บ่วงนฤมิต พิมพ์คำ ตีพิมพ์
ละครที่รับเล่น บทประพันธุ์เรื่องเยี่ยมที่เป็นตำนานเล่าขาน ทำให้ขวัญอุมากังขาถึงเงื่อนงำบางอย่าง ยิ่งสืบยิ่งค้นก็ยิ่งเห็นว่ามีบางอย่างปิดปกติ
Tags: บ่วง ลินิน
ตอน: ตอนที่ 4 50%
สองสาวต่างเพศเดินมาตามสะพานไม้แคบๆ เพื่อข้ามฝั่งไปยังบ้านสวนริมน้ำบรรยากาศร่มรื่นที่มีคนบอกว่าที่นี่คือบ้านของปราน เจ้าของบทประพันธ์รอยอดีต
บ้านไม้หลังงามตั้งอยู่กึ่งกลางสวนผลหมากรากไม้ให้ร่มเงาร่มรื่น เบื้องหน้าคือธารน้ำขนาดกลางที่ไหลทอดมาจากแม่น้ำลพบุรี บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงนกร้องและเสียงไก่ร้องเรียกลูกของมันเพื่อมาคุ้ยเขี่ยอาหารที่เจ้าของเพิ่งสาดเศษข้าวจากจานที่ทานเหลือตั้งแต่เมื่อเช้าให้
“กุ๊กๆ”
สตรีร่างท้วมในชุดเสื้อคอกระเช้ากับผ้านุ่งสีเหลืองอ่อนลายดอกชบาหว่านเศษข้าวให้ไก่แม่ลูกอ่อนก่อนเบือนสายตามามองผู้หญิงแปลกหน้าสองคนที่ข้ามสะพานมาหยุดหน้าประตูบ้านไม้ที่ปลูกต้นกระถินบ้านขึ้นรอบ เมื่อแน่ใจแล้วว่าสตรีทั้งสองคนมาบ้านตัวเองแน่ๆ จึงเดินเข้าไปหา
“มาหาใคร”
คราแรกน้ำเสียงค่อนข้างห้วนแต่พอเห็นหน้าขวัญอุมาชัดๆ ก็ตาโต
“ดารา! คุณเป็นดารานี่คะ”
“ค่ะ เอ่อ…ที่นี่ใช่บ้านคุณปรานหรือเปล่าคะ”
“ปราน? ปรานไหนคะ” หญิงร่างท้วมในชุดคอกระเช้าส่ายหน้า คิ้วขมวดมุ่น “ในบ้านนี้มีฉันแล้วก็ลูกสองคน ไม่มีคนชื่อปรานหรอกค่ะ”
คำตอบนั้นสร้างความผิดหวังให้กับขวัญอุมาถึงขนาดครางลึกในลำคอ วันนี้อุตส่าห์ยกเลิกงานทั้งหมดดั้นด้นมาไกลถึงจังหวัดลพบุรี เพื่อมาตามหาปราน ผู้ชายคนนั้น
“ไม่มีหรือคะ”
“ค่ะ ไม่มีแน่ๆ ญาติพี่น้องฉันก็ไม่มีใครชื่อปรานเลยซักคน” สตรีร่างท้วมปฏิเสธ ลูกปลาเห็นใบหน้าซีดๆ ของดาราสาวในสังกัดก็เห็นใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าขวัญอุมาเกิดนึกเพี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้คิดมาตามล่าหาความจริงจากนิยายชิงรักหักสวาทกันแบบนี้
“แน่ใจหรือป้า แล้วเขาไม่ได้มาขอซื้อนิยายเรื่องรอยอดีตกับป้าหรอกเหรอ” ลูกปลาถามขึ้นทำให้เจ้าของบ้านสวนขยับคิ้วเข้าหากันจนยู่แต่ไม่ทันได้พูดอะไรต่อผู้เป็นลูกสาวก็เดินลงบันไดเรือนไม้ลงมา
“ใครมาเหรอแม่” หญิงสาวร่างบางในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นร้องถาม ชะงักไปเหมือนกันเมื่อเห็นหน้าขวัญอุมา แต่เพราะติดตามข่าวบันเทิงอยู่บ้างจึงร้องทัก “คุณขวัญอุมา มาถ่ายละครแถวนี้หรือคะ”
