ลมหวนรัก(จบแล้วค่ะ)
เธอ...หญิงสาวผู้อ่อนหวานและอ่อนไหว ควรลงเอยกับผู้ชายที่เข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ความรักไม่ปล่อยให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขนาดนั้น ส่งโจทย์ยากมาให้ด้วยสองชายหนุ่มที่แตกต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งเป็นคุณหมอหนุ่มแสนดี และมีในทุกสิ่งที่ผู้หญิงทั้งโลกต้องการ อีกคนยียวน แสนกวน แต่มั่นคงในรัก เธอเปิดใจให้ชายคนแรกเพราะความเหมาะสม ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่เธอรักเหมือนน้องชายก็เข้ามากร่อนกำแพงหัวใจไม่หยุด นานวันเข้า...หัวใจก็เริ่มลังเล เมื่อหัวใจเลือกได้เพียงหนึ่ง...เธอจะเลือกใคร ชายในฝันของใครๆ หรือหนุ่มรุ่นน้องที่เธอปฏิเสธนักหนาว่า "ไม่มีวัน"
Tags: ดอกนางพญาเสือโคร่ง

ตอน: ตอนที่ 5







“ตั้ง! นี่โดนหนักขนาดนี้เลยเหรอ น่วมไปทั้งตัวเลย”

เสียงขวัญชนกดังมาก่อนตัว ร่างสูงโปร่งท่าทางทะมัดทะแมงในชุดชอปสีน้ำเงินของคณะวิศวกรรมศาสตร์ปราดมาหาถึงเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ซึ่งตั้งใจนั่งเฝ้าคนป่วยอยู่ เขาส่งยิ้มจางๆ ไปให้เพื่อนสาว ก่อนทอดสายตาไปยังร่างบอบบางของเต็มใจซึ่งดูบอบช้ำ ลมหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าเธอยังหลับต่อด้วยความอ่อนเพลีย ชายหนุ่มเกรงว่าเสียงคุยจะรบกวนจึงเป็นฝ่ายชวนคนมาเยี่ยมให้นั่งลงบนโซฟาซึ่งไกลออกมาอีกหน่อย

“อย่าแตกตื่นไปหน่อยเลยขวัญ เรื่องเล็กน่า เราบาดเจ็บนิดเดียวเอง ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลด้วย แต่พี่เต็มสิ แย่หน่อย น่าสงสาร” ชายหนุ่มส่งสายตาไปยังคนป่วยก่อนหันกลับมาถาม “อ้าว! แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ”

“ฆ้องมาด้วย เห็นแวะซื้อข้าว ว่าจะมากินด้วยกันในห้อง สร้างความครึกครื้นให้เพื่อนหน่อย เฮ้อ ตั้งนะตั้ง อยู่ดีๆ ก็ไปเล่นบทฮีโร่ซะงั้น” ขวัญชนกยังพุ่งประเด็นมาที่อาการของเขา ยังไม่ถามถึงอาการของเต็มใจสักคำจนชายหนุ่มต้องประหลาดใจ

“คนถูกฉุดแล้วก็โดนทำร้ายร่างกายเป็นพี่เต็มนะ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต เราก็ยอม”

“ตั้งนี่เป็นน้องชายที่ดี รักพี่สาวจริงๆ เลย”

ดวงตาคมของคนพูดสำรวจทั่วร่างกายเพื่อนเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก ตั้งใจรู้ดีว่าขวัญชนกคิดกับเขามากกว่าเพื่อน คอยช่วยเหลือ คอยห่วงใยตลอดมา...แต่ความรัก อย่างไรก็บังคับกันไม่ได้

“แหงอยู่แล้ว เหมือนคลานตามกันมาซะขนาดนี้ ไม่รักได้ไง” ชายหนุ่มยืนยันความรู้สึกที่เขามีต่อหญิงสาวซึ่งนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้

เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะขึ้น ร่างสูงสง่าของคุณหมอเจ้าของไข้เดินตรงไปยังเตียง และทันทีที่เห็นคนมาเยี่ยม ธชาก็เบิกตากว้าง

“ยายขวัญ! นี่ไปยังไงมายังไงถึงได้มาเยี่ยมเต็มล่ะ รู้จักกันด้วยเหรอ”

ขวัญชนกยกมือไหว้ ก่อนลุกขึ้นไปหาหมอหนุ่มซึ่งเดินเข้ามาพร้อมพยาบาลร่างท้วมหน้าหมวยที่ถือแฟ้มบันทึกการรักษาอยู่การทักทายกันอย่างสนิทสนมนั้นทำเอาตั้งใจต้องลอบสังเกตด้วยความประหลาดใจ

“พี่ธชา ขวัญมาเยี่ยมตั้งแล้วก็พี่เต็มด้วย ตั้งเป็นเพื่อนสนิทขวัญค่ะ ซี้กันมาตั้งแต่ชั้นประถมละ”

“เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ คุณน้าทั้งสองสบายดีเหรอ”

ธชาถามไถ่อย่างเป็นกันเอง ขวัญชนกเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนักเพราะน้าสาวของเขาติดใจธรรมชาติ ไม่ชอบความวุ่นวายในตัวเมืองเชียงใหม่จึงย้ายมาอยู่ต่างอำเภอเป็นสิบๆ ปีแล้ว และเมื่อธชาย้ายมาทำงานที่นี่ก็เป็นจังหวะที่คุณน้าและครอบครัวย้ายกลับไปอยู่ในตัวเมืองพอดี เนื่องจากอยากอยู่ใกล้ชิดดูแลลูกสาวซึ่งสอบติดที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงปล่อยบ้านเดิมในตัวอำเภอนี้ให้คนมาซื้อต่อไป

“ทุกคนสบายดีค่ะพี่ ขวัญเองก็ไม่ค่อยกล้ามารบกวนพี่เท่าไหร่ แต่ทราบข่าวตลอดนะคะ พ่อกับแม่พูดถึงพี่ธชาให้ฟังบ่อยๆ เรานี่คลาดกันตลอดนะคะ พอพี่ธชามาเป็นหมอที่นี่ ขวัญกับครอบครัวก็ย้ายไปตัวเมืองเชียงใหม่ ขวัญไม่ค่อยได้กลับมาหรอกค่ะ เรียนหนักมากเลย”

“จ๊ะ พี่ขอตรวจคนไข้ก่อนนะ ยังต้องไปราวนด์วอร์ดต่ออีก”

นายแพทย์หนุ่มเดินตรงไปหาคนไข้สาวซึ่งค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้ สายตาที่หมอหนุ่มทอดไปยังเต็มใจนั้นมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่แค่หมอกับคนไข้ ความห่วงใยล้นเหลือนั่น ปิดอย่างไรก็ไม่มิด ตั้งใจเบือนหน้าหนีจากภาพบาดตา แต่ก็ยังได้ยินเสียง

“เต็ม เป็นไงบ้าง ปวดตรงไหนมากเป็นพิเศษมั้ย คุณคงระบมแย่เลยสิ”

“ดีขึ้นมากแล้วค่ะคุณหมอ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดูแลเต็ม โชคดีจังที่คุณหมออยู่เวรฉุกเฉินพอดี”

“ถึงไม่ได้อยู่ ผมก็ต้องวิ่งมาดูแลคุณเองแน่ๆ มา ขอตรวจนิดหนึ่งนะ”

ธชาใช้สเตรชโตสโคปฟังเสียงปอดและหัวใจคนไข้ ตามด้วยตรวจแผลฟกช้ำ เขาอ่านชาร์ทแสดงผลการวัดไข้และความดันจากพยาบาลประกอบ ก่อนส่งยิ้มให้เต็มใจ

“ผมว่านอนพักที่นี่อีกคืนก็ดีนะครับหรือจะพักที่แฟลตก็ได้ ผมจะได้ดูแลง่ายหน่อย”

“จริงสิ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันดูแลแกได้นะเต็ม ช่วยๆ กัน” ยุวดีที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังเอ่ยแทรกขึ้นมา เต็มใจส่ายหน้าพร้อมยืนยัน

“หลังแอดมิตคืนนี้แล้ว เต็มว่าจะกลับไปพักที่บ้านน่ะค่ะ”

“งั้นก็ตามใจครับ” คุณหมอหนุ่มส่งยิ้มอบอุ่นที่สุดไปให้หญิงสาวบนเตียง ทำเอาตั้งใจหน้าร้อนผ่าวด้วยความหงุดหงิด ดูเอาเถอะ รอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยนขนาดนี้ ผู้หญิงที่ไหนจะใจแข็งอยู่ได้ จู่ๆ ธชาก็หันมาถามเขา “แล้วตั้งล่ะ อาการเป็นไงบ้าง”

“ระบมที่แผลแตกบนหน้าผากนิดเดียว นอกนั้นดีขึ้นมากเลยครับ”

“ค่อยเบาใจหน่อย ผมฝากเต็มด้วยนะตั้ง พี่สาวคุณต้องพักอีกหนึ่งอาทิตย์เป็นอย่างน้อย อาการทั้งหมดเกิดจากถูกแรงกระแทก โชคดีไม่มีส่วนไหนหักเลย สมองก็ไม่กระทบกระเทือนอะไร” คุณหมอหนุ่มฝากฝังราวกับเป็นเจ้าของเต็มใจไปแล้ว ทำเอาตั้งใจยิ่งฉุนหนัก แต่จำต้องระงับอารมณ์ก่อนตอบออกไป

“ครับคุณหมอ ผมจะดูแลพี่เต็มอย่างดี ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“คืนนี้ฉันมาเฝ้าแกเองก็ได้ ตั้งจะได้กลับไปพัก” ยุวดีออกปาก

