ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทนำ : ลาจาก

บทนำ

มีคนเคยว่ากันว่าการท่องเที่ยวคนเดียว คือคนที่อยากสัมผัสชีวิตของความเหงา อยากเรียนรู้ความคิดของตนเอง และเหนืออื่นใด มันคือช่วงเวลาของการรักษาจิตใจของตัวเอง

หญิงสาวกับส่วนสูงมาตรฐานหญิงไทย สวมเสื้อยืดสีฟ้าลายใหญ่ตรงเสื้อเป็นก้อนเมฆยิ้มได้แขนสั้น มีปลอกแขนส้มสลับขาวยาวจรดถึงข้อมือ กางเกงสีเขียวลายพราง รองเท้าผ้าใบหุ้มส้น เดินแบกเป้ลุยเดี่ยวบนภูกระดึงแห่งนี้

การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวในครั้งนี้ พรนับพันพกพาความเหงามาในใจด้วยแบบเต็มเปี่ยม ทุกย่างก้าวของเธอจึงได้ช้านักเพราะต้องแวะถ่ายภาพข้างทาง ทั้งที่กระเป๋าบนหลังก็ช่างหนัก ความที่คิดว่ามาคนเดียวต้องทำอะไรคนเดียวไปหมดทุกอย่าง และคิดว่าตัวเองจัดกระเป๋ามาไม่ได้หนักมากนักจึงไม่ได้จ้างให้คนหามขึ้นมา ยามนี้หญิงสาวยิ่งกว่ารู้ซึ้งของความทระนงไม่เข้าเรื่อง

คนออกกำลังกายนานทีปีหนหยุดนั่งพักตรงก้อนหินก้อนโต หยิบขวดน้ำข้างกระเป๋าซึ่งเป็นขวดสุดท้ายขึ้นดื่มด้วยหลอด มือโบกพัดให้เกิดลมข้างแก้มแดงปลั่งจากเลือดสูบฉีดเต็มอัตราให้ลดอุณหภูมิลงบ้างแต่ไม่ช่วยอะไรสักนิด การเดินมายาวนานกว่าสามชั่วโมงทำให้ใจเธอร่ำอยากจะนอนกลางป่านี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ไหวไหมคุณ จะเป็นลมหรือเปล่า” ภาพผู้ชายตัวสูงไม่ถึงร้อยแปดสิบเซนติเมตร ผิวขาวสะอาด เสื้อยืดสีขาวแนบบเนื้อจากเหงื่อจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน เดินแบกเป้บนหลังด้วยแขนข้างเดียวสร้างความอิจฉาให้ใจเธอสุดจะบรรยาย ถ้าหากเธอมีพละกำลังมากกว่านี้ การมาเที่ยวคนเดียวของเธอคงไม่เหนื่อยรากเลือด

“ฉันแค่นั่งพักนิดหน่อยค่ะ” หน่อยของเธอก็กินระยะเวลาเกือบสิบนาทีเข้าไปแล้ว

“แล้วไหวไหม” ผู้ชายตรงหน้าหันรีหันขวางมองหาอะไรสักอย่างในรัศมีที่เธอนั่ง เขาจึงหันกลับมาอีกครั้ง “มาคนเดียวเหรอคุณ หรือโดนเพื่อนทิ้ง”

“คนที่มาคนเดียวไม่ได้หมายความว่าถูกเพื่อนทิ้งนะคะ” พรนับพันเม้มปาก เบือนหน้าหนี เพราะที่จริงเธอกำลังถูกเพื่อนแก่ๆ คนหนึ่งทิ้งเธอไปจริงๆ นั่นแหละ

“ไปด้วยกันสิ”

“เอ๊ะ?” จากคำชวนง่ายๆ จากชายสวมแว่นยิ่งสร้างความประหลาดใจแก่พรนับพัน

“ผมก็มาคนเดียว”

คำว่าคนเดียวไม่ได้บอกว่าเขาเหงา น้ำเสียงรื่นเริงสดชื่นของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป แววตาของอีกฝ่ายมองมาอย่างคนมีน้ำใจ ที่จริงพรนับพันควรจะตะครุบโอกาสหาคนช่วยแบกสัมภาระของเธอเพิ่ม แต่ส่วนลึกบอกว่าเธอน่าจะหุบปาก และหาคนเดินไปเป็นเพื่อนสักคนก็พอ

“ขอบคุณ”

