ฤทัยลักษมณ์
โอบฤทัย...หญิงสาวนักศึกษาปีสี่ ลูกสาวครูสอนภาษาและดนตรีไทย และที่บ้านก็ทำวงดนตรีไทย
เธอไม่ได้อยากมีพ่อใหม่ แต่ตาลุงเจ้าของคณะลิเกข้างบ้านก็ขยันมาจีบแม่เธอเหลือเกิน ถึงแม้ตาลุงนั่นจะนิสัยดีแค่ไหนก็เถอะ แม่ของเธอเจ็บช้ำจากความรักมามากพอแล้ว
เขาบอกว่าผู้ชายดีๆ มีแต่ในนิยายน่ะหรือ...ไม่จริงหรอก!!!
แม้แต่ในวรรณคดีมันมีมีเมียทีละสามคนสี่คนเลย
แต่แล้วคืนหนึ่งที่เธอเผลอหลับคาหนังสือวรรณคดีเรื่องโปรด ก็เกิดสิ่งผิดปกติขึ้น มีผู้ชายมานอนอยู่ในห้องของเธอ!

ลักษมณ์...ผู้ชายเจ้าบทเจ้ากลอน แต่งตัวประหลาด เขาต้องเป็นบ้าแน่ที่บอกว่าตัวเองเป็นคนเดียวกับพระลักษมณ์ในเรื่องรามเกียรติ์ แต่จะไล่นายคนบ้านี่ไปไกลๆ ก็ไม่ได้ เพราะตาลุงเจ้าของคณะลิเกก็เกิดชอบใจความหล่อ ล่ำ หน้าไทย เสียงหวานของนายลักษณ์ ตาลุงนั่นจีบแม่ยังไม่พอ
นายลักษมณ์นี่ยังตามจีบเธออีกเหรอ!!! ตายล่ะ
เธอต้องรีบหาทางส่งตานี่กลับโลกหนังสือไปเสียแล้ว!!!
Tags: โรแมนติก,คอมมิดี้,น่ารัก

ตอน: ตอนที่ 1 ความหลังของโอบฤทัย 100%




เสียงเอะอะของสองพี่น้องวิ่งขับกันมาตลอดทางจากสวนมะม่วงจนมาถึงตัวบ้าน ทำให้ครูบุษบาผู้เป็นแม่ต้องเดินมาที่ชานเรือนไทยแล้วมองต้นตอของเสียงที่อยู่หน้าบันไดขึ้นบ้าน คาวีนั้นเอาแต่วิ่งหนีพี่สาว แต่โอบฤทัยนี่สิร้ายกว่า เพราะในเมื่อมีไม้มะม่วงท่อนใหญ่อยู่ด้วย


“อบ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”


มือที่กำลังเงื้อท่อนไม้ขนาดเหมาะมือเตรียมจะขว้างใส่น้องชายชะงักเพราะน้ำเสียงเฉียบขาดของมารดา ยิ่งเห็นใบหน้าสวยหวานอย่างไทยกำลังโกรธเกรี้ยว ก็ยิ่งใจฝ่อ ร้อยวันพันปีแม่ของเธอไม่เคยโกรธอะไรกับใครเขาเลย แต่เธอจุดชนวนเข้าให้เสียแล้ว


“เอาไม้มาข้างน้องแบบนั้นได้ยังไง หัวร้างข้างแตกไปจะคุ้มไหม”


“แต่อบก็ยังไม่ได้ขว้างนี่แม่”

“แม่ต้องรอให้อบขว้างน้องจนหัวแตกก่อนหรือ”


ลูกสาวเม้มปากแน่น เธอไม่ได้จะขว้างน้องชายจริงๆ สักหน่อย ก็แค่เล่นกันเท่านั้นเอง แต่เหมือนมารดาจะไม่สนใจ

“แม่ไม่อยากให้ลูกทะเลาะกัน”

“พี่อบเขาล้อเล่นน่ะแม่ โอ่งไปกวนประสาทพี่เขาก่อน”


“แม่รู้ แต่แม่อยากให้ลูกรักกัน ไม่อยากให้ใครคนใดคนหนึ่งถึงกับเลือดตกยางออกเพราะฝีมือใครอีกคน พี่น้องกันเองทั้งนั้น ตีกันจนเลือดนองอย่างนั้น เขาจะว่าแม่สอนลูกไม่ดีน่ะสิ”