“ได้ยังไงล่ะยุ้ย กว่าแกจะออกเวรก็สี่โมงเย็น ยังต้องมาเฝ้าฉันอีก ฉันว่าให้ตั้งอยู่ดีกว่า โซฟาตัวยาวนั่นก็นอนได้”

“ไม่เอา ฉันเฝ้าแกได้น่า ก็แค่เปลี่ยนที่นอนจะอะไรนักหนาเชียว ตั้งจะได้กลับบ้านไปพักสบายๆ แผลแตกน่วมทั้งหน้าขนาดนั้น ปวดแย่” พยาบาลสาวยืนยัน

“ผมเห็นด้วยกับยุวดีนะครับ มีเพื่อนพยาบาลช่วยเฝ้า ผมคงเบาใจขึ้น”

คำตัดสินของหมอธชาถือเป็นที่สิ้นสุด เต็มใจพยักหน้ารับ

“งั้นก็เอาตามนั้น ขอบคุณนะยุ้ย”

“อืม ออกเวรแล้วฉันจะกลับไปอาบน้ำอาบท่า กลับมานอนนี่ ดีเหมือนกัน ได้เปลี่ยนบรรยากาศ”

ตั้งใจจำต้องยอม ทั้งที่ในใจอยากอยู่เฝ้าเต็มใจด้วยตัวเอง จากนั้นก็ทำอย่างที่เคยทำมาตลอด นั่นคือฝืนหัวเราะออกไป ก่อนบอกคนป่วย

“ก็ดี ผมกลับไปนอนบ้านดีกว่า ได้ข่าวว่าพี่สาวผมกรนเสียงดัง” เขาอำ

“เจ้าตั้งบ้า! ใครบอกเธอว่าพี่กรน เดี๋ยวเถอะ ไอ้น้องคนนี้ พอพี่อาการดีขึ้นหน่อยก็เริ่มกวนอีกแล้วนะ”

บรรยากาศในห้องพิเศษของโรงพยาบาลดูครึกครื้นขึ้นทันที ธชาและยุวดีขอตัวไปทำงานต่อ เมื่อนึกขึ้นได้ขวัญชนกก็เอ่ยขึ้นมา

“เอ๊ะ แล้วนี่ฆ้องไปซื้อกับข้าวถึงไหนกัน ป่านนี้ยังไม่มาอีก อย่าบอกนะว่ามัวแต่ไปจีบผู้ช่วยพยาบาลสาวๆ อยู่ เห็นมีหน้าตาจิ้มลิ้มหลายคน สมใจคนรักเด็กละสิคราวนี้”

______________________________________________________


‘คนรักเด็ก’ ที่ถูกนินทากำลังเดินถือถุงข้าวราดผัดกะเพราไก่สี่ถุงเดินดุ่มๆ ผ่านโต๊ะในโรงอาหารซึ่งตั้งเรียงเป็นแถวยาว ผู้คนขวักไขว่ทำให้เดินไม่สะดวก ฆ้องนึกตำหนิตัวเองที่คิดผิด อยากให้เพื่อนได้กินอาหารร้อนๆ ทำสุกใหม่ จึงลงทุนไปหาร้านกับข้าวตามสั่งซึ่งคิวยาวเฟื้อย กว่าจะได้อาหารมื้อกลางวันมา รอกันเป็นชาติ ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าเต็มที่จนแทบไม่มีโอกาส ‘ส่องเด็ก’ คนไหนเลย

ใกล้จะออกมาจากโรงอาหารอยู่แล้ว ร่างใหญ่ของเขาก็ปะทะเข้ากับบางสิ่งที่พุ่งตรงมาราวจรวด ก่อนตามมาด้วยความร้อนจัดตรงท่อนแขน ทั้งเปียกทั้งร้อนจนต้องร้องโอดโอยลั่นก่อนจะได้ยินเสียงคู่กรณีร้องดังกว่า

“ว้าย! นี่จะรีบไปไหนเนี่ย เด็กบ้า!”

‘เด็กบ้า’ งั้นหรือ นี่ยายแก่ที่ไหนบังอาจมาด่าเขาทั้งที่เขาไม่ผิด ฆ้องก้มลงมองน้ำเย็นตาโฟร้อนๆ ที่ราดลงบนท่อนแขนและเสื้อยืดสีขาวตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาใส่วันนี้เป็นวันแรก

“ป้าเองก็เดินไม่รู้จักดู มันร้อนนะเนี่ย ขอโทษสักคำก็ไม่มี แล้วดูสิ เสื้อเปื้อนหมดเลยด้วย ซวยจริงๆ”

ดูเหมือนคู่กรณีจะได้สติ วางชามเย็นตาโฟที่ไร้น้ำลงบนโต๊ะ ก่อนคว้าแขนเขาไปสำรวจหน้าตาเฉย

“ไปที่ห้องฉุกเฉินเดี๋ยวนี้ ฉันจะล้างแล้วก็ทำแผลให้ ตามมาสิ”

เรียกออกไปว่าป้า แต่พอสังเกตหน้าตาดีๆ ก็พบว่าถึงแม้หญิงสาวคนนี้จะดูมีอายุกว่าเขา แต่เธอก็ยังไม่เข้าใกล้คำว่า ‘ป้า’ ที่เขาเรียกสักนิด ที่สำคัญ...เธอสวยมาก!

