หงส์ซ่อนลาย
เธอจะทำยังไง ในเมื่อรู้ว่าคนที่ฆ่าพี่ชายเธอ คือคนรักของเธอเอง
Tags: มาเฟีย ตบจุบ รักโรแมนติก ดรา่่มา
ตอน: ตอนที่ ๑ คู่อริ
หงส์ซ่อนลาย
บทที่ 1
คู่อริ
เสียงฝีเท้าที่เดินมาเป็นจังหวะ ผ่านผนังที่ตกแต่งไปด้วยฝาหนังสีอิฐและภาพวาด ผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มเข้ากับพื้นกระเบื้องลายหินอ่อน โคมไฟระย้า และโคมไฟแจกันที่ตกแต่งอย่างงดงามสไตล์อิตาเลียน ดูราวกับภาพวาดของจิตรกรเอก ที่รังสรรค์มาจากจินตนาการมาเป็นคฤหาสน์ ผู้ที่ก้าวเดินมาใส่ชุดสูทสีดำทั้งตัว ใบหน้าของเขาดูเรียบสนิท แทบจะไม่ปริปากใด ๆ อายุราว ๆ สามสิบกว่า ๆ ทันทีที่ชายวัยกลางคนเดินมาถึงหน้าประตู ก็มีคนเฝ้าหน้าประตูค้อมศีรษะให้ เขายกมือนิดหนึ่งเป็นเชิงปราม เอื้อมมือไปเปิดประตูที่ทำจากไม้ขนาดใหญ่เข้าไปข้างใน
ข้างในนั้นมีชายชุดดำยืนหันหลัง ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลยว่า ‘นายเหนือหัว’ เวลานี้มีความรู้สึกหรืออารมณ์เช่นไร
เส้นผมข้างหลังของเขามีสีน้ำตาลอ่อน ตัดสั้น ชุดสูทสีน้ำตาลเข้มของเขาดูดีมีระดับ ช่วงไหล่กว้างสมส่วน เขามีรูปร่างสูงใหญ่กางเกงแสลกรัดรูปกับกางเกงรองเท้าหนังยืนนิ่ง ดูท่าทางเขาจะรอคอย ราวกับว่ารอคอยอะไรสักอย่าง หรือไม่เช่นนั้นก็รอคอยให้ชายฉกรรจ์เอ่ยรายงานด้วยเสียงดังฟังชัด
ชายผู้นั้นโค้งศีรษะให้
“ผมให้กิลโดเข้าไปสืบที่สถานที่ค้ายาแล้วครับ ปรากฏว่าเป็นพวกแก็งค์โลเซนโซจริง ๆ พวกมันค้ายาเสพติดกับพวกของมันแล้วก็ส่งของให้พวกลูกค้า”
ดวงตาคมปราบของเขา ชำเลืองมาแวบหนึ่ง ชั่วแวบหนึ่งปรากฏเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ บนเรียวปาก
“รู้ได้ยังไง”
“พวกมันอาศัยจังหวะมุมมืด แต่ก็พอเห็นค่าตาของพวกมันได้บ้าง เชื่อว่าเป็นแก็งค์โลเซนโซแน่นอนครับ”
“แก็งค์โลเซนโซหรือ....” เขากระซิบ “หัวหน้าใหญ่มันมาด้วยหรือเปล่า”
ชายวัยกลางคนส่ายหน้า
“ลำพังแค่การค้ายาเล็ก ๆ พวกมันคงไม่เอาหัวหน้ามาด้วยหรอก”
“เท่าที่ฉันรู้พวกมันเป็นแค่กลุ่มกระจอก ๆ บังอาจแข็งข้อกับฉัน แก็งค์มาลโซถือกำเนิดขึ้นมาจากรุ่นพ่อของฉัน ท่านสร้างกลุ่มมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดและฉันก็ไม่ยอมให้พวกกลุ่มโลเซนโซหาทางมาเทียบชั้นได้หรอก ถ้ากิลโดเข้ามาแล้วช่วงเรียกมาพบฉันหน่อย ฉันมีเรื่องอยากจะถาม”
“ครับ” ชายวัยกลางคนก้มหน้านิ่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ออกไป
“มีอะไรหรือ”
“นายท่าน ถ้าผมจะพูดอะไรบางอย่าง ท่านจะสัญญากับผมได้ไหมว่าจะไม่โกรธ”
สายตาของลูซิโอมองอยู่ในบานกระจกคมปราบ เหลือบมองหน้าชายฉกรรจ์ ปรากฏรอยยิ้มบนเรียวปากน้อย ๆ
“ถ้ามันไม่เกี่ยวกับชื่อเสียงของแก็งค์มาลโซ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องโกรธ”
“ครับ มันไม่เกี่ยว แต่ว่า...มันเกี่ยวพันถึงอนาคตของแก็งค์เราทั้งสองฝ่าย”
“หมายความว่าอะไร”
“ท่านได้ข่าวเรื่องที่หัวหน้าใหญ่ของแก็งค์โลเซนโซที่ป่วยด้วยโรคหัวใจ แล้วเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนก่อนได้ไหมครับ ทั้งที่มันเป็นอย่างนั้น แล้วก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะประกาศศักดาว่าเราเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุด ในการคุมบ่อนการพนัน และสถานเริงรมย์ต่าง ๆ...แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะตลอดเวลาหนึ่งเดือนผู้กุมอำนาจรายใหม่ของแก็งค์โลเซนโซกวาดต้อนธุรกิจมืด มันสามารถผงาดขึ้นมาภายในชั่วข้ามคืนโดยไม่มีใครทราบ”
เจ้าของร่างหนาไหล่กว้าง เอามือล้วงกระเป๋าแล้วหันมาช้า ๆ ใบหน้านั้นเรียบสนิท ดวงตาสีฟ้าอ่อนคิ้วเข้มเป็นแถวยาว จมูกโด่ง เรียวปากบางได้รูป เส้นผมตัดสั้น ช่วงไหล่กว้างเข้ากับชุดสูทสีน้ำตาล ผิวพรรณของเขาช่างละเอียดอ่อน มีรอยยิ้มบนเรียวปากให้เห็น เขามีลำตัวที่แข็งแกร่งดุดันและผสมผสานกับรอยเย็บของเสื้อผ้าเนื้อดี เขาผู้นี้ไม่นิยมเอาน้ำหอมยี่ห้อราคาแพงมาใช้ แต่เขากร้าวแกร่งยิ่งนักสมแล้วกับที่เป็นนายใหญ่ของแก็งค์มาลโซ นัยน์ตาเขาเป็นประกายเจิดจ้า มีรอยยิ้มหยันดูราวกับกำลังยิ้มเยาะให้กับคำพูดนั้น
“แล้วยังไง” น้ำเสียงของเราราบเรียบ แต่นัยน์ตาของเขาทอประกาย
“ผมเกรงว่า แก็งค์โลเซนโซอาจคิดจะมาเทียบชั้นกับแก็งค์มาลโซในไม่ช้า”
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องกลัวไปหรอก ความจริงข่าวลือเรื่องนี้ก็เข้าหูฉันอยู่เหมือนกัน แต่ว่าแก็งค์ผู้ทรงอิทธิพลในอิตาลีตอนเหนือไม่ควรจะหวั่นไหวกับเรื่องแค่นี้ มันคุมธุรกิจในย่านตะวันออก เราก็คุมอยู่ฝ่ายตะวันตก มันคุมบ่อนการพนันในย่านเหนือ เราก็คุมบ่อนการพนันในย่านใต้ มันคุมธุรกิจมืดหนึ่งเท่า เราก็คุมเอาไว้ถึงสองเท่า ไม่ใช่สิ...เกือบทั้งหมดเลยดีกว่า”
“เรื่องนั้นผมไม่กลัวหรอกครับ ผมรู้ดีว่าเรากุมอำนาจมากกว่าพวกมันถึงสองเท่า แต่ว่า...มันจะดีหรือครับ ถ้าหากว่าเราปล่อยเอาไว้ ในไม่ช้าพวกมันก็จะค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาทีละน้อย”
“คืบคลานเข้ามาทีละน้อยฉันไม่กลัวหรอก กลัวแต่ว่าพวกมัน ไม่คนใดก็คนหนึ่งจะบังอาจก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเราเข้ามานี่น่ะสิ”