“เปล่าค่ะ ฉันมาหาคุณปราน”
“ปราน อ๋อ…” หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านอีกคนลากเสียงยาวพลอยทำให้ดาราสาวใจชื้น แต่หญิงร่างท้วมผินหน้ามาหาลูกสาว
“แกรู้จักเหรอ”
“โธ่…ก็พ่อไงแม่”
“พ่อแกชื่อภิรมย์ไม่ใช่เหรอ คุณดาราคนนี้เขามาหาคนชื่อปราน” เนื้อเย็นแย้งขึ้น ผู้เป็นลูกสาวคร้านต่อปากต่อคำจึงหันมาหาขวัญอุมา
“นามปากกาคุณพ่อฉันเองค่ะ เห็นว่าเรื่องรอยอดีตคุณขวัญรับเล่นเป็นนางเอกหรือคะ” ภารดีถาม ทำให้ขวัญอุมายิ้มกว้าง ใจชื้นที่ไม่ต้องเสียเวลาเปล่า
“ใช่ค่ะ ฉันดีใจที่สุดเลยค่ะที่ได้เจอบ้านคุณปราน” สุ้มเสียงดาราสาวบอกถึงความตื่นเต้นยินดีอย่างแท้จริงทำให้ภารดีแปลกใจ เมื่อเห็นว่าจะได้คุยกันยาวจึงเอ่ยชวนแขกทั้งสองขึ้นเรือน
“ไปคุยกันบนบ้านดีกว่านะคะ” ภารดีเดินนำหากแล้วก็เปลี่ยนใจพาแขกอ้อมไปยังข้างเรือนที่เป็นศาลาท่าน้ำ รับลมเย็นสบาย บรรยากาศเก่าๆ แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่ายุคปัจจุบันนี้ยังเหลืออยู่
เนื้อเย็นเองเมื่อเห็นว่าลูกสาวท่าจะคุยเรื่องสำคัญกับแขกจึงหายเข้าไปในครัว ครู่ใหญ่ก็ยกถาดชมพู่ลูกโตสีแดงน่ากินล้างสะอาดฝานมาในจานให้พร้อมขวดน้ำเปล่าแช่เย็นและแก้วน้ำสองใบ ขวัญอุมากับลูกปลายกมือไหว้ขอบคุณ น้ำจากขวดหอมกลิ่นมะลิเย็นชื่นใจ
“น้ำลอยดอกมะลิค่ะ มะลิปลูกเองไม่มีสารพิษ”
“เย็นชื่นใจดีจริงๆ ค่ะบ้านคุณน่าอยู่มาก”
“จริงสิคะลืมแนะนำตัว ฉันชื่อภารดีค่ะ” ภารดีเพิ่งนึกได้
“คุณเป็นลูกสาวคุณปรานหรือคะ แล้วไม่ทราบท่านอยู่หรือเปล่า ฉันอยากพบท่านเหลือเกินค่ะ” ขวัญอุมาเอ่ยด้วยสุ้มเสียงเว้าวอน
ภารดีจึงยิ้มจืดๆ ส่งไปให้พลางส่ายหน้า
“เห็นจะไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไมคะ ท่านไม่ชอบรับแขกหรือ” หญิงสาวทำหน้าผิดหวัง บางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไรเร่งเร้าให้เธอมาที่นี่ เพื่อพบกับผู้ชายชื่อปรานให้ได้
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่ท่านเสียไปห้าปีแล้ว ลิขสิทธิ์นิยายของท่านตกมาเป็นของแม่แล้วก็ฉันค่ะ แต่แม่ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก”
“เสียแล้วหรือคะ” หลังตรงผึ่งผายของดาราสาวลู่ลง ผิดหวังรุนแรง ทำท่าทางราวกับญาติผู้ใหญ่เสียก็ไม่ปานจนภารดีเลิกคิ้วทำหน้าประหลาด ลูกปลาเองก็ยิ้มแหย คราวนี้ชักจะมั่นใจหน่อยๆ แล้วว่าดาราสาวในสังกัดของเธอเพี้ยนแน่ๆ เพี้ยนอย่างไม่มีอะไรสงสัย
