กุหลาบซ่อนเพลิง‏
เพราะพวกมันพรากชีวิตลูกเมียเขา

จึงเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของสุจริตชนคนหนึ่งให้มุ่งหน้าสู่เพลิงโลกันต์

'ปภพ' ต้องชำระแค้นนี้ให้ได้ ต่อให้ต้องข้ามผ่านกี่ชีวิตคน

รวมทั้งชีวิตของเด็กสาวอย่าง 'อัมพิกา' ผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขศัตรู

กุหลาบแรกแย้มกำลังไหม้ไฟ ไฟที่เธอเต็มใจเข้าใกล้

แม้สุดท้ายทั้งกุหลาบและไฟอาจมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๙ คนที่ไม่มีใครสนใจ



คืนนั้น ทั้งเหล้ายานารีถูกตามมาบริการถึงห้องสำนักงานของเจ้าของร้าน เมื่อมีสายตาจ้องจับผิดมองอยู่ เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ดังใจ จำต้องนั่งร่วมวงอยู่จนกระทั่งต่างคนต่างแยกย้าย แล้วเขาจึงได้กลับออกมาพร้อมหญิงสาวที่เกาะติดตนแจ เขาถามทางไปที่พักเจ้าหล่อน ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งโดยยัดธนบัตรสีเทาใส่มือบางนั้นแล้วเร่งเครื่องจากไป ไม่แม้แต่เหลียวไปมองว่าอีกฝ่ายจะพึงใจหรือเสียดายเพียงใด

กว่าจะกลับถึงบ้านก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว อาณาจักรย่อมๆ ในรั้วกว้างใหญ่เงียบสงบด้วยทั้งเจ้าของบ้านและคนงานต่างก็หลับไหล เว้นแต่ผู้มีหน้าที่อยู่เวรยามซึ่งเปิดรั้วเล็กให้เขาและรถผ่านไป

ปภพไม่รู้ตัวขณะจอดรถจักรยานยนต์ไว้ข้างโรงรถโดยมีสายตาคู่หนึ่งมองตามมาจากระเบียงข้างบน เขาเดินลัดสนามหญ้าข้างบ้านเพื่อกลับที่พักคนงานด้านหลังคฤหาสน์ใหญ่ พร้อมๆ กับที่เด็กสาววิ่งลงบันไดมาจากห้องนอนนับแต่เห็นรถจอด มาออกประตูคนงานข้างบ้านได้ทัน

"ปภพ" เสียงเรียกปนหอบหยุดชายหนุ่มที่กำลังจะเดินพ้นมุมไปได้ชะงัด

เขาหันกลับมาเผชิญหน้าร่างบางในชุดนอนผ้าฝ้ายแขนกุดสีหวาน เรือนผมสีน้ำตาลเข้มตัดกับผิวขาวผ่องสยายเคลียไหล่ลงมาถึงหน้าอกกลมกลึงซึ่งเห็นเป็นทรวดทรงชัดผ่านชุดนอนเนื้อบาง แล้วเขาก็ต้องชักสายตากลับทันทีเมื่อความคิดกำลังเกินเลยไปไกล

อัมพิกาก้าวมาใกล้พร้อมรอยยิ้มที่ปั้นว่ากล้าแกร่ง แต่สีหน้ายินดีคราแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว ทันทีที่กลิ่นคล้ายละมุดอวลกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงฉุนจัดลอยเข้าจมูก

"นายไปไหนมา" เธอถามเสียงสั่น

ทั้งโกรธ น้อยใจ เสียใจสารพัด เมื่อรู้คำตอบแก่ใจดี

"ผมไปทำงาน" เขาตอบอย่างใจเย็นยามนึกถึงความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีให้

"งานอะไร"

แต่เมื่อถูกซักมากเข้าราวเขาไปทำความผิดมา ทั้งที่บิดาเจ้าหล่อนนั่นแหละเป็นคนส่งเขาไป ปภพก็อดหงุดหงิดไม่ได้