“แม่” คนเป็นลูกทั้งสองคนหน้าแหย แล้วก้มลงไหว้มารดาพร้อมๆ กัน

“ต่อไปจะไม่เล่นอย่างนี้แล้วจ้ะแม่ อบรู้ว่าแม่เป็นห่วง”

“โอ่งก็จะไม่แกล้งพี่อบแล้วครับแม่”

“ขอบใจลูก” บุษบาค่อยยิ้มออก แล้วอ้าแขนรับลูกๆ ทั้งสองเข้ามากอดไว้แน่น


“อบรักแม่จ้ะ” ลูกสาวอ้อน แล้วหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่

“โอ่งรักแม่มากกว่าพี่อบอีกครับแม่” น้องชายเกทับพี่สาวแล้วหอมแก้มอีกข้างที่เหลือของแม่เช่นกัน ไม่สนใจแววตาขวางๆ ของพี่สาวเลย

“เอาหน้านะไอ้โอ่ง” โอบฤทัยเข่นเขี้ยว

“คงต้องเอาหน้าละพี่อบ เพราะเอาตัวสู้ไม่อบไม่ได้ โอ่งตัวเล็กกว่าพี่อบตั้งเยอะ”

“ไอ้เด็กปากเสีย!”

“พอแล้วลูก พอแล้วๆ”บุษบาหัวเราะอย่างจั๊กจี้ เพราะถูกลูกชายลูกสาวรุมหอมแก้มติดกันซ้ำๆ จนช้ำ เสียงหัวเราะของสามแม่ลูกดังก้องไปทั้งบ้านสวน


แม้ว่าจะขาดผู้นำครอบครัว แต่บุษบาก็เป็นหลักให้ลูกทั้งสองเสมอมา นางพยายามเลี้ยงบุตรทั้งสองอย่างดีที่สุด รู้ว่าลูกขาดอะไร ก็พยายามเติมเต็มสิ่งนั้น เป็นทั้งพ่อและแม่ให้แก้วตาดวงใจทั้งสองมาตลอด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านางจะเลี้ยงลูกทั้งสองคนจนกระทั่งเติบใหญ่มาได้ถึงเพียงนี้


“ไปกินข้าวกันเถอะลูก แม่ว่าแม่เริ่มหิวแล้ว มัวหอมกันทั้งคืนมันไม่อิ่มนะลูก”


“ถ้าอย่างนั้นแม่อยู่เฉยๆ เลยนะจ๊ะ เดี๋ยวอบกับโอ่งทำเอง”

“คิดถึงพี่ไก่เนอะพี่อบ” คาวีหมายถึงลูกชายของป้าศกุนตลา พี่สาวของแม่ ซึ่งทั้งสองย้ายอกจาบ้านไปได้หลายปีมากแล้ว เหตุเพราะศกุนตลาพบรักกับชาวอเมริกันจนอพยพถิ่นฐานไปอีกซีกโลก ทิ้งบ้านเรือนไทยและสวนมะม่วงให้กับบุษบาน้องสาว

“เดือนหน้าก็กลับมาแล้วนี่ลูก” บุษบาเปรย ขณะช่วยลูกๆ ทั้งสองตั้งโต๊ะ ถ้ามัวให้ทำกันเองก็คงจะเล่นกันจนไม่ได้กินแน่

“พี่ไก่จะมาทำไมหรือจ๊ะแม่”

“ป้ากุนคงคิดถึงเราสองคนละมั้ง” คนเป็นแม่ยิ้มขันๆ นึกไปถึงเมื่อสิบปีก่อน สามคนอยู่ด้วยคน ตาไก่ ยายอบ และนายโอ่ง มักจะถูกเรียกแบบรวมๆ ว่า ‘ไก่อบโอ่ง’

“ป้ากุนกลับมาก็ดีนะแม่ อบคิดถึงพี่โอ่ง กลับมาอบจะทำไก่อบโอ่งของแท้ให้กินเลย”


“ป่านนี้พี่ไก่ได้แฟนเป็นสาวฝรั่งไปแล้วมั้ง” คาวียิ้มเจ้าเล่ห์ “เมล์บอกให้หามาเผื่อผมด้วยดีกว่า”


“น้อยๆ หน่อยนายโอ่ง ยังเรียนอยู่นะเราน่ะ ดูอย่างพี่เป็นตัวอย่างสิ เรียนจนจะจบแล้วยังไม่มีแฟนเลยนะ”


“พี่อบจะขึ้นคานนี่”

“ไอ้!”

