love secret ไม่ใช่ความลับแต่เป็นความรัก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมิวนิคตามหาเจ้าของ Short note ที่ส่งมาให้ทุกวันโดยที่ไม่เคยรุ้ตัวตนที่แท้จริงของเขามาก่อนเลย แต่ในใจเธอก็แอบหวังว่าเจ้าของShort noteนั้นจะเป็นคนเดียวกับชายที่เขาแอบชอบเรื่องราววุ่นๆเริ่มเกิดขึ้นเมื่อ มิวนิควานให้สายลับสืบว่าใครเป็นเจ้าของกันแน่
Tags: love secret ไม่ใช่ความลับแต่เป็นความรัก

ตอน: ตอนที่11

Piglet Tlke:
หลังจากที่ฉันไปนั่งรอแม่ที่ป้ายรถเมล์นั้นอยู่ๆนายปอร์เช่ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆฉัน
“นี่เธอ...”นี่คงเป็นประโยคทักทายของเขาสินะ ช่างเป็นคำทักทายที่แปลกดี
“อะไร”ฉันตอบกลับเสียงห่วน
“เธอคิดอะไรของเธออยู่ ทำไมถึงไปคบกับไอ้ซัน”
“คิดอะไรก็เรื่องของฉัน...นายไม่เกี่ยว”
“เกี่ยวดิ...เพราะนั่นน่ะเพื่อนฉันอีกอย่างไอ้ซันมันมีแฟนแล้วเธอไม่ละอายใจบ้างหรอที่เข้าไปแทรกตรงกลางน่ะ-_-”
“นี่นายมันจะมากเกินไปแล้วนะ...ฉันจะทำอะไรยังไงมันก็เรื่องของฉัน มันชีวิตฉัน อ้อ...แล้วอีกอย่างนะนายจะมาเดือดร้อนด้วยทำไม เอ๊ะหรือว่า...”ฉันยังพูดไม่จบประโยคดีเขาก็รีบพูดแทรกขึ้นก่อน
“หรือว่าอะไร...ถ้าจะพูดว่าฉันชอบเธอน่ะเลิกคิดไปได้เลยนะ...อ้อ...ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดีนะ...เลิกยุ่งกับเพื่อนฉันซะถ้าเธอไม่อยากเสียใจภายหลัง”ไม่ได้ชอบฉันแล้วนายจะมาบอกให้ฉันเลิกยุ่งกับซันทำไมล่ะ
“ทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วย ทำไมฉันต้องทำตามที่นายบอกด้วยล่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่สนว่าซันจะคบกับใครกี่คน...แต่ที่ฉันสนคือซันเลือกฉัน อ้อ...แล้วไอ้ที่นายเคยพูดว่าฉันเลือกหรือเพราะไม่มีใครเลือกน่ะนายพูดผิดพูดใหม่ได้นะ”
“เธอคบกับซันเพราะอะไร เพราะมันดังหรอ...ถึงได้คบกับมันโดยที่มองข้ามความถูกต้อง...มันไม่ถูกเลยนะที่เธอจะไปอยู่ตรงกลาง...มันไม่ใช่ที่ที่เธอควรยืนเลย”
“ก็ช่างมันสิ...ฉันไม่สน”ฉันยังคงตอบลอยหน้าลอยตา
“งั้นก็แล้วแต่...แล้วก็จำคำพูดฉันไว้ด้วยนะว่าต่อจากนี้ไป...ชีวิตเธอมันได้อยู่ไม่สุขแน่แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ”พูดจบปอร์เช่ก็ลุกขึ้นและเดินจากไป
ปอร์เช่ทิ้งความมึนงงให้กับฉันมาก นี่เขาไม่ได้หึงฉันหรอกหรอ เขาแค่มาเตือนฉัน แล้วก็แค่มาด่าฉันงั้นหรอ ในสายตาเขาตอนนี้ฉันคงดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่หน้าไม่อาย ฉันคงดูเหมือนผู้หญิงที่ชอบไปทำให้คนอื่นเขาแตกแยกสินะ นี่ฉันคิดผิดหรือคิดถูกเนี้ยที่ไปทำอะไรแบบนี้ ฉันแค่อยากรู้ใจตัวเองฉันแค่อยากรู้ความรู้สึกของนายว่านายจะชอบฉันบ้างหรือเปล่าแต่นี่อะไรเขากลับมองว่าฉันเป็นผู้หญิงไม่ดี ที่ฉันทำมันไม่มีประโยชน์เลยงั้นหรอ พิกเล็ทเธอควรทำไงดี เธอควรเอาไงต่อดีนะ
Piglet End
“อ้าวมิวทำไมวันนี้กลับบ้านคนเดียวล่ะ พอร์ชไม่ได้มาส่งหรอ”แม่ถามขณะที่ฉันถอดรองเท้านักเรียนเก็บเข้าตู้
“พอร์ชเขาซ้อมดนตรีน่ะค่ะแม่ เลยให้มิวกลับมาก่อน”
“อ๋อ...แม่นึกว่าทะเลาะกันซะอีก”ไม่ได้ทะเลาะหรอกค่ะแค่น้อยใจT^T
