นางฟ้าล่ารัก โดย เทเรน่า
เพราะความที่กรองขวัญอยากเอาชนะมณีมาลาคู่ปรับตลอดกาล
เธอจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองจากผู้ที่ยอมแพ้....มาเป็นผู้ล่า....
และเป้าหมายก็คือ พิชิตหัวใจหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายอย่างตุลธร….ให้ได้!!
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ที่ผ่านมา กรองขวัญ มักตกเป็นรองและพ่ายแพ้ให้กับ มณีมาลา อยู่เสมอ
คนรักของเธอถูกหล่อนแย่งไป...ทิ้งเพียงความเจ็บปวดร้าวรานไว้ให้
และวันนี้ ตุลธร หนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายคือเป้าหมายใหม่ของคู่ปรับ
ฉะนั้น กรองขวัญจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ให้กลายมาเป็นผู้ล่า...
เพื่อพิชิตหัวใจของตุลธร...และเอาชนะมณีมาลา
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่ง
และแผนการนี้ไม่ได้ถูกนำมาตีแผ่...
ความรักที่เริ่มก่อตัวจึงพังทลายลงไม่เป็นท่า
ความหวานชื่นกลับกลายเป็นขม...ความรักกลับกลายเป็นความแค้น
เมื่อความรักไม่ได้เริ่มต้นด้วยใจอันบริสุทธิ์
ผลที่ตามมาจึงมีแต่ความเจ็บช้ำที่จำต้องยอมรับ
สุดท้าย...เขาและเธอจะทำเช่นไร
แล้วความรักครั้งนี้ใครเป็นคนล่าหัวใจใคร...
ติดตามบทสรุปของภารกิจล่ารักที่สุดแสนชุลมุนนี้ได้ใน...นางฟ้าล่ารัก
เธอจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองจากผู้ที่ยอมแพ้....มาเป็นผู้ล่า....
และเป้าหมายก็คือ พิชิตหัวใจหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายอย่างตุลธร….ให้ได้!!
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ที่ผ่านมา กรองขวัญ มักตกเป็นรองและพ่ายแพ้ให้กับ มณีมาลา อยู่เสมอ
คนรักของเธอถูกหล่อนแย่งไป...ทิ้งเพียงความเจ็บปวดร้าวรานไว้ให้
และวันนี้ ตุลธร หนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายคือเป้าหมายใหม่ของคู่ปรับ
ฉะนั้น กรองขวัญจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ให้กลายมาเป็นผู้ล่า...
เพื่อพิชิตหัวใจของตุลธร...และเอาชนะมณีมาลา
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่ง
และแผนการนี้ไม่ได้ถูกนำมาตีแผ่...
ความรักที่เริ่มก่อตัวจึงพังทลายลงไม่เป็นท่า
ความหวานชื่นกลับกลายเป็นขม...ความรักกลับกลายเป็นความแค้น
เมื่อความรักไม่ได้เริ่มต้นด้วยใจอันบริสุทธิ์
ผลที่ตามมาจึงมีแต่ความเจ็บช้ำที่จำต้องยอมรับ
สุดท้าย...เขาและเธอจะทำเช่นไร
แล้วความรักครั้งนี้ใครเป็นคนล่าหัวใจใคร...