“แสบไปหมดแล้ว จะพองมั้ยเนี่ย”

ฆ้องบ่นขณะเดินตามหญิงสาวไป เพิ่งสังเกตว่าเธอสวมเสื้อกาวน์ อย่าบอกนะว่าเป็นหมอ เขาไม่เชื่อหรอกว่ามีหมอสวยๆ ดูทันสมัยขนาดนี้

เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉิน คู่กรณีของเขาก็จัดการล้างแผลน้ำร้อนลวกให้จนสะอาดก่อนทาอะไรสักอย่างบางๆ ลงไปที่แขน ขณะที่หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำแผล ฆ้องก็แอบอ่านชื่อบนเสื้อกาวน์ ได้ความว่าเธอชื่อ พญ.จิณณา...ผู้หญิงคนนี้เป็นหมอจริงๆ ด้วย! เหลือเชื่อ ก็ดูกระโปรงที่เจ้าหล่อนสวมอยู่เถอะ เดรสบานสั้นแค่เข่าลายดอกไม้น่ารัก แม้จะถูกสวมทับด้วยเสื้อกาวน์แต่ก็ไม่อาจปิดบังรูปร่างสมส่วนที่ซ่อนอยู่ได้...สวยระดับพระกาฬ...ฆ้องสรุปได้ทันที

“ห้ามโดนน้ำ อย่างน้อยอาทิตย์นึงนะ ไปได้แล้ว” เธอยกมือขึ้นเสยผมยาวประบ่าที่ตกลงมาปรกหน้าขณะออกปากคล้ายๆ ไล่เขา

“อะไรเนี่ย ทำเขาเจ็บขนาดนี้ ขอโทษสักคำก็ไม่มี” ฆ้องโวยวายจนพยาบาลที่อยู่เตียงข้างๆ หันมามอง

“ทำแผลให้นี่ก็ถือว่าขอโทษแล้วไง ที่จริงก็ผิดกันคนละครึ่งนะ เราน่ะ เดินไม่รู้จักดู จะรีบอะไรนักหนา ส่วนฉันก็...มัวแต่เหม่อไปนิด พอดีรีบด้วย ต้องกลับมาดูคนไข้ต่อ”

คุณหมอสาวเอาแต่อ้างเหตุผลของตัวเอง ยังไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษอยู่ดี แถมยังทำสีหน้าไม่สำนึกผิด น่าหมั่นไส้นัก

“อย่าถือว่าเป็นหมอแล้วขอโทษใครไม่ได้นะ คุณจะน่ารักกว่านี้ ถ้ารู้จักขอโทษคนอื่นบ้าง” ฆ้องโพล่งออกไป

“นี่! ถือดียังไงมาสอนผู้ใหญ่ฮึ” เธอเถียงทันที มือเปลี่ยนไปเท้าสะเอวพร้อมลุย

“ผู้ใหญ่เหรอ แก่กว่าผมกี่ปีเชียว มาทำเป็นข่ม”

อันที่จริงฆ้องไม่ใช่คนชอบระรานใคร แต่ท่าทางเย่อหยิ่ง คิดว่าตัวเองสวยเด่นสร้างความหงุดหงิดใจจนต้องเตือนสติเสียบ้าง ที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเอาดื้อๆ

“นี่! เดินหนีเฉยเลย ขอบคุณสักคำก็ไม่มี” เธอตะโกนตามมา

“คุณไม่ขอโทษ ผมก็ไม่ขอบคุณ”

เขาตอกกลับก่อนจากมาอย่างสะใจ ผู้หญิงอะไรสวยแต่รูปจริงๆ ชายหนุ่มถือถุงกับข้าวเดินเร็วๆ กลับมาที่ห้องพักคนไข้ เสียงทักดังขึ้นทันที

“นั่นแกไปโดนอะไรมาวะฆ้อง เสื้อเปื้อนหมดเลย แล้วแขนก็...”

