะเปลี่ยนไปให้ไกลจากของที่เธอลืมไว้
“ร้านหาไม่อยากค่ะ แต่รถติดก็เลยมาช้า ทิวลิปต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณหินยุ่งยาก”
“โอ๊ย! ไม่ยุ่งยากเลยครับ คุณทิวลิปไม่ต้องซีเรียส เรื่องเล็กน้อยครับ ดีเสียอีกที่ผมจะได้เพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ได้ยินแต่พี่ทิพย์พูดถึงน้องรหัสสุดสวยไม่คิดเลยนะครับว่าจะได้มาพบตัวจริง”
“ยอกันเองนะคะ ทิวลิปก็ดีใจค่ะที่ได้รู้จักคุณหิน”
“ไม่ได้ยอนะครับ ผมพูดจริง”
“นี่เขากำลังชมเราอยู่หรือเปล่านะ”
อะไรบางอย่างในแววตาของเขา เล่นทำเอาทิวลิปรับรู้ได้ถึงเลือดลมที่ฉีดพล่านไปทั่วทั้งใบหน้า หรือว่าสาววัย ๓๐ อย่างเธอกำลังจะถูกหนุ่มที่หมายตาไว้ขายขนมจีบเข้าแล้ว
“คุณทิวลิปไม่แต่งหน้าแบบนี้ดูน่ารักดีนะครับ”
“ไม่แต่งหน้า..”
ดวงตาหวานตวัดขึ้นมองภาพสะท้อนในกระจกทันที “เพล้ง!” แว่วหูได้ยินเสียงคนหน้าแตก สารรูปที่เห็นมีแค่ผู้หญิงหน้าตาโล้นโป๊นไร้เครื่องสำอางกับผมซอยสั้นที่มีกิ๊บสีเขียวแปร๋นติดอยู่สองตัว และคอเสื้อที่เห็นคงไม่ต้องก้มลงมองต่ำลงไปอีก เพราะคงไม่พ้นชุดเสื้อยืดกางเกงเลที่เธอสวมใส่มันเข้านอนเมื่อคืน มิน่า.. นังน้องก้อยถึงได้ถลึงตามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เดิมที่คิดว่าเด็กนั่นตกใจเพราะเรื่องที่เธอกุขึ้นมา คงต้องเหมารวมเรื่องไม่อยากจะเชื่อว่าศิวาจะเลือกผู้หญิงสภาพอย่างเธอเป็นแฟนไปด้วยแน่ๆ
ศิวารู้สึกถูกใจที่เห็นใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ ใบหน้าที่เขาได้เห็นอย่างใกล้ๆ ดูนวลเนียนไร้เครื่องสำอางและเขาคิดว่ามันดูดีกว่าที่เธอจะแต่งหน้าแต่งตาเข้มๆ แบบที่มันเยอะไป ผิวนวลเนียนใสๆ นั้น ไม่บ่งบอกสักนิดว่าทิวลิปดอกงามนี้ผ่านเข้าสู่วัยเลข ๓ มาแล้ว
“โอย.. โทรมสิไม่ว่า ทิวลิปรีบก็เลยไม่ได้แต่งหน้าแต่งตาเลยค่ะ มาทั้งชุดอยู่บ้านนี่แหละ”
“แง้วววว.. ไอ้ทิวลิป เอาอีกแล้วแก.. เปิ่นได้เรื่องอีกแล้ว”
รอยยิ้มแหยๆ ส่งให้เขาแต่ในใจกลับนึกบ่นว่าตัวเองที่แสดงความโก๊ะออกมาอีกแล้ว เพราะอย่างนี้ไงเล่าถึงได้อยู่มาจนถึงป่านนี้ เพราะความรีบทำให้เธอคิดอะไรไม่ออกนอกจากจะคว้ากุญแจรถและรีบมาตามทางที่เขาบอกโดยเร็ว ก่อนจะมาเสียเวลาซุ่มดูอยู่หน้าร้านอีกหลายชั่วโมงเพราะความไม่กล้าที่จะเข้ามาเผชิญหน้า และมาถึงตอนนี้ยิ่งคิดว่าผิดมากเลยที่ไม่ใช้เวลาเหล่านั้นสำรวจสารรูปตัวเองก่อน ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมไม่มีอะไรเลยสักอย่างที่จะทำให้เขาประทับใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า.. นัดครั้งแรกแก.. ประทับใจจนวันตาย” เสียงหัวเราะเยาะตัวเองในใจดังก้องกระอักกระอ่วนเสียจนพูดอะไรไม่ถูก
“ไม่โทรมเลยครับ คุณทิวลิปรู้ไหมครับธรรมชาติสร้างสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้เราแล้ว แต่เราสิ.. ที่เป็นฝ่ายมองข้าม แต่ผมไม่ได้แอนตี้ที่ผู้หญิงจะแต่งหน้านะครับ ผมเพียงคิดว่าหากแต่งแต่พอควรแต่พอดีจะดูสวยมากกว่าที่แต่งจัดจนดูเยอะไปน่ะครับ ดูดอกไม้เหล่านั้นสิครับ ไม่เห็นมีชนิดไหนที่เหมือนกันเลย แต่เราก็ยังมองว่าเขาสวยงามจนต้องเอามาใส่แจกัน แม้แต่ดอกกุหลาบแต่ละดอกยังมีความสวยงามไม่เหมือนกันเลยครับ ก็เหมือนกับผู้หญิงแต่ละคนก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ไม่เห็นจำเป็นต้องแต่งหน้าหรือแต่งตัวให้เหมือนใครเลยสักนิด บางทีปล่อยผิวเปลือยๆ ให้ได้รับอากาศบ้างยังดูสวยกว่าอีกนะครับ”
ทิวลิปยิ้มแหยพูดไม่ออกยิ่งขึ้น เพราะเขา.. ผู้ชายคนนี้กำลังวิจารณ์การแต่งหน้าของผู้หญิง เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ผู้ชายเขาเอามาคุยกันหรือเปล่านะ มันเป็นเรื่องธรรมดาหรือผิดธรรมชาติกันแน่ ใครล่ะจะไขข้อข้องใจของเธอได้
“คุณทิวลิปว่างไหมครับวันนี้”
“อ่ะ! เอ่อ.. ค่ะ ว่างค่ะ ว่างจนถึงค่ำเลยก็ได้”
“งั้นดีเลย รอผมเดี๋ยวเดียวนะครับ แป๊บเดียวจริงๆ”
คำตอบแบบไม่คิดของเธอเรียกรอยยิ้มหล่อๆ นั้นได้อีกครั้ง รอยยิ้มที่ทำให้ทิวลิปยิ่งสับสน ผู้ชายที่มีนิสัยส่อไปทางนั้นกลับให้รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเธอเต้นรัวอีกแล้ว แต่จะทำอย่างไรได้นอกจากรอเขาเท่านั้น ทิวลิปมองตามเจ้าของร่างสูงที่เดินหายไปด้านหลังร้านที่คาดว่าคงเป็นห้องพักผ่อนหรือไม่ก็อาจจะเป็นห้องพักถาวรของเขาที่นี่ก็ได้ เพราะอาคารพาณิชย์สามชั้นสองคูหานี้เขาไม่น่าจะใช้เป็นเพียงที่เปิดร้านขายดอกไม้เท่านั้น
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะทิวลิป จะรุกหรือถอยดี เธอจะทำยังไง”
“ดอกเหล็ก ๑ เรียกดอกเหล็ก ๒.. ดอกเหล็ก ๑ เรียกดอกเหล็ก ๒.. ทราบแล้วเปลี่ยน ถ้าไม่ทราบก็ต้องทราบเปลี่ยน..”