"มันไม่เกี่ยวกับคุณ บางเรื่องสู้ไม่รู้เสียยังดีกว่า คุณก็น่าจะรู้ดี"

อัมพิกามองเขาอย่างตัดพ้อ ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะไม่เย็นชากับเธอ เปิดใจให้เธอเข้าไป หรือหัวใจเขามันเป็นหิน...ไม่ใช่ก้อนเนื้ออย่างเธอ ทุกครั้งที่พยายามเข้าใกล้สัมผัส มันจึงมีแต่ด้านแหลมคมบาด เชือดเฉือนใจเธอเป็นริ้ว

ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้เธออีกก้าวหนึ่ง เขาแตะต้นแขนเรียวแผ่วเบาเมื่อเห็นแววตาผิดหวัง พยายามระงับใจของเธอ

"กลับขึ้นบ้านเถอะนะ ดึกมากแล้ว" เสียงเอ่ยอ่อนลง

อัมพิกาเพิ่งรู้ว่าตนอ่อนไหวถึงเพียงนี้ก็เมื่อมีใครให้รัก ห่วงหาถึงกัน ยามเขาเมินเฉยก็ปวดแปลบในหัวอก แต่เพียงเขาพูดดีด้วยใจเธอก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ

"ฉันไม่อยากให้นายเป็นอย่างพ่อ ไม่อยากให้นายทำสิ่งผิดกฎหมายเลย นายกำลังจะทำมันใช่ไหมปภพ" เธอบอกแทบอ้อนวอน

แสงตาชายหนุ่มเข้มขึ้นที่ตนถูกนำไปเปรียบกับบิดาเจ้าหล่อน เขากำลังจะทำในสิ่งที่กฎหมายไม่มีวันเอื้อมถึงต่างหาก สิ่งที่อยู่ตรงข้ามพ่อเลี้ยงเรืองเดช!

พลันหางตาปภพก็เหลือบเห็นเงาคนกำลังจะเลี้ยวมุมตึกมาด้านนี้ คงเป็นเวรยามสักคนที่คอยตรวจตราสิ่งผิดปกติรอบบ้าน เขาดึงข้อมือเด็กสาวหลบหลังต้นไม้ใหญ่ อีกมือปิดปากกลั้นเสียงหวีดร้องของเจ้าหล่อนไว้ เขาขึงตาให้เธอหยุดดิ้นรนขัดขืน ร่างสองร่างเบียดชิดกันขณะผู้ตรวจตราผิวปากเดินผ่านไป

ชายหนุ่มถอนใจโล่งอกเมื่อนึกถึงความยุ่งยากที่อาจตามมา หากมีคนเห็นเขากับคุณหนูของบ้านอยู่ด้วยกันลำพังยามวิกาล เขามีเป้าหมายใหญ่รออยู่และจะไม่ยอมเสียโอกาสนี้เพียงเพราะความไม่ระวังตัวของเด็กจอมจุ้นเพียงคนเดียว

แต่คราวนี้เธอไม่รอให้เขาผลักไสไล่ส่งอีก กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงฉุนจัดบนอกเสื้อเขาคอยแต่จะรบกวนอารมณ์ของเธอไม่ให้อ่อนไหวไปกับเขาอีก อัมพิกาขืนตัวออกจากอ้อมแขนพลางส่งค้อนให้อีกฝ่าย

"ทำไมนายไม่บอกให้ฉันรีบกลับขึ้นไปล่ะ มันคงดีกว่าที่ฉันต้องมาได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงชั้นต่ำพวกนั้นบนเสื้อนาย"

ปภพเกลียดคำพูดคำจาของเด็กสาวผู้นี้นัก ใครที่เธอรังเกียจแล้ว เธอก็จิกเรียกอย่างขาดการอบรมสั่งสอน

"งั้นตอนนี้คุณก็รีบกลับไปซะเถอะ เพราะคนที่มันเกลือกกลั้วกับผู้หญิงชั้นต่ำได้ก็คงต่ำไม่ต่างกัน คุณไม่ควรลดตัวมาเกี่ยวข้อง"

"ปภพ..."