“แม่คะเดี๋ยวมิวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วฉันก็เดินไปเปิดโน้ตบุ๊กเข้าอินเตอร์เน็ตเช็คเฟซบุ๊ค ทำไมป่านนี้พอร์ชยังไม่
ออนอีกนะ มัวทำอะไรอยู่เนี้ย โทรศัพท์ก็ไม่รู้จักโทรมา ไม่ว่างถึงขณะโทรมาไม่ได้เลยหรอเหลืออีกตั้งหลายวันกว่าจะขึ้นแสดง แล้วถ้าเกิดว่าขึ้นแสดงแล้วเขายังจะมีเวลาให้ฉันเหมือนเดิมหรือเปล่า พูดไปก็น้อยใจไปT^T เขาไม่คิดถึงฉันบ้างเลยหรอเนี้ย หรือเป็นฉันฝ่ายเดียวที่คิดแบบนั้น
“เห้อ!”ฉันถอนหายใจขณะที่มองโทรศัพท์มือถือ นี่ก็4ทุ่มกว่าแล้ว เงียบไปเลยนะพอร์ช
ฉันค่อยๆล้มตัวลงนอนบนที่นอนอย่างเหนื่อยใจ ก่อนที่จะหลับตานอนด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายใจนัก
“เห้อ!!-_-”
“มิว...นี่แกเป็นอะไรของแกเนี้ย นั่งถอนหายใจมานานแล้วนะ”>พิกเล็ทบ่น
“ก็พอร์ชน่ะสิ...มัวแต่ซ้อมจนไม่ยอมโทรหาฉันเลย...แถมเมื่อเช้าก็ไม่ไปรับฉันที่บ้าน...ที่ฉันยังมีความหมายกับเขาอยู่หรือเปล่าเนี้ยT^T”ฉันพูดด้วยความน้อยใจ
“เขาอาจไม่ว่างจริงๆก็ได้ แกอย่าคิดมากเลย”
พักกลางวันหลังจากที่ฉันกินข้าวกับเพื่อนๆเสร็จแล้วฉันก็เดินมาหาพอร์ชที่ห้อง ซึ่งมันก็เป็นไปอย่างที่คิดคือพอร์ชเอาแต่ซ้อมจนแทบจะไม่มีเวลากินข้าว ฉันก็เลยซื้อข้าวมาให้เขา
“พอร์ช...มิวซื้อข้าวมาให้”ว่าแล้วฉันก็วางจานข้าวลงบนโต๊ะกาแฟที่อยู่หน้าโซฟา
“ขอบคุณนะมิว...แต่เดี๋ยวค่อยกินดีกว่า^o^ พอร์ชจะซ้อมและ”นี่เขาจะไม่รับความหวังดีจากฉันหน่อยหรอ ฉันเป็นห่วงเขานะกินซักหน่อยก็ยังดี
“ทำไมพอร์ชไม่โทรหามิวบ้างเลย...เมื่อเช้าก็ไม่ยอมไปรับมิว”ฉันแสดงอาการน้อยใจให้พอร์ชรับรู้
“โธ่มิว...นี่มันงานสำคัญมากเลยนะ...ขอโทษนะที่พอร์ชไม่ได้โทรหามิวเมื่อวานนี้พอร์ชเลิกดึกมากจะโทรหาก็กลัวว่ามิวจะหลับแล้ว...ส่วนเมื่อเช้าที่ไม่ได้ไปรับเพราะพอร์ชต้องรีบมาซ้อมก่อนเข้าเรียนคาบแรกพอร์ชกลัวไม่ทันเลยไม่ได้แวะไปรับมิว...พอร์ชขอโทษจริงๆนะมิว”
“มันคงสำคัญมากสินะ...สำคัญจนนายมองข้ามความสำคัญของฉัน”พูดจบฉันก็เดินออกจากห้องอย่างอารมณ์เสีย โดยที่ไม่ฟังเสียงเรียกของเขาเลย
มันน่าน้อยใจไหมล่ะพูดมาได้ไงว่ามันสำคัญ ใช่สิดนตรีเป็นสิ่งที่เขารักนี่ ก็ไม่แปลกที่เขาจะให้ความสำคัญดนตรีมากกว่าฉัน ฉันน่าจะเข้าใจเขาไม่ใช่หรอก็รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเขารักดนตรี ทำใจได้แล้วนะมิว
ฉันเดินไปนั่งเล่นที่ลานน้ำพุหลังโรงเรียนเผื่อว่าจะได้ไม่ต้องคิดอะไรแต่แล้วยิ่งนั่งในที่ที่สงบกลับยิ่งคิดฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่เลย นี่เขาก็คงไม่คิดที่จะตามมาง้อสินะ ฉันรู้หรอกน่าว่าความสำคัญของฉันมันน้อยกว่าดนตรีที่เขาเล่นนั่น
“อ้าวมิว...มานั่งคนเดียวหรอ”น้ำเสียงที่ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใครเอ่ยขึ้น
“อ้าวเอพริล”
“เธอไม่ไปดูพอร์ชซ้อมดนตรีหรอ”ฉันเพิ่งเดินออกมาเนี้ย-_-“
“อ้อ...ไม่อ่ะ”
“ดูถ้าทางเหมือนเธอจะไม่ค่อยสบายใจเลยนะ ไปคลายเครียดกันไหม”
“คลายเครียดอะไรหรอ”
“นี่ไง...น้ำพุตรงหน้าเธอไง...เธอลองเอาเท้าย่อนลงไปสิมันจะทำให้เธอสบายใจขึ้น...ไม่เชื่อเธอลองทำสิ”ว่าแล้วเอพริลก็ย่อนเท้าลงไปในบ่อน้ำที่มีน้ำพุอยู่ตรงกลางพร้อมกับแกว่งเท้าไปมาอย่างสบายใจ
“...”