“นี่ดาพอเถอะ พี่กับแม่ขำจะแย่อยู่แล้วนะ เรากับยัยภานี่ชอบทำอะไรบ๊องๆ แบบนี้เรื่อยเลย”
ลีลาพรที่นั่งเคียงข้างสุภาพรผู้เป็นแม่หัวเราะขำกับท่าทางของนภาดาน้องสาวคนรองที่กำลังสั่งการทางโทรศัพท์ไปหาอาภาพรน้องสาวคนที่ ๒ ที่รับหน้าที่ดูแลร้านดอกไม้ช่วยกันกับศิวาซึ่งเป็นลูกชายคนแรกแต่กลับเป็นลูกคนที่ ๖ ของบ้านหลังนี้ เธอขำทั้งอาการแอบๆ จิกๆ ที่เหล่าพี่สาวทั้งหลายกำลังซุ่มดูสาวคนใหม่ที่ทิพยุพาพยายามจะแนะนำให้กับศิวา และก็ขำกับสรรพนามชื่อแก๊งที่สาวๆ ช่วยกันตั้ง อีกทั้งท่าทางนักสืบหญิงที่ดูท่าจะคล้ายกับผู้ต้องหาหญิงที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ นั้นก็ทำให้ทั้งเธอและแม่อดไม่ได้ที่จะขำเสียจนท้องแข็ง
“ขำอะไรกันคะพี่ลี คะแม่”
อรปรีดาที่เพิ่งกลับมาจากการสอนหนังสือในโรงเรียนใกล้บ้านต้องอมยิ้มกับท่าทางของทั้งแม่และพี่สาวทั้งสองคนของเธอ โดยเฉพาะท่าทางลับๆ ล่อๆ ของนภาดานั้นก็ยิ่งทำให้เธอต้องกั้นหัวเราะไว้เหมือนกันเพราะรู้แล้วว่าที่พี่สาวคนโตกับผู้เป็นแม่หัวเราะกันนั้นมาจากใคร
“ก็ดูสิยัยอร พี่สาวเธอตั้งแก๊งชื่อแปลกๆ อีกแล้ว”
ลีลาพรหันมาฟ้องทั้งที่ยังขำค้างจนต้องเอามือกุมท้องที่รู้สึกจุกเสียดเพราะหัวเราะติดต่อกันเป็นเวลานาน
“ชื่ออะไรคะ พี่ดา และคราวนี้ใครอีกล่ะ อรอ่ะ! เบื่อแล้วนะ ให้หินเขาเลือกเอาเองเถอะค่ะ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เดี๋ยวดีไม่ดีกลายเป็นว่าที่เราไปวุ่นวายอยู่นี่กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้หินเขาขึ้นคานไม่รู้ด้วยนะ ว่าแต่.. ชื่อแก๊งว่าอะไรคะ”
คุณครูคนสวยทรุดกายลงนั่งข้างๆ พี่สาวคนรองที่ทำท่าตั้งใจฟังคำรายงานจากคนปลายสายอย่างเป็นการเป็นงาน แม้วัยจะเข้า ๓๔ ปี แต่อรปรีดากลับดูเหมือนสาวอายุไม่น่าเกิน ๒๕ ปี อาจเป็นเพราะครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่ปราศจากความเครียดก็ได้ จึงทำให้สาวๆ ทั้ง ๕ ถ้าไม่นับคุณแม่สุภาพรเข้าไปด้วยยังดูอ่อนกว่าวัยกันอย่างมากมาย และไม่ใช่ว่าไม่มีใครมาชอบแต่เป็นเพราะว่ายังไม่เจอใครที่ใช่ ทุกคนจึงพร้อมใจที่จะใช้ชีวิตอยู่บนคานเสริมเหล็กที่ผู้เป็นแม่และน้องชายช่วยกันสร้างอย่างไม่มีใครยอมที่จะปีนลงมาก่อนกัน
“ยัยอร! เธอก็เป็นไปด้วยอีกคน ไหนบอกว่าจะปล่อยหินไปไงล่ะ”
“แหม.. พี่ลี ก็ดูท่าพี่ดาสิคะ ทำท่าน่าสนุกเสียขนาดนั้น อรก็เลยอดไม่ได้น่ะสิ”
“เอากันใหญ่เลยนะ แม่สามศรีพี่น้องนี่ นี่ยัยดาแล้วว่าไงล่ะเรา ดูทำหน้าตาเข้า ว่าไง แม่ก็อยากรู้นะ”
“คุณแม่! คุณแม่ก็เป็นไปกับน้องๆ ด้วย”
ลีลาพรหันมาทำท่าเอ็ดคุณแม่สุภาพรอย่างทีเล่นทีจริง ที่แทนจะห้ามปรามแต่กลับดูจะผสมโรงไปกับบรรดาน้องสาวของเธอเสียอย่างงั้น แต่ก็ไม่วายที่จะทำท่าอยากรู้กับเขาเหมือนกัน ทำให้เสียงหัวเราะของทั้งแม่และลูกดังไปลั่นบ้าน
“จะเอาข่าวดีหรือข่าวร้ายก่อนดีคะ”
นภาดาที่หน้าตาบอกบุญไม่รับทำให้ทุกสาวหัวเราะค้างก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้นักสืบหญิง
“เอาข่าวดีก่อนละกัน เพราะอย่างน้อยก็ยังได้มีเรื่องดีๆ รองรับไว้ก่อน ว่ามาเลยอย่ามาลีลา”
คนไม่อยากรู้อย่างที่สุดอย่างลีลาพรกลับเป็นฝ่ายเร่งเร้าให้นภาดาพูด ทำให้น้องสาวทั้งสองหันมาพยักเพยิดหน้าให้กันแบบว่า.. ดูสิพี่สาวหล่อน
“ข่าวดีคือ คนนี้ผ่าน! ดูท่าหินจะชอบเธอเหมือนกัน”