“คุณขวัญมีอะไรกับคุณพ่อหรือเปล่าคะ”
“เปล่าหรอกค่ะ คือ…” ขวัญอุมาพูดไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่รู้จะให้คำตอบกับภารดีอย่างไร เพราะเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าอยากพบกับปรานไปทำไม รู้แต่ว่าต้องพบ ต้องถามเขาให้รู้เรื่อง เขามีหลักฐานอะไรถึงได้ให้ร้ายผู้หญิงคนหนึ่งผ่านตัวอักษรอย่างนี้
“ในเมื่อคุณปรานเองก็เสียไปแล้ว งั้นเราก็กลับเถอะ” ลูกปลาลูบตัว แม้ตอนนี้จะเพิ่งบ่ายทว่าเมื่ออยู่ในศาลาที่แทรกตัวอยู่ใต้ร่มเงาไม้มากมายอย่างนี้จึงรู้สึกเย็น วังเวงชอบกล อยากจะกลับกรุงเทพฯ เสียเดี๋ยวนี้ แต่ดูท่าทางแล้วแม่ขวัญอุมาคงคิดปักหลักอยู่นาน
“คุณขวัญอยากพบท่านด้วยเรื่องอะไรคะ” ภารดีเห็นท่าทางของขวัญอุมาแล้วก็ยิ่งแปลกใจ ดาราสาวทำท่าเสียอกเสียใจยิ่งกว่าญาติของเธอบางคนเสียอีก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ขวัญแค่อยากได้หนังสือนิยายของท่านเท่านั้น แล้วก็อยากถามข้อสงสัยบางอย่างด้วย แต่คงไม่มีหวังเพราะท่านไม่อยู่แล้ว”
“ค่ะ”
ภารดีไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากยิ้มแห้งๆ ท่าทางดาราสาวดูแปลกๆ เหมือนคนตกอยู่ในภวังค์ลึกบางอย่างจึงลอบมองสบตากับลูกปลาที่วางหน้าไม่ถูกเช่นเดียวกัน
“อย่างนั้นคุณภารดีพอจะมีหนังสือนิยายเรื่องรอยอดีตอยู่ไหมคะ ฉันหามาทุกที่แล้วไม่มีเลย ไปร้านไหนก็ขายหมด ทั้งมือหนึ่งมือสอง หากมีเยอะฉันขอซื้อก็ได้ค่ะ ราคาไม่เกี่ยง”
“มีค่ะ แต่ไม่ต้องซื้อหรอก เอาไว้คุณขวัญอ่านจบค่อยเอามาคืนก็ได้ ถ้าไม่สะดวกจะส่งทางทางไปรษณีย์ก็ได้” ภารดีเห็นดาราสาวทำท่าสนใจจึงออกปากให้ยืม ขวัญอุมารีบเอ่ยขอบคุณ ภารดีจึงเดินขึ้นเรือนเพื่อไปหยิบหนังสือมาให้แต่ซักพักเดียวก็เดินลงมามือเปล่า
ขวัญอุมามองมือภารดีแล้วใจหายวาบและยิ่งใจเสียเมื่อเจ้าของบ้านสาวยิ้มเจื่อนส่งมา
“หาไม่เจอเลยค่ะ ไม่รู้ว่าแม่ให้ใครยืมไปหรือเปล่า พอดีว่าฉันไม่ชอบอ่านนิยายก็เลยไม่ได้สนใจ เหลือแต่เล่มอื่นของคุณพ่อ คุณจะเอาไปอ่านก่อนไหมคะ”
“ฉันอยากอ่านแค่เรื่องรอยอดีตเรื่องเดียวค่ะ แต่ไม่ยักทราบว่าคุณพ่อของคุณภารดีเขียนหนังสือเล่มอื่นด้วย ฉันหาข้อมูลไม่พบเลย”
“ท่านใช้นามปากกาตามชื่อท่านค่ะภิรมย์ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่านามปากกาปรานเอามาจากไหนเหมือนกัน ไม่เคยอ่านงานของพ่อตัวเองซักเรื่องด้วยสิคะ”