ชายหนุ่มเดินหนีโดยไม่สนใจเสียงเรียก เธอคงคิดว่าเขาตัดพ้อ แต่เปล่าเลย... เขาตั้งใจว่ากระทบบิดาเจ้าหล่อนต่างหาก ในเมื่อเขาไม่ได้ทำ...และไม่เคยคิดจะทำอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวหาสักนิดเดียว

เขาถอดเสื้อตัวนอกโยนไว้ปลายเตียง ก่อนทิ้งตัวลงนอนในห้องพักทั้งยังไม่อาบน้ำ เหนื่อยล้าจากงานแล้วยังต้องมารำคาญใจกับเด็กจุ้นจ้าน แก่แดดที่สุด เขาอดคิดเปรียบเทียบกับสมพรที่ไม่เคยมีเรื่องให้เขายุ่งยากใจสักครั้งไม่ได้ ก่อนจะผล็อยหลับไปพร้อมกับความฝันถึงคนที่ตนรักเป็นครั้งแรก

ในฝันเขากำลังกางมุ้งขณะลูกนอนอยู่ที่บ้าน แล้วเมียรักก็สวมกอดจากด้านหลังออดอ้อน เขาหันไปอย่างนึกรู้ว่าภายใต้เสื้อยืดหลวมโพรกที่สวมทับร่างบางนั้นไม่มีปราการใดๆ ขัดขวางแรงรักของกันและกันได้อีก

.............................

ปภพต้องห้ามตัวเองไม่ให้หันมองผ่านกระจกใสอันเป็นผนังด้านหนึ่งของห้องนั่งเล่นติดกับสระว่ายน้ำซึ่งเด็กสาวกำลังลูบไล้ครีมกันแดดอยู่บนเก้าอี้ริมสระ ขณะพ่อเลี้ยงเรืองเดชกำลังหารือกับทนายความเรื่องความคืบหน้าการฟ้องเรียกทรัพย์สินของเสี่ยจรัญ หากเขาสังเกตเห็นว่าวันนี้ทนายหนุ่มใหญ่ดูจะมีสมาธิน้อยกว่าทุกวัน พ่อเลี้ยงถามอะไรก็ใช้เวลานิ่งคิดมากกว่าปกติ หลุบตามองแท็บเล็ตบนตักนาน แต่หางตานั้นแอบชำเลืองออกไปนอกกระจกใสที่เงือกสาวกำลังปลดผ้าคลุม เหลือเพียงบิกินี่ตัวจิ๋วบนตัว

ใช่ว่าจะมีเพียงชายหนุ่มสังเกตเห็นพฤติการที่เปลี่ยนไป พ่อเลี้ยงเรืองเดชรับรู้หากไม่เอ่ยสิ่งใด ไม่แม้แต่ตำหนิตราบใดที่อีกฝ่ายยังทำงานให้เขาสำเร็จตามความต้องการ แค่มองแค่นี้คงไม่ทำให้ลูกสาวตนเสียหายอะไร เพราะเขาจะไม่ยอมให้มันทำมากกว่านั้นได้แน่นอน

ผู้มากด้วยอิทธิพลยังมีน้ำใจเชิญอีกฝ่ายอยู่ร่วมรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันในห้องนั่งเล่นนั้นอย่างผิดปกติวิสัยจนชายหนุ่มสะกิดใจ ซ้ำพ่อเลี้ยงยังลุกไปห้องน้ำนาน เปิดโอกาสให้ทนายหนุ่มใหญ่มองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกตาเป็นมันทีเดียว ปภพอดคิดไม่ได้ว่าเจ้านายตนกำลังกระทำราวขายลูกสาว พลันใจเขาก็นักสงสารอัมพิกาขึ้นมาที่ต้องเกิดเป็นลูกของคนที่ขายได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งลูกสาวตัวเอง