“เฮ! ในที่สุดหินก็มีแววที่จะลงจากคานแล้ว” อรปรีดาแสดงความดีใจสุดๆ
“แล้วข่าวร้ายเล่า บอกมาสิ ยัยดา! ลีลามากจริง” ลีลาพรเร่งเร้าเพราะนภาดายังตีหน้าเศร้าเล่าไม่จบ
“ข่าวร้ายก็คือ.. หินลงทุนแต่งหน้าทำผมให้หล่อนอ่ะ! ดาไม่ยอมด้วย แม่คะ.. ดาไม่ยอม”
“แต่งหน้า!”
“ทำผม!”
ลีลาพรและอรปรีดาที่พูดขึ้นแทบจะพร้อมๆ กัน ทำให้คุณสุภาพรต้องห้ามทัพก่อนจะเกิดศึกน้ำลายขึ้นภายในบ้าน พร้อมกับใช้หมอนใบเล็กปาไปที่ลูกสาวแต่จะคนของเธอที่ท่าจะเป็นเอามากจริงๆ แต่ลูกสาวทั้งสามก็ยังไม่วายจะจูงมือกันไปจับกลุ่มเม้าท์กันต่อข้างนอกห้องรับแขก ปล่อยให้ผู้เป็นแม่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวที่ดูท่าผู้หญิงที่ทิพยุพาแนะนำมาคนนี้จะถูกใจศิวาจริงๆ ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่แสดงความอ่อนโยนแบบนั้นกับใคร เพราะคนที่ศิวาจะดูแลได้อย่างอ่อนโยนนั้นมีเพียงแม่และพี่สาวทั้ง ๕ ของเขาเท่านั้น บรรดา.. ดอกไม้ของนายหิน
“ดูท่าชาตินี้คงมีคนเรียกสุว่าย่า แล้วล่ะพ่อ”
น้ำเสียงอ่อนโยนจงใจพูดกับคนในภาพวาดขนาดใหญ่ที่ประดับไว้บนผนังห้อง ก่อนที่รอยยิ้มทั้งน้ำตาจะประปรายขึ้นบนใบหน้า ความสุขที่รอคอยคงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วมั้ง
แอบจริงหรือหลอก
“สุภาพร”
ป้ายหน้าร้านพร้อมทั้งรูปลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเธอมาไม่ผิดร้านแน่ๆ เพราะทั้งด้านในห้องกระจกและด้านนอกล้วนแต่ประดับประดาตกแต่งไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ทั้งดอกไม้ของเมืองไทยและดอกไม้ที่ต้องสั่งนำเข้าจากเมืองนอก
“ร้านดอกไม้.. ก็ใช่นะสิ”
ทิวลิปบอกตัวเองแบบนั้นและพยายามพาแข้งขาที่สั่นๆ เล็กน้อยให้ก้าวเดินเข้าสู้ด้านใน“ร้านดอกไม้สุภาพร” สถานที่ที่เขานัดให้เธอมาพบเพื่อมาเอาสิ่งของน่าอายที่เธอลืมไว้ ในเหตุผลที่ว่าเขาเผลอเอาติดรถกลับมาด้วยและไม่สะดวกหากเธอยังไม่รีบใช้เขาจะเอาไปฝากไว้ที่ “ร้านสีชมพู” ก็คงจะเป็นวันอังคารหน้าเพราะเขาจะเข้าไปที่นั่นได้แค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกค้อนคนพูดนัก คิดได้ยังไงว่าหากเธอยังไม่รีบใช้ หนังสือนั่น.. ถึงไม่รีบก็ต้องตามเอากลับมาให้เร็วที่สุดจนได้ และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องรีบมาที่นี่ในทันทีที่เขาโทรหา
“เพื่อนเกิดเดือนตุลาก็ต้องนี่เลยครับ ดอกกุหลาบ เพราะเป็นดอกไม้สำหรับคนราศีตุลโดยเฉพาะเลยนะครับ คนโรแมนติค อ่อนหวาน ชอบความงดงามของบรรยากาศ รับรองครับ ดอกกุหลาบถูกใจแน่”
“แล้วจะให้สีอะไรดีล่ะคะ พี่หินช่วยเลือกหน่อยสิ”
นักศึกษาสาวที่ดูท่าอยากจะมาซื้อเจ้าของร้านมากกว่าดอกไม้ เอียงหน้าออดอ้อนเขาแบบน่ารักน่าเอ็นดูสุดๆ และก็ดูท่าเขาจะเอ็นดูเสียด้วยถึงได้ให้คำตอบเธออย่างอ่อนหวาน จนสาวเจ้าทำท่าเคลิ้มซะจนน่าจะเก็บไปนอนฝันหวานแน่คืนนี้
“น้องก้อยชอบสีไหนล่ะครับ เอาสีที่น้องก้อยชอบนั่นแหละ เพราะเวลามอบให้เพื่อน คนถือที่มีใบหน้าสดชื่นน่ารักจะยิ่งช่วยขับดอกไม้ในมือให้สวยมากขึ้นไปด้วย”
“น้องก้อยชอบทุกสีที่เป็นของพี่หินล่ะค่ะ พี่หินช่วยเลือกหน่อย.. นะคะ เลือกให้น้องก้อยนะคะ”
“ครับ.. ครับ เดี๋ยวพี่เลือกให้ น้องก้อยไปนั่งคอยก่อนนะครับ พี่จะได้รีบจัดดอกไม้ให้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวพี่ช้าแล้วน้องก้อยไปแต่งหน้าทำผมไม่ทันจะมาโทษพี่หินไม่ได้นะครับ”