“เสียดายจังนะคะ หากคุณภารดีหาเจอรบกวนแจ้งฉันด้วยนะคะ จะทิ้งเบอร์โทรไว้ให้” ขวัญอุมามองไปทางลูกปลา ผู้จัดการร่างอวบจึงยื่นนามบัตรมาให้แล้วแอบกระซิบ
“รบกวนหน่อยนะคะ ขวัญอุมาเขาอยากได้จริงๆ ไม่รู้นึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมา หรือว่า…” ลูกปลาลูบไปตามเนื้อตัว ภารดีจึงกระซิบถาม
“หรือว่าอะไรเหรอคะ”
“ก็วิญญาณของคุณพ่อคุณจะดลใจให้ขวัญอุมาหลงใหลนิยายเล่มนี้เป็นพิเศษไงคะ ประมาณว่ามีความลับดำมืดอะไรให้ค้นหา พูดแล้วขนลุก”
“อู้ย…พี่ลูกปลาพลอยทำให้ฉันกลัว” ภารดีคิดตามแล้วทำหน้าแขยง เธอเองแม้ไม่ใช่คนกลัวผีก็ยังรู้สึกเย็นเยือกในอก
“กระซิบอะไรกันคะ” ขวัญอุมาเลิกคิ้ว
“เปล่าซักหน่อยก็แค่ฝากฝังให้คุณภารดีหาหนังสือเล่มนั้นให้เจอ เพราะเห็นว่าเธออยากได้มาก อยากได้ผิดปกติซะด้วย” ลูกปลาค้อนให้ ยังหาเหตุผลในการกระทำของขวัญอุมาไม่เจอ เพราะแม้แต่คนทำเองยังตอบตัวเองไม่ได้เช่นเดียวกัน
“ขอบคุณนะคะ ต้องขอรบกวนจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเจอฉันจะรีบแจ้งเลยนะคะ”
บ้านไม้หลังงามตั้งอยู่กึ่งกลางสวนผลหมากรากไม้ให้ร่มเงาร่มรื่น เบื้องหน้าคือธารน้ำขนาดกลางที่ไหลทอดมาจากแม่น้ำลพบุรี บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงนกร้องและเสียงไก่ร้องเรียกลูกของมันเพื่อมาคุ้ยเขี่ยอาหารที่เจ้าของเพิ่งสาดเศษข้าวจากจานที่ทานเหลือตั้งแต่เมื่อเช้าให้
“กุ๊กๆ”
สตรีร่างท้วมในชุดเสื้อคอกระเช้ากับผ้านุ่งสีเหลืองอ่อนลายดอกชบาหว่านเศษข้าวให้ไก่แม่ลูกอ่อนก่อนเบือนสายตามามองผู้หญิงแปลกหน้าสองคนที่ข้ามสะพานมาหยุดหน้าประตูบ้านไม้ที่ปลูกต้นกระถินบ้านขึ้นรอบ เมื่อแน่ใจแล้วว่าสตรีทั้งสองคนมาบ้านตัวเองแน่ๆ จึงเดินเข้าไปหา
“มาหาใคร”
คราแรกน้ำเสียงค่อนข้างห้วนแต่พอเห็นหน้าขวัญอุมาชัดๆ ก็ตาโต
“ดารา! คุณเป็นดารานี่คะ”
“ค่ะ เอ่อ…ที่นี่ใช่บ้านคุณปรานหรือเปล่าคะ”
“ปราน? ปรานไหนคะ” หญิงร่างท้วมในชุดคอกระเช้าส่ายหน้า คิ้วขมวดมุ่น “ในบ้านนี้มีฉันแล้วก็ลูกสองคน ไม่มีคนชื่อปรานหรอกค่ะ”
คำตอบนั้นสร้างความผิดหวังให้กับขวัญอุมาถึงขนาดครางลึกในลำคอ วันนี้อุตส่าห์ยกเลิกงานทั้งหมดดั้นด้นมาไกลถึงจังหวัดลพบุรี เพื่อมาตามหาปราน ผู้ชายคนนั้น
“ไม่มีหรือคะ”