ติดตามบทสรุปของภารกิจล่ารักที่สุดแสนชุลมุนนี้ได้ใน...นางฟ้าล่ารัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 2 100%
“ไม่มีถ้าค่ะ เพราะมันทำได้แน่ๆ” มณีมาลาบอกขึ้นอย่างมั่นใจ ผู้ชายแถวนี้ไม่ว่าจะเป็นลูกปลัด ลูกผู้ว่าฯ ก็มาจีบเธอกันทั้งนั้น แล้วนับประสาอะไรกับผู้ชายคนนี้ ไม่นานมณีมาลาคนนี้ก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่ใครต่อใครอิจฉาโดยเฉพาะกรองขวัญ
“พ่อเชื่อลูก” มานพดึงตัวลูกสาวเข้ามากอดแล้วผลักออกห่าง เอ่ยเตือน “แต่พ่อไม่อยากให้หนูแสดงออกมากเกินไป ผู้ชายมันจะไม่เห็นคุณค่า”
“คุณพ่อขา…นี่มันปีพ.ศ อะไรกันแล้วคะ สมัยนี้ถ้ามัวแต่เหนียมอายรอให้ผู้ชายเขาเริ่มก่อนมันจะไปทันกินอะไรคะ ถ้าอยู่เฉยๆ แล้วต้องแห้งเหี่ยวคาต้นเป็นแตงเถาตายอย่างนังขวัญ มิ้นต์ก็ไม่เอาด้วยหรอกนะคะ” มณีมาลาบอกอย่างที่ใจคิดเมื่อเห็นสีหน้าของพ่อจึงเอียงศีรษะซบไปบนท่อนแขนประจบ
“เรามันคนหัวดื้อ”
“แต่ถึงจะดื้อยังไงลูกสาวคนนี้ก็ไม่เคยทำให้คุณพ่อผิดหวังไม่ใช่หรือคะ คุณพ่อเฉยๆ ไว้แล้วดีเองค่ะ หรือคุณพ่อไม่อยากขยายไร่ให้ใหญ่โตกว่าพวกดวงตะวัน” มณีมาลาเอาจุดอ่อนของพ่อขึ้นมาพูดทำให้กรามของมานพขบแน่น มือกำแน่นแล้วคำราม
“ไม่มีทาง”
“ดีแล้วค่ะ เชื่อลูก แล้วลูกจะเอาไร่ดวงตะวันมาเป็นของเรา คุณพ่อคิดดูสิคะว่าถ้าคุณตุลซื้อไร่ดวงตะวันได้ วันหนึ่งมันก็ต้องกลายเป็นของลูก คุณพ่อก็จะเป็นเจ้าของไร่ดวงตะวัน คุณปู่จะมีความสุขแค่ไหน” มณีมาลาหว่านล้อมทำให้มานพตบเข่าตัวเอง
“ฮะๆ ถ้าหนูทำได้ก็ยอดไปเลย”
“คุณพ่อบอกคุณปู่ให้ฉลองล่วงหน้าได้เลยค่ะ เพราะไม่นานหรอกไร่ดวงตะวันจะต้องอยู่ในกำมือของเราแน่ๆ นังขวัญมันถังแตกจะตาย ทำงานงกๆ ก็ไม่พอใช้หนี้ ปู่มันก็ต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นแล้วไหนจะหนี้ที่พ่อมันสร้างไว้อีกล่ะ สักวันมันก็ต้องขาย”
“พ่อจะนับวันรอให้ถึงวันนั้น น่าเสียดายที่ไอ้ดนัยมันตายไปแล้ว พ่อเลยไม่ได้เห็นน้ำหน้ามันในวันที่ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลมันเป็นของเรา” มานพบอกแล้วหัวเราะร่า เดินตัวปลิวออกไปยังบ้านพักอีกหลังอันเป็นที่พำนักของบิดาเขาที่ป่วยเป็นอัมพาตท่อนล่าง ต้องนั่งรถเข็นช่วยในการเคลื่อนไหวและท่านชอบขลุกตัวเองอยู่ในบ้านพักหลังนั้นมากกว่าจะออกมาให้ใครๆ พบหน้า