“นี่ลองทำดู มันได้ผลนะ”
ฉันค่อยถอดรองเท้าถุงเท้าแล้วเอาขายื่นลงไปอย่างที่เขาบอก ไม่น่าเชื่อว่ามันจะรู้สึกสบายจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อเอาเท้าจุ่มลงไปแล้วสัมผัสของน้ำที่แตะกับผิวฉันมันจะทำให้ความคิดฉันหายไปอย่างมหัศจรรย์ แต่นี่ก็คงได้ผลแค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ
“เป็นไง รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ^^”เขาหันมายิ้มให้หนึ่งทีอย่างจริงใจ ทำไมเวลาอยู่กับนาเดียเหมือนเป็นคนละคนกับตอนนี้เลยนะ อยู่กับนาเดียนายดูเอาแต่ใจแถมยังอารมณ์เสียตลอดเวลาอีกด้วย สงสัยนั่นคงเป็นการแสดงความรักของเขามั้ง
“อื้มก็...ดี^_^”
“เห็นไหมล่ะฉันบอกแล้ว อื้ม...แล้วนี่เธอคบกับพอร์ชมานานแค่ไหนแล้วหรอ”
“ยังไม่ถึงอาทิตย์เลย”คบกันยังไม่ถึงอาทิตย์ก็เริ่มจะมีเรื่องให้ไม่สบายใจซะแล้ว ฉันว่าแล้วว่าความรักเริ่มแรกน่ะมันก็เหมือนเดินทางที่ปูไปด้วยดอกไม้ทั้งนั้นแหละ
“มิว!”นี่ไม่ใช่เสียงของเอพริลแต่นี่เป็นเสียงของพอร์ชที่เรียกฉันอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ไม่เรียกเปล่าแต่พอร์ชกลับสาวเท้าเดินมาดึงตัวฉันให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ลากให้ฉันเดินตามเขาไปทิ้งความมึนงงให้เอพริล
“นี่นายจะลากฉันมาทำไมเนี้ยฉันเจ็บนะ”
“อ้อ...ไม่พอใจก็เปลี่ยนสรรพนามเลยว่างั้น”ฉันเบือนหน้าหนี
“…”
“ไม่ตอบนี่มันหมายความว่าไงมิว...มิว...มองหน้าพอร์ชสิ”พอร์ชเร่งให้ฉันตอบเขา
“ก็ไม่ยังไงหรอก พอร์ชว่างแล้วหรอถึงได้ออกมาหามิวน่ะ”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องได้ไหมมิว พอร์ชไม่อยากทะเลาะกับมิวนะ ก็บอกแล้วไงว่าพอร์ชไม่ว่างจริงๆ-_-”
“ดีจังเลย มิวคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากใช่ไหมที่แฟนสนใจอย่างอื่นมากกว่ามิวน่ะ^_^”ฉันพูดประชด
“มิวอย่าชวนทะเลาะได้ไหม พอร์ชก็สนใจมิวอยู่นี่ไง...”
“แต่ก็น้อยกว่าสิ่งที่พอร์ชทำไม่ใช่หรอพอร์ช...พอร์ชจำได้ไหมที่พอร์ชบอกว่ารักดนตรี ตอนนี้มิวเข้าใจแล้วว่าพอร์ชรักดนตรีจริงๆรักมากจนไม่สนใจความรู้สึกมิวเลยสินะ ไม่เคยรู้สินะว่ามิวจะรอกลับบ้านพร้อมพอร์ชไหม ไม่เคยรู้สินะว่ามิวจะรอโทรศัพท์จากพอร์ชไหมจะรอพอร์ชตอนเช้าไหม ใช่สิเพราะมิวไม่ได้สำคัญเท่าไอ้ดนตรีบ้าๆของพอร์ชนี่”พอร์ชยังพูดไม่จบฉันก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน ตอนนี้อารมณ์ของฉันมันเริ่มขึ้นนี่ฉันกำลังโมโหปนกับน้อยใจเขาอยู่นะ
“มิว...มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ”พอร์ชพยายามที่จะอธิบายให้ฉันเข้าใจพร้อมกับยื่นมือมาจับแขนฉันแต่ฉันก็สะบัดมันออก
“งั้นหลังจากวันนี้พอร์ชก็ไม่ต้องกลัวว่ามิวจะไปกวนเวลาพอร์ชเลยนะ มิวจะให้เวลาพอร์ชซ้อมจนเต็มที่เลย เลิกซ้อมเมื่อไหร่คิดว่าพอแล้วเมื่อไหร่ค่อยกลับมาหามิว หวังว่าพอร์ชคงสละเวลาอันมีค่าให้มิวได้นะ”พูดจบฉันก็เดินกลับไปยังน้ำพุเพื่อที่จะไปเอารองเท้าที่ฉันถอดทิ้งไว้
“เดี๋ยวสิมิว...”
