มนต์สีมุก
เรื่องราวของหญิงสาวที่เพิ่งจะมีอายุครบ 22 ปี ผู้ซึ่งได้เจอกับเหตุการณ์ประหลาดและค้นพบว่าเธอมีความพิเศษบางอย่างในตัว และความพิเศษที่ว่าก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบและอันตรายที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไหนจะยังเรื่องหัวใจที่ทำให้เธอต้องกลุ้มอีกล่ะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1

ตอนที่ 1



บรรดาผู้ชมต่างทยอยกันลุกขึ้นเดินออกจากโรงภาพยนตร์ บางคนไม่สนใจเครดิตท้ายเรื่องแม้ว่าจะมีภาพประกอบซึ่งถ่ายทำด้วยระบบสามมิติ สีสันสวยงามไม่แพ้ภาพจากตัวเนื้อเรื่อง หลายคนนั่งรอดูจนแน่ใจว่ามีเพียงรายชื่อทีมสร้างปรากฏบนจอจึงค่อยลุกจากที่นั่ง ขณะที่หญิงสาวกลุ่มหนึ่งยังคงนั่งอยู่กับที่แม้ว่าตอนนี้บนจอจะว่างเปล่า ไฟในโรงภาพยนตร์เปิดสว่าง

สามสาวเพื่อนสนิทของคุลิกาต่างมองกันอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวใบหน้าขาวกระจ่าง เรือนผมและดวงตาดำสนิทที่เพิ่งจะก้าวพ้นวัย ยี่สิบสองปีมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงยังคงนั่งมองไปทางจอภาพยนตร์ที่ตอนนี้ว่างเปล่าแล้ว

“ยายแคท” มธุรินซึ่งเอะอะมะเทิ่งที่สุดในกลุ่มเอื้อมมือไปถึงแว่นตาสามมิติที่คุลิกาสวมอยู่ออกเรียกเมื่อเห็นว่ามีพนักงานเดินเข้ามาตรวจโรงภาพยนตร์แล้ว “นี่ซาบซึ้ง ตื้นตันอะไรกับหนังมากมาย ไม่ยอมลุกสักที หนังแฟนตาซีนะยะไม่ใช่หนังรักโรแมนซ์ จะอินอะไรกันนักหนา”

ดวงตาสีดำสนิทยังคงจับอยู่ที่จุดเดิม มธุรินขมวดคิ้ว ส่งสายตาสงสัยให้กับเพื่อนอีกสองคนที่นั่งห่างออกไปโดยมีคุลิกาคั่นอยู่ ลังเลอยู่ไม่นานก่อนจะออกแรงหยิกที่ต้นแขนของคนที่นั่งเหม่ออยู่

“โอ๊ย!”

“เป็นอะไรไปยายแคท นั่งนิ่งมองอะไรอยู่ได้ตั้งนานสองนาน คนอื่นเขาลุกกันไปจนหมดแล้ว”

คุลิกาซึ่งร้องโอยและหันมามองเพื่อนเมื่อถูกหยิก เบือนหน้ากลับไปยังจุดที่เธอจับตาอยู่ก่อนหน้า...สิ่งที่เธอเห็นนั้นหายไปแล้ว

“นี่พวกเธอไม่เห็นเหรอ?”

“ไม่เห็นอะไรยะ” มธุรินย้อนถาม มองไปด้านหน้าของโรงภาพยนตร์แล้วหันไปถามเพื่อน “พวกเธอเห็นอะไรบ้าง ยายสุ ยายหน่อย”

สองสาวมองตามสายตาของคุลิกา มองไม่เห็นอะไรนอกจาก จอภาพยนตร์ ที่นั่ง และทางเดินว่างเปล่า ส่ายหน้าแทนการตอบคำถามของมธุริน

“งั้นก็ไปได้แล้วย่ะ นี่เลยเที่ยงคืนแล้ว ถึงจะเป็นวันเสาร์ไม่ต้องตื่นแต่เช้า แต่ฉันก็ไม่อยากนอนดึกมาก เดี๋ยวหน้าโทรม”

คุลิกาถูกดึงแขนให้ลุกขึ้นยืน จำใจต้องเดินตามแรงจูงของเพื่อนสนิททั้งที่ตายังคงมองหาสิ่งที่เห็นอยู่ก่อนหน้า ไม่กล้าจะเอ่ยถามเพื่อนว่ามีใครเห็น ‘สิ่งนั้น’ เหมือนตนหรือไม่

ตั้งแต่ก่อนที่ภาพยนตร์จะจบกว่าสิบนาทีที่คุลิกาได้เห็นภาพที่เหมือนจะไม่มีคนอื่นเห็นเหมือนเธอ ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าตนตาฝาด ที่เห็นภาพที่ดูราวกับภาพสามมิติที่ทะลุออกมาจากจอจริง ๆ