“เรื่องนั้นผมก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน”
“แองเจโล...นายอยู่กับแก็งค์มาลโซมากี่ปีแล้ว” ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก ร่างสูงใหญ่ของ ‘ลูซิโอ’ ตัดเย็บด้วยเสื้อสูทราคาแพง เอื้อมมือไปหยิบขวดบรั่นดีรินหลั่งลงบนขวดแก้ว
คำถามนั้นทำเอาชายฉกรรจ์ค้อมศีรษะลง
“เกือบสิบห้าปีได้แล้วครับ”
“นายเคยเห็นแก็งค์มาลโซตกต่ำ เห็นคนอื่นมันข้ามหน้าเข้ามาเป็นใหญ่หรือเปล่า”
“ไม่ครับ แม้กระทั่งบัดนี้ผมยังไม่เคยเห็นใครขึ้นมาครองธุรกิจมืดหรือเทียบชั้นได้กับแก็งค์มาลโซเลย”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ....” ลูซิโอยิ้ม ๆ “หัวหน้าแก็งค์คนใหม่ของโลเซนโซหรือ ฉันชักอยากรู้จักเสียแล้วสิ”
ใบหน้าของเขาไม่แสดงอาการหวั่นวิตก หรืออารมณ์ใด ๆ นี่เป็นบุคลิกลักษณะที่ทำให้ใครต่อใครหวาดกลัว และไม่กล้าแม้แต่หันมามองสบตา ลูซิโอแม้ไม่แสดงอารมณ์ใดแต่บทจะเฉียบขาดขึ้นมาก็เฉียบขาดจนหวาดผวา แองเจโลเคยเห็นเขายิงปืนใส่หน้าผากของหุ้นส่วนรายใหญ่ เพียงเพราะคำพูดนั้นฟังไม่เข้ารูหู นัยน์ตาเขาโชติช่วงราวกับเปลวเพลิง ทั้ง ๆ ที่เรียวปากสยายยิ้ม เขายิงปืนใส่ลูกน้องของพวกมันจนกระทั่งมันร่วงเป็นใบไม้ร่วง ลูซิโอนับว่าเป็นบุคคลที่เลือดเย็น อำมหิต ใบหน้าของเขาจะเยือกเย็นดุดัน
“ผมจะพยายามส่งลูกน้องเข้าไปสืบเกี่ยวกับแก็งค์โลเซนโซ เชื่อว่าคงได้เบาะแสเร็ว ๆ นี้”
“ไม่จำเป็นหรอก อีกไม่นานก็จะถึงเวลางานเลี้ยงของท่านรัฐมนตรีแล้ว ถึงตอนนั้นเราสองคนก็จะได้รับเชิญไปร่วมงาน และวันนั้นฉันคงจะได้พบกับหัวหน้าแก็งค์โลเซนโซที่ไปร่วมงาน”
“ครับ”
“ตอนนี้ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องให้ครุ่นคิดมากกว่า”
ชายฉกรรจ์ชำเลืองมอง
“อะไรหรือครับ”
“ความจริงด้านธุรกิจบ่อนการพนันฝั่งอิตาลีทางตอนเหนือ หัวหน้าฝ่ายเราโดนยิงตายไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ตอนนี้ไม่มีคนมาแทน ฉันว่าฉันจะส่งอาแมนโดไปคุมฝั่งโน้นแทน แต่ว่า...มันมีบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่ค่อยไว้วางใจเอาเสียเลย”
ลูซิโอหรี่ตาลงมองแก้วบรั่นดี ภาพสะท้อนที่ออกมาเป็นระรอกคล้ายกับมีบางอย่างขุ่นมัวภายในใจเขา
“เขามีบุคลิกเลือดร้อน มุ่งมั่นแรงกล้า ไม่เคยกลัวใคร คิดว่าฉันควรจะส่งตัวเขาไปแทนหัวหน้าคนเดิมดีหรือเปล่า”
“นอกจากอาแมนโดแล้ว ผมก็ยังไม่เคยเห็นใครที่เหมาะสมไปกว่าเขาเลย”
“นั่นสินะ” ลูซิโอยิ้มดวงตาเป็นประกาย
ลูซิโอมีลูกน้องมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีใครที่มีฝีมือดีไปกว่าอาแมนโด หมอนั่นนิสัยเลือดร้อน เส้นผมตัดสั้นมีรูปรอยสักที่ต้นคอด้านซ้าย เขามีนิสัยชอบใช้มีดและปืนที่ยอดเยี่ยมไม่เคยเป็นรองใคร เรียวปากนั้นชอบแสยะยิ้มนัยน์ตาเยาะหยัน มีนิสัยที่เลวสุด ๆ จนเรียกได้ว่าไม่เคยมีใครที่เลวไปกว่าอาแมนโด หมอนั่นถึงแม้จะมีนิสัยอันธพาลเย้ยหยัน แต่เขาก็ยังไม่มีใครที่เหมาะสมไปกว่ามัน
“ไปเรียกจีนามาพบฉันหน่อยซิ”
“คุณจีนา...เอ่อ..ออกไปทำธุระครับ”
ลูซิโอขมวดคิ้ว
“เขาไปไหน”
ปัง ! ปัง
ท่ามกลางโรงฝึกทักษะการยิงปืน หญิงสาวผู้มีใบหน้าหวานซึ้งนัยน์ตาคมปราบ จมูกโด่งเรียวปากเอิบอิ่ม คิ้วโก่งสวยเส้นผมเป็นสีน้ำตาลเข้มยาวจนถึงกลางหลัง สวมเสื้อยืดรัดรูปตัวในด้านนอกสวมชุดยีนตัวสั้นสวย สะโพกเอิบอิ่มเข้ารูปกับกางเกงยีนตัวสวยรองเท้าส้นเข็ม หน้าอกที่ดูงดงามสะท้อนไหวตามแรงสะท้อนของปืนสั้นที่กระหน่ำยิงไปยังเป้าหมายตรงกลาง และจานที่เหวี่ยงขึ้นมา ปืนสั้นของหล่อนยิงรัวไปยังทิศทางของจานอย่างไม่ยั้ง ไม่ผิดแผกไปยังตำแหน่งอื่นราวกับจับวาง
เจ้าของนัยน์ตาคู่สวย คิ้วโก่ง เรียวปากเอิบอิ่ม เส้นผมของหล่อนพลิ้วไหวราวกับเส้นไหม ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างที่ดูดีเป็นพิเศษ ด้วยความที่เป็นนักกีฬาตัวฉกาจ ทั้งยิงปืนทั้งเทควันโด เธอผู้นี้ก็พร้อมที่จะรับมือทุกรูปแบบ ปืนสั้นยิงออกไปจนจานที่หมุนออกมากระจายตัวออกไป ทุกเป้าหมายหญิงสาวพุ่งเป้าไปที่ตำแหน่งจนกระทั่งหมดชุด จีนาถอนหายใจยาวแล้วดึงแว่นตาออกปล่อยผมยาวสลวย นัยน์ตาของหล่อนเป็นสีดำสนิทเปล่งประกายราวกับท้องฟ้ายามราตรี
“เก่งมากเลยครับ ผมไม่เคยเห็นใครที่ฝีมือเก่งกาจเท่ากับคุณหนูจีนามาก่อนเลย”
จีนาหันไปยิ้ม ดูท่าว่าวันนี้เธอจะไม่ได้มาแค่คนเดียว
“เก่งพอที่จะยิงคุ้มกันให้กับพี่ได้หรือเปล่า” เสียงของเธอคมปราบ ไม่แพ้นัยน์ตาที่วาววับ
“ไม่เพียงแต่จะยิงคุ้มกัน ลองเป็นกลางศีรษะของศัตรู คุณหนูก็ย่อมทำได้”
“งั้นเหรอ งั้นลองดูไหมล่ะ” ปืนในมือเธอวาดมาตรงกลางกระหม่อมของชายสูงวัยจนเขาสะดุ้ง
ชายสูงวัยเส้นผมขาวโพลน อายุราวเจ็ดสิบกว่า ๆ ยกมือขึ้นปราม
“อย่าเลยขอรับ ผมน่ะแก่แล้ววิ่งหลบลูกกระสุนของคุณหนูไม่ทันหรอก เดี๋ยวจะหามไปโรงพยาบาลไม่ทันมากกว่า”
“แล้วใครใช้ให้ไปโรงพยาบาลล่ะ” เธอเลิกคิ้ว
“โธ่ คุณหนูครับ คุณหนูคิดจะยิงผมก็เชิญบอกเถิด ผมจะลงไปคุกเข่าให้คุณหนูยิงเดี๋ยวนี้”
จีนาถอนหายใจยาว ตบลูกเลื่อนในมือลงพลางเก็บปืนสั้นใส่ในกระเป๋า