“ผมช่วยคนตกทุกข์ได้ยากประจำแหละครับ” คนพูดกลั้วหัวเราะอารมณ์ดี แต่เห็นอีกฝ่ายหน้าหงิกง้ำจึงรีบเอ่ยปลอบ “เอาน่ามาด้วยกัน เผื่อคุณเป็นลมเป็นแล้งไป จะหาคนหล่อๆ มาช่วยไม่ได้แล้วนะ”

คนหล่อยกมือตบอกตัวเองอย่างภาคภูมิ ยิ่งทำให้คนมองหลุดขำคิก กอปรกับยามนี้มีสายลมยามสายโบกพัดผ่านกายแทนกระแสของลมที่ต้องใช้มือโบกพัดข้างแก้ม พรนับพันจึงเหมือนถูกบรรยากาศของภูแห่งนี้โอบกอด ถึงผู้คนที่มาจะมากมาย ขนาดเธอได้ยินว่าต้องต่อคิวกันถ่ายรูป แย่งกันอยู่ แย่งกันใช้ในบางเรื่อง แต่ที่นี่เธอพบว่ามิตรภาพก็กำลังเติบโตเบ่งบานเช่นกัน คนแปลกหน้าต่างที่ ไม่รู้จักกัน แต่ยิ้มให้กันได้ไม่เคอะเขิน หรือเขา ทั้งที่ไม่รู้จักแต่ก็ยังยื่นมือมาช่วยลูกนกปีกใกล้จะหักอย่างเธอ

เขาจะรู้ไหม ว่าเธอต้องใช้แรงกาย แรงใจขนาดไหนเพื่อมาที่นี่ แทนที่จะอยู่ในโรงพยาบาลกับคนสำคัญ


แสงสีทองโอบไล้หมู่มวลพนาเบื้องล่าง จากบริเวณของผาหมากดูก จำนวนคนส่วนหนึ่งที่เดินทางมาถึงที่นี่วันแรกต่างพร้อมใจกันมานั่งรับลม และปล่อยให้ผาหล่มสักตั้งตระหง่านยั่วยวนเราต่อไปในวันพรุ่งนี้ ผาหล่มสักเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อีกสิ่งของภูกระดึง ด้วยชะง่อนผาที่ยื่นออกไป มีต้นสนตระหง่านแผ่กิ่งก้านออกมา ทำให้คนที่จะถ่ายรูปต้องต่อแถวกัน

พรนับพันยืนกอดตัวเองไว้แน่น ภาพเด็กหญิงอายุเพิ่งจะสิบขวบกับผู้ชายตัวสูงมั่นคงเคยมาหยุดอยู่ตรงนี้เมื่อหลายสิบปีก่อนไหลย้อนกลับมา หญิงสาวยิ้มให้กับภาพชายวัยหกสิบนำเสื้อตัวหนามาสวมให้หลานสาวที่ทำหน้าบึ้งงอแงจะกลับที่พัก จนในที่สุดชายผมสีเลาจึงยอมพาหลานกลับไปพร้อมชายหญิงวัยกลางคนอีกสองคน

“ถ้าหนาวจะกลับก่อนไหมคุณ”

“จนกว่าแสงจะลับฟ้า ฉันกลับไม่ได้หรอก” คนตอบเลือกทรุดนั่งไปบนพื้น เพ่งสมาธิไปยังเบื้องหน้า ยกเข่าชัน และใช้แขนกอดเข่าสองข้างไว้แนบอก วางคางไปบนท่อนแขนสายตาเหม่อลอย

“รู้ไหมว่าผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย คุณเองก็ยังไม่รู้จักผม” คนพูดที่บอกว่ามาคนเดียวทรุดกายลงข้างผู้หญิงที่ไม่ได้แปลกหน้ากับเขาอีกต่อไป ตลอดการเดินทางอีกสามชั่วโมงต่อมากว่าจะมาถึงศูนย์บริการที่วังกวางนี้นั้น ถึงจะคุยกับเจ้าหล่อนแบบนับคำได้ แต่ก็ไม่ได้น่าอึดอัด

“รู้ไป ชีวิตคุณก็ไม่เปลี่ยนแปลง จบกันตรงนี้ต่างคนก็ต่างแยกย้ายดีกว่าค่ะ” พรนับพันเอียงหน้าตอบเสียงเนือย ไม่สนว่าจะดูเป็นมนุษย์นิสัยแย่แค่ไหน

“คุณเคยได้ยินเรื่องเล่าของภูกระดึงไหม”