ใช่สิ...ทะลุจอจริง ๆ เหมือนสิ่งที่เห็นนั้นกำลังย่างอยู่บนพื้นพรมบนทางเดินกลางโรงภาพยนตร์ ทั้งที่คุลิกาดูมาตั้งแต่ต้นจนจะจบเรื่องก็ไม่มีสิ่งที่เห็นอยู่ในเนื้อหาตอนไหนเลยสักวินาทีเดียว

คุลิกานึกดีใจที่ไม่ได้เอ่ยอะไรกับเพื่อนแต่แรกเพราะหลังจากที่ถูกหยิกต้นแขนจนตกใจและหันกลับไปมองอีกครั้ง ‘มัน’ ก็หายไปจากจุดที่เธอมองอยู่เมื่อก่อนหน้านั้นแล้ว

ตาฝาดไม่ก็ผีหลอก...เจอเรื่องแปลกฉลองครบรอบวันเกิดปีที่ 22 หมาด ๆ เลยเรา



คุลิกาไม่นิยมการขับรถส่วนตัวฝ่าการจราจรติดขัดในกรุงเทพ ปกติหากกลับบ้านก็มักจะใช้บริการรถสาธารณะ หากวันนี้มาฉลองวันเกิดกับเพื่อนสนิทจึงได้รับความเอื้อเฟื้อจากมธุรินขับรถมาส่ง หญิงสาวพกทั้งกุญแจประตูรั้ว ประตูบ้านเพราะบางวันเธอต้องอยู่ประชุมที่บริษัทจนดึก และผู้เป็นมารดาไม่เคยวางใจต้องอยู่รอจนกว่าลูกสาวคนเดียวจะกลับถึงบ้าน

บ้านเดี่ยวในหมู่บ้านจัดสรรย่านชานเมืองแห่งนี้คุลิกาอยู่มาตั้งแต่จำความได้ รายได้จากการทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจของพ่อและแม่มากพอจะซื้อบ้านพร้อมที่ดินหลังย่อมขนาดสามห้องนอนสามห้องน้ำ ห้องนอนด้านล่างจัดไว้สำหรับต้อนรับแขกเพราะสองแม่ลูกอยู่กันโดยไม่มีคนรับใช้ คุลิกากับแม่ดูแลบ้านกันเองตามกำลังบางส่วนดูทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลาหากก็ไม่ถึงกับดูเก่าคร่ำคร่า

หลังจากเปิดรั้วเข้าบ้านสาวผมดำตาดำสนิทก็หันไปโบกไม้โบกมือให้เพื่อนสนิทที่ขับรถออกไปจากบริเวณบ้านหน้าบ้านเมื่อเห็นว่าเธอไขประตูรั้วเข้าบ้านเรียบร้อยแล้ว ขณะจะหมุนตัวเดินไปยังตัวบ้านหญิงสาวก็ชะงักและร้องอุทานออกมา

“แก”

คุลิกาได้แต่ยืนนิ่งขณะที่สัตว์สี่เท้าที่ยืนอยู่หน้าประตูหน้าของตัวบ้านกำลังจ้องเขม็งมาทางเธอ ดวงตาคู่นั้นสะท้อนแสงสว่างในความมืด มันเยื้องย่างอย่างเชื่องช้าตรงมายังจุดที่คุลิกายืนอยู่ทว่าก่อนที่มันจะเดินมาถึงตัวใครคนหนึ่งก็ผลักประตูไม้ออกมาจากด้านในตัวบ้านเรียกให้หญิงสาวละสายตาไปมอง

“ทำไมยังไม่เข้าบ้านอีกล่ะลูก แม่ได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้านตั้งนานแล้ว”

“ก็...คือ...”

หญิงสาวกำลังจะฟ้องผู้ให้กำเนิดถึงสาเหตุที่ทำให้เธอยืนนิ่งขยับขาไม่ออก แต่พอกดสายตาลงมองตรงหน้า ‘มัน’ ก็หายไปจากจุดสุดท้ายที่เธอมองเห็นเสียแล้ว

“ไม่มีอะไรค่ะแม่ ยืนมองอะไรเพลิน ๆ กำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่พอดี”

“เอาเถอะ ๆ รีบเข้าบ้านได้แล้วจ้ะ”

“แม่ไม่น่าจะต้องรอแคทเลย พรุ่งนี้เช้าก็ต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหารใส่บาตร คืนนี้ยังต้องนอนดึกอีก”

“นาน ๆ ทีแคทสังสรรค์กับเพื่อนบ้างดีแล้วล่ะจ้ะ ปกติแคททำงานหนักบางทีกว่าจะกลับมาก็ค่ำ แล้วนี่ก็เป็นนัดกินข้าว ดูหนังที่เพื่อนเขาตั้งใจจะฉลองวันเกิดล่วงหน้าให้แคทไม่ใช่เหรอ จริงสิ...นี่เข้าวันเกิดแคทแล้วนี่นา สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะลูก” ผู้ให้กำเนิดกอดเอวลูกสาว “ไปจ้ะ...เข้าบ้านเถอะ”