“ใครจะไปยิงคนเฒ่าคนแก่ได้ ฉันไม่ใจดำขนาดนั้นหรอก” เธอยิ้ม “ใครใช้ให้คุณลุงมาตาม ฉันนึกว่าตอนที่ออกมาจะไม่ใครรู้เสียอีก”
ชายวัยชรายิ้ม ๆ ดวงตาเป็นประกายอ่อนโยน
“คุณหนูคิดที่จะออกไปไหน มีหรือคนแก่คนนี้จะไม่รู้บ้าง”
จีนาเลิกคิ้ว ใช่สินะ คนแก่ผู้นี้คือซานโตร เขาเป็นผู้เฒ่าของแก็งค์มาลโซตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอเติบโตมาพร้อมกับแม่นมแล้วก็มีคนแก่ที่เจ้าระเบียบ ตั้งแต่สมัยที่พ่อของเธอที่เป็นหัวหน้าแก็งค์มาลโซยุคแรก ๆ ยังอยู่ สมัยที่เธอยังเล็กได้ยินว่าซานโตรผู้ไม่ยอมเอ่ยปาก สุขุมรอบคอบ เขาเคยเป็นถึงคู่หูของพ่อเธอและเป็นเสาหลักของแก็งค์มาลโซ วางแผนและตลบหลัง เป็นคนแก่ที่ไม่ว่าใครต่อใครก็ต้องยอมก้มหัวให้
แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ
“ซานโตร ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว เท่าที่ฉันจำได้ราว ๆ เจ็ดสิบปลาย ๆ เห็นจะได้”
“เจ็ดสิบสี่ปีครับ คุณหนู”
“อันที่จริง คุณลุงเป็นรุ่นบุกเบิกของพ่อฉันมาประมาณสามสิบปีเห็นจะได้ ถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักและนับถือลุงเรื่อยมา ในอดีตน่ะหาคนที่จงรักภักดีกับแก็งค์มาลโซเท่ากับลุงเห็นจะไม่มี ตอนนี้ถ้าฉันขอร้องพี่ชายให้ช่วยซื้อที่ดินพร้อมบ้านให้กับลุงสักหลังหนึ่ง ลุงจะว่ายังไง”
“เป็นพระกรุณาธิคุณอย่างยิ่ง แต่อายุที่เหลืออยู่ของซานโตรมอบให้ไว้กับแก็งค์มาลโซไปหมดแล้ว”
จีนาปรายสายตาคมปราบไปยังซานโตร รู้ทั้งรู้ว่าคำตอบที่ได้มักจะมีความหมายไม่ต่างไปจากนี้ เรียวปากของเธอยิ้ม ๆ
“งั้นหรือ ช่วยไม่ได้นะ” เธอกระซิบแผ่ว “พี่ลูซิโอพูดว่าอย่างไรบ้างล่ะ”
“คุณหนูครับ” ซานโตรคล้าย ๆ จะอ่อนโยน “ขออนุญาตให้ซานโตรพูดบางอย่างจะได้ไหม”
“เอาสิ ฉันรับฟังอยู่”
“นี่เป็นคำสั่งเสียของหัวหน้าเก่ารุ่นก่อนท่านสั่งเสียเอาไว้ว่า หากเกิดอะไรขึ้นขอให้ผมดูแลคุณชายกับคุณหนูให้เหมือนกับลูกในไส้ คุณลูซิโอนั้นเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แบบ เขากร้าวแกร่งและทรงอำนาจเฉกเช่นเดียวกับหัวหน้าแก็งค์มาลโลรุ่นก่อน ๆ คุณจีนาเอง...ก็เหมือนกัน คุณทั้งสมบูรณ์แบบและเก่งไปหมดทุกอย่าง แต่อาจจะเกลียดแก็งค์มาลโซเพราะรังเกียจอาชีพผิดกฎหมาย เกี่ยวกับการค้ายา แต่ว่า....คุณหนูก็ยังเป็นคุณหนู เป็นลูกสาวของนายเหนือหัวใหญ่รุ่นก่อนอยู่กึ่งหนึ่งนะครับ”
หญิงสาวนิ่งเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เพราะฉะนั้น การที่คุณเกลียดแก็งค์มาลโซ ก็เท่ากับรังเกียจนามสกุลของตนเองไปด้วย”
“คงจะจริงอย่างที่ซานโตรพูด...” เธอยิ้มบาง ๆ “ฉันไม่เคยนึกรังเกียจนามสกุลมาลโซมากเท่านี้มาก่อนเลย”
จีนาชำเลืองมองไปยังซานโตร นัยน์ตาเป็นประกาย
“จริงอยู่...ที่อาชีพเราคือกลุ่มมาเฟียมีธุรกิจในโลกมืด เรามีบ่อนการพนันนับสิบแห่ง เป็นกลุ่มที่มีการฆ่าด้วยกระสุนปืนและทุจริตกับนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล แต่ว่า...การค้ายาเสพติด การเหยียดสีผิวมันทำให้ฉันรังเกียจสายเลือดที่มีอยู่ในตัวเองไปกว่าครึ่ง ซานโตร ถ้าฉันเลือกได้ฉันขอเลือกเกิดที่อื่น ที่ไม่ใช่ ‘ตระกูลมาลโซ’ เสียดีกว่า”
“คนเราก็มีทั้งด้านดีและด้านเลว...มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะยอมรับด้านไหนมากกว่ากันเท่านั้น”
“แปลว่า ที่ฉันเกิดมาก็ต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้อย่างนั้นหรือ”
“การค้ายา เราไม่ทำคนอื่นก็ทำ”
“นอกจากแก็งค์ของเราแล้ว ยังมีกลุ่มมาเฟียอื่นอีกเหรอ”
“แก็งค์โลเซนโซไงครับคุณหนู ตอนนี้พวกมันกำลังแข็งข้อกับพวกเรามากขึ้นทุกที”
“แก็งค์โลเซนโซเหรอ...” เธอกระซิบแผ่ว
Rrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในกระเป๋าถือ เธอล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์อยู่บนหน้ามือถือ เธอยักไหล่ก่อนปิดโทรศัพท์แล้วเก็บเข้ากระเป๋าถือเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น กิริยาท่าทางนั้นเป็นที่จับสังเกตของซานโตร
“โทรศัพท์ไม่ใช่หรือครับ คุณหนู”
“โทรผิดเบอร์น่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“เขายังไม่ทันคุยมา แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าโทรผิด” เขายังซักต่อ
ดวงหน้างามยิ้ม ๆ ก่อนยักไหล่ ดวงตาราวกับรัตติกาลที่ทอจรัสแสงยามค่ำคืน จมูกโด่งเชิดรั้น เรียวปากเอิบอิ่ม เธอผู้นี้มีความงามที่ไม่ว่าใครก็ต้องหันมามอง นัยน์ตาคู่ซึ้งหวานเป็นประกาย
“ฉันรู้ก็แล้วกัน” น้ำเสียงของเธอพลิ้วหวาน ก่อนที่เธอจะสะพายกระเป๋าเสื้อเดินออกไป สะโพกสวยอยู่ในชุดยีนรับรูปกับรองเท้าส้นสูง
“คุณหนูจะไปไหนหรือครับ”
“ไม่ต้องตามมาหรอก เดี๋ยวฉันก็กลับไปเอง”
“เอ่อ...งั้นผมว่า ให้ผมตามไปด้วยจะ..” ซานโตรยังไม่ทันพูดจบ เธอก็หันมาพร้อมปืนที่ชักออกมาหันปากกระบอกไปที่ซานโตร นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายวาววับ
...เห็นได้ชัดว่าเธอเอาจริง
“อย่าตามมาซานโตร ถ้ายังไม่อยากตาย” เสียงนั้นเฉียบขาด หมดหนทางที่ซานโตรจะตามไปได้ เขาจึงยืนนิ่งมองดูจีนาเดินออกไป จนกระทั่งลับไปจากสายตา....