ฉันไม่สนใจพอร์ชที่เรียกฉันแต่กลับเดินห่างออกมา คิดว่าฉันอยากทำแบบนี้นักหรอ ฉันก็อยากให้เขามีเวลาอยู่กับฉันบ้างนะ ฉันเป็นแฟนของเขานะ ทำไมเขาต้องละเลยกับความรุ้สึกของฉันแบบนี้ล่ะ
“อ้าวมิว...แกหายไปไหนมาเนี้ย พอกินข้าวเสร็จก็หายหัวไปเลยนะ”>น้ำขิงถามขึ้นเมื่อก้นฉันสัมผัสกับเก้าอี้ข้างๆเธอ
“ไปนั่งเล่นแถวลานน้ำพุมาน่ะ”ฉันตอบน้ำขิงก่อนที่จะฟุบหน้าลงที่โต๊ะเรียน แล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ
“มาแปลกแหะวันนี้”>พิกเล็ทที่เงียบอยู่สักพักพูดขึ้นบ้าง
“...”>ฉัน
“มิววันนี้แกเป็นอะไรอ่ะ ทำไมไม่ร่าเริงอย่างที่เคยเป็นวะ มาลุคนี้ฉันกลัวว่ะ”พิกเล็ทถามฉันที่ฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะ
“มิวคงเหนื่อยกับการเรียนมั้งพิกเล็ท อย่าไปกวนมิวเลยปล่อยมิวนอนไปเหอะ”ปาร์ตี้บอกกับพิกเล็ท
ตกตอนเย็นฉันก็มานั่งรอรถเมล์ตามปกติ วันนี้ก็คงต้องกลับบ้านเองอีกแล้วสินะ 2วันแล้วทำไมมันช่างเหงาแบบนี้นะ เห้อ!! เมื่อไหร่ไอ้งานแข่งขันบ้าๆนี้จะผ่านไปสักทีนะเมื่อไหร่จะจบฉันก็อยากได้เวลาของฉันคืนเหมือนกันนะ เขาจะสละเวลาให้ฉันบ้างไม่ได้หรอแค่เวลาแปบเดียวสละโทรมาหาฉันบ้างไม่ได้เลยหรอ หรือไม่ก็ทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงให้ฉันเห็นว่าเขาไม่ได้ละเลยฉันแล้วก็ยังสนใจเห็นฉันสำคัญอยู่
“กลับบ้านกับพี่ไหมน้อง...”
“-_-?”ฉันมองคนผู้ชายร่างสูงอย่างงงๆ ใครกันเนี้ยเขาทักคนผิดหรือเปล่านะ ฉันจึงหันไปมองรอบๆตัวเผื่อว่าเขาจะเรียกคนอื่นแต่ก็พบว่าไม่มีใครฉันจึงถามขึ้น “พูดกับฉันหรอคะ”ว่าแล้วฉันก็ชี้มาที่ตัวเอง
“ใช่กับน้องนั่นแหละ”ผู้ชายคนนั้นตอบ
“หนูไม่รู้จักพี่”
“ใครบอก เรารู้จักกันดีเลยแหละ แต่เธอจำพี่ไม่ได้เอง”ผู้ชายตรงหน้าเดินมานั่งข้างๆฉัน
“หนูไม่รู้จักพี่จริงๆค่ะ พี่จำคนผิดแล้วล่ะค่ะ”ฉันย้ำอีกครั้ง
“จำไม่ผิด จริงๆ”
“หรือว่าพี่จะเป็นพวกโรคจิต ทำมาเป็นบอกว่ารู้จักฉัน ใช่ไหมต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆเลย”ไม่พูดเปล่าฉันยังยกกระเป๋าจาคอปของฉันขึ้นหวังจะฟาดเขาแต่เขาก็พูดขึ้นก่อน คนสมัยนี้นี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆเห็นน่าตาดีๆคิดว่าเป็นคนดีคงไม่ได้สินะ เหวี่ยงกระเป๋าขึ้นเหนือหัวเพื่อรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีฟาดเขาแต่แล้วเขาก็พูดขึ้นด้วยประโยคที่ฉันต้องหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนนั้น
“นี่ยัยบ้า...ฉันเป็นพี่แกนะเว้ย”ห๊าO_O
“ว่าไงนะ...นี่อย่าบอกนะว่านี่คือ...พี่มาร์ชน่ะ”
“ก็ใช่น่ะสิ-_-”