“ค่ะ ไม่มีแน่ๆ ญาติพี่น้องฉันก็ไม่มีใครชื่อปรานเลยซักคน” สตรีร่างท้วมปฏิเสธ ลูกปลาเห็นใบหน้าซีดๆ ของดาราสาวในสังกัดก็เห็นใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าขวัญอุมาเกิดนึกเพี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้คิดมาตามล่าหาความจริงจากนิยายชิงรักหักสวาทกันแบบนี้
“แน่ใจหรือป้า แล้วเขาไม่ได้มาขอซื้อนิยายเรื่องรอยอดีตกับป้าหรอกเหรอ” ลูกปลาถามขึ้นทำให้เจ้าของบ้านสวนขยับคิ้วเข้าหากันจนยู่แต่ไม่ทันได้พูดอะไรต่อผู้เป็นลูกสาวก็เดินลงบันไดเรือนไม้ลงมา
“ใครมาเหรอแม่” หญิงสาวร่างบางในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นร้องถาม ชะงักไปเหมือนกันเมื่อเห็นหน้าขวัญอุมา แต่เพราะติดตามข่าวบันเทิงอยู่บ้างจึงร้องทัก “คุณขวัญอุมา มาถ่ายละครแถวนี้หรือคะ”
“เปล่าค่ะ ฉันมาหาคุณปราน”
“ปราน อ๋อ…” หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านอีกคนลากเสียงยาวพลอยทำให้ดาราสาวใจชื้น แต่หญิงร่างท้วมผินหน้ามาหาลูกสาว
“แกรู้จักเหรอ”
“โธ่…ก็พ่อไงแม่”
“พ่อแกชื่อภิรมย์ไม่ใช่เหรอ คุณดาราคนนี้เขามาหาคนชื่อปราน” เนื้อเย็นแย้งขึ้น ผู้เป็นลูกสาวคร้านต่อปากต่อคำจึงหันมาหาขวัญอุมา
“นามปากกาคุณพ่อฉันเองค่ะ เห็นว่าเรื่องรอยอดีตคุณขวัญรับเล่นเป็นนางเอกหรือคะ” ภารดีถาม ทำให้ขวัญอุมายิ้มกว้าง ใจชื้นที่ไม่ต้องเสียเวลาเปล่า
“ใช่ค่ะ ฉันดีใจที่สุดเลยค่ะที่ได้เจอบ้านคุณปราน” สุ้มเสียงดาราสาวบอกถึงความตื่นเต้นยินดีอย่างแท้จริงทำให้ภารดีแปลกใจ เมื่อเห็นว่าจะได้คุยกันยาวจึงเอ่ยชวนแขกทั้งสองขึ้นเรือน
“ไปคุยกันบนบ้านดีกว่านะคะ” ภารดีเดินนำหากแล้วก็เปลี่ยนใจพาแขกอ้อมไปยังข้างเรือนที่เป็นศาลาท่าน้ำ รับลมเย็นสบาย บรรยากาศเก่าๆ แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่ายุคปัจจุบันนี้ยังเหลืออยู่
เนื้อเย็นเองเมื่อเห็นว่าลูกสาวท่าจะคุยเรื่องสำคัญกับแขกจึงหายเข้าไปในครัว ครู่ใหญ่ก็ยกถาดชมพู่ลูกโตสีแดงน่ากินล้างสะอาดฝานมาในจานให้พร้อมขวดน้ำเปล่าแช่เย็นและแก้วน้ำสองใบ ขวัญอุมากับลูกปลายกมือไหว้ขอบคุณ น้ำจากขวดหอมกลิ่นมะลิเย็นชื่นใจ
“น้ำลอยดอกมะลิค่ะ มะลิปลูกเองไม่มีสารพิษ”
“เย็นชื่นใจดีจริงๆ ค่ะบ้านคุณน่าอยู่มาก”
“จริงสิคะลืมแนะนำตัว ฉันชื่อภารดีค่ะ” ภารดีเพิ่งนึกได้
“คุณเป็นลูกสาวคุณปรานหรือคะ แล้วไม่ทราบท่านอยู่หรือเปล่า ฉันอยากพบท่านเหลือเกินค่ะ” ขวัญอุมาเอ่ยด้วยสุ้มเสียงเว้าวอน
ภารดีจึงยิ้มจืดๆ ส่งไปให้พลางส่ายหน้า