กรองขวัญวางโทรศัพท์ลงกับแป้นอย่างแปลกใจที่ได้รับโทรศัพท์จากพ่อของมณีมาลาแต่เช้าตรู่ด้วยเรื่องที่คาดไม่ถึง และสีหน้าของหลานสาวคนเดียวทำให้ปู่เทพเลิกคิ้ว
“ใครโทรมาลูก”
“นายมานพค่ะ”
“มานพ ไร่มณีสวาทนะรึ” คิ้วสีดอกเลาเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เชื่อหู ร้อยวันพันปีทั้งสองไร่ไม่เคยติดต่อกันไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร เพราะเท่าที่เจอกันตามงานต่างๆ หรือแม้แต่เจอกันโดยบังเอิญก็มีเรื่องกันตลอด ชายชราจึงเสียงห้วนแข็ง “มันมาหาเรื่องอะไรเจ้า”
“เปล่าค่ะปู่ เขาเชิญขวัญไปกินข้าว”
“ว่าไงนะ เชิญเจ้าไปกินข้าว ปู่หูฝาดไปหรือเปล่า” ชายชราเสียงสูง คิ้วขยับย่นเข้าหากันยิ่งกว่าเดิมพร้อมกันนั้นก็เริ่มไม่ไว้ใจ “อย่าไปเชียวนะ”
“นายมานพโทรมาด้วยตัวเอง ขวัญเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าพวกมณีสวาทต้องการอะไร ถึงได้ชวนขวัญไปกินข้าวอย่างนั้น”
“ปู่ไม่ให้เจ้าไปหรอก”
“แต่ขวัญว่าจะไปค่ะ” หญิงสาวบอกขึ้นอย่างดื้อรั้น ปู่เทพทำหน้านิ่วบอกถึงความไม่สบอารมณ์หญิงสาวจึงเดินมาประคองไปนั่งยังโซฟา บีบนวดเอาใจ
“ไม่ต้องมาเอาใจ ใช่สิเดี๋ยวนี้ฉันมันแค่ผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งแถมยังมีโรครุมเร้า ลูกหลานมันก็เลยไม่เชื่อฟัง” ปู่เทพบอกขึ้นอย่างน้อยใจ
กรองขวัญหัวเราะเสียงใสแล้วหยิกแก้มเหี่ยวๆ ของคนเป็นปู่ ยิ้มใส่ตา
“โอ๋ๆ แต่ช้าแต่…อย่าน้อยใจนะ”
“ปู่ไม่ใช่เด็กๆ นะ ที่พูดไม่ได้ล้อเล่น”
“ปู่อย่าโกรธขวัญเลยน๊า ขวัญไม่ได้ดื้อแต่ขวัญอยากรู้ว่าสองพ่อลูกนั่นจะมาไม้ไหน”
“แต่มันอันตราย เกิดมันคิดไม่ซื่อทำอะไรเราขึ้นมาปู่จะทำยังไง ตอนนี้ก็เป็นแค่ไอ้แก่ขี้โรค ถ้ายังหนุ่มยังแน่นละก็ท้ายิงกับไอ้ชิดมันไปนานแล้ว” ปู่เทพฮึดฮัด หญิงสาวจึงย่นจมูก
“แหม…ปู่ขา ที่นี่ไม่ได้ไกลปืนเที่ยงถึงขนาดนั้นนะคะ เขาไม่กล้าฆ่าขวัญหมกไร่หรอกค่ะ ดูจากท่าทางแล้วเขาคงมีเรื่องอยากจะคุยกับขวัญจริงๆ”
“แต่ว่า…”
“ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือเหรอคะ ไปให้รู้แน่ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่”
“แกมันดื้อเหมือนย่า” ปู่เทพส่ายหน้า จับศีรษะหลานสาวโยกไปมาแล้วสั่ง “ให้คนงานไปด้วยคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นปู่ไม่ไว้ใจ ให้ใครไปก็ได้”
“โอเคค่า” หญิงสาวยิ้มรับแล้วมองนาฬิกาข้อมือ “เขานัดตอนเย็น วันนี้ขวัญจะเข้าไปดูโรงบ่มไวน์ มันน่าจะส่งออกได้อีกหลายชุด”