สองแม่ลูกที่เดินตามกันเข้าบ้านและคุยกันไปด้วยหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมตัวยาวในโถงรับแขก คุลิกาขยับเข้ากอดมารดา หญิงวัยหกสิบกว่าลูบศีรษะลูกสาว รอจนคุลิกาคลายกอดจึงเอ่ย

“ไปอาบน้ำ อาบท่านอนได้แล้วลูก แม่ก็ง่วงเต็มทีแล้ว พรุ่งนี้บอกว่าจะตื่นมาช่วยแม่ทำกับข้าวใส่บาตรไม่ใช่เหรอจ๊ะ”

หญิงสาวแตะปลายจมูกลงบนแก้มของมารดา “เดี๋ยวแคทปิดไฟข้างล่างเองค่ะแม่ แม่ขึ้นไปก่อนนะคะ แคทขอหาอะไรรองท้องก่อนนอนหน่อย”

“ให้แม่จัดการให้ไหม”

“คงไม่กินอะไรหรอกค่ะ แค่นมสักกล่องก็น่าจะอยู่ท้อง เมื่อหัวค่ำกินไปไม่น้อย ทำไมยังรู้สึกหิวขึ้นมาหน่อย ๆ ก็ไม่รู้”

“ก็ดึกป่านนี้แล้วนี่จ๊ะ เอาล่ะ...งั้นแม่ขึ้นไปนอนก่อนก็แล้วกันนะ”

คุลิกามองตามมารดาเดินขึ้นบันไดจนลับสายตา จึงลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง แง้มม่านมองฝ่าความมืดออกไปนอกบ้านเพื่อมองหาสิ่งที่ตนเห็นก่อนหน้านี้

หญิงสาวผละจากหน้าต่างบานหนึ่งไปยังอีกบานหนึ่งจนรอบบ้านแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบอะไร

“ไปไหนของมันนะ มาแวบ ๆ หายไปไหนได้ยังไงก็ไม่รู้”

คุลิกาบ่นก่อนจะหมดความพยายาม เดินเข้าครัวเปิดตู้เย็นคว้ากล่องนมสดรสจืด เดินขึ้นบันไดไม่ลืมที่จะกดสวิตซ์ปิดไฟโถงรับแขกตามที่รับปากกับมารดาไว้



ตลอดคืนนั้น ‘มัน’ ก็ไม่โผล่มากวนใจคุลิกาอีกจนหญิงสาวลืมนึกถึง เธอตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรทำบุญวันเกิดด้วยข้าวและกับข้าวที่สองแม่ลูกช่วยกันตื่นมาเตรียมแต่เช้ามืด ใส่บาตรและร่วมโต๊ะกินอาหารเช้ากับมารดาเสร็จ คุลิกาก็ง่วงจนต้องกลับขึ้นห้องนอนอีกรอบกว่าจะตื่นก็สาย ทั้งเย็นวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์จะมีงานเลี้ยงฉลองสมรสของรุ่นพี่ที่ทำงานความสนใจทั้งหมดจึงอยู่ที่การเลือกเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ไปร่วมงาน

เดรสสี่ตัววางเรียงรายอยู่บนเตียง เสื้อผ้าเหล่านี้นาน ๆ ครั้งคุลิกาจะหยิบออกมาจากตู้เพราะสวยและแพงเกินไปสำหรับการสวมไปทำงาน แม้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องการแต่งกายออกงานนักกระนั้นความเป็นผู้หญิงก็ทำให้อดกังวลไม่ได้

“เฮ้อ...เป็นผู้หญิงนี่มันลำบากจริง ๆ จะใส่ชุดไปงานก็กลัวซ้ำคนจำได้ ผู้ชายไม่เห็นจะยุ่งยากอะไรแบบนี้เลย ไม่มีใครมานั่งจำเสื้อผ้าใคร ว่าแต่งานวันนี้จะไปเจอใครบ้างนะ ใส่ตัวไหนถึงจะไม่ซ้ำ”

คุลิกาบ่นพลางยกนิ้วชี้ขึ้นแตะพาดระหว่างริมฝีปากและปลายคางอย่างที่หญิงสาวมักทำเวลามีเรื่องอะไรให้ครุ่นคิด ยังไม่ทันจะตัดสินใจเลือกเสื้อชุดไหน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“แคท ให้แม่เข้าไปได้ไหมลูก”

“ประตูไม่ได้ล็อกค่ะแม่”

จิตราผลักประตูเดินเข้ามาในห้อง มองสำรวจชุดบนเตียงแล้วเอ่ยถาม “ยังเลือกชุดไม่ได้อีกเหรอลูก”

“ยังค่ะแม่ จำไม่ได้ว่าใส่ชุดไหนไปงานไหนมาบ้าง”