เสียงทุ้มกล่าวอย่างสุภาพปนหยอกเย้า ยิ่งทำให้สาวเจ้าม้วนอายจนเพื่อนสาวที่มาด้วยกันต้องสะกิดให้รู้ว่าไม่ได้อยู่กันแค่ตามลำพัง ระหว่างแม่น้องก้อยคนงามและคนขายดอกไม้หนุ่มหล่อเท่านั้น แต่ยังมีเธอและก็มีสาวห้าวในชุดกางเกงชาวเลเสื้อยืดที่ยืนหน้าซีดไร้เครื่องสำอางที่โผล่จากไหนก็ไม่รู้มายืนฟังอยู่ด้วยอีกคน
“อ่ะ! คุณทิวลิปครับ เชิญนั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวขอผมจัดดอกไม้ให้น้องเขาก่อน น้องก้อยจ๊ะเชิญทางโน้นเลยจ้ะ คุณทิวลิปครับ กาแฟน้ำดื่มบริการตัวเองนะครับ”
คนหน้าหล่อแกมสวยเสียจนทำให้เธอใจเต้นรัว หันมาเห็นเธอพร้อมกับทำสีหน้าตกใจนิดๆ ที่เธอคิดว่ามันช่างเร้าใจเสียจนอยากลืมทุกคำเล่าลือเกี่ยวกับตัวเขา ยิ่งเสียงทุ้มๆ ที่เขาตะโกนบอกเธออย่างเป็นกันเองสุดๆ นั่นอีก ก็ทำให้แม่น้องก้อยคนงามหันมาค้อนให้เธอวงใหญ่ แล้วอย่างนี้ “เขาเป็นหรือไม่เป็นกันแน่” ในเมื่อเด็กสาวนี้ทำท่าว่าจะชอบพอเขาเอามากๆ ไม่ต่างกับเธอ
มุมชุดรับแขกที่ตกแต่งในธีมสีชมพูหวาน ซึ่งประกอบไปด้วยโต๊ะไม้สีขาวหลายตัววางอยู่ในมุมต่างๆ โดยมีเบาะรองนั่งที่ตัดเย็บจากผ้าสีขาวนวลแต่มีลวดลายเป็นใบไม้เล็กๆ สีเขียวกระจุกรวมกันเป็นกลุ่ม ทิวลิปคิดว่ามันช่างเข้ากับผนังสีชมพูหวานอย่างสุดๆ นั้น และที่ทำให้สะดุดใจอย่างที่สุดก็คือ หากสังเกตดูจะพบว่าสิ่งที่ปะปนอยู่ผืนผ้าสีขาวนวลที่มีใบไม้สีเขียวเล็กๆ แซมอยู่นั้นกลับกลายเป็นช่อดอกแก้วสีขาวสะอาดตาปักลายนูน จนทำให้เธอไม่กล้าที่จะหย่อนก้นลงนั่งที่เบาะนั้นได้อย่างเต็มที่ ผิดกับอีกสองสาวฝั่งตรงกันข้ามที่นั่งลงในทันทีโดยไม่ได้สนใจมองเธอเลยสักนิด เพราะสิ่งที่เด็กสาวสนใจก็คงจะมีแต่เจ้าของร้านรูปหล่อเท่านั้น
ตำแหน่งที่เธอเลือกนั่งหรืออาจจะเรียกได้ว่าโดนบังคับให้นั่ง เพราะแม่น้องก้อยคนงามรีบเดินแซงเข้ามาก่อน คงเพราะกลัวจะไม่ได้ตำแหน่งที่หมายปอง ทว่าตำแหน่งที่โดนบังคับกลายเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดไปซะงั้นเพราะภาพสะท้อนในกระจกที่เห็นทำให้เธอแอบมองเขาได้อย่างถนัด โดยที่เธอก็ไม่อึดอัดและแม่เด็กสาวคนนี้ก็ไม่ต้องมาทำกิริยาตาขวางใส่เธอไม่ยั้ง และที่สำคัญ “เขา” คนที่เธอแอบมองกิริยาหยิบจับสิ่งของและจัดดอกไม้อย่างคล่องแคล่วชำนาญสมกับเป็นมืออาชีพนั้น.. ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตกเป็นเป้าหมายของสายตาอยากรู้อยากเห็นในตัวตนของเขา จนไม่อาจที่จะละสายตาไปที่ไหนได้สักเสี้ยววินาทีเดียว
ร่างสูงสมส่วนอีกทั้งอกผายไหล่ผึงในวันนี้ สวมเสื้อโปโลสีขาวสะอาดตาที่หน้าอกปักตัวอักษรสีชมพูที่เป็นชื่อร้าน “สุภาพร” ใบหน้าหล่อสะอาดๆ ของเขาดูเกลี้ยงเกลา แต่ก็ยังคงเห็นไรหนวดสีเขียวจางที่ดูเข้มกว่าเมื่อวานเล็กน้อย จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเรียบตรงทว่ากลับมีสีแดงสดเหมือน.. ทาลิปสติค
“แล้วจริงไหม”
นั่นล่ะคือปัญหาที่เธอต้องหาคำตอบ แต่จะด้วยวิธีทางใดนั้นเธอก็ยังไม่รู้ รู้แต่เพียงว่า.. แววอ่อนโยนในดวงตาของเขา ที่มองช่อดอกไม้ไปมาสลับกับเลือกโบว์ที่จะใช้ให้เข้ากับช่อของมัน กลับทำให้เธออยากจะกลายร่างจากดอกทิวลิปไปเป็นดอกกุหลาบสีโอรสช่อนั้นนัก แต่.. เธอคิดคนเดียวเสียเมื่อไรล่ะ ในเมื่อ..