“ไปเถอะ อย่าลืมรับข้าวเช้าซะก่อนนะ”
“ขวัญดื่มกาแฟแล้วค่ะ ไปละนะ อ้อ…ปู่อย่าดื่มน้ำเกินที่ขวัญบอกเอื้องเอาไว้นะคะ” หญิงสาวกำชับ ปู่เทพส่ายหน้าไม่วายบ่นอุบ
“ทำเหมือนปู่เป็นเด็กๆ ไปได้”
“หืม…ก็ใครละคะที่ดื้อแอบกินน้ำจนน้ำท่วมปอด เดี๋ยวเถอะ ถ้าแอบดื่มอีก มีเรื่องกัน” หญิงสาวมองดุ ในยามนี้เห็นปู่เป็นเด็กไปแล้วจริงๆ
กรองขวัญแต่งกายด้วยชุดเรียบๆ คือเสื้อชีฟองแขนล้ำผ่ากระดุมตรงกลางประดับลูกไม้สีขาวเช่นเดียวกับตัวเสื้อเข้ากันดีกับกระโปรงผ้าฝ้ายตัดต่อเป็นชั้นสลับสีระหว่างสีเขียวขี้ม้ากับเหลืองอ่อน ผมยาวสลวยตรงเกล้าเป็นมวยปักด้วยปิ่นดอกลีลาวดีเปิดเผยวงหน้าขาวใสโดยไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มอะไรให้มากไปกว่าแป้งกับลิปมันแวววาวไร้สี แต่ถึงอย่างนั้นปากก็เป็นสีกลีบบัวระเรื่อน่ามอง
เธออยากจะไปคนเดียวแต่เห็นว่าปู่เทพคงไม่ยินยอมแน่จึงได้ให้คนงานในไร่ไปด้วยคนหนึ่งคนที่ทำหน้าที่ขับรถให้ เพราะหากวันไหนปู่ของเธอต้องไปรับการฟอกไตเธอก็จะให้เขาเป็นคนพาไปส่ง เพราะการไปฟอกไตแต่ละครั้งกินเวลาสี่ชั่วโมง กว่าจะขับรถไปกลับ แวะไปนั่นมานี่ก็กินเวลาไปทั้งวัน เธอไม่มีเวลามากพอ
เมื่อมาถึงไร่มณีสวาท มานพถึงขนาดออกมาต้อนรับเธอด้วยตัวเองในขณะที่มณีมาลายืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ ไม่บึ้งแต่ไม่ยิ้ม
“สวัสดีค่ะคุณอา” หญิงสาวยกมือไหว้ มานพรับไหว้แล้วเชื้อเชิญ
“ไปข้างในกันก่อนนะหนูขวัญ วันนี้อามีแขกพิเศษอีกสองคน ประเดี๋ยวก็คงมา” มานพเดินนำเข้าไปด้านใน กรองขวัญจึงเดินตามโดยมีมณีมาลาเดินรั้งท้าย ปกติแล้วหากเจอหน้ากันไม่เคยสักครั้งที่มณีมาลาจะสงบปากสงบคำแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าการมากินข้าวเย็นด้วยกันหนนี้ต้องมีเบื้องหลัง
“แขกพิเศษที่ว่าเกี่ยวกับเรื่องที่คุณอาจะคุยกับขวัญไหมคะ”
“ก็…เกี่ยว เอาไว้ให้คุณตุลเขามาถึงก่อนนะ เขาอยากมาคุยกับหนูเรื่องที่ดินแปลงว่างที่ติดกับไร่ข้าวโพด อาคะเนดูแล้วน่าจะเกือบห้าสิบไร่กระมัง” มานพหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาไม้บุด้วยนวมสีกำมะหยี่ในห้องรับแขก เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างเข้ากันอย่างมีรสนิยมและค่อนข้างหรูหรา
แม่บ้านนำน้ำส้มเข้ามาเสิร์ฟให้ หญิงสาวเพียงแต่มองไม่ได้แตะต้อง
“เรื่องที่?”