“ขี้เหนียวไม่ยอมซื้อชุดไหมก็ต้องปวดหัวแบบนี้แหละ” คนเป็นแม่กระเซ้า “แม่จะออกทุนให้ก็ไม่ยอม ตอนนี้ยังทันนะ...นั่งรถไปดูกันที่ห้าง ฯ ดีไหม”

“เปลืองเงินใช่เหตุนี่คะ ชุดพวกนี้ซื้อมาก็ไม่ใช่ว่าจะใส่กันบ่อย ๆ มีติดตู้ไว้สักสี่ห้าชุดก็พอแล้ว เดี๋ยวหาเสื้อคลุม ผ้าคลุมหรือพวกเครื่องประดับอะไรเสริม ๆ เข้าไปก็น่าจะได้”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วสิ ลงไปกินข้าวเที่ยงเถอะ วันนี้แม่ทำผัดมักกะโรนีกุ้งของโปรดแคทด้วยนะ”

คุลิกาละความสนใจจากการเลือกเดรสไปงานฉลองสมรสแทบจะทันที เกาะแขนมารดาอย่างประจบ “แม่ของแคทนี่...น่ารักที่สุดในโลกเลยนะคะ”

“น่ารักตรงที่ทำอาหารให้กินล่ะสิ”

“ก็น่ารักทุกเรื่องแหละค่ะ” คุลิกายิ้มเอาใจมารดา ก่อนจะทำหน้าตกใจแล้วยกมือขึ้นจับท้องเมื่อมีเสียงร้องจ้อกดังขึ้นแทบจะทันที “แต่ตอนนี้แคทหิวแล้ว เราลงไปกินข้าวกันเถอะค่ะ”

สองแม่ลูกพากันเดินออกจากห้องนอนแล้วปิดประตู จึงไม่มีใครได้เห็นว่าที่ระเบียงห้องนอนของหญิงสาวมีบางสิ่งปรากฏขึ้น สัตว์สี่เท้าตัวนั้นจ้องเขม็งไปทางประตูที่เพิ่งปิดลงก่อนหน้า



ท่ามกลางหมอกหนาปกคลุมรอบตัว จิตรารู้สึกว่าตนต้องตามหาอะไรบางอย่าง ความรู้สึกนั้นก่อตัวขึ้นอย่างไร้เหตุผลหากหญิงวัยหกสิบกว่าปีแน่ใจว่าตนต้องทำให้สำเร็จ

“ทางนี้”

เสียงแหบพร่าของหญิงชราดังขึ้นจากทางหนึ่ง จิตรารีบหันไปตามเสียงนั้นสาวเท้าผ่านม่านหมอกจนกระทั่งได้เห็นหญิงชราในชุดคลุมสีเทายืนถือตะเกียงเจ้าพายุส่องนำทางให้

แสงอ่อนของตะเกียงส่องพอให้เห็นใบหน้า ใบหน้าที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำของจิตราแม้แต่น้อย ยี่สิบสองปีก่อน...

“ยาย”

“ยังจำได้ใช่ไหม”

“คืนนั้น...”

“ใช่แล้ว...คืนนั้นเมื่อยี่สิบสองปีก่อน คืนที่เจ้าให้กำเนิดทารกหญิงคนนึง คืนที่ข้ามอบสร้อยมุกเส้นนั้นให้เจ้า”



การมอบสร้อยไข่มุกด้วยวิธีการอันสุดแสนประหลาดของหญิงชราผุดขึ้นมาในความคิดของจิตรา เธอนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากให้กำเนิดบุตรสาว มาลืมตาตื่นขึ้นก็ตอนที่รู้สึกราวกับว่ามีใครคนหนึ่งยืนจ้องอยู่ที่ปลายเตียงผู้ป่วย

เรี่ยวแรงที่มีถูกใช้ไปหมดกับการเบ่งคลอดทารกดังนั้นแม้จะตกใจที่จู่ ๆ ก็มีหญิงชราในผ้าคลุมสีเทามายืนอยู่ในห้องพักจิตราก็แทบไม่สามารถจะขยับตัวหนีไปไหนได้ เหลียวไปมองทางสามีที่มาเฝ้าก็ดูเหมือนว่าเขากำลังหลับสนิท ไม่รับรู้การปรากฏตัวของหญิงชราแต่อย่างใด

“คิดว่าหญิงชราอย่างข้าจะทำอะไรเจ้าได้อย่างนั้นรึ”

คนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยไม่อาจเอ่ยตอบรับหรือปฏิเสธทันที หากเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูคล้ายจะมีเมตตาของหญิงชราจึงส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ข้ามีของสิ่งหนึ่ง ต้องการให้เจ้าเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี”

แม่มือใหม่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทว่าหญิงชราไม่ได้ทิ้งช่วงให้ความใคร่รู้นั้นอยู่นานนัก ก้าวปราดอย่างว่องไวเกินกว่าหญิงชราปกติทั่วไปมาที่ข้างเตียง มือเหี่ยวย่นถือสิ่งของสิ่งหนึ่งยื่นให้

กว่าจะรู้ตัววัตถุหนึ่งก็ถูกวางลงบนฝ่ามือ เมื่อเลื่อนสายตาไปมองก็พบว่ามันคือสร้อยไข่มุกสีขาวผิวเรียบเป็นมันวาว เหลือบสีรุ้งส่องเป็นประกายเมื่อต้องกับแสงไฟ เธอมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างหวั่นวิตกก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามกับหญิงชรา

“คุณยายให้ฉัน...แล้ว...”