"ไอ้หมอนั่นมันแอบมองยัยอ้อม คงคิดว่าฉันไม่รู้กระมัง" พ่อเลี้ยงเรืองเดชเปรยเมื่ออีกฝ่ายลากลับหลังรับประทานอาหารเสร็จ "นังนั่นก็อยากมาว่ายน้ำโชว์ชาวบ้านนัก ก็ให้มันดูซะให้หนำใจ เพราะถึงอย่างไรมันก็ทำได้แค่ดูเท่านั้นล่ะ"

คนฟังแทบสะอึกกับความคิด วาจาที่ไม่ปกป้องเกียรติลูกสาวตนเองเลย เขาเลิกแปลกใจแล้วว่าทำไมผู้เป็นลูกจึงได้ทำตัวไร้ค่า ไม่ห่วงศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง นั่นเพราะไม่มีใครคอยชี้แนะแก่เจ้าหล่อน ตรงกันข้ามกลับดูถูกเสียด้วยซ้ำ

ปภพหันมองออกนอกกระจกใสตามสายตาเจ้านาย ก่อนเบือนหน้ากลับราวไม่ใส่ใจ เรียกเสียงหัวเราะขันจากพ่อเลี้ยงเรืองเดชด้วยความประหลาดใจ

"บ๊ะ! ถามจริงเถอะวะ เมียดุหรือไม่ชอบผู้หญิงวะแกนี่ ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ลูกสาวฉันได้ไง เสียหายนะเว้ย" มันเย้าทีเล่นทีจริง

"ผมเคยบอกท่านแล้วว่าไม่ถูกกับเด็ก" เขาตอบราบเรียบเหมือนเคย

มีเพียงตนเองเท่านั้นที่รู้ว่าอารมณ์ความรู้สึกยามนี้ไม่หนักแน่น เต็มไปด้วยความเกลียดชังดังเคย หากมันอ่อนลงและปนเปด้วยความสงสาร เวทนาเด็กคนหนึ่งที่เหมือนจะมีพร้อมทุกอย่าง แต่กลับขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือความรักและการอบรมสั่งสอนที่ดี

"อ้อ เพิ่งรู้ว่าชอบสาวแก่แม่ม่าย จบงานนี้ด้วยดีเมื่อไรเตรียมรับศึกหนักได้เลยเว้ย"

ปภพนึกรังเกียจคนที่ในหัวมีแต่เรื่องพรรค์นี้ หากเขาทำได้เพียงไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เรื่องนั้นยังไกลตัวกว่าจะถึงวันนั้น อนาคตของเขาจะเป็นเช่นไรก็สุดรู้

...........................


"ช่วยด้วย! คุณอ้อมจมน้ำ ช่วยด้วย" เสียงพี่เลี้ยงสาวตะโกนแว่วผ่านกระจกเข้ามาขัดบรรยากาศ

บุรุษต่างวัยทั้งสองมองออกไปพร้อมกันเป็นตาเดียว เมื่อพ่อเลี้ยงเรืองเดชหันมาสบตา ชายหนุ่มก็รู้หน้าที่ตนทันที เขาวิ่งออกไปเร็วผ่านตัวบ้าน อ้อมด้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนจะได้เห็นคนงานสาวสองคนกำลังเกี่ยงกันลงไปช่วย อัมพิกาสำลักน้ำอยู่กลางสระ เธอพยายามถีบขาทะลึ่งตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่ก็ทำได้ยากเย็น

"ช่วยด้วย! ตะคริว..." คนที่ตะเกียกตะกายร้องบอก

เขาสลัดรองเท้าหลุดก่อนกระโจนลงสระ เพียงช่วงตัวก็คว้าร่างเจ้าหล่อนซึ่งกำลังจะจมลงไปอีกครั้งไว้ได้ เขาลากคอเธอจากด้านหลังมาใกล้ฝั่ง แล้วตนจึงปีนกลับขึ้นไปโดยมีสาวใช้และคนงานชายที่เพิ่งวิ่งมาถึงมุงดูเหตุการณ์

เด็กสาวนั่งกุมน่องพร้อมกับส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มต้องสั่งเสียงเข้มให้พี่เลี้ยงเด็กสาวนำเสื้อคลุมมาห่มรอบร่างบาง พรางเรือนร่างที่แทบเรียกได้ว่า 'โป๊เปลือย' จากสายตาชาย