“มีคนเขาสนใจอยากซื้อที่ดินแปลงนั้น เขามาติดต่อผ่านอาเพราะเห็นว่าไร่เรามีความสนิทสนมกัน หากหนูขวัญสนใจละก็จะได้ตกลงกับเขา”
มณีมาลาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นสีหน้านิ่งๆ ของกรองขวัญ
“ว่าไงกรองขวัญ เธอไม่สนใจเหรอ คุณตุลเขาให้ราคาดีนะ”
“ขวัญไม่สนใจค่ะ เพราะที่ดินแปลงนั้นขวัญตั้งใจจะขยายไร่ข้าวโพด” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ สองพ่อลูกคงได้ค่านายหน้าจากการเจรจาครั้งนี้มากพอถึงได้ยอมทำเป็นญาติดีเชิญเธอมารับประทานอาหารที่นี่
“หนูขวัญลองฟังข้อเสนอของคุณตุลก่อนเถอะ อาจจะเปลี่ยนใจ”
“ใช่…ฉันเองก็ได้ยินมาว่าฐานะทางการเงินของเธอไม่ค่อยดีนักไม่ใช่เหรอกรองขวัญ ไม่ต้องกลัวเสียหน้าหรอกน่า ของแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ฉันเป็นห่วงเธอนะ หวังดีถึงได้หาเงินมาให้” มณีมาลาหว่านล้อมแต่กรองขวัญเพียงแค่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มเย็นๆ ที่ทำให้สองพ่อลูกหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
“ขอบคุณที่เธอเป็นห่วงฉันนะมณีมาลาแต่ไม่จำเป็นหรอกฉันเอาตัวรอดได้ ฉันเองก็ได้ยินมาว่าไร่มณีสวาทก็มีปัญหาเรื่องเงินอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ถึงจะไม่มีหนี้สินมากเท่าฉันแต่ก็หมุนเงินไม่ทันต้องวิ่งเข้าออกธนาคารเพื่อกู้เงินอยู่นี่”
มานพอึ้งไป ไม่คิดว่ากรองขวัญจะรู้เรื่องนี้ เพราะสองปีที่แล้วเขาคิดลงเล่นการเมืองจึงได้เทเงินจนเกือบหมดหน้าตักเพราะทางพรรคบอกว่าเขาต้องได้ตำแหน่งแน่ๆ แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง คะแนนของเขาตกต่ำจนไม่กล้าลงเล่นการเมืองต่อ
“กรองขวัญ!” มณีมาลาเจ็บใจ
“ถ้าธุระที่แขกพิเศษของคุณอาจะพูดมีเท่านี้ ขวัญก็คงต้องขอตัวกลับไร่ ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นนะคะแต่ขวัญนัดกับเพื่อนไว้ ขอตัวนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ลาแล้วขยับตัวลุก
มณีมาลากำมือแน่นอย่างเจ็บใจ หน้าเสียเมื่อเสียงรถแล่นเข้ามาจอดเทียบ
“คุณตุลมาแล้ว” มณีมาลาลุกออกไป กรองขวัญจึงยังรั้งรออยู่เพราะหากออกไปตอนนี้ก็ดูจะเสียมารยาทมากเกินไป แต่เมื่อเห็นหน้าแขกคุ้นชื่อที่เดินเข้ามาเธอก็ลอบระบายลมหายใจที่จุดไต้ตำตอเข้ากับคู่กรณีที่เพิ่งมีเรื่องมีราวกันอยู่หยกๆ