“แก.. ฉันอยากกลายร่างเป็นดอกกุหลาบช่อนั้นอ่ะ แกดูเวลาพี่หินเขามองดอกไม้สิ แทบจะกลืนกิน เขาจะมีแววตาอย่างนั้นไว้มองฉันบ้างไหมนะ”
“ฝันเฟื่องเลยแก ไม่มีวันที่พี่เขาจะมองแกแบบนั้นหรอก แกไม่รู้หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ยายก้อย.. ไม่รู้รึไงว่าพี่เขาเป็นอะไร นังบ้า!”
ทิวลิปหูผึ่งไปกับคำพูดโต้ตอบของสองสาว โดยเฉพาะคำพูดสุดท้ายที่เจ้าตัวพยายามพูดให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นหูเรดาห์อย่างเธอไปได้ สิ่งที่ได้ยินแล้วอยากจะเอาน้ำล้างรูหูนัก แต่ที่ทำได้ก็แค่เพียงพร่ำบ่นตัวเองอยู่ในใจเท่านั้น
“ไม่น่าเลยไอ้ทิวลิป อยากรู้เรื่องคนอื่นดีนัก ม่าย.. ฉันไม่ได้อยากให้ใครมาตอกย้ำ โอววว..ไม่”
“ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อว่าพี่หินจะเป็นอย่างนั้น ฉันจะพิสูจน์ เป็นไม่เป็นฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันจะทำให้พี่หินชอบฉันให้ได้ และถ้ามันเกิดเป็นจริงขึ้นมา ฉันอาจจะได้เขียนหนังสือ.. ได้หน้าลืมหลังก็ได้นะแก”
“นังก้อย นังบ้า! เกรงใจพี่เขาบ้างสิ พูดไม่มีหูรูด เอ่อ.. พี่คะหนูขอโทษแทนเพื่อนหนูด้วยนะคะ เขาไม่ค่อยเต็มน่ะค่ะ”
เด็กสาวตัวอ้วนหันมาขอโทษเธอ ก็น่าจะขอโทษอยู่หรอกเพราะนังน้องก้อยคนงามนั่นเล่นพูดซะเห็นภาพขนาดนั้น แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะก็แค่ยิ้มรับเท่านั้น แต่แค่ยิ้มจะพอเหรอในเมื่อนังหน้าสวยนั่นเล่นเบนสายตามาจ้องมองเธออย่างไม่กะพริบ เหมือนเป้าหมายใหม่ของนางก็คือตัวเธอนี่แหละ
“พี่คะ พี่เป็นเพื่อนของพี่หินใช่ไหมคะ บอกหนูหน่อย พี่หินเป็นเกย์จริงๆ หรือเปล่าคะ”
“น้าน! คำถามตรงใจที่สุด”
ถ้าไม่ใช่ว่านังน้องก้อยจะหันมาถามเธอ ความรู้สึกก็คงจะดีกว่านี้ เพราะจะบอกได้ยังไงว่าเธอก็อยากจะตะโกนถามแม่นักศึกษาสาวก๋ากั่นคนนี้เหลือเกินว่า “จริงหรือไม่จริง” ที่เขาเป็น แต่กลายเป็นว่านังเด็กนี่ดันมาถามเธอก่อน แล้วเธอล่ะควรจะตอบว่าไง
“พี่คะ หนูขอร้องล่ะค่ะ พี่บอกหนูหน่อยว่าพี่หินเขาเป็นเกย์จริงหรือเปล่า พี่เป็นเพื่อนเขา พี่น่าจะรู้”
“นังก้อย! แกรู้ได้ไงว่าพี่เขาเป็นเพื่อนของพี่หิน เขาอาจจะเป็นลูกค้าก็ได้ นังบ้า! ดันไปถามพี่เขาแบบนั้น”
แม่สาวร่างอวบยึดต้นแขนเพื่อนกระซิบกระซาบขณะที่แววตามองมาที่เธออย่างขอโทษขอโพยอีกครั้ง แต่ทั้งหมดนั่นแม่เพื่อนสาวคนสวยไม่ได้สนใจเลยสักนิด เพราะหล่อนยังคงนั่งมองมาที่เธอตาแป๋วอย่างที่ว่า ถ้าไม่ได้คำตอบก็คงจะไม่หยุดรุกเร้า และนั่นจะกลายเป็นสิ่งทำลายเวลาอันมีค่าที่เธอจะใช้มันสำรวจตรวจตราเขาผ่านกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนทุกอิริยาบถของเขาให้มากกว่านี้
สมองสั่งการไวกว่าความคิด เพราะทุกความคิดก็ล้วนมาจากจิตใต้สำนึกในสมองสั่งการ ทิวลิปยิ้มที่มุมปากนิดๆ อย่างประหม่าอายที่จะพูด กิริยาแบบนี้เธอชอบนักเพราะนั่นหมายถึง “นางมารร้าย” ได้กำเนิดแล้ว
“น้องคะ.. ข้อแรกพี่หินไม่ได้เป็นเกย์ค่ะ พี่เขาแมนทั้งแท่ง และข้อสอง.. พี่ไม่ได้เป็นเพื่อนพี่หินค่ะ แต่พี่เป็น..แฟน”
“น้องก้อยครับ เรียบร้อยแล้วครับ”
เสียงสวรรค์ตะโกนร้องบอกดั่งเสียงระฆังช่วยชีวิต.. ไม่ใช่ชีวิตเธอแน่ แต่เป็นนังน้องก้อยคนสวยที่หัวใจคงเต้นไม่เป็นจังหวะหรืออาจจะกำลังช็อก เพราะใบหน้าเอ๋อๆ ของทั้งสองสาวมันทำให้เธอแทบจะหลุดขำออกมา ไม่คิดเลยว่าเวลาเครียดๆ อย่างนี้จะมีอะไรมาให้เล่นแก้เครียดแก้อาการประหม่าที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ได้