ไม่มีใครทันได้สังเกตผู้เป็นใหญ่ในบ้านที่เดินดุ่มตรงมาทางนี้ กระทั่งพ่อเลี้ยงเรืองเดชคว้าแก้วทรงสูงบรรจุเบียร์พร่องไปกว่าครึ่งบนโต๊ะริมสระมาเทราดลงต่อหน้าบุตรสาวตน ก่อนวางแก้วกระแทกกับโต๊ะแรง อัมพิกาสะบัดมือไล่น้ำเย็นซึ่งไหลลงมาตามเนื้อตัว แล้วดวงตาขุ่นเขียวก็ตวัดมองบิดาอย่างโกรธแค้น ชิงชัง

"อย่ามามองหน้าฉันอย่างนี้นะ! กินเข้าไปน่ะเหล้าเบียร์ แล้วเป็นไง ต้องมาเดือดร้อนชาวบ้านช่วยชีวิตแก" ผู้เป็นพ่อชี้หน้าด่ากราดโดยไม่สนใจสายตาลูกน้อง

แม้หลายคนจะเริ่มถอยห่างออกไป แต่ก็ไม่ไกลไปกว่ารัศมีการได้ยิน หรือบางทีเสียงตวาดดังนั้นอาจได้ยินไปจนถึงที่พักคนงานเลยก็เป็นได้ สร้างความอับอายให้แก่ผู้ที่ถูกเหยียบย่ำจิตใจท่ามกลางธารกำนัล เธอลืมความเจ็บปวดที่ปลีน่องไปชั่วขณะ เพราะความเจ็บใจมันมากกว่าร้อยเท่าพันทวี

"แล้วใครใช้ให้มาช่วยหนูเล่า! ปล่อยให้หนูตายๆ ไปได้ก็ดี หนูเกลียดที่นี่เต็มทีแล้ว

"แกไม่ต้องกลัว แกไม่ได้เสวยสุขอยู่ที่นี่อีกนานแน่ ฉันให้วิเชียรเตรียมหาที่เรียนเมืองนอกไว้ให้แกแล้ว จบมอหกเมื่อไรแกได้ไปแน่ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีชีวิตคุณหนูอีกนาน"

พ่อเลี้ยงเรืองเดชชี้หน้าขู่สำทับก่อนผละไป เหลือเพียงปภพและเด็กสาวลำพังริมสระว่ายน้ำ เขาลูบผมหมาดน้ำของตนอย่างหนักใจ เมื่อเห็นเจ้าหล่อนฟุบหน้ากับเข่า ปล่อยน้ำตาไหลลงมาเงียบๆ

ในที่สุดตนจึงตัดสินใจเอ่ยออกมา...

"ลุกไหวหรือเปล่า ขึ้นบ้านเถอะ"

อัมพิกาช้อนตาแดงเรื่อมองตัดพ้ออย่างเจ็บช้ำน้ำใจไม่หาย อดประชดประชันโง่ๆ ออกมาไม่ได้

"ทำไมนายไม่ปล่อยให้ฉันตายซะ มาช่วยฉันให้ตายทั้งเป็นทำไม"

ชายหนุ่มลอบถอนใจกับเด็กดื้อด้าน ครั้นเขาหลุบตามองน่องที่ยังบวมเป่งเป็นลูกของเจ้าหล่อนแล้วก็นึกรู้ทันทีว่าเธอคงไม่อาจกลับขึ้นห้องตอนนี้ได้ด้วยตัวเองแน่ ฉับพลันนั้นร่างสูงใหญ่จึงตัดสินใจปุบปับ เขาช้อนอุ้มเธอโดยไม่สนใจว่าบิดาเจ้าหล่อนจะคอยจับตามองอยู่หรือไม่ เขาเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของตน

เด็กสาวหวีดร้องตกใจนิดหนึ่งพลางวาดแขนรัดคออีกฝ่ายแน่น แต่เมื่ออ้อมแขนของเขาอุ้มประคองร่างเธอกลับขึ้นข้างบนอย่างมั่นคง อัมพิกาก็คลายมือที่เกี่ยวกระหวัดพันรอบคอเขาลง เธอมองคางสากและเสี้ยวหน้าคมสันของเขาโดยไม่อาจละสายตา ด้วยความรัก ศรัทธาหมดหัวใจ

..............................