“พอเลยๆ” มารดาต้องรีบห้ามทัพอีกครา “แม่ว่ากินข้าวต่อดีกว่านะลูก เสร็จแล้วค่อยทะเลาะกัน”


“นั่นสิ ผมไม่ได้หาเรื่องเลยนะ พี่อบน่ะขี้โมโห”

โอบฤทัยมองหน้าน้องชายอย่างคาดโทษ แต่ก็ไม่อยากถูกมารดาดุอีกรอบ จึงได้แต่ข่มใจไว้ แล้วรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวจนหมด





หลังจากที่กินข้าวและอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว สามแม่ลูกก็มานั่งอยู่ที่ชานเรือน พูดคุยเรื่องแต่ละวันที่ผ่านมา บุษบาคุยเรื่องที่จะมีเด็กมาขอเรียนขิมกับโอบฤทัยด้วย ส่วนคาวีก็เล่าเรื่องเรียนระนาดกับระเด่นให้ฟังจนโอบฤทัยเบ้ปาก เพราะไม่อยากได้ยินเรื่องของคนที่มาจีบแม่เท่าไหร่

“อบ น้องที่มาสมัครเรียนเขาอยากเป็นอังศุมาลินนะลูก คงจะขอเรียนเพลงนางครวญก่อนเลย อบเอาขิมมาตีให้แม่ฟังหน่อยสิ”

“ได้เลยจ้ะแม่” หญิงสาวรับคำอย่างยินดี เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องคุยเรื่องของระเด่นต่อให้รำคาญหูอีกด้วย เธอลุกขึ้นไปเอาขิมคางหมูสิบเอ็ดหย่องที่เก็บไว้อย่างดีในห้องนอนออกมา เปิดหีบขิม แล้วกางตรงหน้ามารดา

“แม่ร้องสิจ๊ะ เดี๋ยวอบจะตีเอง”

“เอาอย่างนั้นหรือ แม่ไม่ได้ร้องนานแล้วนะ”

“ดีสิแม่” คาวีสนับสนุน แล้ววิ่งไปหยิบฉิ่งกำหนดจังหวะเรียบร้อย

“เอาอย่างนั้นก็ได้ แม่ร้องรอบเดียวนะ แล้วอบตีนางครวญเถาให้แม่ฟังหน่อย ไม่ได้ฟังนานแล้ว”

“ได้เลยจ้ะ”

โอบฤทัยยิ้มหวาน สองมือถือไม้ขิมแล้วยกขึ้นพนมจรดหน้าผาก เป็นการไหว้เครื่องดนตรี จากนั้นจึงจรดปลายไม้ลงกับสายขิม แล้วบรรจงตีลงไปเบาๆ

“โอ้ว่าป่านนี้พระพี่เจ้า จะโศกเศร้ารัญจวนหวนหา ตั้งแต่ไปแก้สงสัยมา ไม่เห็นขนิษฐาในถ้ำทอง” น้ำเสียงหวานเยือกเย็นของบุษบาดังกังวานไปทั้งชานเรือน คละเคล้าไปกับเสียงขิมของโอบฤทัยที่ตีกรอไปเบาๆ กระทั่งจบ โอบฤทัยจึงบรรเลงท่วงทำนองเศร้าสร้อยของเพลงนางครวญชั้นสาม


“พระจะแสนโศกสร้อยละห้อยให้ ร้อนราชฤทัยหม่นหมอง ดั้นด้นคว้าเที่ยวหาน้อง ทุกประเทศเถื่อนท้องพนาลี” นางครวญชั้นที่สองจบลง เสียงขิมไพเราะของโอบฤทัยก็ดังกังวานไปทั่วบ้านสวนเป็นจังหวะสองชั้น


“อกเอ๋ยทำไฉนจะได้รู้ ว่าน้องอยู่ประมอตันกรุงศรี แม้นใครทูลแถลงแจ้งคดี เห็นทีจะรีบมาด้วยอาลัย” เนื้อเพลงนางครวญจังหวะหนึ่งชั้นจบลงนี่สุด จากนั้นมือขิมคนเก่งจึงบรรเลงเพลงทั้งหมดอีกครั้ง