หญิงชราส่ายหน้าเป็นคำตอบราวกับรู้คำถามในใจของผู้ที่อยู่ในชุดผู้ป่วย

“ไม่มีอะไรต้องแลกเปลี่ยน แต่ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของเจ้า เจ้าจะเป็นเพียงผู้เก็บรักษาเท่านั้น เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกเจ้าเอง”

“เดี๋ยว”

จิตราขยับเรียกหากภาพหญิงชราในชุดคลุมที่ยืนส่งยิ้มอ่อนให้ข้างตัวกลับเลือนหายไปทันที พร้อมกับสำนึกนั้นร่างบนเตียงของจิตราก็ผวาตื่นทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝัน ทว่าสัมผัสของสิ่งของบางอย่างบนฝ่ามือทำให้เธอต้องแปลกใจ สัมผัสของวัตถุกลมขนาดเล็กที่ร้อยเรียงเข้าด้วยกันเป็นสร้อยทำให้คุณแม่หมาด ๆ นึกถึงภาพฝันเมื่อครู่

เมี๊ยว....

เสียงร้องนั้นเรียกให้จิตราหันไปมองที่ประตูกระจกที่ระเบียงของห้องพักผู้ป่วย แมวสีเทาตัวใหญ่กำลังมองมาทางเธอ ทั้งสีของขนและดวงตากลมโตของแมวตัวนั้นทำให้อดนึกไปถึงหญิงชราในเสื้อคลุมสีเทาที่มอบสร้อยให้กับเธอไม่ได้

“เก็บไว้ให้ดี สักวันนึงเจ้าจะต้องมอบของสิ่งนี้ให้กับผู้เป็นเจ้าของ”

เสียงนั้นเหมือนลอยมากับลมหากจิตรากลับเชื่อว่ามันเป็นเสียงจากแมวสีเทาตัวที่ยืนอยู่ตรงระเบียงนั้น เธอหันไปมองทางสามีที่กำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาพร้อมกับที่ประตูห้องเปิดออก พยาบาลเข็นเปลเด็กอ่อนเข้ามาเพื่อให้ผู้เป็นแม่ป้อนนมกับทารกน้อย

“คุณพยาบาลคะ”

“คุณแม่ต้องการอะไรเหรอคะ”

“แมวตัวนั้น...” จิตราหันกลับไปมองที่ระเบียง...สัตว์สีเทาขนเทาตัวนั้นหายไปแล้ว

“แมวที่ไหนกันคะ”

พยาบาลสาวดูเหมือนจะพยายามรักษามารยาทเต็มที่ หากจิตรามองออกบนห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั้งยังความสูงขนาดนี้ไม่น่าจะมีแมวที่ไหนมาอยู่ที่ระเบียงห้องได้ ขืนโวยวายเอะอะอะไรคงมีแต่คนจะว่าเพ้อเจ้อ

จิตราพับแขนสอดมือข้างที่กำสร้อยไข่มุกเอาไว้ใต้หมอนก่อนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเก็บงำเรื่องความฝันและสร้อยไข่มุกประหลาดนั้นไม่ให้ใครรู้ แม้แต่ผู้เป็นสามี



จิตรามองสบตาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไฟในตะเกียงเจ้าพายุส่องให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเหี่ยวย่น เพียงมองสบตากันก็เหมือนกับได้สื่อสารถึงความต้องการของหญิงชรา

“สร้อยมุกเส้นนั้นยังอยู่ เก็บรักษาไว้อย่างดีค่ะ”

“ถึงเวลามอบให้เจ้าของแล้วนะ”

“แคท...ลูกสาวฉันเหรอคะ”

หญิงวัยหกสิบกว่าเอ่ยถามแม้จะพอรู้อะไรอยู่แก่ใจ หลังจากได้พบหญิงชราในความฝันและได้สร้อยมุกมาโดยวิธีการอันแปลกผิดธรรมดา เธอก็ตั้งชื่อลูกสาวคนเดียวว่าคุลิกาซึ่งแปลว่าไข่มุก ส่วนชื่อเล่นแคทก็มาจากแมวสีเทาที่ยืนมองเธออยู่ที่ระเบียงห้องพักผู้ป่วย