ประเทศอิตาลี หรือ สาธารณรัฐอิตาลี...อยู่ตอนใต้ของทวีปยุโรป ลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นออกไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประเทศอิตาลีประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูศิลปวิทยาการของอารยธรรมกรีกและโรมัน โดยเรียกว่ายุคเรอเนซองส์ ประเทศที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทางศิลปะ ที่ผู้คนใฝ่ฝันจะเยือนสักครั้งในชีวิต ผู้คนและนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ รวมทั้งเขตประวัติศาสตร์ใจกลางฟลอเรนซ์ (Historic Centre of Florence) เมืองศูนย์กลางศิลปะในยุคเรเนอซองส์
สถานที่น่าท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นทางด้านศิลปะหรือวัฒนธรรม อิตาลีเป็นประเทศหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าประเทศมากที่สุด ทั่วทั้งอิตาลีมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม จีนามักจะมาที่นี่ ดาดฟ้าตึกสูงที่เมืองประวัติศาสตร์เวลาที่ทุกคนพลุกพล่าน ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตหวานซึ้ง เรียวปากเอิบอิ่มเป็นสีกุหลาบ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวจรดกลางหลัง เธอรู้ว่าที่นี่ในยามค่อนข้างเย็นที่นี่มักจะเงียบสงบ
...และหญิงสาวก็อยากจะอยู่เงียบ ๆ คนเดียว
จีนาเปิดประตูดาดฟ้าออกไป แล้วก็ต้องชะงักกึก
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นภาพของชายหนุ่มเส้นผมสีดำเข้ม จมูกโด่งเรียวปากบางได้รูป นัยน์ตาของเขาเป็นสีดำสนิทราวกับรัตติกาล ร่างสูงยืนหันข้างให้เธอแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ภาพที่จีนามองเขาเหมือนต้องมนต์สะกด ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อคลุมแขนยาวสีเทาเข้ม รูปร่างของเขาสูงใหญ่ผิวของเขาเป็นสีแทนไม่เหมือนผู้หญิง ทุกส่วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อตัวในที่ยาวถึงจนต้นคอ ใบหน้าของเขาราวกับออกมาจากรูปสลักของจิตรกร เส้นผมไล้จนถึงท้ายทาย มีบางส่วนประปรายลงหน้าผาก
จีนามองตรงไป มือของเธอมันนิ่งราวกับต้องมนต์
ผู้ชายที่ดูราวกับเป็นรูปแกะสลักละม้ายคล้ายกับภาพฝัน...มีนกพิราบหลายสิบตัวบินมาเกาะที่ปลายนิ้ว โผบินไปกับพื้นราวกับภาพนิ่ง
หญิงสาวมองเขาอย่างตะลึงลาน จนกระทั่งเขารู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมอง เรียวปากเหยียดตรงกลับมีรอยยิ้มน้อย ๆ
“เอ่อ...ฉันคิดว่าบนนี้จะไม่มีคนอยู่เสียอีก” หญิงสาวตระกุกตระกัก
“ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครขึ้นมาบนนี้เหมือนกัน”
จีนามองดูชายหนุ่ม ดูเหมือนว่านกเหล่านั้นจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันทีที่เห็นเธอ
“ขอโทษนะคะ นกพิราบของคุณบินไปหมดเลย”
“นกเป็นสัตว์ที่ขี้ตื่นตกใจง่าย ผมมักจะขึ้นมาบนนี้บ่อย ๆ มันก็เลยคุ้นชิน” ใบหน้าของเขาดูราวกับภาพวาด เสื้อคลุมของเขาเป็นสีเทาเข้มเข้ากับรองเท้าหนัง
“คุณมาที่นี่บ่อยหรือคะ” เธอถามเพราะไม่ได้คิดอะไร
“ผมมักจะมาที่นี่ยามว่าง เวลาที่ผมอยากจะชมวิวทิวทัศน์ของเมืองวินเซนต์ ข้างล่างมันเต็มไปด้วยเมืองแห่งวัฒนธรรม ผมยืนอยู่ตรงนี้มองเห็นจัตุรัสซานมาร์โคที่เต็มไปด้วยผู้คน มันทำให้ผมเงียบสงบอย่างบอกไม่ถูก” ชายแปลกหน้ายิ้มให้เธอ ดวงตาของเขาเป็นสีนิลกาล
“คุณชื่ออะไรคะ !?”
“วาเลนติโน คาลดิโลดา”
ใบหน้าคมสันมีรอยยิ้มน้อย ๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เรียวปากของเขาเป็นรอยยิ้มที่เปิดเผย “หวังว่าการมาของผม จะไม่เป็นการรบกวนคุณ”
จีนายิ้มให้เขา แทบไม่น่าเชื่อว่าการมาในครั้งนี้จะกลายเป็นมิตรภาพระหว่างกันไปได้ มือบางยื่นออกไปให้เขาจับทักทายกัน
“ฉันจีนาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
จีนามองชายหนุ่มที่หันมาตรง ๆ...จมูกโด่งเรียวปากบางเฉียบ ดวงตานั้นแลดูอบอุ่น เปรียบประดุจภาพวาดของจิตรกรเอกที่รังสรรค์ขึ้นมา เส้นผมประปรายระต้นคอสีดำขลับ กับเสื้อคลุมสีเทาเข้มกับเสื้อตัวในสีดำสนิทเปรียบประดุจว่าเขาเป็นตัวแทนของรัตติกาล ภาพใบหน้าของเขาไม่ได้สวยประดุจผู้หญิง แต่ส่วนลึกในใจเธอกลับมองว่าเขามีสีผิวที่ค่อนข้างเข้ม ลำตัวค่อนข้างหนา
“หน้าของผม คงจะเหมือนใครบางคนที่คุณรู้จักสินะ” เขาคลี่ริมฝีปากยิ้ม ๆ
“เปล่า” เธอรีบปฏิเสธทันที “เพียงแต่...”
สายตาของเขามีรอยยิ้ม ๆ มองมายังเธอ
“คุณดูสวยมาก” เธอกระซิบแผ่ว “สวยราวกับผู้หญิง”
คิ้วดกดำของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย
“ผมสวย ?”
“ไม่รู้สิคะ บางทีฉันอาจมีสายตาที่มองผู้ชายแตกต่างไปจากที่คนอื่นคิดก็เป็นได้ คุณดูดีแล้วก็สวยมาก อาจสวยมากกว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ฉันรู้จักก็เป็นได้” จีนาเอียงคอมองเขา “คุณดูแตกต่างไปจากผู้ชายที่ฉันเคยเห็น”
วาเลนติโนยิ้มน้อย ๆ นัยน์ตาของเขาสงบเยือกเย็น
“รู้อะไรไหม คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่พูดอย่างนี้”
“ที่ฉันบอกว่าคุณสวยน่ะหรือ”
“ไม่ใช่” เขากระซิบแผ่ว “พูดว่าผมเป็นผู้ชายที่แตกต่างไปจากที่คุณเคยเห็น ทั้ง ๆ ที่ผมเองก็ไม่แตกต่างไปจากผู้ชายคนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย”
“ฉันพูดถึงคุณแตกต่างแค่ภายนอก แต่ภายใน...ฉันคิดว่าฉันรู้จักผู้ชายดีพอ ผู้ชายก็เหมือน ๆ กันหมดนั่นแหละ”
“น่าสนใจดีนะ...แล้วคุณคิดมีส่วนไหนบ้าง ที่ผู้ชายเป็นเหมือนกันหมด”
“ชอบคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่ความจริงผู้ชายและผู้หญิงก็เท่าเทียมกันหมดทุกอย่าง” เธอเงยหน้ามองฟ้า “ฉันไม่ชอบเลยที่ผู้ชายทำกับผู้หญิงเป็นแค่ส่วนประกอบ ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่เดินตามเขาไปงานเลี้ยงก็พอ”
ผู้ชายทุกคนที่เธอเคยเจอ ล้วนแต่เป็นอย่างนี้ ไม่เคยมีใครสักคนที่เห็นผู้หญิงเป็นผู้นำมีแต่จะให้เป็นผู้ตาม เธอมองเห็นผู้หญิงที่แต่งตัวเลอโฉม สวมชุดราตรี ทว่า...เบื้องหลังของสตรีเหล่านั้น เป็นแค่เครื่องมือหุ่นเชิด มีหน้าที่เป็นนางบำเรออยู่บนเตียง
แล้วเธอล่ะ...