ในคืนพระจันทร์ทรงกลด ในบ้านสวนของนางบุษบากลับดังกังวานไปด้วยเสียงขิมเพลงนางครวญเถาทั้งสามชั้น เสียงกรอขิมเป็นจังหวะสม่ำเสมอและลูกเล่นแพรวพราวไม่ว่าจะเป็นการสะบัด การกรอ การสะเดาะ บ่งบอกว่าผู้เล่นมีความชำนาญและมีฝีมือหาตัวจับยากคนหนึ่งทีเดียว


โอบฤทัยนั่งพับเพียบตัวตรง สองมือตีสลับซ้ายขวาลงไปบนสายลวดทองเหลืองที่เกิดเป็นเสียงไพเราะกังวานไปทั้งบาง สะกดผู้ชมเสียจนอยู่หมัด นางบุษบามองบุตรสาวคนโตด้วยแววตาชื่นชม เสียงขิมของโอบฤทัยทั้งกังวานใส ไพเราะจับใจเป็นที่สุด ไม่เสียชื่อแชมป์เดี่ยวขิมของประเทศเลยแม้แต่น้อย

“จบแล้วหรือลูก” คนเป็นแม่ถาม หลังจากที่โน้ตตัวสุดท้ายจบลง


“แม่เคลิ้มทุกทีเลยนะจ๊ะ” ลูกสาวสัพยอก ไหว้เครื่องดนตรี วางไม้ลงเตรียมจะเก็บขิม แต่แม่ก็รั้งไว้เสียก่อน

“อีกเพลงไมได้หรือลูก แม่ไม่ได้ฟังอบเล่นเพลงไทยหวานๆ มานานแล้ว”

“แม่อยากฟังอะไรล่ะจ๊ะ”

“คำหวานได้ไหมพี่อบ” คาวียิ้มระรื่น “เดี๋ยวโอ่งจะหัดซออู้เพลงนี้ไว้จีบสาว”

“พอเลย” พี่สาวแหวกลับ ภาพพจน์กุลสตรีไทยใจงามอย่างเมื่อครู่หายไปทันที

“อบรู้ไหม เวลาอบเล่นขิม อบสง่าที่สุดเลย เหมือนนางในวรรณคดีไม่มีผิด”

“เรื่องอะไรล่ะจ๊ะแม่ วันทองไม่เอานะ”

“เด็กบ้า” บุษบาเหน็บสีข้างลูกสาวอย่างมันเขี้ยว

“โธ่แม่ อย่างพี่อบนี่ต้องเรื่องอะไรดีที่นางเอกไม่มีผัวน่ะ อยู่บนคานไปเลย”

“ปากไม่ดีนะโอ่ง” พี่สาวค้อนขวับ แล้วหันมาหามารดา “อบไม่อยากเป็นนางเอกในวรรณคดีหรอกแม่ แต่ละคนน่ะอาภัพทั้งนั้น พระเอกสิดี มีเมียทีละสามสี่คน พูดแล้วน่าโมโห” หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ

“พระเอกดีๆ ก็มีลูก พระรามไง เฝ้าตามหานางสีดากว่าจะได้กลับมาครองรักกัน”

“ไม่เอาหรอก” ลูกสาวหน้าเง้า “รอนานจนแห้งเหี่ยวตาย แม่จำไม่ได้หรือจ๊ะว่าพระรามน่ะไม่เชื่อใจนางสีดาด้วยนะ จนนางสีดาต้องลุยไฟเลย”

“งั้นหนุมานไหมพี่อบ”

“ไม่เอา!” พี่สาวแว้ดเข้าใส่ “นั่นมันลิงนะ”

“งั้นต้องพระลักษมณ์” มารดาเสนอ

“เอ...คนนี้น่าสนนะจ๊ะแม่” โอบฤทัยทำหน้าเพ้อฝัน “อย่างน้อยก็ดีกว่าพระรามนะจ๊ะ”

“ดีกว่ายังไงลูก ยังไงก็ต้องออกศึกกรุงลงกาเหมือนกัน”


“ไม่ใช่อย่างนั้นจ้ะ อบหมายถึงดีกว่าเพราะพระลักษมณ์ตัวสีทองไม่ใช่หรือจ๊ะ แต่พระรามตัวเขียว ถ้าออกมาจริงๆ นะ อบนึกถึงฮัล์คจ้ะ ยอดมนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง”