ปภพวางร่างบางในชุดผ้าคลุมลงบนเตียงแผ่วเบา แว่วเสียงครางด้วยความเจ็บปวดจากผู้ที่ยังไม่หายจากอาการตะคริว ก่อนเขาจะทรุดนั่งชันเข่ายังปลายเตียงนั้นดัดข้อเท้าให้เธอ

"โอ๊ย..." เธอครางน้ำตาแทบเล็ด

"เจ็บก็ต้องทน" เขาเอ่ยเสียงขรึม จริงจัง "แล้วต่อไปก็ควรรู้ตัวเองด้วยว่าอย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถ้าจะลงน้ำ"

เธอฟังเขาว่ากล่าวตักเตือนด้วยความรู้สึกแตกต่างไปจากยามฟังผู้เป็นพ่อเอ่ยคล้ายกันนี้ หากในวาจาหยามเหยียดของพ่อจะแอบซ่อนความปรารถนาดีไว้สักครึ่งหนึ่งของถ้อยความเมื่อกี้ เธอคงไม่โกรธ เสียใจ น้อยใจ จนพานชิงชังเขาเป็นแน่ แต่เพราะเธอรู้ดีว่าตลอดมาพ่อไม่เคยรักและหวังดีอย่างจริงใจกับเธอเลย บ่อยครั้งที่การกระทำเหล่านั้นมันทำให้เธอนึกว่าตนอาจไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน พ่อจึงได้ตั้งแง่ ตั้งป้อมจับผิดและดูถูกเธอสารพัด

ที่เขาบอกว่าให้เปลี่ยนคำดูถูกของคนอื่นเป็นแรงผลักดันตนเอง น้อยคนกระมังที่จะทำได้แบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อคนคนนั้นเป็นคนในครอบครัว ผู้ที่ควรจะเป็นแรงใจสำคัญยิ่งที่สุดสำหรับเรา แล้วหยดน้ำตาก็ไหลลงมาอีกครา

ชายหนุ่มแสร้งมองไม่เห็นน้ำตาพลางดัดปลายเท้าจนกล้ามเนื้อซึ่งหดเกร็งเริ่มคลาย เขากำลังจะกลับออกไป แต่มือข้างหนึ่งของตนก็ถูกเด็กสาวยึดไว้เสียก่อน เธอแนบแก้มเย็นชืดกับหลังมือของเขาพร้อมกับสะอื้นไห้ ก่อนปภพจะหันกลับไปโอบปลอบเธอไว้กับบั้นเอวตน

"อย่าร้องไห้เลย ในโลกนี้ยังมีเรื่องเลวร้ายกว่าที่คุณคิดอีกมาก เชื่อผม"

สายตาผู้พูดเหม่อมองไปไกล รู้เพียงอ้อมแขนที่กระชับโอบกอดแน่นรอบเอวตนตอบสนองคำพูดนั้น มือหนาลูบเรือนผมเปียกชื้นพลางจินตนาการถึงบุตรสาวตนที่ไม่มีแม้แต่โอกาสได้เห็นหน้า แล้วความแค้นในใจก็เดือดพล่านจนเขาต้องรีบปลดมือที่โอบกอดตอบราวถูกของร้อนทันที

"อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ" เขาบอกทิ้งท้ายก่อนออกจากห้องไป

อัมพิกาได้แต่นั่งนิ่งมองตามท่าทางหุนหันนั้นด้วยความสับสนเป็นที่สุด น้ำตาตกในหัวอก บางคราวก็เหมือนเขาจะเปิดใจ แต่ท้ายที่สุดเขาก็คือคนที่เธอไม่มีวันเข้าถึงจิตใจได้อยู่ดี และเธอจะต้องสืบหาสาเหตุให้ได้ว่าเพราะอะไร

.............................