น้องก้อยกับเพื่อนสาวที่เดินไปรับช่อดอกไม้พร้อมจ่ายเงินในอาการตึงๆ ปนกระฟัดกระเฟียดทำให้ศิวาแปลกใจ แต่สำหรับทิวลิปนั้นกลับรู้สึกสะใจปนกลัวนิดๆ ที่ตัวเองกล้าหาญชาญชัยประกาศออกไปซะอย่างนั้น แต่จะทำไงได้ “นางมารร้าย” แถมยังพ่วงตำแหน่งมหานครเที่ยวสุดท้ายไว้ด้วยอย่างเธอ หากตัดคู่แข่งได้ก็ควรจะทำไม่ใช่หรือ เด็กนั่นยังกล้าที่จะรุกโดยไม่กลัวสักนิดว่าเขาจะเป็นหรือไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ แล้วหากศิวาเขาเป็นจริงล่ะ ถึงตอนนั้นเธอจะอายไหมนะ
“ไม่หรอก.. โลกมันไม่กลมขนาดนั้นหรอก สำโรงกับมีนใกล้กันซะที่ไหนล่ะ”
ชายหนุ่มทรุดนั่งลงในจุดที่น้องก้อยนั่งเมื่อสักครู่พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุดแล้วมาให้เธอ แต่เธอล่ะถึงอยากจะมองเขาให้เต็มตามากแค่ไหนก็ไม่กล้า เพราะถุงใบโตที่วางอยู่ตรงหน้านี้มันทำให้ได้แต่ก้มหน้าก้มตาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“เอ่อ.. หายากไหมครับ”
“คะ!” อะไรที่หายาก.. ร้านของเขาหรือว่าของในถุง
“เอ่อ.. ผมหมายถึงร้านน่ะครับ หายากไหม เห็นคุณทิวลิปบอกว่าจะมาถึงตอนบ่ายๆ นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว ผมก็คิดว่าหลงทางเสียอีก ตอนแรกว่าจะโทรหาแต่มีลูกค้าเข้ามาพอดีก็เลยไม่ได้โทรน่ะครับ คิดว่าจะมาไม่ถูกซะแล้ว”
เขาที่พูดไปยิ้มไปอย่างคนไม่ซีเรียสกับเรื่องอะไรง่ายๆ ทำให้ทิวลิปกล้าที่จะมองเขา ค่อยคลายบรรยากาศอึมครึมเพราะความประหม่าของตัวเองไปได้มาก และก็ดีแล้วที่หัวข้อสนทนาของเขาจะเปลี่ยนไปให้ไกลจากของที่เธอลืมไว้
“ร้านหาไม่อยากค่ะ แต่รถติดก็เลยมาช้า ทิวลิปต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณหินยุ่งยาก”
“โอ๊ย! ไม่ยุ่งยากเลยครับ คุณทิวลิปไม่ต้องซีเรียส เรื่องเล็กน้อยครับ ดีเสียอีกที่ผมจะได้เพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ได้ยินแต่พี่ทิพย์พูดถึงน้องรหัสสุดสวยไม่คิดเลยนะครับว่าจะได้มาพบตัวจริง”
“ยอกันเองนะคะ ทิวลิปก็ดีใจค่ะที่ได้รู้จักคุณหิน”
“ไม่ได้ยอนะครับ ผมพูดจริง”
“นี่เขากำลังชมเราอยู่หรือเปล่านะ”
อะไรบางอย่างในแววตาของเขา เล่นทำเอาทิวลิปรับรู้ได้ถึงเลือดลมที่ฉีดพล่านไปทั่วทั้งใบหน้า หรือว่าสาววัย ๓๐ อย่างเธอกำลังจะถูกหนุ่มที่หมายตาไว้ขายขนมจีบเข้าแล้ว
“คุณทิวลิปไม่แต่งหน้าแบบนี้ดูน่ารักดีนะครับ”
“ไม่แต่งหน้า..”
ดวงตาหวานตวัดขึ้นมองภาพสะท้อนในกระจกทันที “เพล้ง!” แว่วหูได้ยินเสียงคนหน้าแตก สารรูปที่เห็นมีแค่ผู้หญิงหน้าตาโล้นโป๊นไร้เครื่องสำอางกับผมซอยสั้นที่มีกิ๊บสีเขียวแปร๋นติดอยู่สองตัว และคอเสื้อที่เห็นคงไม่ต้องก้มลงมองต่ำลงไปอีก เพราะคงไม่พ้นชุดเสื้อยืดกางเกงเลที่เธอสวมใส่มันเข้านอนเมื่อคืน มิน่า.. นังน้องก้อยถึงได้ถลึงตามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เดิมที่คิดว่าเด็กนั่นตกใจเพราะเรื่องที่เธอกุขึ้นมา คงต้องเหมารวมเรื่องไม่อยากจะเชื่อว่าศิวาจะเลือกผู้หญิงสภาพอย่างเธอเป็นแฟนไปด้วยแน่ๆ
ศิวารู้สึกถูกใจที่เห็นใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ ใบหน้าที่เขาได้เห็นอย่างใกล้ๆ ดูนวลเนียนไร้เครื่องสำอางและเขาคิดว่ามันดูดีกว่าที่เธอจะแต่งหน้าแต่งตาเข้มๆ แบบที่มันเยอะไป ผิวนวลเนียนใสๆ นั้น ไม่บ่งบอกสักนิดว่าทิวลิปดอกงามนี้ผ่านเข้าสู่วัยเลข ๓ มาแล้ว
“โอย.. โทรมสิไม่ว่า ทิวลิปรีบก็เลยไม่ได้แต่งหน้าแต่งตาเลยค่ะ มาทั้งชุดอยู่บ้านนี่แหละ”
“แง้วววว.. ไอ้ทิวลิป เอาอีกแล้วแก.. เปิ่นได้เรื่องอีกแล้ว”