บุษบาโคลงศีรษะเหนื่อยใจกับความคิดของลูกสาว แต่ก็คร้านจะต่อปากต่อคำด้วย จึงยกสำรับที่กินแล้วเก็บจนเรียบร้อย แล้วหันมาหาบุตรชาย “วันนี้เวรโอ่งล้างจานนะลูก ให้พี่อบไปทำงานต่อ”

“แอบอู้อ่านนิยายน่ะสิครับแม่”

“ฉันต้องส่งรายงายย่ะ!”

“เฮ้อ...แม่ละปวดหัว” คนเป็นแม่กลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้อีกแล้ว เวลาลูกๆ อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทีไร บ้านไม่เคยเงียบเลย เพราะจะมีเสียงเถียงกันไปโต้กันมาตลอดเวลา

“ไอ้โอ่งไปล้างจานเลย ฉันจะไปทำงานต่อล่ะ”

“แอบอ่านนิยายอีกขอให้ขึ้นคาน” น้องชายแช่ง

“ถ้าพูดมากอีกคำเดียวขอให้แกเป็นหมัน”

“โห่พี่อบ ไม่ยุติธรรมเลย” แล้วเด็กหนุ่มก็เดินกระแทกเท้าลงไปในส่วนครัวใต้ถุนบ้านแล้วล้างจานตามหน้าที่ ปล่อยให้พี่สาวและแม่นั่งคุยกันต่ออีกหน่อย ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน

“คืนนี้พระจันทร์ทรงกลดนะลูก” ใบหน้าสวยสง่าสมวัยของบุษบาแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์ “แสดงว่าวันนี้เป็นวันดี”

“แม่จะอธิฐานอะไรล่ะจ๊ะ”

“แม่ไม่ต้องการอะไรแล้วอบ แค่มีอบกับโอ่ง แม่ก็พอใจที่สุดแล้ว จะห่วงก็แต่อบเท่านั้น อย่างไรเสียอบก็เป็นผู้หญิง แม่ห่วงว่าถ้าวันหนึ่งแม่ต้องตายไปแล้วอบจะอยู่ยังไง”

“ก็โอ่งไงจ๊ะแม่ แม่อย่าห่วงสิ อบอยู่คนเดียวก็ได้น่า”

“อบเป็นผู้หญิง แม่อยากให้อบลืมเรื่องพ่อไปเสีย แล้วเปิดใจให้กว้างให้คนดีๆ สักคนได้ก้าวเข้ามา”

“ไม่มีคนดีเหลือแล้วล่ะจ้ะแม่” ลูกสาวส่ายหน้า รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนริมฝีปากจิ้มลิ้มของสาวเจ้า

“อบจะรู้จักใครกี่คนกันเชียวลูก”

“อบไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วจ้ะแม่” เหมือนเดิมทุกครั้ง ถ้ามารดาพูดเรื่องนี้ทีไร โอบฤทัยจะต้องบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง จนคนเป็นแม่ได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้ว เพื่อจะให้ลูกสาวยอมทิ้งความหลังเกี่ยวกับพ่อผู้ให้กำเนิดไปเสีย

“อย่างนี้ทุกครั้งเลยนะลูก”

“แม่จ๋า อบอยากให้แม่เชื่อใจอบนะจ๊ะ อบยังไม่คิดจะมีใครตอนนี้เพราะห่วงนายโอ่งหรอกจ้ะ ส่งน้องเรียนจบเมื่อไหร่ ถ้ามีใครมาจีบ อบจะลองดูนะ”

“คุณปกรณ์ไงลูก”

ลูกสาวส่ายหน้าพรืด “ไม่ดีกว่าจ้ะ อบไม่อยากยุ่งกับเขา เขาไม่ใช่พระเอกของอบ”

“อบน่ะ จะรอพระเอกในนิยายมาง้อหรือไง”