การขนส่งสินค้าล็อตใหญ่นี้จักริชได้จัดการหารถกระบะซึ่งด้านหลังต่อเป็นตู้แช่แข็งไว้ตบตาสายตาตำรวจถึงสองคันตามที่ผู้เป็นนายอนุมัติ ทั้งสองคันเป็นรถกระบะสีขาว ด้านข้างตู้แช่มีสติ๊กเกอร์แผ่นใหญ่ของบริษัทสินค้าเกษตรที่มักวิ่งขึ้นล่องนำผลผลิตเมืองหนาวจากภาคเหนือลงมาส่งตรงถึงกรุงเทพฯ คัดลอกมาแนบเนียนโดยที่ทางฝ่ายนั้นไม่รู้เรื่องด้วยเลย

รถเริ่มเคลื่อนออกจากท้ายไร่รกร้างแห่งหนึ่งใกล้ชายแดนยามดึกสงัด หลังจัดของปะปนไปกับสินค้าทางการเกษตรดีแล้ว ปภพขึ้นรถคันแรกไปกับชายร่างยักษ์ที่มันเป็นคนขับ เมื่อทิ้งระยะห่างมาสักสิบนาที รถอีกคันที่มีจักริชเป็นหัวหน้าทีมกับไอ้แสนจึงตามออกมาห่างๆ เป็นการป้องกันหากเกิดเหตุร้ายกับรถคันหน้า พวกมันจะได้ไหวตัวได้ทัน

ระยะทางกว่าหกร้อยกิโลเมตรจากเชียงใหม่ถึงอยุธยาต้องผ่านเส้นทางเลี้ยวลด ป่าเขา ทุ่งนาสลับกันไป ชายหนุ่มได้แต่ภาวนาว่าจะไม่ผ่านจุดตรวจก่อนถึงที่หมายที่ตนตั้งใจ หากเขาก็เตรียมพร้อมเสมอด้วยอาวุธปืนที่กลายเป็นอวัยวะส่วนใหม่ของร่างกายไปแล้ว หากต้องลั่นไกฆ่าแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อกลายเป็นพวกเดียวกับมันเต็มตัวก็ต้องยอม

คนขับผลัดแรกจอดเปลี่ยนหน้าที่ยังปั๊มน้ำมันในจังหวัดนครสวรรค์ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ปภพเปลี่ยนมานั่งหลังพวงมาลัยขณะอีกฝ่ายยังไม่กลับจากห้องน้ำ นับว่าเป็นเรื่องดีที่ยังไม่มีวี่แววว่ารถอีกคันจะตามมาถึง ยิ่งเขานำห่างเท่าไร โอกาสจะจัดการกับไอ้ฆาตกรผู้นี้ได้ก็สะดวกยิ่งขึ้น

"อ้าวเฮ้ย พี่จักรยังมาไม่ถึงอีกเหรอ" มันว่าขณะกลับขึ้นมานั่งข้างคนขับบ้าง

ชายหนุ่มไม่ตอบหากเลี้ยวรถออกจากปั๊มเมื่อเวลาใกล้รุ่งสาง เห็นจากหางตาว่าอีกฝ่ายกำลังกดโทรศัพท์ถึงลูกพี่มัน

"ถึงไหนแล้วพี่" เสียงห้าวร้องถาม "ผมออกจากปั๊มมาแล้ว พี่เร่งไอ้แสนมันหน่อยแล้วกัน"

มือใหญ่ราวใบพายกดวางโทรศัพท์พลางถอนใจ มันบ่นกระปอดกระแปดถึงเพื่อนที่ถูกมองว่าเหยาะแหยะที่สุดในทีม

"คราวที่แล้วเกิดเรื่องก็เพราะความสะเพร่าของมัน กูบอกพี่จักรแล้วว่าให้เปลี่ยนคน ก็ยังเอามันมาอี๊ก..."