รอยยิ้มแหยๆ ส่งให้เขาแต่ในใจกลับนึกบ่นว่าตัวเองที่แสดงความโก๊ะออกมาอีกแล้ว เพราะอย่างนี้ไงเล่าถึงได้อยู่มาจนถึงป่านนี้ เพราะความรีบทำให้เธอคิดอะไรไม่ออกนอกจากจะคว้ากุญแจรถและรีบมาตามทางที่เขาบอกโดยเร็ว ก่อนจะมาเสียเวลาซุ่มดูอยู่หน้าร้านอีกหลายชั่วโมงเพราะความไม่กล้าที่จะเข้ามาเผชิญหน้า และมาถึงตอนนี้ยิ่งคิดว่าผิดมากเลยที่ไม่ใช้เวลาเหล่านั้นสำรวจสารรูปตัวเองก่อน ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมไม่มีอะไรเลยสักอย่างที่จะทำให้เขาประทับใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า.. นัดครั้งแรกแก.. ประทับใจจนวันตาย” เสียงหัวเราะเยาะตัวเองในใจดังก้องกระอักกระอ่วนเสียจนพูดอะไรไม่ถูก
“ไม่โทรมเลยครับ คุณทิวลิปรู้ไหมครับธรรมชาติสร้างสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้เราแล้ว แต่เราสิ.. ที่เป็นฝ่ายมองข้าม แต่ผมไม่ได้แอนตี้ที่ผู้หญิงจะแต่งหน้านะครับ ผมเพียงคิดว่าหากแต่งแต่พอควรแต่พอดีจะดูสวยมากกว่าที่แต่งจัดจนดูเยอะไปน่ะครับ ดูดอกไม้เหล่านั้นสิครับ ไม่เห็นมีชนิดไหนที่เหมือนกันเลย แต่เราก็ยังมองว่าเขาสวยงามจนต้องเอามาใส่แจกัน แม้แต่ดอกกุหลาบแต่ละดอกยังมีความสวยงามไม่เหมือนกันเลยครับ ก็เหมือนกับผู้หญิงแต่ละคนก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ไม่เห็นจำเป็นต้องแต่งหน้าหรือแต่งตัวให้เหมือนใครเลยสักนิด บางทีปล่อยผิวเปลือยๆ ให้ได้รับอากาศบ้างยังดูสวยกว่าอีกนะครับ”
ทิวลิปยิ้มแหยพูดไม่ออกยิ่งขึ้น เพราะเขา.. ผู้ชายคนนี้กำลังวิจารณ์การแต่งหน้าของผู้หญิง เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ผู้ชายเขาเอามาคุยกันหรือเปล่านะ มันเป็นเรื่องธรรมดาหรือผิดธรรมชาติกันแน่ ใครล่ะจะไขข้อข้องใจของเธอได้
“คุณทิวลิปว่างไหมครับวันนี้”
“อ่ะ! เอ่อ.. ค่ะ ว่างค่ะ ว่างจนถึงค่ำเลยก็ได้”
“งั้นดีเลย รอผมเดี๋ยวเดียวนะครับ แป๊บเดียวจริงๆ”
คำตอบแบบไม่คิดของเธอเรียกรอยยิ้มหล่อๆ นั้นได้อีกครั้ง รอยยิ้มที่ทำให้ทิวลิปยิ่งสับสน ผู้ชายที่มีนิสัยส่อไปทางนั้นกลับให้รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเธอเต้นรัวอีกแล้ว แต่จะทำอย่างไรได้นอกจากรอเขาเท่านั้น ทิวลิปมองตามเจ้าของร่างสูงที่เดินหายไปด้านหลังร้านที่คาดว่าคงเป็นห้องพักผ่อนหรือไม่ก็อาจจะเป็นห้องพักถาวรของเขาที่นี่ก็ได้ เพราะอาคารพาณิชย์สามชั้นสองคูหานี้เขาไม่น่าจะใช้เป็นเพียงที่เปิดร้านขายดอกไม้เท่านั้น
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะทิวลิป จะรุกหรือถอยดี เธอจะทำยังไง”
“ดอกเหล็ก ๑ เรียกดอกเหล็ก ๒.. ดอกเหล็ก ๑ เรียกดอกเหล็ก ๒.. ทราบแล้วเปลี่ยน ถ้าไม่ทราบก็ต้องทราบเปลี่ยน..”
“นี่ดาพอเถอะ พี่กับแม่ขำจะแย่อยู่แล้วนะ เรากับยัยภานี่ชอบทำอะไรบ๊องๆ แบบนี้เรื่อยเลย”
ลีลาพรที่นั่งเคียงข้างสุภาพรผู้เป็นแม่หัวเราะขำกับท่าทางของนภาดาน้องสาวคนรองที่กำลังสั่งการทางโทรศัพท์ไปหาอาภาพรน้องสาวคนที่ ๒ ที่รับหน้าที่ดูแลร้านดอกไม้ช่วยกันกับศิวาซึ่งเป็นลูกชายคนแรกแต่กลับเป็นลูกคนที่ ๖ ของบ้านหลังนี้ เธอขำทั้งอาการแอบๆ จิกๆ ที่เหล่าพี่สาวทั้งหลายกำลังซุ่มดูสาวคนใหม่ที่ทิพยุพาพยายามจะแนะนำให้กับศิวา และก็ขำกับสรรพนามชื่อแก๊งที่สาวๆ ช่วยกันตั้ง อีกทั้งท่าทางนักสืบหญิงที่ดูท่าจะคล้ายกับผู้ต้องหาหญิงที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ นั้นก็ทำให้ทั้งเธอและแม่อดไม่ได้ที่จะขำเสียจนท้องแข็ง
“ขำอะไรกันคะพี่ลี คะแม่”
อรปรีดาที่เพิ่งกลับมาจากการสอนหนังสือในโรงเรียนใกล้บ้านต้องอมยิ้มกับท่าทางของทั้งแม่และพี่สาวทั้งสองคนของเธอ โดยเฉพาะท่าทางลับๆ ล่อๆ ของนภาดานั้นก็ยิ่งทำให้เธอต้องกั้นหัวเราะไว้เหมือนกันเพราะรู้แล้วว่าที่พี่สาวคนโตกับผู้เป็นแม่หัวเราะกันนั้นมาจากใคร
“ก็ดูสิยัยอร พี่สาวเธอตั้งแก๊งชื่อแปลกๆ อีกแล้ว”
ลีลาพรหันมาฟ้องทั้งที่ยังขำค้างจนต้องเอามือกุมท้องที่รู้สึกจุกเสียดเพราะหัวเราะติดต่อกันเป็นเวลานาน