ชั่ววูบหนึ่งที่ความหวาดหวั่นจู่โจมขึ้นมาในใจ เธอกับสามีมีลูกเมื่ออายุมากแล้วพยายามทำทุกทางหากก็ไม่สำเร็จจนเกือบจะถอดใจ คุลิกาจึงเป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจของพ่อแม่

“ยายแคท ลูกสาวฉันจะเป็นอันตรายไหมคะ”

“ข้าเองก็ไม่อาจจะยืนยันอนาคตได้แต่อย่าห่วงไปเลย ความดีจะช่วยคุ้มครองหรืออย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบา”

แม้จะยังกังวลเรื่องความปลอดภัยของบุตรสาวหากแววตาของหญิงชราเหมือนจะถ่ายทอดความเชื่อมั่นบางอย่างให้จิตรา

“แล้วฉันต้องทำยังไงคะ”

“แค่มอบสร้อยเส้นนี้ให้กับคุลิกาเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว คุลิกาจะต้องเรียนรู้อะไรอีกหลายอย่าง ขอให้เจ้าอย่าได้หวั่นใจอะไร ลูกสาวของเจ้าเป็นเด็กฉลาดและเข้มแข็ง เจ้าเองก็เลี้ยงดูลูกได้อย่างดี”

เพียงแค่หญิงชรายื่นมือข้างที่ไม่ได้ถือตะเกียงมาสัมผัสแผ่วเบาที่บ่าของจิตรา คำถามที่อยู่ในใจก็ถูกกลืนเอาไว้หมด เธอเพียงพยักหน้ารับคำก่อนจะพบว่าตนเองลืมตาตื่นขึ้นบนเตียงนอนอบอุ่นในห้อง ไม่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนาอย่างในความฝันหากสัมผัสของฝ่ามือบนบ่านั้นเหมือนจะยังไม่เลือนไป

จิตราดึงผ้าห่มที่คลุมตัวออก หย่อนขาลงบนพื้นห้องนอนก้าวไปกดสวิตซ์ไฟแล้วหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าใหญ่ ดึงเปิดลิ้นชักหยิบเอากล่องกำมะยี่สีแดงที่เธอเก็บไว้อย่างดีมากว่ายี่สิบปีขึ้นมาแง้มเปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างใน

สร้อยมุกงามเส้นนั้นเปล่งเหลือบสีรุ้งเมื่อต้องกับแสงไฟในห้อง



คุลิกากำลังยืนถือเดรสที่แขวนอยู่กับไม้แขวนทาบลงบนตัวแล้วยืนหมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจกเมื่อมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น หญิงสาวเดินถือชุดทาบไว้กับตัวขณะที่เดินไปเปิดประตูห้องนอน ผู้ให้กำเนิดชะงักมือที่กำลังจะเคาะประตู ขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“แคทรู้ได้ยังไงว่าจ๊ะแม่กำลังจะเคาะเรียก”

“ไม่รู้สิคะ แค่รู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรมาสั่งให้เดินมาเปิดประตู”

คนที่ได้ยินคำตอบชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยคลี่ยิ้มที่ดูฝืดฝืนเล็กน้อยออกมา “ตื่นเช้าจังนะลูก”

“แคทกังวลนี่คะแม่ ยังเลือกชุดไม่ได้เลย ไม่รู้จะใส่ตัวไหนดี”

จิตราเอียงคอมองชุดเดรสที่ทาบทับตัวบุตรสาวอยู่ มันเป็นเดรสสั้นแขนกุดตัดต่อสองท่อน ท่อนบนเป็นสีชมพูอ่อนส่วนท่อนล่างเป็นสีชมพูเข้มกว่าท่อนบนเล็กน้อย

“ชุดนี้ก็เหมาะกับแคทนะ แล้วก็คงเข้ากับสร้อยด้วย”

“แคทยังไม่รู้จะใส่สร้อยเส้นไหนเลยค่ะ”

คนเป็นแม่ยิ้มอ่อนโยนขณะที่ดึงกล่องที่ถือซ่อนไว้ด้านหลังของตนเองยื่นให้ลูกสาว “ถ้าไม่รู้จะใส่เส้นไหน...ใส่เส้นนี้ก็แล้วกันนะ ถือว่าแม่ให้เป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลัง”

คุลิกาได้ยินว่าได้ของขวัญก็แสดงอาการดีใจจนลิงโลด รีบเอื้อมมือมาคว้ากล่องด้วย เอ่ยขอบคุณมารดาซ้ำไปซ้ำมา วางชุดเดรสในมือลงกับเตียงก่อนจะดึงฝากล่องกำมะยี่ให้เปิดขึ้น ดวงตากลมโตเบิกกว้าง

“สร้อยมุก สวยจังค่ะแม่”

แค่มองเห็นด้วยตาคุลิกาก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดของสร้อยมุกเส้นงาม และยิ่งเมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสความรู้สึกแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นกับหญิงสาว ราวกับมีพลังงานบางอย่างถ่ายทอดจากวัตถุกลมที่ร้อยเป็นเส้นนั้น