“เห็นจะไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไมคะ ท่านไม่ชอบรับแขกหรือ” หญิงสาวทำหน้าผิดหวัง บางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไรเร่งเร้าให้เธอมาที่นี่ เพื่อพบกับผู้ชายชื่อปรานให้ได้
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่ท่านเสียไปห้าปีแล้ว ลิขสิทธิ์นิยายของท่านตกมาเป็นของแม่แล้วก็ฉันค่ะ แต่แม่ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก”
“เสียแล้วหรือคะ” หลังตรงผึ่งผายของดาราสาวลู่ลง ผิดหวังรุนแรง ทำท่าทางราวกับญาติผู้ใหญ่เสียก็ไม่ปานจนภารดีเลิกคิ้วทำหน้าประหลาด ลูกปลาเองก็ยิ้มแหย คราวนี้ชักจะมั่นใจหน่อยๆ แล้วว่าดาราสาวในสังกัดของเธอเพี้ยนแน่ๆ เพี้ยนอย่างไม่มีอะไรสงสัย
“คุณขวัญมีอะไรกับคุณพ่อหรือเปล่าคะ”
“เปล่าหรอกค่ะ คือ…” ขวัญอุมาพูดไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่รู้จะให้คำตอบกับภารดีอย่างไร เพราะเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าอยากพบกับปรานไปทำไม รู้แต่ว่าต้องพบ ต้องถามเขาให้รู้เรื่อง เขามีหลักฐานอะไรถึงได้ให้ร้ายผู้หญิงคนหนึ่งผ่านตัวอักษรอย่างนี้
“ในเมื่อคุณปรานเองก็เสียไปแล้ว งั้นเราก็กลับเถอะ” ลูกปลาลูบตัว แม้ตอนนี้จะเพิ่งบ่ายทว่าเมื่ออยู่ในศาลาที่แทรกตัวอยู่ใต้ร่มเงาไม้มากมายอย่างนี้จึงรู้สึกเย็น วังเวงชอบกล อยากจะกลับกรุงเทพฯ เสียเดี๋ยวนี้ แต่ดูท่าทางแล้วแม่ขวัญอุมาคงคิดปักหลักอยู่นาน
“คุณขวัญอยากพบท่านด้วยเรื่องอะไรคะ” ภารดีเห็นท่าทางของขวัญอุมาแล้วก็ยิ่งแปลกใจ ดาราสาวทำท่าเสียอกเสียใจยิ่งกว่าญาติของเธอบางคนเสียอีก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ขวัญแค่อยากได้หนังสือนิยายของท่านเท่านั้น แล้วก็อยากถามข้อสงสัยบางอย่างด้วย แต่คงไม่มีหวังเพราะท่านไม่อยู่แล้ว”
“ค่ะ”
ภารดีไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากยิ้มแห้งๆ ท่าทางดาราสาวดูแปลกๆ เหมือนคนตกอยู่ในภวังค์ลึกบางอย่างจึงลอบมองสบตากับลูกปลาที่วางหน้าไม่ถูกเช่นเดียวกัน
“อย่างนั้นคุณภารดีพอจะมีหนังสือนิยายเรื่องรอยอดีตอยู่ไหมคะ ฉันหามาทุกที่แล้วไม่มีเลย ไปร้านไหนก็ขายหมด ทั้งมือหนึ่งมือสอง หากมีเยอะฉันขอซื้อก็ได้ค่ะ ราคาไม่เกี่ยง”
“มีค่ะ แต่ไม่ต้องซื้อหรอก เอาไว้คุณขวัญอ่านจบค่อยเอามาคืนก็ได้ ถ้าไม่สะดวกจะส่งทางทางไปรษณีย์ก็ได้” ภารดีเห็นดาราสาวทำท่าสนใจจึงออกปากให้ยืม ขวัญอุมารีบเอ่ยขอบคุณ ภารดีจึงเดินขึ้นเรือนเพื่อไปหยิบหนังสือมาให้แต่ซักพักเดียวก็เดินลงมามือเปล่า