“ชื่ออะไรคะ พี่ดา และคราวนี้ใครอีกล่ะ อรอ่ะ! เบื่อแล้วนะ ให้หินเขาเลือกเอาเองเถอะค่ะ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เดี๋ยวดีไม่ดีกลายเป็นว่าที่เราไปวุ่นวายอยู่นี่กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้หินเขาขึ้นคานไม่รู้ด้วยนะ ว่าแต่.. ชื่อแก๊งว่าอะไรคะ”
คุณครูคนสวยทรุดกายลงนั่งข้างๆ พี่สาวคนรองที่ทำท่าตั้งใจฟังคำรายงานจากคนปลายสายอย่างเป็นการเป็นงาน แม้วัยจะเข้า ๓๔ ปี แต่อรปรีดากลับดูเหมือนสาวอายุไม่น่าเกิน ๒๕ ปี อาจเป็นเพราะครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่ปราศจากความเครียดก็ได้ จึงทำให้สาวๆ ทั้ง ๕ ถ้าไม่นับคุณแม่สุภาพรเข้าไปด้วยยังดูอ่อนกว่าวัยกันอย่างมากมาย และไม่ใช่ว่าไม่มีใครมาชอบแต่เป็นเพราะว่ายังไม่เจอใครที่ใช่ ทุกคนจึงพร้อมใจที่จะใช้ชีวิตอยู่บนคานเสริมเหล็กที่ผู้เป็นแม่และน้องชายช่วยกันสร้างอย่างไม่มีใครยอมที่จะปีนลงมาก่อนกัน
“ยัยอร! เธอก็เป็นไปด้วยอีกคน ไหนบอกว่าจะปล่อยหินไปไงล่ะ”
“แหม.. พี่ลี ก็ดูท่าพี่ดาสิคะ ทำท่าน่าสนุกเสียขนาดนั้น อรก็เลยอดไม่ได้น่ะสิ”
“เอากันใหญ่เลยนะ แม่สามศรีพี่น้องนี่ นี่ยัยดาแล้วว่าไงล่ะเรา ดูทำหน้าตาเข้า ว่าไง แม่ก็อยากรู้นะ”
“คุณแม่! คุณแม่ก็เป็นไปกับน้องๆ ด้วย”
ลีลาพรหันมาทำท่าเอ็ดคุณแม่สุภาพรอย่างทีเล่นทีจริง ที่แทนจะห้ามปรามแต่กลับดูจะผสมโรงไปกับบรรดาน้องสาวของเธอเสียอย่างงั้น แต่ก็ไม่วายที่จะทำท่าอยากรู้กับเขาเหมือนกัน ทำให้เสียงหัวเราะของทั้งแม่และลูกดังไปลั่นบ้าน
“จะเอาข่าวดีหรือข่าวร้ายก่อนดีคะ”
นภาดาที่หน้าตาบอกบุญไม่รับทำให้ทุกสาวหัวเราะค้างก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้นักสืบหญิง
“เอาข่าวดีก่อนละกัน เพราะอย่างน้อยก็ยังได้มีเรื่องดีๆ รองรับไว้ก่อน ว่ามาเลยอย่ามาลีลา”
คนไม่อยากรู้อย่างที่สุดอย่างลีลาพรกลับเป็นฝ่ายเร่งเร้าให้นภาดาพูด ทำให้น้องสาวทั้งสองหันมาพยักเพยิดหน้าให้กันแบบว่า.. ดูสิพี่สาวหล่อน
“ข่าวดีคือ คนนี้ผ่าน! ดูท่าหินจะชอบเธอเหมือนกัน”
“เฮ! ในที่สุดหินก็มีแววที่จะลงจากคานแล้ว” อรปรีดาแสดงความดีใจสุดๆ
“แล้วข่าวร้ายเล่า บอกมาสิ ยัยดา! ลีลามากจริง” ลีลาพรเร่งเร้าเพราะนภาดายังตีหน้าเศร้าเล่าไม่จบ
“ข่าวร้ายก็คือ.. หินลงทุนแต่งหน้าทำผมให้หล่อนอ่ะ! ดาไม่ยอมด้วย แม่คะ.. ดาไม่ยอม”
“แต่งหน้า!”
“ทำผม!”
ลีลาพรและอรปรีดาที่พูดขึ้นแทบจะพร้อมๆ กัน ทำให้คุณสุภาพรต้องห้ามทัพก่อนจะเกิดศึกน้ำลายขึ้นภายในบ้าน พร้อมกับใช้หมอนใบเล็กปาไปที่ลูกสาวแต่จะคนของเธอที่ท่าจะเป็นเอามากจริงๆ แต่ลูกสาวทั้งสามก็ยังไม่วายจะจูงมือกันไปจับกลุ่มเม้าท์กันต่อข้างนอกห้องรับแขก ปล่อยให้ผู้เป็นแม่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวที่ดูท่าผู้หญิงที่ทิพยุพาแนะนำมาคนนี้จะถูกใจศิวาจริงๆ ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่แสดงความอ่อนโยนแบบนั้นกับใคร เพราะคนที่ศิวาจะดูแลได้อย่างอ่อนโยนนั้นมีเพียงแม่และพี่สาวทั้ง ๕ ของเขาเท่านั้น บรรดา.. ดอกไม้ของนายหิน
“ดูท่าชาตินี้คงมีคนเรียกสุว่าย่า แล้วล่ะพ่อ”
น้ำเสียงอ่อนโยนจงใจพูดกับคนในภาพวาดขนาดใหญ่ที่ประดับไว้บนผนังห้อง ก่อนที่รอยยิ้มทั้งน้ำตาจะประปรายขึ้นบนใบหน้า ความสุขที่รอคอยคงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วมั้ง
ชนิตร์นันท์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.พ. 2557, 20:40:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.พ. 2557, 20:40:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 976
<< องครักษ์พิทักษ์ดอกไม้ | ภารกิจดอกไม้ >> |