“แล้วทำไมไม่บอกมิวตั้งแต่แรกเล่า-_-”ฉันพูดอย่างหงุดหงิด เกือบฆ่าพี่ตัวเองด้วยกระเป๋านักเรียนซะแล้ว
“ก็ใครเขาจะไปคิดล่ะว่าน้องจะเบ๊อะจนจำพี่ชายของตัวเองไม่ได้”พี่มาร์ชพูดอย่างน้อยใจ
“ก็ใครเขาจะไปรู้เล่าก็ไม่บอก ใครจะไปจำได้เราไม่ได้เจอกันเกือบ10ปีนะไม่ใช่10วัน”ฉันบ่นกระปอดกระแปด
“ตกลงพี่ผิดใช่ป้ะ”
“ก็ใช่น่ะสิ พี่ผิดเต็มๆเลยล่ะ พาไปเลี้ยงข้าวสิแล้วเดี๋ยวมิวจะยกโทษให้^o^”
“เห็นแก่กินเหมือนเดิมเลยนะ ถ้าพี่พาไปเลี้ยงข้าวเธอต้องสัญญานะว่าจะหาสาวๆมาให้พี่น่ะ ^_^”พี่มาร์ชพูดอย่างทะเล้น
“พี่ก็เจ้าชู้เหมือนเดิมเลยนะ เอ...ไหนดูสิว่าไปอยู่เมืองนอกมาหล่อขึ้นแค่ไหน”ว่าแล้วฉันก็เอามือไปจับใบหน้าของพี่ชายจนมันหันไปหันมา
“โอ๊ยๆๆ...นี่แกจะฆ่าพี่หรอเนี้ย-o-”
“ก็โอเค...หล่อขึ้นใช้ได้เลยนี่^o^”ฉันยิ้มอย่างพอใจ
“กลับบ้านกันเถอะป้ะ”แล้วพี่มาร์ชก็ตัดบทชวนกลับบ้านไม่พูดเปล่าแต่ดันดึงฉันให้ลุกตามเขาไปอีกด้วย
“ใครบอกว่าจะกลับบ้านเล่า เลี้ยงข้าวเลย-o-”
“ก็ได้ๆ ป้ะๆๆ...เชิญครับคุณผู้หญิง”พี่มาร์ชเปิดประตูพร้อมกับผายมือให้ฉัน
Poch Tlke:
วันนี้มิวซื้อข้าวมาให้ผมที่ห้องซ้อม แต่ผมก็เอาแต่ซ้อมจนไม่ได้สนใจข้าวที่เธอซื้อมาให้เลยด้วยซ้ำจนเอไม่พอใจที่ผมเอาแต่ซ้อม เธอจึงเดินหนีออกจากห้องซ้อมไป พอผมจะเดินตามเธอไปเพื่อนก็เรียกให้ไปซ้อมต่อผมจึงกลับไปซ้อม แต่พอซ้อมเสร็จผมก็รีบตามเธอไป ผมเดินมาจนถึงลานน้ำพุก็เห็นเธอแต่ไม่ใช่เธอคนเดียวสิแต่กลับเป็นเอพริล เอพริลอีกแล้วหรอทำไมต้องกับเอพริล ผมไม่ชอบเลยที่นายนั่นเข้าหามิวนิค ผมรู้ว่ามันมีจุดประสงค์อะไร และในขณะนั้นเองผมก็เริ่มที่จะทนไม่ไหวกับการกระทำที่เธอทำกับเอพริล เธอพูดคุยกับนายนั่นแล้วยิ้มหัวเราะดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลย ความอดทนของผมเริ่มขาดลงทันที
“มิว!”ผมเรียกชื่อเธอพร้อมกับเดินไปดึงแขนเธอให้ลุกตามมากับผม แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอไม่พอใจนัก
“นี่นายจะลากฉันมาทำไมเนี้ยฉันเจ็บนะ”
“อ้อ...ไม่พอใจก็เปลี่ยนสรรพนามเลยว่างั้น”เธอหลบหน้าไม่ตอบคำถามของผม
“…”
“ไม่ตอบนี่มันหมายความว่าไงมิว...มิว...มองหน้าพอร์ชสิ”ผมย้ำ
“ก็ไม่ยังไงหรอก พอร์ชว่างแล้วหรอถึงได้ออกมาหามิวน่ะ”นี่คงจะถามกลับแบบประชดสินะ
“อย่าเปลี่ยนเรื่องได้ไหมมิว พอร์ชไม่อยากทะเลาะกับมิวนะ ก็บอกแล้วไงว่าพอร์ชไม่ว่างจริงๆ-_-”
“ดีจังเลย มิวคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากใช่ไหมที่แฟนสนใจอย่างอื่นมากกว่ามิวน่ะ^_^”เธอพูดประชด
“มิวอย่าชวนทะเลาะได้ไหม พอร์ชก็สนใจมิวอยู่นี่ไง...”