จิตราขยับก้าวเข้ามาใกล้บุตรสาว “ลองเปลี่ยนชุดสิลูก จะได้ดูว่าใส่กับสร้อยเส้นนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง”

คุลิกาลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะส่งกล่องเครื่องประดับนั้นคืนให้มารดา

“ดูท่าทางจะแพงนะคะแม่ แม่ไม่น่าต้องซื้อให้เปลืองเลย”

“ลูกคนนี้งกจริง สร้อยนี่แม่ได้มานานแล้ว เพิ่งนึกได้ว่าตั้งใจจะเก็บไว้ให้แคทใส่ วันนี้แคทจะไปงานเลี้ยงพอดีก็เลยเอามาให้ ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะจนหรอกจ้ะ”

“งั้นก็...ขอบคุณนะคะแม่”

คุลิกาดึงร่างจิตราเข้าไปกอดกระชับ คนเป็นแม่ร้องอย่างตกใจก่อนจะส่ายหน้าเมื่อลูกสาวหยิบชุดเดรสบนเตียงก้าวเร็วเกือบจะเรียกได้ว่าวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ



เย็นวันนั้นหญิงสาวแต่งเดรสสีชมพูเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงฉลองสมรสของรุ่นพี่ที่ทำงานโดยสวมเสื้อคลุมสั้นแขนตุ๊กตาสีขาวเข้ากับกระเป๋าถือหนังสีเดียวกัน และนอกเหนือจากได้สร้อยมุกจากมารดาแล้ว คุลิกายังได้จิตราเป็นสารถีขับรถมาส่งที่โรงแรมอีกด้วย

“แน่ใจนะว่าจะไม่ให้แม่มารับน่ะ”

“แคทให้เพื่อนไปส่งได้ค่ะ คุยกันไว้แล้ว”

เธอกล่าวขอบคุณมารดาก่อนจะก้าวลงจากรถเมื่อพนักงานของโรงแรมเดินมาเปิดประตูให้ ยืนรอจนจิตราขับรถออกจากบริเวณหน้าโรงแรมไปแล้วจึงหันหลังเดินเข้าไปยังล็อบบี้สอดส่ายสายตามองหาป้ายบอกทางไปยังห้องจัดเลี้ยงที่ระบุอยู่ในบัตรเชิญ

แต่ก่อนเดินไปหน้างาน เข้าห้องน้ำเช็คความเรียบร้อยก่อนถึงงานดีกว่า ขืนมีอะไรผิดพลาดคงได้โดนพวกผู้ชายล้อไม่เลิกแน่

คุลิกาเดินตามป้ายบอกทางไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านข้างของโรงแรมใหญ่ หากยังไม่ทันจะถึงเธอก็รู้สึกถึงสัมผัสบางอย่างที่บริเวณน่องและข้อเท้า มันคือสัมผัสของขนนุ่มของสัตว์ชนิดหนึ่ง

“อุ๊ย!”

หญิงสาวก้มลงมองก็เห็น ‘มัน’ วิ่งผ่านไปเงยหน้ามองตามเจ้าขนสีขาวนุ่มนั้นก็ไปยืนมองเธออยู่จากด้านนอก ผ่านประตูกระจกด้านข้างตัวตึก...ประตูกระจก

บ้าน่า! เป็นไปไม่ได้ ประตูกระจกปิดอยู่แมวนั่นมันวิ่งผ่านประตูได้หรือไงกันนะ

เจ้าแมวสีขาวตัวนั้นมองมาทางเธอนิ่ง ก่อนที่หัวของมันจะผงกลงเล็กน้อย เหมือนกับจะเรียกให้เดินออกไปหา คุลิกาสาวเท้าเดินตรงไปยังทางประตูข้างที่นำออกไปสู่ลานจอดรถด้านนอกอาคาร

พอหญิงสาวเปิดประตูมันก็วิ่งนำหน้าออกไปอีกครั้ง

จะไปไหนของแกเนี่ย จะให้ตามไปอย่างนั้นเหรอ

แมวตัวนั้นหยุดวิ่งแล้วหันกลับมามองราวกับรับรู้ความคิดของหญิงสาว มันผงกหัว...แล้ววิ่งนำออกไปยังบริเวณด้านหน้าของลานจอดรถมุ่งสู่ถนนใหญ่

คุลิกาหยุดก้าวเท้าตาม ชักจะหงุดหงิดที่จู่ ๆ ก็มีแมวที่ไหนก็ไม่รู้มาปรากฏตัวให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า แถมตอนนี้ยังทำเหมือนจะมาออกคำสั่งให้เธอวิ่งตามอีก