ขวัญอุมามองมือภารดีแล้วใจหายวาบและยิ่งใจเสียเมื่อเจ้าของบ้านสาวยิ้มเจื่อนส่งมา
“หาไม่เจอเลยค่ะ ไม่รู้ว่าแม่ให้ใครยืมไปหรือเปล่า พอดีว่าฉันไม่ชอบอ่านนิยายก็เลยไม่ได้สนใจ เหลือแต่เล่มอื่นของคุณพ่อ คุณจะเอาไปอ่านก่อนไหมคะ”
“ฉันอยากอ่านแค่เรื่องรอยอดีตเรื่องเดียวค่ะ แต่ไม่ยักทราบว่าคุณพ่อของคุณภารดีเขียนหนังสือเล่มอื่นด้วย ฉันหาข้อมูลไม่พบเลย”
“ท่านใช้นามปากกาตามชื่อท่านค่ะภิรมย์ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่านามปากกาปรานเอามาจากไหนเหมือนกัน ไม่เคยอ่านงานของพ่อตัวเองซักเรื่องด้วยสิคะ”
“เสียดายจังนะคะ หากคุณภารดีหาเจอรบกวนแจ้งฉันด้วยนะคะ จะทิ้งเบอร์โทรไว้ให้” ขวัญอุมามองไปทางลูกปลา ผู้จัดการร่างอวบจึงยื่นนามบัตรมาให้แล้วแอบกระซิบ
“รบกวนหน่อยนะคะ ขวัญอุมาเขาอยากได้จริงๆ ไม่รู้นึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมา หรือว่า…” ลูกปลาลูบไปตามเนื้อตัว ภารดีจึงกระซิบถาม
“หรือว่าอะไรเหรอคะ”
“ก็วิญญาณของคุณพ่อคุณจะดลใจให้ขวัญอุมาหลงใหลนิยายเล่มนี้เป็นพิเศษไงคะ ประมาณว่ามีความลับดำมืดอะไรให้ค้นหา พูดแล้วขนลุก”
“อู้ย…พี่ลูกปลาพลอยทำให้ฉันกลัว” ภารดีคิดตามแล้วทำหน้าแขยง เธอเองแม้ไม่ใช่คนกลัวผีก็ยังรู้สึกเย็นเยือกในอก
“กระซิบอะไรกันคะ” ขวัญอุมาเลิกคิ้ว
“เปล่าซักหน่อยก็แค่ฝากฝังให้คุณภารดีหาหนังสือเล่มนั้นให้เจอ เพราะเห็นว่าเธออยากได้มาก อยากได้ผิดปกติซะด้วย” ลูกปลาค้อนให้ ยังหาเหตุผลในการกระทำของขวัญอุมาไม่เจอ เพราะแม้แต่คนทำเองยังตอบตัวเองไม่ได้เช่นเดียวกัน
“ขอบคุณนะคะ ต้องขอรบกวนจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเจอฉันจะรีบแจ้งเลยนะคะ”
สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2557, 23:46:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2557, 23:46:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 1458
<< ตอนที่ 3 100% | ตอนที่ 3 100% >> |
ree 12 ก.พ. 2557, 02:52:05 น.
สงสัยปรานก็อาจจะไม่ใช่นามปากกาของภิรมย์ก็เป็นได้ อาจจะเป็นคนอื่นไหว้วานให้ช่วย
สงสัยปรานก็อาจจะไม่ใช่นามปากกาของภิรมย์ก็เป็นได้ อาจจะเป็นคนอื่นไหว้วานให้ช่วย
สาริน 12 ก.พ. 2557, 10:02:34 น.
ต้องลุ้นกันค่า
ต้องลุ้นกันค่า