“แต่ก็น้อยกว่าสิ่งที่พอร์ชทำไม่ใช่หรอพอร์ช...พอร์ชจำได้ไหมที่พอร์ชบอกว่ารักดนตรี ตอนนี้มิวเข้าใจแล้วว่าพอร์ชรักดนตรีจริงๆรักมากจนไม่สนใจความรู้สึกมิวเลยสินะ ไม่เคยรู้สินะว่ามิวจะรอกลับบ้านพร้อมพอร์ชไหม ไม่เคยรู้สินะว่ามิวจะรอโทรศัพท์จากพอร์ชไหมจะรอพอร์ชตอนเช้าไหม ใช่สิเพราะมิวไม่ได้สำคัญเท่าไอ้ดนตรีบ้าๆของพอร์ชนี่”ผมยังไม่ทันพูดจบประโยคมิวนิคก็พูดแทรกขึ้นมา ซึ่งทุกคำที่เธอพูดออกมามันบอกได้เลยว่าเธอน้อยใจผม ที่ผมไม่มีเวลาให้เธอเลย
“มิว...มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ”ผมพยายามที่จะอธิบายให้เธอเข้าใจพร้อมกับยื่นมือไปจับแขนของเธอแต่เธอสะบัดมันออก
“งั้นหลังจากวันนี้พอร์ชก็ไม่ต้องกลัวว่ามิวจะไปกวนเวลาพอร์ชเลยนะ มิวจะให้เวลาพอร์ชซ้อมจนเต็มที่เลย เลิกซ้อมเมื่อไหร่คิดว่าพอแล้วเมื่อไหร่ค่อยกลับมาหามิว หวังว่าพอร์ชคงสละเวลาอันมีค่าให้มิวได้นะ”พูดจบเธอก็เดินจากไปโดยที่ไม่ฟังคำพูดที่ผมเรียกเธอเลย
“เดี๋ยวสิมิว...”
ป่านนี้มิวนิคคงคิดว่าผมไม่สนใจเธอด้วยซ้ำมั้ง เอาเป็นว่าตอนเย็นค่อยกลับไปง้อก็แล้วกัน รอให้เธอเย็นลงกว่านี้ก่อนก็ได้ แต่ภายในใจของผมตอนนี้เริ่มอยู่ไม่สุขกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่า ผมมีลางว่ามันจะมีเรื่องให้เราต้องไม่เข้าใจกันมากไปกว่านี้ และมันก็เป็นจริง...
ตกตอนเย็นวันนี้ผมขอไม่ซ้อมดนตรีเพื่อที่จะได้กลับบ้านกับมิวนิค ในความคิดของผมในตอนนี้คือไม่อยากเป็นแบบนี้ ผมไม่อยากให้เราต้องทะเลาะกัน นี่แค่เริ่มต้นที่เราคบกันผมก็ไม่อยากจะให้มีเรื่องแย่ๆ มันก็จริงอย่างที่เธอพูดผมไม่มีเวลาให้เธอเลย ถ้าผมสนใจเธอสักนิดเธอคงไม่ต้องโกธรผมขนาดนี้หรอกผมก็ผิดเองที่ละเลยความรู้สึกของเธอ แต่ภาพที่ผมเห็นตรงหน้านี่ล่ะมันคืออะไรกัน มิวพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จัก ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันทำไมถึงได้เข้าไปคุยกับเธอ แล้วนี่ยังไปจับแก้มของผู้ชายคนนั้นเหมือนกันสนิทสนมกันมานานอย่างนั้นแหละ เห็นแล้วโมโหชะมัดอยากจะเดินไปกระชากเธอออกแล้วก็ซัดหน้าหมอนั้นให้ยับเลย ยังไม่พอแค่นั้นมิวนิคยังขึ้นรถไปกับผู้ชายคนนั้นอย่างหน้าตาเฉยอีกเห็นแล้วแทบคลั่งกับการกระทำของเธอเหลือเกินนี่เธอกำลังทำอะไรของเธออยู่ หรือว่าเธอจะประชดเพราะโกธรผมหรอ คำถามเกิดขึ้นมากมายในหัวของผมจนตอนนี้สติเกือบจะฟุ้งซ่าน มันคงช้าไปสินะที่จะปรับความเข้าใจกับเธอ
ผมกลับมาที่บ้านด้วยอารมณ์ที่โมโหสุดขีด ผมเข้าใจถึงความรู้สึกนั้นของเธอแล้วว่าการที่โดนไม่สนใจมันเป็นยังไง คงจะฟุ้งซ่านเพราะคิดแต่เรื่องของเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร แล้วดูสิป่านนี้ก็ไม่ยอมโทรมา คงจะโกธรผมมากเลยสินะ โธ่เอ๊ย! นี่เธอจะทำให้ฉันคลั่งตายไปเลยหรือไงมิวนิค
วันต่อมา...
นี่ฉันโกธรเขาถึงขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่รู้จักมาง้ออีกนะ หรือว่าเขาจะโกธรฉันกลับ เอ๊ะหรือว่าจะโกธรฉันเรื่องที่ไปคุยกับเอพริล โอ๊ย! นี่ยัยมิวนิคเธอจะมาคิดให้ตัวเองปวดหัวทำไมเนี้ย 2วันแล้วสินะที่ไม่ได้คุยกัน รู้สึกเหมือนอะไรขาดหายไปเลยอ่ะ หรือว่าฉันงี่เง่าเกินไปนะ ฉันเรียกร้องจากเขามากไปหรอ
“แม่ขา...มิวไม่อยากไปโรงเรียน”ฉันบอกกับแม่ในขณะที่เดินลงมาข้างล่าง
“ไม่ต้องมางอแงเลย...แค่พอร์ชไม่มารับสองวันถึงกับไม่อยากไปโรงเรียนเลยหรอ...รีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมากินข้าวเร็วๆ...เดี๋ยวแม่จะให้พี่ไปส่ง”แม่ใจร้ายอ่ะT^T
“ก็ได้ค่ะแม่T^T”
“อ้าวคุณมัสรสครับ...ยังไม่แต่งตัวอีกหรรอครับ...ชักช้าแบบนี้เดี๋ยวก็ให้ขึ้นรถเมล์ไปเองหรอกครับ”พี่มาร์ชพูดขู่ฉัน
“ก็รอแปบนึงไม่ได้หรอคะ...กำลังรีบอยู่ค่ะ...”ฉันพูดล้อเลียนพี่ชายก่อนที่จะวิ่งขึ้นบ้านไปอาบน้ำแต่งตัว
“มิว...เมื่อเช้าแกมากับใครฉันเห็นนะ^O^”พิกเล็ทถามฉันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่จับผิดฉัน
“นี่...แกไม่ต้องมาจับผิดฉันเลยนะ...นั่นน่ะพี่ชายฉัน”
“ก็แล้วไป...ฉันนึกว่าประชดพอร์ชแล้วควงหนุ่มอื่นซะอีก^-^”คิดได้ไงเนี้ย
“แล้วเรื่องของแกเนี้ยไปถึงไหนและ”
“เออ ฉันลืมเล่าให้แกฟังไปเลยว่าวันที่ฉันไปเป็นแฟนหลอกๆของซันน่ะ พอตกตอนเย็นฉันจะกลับบ้าน นายนั่นก็เดินเข้ามานั่งข้างๆฉันแล้วก็มาคุยกับฉันเรื่องนี้ เขาบอกว่าให้ฉันเลิกยุ่งกับซัน เขาบอกว่าฉันไม่ควรไปยืนตรงกลางระหว่างคนสองคน แล้วเขาก็ยังบอกอีกนะว่ามันไม่ชาที่ยืนของฉัน แก...ฉันว่าเขาต้องมองฉันว่าเป็นผู้หญิงไม่ดีแน่ๆเลย”
“คงไม่หรอกแก...แล้วแกจะเอาไงต่อ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันว่านายนั่นอาจจะมองฉันไม่ดีอยู่แน่ๆเลยมิว”เฮ้อ! ทำไมมีแต่เรื่องให้ปวดหัวนะ ทั้งเรื่องเพื่อนทั้งเรื่องพอร์ช ทำไมต้องมีแต่เรื่องให้คิดเนี้ย พิกเล็ทฉันขอโทษนะที่วันนี้ฉันช่วยอะไรแกไม่ได้ตอนนี้ฉันกำลังแย่น่ะ
“ขอโทษนะที่ฉันแสดงความคิดเห็นให้แกไม่ได้เพราะตอนนี้ฉันปวดหัวน่ะ”
“อ้าวมิว...อยู่นี่เองหรอ”อยู่ๆปอร์เช่ก็เดินเข้ามาแล้วก็ถามฉันด้วยประโยคนี้
“ถ้าไม่อยู่นี่แล้วจะเห็นม้ะ-__-”ฉันตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งๆ
“เธอนี่เป็นคนอารมณ์ดีนะ ฮ่าๆๆ...ตลกอ่ะ...อ้อลืมไปพอร์ชให้มาตามน่ะ”
“คิดได้ไงเนี้ยว่าอารมณ์ดี...ตาบอดหรอถึงไม่เห็นว่าหน้าเพื่อนฉันมันเครียดแค่ไหน”พิกเล็ทตอบปอร์เช่แทนฉัน มันก็จริง สงสัยหน้าฉันคงตลกมากเลยดิ
“ยุ่ง!”และพิกเล็ทก็ได้คำตอบจากปอร์เช่
“ตามฉัน...”ฉันถามอีกครั้งแล้วพลางชี้มาที่ตัวเอง “ตามไปทำไม”
“ไม่รู้...เห็นมันบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย...ไปหามันหน่อยนะที่ห้องซ้อม”
“ทำไมฉันต้องไป...ฝากไปบอกเขาด้วยนะว่าฉันไม่ไป...อยากคุยก็มาหาเองจบนะ-__-”
ถ้าฉันไปฉันก็ไม่รู้สิว่าเขาเห็นฉันสำคัญไหม เพราะฉะนั้นถ้าเขายังเห็นว่าฉันสำคัญอยู่เขาก็ต้องมาหาฉันเอง
“พอร์ชคิดแล้วว่ามิวต้องไม่ไป”
“O_O”รวดเร็วทันใจดีมาก
“ออกมาคุยกันหน่อยสิ”พอร์ชทำท่าเหมือนจะดึงฉันให้เดินตามเขาไปแต่ฉันก็ขัดขืนที่จะไปเดินตาม
“ไม่ไป”
“มิวอย่าดื้อได้ไหม...”