"เกิดเรื่องอะไร"

น่าแปลกที่คราวนี้เขาสงบใจถามออกไปได้ ชายร่างยักษ์สมชื่อไม่วายโอ้อวดสรรพคุณ มันเล่าหมดเปลือกด้วยความปากสว่าง ไม่เฉลียวใจสักนิดเดียว

"ไอ้แสนน่ะซี้ นั่งคุมท้ายรถจนเผลอหลับ คราวที่แล้วพี่จักรไม่ได้ลงทุนแปลงรถแบบนี้ร้อก เป็นรถกระบะเก่าธรรมดา อาศัยลัดเลาะไปตามป่าเขาหลบเจ้าหน้าที่เอา อีท่าไหนไม่รู้มันดันทำผ้าใบคลุมของปลิวหล่น ต้องจอดกลางทางเปลี่ยว แต่โชคร้ายมีบ้านคน นังผู้หญิงนั่นออกมาเห็นเราพอดี แล้วจะทำอะไรได้นอกจากต้องถึงมือฉัน เก็บมันทั้งแม่ทั้งลูก หึ แต่นังแม่นี่จัดหนักหน่อย ให้ตำรวจคิดว่าเป็นฝีมือพวกโจรฆ่าข่มขืน ปล้นทรัพย์เอา"

"ท่านรู้เรื่องแล้วว่าไง" เขาถามเสียงเย็น ตรงข้ามกับใจซึ่งร้อนด้วยไฟแค้นเจียนไหม้

"จะว่าอาไร้ ดีกับมันสิไม่ว่า ขืนพวกมันมีชีวิตนั่นแหละพวกฉันจะโดนเล่นงานเอา"

เลว... เขาไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าให้สมกับความโหดเหี้ยม เห็นแก่ตัวของพวกมัน นึกแล้วเขาก็อยากทำลายครอบครัวมันทุกคนให้ต้องทรมาน ตายตกตามสมพรกับลูกให้สิ้น

ชายหนุ่มกำพวงมาลัยแน่น เหงื่อกาฬท่วมกายหากอีกฝ่ายไม่ทันสังเกตเห็น เขาไม่ได้ซักมันต่ออีก เท่านี้ก็เป็นหลักฐานยืนยันมากพอแล้ว นอกจากเอ่ยราวหวังดีโดยที่มีเพียงเขาเท่านั้นรู้ตัวว่ากำลังมุ่งหมายสิ่งใด

"นายนอนพักก่อนก็ได้ แล้วจะได้เปลี่ยนมาขับต่อ"

"เออ ก็ดีว่ะ"

มันขยับตัวนั่งเอนให้ถนัด ก่อนหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาปิดหน้าที่แหงนเงยไปตามเบาะ ไม่นานเสียงกรนก็ดังลั่นรถ ปภพเหยียดยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของตน
..................................

ตอนหน้าพระเอกก็จะได้แก้แค้นคนที่ทำกับครอบครัวเขาแล้วค่ะ
แต่ว่าพระเอกคนเดียวจะทำยังไงให้ทุกอย่างแนบเนียนที่สุด
ฝากติดตามด้วยนะคะ



ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มี.ค. 2557, 17:25:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มี.ค. 2557, 17:25:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1627





<< บทที่ ๘ ฆาตกรตัวจริง   
จิงโกะ 12 มี.ค. 2557, 20:45:37 น.
น่าสงสารลูกสาวที่มีพ่อจิตใจหยาบเช่นนี้


ปริยาธร 12 มี.ค. 2557, 20:52:53 น.
อ่านตอนนี้แล้วสงสารอ้อม


ภาพิมล_พิมลภา 12 มี.ค. 2557, 22:12:54 น.
คุณจิงโกะ - ใช่ค่ะ สิ่งที่เกิดกับอ้อมหรือความรู้สึก ก็เพราะพ่อมีส่วนอย่างมาก

พี่นุ้ย - อ้อมน่าสงสารเนอะ ตอนเขียนตอนจบแพรวน้ำตาซึมเลยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account