“เรื่องเล่า?” คนไม่เคยสนใจเรื่องใด เพียงแค่ประหลาดใจ

“ก็เรื่องเล่าที่ว่า คนที่มาภูกระดึงคนเดียว จะได้พบกับความรัก ผมว่าคุณลองไปถามคนที่ขึ้นมาที่นี่สิ จะมีกี่คนที่มาคนเดียว เชื่อได้เลยว่าจะมีมาแบบทั้งคุณทั้งผม อกหักรักคุด ตุ๊ดเมิน หรือว่าพวกเพื่อนเบี้ยวเลยต้องมาคนเดียว”

“อาจจะมีประเภทอยากรำลึกความหลัง หรือว่าทำสิ่งสุดท้ายก่อน...” พรนับพันกัดริมฝีปากไม่ให้พูดสิ่งที่เธอกลัวออกมา เธอรู้สึกดีที่อีกฝ่ายไม่ถามคำถามทำร้ายจิตใจนั้น

รวมทั้งดีใจที่ในที่สุดพระอาทิตย์ก็โบกมือลา ทันเวลาที่น้ำตาของเธอร่วงออกจากตา โดยไม่มีใครได้เห็น

โทรศัพท์เพลงสากลดังขึ้นในความเงียบ บรรยากาศเย็นพัดพาความเหงามาแผ้วพานให้เจ็บหนัก พรนับพันกลั้นใจก่อนจะกดรับ น้ำเสียงสั่นเครือเพียงแค่เห็นว่า ‘แฟร์’ โทรมา

“อืม”

เสียงสะอื้นดังมาเป็นคำตอบ น้ำตาเจ้ากรรมจากคนฟังก็ไหลทะลักออกมาสุดจะกลั้น หญิงสาวยกมือขึ้นมากัดจนเจ็บ แต่มันมีแต่ความเจ็บปวดที่บอกออกมาว่าเธอกำลังเผชิญกับความจริงอันโหดร้าย...เวลาที่เธอกลัวมาถึงเร็ว ขนาดตั้งตัว ใจของเธอก็ตั้งรับมันได้ยาก

“ตาไม่อยู่แล้วนะพี่พราวด์”

“ไม่ทรมานใช่ไหม” คาวเลือด และบาดแผลบนมือไม่นำพาใดๆ กับความเจ็บที่ใจ คำถามเดียวที่เธอห่วง คือคนที่จากไป แต่รอแล้วอีกฝั่งก็ยังคงไม่หยุดร้องไห้ พรนับพันจึงตะคอกเสียงดัง “ตาจากไปยังไงแฟร์ ทรมานไหมฮะ!”

ยิ่งเธอตะคอกนับพันพรยิ่งเป่าปี่ใส่หูเธอหนักขึ้น และพรนับพันได้กลายเป็นเป้าสายตาคนอีกหลายสิบคู่ ด้วยเสียงสะอื้นดังของตัวเอง “พี่พราวด์ สุดท้ายชีวิตก็ต้องหมดไป พี่จำคำตาได้ใช่ไหม”

“พี่ไม่เป็นอะไร” พรนับพันโกหกและหลับตา คุมอารมณ์อันลุกโพลงในอกให้เย็นขึ้น นับจากนี้เวลาที่เหลือของชีวิต เธอทำได้แค่ทนคิดถึงตาซึ่งเหลือเพียงในภาพความทรงจำ เมื่อเก็บโทรศัพท์ และมองความมืดที่โรยตัว เธอก็พบว่ามีขวดน้ำยื่นส่งมาให้ มันมาจากเขา

“ผมปลอบใจใครไม่เป็น แต่ดื่มน้ำสักหน่อยก็ได้นะ เผื่อคอคุณจะแห้ง”

“ขอบคุณ แต่ฉันไม่อยากดื่ม” คนเศร้าเสียใจบอกปัด ลุกขึ้นยืน แต่ก็กลับมาทรุดนั่งในท่าเดิมอีกครั้ง เมื่อเรี่ยวแรงกายเหือดหาย แต่หยดน้ำที่ตากลับไหลออกมาได้เรื่อยๆ

สัมผัสอบอุ่นลูบลงบนศีรษะของเธอแทนการพูด พรนับพันนั่งตัวแข็ง ในคราแรกเธอคิดอยากปัดมือนั้นทิ้ง และตบหน้าคนลูบผมเธอสักฉาด แต่เมื่อคิดได้ว่าแม้แต่แรงเพื่อยกมือขึ้นมาเหวี่ยงนั้นไม่มีเหลือจึงทำได้แค่ปล่อยให้เขาปลอบเธอไปในความเงียบ น้ำหนักมือของเขาอ่อนโยน กว่าจะรู้ตัวพรนับพันก็เอนกายพิงอกเขา หลับตาให้เขาโอบเธอไว้ชั่วครู่