ไม่ต้องการที่จะเป็นอย่างนั้นล่ะหรือ
ไม่มีทางหรอก...ที่จีนาจะกลายเป็นผู้หญิงอย่างนั้น ผู้หญิงที่มีแต่ความสวยมีหน้าที่แต่ในเพียงห้องนอน ไม่มีความคิดไม่มีความคิดเห็น แต่นั่นไม่ใช่คุณหนูผู้เพียบพร้อมอย่างจีนา เธอคิดเอาไว้เสมอว่าคู่ครองของเธอจะต้องเท่าเทียมกับเธอ ต้องให้เกียติเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่นั่น...ก็หายากเสียเหลือเกิน ไม่มีผู้ชายที่ดีพร้อมจนทำให้เธอจะฝากฝังชีวิตไว้ให้ได้
“...ดูคุณท่าทางจะมีปัญหาเกี่ยวกับฐานะความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายนะ”
“ก็อาจใช่...บางทีฉันอาจโตมาอย่างนี้ก็เลยมีความคิดที่แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นก็ได้มั้ง” เธอหัวเราะเสียงแผ่ว “บางทีผู้ชายในโลกนี้ที่ฉันตามหา อาจจะอยู่คนละฟากฟ้าเลยก็ได้”
เธอพูดเหมือนติดตลก ชำเลืองมองมายังใบหน้าคมสันด้วยประกายตาวาววับ
“ผมว่าผู้ชายที่คุณตามหาอาจอยู่ใกล้ ๆ ตัวคุณ เพียงแต่คุณยังหาไม่เจอเท่านั้น”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมเดาเอา เพราะคิดว่าอย่างน้อยรอบกายคุณอาจจะมีผู้ชายประเภทนั้นอยู่ก็ได้” รอยยิ้มของเขาคลี่ออกเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของเขาแลดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก “เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชายในโลกอย่างที่คุณกำลังพูดถึงด้วยเหมือนกัน”
“นั่นสินะ ฉันลืมไปว่าฉันกำลังคุยอ
บทที่ 1
คู่อริ
เสียงฝีเท้าที่เดินมาเป็นจังหวะ ผ่านผนังที่ตกแต่งไปด้วยฝาหนังสีอิฐและภาพวาด ผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มเข้ากับพื้นกระเบื้องลายหินอ่อน โคมไฟระย้า และโคมไฟแจกันที่ตกแต่งอย่างงดงามสไตล์อิตาเลียน ดูราวกับภาพวาดของจิตรกรเอก ที่รังสรรค์มาจากจินตนาการมาเป็นคฤหาสน์ ผู้ที่ก้าวเดินมาใส่ชุดสูทสีดำทั้งตัว ใบหน้าของเขาดูเรียบสนิท แทบจะไม่ปริปากใด ๆ อายุราว ๆ สามสิบกว่า ๆ ทันทีที่ชายวัยกลางคนเดินมาถึงหน้าประตู ก็มีคนเฝ้าหน้าประตูค้อมศีรษะให้ เขายกมือนิดหนึ่งเป็นเชิงปราม เอื้อมมือไปเปิดประตูที่ทำจากไม้ขนาดใหญ่เข้าไปข้างใน
ข้างในนั้นมีชายชุดดำยืนหันหลัง ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลยว่า ‘นายเหนือหัว’ เวลานี้มีความรู้สึกหรืออารมณ์เช่นไร
เส้นผมข้างหลังของเขามีสีน้ำตาลอ่อน ตัดสั้น ชุดสูทสีน้ำตาลเข้มของเขาดูดีมีระดับ ช่วงไหล่กว้างสมส่วน เขามีรูปร่างสูงใหญ่กางเกงแสลกรัดรูปกับกางเกงรองเท้าหนังยืนนิ่ง ดูท่าทางเขาจะรอคอย ราวกับว่ารอคอยอะไรสักอย่าง หรือไม่เช่นนั้นก็รอคอยให้ชายฉกรรจ์เอ่ยรายงานด้วยเสียงดังฟังชัด
ชายผู้นั้นโค้งศีรษะให้
“ผมให้กิลโดเข้าไปสืบที่สถานที่ค้ายาแล้วครับ ปรากฏว่าเป็นพวกแก็งค์โลเซนโซจริง ๆ พวกมันค้ายาเสพติดกับพวกของมันแล้วก็ส่งของให้พวกลูกค้า”
ดวงตาคมปราบของเขา ชำเลืองมาแวบหนึ่ง ชั่วแวบหนึ่งปรากฏเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ บนเรียวปาก
“รู้ได้ยังไง”
“พวกมันอาศัยจังหวะมุมมืด แต่ก็พอเห็นค่าตาของพวกมันได้บ้าง เชื่อว่าเป็นแก็งค์โลเซนโซแน่นอนครับ”
“แก็งค์โลเซนโซหรือ....” เขากระซิบ “หัวหน้าใหญ่มันมาด้วยหรือเปล่า”
ชายวัยกลางคนส่ายหน้า
“ลำพังแค่การค้ายาเล็ก ๆ พวกมันคงไม่เอาหัวหน้ามาด้วยหรอก”
“เท่าที่ฉันรู้พวกมันเป็นแค่กลุ่มกระจอก ๆ บังอาจแข็งข้อกับฉัน แก็งค์มาลโซถือกำเนิดขึ้นมาจากรุ่นพ่อของฉัน ท่านสร้างกลุ่มมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดและฉันก็ไม่ยอมให้พวกกลุ่มโลเซนโซหาทางมาเทียบชั้นได้หรอก ถ้ากิลโดเข้ามาแล้วช่วงเรียกมาพบฉันหน่อย ฉันมีเรื่องอยากจะถาม”
“ครับ” ชายวัยกลางคนก้มหน้านิ่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ออกไป
“มีอะไรหรือ”
“นายท่าน ถ้าผมจะพูดอะไรบางอย่าง ท่านจะสัญญากับผมได้ไหมว่าจะไม่โกรธ”
สายตาของลูซิโอมองอยู่ในบานกระจกคมปราบ เหลือบมองหน้าชายฉกรรจ์ ปรากฏรอยยิ้มบนเรียวปากน้อย ๆ
“ถ้ามันไม่เกี่ยวกับชื่อเสียงของแก็งค์มาลโซ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องโกรธ”
“ครับ มันไม่เกี่ยว แต่ว่า...มันเกี่ยวพันถึงอนาคตของแก็งค์เราทั้งสองฝ่าย”
“หมายความว่าอะไร”
“ท่านได้ข่าวเรื่องที่หัวหน้าใหญ่ของแก็งค์โลเซนโซที่ป่วยด้วยโรคหัวใจ แล้วเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนก่อนได้ไหมครับ ทั้งที่มันเป็นอย่างนั้น แล้วก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะประกาศศักดาว่าเราเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุด ในการคุมบ่อนการพนัน และสถานเริงรมย์ต่าง ๆ...แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะตลอดเวลาหนึ่งเดือนผู้กุมอำนาจรายใหม่ของแก็งค์โลเซนโซกวาดต้อนธุรกิจมืด มันสามารถผงาดขึ้นมาภายในชั่วข้ามคืนโดยไม่มีใครทราบ”
เจ้าของร่างหนาไหล่กว้าง เอามือล้วงกระเป๋าแล้วหันมาช้า ๆ ใบหน้านั้นเรียบสนิท ดวงตาสีฟ้าอ่อนคิ้วเข้มเป็นแถวยาว จมูกโด่ง เรียวปากบางได้รูป เส้นผมตัดสั้น ช่วงไหล่กว้างเข้ากับชุดสูทสีน้ำตาล ผิวพรรณของเขาช่างละเอียดอ่อน มีรอยยิ้มบนเรียวปากให้เห็น เขามีลำตัวที่แข็งแกร่งดุดันและผสมผสานกับรอยเย็บของเสื้อผ้าเนื้อดี เขาผู้นี้ไม่นิยมเอาน้ำหอมยี่ห้อราคาแพงมาใช้ แต่เขากร้าวแกร่งยิ่งนักสมแล้วกับที่เป็นนายใหญ่ของแก็งค์มาลโซ นัยน์ตาเขาเป็นประกายเจิดจ้า มีรอยยิ้มหยันดูราวกับกำลังยิ้มเยาะให้กับคำพูดนั้น
“แล้วยังไง” น้ำเสียงของเราราบเรียบ แต่นัยน์ตาของเขาทอประกาย
“ผมเกรงว่า แก็งค์โลเซนโซอาจคิดจะมาเทียบชั้นกับแก็งค์มาลโซในไม่ช้า”
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องกลัวไปหรอก ความจริงข่าวลือเรื่องนี้ก็เข้าหูฉันอยู่เหมือนกัน แต่ว่าแก็งค์ผู้ทรงอิทธิพลในอิตาลีตอนเหนือไม่ควรจะหวั่นไหวกับเรื่องแค่นี้ มันคุมธุรกิจในย่านตะวันออก เราก็คุมอยู่ฝ่ายตะวันตก มันคุมบ่อนการพนันในย่านเหนือ เราก็คุมบ่อนการพนันในย่านใต้ มันคุมธุรกิจมืดหนึ่งเท่า เราก็คุมเอาไว้ถึงสองเท่า ไม่ใช่สิ...เกือบทั้งหมดเลยดีกว่า”
“เรื่องนั้นผมไม่กลัวหรอกครับ ผมรู้ดีว่าเรากุมอำนาจมากกว่าพวกมันถึงสองเท่า แต่ว่า...มันจะดีหรือครับ ถ้าหากว่าเราปล่อยเอาไว้ ในไม่ช้าพวกมันก็จะค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาทีละน้อย”
“คืบคลานเข้ามาทีละน้อยฉันไม่กลัวหรอก กลัวแต่ว่าพวกมัน ไม่คนใดก็คนหนึ่งจะบังอาจก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเราเข้ามานี่น่ะสิ”
“เรื่องนั้นผมก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน”