ตั้งใจยังพูดไม่จบ ฆ้องก็สวนกลับ

“โดนหมอซุ่มซ่ามทำน้ำเย็นตาโฟราดใส่อะดิ เซ็งมาก ลวกแขนซะแสบไปหมด”

“มิน่าล่ะ หายไปนานเชียว เจ็บมากมั้ยฆ้อง”

ขวัญชนกถามไถ่อย่างห่วงใย เข้ามายืนเพ่งรอยแดงบนท่อนแขน ซึ่งถูกทาด้วยครีมอะไรสักอย่างไว้ ฆ้องรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากหงุดหงิดมากไปกว่านี้

“พี่เต็มหิวข้าวแย่เลย มากินข้าวกันเหอะ อย่าไปสนใจคนประหลาดพรรค์นั้นเลย ขอโทษสักคำก็ไม่มี”

ขวัญชนกรับถุงกับข้าวทั้งสี่ถุงไปแกะเทลงจานแล้วแจกจ่ายเพื่อนๆ ตั้งใจรับไปแล้ววางจานของตัวเองบนโต๊ะ อีกจานเขาเดินถือไปหยุดข้างเตียง

“พี่เต็มกินเองไหวรึเปล่า ผมป้อนให้ก็ได้นะ”

“ไม่ต้องเลย พี่กินเองได้ ดีขึ้นตั้งเยอะแล้ว”

เต็มใจรับจานมาแล้วตักข้าวเข้าปากเพื่อยืนยันว่าเธอทำได้เองจริงๆ

“ไม่ยักรู้ว่าขวัญเป็นญาติกับหมอธชา” ตั้งใจเปิดประเด็นขึ้นมา ขณะต่างคนต่างกินข้าวผัดกะเพราของตัวเอง

“ฉันต้องโพนทะนาด้วยเหรอว่าเป็นญาติใครบ้าง” เพื่อนสาวขาลุยตอบกวนๆ แล้วบอกต่อ

“พี่ธชาเป็นลูกป้าฉันเอง ป้าธิดารวยมาก มีกิจการหลายอย่างในเชียงใหม่”

“แบบนี้หมอคนนั้นไม่ยิ่งเนื้อหอมใหญ่เลยเหรอ หล่อด้วยรวยด้วย แต่ก็แปลกนะเรามาหาพี่เต็มทีไรก็เห็นคุณหมอสุดหล่อแอบมองพี่เต็มด้วยแววตาวิบวับทุกทีเลย ดูพิเศษมากๆ” ฆ้องตั้งข้อสังเกตจากการที่เขามีโอกาสได้มาเยี่ยมเยียนเต็มใจที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ บางคราวก็ขนกับข้าวอร่อยๆ ฝีมือคำปันมาส่งให้ เขามีโอกาสได้พบคุณหมอหนุ่มมาหลายครั้ง และทุกครั้งก็มักเห็นคุณหมอหนุ่มส่งสายตาหวานฉ่ำมายังพี่สาวคนสวย

“ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พี่ธชามองพี่เต็มเหมือนจะกลืนกิน นี่คงแอบจีบมานานแล้วละสิ เขามาทำงานที่นี่ตั้งสามปีแล้ว ทำไมพี่เต็มไม่ใจอ่อนสักทีล่ะคะ” ขวัญชนกรีบเสริม น้ำเสียงที่ถามจริงจังจนทุกคนในห้องตั้งใจฟังคำตอบ

“พี่ยังไม่พร้อมน่ะ” ตอบออกมาสั้นๆ แต่คงมีอะไรมากกว่านั้นแน่ เต็มใจคงเห็นถึงความต่างมากมายซึ่งทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด

“อืม พี่เต็มรู้มั้ย ขวัญเคยได้ยินแม่เล่าให้ฟังว่าป้าธิดา แม่พี่ธชาสนใจจะเปิดรีสอร์ตแถวๆ บ้านปันน้ำใจด้วยละ”

“อะไรนะ แม่คุณหมอธชานี่เองเหรอที่ป้าคำเคยเล่าให้พี่ฟังว่าอยากซื้อที่ดินของบ้านปันน้ำใจ แต่ป้าไม่ยอม”

“ก็น่าจะใช่นะคะ ป้าธิดาใฝ่ฝันอยากทำรีสอร์ต ท่านเป็นหญิงแกร่ง เลี้ยงลูกด้วยตัวเองมาตั้งแต่พี่ธชายังเด็ก สามีเสียไปนานแล้ว ท่านก็ยังทำธุรกิจต่อจนก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ เสียแต่พี่ธชาไม่ค่อยได้ดั่งใจ ไม่ยอมช่วยทำธุรกิจ พี่เขาไม่ชอบน่ะ” ดูเหมือนขวัญชนกนึกอะไรขึ้นได้ เธอรีบเปลี่ยนเรื่องกะทันหันจนน่าแปลกใจ

“นี่ตกลงคืนนี้เพื่อนพี่เต็มมาเฝ้าใช่ไหมคะ งั้นตั้งไปส่งขวัญที่บ้านหน่อยสิ กินข้าวเสร็จเรากลับกันเลยดีมั้ย”

“ได้สิ มีมอเตอร์ไซค์มาสองคัน เราไปส่งขวัญเอง ส่วนฆ้องก็แยกกันกลับบ้าน”

“ตามนั้นนะ” ขวัญชนกบอก แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าว

ตอนห้าโมงกว่าๆ ยุวดีก็มารับช่วงดูแลคนไข้ต่อ ปล่อยให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับไป

_________________________________________________________________


“มีอะไรรึเปล่าขวัญ เราว่าขวัญแปลกๆ ไปนะ ตั้งแต่ตอนกินข้าวแล้ว” ตั้งใจถามเพื่อนเมื่อเดินมาถึงที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ด้านหลังโรงพยาบาล

“ตั้งรู้มั้ย ขวัญอึดอัดจะแย่ อยากเล่าเรื่องที่ลืมเล่าไปสนิท...เรื่องแม่พี่ธชาน่ะ เราไปหาที่นั่งคุยกันแป๊บนึงได้มั้ย เรื่องสำคัญมากนะ”

ตั้งใจเดินนำไปยังสวนหย่อมเล็กๆ ของโรงพยาบาล ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ บนสนามหญ้าหญิงสาวเริ่มต้นเล่าทันทีเหมือนรู้ใจว่าเขาอยากรู้ขนาดไหน

“พูดถึงป้าธิดา ขวัญนึกขึ้นมาได้ แม่เล่าว่าป้าอยากได้ที่ดินของบ้านปันน้ำใจแบบสุดๆ เลยละ ป้าธิดาเป็นคนมุ่งมั่น ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ แล้วท่านก็เคยคุยกับแม่ขวัญว่าท่านมีแผน”

“แผน?”

“ใช่ ป้าธิดาไม่มีใครสนิทพอจะคุยด้วยได้ ท่านก็มาระบายความในใจกับแม่ทุกเรื่อง เรื่องที่ดินนั่นก็เหมือนกัน ท่านบอกว่าถ้าจำเป็นก็จะเอาลูกชายตัวเองเป็นเหยื่อล่อ”

“อะไรนะ ‘เหยื่อล่อ’ เหรอขวัญ”

“อืม...ป้าธิดารู้ว่าพี่เต็มเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของบ้านปันน้ำใจรองจากป้าคำที่แก่ตัวลงทุกวัน แถมมีโรคประจำตัวอีก ท่านเดาว่าคนดูแลต่อไปก็ต้องเป็นพี่เต็มแล้ว...ท่านก็เลย...”

“เล่ามาเร็วๆ เล่าให้หมด” ชายหนุ่มเร่งเมื่อเห็นเพื่อนเริ่มลังเล

“ขวัญไม่แน่ใจว่าควรบอกมั้ย แต่ตั้งก็รู้ว่าขวัญผูกพันกับบ้านปันน้ำใจมาก ขวัญอยากให้บ้านที่แสนอบอุ่นหลังนั้นยังมีอยู่เพื่อเด็กกำพร้าต่อไป...คือ...ป้าธิดาจะยุให้พี่ธชาชอบกับพี่เต็มให้ได้ ท่านคิดว่าพี่เต็มเป็นแค่เด็กกำพร้า คงจะอยากอัปเกรดตัวเองด้วยการมีสามีรวยๆ พอพี่เต็มกับพี่ธชาเป็นแฟนกัน เกลี้ยกล่อมจนได้ที่ดินแล้วค่อยให้เลิกกับพี่เต็มทีหลัง”

“อย่าหวังเลย ไม่มีทางหรอก” ตั้งใจเอ่ยน้ำเสียงเครียด เขากัดกรามแน่นจนกล้ามเนื้อข้างแก้มปูดโปน

“นั่นสิ ขวัญก็มั่นใจนะว่าพี่เต็มไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นหรอก ก็เลยไม่ได้เล่าให้ตั้งฟังสักที แต่วันนี้พอเห็นสายตาที่พี่ธชามองพี่เต็มแล้ว ขวัญชักกลัว ขวัญไม่สนิทขนาดจะไปถามพี่เขาว่าชอบพี่เต็มเพราะป้าธิดายุ หรือว่าชอบกันจริงๆ ถ้าเป็นแบบนี้ก็เข้าทางป้าธิดาละ ขออย่างเดียว ขวัญภาวนาอย่าให้พี่เต็มใจอ่อนรักพี่ธชาจนยอมเขาทุกอย่างก็แล้วกัน”

“ไม่มีวันนั้นหรอกขวัญ”

ตั้งใจลั่นวาจา ความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมผลักดันให้เขาตัดสินใจเด็ดขาด...ถึงเวลาแล้วสินะ ที่ความรักซึ่งหลบซ่อนอยู่ในใจได้เวลาเผยตัว...ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องทำ

___________________________________________________________________


เช้าวันรุ่งขึ้นชายหนุ่มตื่นตั้งแต่ตีห้า เดินลงมาถึงชั้นล่างของบ้านก็พบคำปันนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานเก่าๆ เป็นภาพที่คุ้นตา ตั้งใจเดินตรงเข้าไปหา

“ป้าตื่นแต่เช้าเหมือนเดิมเลย”

“มันชินแล้วละ แล้วนี่ตั้งจะไปรับพี่เต็มกลับบ้านใช่มั้ย”