“คุณขวัญ! ผมนึกแล้วว่าต้องเป็นคุณแน่ๆ เมื่อเช้าผมเขม่นตาซ้ายทั้งคืน” กันต์นธียิ้มร่ามาแต่ไกลในทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของไร่ดวงตะวัน
หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มทักทายแต่ตาสบเข้ากับตุลธรที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร เขาเฝ้าภาวนาทั้งคืนให้กรองขวัญที่ว่าไม่ใช่กรองขวัญคนนี้แต่พระเจ้าไม่เข้าข้างเขาเอาเสียเลย
“ถ้าสาเหตุที่ทำให้คุณมาที่นี่วันนี้เพราะอยากได้ที่ดินของฉันละก็ ฉันขอประกาศให้พวกคุณทราบพร้อมๆ กันนะคะว่าฉันไม่ขาย” หญิงสาวบอกเสร็จก็เดินหนีผ่านหน้าตุลธรไป สบนัยน์ตาท้าทายไปหาเขาทำให้ตุลธรขบกรามแน่น ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงที่ไหนท้าทายเขาอย่างนี้มาก่อน
กรองขวัญ! ฉันจะทำให้เธอยอมขายที่ให้ฉันให้ได้ คอยดู
“ผมให้ราคามากกว่าทุกคนที่เคยเข้ามาติดต่อขอซื้อจากคุณ” เขาบอกตามหลังทำให้หญิงสาวหยุดเท้า ชายหนุ่มหายใจโล่งคอขึ้นเมื่อเธอค่อยๆ เบือนหน้ากลับมาทว่ารอยยิ้มหยามหยันที่วาบผ่านใบหน้าสวยเกลี้ยงเกลานั้นทำให้เขาสะอึกโดยเฉพาะกับประโยคของเธอ
“เอาไว้…ให้ฉันอับจนหนทางกว่านี้ก่อนนะคะ ทิ้งเบอร์คุณไว้ที่อามานพก็แล้วกัน นึกอยากขายเมื่อไหร่จะติดต่อกลับไป ถ้าไม่ชาตินี้ก็คงชาติหน้า”
“คุณ!” ตุลธรคำรามลอดไรฟันทำให้มณีมาลาหน้าเสีย หญิงสาวมองหน้ากรองขวัญอย่างหงุดหงิดใจที่ทำให้คะแนนของเธอตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย
“กรองขวัญ เธอพูดจาอะไรให้เกียรติแขกของฉันบ้าง”
“ช่างเขาเถอะครับ วันนี้คุณกรองขวัญอาจจะยังไม่อยากขาย แต่ไม่แน่สักวันเธอก็อาจจะอยากขายขึ้นมาบ้างก็ได้” ตุลธรมองสบสายตากับกรองขวัญอย่างท้าทายเช่นเดียวกัน
กรองขวัญยิ้มให้กับกันต์นธีแล้วเดินเชิดออกไป มณีมาลาจึงพูดตามหลัง
“จองหอง”
“อาต้องขอโทษคุณตุลธร ไม่คิดเลยว่ากรองขวัญจะเสียมารยาทแบบนี้” มานพออกตัว ขุ่นเคืองใจที่กรองขวัญทำให้เขาเสียหน้า ดื้อรั้นเหมือนปู่เหมือนพ่อมันไม่มีผิด
“เธอคงโกรธน่ะครับที่เมื่อวานเรามีเรื่องกันนิดหน่อย รถผมกับเธอชนท้ายกันแล้วตกลงกันไม่ได้” ตุลธรบอกขึ้นทำให้มณีมาลาเสียงแหลม
“ต๊าย…ถึงว่าสิรถราคาแพงของคุณตุลถึงได้บุบบี้เสียราคาหมด”