“แองเจโล...นายอยู่กับแก็งค์มาลโซมากี่ปีแล้ว” ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก ร่างสูงใหญ่ของ ‘ลูซิโอ’ ตัดเย็บด้วยเสื้อสูทราคาแพง เอื้อมมือไปหยิบขวดบรั่นดีรินหลั่งลงบนขวดแก้ว
คำถามนั้นทำเอาชายฉกรรจ์ค้อมศีรษะลง
“เกือบสิบห้าปีได้แล้วครับ”
“นายเคยเห็นแก็งค์มาลโซตกต่ำ เห็นคนอื่นมันข้ามหน้าเข้ามาเป็นใหญ่หรือเปล่า”
“ไม่ครับ แม้กระทั่งบัดนี้ผมยังไม่เคยเห็นใครขึ้นมาครองธุรกิจมืดหรือเทียบชั้นได้กับแก็งค์มาลโซเลย”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ....” ลูซิโอยิ้ม ๆ “หัวหน้าแก็งค์คนใหม่ของโลเซนโซหรือ ฉันชักอยากรู้จักเสียแล้วสิ”
ใบหน้าของเขาไม่แสดงอาการหวั่นวิตก หรืออารมณ์ใด ๆ นี่เป็นบุคลิกลักษณะที่ทำให้ใครต่อใครหวาดกลัว และไม่กล้าแม้แต่หันมามองสบตา ลูซิโอแม้ไม่แสดงอารมณ์ใดแต่บทจะเฉียบขาดขึ้นมาก็เฉียบขาดจนหวาดผวา แองเจโลเคยเห็นเขายิงปืนใส่หน้าผากของหุ้นส่วนรายใหญ่ เพียงเพราะคำพูดนั้นฟังไม่เข้ารูหู นัยน์ตาเขาโชติช่วงราวกับเปลวเพลิง ทั้ง ๆ ที่เรียวปากสยายยิ้ม เขายิงปืนใส่ลูกน้องของพวกมันจนกระทั่งมันร่วงเป็นใบไม้ร่วง ลูซิโอนับว่าเป็นบุคคลที่เลือดเย็น อำมหิต ใบหน้าของเขาจะเยือกเย็นดุดัน
“ผมจะพยายามส่งลูกน้องเข้าไปสืบเกี่ยวกับแก็งค์โลเซนโซ เชื่อว่าคงได้เบาะแสเร็ว ๆ นี้”
“ไม่จำเป็นหรอก อีกไม่นานก็จะถึงเวลางานเลี้ยงของท่านรัฐมนตรีแล้ว ถึงตอนนั้นเราสองคนก็จะได้รับเชิญไปร่วมงาน และวันนั้นฉันคงจะได้พบกับหัวหน้าแก็งค์โลเซนโซที่ไปร่วมงาน”
“ครับ”
“ตอนนี้ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องให้ครุ่นคิดมากกว่า”
ชายฉกรรจ์ชำเลืองมอง
“อะไรหรือครับ”
“ความจริงด้านธุรกิจบ่อนการพนันฝั่งอิตาลีทางตอนเหนือ หัวหน้าฝ่ายเราโดนยิงตายไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ตอนนี้ไม่มีคนมาแทน ฉันว่าฉันจะส่งอาแมนโดไปคุมฝั่งโน้นแทน แต่ว่า...มันมีบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่ค่อยไว้วางใจเอาเสียเลย”
ลูซิโอหรี่ตาลงมองแก้วบรั่นดี ภาพสะท้อนที่ออกมาเป็นระรอกคล้ายกับมีบางอย่างขุ่นมัวภายในใจเขา
“เขามีบุคลิกเลือดร้อน มุ่งมั่นแรงกล้า ไม่เคยกลัวใคร คิดว่าฉันควรจะส่งตัวเขาไปแทนหัวหน้าคนเดิมดีหรือเปล่า”
“นอกจากอาแมนโดแล้ว ผมก็ยังไม่เคยเห็นใครที่เหมาะสมไปกว่าเขาเลย”
“นั่นสินะ” ลูซิโอยิ้มดวงตาเป็นประกาย
ลูซิโอมีลูกน้องมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีใครที่มีฝีมือดีไปกว่าอาแมนโด หมอนั่นนิสัยเลือดร้อน เส้นผมตัดสั้นมีรูปรอยสักที่ต้นคอด้านซ้าย เขามีนิสัยชอบใช้มีดและปืนที่ยอดเยี่ยมไม่เคยเป็นรองใคร เรียวปากนั้นชอบแสยะยิ้มนัยน์ตาเยาะหยัน มีนิสัยที่เลวสุด ๆ จนเรียกได้ว่าไม่เคยมีใครที่เลวไปกว่าอาแมนโด หมอนั่นถึงแม้จะมีนิสัยอันธพาลเย้ยหยัน แต่เขาก็ยังไม่มีใครที่เหมาะสมไปกว่ามัน
“ไปเรียกจีนามาพบฉันหน่อยซิ”
“คุณจีนา...เอ่อ..ออกไปทำธุระครับ”
ลูซิโอขมวดคิ้ว
“เขาไปไหน”
ปัง ! ปัง
ท่ามกลางโรงฝึกทักษะการยิงปืน หญิงสาวผู้มีใบหน้าหวานซึ้งนัยน์ตาคมปราบ จมูกโด่งเรียวปากเอิบอิ่ม คิ้วโก่งสวยเส้นผมเป็นสีน้ำตาลเข้มยาวจนถึงกลางหลัง สวมเสื้อยืดรัดรูปตัวในด้านนอกสวมชุดยีนตัวสั้นสวย สะโพกเอิบอิ่มเข้ารูปกับกางเกงยีนตัวสวยรองเท้าส้นเข็ม หน้าอกที่ดูงดงามสะท้อนไหวตามแรงสะท้อนของปืนสั้นที่กระหน่ำยิงไปยังเป้าหมายตรงกลาง และจานที่เหวี่ยงขึ้นมา ปืนสั้นของหล่อนยิงรัวไปยังทิศทางของจานอย่างไม่ยั้ง ไม่ผิดแผกไปยังตำแหน่งอื่นราวกับจับวาง
เจ้าของนัยน์ตาคู่สวย คิ้วโก่ง เรียวปากเอิบอิ่ม เส้นผมของหล่อนพลิ้วไหวราวกับเส้นไหม ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างที่ดูดีเป็นพิเศษ ด้วยความที่เป็นนักกีฬาตัวฉกาจ ทั้งยิงปืนทั้งเทควันโด เธอผู้นี้ก็พร้อมที่จะรับมือทุกรูปแบบ ปืนสั้นยิงออกไปจนจานที่หมุนออกมากระจายตัวออกไป ทุกเป้าหมายหญิงสาวพุ่งเป้าไปที่ตำแหน่งจนกระทั่งหมดชุด จีนาถอนหายใจยาวแล้วดึงแว่นตาออกปล่อยผมยาวสลวย นัยน์ตาของหล่อนเป็นสีดำสนิทเปล่งประกายราวกับท้องฟ้ายามราตรี
“เก่งมากเลยครับ ผมไม่เคยเห็นใครที่ฝีมือเก่งกาจเท่ากับคุณหนูจีนามาก่อนเลย”
จีนาหันไปยิ้ม ดูท่าว่าวันนี้เธอจะไม่ได้มาแค่คนเดียว
“เก่งพอที่จะยิงคุ้มกันให้กับพี่ได้หรือเปล่า” เสียงของเธอคมปราบ ไม่แพ้นัยน์ตาที่วาววับ
“ไม่เพียงแต่จะยิงคุ้มกัน ลองเป็นกลางศีรษะของศัตรู คุณหนูก็ย่อมทำได้”
“งั้นเหรอ งั้นลองดูไหมล่ะ” ปืนในมือเธอวาดมาตรงกลางกระหม่อมของชายสูงวัยจนเขาสะดุ้ง
ชายสูงวัยเส้นผมขาวโพลน อายุราวเจ็ดสิบกว่า ๆ ยกมือขึ้นปราม
“อย่าเลยขอรับ ผมน่ะแก่แล้ววิ่งหลบลูกกระสุนของคุณหนูไม่ทันหรอก เดี๋ยวจะหามไปโรงพยาบาลไม่ทันมากกว่า”
“แล้วใครใช้ให้ไปโรงพยาบาลล่ะ” เธอเลิกคิ้ว
“โธ่ คุณหนูครับ คุณหนูคิดจะยิงผมก็เชิญบอกเถิด ผมจะลงไปคุกเข่าให้คุณหนูยิงเดี๋ยวนี้”
จีนาถอนหายใจยาว ตบลูกเลื่อนในมือลงพลางเก็บปืนสั้นใส่ในกระเป๋า
“ใครจะไปยิงคนเฒ่าคนแก่ได้ ฉันไม่ใจดำขนาดนั้นหรอก” เธอยิ้ม “ใครใช้ให้คุณลุงมาตาม ฉันนึกว่าตอนที่ออกมาจะไม่ใครรู้เสียอีก”
ชายวัยชรายิ้ม ๆ ดวงตาเป็นประกายอ่อนโยน
“คุณหนูคิดที่จะออกไปไหน มีหรือคนแก่คนนี้จะไม่รู้บ้าง”
จีนาเลิกคิ้ว ใช่สินะ คนแก่ผู้นี้คือซานโตร เขาเป็นผู้เฒ่าของแก็งค์มาลโซตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอเติบโตมาพร้อมกับแม่นมแล้วก็มีคนแก่ที่เจ้าระเบียบ ตั้งแต่สมัยที่พ่อของเธอที่เป็นหัวหน้าแก็งค์มาลโซยุคแรก ๆ ยังอยู่ สมัยที่เธอยังเล็กได้ยินว่าซานโตรผู้ไม่ยอมเอ่ยปาก สุขุมรอบคอบ เขาเคยเป็นถึงคู่หูของพ่อเธอและเป็นเสาหลักของแก็งค์มาลโซ วางแผนและตลบหลัง เป็นคนแก่ที่ไม่ว่าใครต่อใครก็ต้องยอมก้มหัวให้
แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ
“ซานโตร ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว เท่าที่ฉันจำได้ราว ๆ เจ็ดสิบปลาย ๆ เห็นจะได้”
“เจ็ดสิบสี่ปีครับ คุณหนู”
“อันที่จริง คุณลุงเป็นรุ่นบุกเบิกของพ่อฉันมาประมาณสามสิบปีเห็นจะได้ ถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักและนับถือลุงเรื่อยมา ในอดีตน่ะหาคนที่จงรักภักดีกับแก็งค์มาลโซเท่ากับลุงเห็นจะไม่มี ตอนนี้ถ้าฉันขอร้องพี่ชายให้ช่วยซื้อที่ดินพร้อมบ้านให้กับลุงสักหลังหนึ่ง ลุงจะว่ายังไง”
“เป็นพระกรุณาธิคุณอย่างยิ่ง แต่อายุที่เหลืออยู่ของซานโตรมอบให้ไว้กับแก็งค์มาลโซไปหมดแล้ว”
จีนาปรายสายตาคมปราบไปยังซานโตร รู้ทั้งรู้ว่าคำตอบที่ได้มักจะมีความหมายไม่ต่างไปจากนี้ เรียวปากของเธอยิ้ม ๆ
“งั้นหรือ ช่วยไม่ได้นะ” เธอกระซิบแผ่ว “พี่ลูซิโอพูดว่าอย่างไรบ้างล่ะ”
“คุณหนูครับ” ซานโตรคล้าย ๆ จะอ่อนโยน “ขออนุญาตให้ซานโตรพูดบางอย่างจะได้ไหม”
“เอาสิ ฉันรับฟังอยู่”