“ทำไมฉันต้องไปด้วย มีอะไรก็คุยมันตรงนี้แหละ-_-”
“แต่มันเป็นเรื่องของเรานะ จะให้คนอื่นมารับรู้ด้วยทำไม...ออกมามิวอย่าดื้อ...จะเดินมากับพอร์ชดีๆหรือจะต้องให้อุ้มไป”พอร์ชไม่หยุดความพยายามแค่นั้น
“ไม่ต้องๆ...ฉันเดินเองได้”
“อ้อ...แล้วก็ไอ้สรรพนามที่ใช้อยู่เนี้ยคิดดีแล้วหรอที่เปลี่ยนมันน่ะ”
“มีอะไรก็ว่ามา”ฉันถามขึ้นเมื่อเดินตามเขามาในที่ที่คิดว่าน่าจะอยู่กันแค่2คน
“มิวคิดจะทำอะไรกับพอร์ชกันแน่”
“หมายความว่าไง”
“มิวดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยหรอที่เราทะเลาะกัน...แล้วเมื่อวานที่คุยอยู่กับผู้ชายน่ะมิวประชดพอร์ชใช่ไหม”
“ฉันไม่เคยประชดนายด้วยวิธีแบบนี้ เลิกคิดไปได้เลย”
“พอร์ชจะถามอีกครั้ง ว่าสรรพนามที่ใช้อยู่อยากจะเปลี่ยนมันจริงๆใช่ไหม...ทำไมล่ะมิว...ทำไมเวลาโกธรกันทีไรต้องเปลี่ยนสรรพนามทุกทีพูดในแบบเดิมที่เราเคยพูดไม่ได้หรอ......”
“แล้วพอร์ชจะเอายังไง...มิวโกธรพอร์ชอยู่นะ...แล้วนี่อะไรมาโกธรมิวกลับงั้นสิ”ฉันก็แค่อยากให้รู้ว่าฉันไม่พอใจที่เปลี่ยนสรรพนามเพราะอยากให้เขารู้ถึงความแตกต่าง อยากให้รู้ว่าโกธร อยากให้รู้ว่าอยากให้ง้อ
“พอร์ชควรถามมิวมากกว่าว่ามิวจะเอายังไง จะไม่หายโกธรจริงๆหรอ”
“แล้วนี่มันเป็นวิธีง้อของพอร์ชหรือไรล่ะ!!”ฉันเริ่มโมโห จะให้หายโกธรแต่กลับไม่ง้อเลยเนี้ยนะแถมยังมาหาเรื่องอีก
“แล้วเมื่อวานกลับบ้านกับใคร ไปไหนทำไมไม่บอก ถึงบ้านแล้วทำไมไม่รู้จักโทรมา”พอร์ชข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้โกธรฉัน ด้วยคำถามที่ถามขึ้นด้วยนำเสียงที่นิ่งเรียบ
“คงรู้สึกแล้วสินะว่ามิวรู้สึกยังไง ก็เหมือนกับที่มิวรอโทรศัพท์จากพอร์ชนั่นแหละ ทีนี้เข้าใจหรือยังล่ะว่าความรู้สึกของมิวมันเป็นยังไง!”ฉันขึ้นเสียงใส่พอร์ช
“อ๋อ...นี่คงจะเอาคืนสินะ...คิดว่าทำแบบนั้นมันดีแล้วใช่ไหมมิว”พอร์ชถามด้วยอารมณ์ที่เริ่มกลั้นไม่อยู่
“แล้วสิ่งที่พอร์ชทำล่ะ พอร์ชคิดว่ามันดีแล้วหรอ”
“อย่าตอบคำถามด้วยการถามกลับสิมิว...นี่มิวคิดจะยั่วโมโหพอร์ชอยู่นะ”
“ก็เอาเลยสิ อยากโมโหก็โมโหไปสิ มิวก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเราโกธรกันพอร์ชจะเดินเข้ามาหามิวหรือว่าจะขยับออกไปกันแน่”
“งั้นก็รู้ไว้เลยนะว่าพอร์ช...”ฉันรอฟังคำพูดของพอร์ชอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยใจที่เต้นระรัวไม่ว่าคำตอบจะลบหรือจะบวกฉันก็ต้องรับให้ได้สินะ


***ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ



momodji
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มี.ค. 2557, 15:53:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มี.ค. 2557, 15:53:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1074





<< ตอนที่10   ตอนที่12 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account