“ครับป้า หมอให้ออกโรงพยาบาลได้วันนี้ พี่เต็มอยากกลับมาพักที่นี่”

“อืม...ก็ดีเหมือนกัน ตั้งแต่ไปทำงาน เต็มไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่ แล้วเราล่ะตั้ง เป็นแผลฟกช้ำขนาดนี้ คงต้องลาเรียนเหมือนกันใช่มั้ย”

“ผมว่าจะลาสักสองสามวันเท่านั้นแหละป้า ลานานไม่ได้ เดี๋ยวต้องตามงานกันจ้าละหวั่น นี่ก็ใกล้จะไปฝึกงานแล้ว อยากเคลียร์เรื่องเรียนให้จบๆ ไปก่อนน่ะครับ”

“เก่งนะเรา ถ้าเกรดเป็นแบบนี้ก็ได้เกียรตินิยมสินะ”

“ครับป้า”

“ป้าภูมิใจในตัวแกนะตั้ง เอาละ ไปรับพี่สาวกลับบ้านได้แล้ว ขับมอเตอร์ไซค์ดีๆ ละ ไม่ใช่เอาพี่เขาไปล้ม เจ็บซ้ำเข้าไปอีกนะ”

“มือระดับนี้แล้ว ไม่มีพลาดครับป้า” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งยิ้ม ยิ่งเห็นคำปันมุ่งมั่นเลี้ยงดูเด็กๆ ในบ้านมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งต้องรักษาที่ดินผืนนี้ไว้ให้ได้ถึงแม้แน่ใจว่าเต็มใจไม่มีวันยอมมอบที่ดินนี้ให้ใคร แต่เรื่องอย่างนี้ไม่ควรประมาทและควรตัดไฟแต่ต้นลม

เต็มใจไม่ควรรักใครนอกจากเขา...งานนี้ขอประลองกำลังกับคุณหมอหน้าหล่อคนนั้นสักตั้ง ใครชนะก็เอาหัวใจของเต็มใจไปครองตั้งใจพร้อมแล้วสำหรับศึกหัวใจครั้งนี้

_________________________________________________________________

แสงสว่างภายในห้องพักคนไข้ส่องให้เห็นภาพผ่านกระจกใสที่คนมาเยี่ยมมองเข้าไปได้ นายแพทย์หนุ่มร่างสูงกำลังใช้มือลูบศีรษะของคนไข้สาวอย่างอ่อนโยน สายตาที่ประสานกันนั้นบ่งบอกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ตั้งใจไม่อยากให้เกิดขึ้น

เขาตัดสินใจเคาะแล้วผลักบานประตูเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต ธชาผงะไปนิดหนึ่ง ก่อนจะบอกแก้เก้อ

“มาแต่เช้าเลยนะตั้ง” คุณหมอหนุ่มค่อยๆ ชักมือกลับ

“ผมเป็นห่วงพี่เต็มจนต้องมาหาแต่เช้าน่ะครับ เป็นไงบ้างพี่ เมื่อคืนปวดตรงไหนมากรึเปล่า”

ตั้งใจปรี่เข้าไปหาคนไข้บนเตียง ทำเหมือนไม่มีใครอีกคนยืนอยู่ด้วย คล้ายว่าภาพธชาลูบศีรษะเต็มใจอย่างอ่อนโยนนั้นไม่เคยเกิดขึ้น

“คำถามเดียวกับคุณหมอเลยนะ นี่นึกยังไงถึงต้องรีบมาขนาดนี้ ขี่มอเตอร์ไซค์เช้าๆ หนาวแย่” ถึงเสียงจะดุแต่รอยยิ้มของเต็มใจยังคงหวานซึ้งอ่อนโยนเช่นเคย

“สบายมาก ผมชินแล้ว นี่ผมต้องทำอะไรบ้าง ไปรับยาก่อนรึเปล่าครับ อยากพาพี่เต็มกลับบ้านจะแย่ ป้าคำห่วงมากนะ อยากมาเยี่ยมแต่พี่เต็มก็ห้ามไว้”

“ไม่ต้องมาน่ะดีแล้ว พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย นี่พี่ยังไม่ได้ขอบใจตั้งเลย อุตส่าห์ช่วยพี่ไว้ ถ้าไม่ได้ตั้งละก็ พี่คงแย่แน่”

“อย่าไปพูดถึงมันเลยพี่ สำหรับพี่เต็ม ชีวิตผมก็ให้ได้”

ทำไมจะไม่เห็นว่าธชาสะดุดกับคำพูดที่เพิ่งจบลงจนต้องหันมามองหน้าเขาเพื่อสำรวจความรู้สึก ตั้งใจจึงแสดงความในใจส่งผ่านดวงตาให้เต็มใจไปทั้งหมด ยังไงเขาก็มีภาษีดีกว่า เขาหนุ่มแน่นมีชีวิตชีวากว่าหมอธชามาก...ชายหนุ่มพยายามปลอบตัวเองทั้งที่ออกจะค้านๆ ในใจ เขาไม่ลืมหรอกว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบผู้ชายอายุมากกว่า เพราะคิดว่าดูแลเธอได้ดี...แต่เขาก็ดูแลเต็มใจได้นี่นา จะดูแลให้ดีกว่าด้วย