“นี่เป็นคำสั่งเสียของหัวหน้าเก่ารุ่นก่อนท่านสั่งเสียเอาไว้ว่า หากเกิดอะไรขึ้นขอให้ผมดูแลคุณชายกับคุณหนูให้เหมือนกับลูกในไส้ คุณลูซิโอนั้นเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แบบ เขากร้าวแกร่งและทรงอำนาจเฉกเช่นเดียวกับหัวหน้าแก็งค์มาลโลรุ่นก่อน ๆ คุณจีนาเอง...ก็เหมือนกัน คุณทั้งสมบูรณ์แบบและเก่งไปหมดทุกอย่าง แต่อาจจะเกลียดแก็งค์มาลโซเพราะรังเกียจอาชีพผิดกฎหมาย เกี่ยวกับการค้ายา แต่ว่า....คุณหนูก็ยังเป็นคุณหนู เป็นลูกสาวของนายเหนือหัวใหญ่รุ่นก่อนอยู่กึ่งหนึ่งนะครับ”
หญิงสาวนิ่งเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เพราะฉะนั้น การที่คุณเกลียดแก็งค์มาลโซ ก็เท่ากับรังเกียจนามสกุลของตนเองไปด้วย”
“คงจะจริงอย่างที่ซานโตรพูด...” เธอยิ้มบาง ๆ “ฉันไม่เคยนึกรังเกียจนามสกุลมาลโซมากเท่านี้มาก่อนเลย”
จีนาชำเลืองมองไปยังซานโตร นัยน์ตาเป็นประกาย
“จริงอยู่...ที่อาชีพเราคือกลุ่มมาเฟียมีธุรกิจในโลกมืด เรามีบ่อนการพนันนับสิบแห่ง เป็นกลุ่มที่มีการฆ่าด้วยกระสุนปืนและทุจริตกับนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล แต่ว่า...การค้ายาเสพติด การเหยียดสีผิวมันทำให้ฉันรังเกียจสายเลือดที่มีอยู่ในตัวเองไปกว่าครึ่ง ซานโตร ถ้าฉันเลือกได้ฉันขอเลือกเกิดที่อื่น ที่ไม่ใช่ ‘ตระกูลมาลโซ’ เสียดีกว่า”
“คนเราก็มีทั้งด้านดีและด้านเลว...มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะยอมรับด้านไหนมากกว่ากันเท่านั้น”
“แปลว่า ที่ฉันเกิดมาก็ต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้อย่างนั้นหรือ”
“การค้ายา เราไม่ทำคนอื่นก็ทำ”
“นอกจากแก็งค์ของเราแล้ว ยังมีกลุ่มมาเฟียอื่นอีกเหรอ”
“แก็งค์โลเซนโซไงครับคุณหนู ตอนนี้พวกมันกำลังแข็งข้อกับพวกเรามากขึ้นทุกที”
“แก็งค์โลเซนโซเหรอ...” เธอกระซิบแผ่ว
Rrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในกระเป๋าถือ เธอล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์อยู่บนหน้ามือถือ เธอยักไหล่ก่อนปิดโทรศัพท์แล้วเก็บเข้ากระเป๋าถือเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น กิริยาท่าทางนั้นเป็นที่จับสังเกตของซานโตร
“โทรศัพท์ไม่ใช่หรือครับ คุณหนู”
“โทรผิดเบอร์น่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“เขายังไม่ทันคุยมา แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าโทรผิด” เขายังซักต่อ
ดวงหน้างามยิ้ม ๆ ก่อนยักไหล่ ดวงตาราวกับรัตติกาลที่ทอจรัสแสงยามค่ำคืน จมูกโด่งเชิดรั้น เรียวปากเอิบอิ่ม เธอผู้นี้มีความงามที่ไม่ว่าใครก็ต้องหันมามอง นัยน์ตาคู่ซึ้งหวานเป็นประกาย
“ฉันรู้ก็แล้วกัน” น้ำเสียงของเธอพลิ้วหวาน ก่อนที่เธอจะสะพายกระเป๋าเสื้อเดินออกไป สะโพกสวยอยู่ในชุดยีนรับรูปกับรองเท้าส้นสูง
“คุณหนูจะไปไหนหรือครับ”
“ไม่ต้องตามมาหรอก เดี๋ยวฉันก็กลับไปเอง”
“เอ่อ...งั้นผมว่า ให้ผมตามไปด้วยจะ..” ซานโตรยังไม่ทันพูดจบ เธอก็หันมาพร้อมปืนที่ชักออกมาหันปากกระบอกไปที่ซานโตร นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายวาววับ
...เห็นได้ชัดว่าเธอเอาจริง
“อย่าตามมาซานโตร ถ้ายังไม่อยากตาย” เสียงนั้นเฉียบขาด หมดหนทางที่ซานโตรจะตามไปได้ เขาจึงยืนนิ่งมองดูจีนาเดินออกไป จนกระทั่งลับไปจากสายตา....
ประเทศอิตาลี หรือ สาธารณรัฐอิตาลี...อยู่ตอนใต้ของทวีปยุโรป ลักษณะเป็นคาบสมุทรยื่นออกไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประเทศอิตาลีประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูศิลปวิทยาการของอารยธรรมกรีกและโรมัน โดยเรียกว่ายุคเรอเนซองส์ ประเทศที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทางศิลปะ ที่ผู้คนใฝ่ฝันจะเยือนสักครั้งในชีวิต ผู้คนและนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ รวมทั้งเขตประวัติศาสตร์ใจกลางฟลอเรนซ์ (Historic Centre of Florence) เมืองศูนย์กลางศิลปะในยุคเรเนอซองส์
สถานที่น่าท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นทางด้านศิลปะหรือวัฒนธรรม อิตาลีเป็นประเทศหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าประเทศมากที่สุด ทั่วทั้งอิตาลีมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม จีนามักจะมาที่นี่ ดาดฟ้าตึกสูงที่เมืองประวัติศาสตร์เวลาที่ทุกคนพลุกพล่าน ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตหวานซึ้ง เรียวปากเอิบอิ่มเป็นสีกุหลาบ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวจรดกลางหลัง เธอรู้ว่าที่นี่ในยามค่อนข้างเย็นที่นี่มักจะเงียบสงบ
...และหญิงสาวก็อยากจะอยู่เงียบ ๆ คนเดียว
จีนาเปิดประตูดาดฟ้าออกไป แล้วก็ต้องชะงักกึก
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นภาพของชายหนุ่มเส้นผมสีดำเข้ม จมูกโด่งเรียวปากบางได้รูป นัยน์ตาของเขาเป็นสีดำสนิทราวกับรัตติกาล ร่างสูงยืนหันข้างให้เธอแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ภาพที่จีนามองเขาเหมือนต้องมนต์สะกด ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อคลุมแขนยาวสีเทาเข้ม รูปร่างของเขาสูงใหญ่ผิวของเขาเป็นสีแทนไม่เหมือนผู้หญิง ทุกส่วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อตัวในที่ยาวถึงจนต้นคอ ใบหน้าของเขาราวกับออกมาจากรูปสลักของจิตรกร เส้นผมไล้จนถึงท้ายทาย มีบางส่วนประปรายลงหน้าผาก
จีนามองตรงไป มือของเธอมันนิ่งราวกับต้องมนต์
ผู้ชายที่ดูราวกับเป็นรูปแกะสลักละม้ายคล้ายกับภาพฝัน...มีนกพิราบหลายสิบตัวบินมาเกาะที่ปลายนิ้ว โผบินไปกับพื้นราวกับภาพนิ่ง
หญิงสาวมองเขาอย่างตะลึงลาน จนกระทั่งเขารู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมอง เรียวปากเหยียดตรงกลับมีรอยยิ้มน้อย ๆ
“เอ่อ...ฉันคิดว่าบนนี้จะไม่มีคนอยู่เสียอีก” หญิงสาวตระกุกตระกัก
“ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครขึ้นมาบนนี้เหมือนกัน”
จีนามองดูชายหนุ่ม ดูเหมือนว่านกเหล่านั้นจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันทีที่เห็นเธอ
“ขอโทษนะคะ นกพิราบของคุณบินไปหมดเลย”
“นกเป็นสัตว์ที่ขี้ตื่นตกใจง่าย ผมมักจะขึ้นมาบนนี้บ่อย ๆ มันก็เลยคุ้นชิน” ใบหน้าของเขาดูราวกับภาพวาด เสื้อคลุมของเขาเป็นสีเทาเข้มเข้ากับรองเท้าหนัง
“คุณมาที่นี่บ่อยหรือคะ” เธอถามเพราะไม่ได้คิดอะไร
“ผมมักจะมาที่นี่ยามว่าง เวลาที่ผมอยากจะชมวิวทิวทัศน์ของเมืองวินเซนต์ ข้างล่างมันเต็มไปด้วยเมืองแห่งวัฒนธรรม ผมยืนอยู่ตรงนี้มองเห็นจัตุรัสซานมาร์โคที่เต็มไปด้วยผู้คน มันทำให้ผมเงียบสงบอย่างบอกไม่ถูก” ชายแปลกหน้ายิ้มให้เธอ ดวงตาของเขาเป็นสีนิลกาล
“คุณชื่ออะไรคะ !?”