“ชีวิตมันก็เหมือนพระอาทิตย์ มีขึ้นแล้วก็มีตก สำหรับคนที่อยู่ต่อไป พรุ่งนี้พระอาทิตย์จะยังขึ้นเสมอนะครับ เรามาส่งคุณตาของคุณได้แค่เท่านี้ แต่เราจะจดจำเขาไว้ในหัวใจเราได้ตลอดไป จนกว่าพระอาทิตย์ของเราจะตก แล้วไม่มีวันขึ้นมาอีก อย่าให้พระอาทิตย์ที่เตรียมขึ้นฉายแสงหลบอยู่หลังม่านเมฆตลอดไปนะครับ”

คนแปลกหน้าสองคนที่พบกันยังไม่ครบสิบสองชั่วโมงอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน คนหนึ่งกอดเพื่อปลอบ และอีกคนเพียงแค่หาที่พึ่งในเวลาที่เธอสูญเสียหางเสือสำคัญในชีวิตไป

พรนับพันนิ่งฟัง ลืมตาขึ้นมองแสงสีส้มสุดท้ายของวันที่ค่อยๆ เหือดหายไปจากสายตา เธอมาที่นี่เพื่อมาทำตามคำขอของตาที่ว่าท่านอยากมองพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุด แม้ว่าจะมาด้วยกันไม่ได้ แต่หัวใจของเธอก็พาตามาด้วย

ที่นี่มีคนสร้างฝันของเธออยู่ ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งคอยจับจูงมือเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจนเติบใหญ่ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ตาจะไม่ตามใจเธอ หากว่าเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องผิด

“ขอบคุณคุณมากนะ” ร่างนุ่มขยับตัวออกจากอ้อมแขนคนด้านหลัง ใช้มือยันกายขึ้นยืน นาทีต่อมาแสงไฟฉายจากกระบอกก็ถูกกดส่องทาง ท่ามกลางความเงียบที่เดินเคียงกันเพื่อกลับที่พัก มีสิ่งหนึ่งที่ภูกระดึงได้ทิ้งไว้ในใจ

เรื่องเล่าของความรัก... ซึ่งดูเหมือนเกือบถูกลบเลือนไป

.............................................................
ทันทีที่ตัดสินใจลงเรื่องนี้ หมายความว่าเรื่องที่มีสองเรื่องไม่จบนั้นขอพักไว้ก่อนค่ะ สำหรับสวีทเมจิก ได้รับข่าวดีจากบอกอมาว่าอ่านจบแล้ว และกำลังดำเนินการแก้ไขเป็นตัวอย่าง และลงรายละเอียดที่ต้องแก้มาให้ ส่วนใหญ่ต้องแก้สำนวน อยู่ในขั้นตอนรอฉบับแก้ไขค่ะ คาดว่าเยอะมากแน่นอน ทำให้สวีทสุดท้ายต้องหยุดไว้แบบไม่มีกำหนด รอจนกว่าจะเคลียร์สวีทแรก และจะเร่งแก้สวีทสองต่อทันทีค่ะ ส่วนพี่กลางขวัญใจแม่ยกนั้นต้องรอไปก่อน อันนั้นอยู่ในขั้นตัน แงะไม่ออกจริงๆ อยากแต่งแบบฟีลกู้ด สบายๆ อีก ฟินจิกหมอน เลยเกิดเป็นเรื่องนี้ขึ้นมา จะพยายามมาอัพให้ได้บ่อยๆ นะคะ มีผิดพลาด พิมพ์ผิดอะไรก็บอกกันได้ค่ะ จะไม่หายไปนานๆ เลย เดี๋ยวอ่านแล้วต่อไม่ติด คนเขียนก็เขียนต่อไม่ติด ฮา



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.พ. 2557, 00:31:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.พ. 2557, 00:31:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2852





   บทที่ 1 : ล่าลายเซ็น >>
Sukhumvit66 28 ก.พ. 2557, 11:49:20 น.
งั้นเราก็มาตามเรื่องนี้ต่อก็ได้..


OhLaLa 28 ก.พ. 2557, 20:16:10 น.
เตรียมหมอนพร้อมแล้วนะคะ รีบมาต่อไวไวนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account