“อบไม่เพ้อเจ้อขนาดนั้นหรอจ้ะแม่” หญิงสายิ้มขื่น เรื่องราวระหว่างแม่กับพ่อ ทำให้เธอรู้ดีว่าชีวิตจริงมันเหมือนในนิยายที่ไหนกัน มารดาของเธอท้องน้องชาย หอบผ้าหนีมา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเธอยังไม่เห็นจะตามมาแต่อย่างใด ทิ้งให้แม่เคว้งคว้างอยู่นาน หอบลูกสาววันสามขวบกว่าตกระกำลำบากอยู่นาน ถ้าไม่ได้ป้าศกุนตลา เธอก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองและน้องชายจะมีวันนี้ไหม

“เฮ้อ แม่ทำให้อบกลายเป็นคนอย่างนี้สินะลูก”

“ไม่ใช่หรอกจ้ะแม่ ถ้าจะโทษใครสักคนล่ะก็ โทษ ‘เขา’ คนนั้นดีกว่าจ้ะ”

“บาปนะอบ เขาเป็นพ่อของหนูนะลูก”

ลูกสาวยักไหล่คล้ายจะไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น “อบไปทำรายงานต่อดีกว่า แม่รีบเข้านอนเสียนะจ๊ะ”

“ฝันดีนะลูก”

“ฝันดีจ๊ะแม่ รักแม่นะ” ลูกสาวหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ และมารดาก็หอมตอบ

“เจอกันพรุ่งนี้นะลูกรัก”


โอบฤทัยแยกกับแม่แล้วก็ตรงเข้าห้องนอนทันที หญิงสาวกางหนังสือรามเกียรติ์ฉบับร้อยแก้วขึ้นอ่าน เปิดคอมพิวเตอร์แล็ปทอปเพื่อทำไฟล์นำเสนออาจารย์ด้วย ระหว่างนั้นก็นั่งคุยกับแก้วกัลยาเรื่องงานที่ทำคู่กัน แล้วก็พบว่าฝ่ายนั้นำจนเสร็จแล้ว และส่งมาให้เธอตรวจทานงานให้เรียบร้อย

หญิงสาวจึงนั่งตรวจงานที่จะต้องส่งอีกราวๆ สองชั่วโมงก็เสร็จ หันไปมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาห้าทุ่มพอดี โอบฤทัยจึงเข้าไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนอ่านรามเกียรติ์ที่เปิดค้างไว้

“พระลักษมณ์กำลังถูกหอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณพอดี” ดวงตาคู่กลมโตไล่เรียงไปตามตัวหนังสือ ในใจก็คิดตามไปด้วย น่าสงสารพระลักษมณ์เหมือนกันที่ต้องช่วยพี่ชายสู้ศึกทศกัณฐ์ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลย และพระรามก็ไม่ใช่ลูกแม่เดียวกันได้ แต่ทำไมพระลักษมณ์ถึงได้มีความจงรักภักดีกับพี่ชายได้ถึงเพียงนี้

“แหม...นี่สิพระเอกตัวจริง ถ้าได้เจอสักหน่อยนะ ไอ้อบยอมลงจากคานเลยอ่ะ”

สิ้นน้ำเสียงหวานั้น จู่ๆ ก็เกิดลมพัดแรงเข้ามาทางหน้าต่างจนกระดาษที่วางไว้บนโต๊ะปลิวว่อนไปทั่วห้อง โอบฤทัยผวาตามไปเก็บแทบไม่ทัน ก่อนจะรวบรวมกระดาษลงแฟ้มเอกสารแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเอาเรื่อง


“จะพัดมาไม่บอกไม่กล่าวกันเลยนะคุณลม” หญิงสาวบ่นกับลมกับฟ้า แล้วเหม่อมองไปที่พระจันทร์ทรงกลดสวยงาม เธอเป่าลมหายใจออกจากปาก ปิดหน้าต่างห้องให้เรียบร้อย กลับไปนอนอ่านรวมเกียรติ์บนเตียงต่อ แล้วก็ผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว



...........................................................................


น้องอบมาแล้วค่าาาาาาาาาาา

พี่ลักษมณ์จะมาแล้ว ฮี่ๆๆ

ฝากติชมด้วยนะคะ ^^

กรรัมภา-กนิษวิญา






กนิษวิญากรรัมภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.พ. 2557, 10:40:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.พ. 2557, 10:40:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1096





<< ตอนที่ 1 ความหลังของโอบฤทัย 50%   
แล่นแต๊ 19 ก.พ. 2557, 00:08:14 น.
ติดตามค่า รอเจอพระเอกนะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account