“วาเลนติโน คาลดิโลดา”
ใบหน้าคมสันมีรอยยิ้มน้อย ๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เรียวปากของเขาเป็นรอยยิ้มที่เปิดเผย “หวังว่าการมาของผม จะไม่เป็นการรบกวนคุณ”
จีนายิ้มให้เขา แทบไม่น่าเชื่อว่าการมาในครั้งนี้จะกลายเป็นมิตรภาพระหว่างกันไปได้ มือบางยื่นออกไปให้เขาจับทักทายกัน
“ฉันจีนาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
จีนามองชายหนุ่มที่หันมาตรง ๆ...จมูกโด่งเรียวปากบางเฉียบ ดวงตานั้นแลดูอบอุ่น เปรียบประดุจภาพวาดของจิตรกรเอกที่รังสรรค์ขึ้นมา เส้นผมประปรายระต้นคอสีดำขลับ กับเสื้อคลุมสีเทาเข้มกับเสื้อตัวในสีดำสนิทเปรียบประดุจว่าเขาเป็นตัวแทนของรัตติกาล ภาพใบหน้าของเขาไม่ได้สวยประดุจผู้หญิง แต่ส่วนลึกในใจเธอกลับมองว่าเขามีสีผิวที่ค่อนข้างเข้ม ลำตัวค่อนข้างหนา
“หน้าของผม คงจะเหมือนใครบางคนที่คุณรู้จักสินะ” เขาคลี่ริมฝีปากยิ้ม ๆ
“เปล่า” เธอรีบปฏิเสธทันที “เพียงแต่...”
สายตาของเขามีรอยยิ้ม ๆ มองมายังเธอ
“คุณดูสวยมาก” เธอกระซิบแผ่ว “สวยราวกับผู้หญิง”
คิ้วดกดำของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย
“ผมสวย ?”
“ไม่รู้สิคะ บางทีฉันอาจมีสายตาที่มองผู้ชายแตกต่างไปจากที่คนอื่นคิดก็เป็นได้ คุณดูดีแล้วก็สวยมาก อาจสวยมากกว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ฉันรู้จักก็เป็นได้” จีนาเอียงคอมองเขา “คุณดูแตกต่างไปจากผู้ชายที่ฉันเคยเห็น”
วาเลนติโนยิ้มน้อย ๆ นัยน์ตาของเขาสงบเยือกเย็น
“รู้อะไรไหม คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่พูดอย่างนี้”
“ที่ฉันบอกว่าคุณสวยน่ะหรือ”
“ไม่ใช่” เขากระซิบแผ่ว “พูดว่าผมเป็นผู้ชายที่แตกต่างไปจากที่คุณเคยเห็น ทั้ง ๆ ที่ผมเองก็ไม่แตกต่างไปจากผู้ชายคนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย”
“ฉันพูดถึงคุณแตกต่างแค่ภายนอก แต่ภายใน...ฉันคิดว่าฉันรู้จักผู้ชายดีพอ ผู้ชายก็เหมือน ๆ กันหมดนั่นแหละ”
“น่าสนใจดีนะ...แล้วคุณคิดมีส่วนไหนบ้าง ที่ผู้ชายเป็นเหมือนกันหมด”
“ชอบคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่ความจริงผู้ชายและผู้หญิงก็เท่าเทียมกันหมดทุกอย่าง” เธอเงยหน้ามองฟ้า “ฉันไม่ชอบเลยที่ผู้ชายทำกับผู้หญิงเป็นแค่ส่วนประกอบ ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่เดินตามเขาไปงานเลี้ยงก็พอ”
ผู้ชายทุกคนที่เธอเคยเจอ ล้วนแต่เป็นอย่างนี้ ไม่เคยมีใครสักคนที่เห็นผู้หญิงเป็นผู้นำมีแต่จะให้เป็นผู้ตาม เธอมองเห็นผู้หญิงที่แต่งตัวเลอโฉม สวมชุดราตรี ทว่า...เบื้องหลังของสตรีเหล่านั้น เป็นแค่เครื่องมือหุ่นเชิด มีหน้าที่เป็นนางบำเรออยู่บนเตียง
แล้วเธอล่ะ...
ไม่ต้องการที่จะเป็นอย่างนั้นล่ะหรือ
ไม่มีทางหรอก...ที่จีนาจะกลายเป็นผู้หญิงอย่างนั้น ผู้หญิงที่มีแต่ความสวยมีหน้าที่แต่ในเพียงห้องนอน ไม่มีความคิดไม่มีความคิดเห็น แต่นั่นไม่ใช่คุณหนูผู้เพียบพร้อมอย่างจีนา เธอคิดเอาไว้เสมอว่าคู่ครองของเธอจะต้องเท่าเทียมกับเธอ ต้องให้เกียติเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่นั่น...ก็หายากเสียเหลือเกิน ไม่มีผู้ชายที่ดีพร้อมจนทำให้เธอจะฝากฝังชีวิตไว้ให้ได้
“...ดูคุณท่าทางจะมีปัญหาเกี่ยวกับฐานะความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายนะ”
“ก็อาจใช่...บางทีฉันอาจโตมาอย่างนี้ก็เลยมีความคิดที่แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นก็ได้มั้ง” เธอหัวเราะเสียงแผ่ว “บางทีผู้ชายในโลกนี้ที่ฉันตามหา อาจจะอยู่คนละฟากฟ้าเลยก็ได้”
เธอพูดเหมือนติดตลก ชำเลืองมองมายังใบหน้าคมสันด้วยประกายตาวาววับ
“ผมว่าผู้ชายที่คุณตามหาอาจอยู่ใกล้ ๆ ตัวคุณ เพียงแต่คุณยังหาไม่เจอเท่านั้น”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมเดาเอา เพราะคิดว่าอย่างน้อยรอบกายคุณอาจจะมีผู้ชายประเภทนั้นอยู่ก็ได้” รอยยิ้มของเขาคลี่ออกเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของเขาแลดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก “เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชายในโลกอย่างที่คุณกำลังพูดถึงด้วยเหมือนกัน”
“นั่นสินะ ฉันลืมไปว่าฉันกำลังคุยอ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2557, 09:42:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2557, 09:43:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 1438
ตอนที่ ๒ ชายเจ้าของรอยสักทารันทูรา >> |

เบลินญา 21 ก.พ. 2557, 09:44:43 น.
นางเอกเรื่องนี้ สวยและก็ยิงปืนแม่น แบบว่าเก่งไม่กลัวใครเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
นางเอกเรื่องนี้ สวยและก็ยิงปืนแม่น แบบว่าเก่งไม่กลัวใครเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

Zephyr 23 ก.พ. 2557, 13:52:07 น.
จีนาและวาเลน ใครจะร้ายกว่ากัน
จีนาไม่บอกนามสกุลนะ ส่วนวาเลน
นายมีต่อท้ายว่าลอเซนโซ รึป่าว
เขียนซะจิ้นแบบ ซาคุยะเลยค่า 55 รึฮังหลงดี แต่ตาดำ อืมมม
ยังไงก็หล่อ เท่ เลว ขรึม ละเนอะ อิอิ
จีนาและวาเลน ใครจะร้ายกว่ากัน
จีนาไม่บอกนามสกุลนะ ส่วนวาเลน
นายมีต่อท้ายว่าลอเซนโซ รึป่าว
เขียนซะจิ้นแบบ ซาคุยะเลยค่า 55 รึฮังหลงดี แต่ตาดำ อืมมม
ยังไงก็หล่อ เท่ เลว ขรึม ละเนอะ อิอิ

Zephyr 23 ก.พ. 2557, 13:52:44 น.
ครบสูตร ผู้ชายอันตราย แต่ท้าทาย
ครบสูตร ผู้ชายอันตราย แต่ท้าทาย