“วันนี้เราพูดอะไรแปลกๆ นะเจ้าตั้ง พยาบาลคนไหนให้ยาผิดหรือเปล่าเนี่ย”

“จากใจเลยพี่ พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมรู้เลยว่าพี่สำคัญกับผมแค่ไหน” เขาโพล่งออกไป

“ก็เราโตมาด้วยกันย่อมผูกพันกันเป็นธรรมดา”

“ผมว่าตั้งลงไปรับยาก่อนดีมั้ย ถ้าสายคนจะเยอะ นี่ใบสั่งยาครับ” ธชาเอ่ยแทรก พร้อมยื่นแผ่นกระดาษสีขาวมาให้ ตั้งใจจำต้องรับไป แล้วบอก

“งั้นผมไปเอายาก่อน เดี๋ยวเราจะได้กลับบ้านกันนะพี่เต็ม”

รอจนกระทั่งร่างสูงโปร่งเดินออกไปจากห้องจนลับตาแล้วนั่นแหละ เต็มใจจึงรีบเอ่ย

“คุณหมออย่าถือสาเจ้าตั้งนะคะ เขาจะค่อนข้างหวงพี่สาว เป็นแบบนี้ตั้งแต่เล็กแล้วละค่ะ” เธอออกรับแทนน้องชายที่ดูจะแสดงกิริยาประหลาดๆ ชอบกล

“ผมว่าเขาพูดจาแปลกๆ ไปนะ แต่ยังไงผมก็ต้องฝ่าด่านน้องชายคุณไปให้ได้เต็มครับ จำได้มั้ยผมเคยบอกว่ามีเรื่องต้องคุยกับคุณ ก่อนคุณกลับบ้านแล้วเกิดเรื่องวันนั้น” ธชาเข้าเรื่องของเขา หญิงสาวใจเต้นแรง ถามออกไปเบาๆ

“จำได้ค่ะคุณหมอ มีอะไรรึเปล่าคะ”

“มีสิ เยอะด้วย แต่ผมขอบอกในบรรยากาศที่ดีกว่านี้นะครับ รอโอกาสเหมาะๆ ก่อน แล้วผมก็ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมคุณที่บ้านปันน้ำใจ อยากกลับไปที่นั่นอีก”

“คุณหมอเคยไปแล้วเหรอคะ” หญิงสาวจับประเด็นที่เธอสนใจขึ้นมาถาม

“นั่นละ คือเรื่องสำคัญที่ผมอยากบอก...ตอนนี้อดใจไว้ก่อน แล้วจะเล่าให้คุณฟังอีกทีนะครับ”

“ค่ะ”

เต็มใจรับคำอย่างว่าง่าย ความรู้สึกหวามไหวก่อตัวขึ้นในหัวใจเมื่อมือแข็งแกร่งเอื้อมมากุมมือเธอไว้ ก่อนได้ยินเสียงทุ้มกำชับ

“ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะครับ คุณดูแลคนอื่นมามากแล้ว”

รอยยิ้มกว้างจริงใจที่เต็มใจชอบมองเป็นที่สุดถูกส่งมาให้ หญิงสาวยิ้มตอบก่อนชักมือกลับช้าๆ อย่างเขินอายเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนพยาบาลเปิดประตูเข้ามาเพื่อเตรียมวัดความดันธชาค่อยๆ เดินผละไป หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากทุกคราว...เธอรู้สึกอาลัยอาวรณ์



ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ทุกไลค์และทุกคอมเมนต์ค่ะ ^___^

__________________________________________________________________

ตอบคอมเมนต์ค่ะ

คุณ Pat ... ช่วยลุ้นต่อนะคะ ^^

คุณ แมวเหมียวก้อย ... ขอบคุณมากๆ ค่าาาา ^____^

คุณ OhLaLa ... เดี๋ยวรอดูตอนคุณหมอรุกนะคะ...ไม่เบา อิอิ


ขอบคุณที่เข้ามาคุยกันนะคะ ^_________^

____________________________________________________________________



ดาริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.พ. 2557, 05:41:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.พ. 2557, 05:41:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1283





<< ตอนที่ 4   ตอนที่ 6(ลบแล้วค่ะ) >>
Oleang 10 ก.พ. 2557, 07:37:20 น.


imsoul 10 ก.พ. 2557, 08:48:27 น.
โอ้! ขวัญ คงไม่มีดราม่านะ


nunoi 10 ก.พ. 2557, 10:16:49 น.
อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน


OhLaLa 10 ก.พ. 2557, 18:03:18 น.
แทบอดใจไม่ไหวอยากอ่านตอนคุณหมอรุกอ่ะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account