หากวินาทีต่อมาหญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างจากสิ่งที่สวมอยู่ที่คอ พลังไม่รู้ที่มานั้นเหมือนจะสื่อให้เธอวิ่งตามแมวตัวนั้นไปและทันทีที่รู้สึกถึงแรงกระตุ้นนั้นร่างกายก็เคลื่อนไหวต่อทันที กว่าจะรู้ตัวก็มายืนอยู่บนทางเท้าติดถนนใหญ่ แต่เจ้าแมวสีขาวตัวนั้นวิ่งหายไปไหนเสียแล้วก็ไม่รู้ เธอมองไปซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นมันเสียแล้ว

อะไรกันนะ ให้ตามมาแล้วก็หายไปซะอย่างนั้นแหละ

คุลิกาถอนฉุน นึกถึงตอนที่ต้องเดินกลับเข้าไปยังตัวอาคารเป็นระยะทางไกลพอควร นี่ถ้าหากไม่ได้สวมชุดเดรสทับด้วยเสื้อคลุมพร้อมรองเท้าส้นสูงเธอคงจะไม่บ่น...

บ้าที่สุด แมวของใครที่ไหนกันนะ แมวจริงหรือแมวผีก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ หลอกให้วิ่งตามซะเหนื่อย หนอย...อย่าให้เจออีกนะ เฮ้อ...แค่วิ่งตามออกมานี่ก็เหงื่อซึมแล้ว ต้องเสียเวลาเดินกลับเข้าไปอีก อากาศก็ร้อน โอ๊ย...หงุดหงิด



หันหลังเดินกลับมาได้ไม่กี่ก้าว เสียงห้ามล้อของรถยนต์คันหนึ่งก็ดังขึ้นก่อนที่เสียงลักษณะคล้ายกันก็ดังตามขึ้นมาเกือบจะทันที คุลิกาหันกลับมาทันมองเห็นภาพรถยนต์สปอร์ตคันหนึ่งตอนจอดกะทันหันหลังจากถูกรถอเนกประสงค์คันใหญ่ขับปาดหน้าและหยุดรถ

หญิงสาวคะเนว่ารถสองคันคงมีเหตุอะไรมาก่อนหน้านี้แล้วจากนั้นคงมีการปาดหน้ากลับและเบรกอย่างที่ได้เห็น หนุ่มใหญ่เจ้าของรถอเนกประสงค์ก้าวลงจากรถทีหลังชายหนุ่มเจ้าของรถสปอร์ต

“อะไรกันพี่ ก็ขับรถแซงกันไปแซงกันมา พี่แซงผม ผมแซงพี่ มาขับปาดแล้วเบรกกะทันหันแบบนี้ถ้าผมเบรกไม่ทันจะทำไง”

ชายหนุ่มร่างสูง ผมหยักศกตีรวนทันทีและโดยไม่คาดคิดหนุ่มใหญ่เจ้าของรถอเนกประสงค์ก็ลงไม้ลงมือทันทีโดยชายหนุ่มไม่ทันระวังตัวถูกเหวี่ยงจนล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนทางเท้าตรงหน้าคุลิกาพอดี

“แน่มากนักใช่ไหมไอ้....”

หนุ่มใหญ่คนนั้นดึงวัตถุอย่างหนึ่งออกมาจากด้านหลัง เพียงเห็นปืนกระบอกนั้นแวบหนึ่งชายหนุ่มและคุลิกาก็ยกมือขึ้นและร้องออกมาเกือบจะพร้อมกัน...

“อย่า!!!”






กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2557, 23:48:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.พ. 2557, 19:03:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 2112





   ตอนที่ 2 >>
ตามหาฝัน 22 ก.พ. 2557, 00:49:05 น.
รออ่านตอนต่อไปค่ะ


จิงโกะ 22 ก.พ. 2557, 08:54:08 น.
ว๊าววว กมลภัทรมาแล้ววววว

เปิดเรื่อง ก็น่าติดตามแล้ว ลุ้น ลุ้น


lovemuay 22 ก.พ. 2557, 10:53:58 น.
ลุ้นๆค่ะ หน้าที่ที่คุณยายอยากให้นางเอกทำคืออะไรกันน้า


Sukhumvit66 22 ก.พ. 2557, 13:49:15 น.
แม่นางเอกชื่ออะไรคะ บงกช หรือ จิตรา


กมลภัทร 22 ก.พ. 2557, 19:06:08 น.
เง้ย....ขออนุญาตแก้ไขครับ แต่งไปคิดชื่อไป ดันไม่จดเลยมีการเปลี่ยนกลางอากาศ 555


Pat 22 ก.พ. 2557, 20:57:51 น.
เรื่องใหม่มาแล้ว


ของขวัญ 24 ก.พ. 2557, 00:06:23 น.
น่าติดตามมากค่ะ เป็นแนวลึกลับปะคะเนี่ย


nasa 24 ก.พ. 2557, 11:48:20 น.
แนวลึกลับเหรอคะ ดูน่าสนใจดี


Zephyr 27 ก.พ. 2557, 01:33:14 น.
เปิดมาก็ ปืน เลย
โหดนะเนี่ย อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account