“จริงสิ..นี่กันต์นธีเพื่อนผมครับ” เขาเอ่ยแนะนำ กันต์นธีทักทายเจ้าของบ้านแต่ตามองไปแต่ทางหน้าบ้าน ใจหายที่เห็นกรองขวัญเดินจากไป
โธ่เอ๋ย…เขาต้องเสียคะแนนเพราะตุลธรแท้ๆ
เจ้าของบ้านเชิญสองหนุ่มให้รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ชายหนุ่มยังยืนกรานอยากได้ที่ดินของกรองขวัญ และเสนอเงินเพิ่มเติมให้กับสองพ่อลูก
งานนี้เสียเงินไม่ว่าแต่เสียหน้าเขายอมไม่ได้
หลังรับประทานอาหารเสร็จสองหนุ่มก็ลากลับ เมื่อมานั่งบนรถด้วยกันกันต์นธีก็ถอนหายใจ ถอนอยู่หลายหนจนเจ้าของรถต้องถาม
“เป็นอะไรของแก ขี้จะแตกอีกหรือไง”
“ไอ้บ้า ฉันกำลังซีเรียส” กันต์นธีไม่เห็นขำไปด้วย นั่งหน้าตูมจนตุลธรเริ่มหมั่นไส้
“เรื่องผู้หญิงจองหองคนนั้นนะเหรอ”
“แกเรียกว่าที่เพื่อนสะใภ้ของแกให้มันดีกว่านี้หน่อยได้ไหมวะ” กันต์นธีปรามทำให้ตุลธรเบ้ปาก ชะโงกหน้ามาใกล้แล้วเย้ย
“ให้เจ้าหล่อนรับรักแกเสียก่อนเถอะ”
“ถ้าไม่เพราะแกมีเรื่องกับเธอมันก็ไม่แน่โว้ย”
“ฉันไม่ได้เป็นคนหาเรื่อง แกก็เห็น”
“ก็เธอไม่อยากขายแกก็อย่าไปเซ้าซี้ ไม่ได้การแล้ว ฉันว่าเราต้องหาโอกาสไปกินข้าวที่ไร่ดวงตะวัน ไม่อย่างนั้นคะแนนฉันไม่คืบหน้าแน่”
“แล้วคิดเหรอว่าเขาจะต้อนรับแก” ตุลธรเยาะกลับ เพื่อนรักจึงทำฮึดฮัด
“กับแกน่ะใช่ แต่กับฉันเธอต้องเต็มใจโว้ย ฉันจะไปคนเดียวแกไม่ต้อง” กันต์นธีจิ้มนิ้วมาหา ตุลธรจับแล้วหักลงมาก่อนส่ายหน้า
“ฉันจะไปด้วย”
“ไอ้ตุล!”
“ฉันจะได้ไปสำรวจไร่ดวงตะวันด้วยว่ามันมีอะไรบ้าง มีที่ดินแปลงไหนสวยอีกที่ฉันอยากได้ แล้วแกก็ต้องสืบมาให้ฉันด้วยว่าฐานะทางการเงินของกรองขวัญเป็นยังไงกันแน่”
“อะไรของแกวะ ที่ดินผืนอื่นก็ยังมี มันก็ต้องมีสักที่ที่เขาจะขายให้ อีกอย่างที่ดินแถวนี้ฉันก็เห็นเขาประกาศขายอยู่ตั้งหลายแปลงฉันกำลังจะโทรติดต่อให้แกเดี๋ยวนี้” กันต์นธีว่าแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะกดโทรแต่ตุลธรปัดออกแล้วส่ายหน้า
“ฉันจะเอาที่ของไร่ดวงตะวัน”
“ไอ้ตุล…” กันต์นธีอ่อนอกอ่อนใจ “ก็คุณขวัญเธอไม่ขาย”
“ฉันก็จะพยายามให้ถึงที่สุด แกไม่ได้ยินหรือที่คุณมิ้นต์เธอบอกว่ากรองขวัญมีปัญหาเรื่องเงิน เชื่อฉันสิว่าฉันจะต้องได้ที่ดินแปลงนี้แน่ๆ” ชายหนุ่มบอกขึ้นอย่างมั่นใจ กันต์นธีอยากจะค้านแต่เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาลจึงรู้ว่าไม่มีทางขัดใจตุลธรได้แน่
“พนันร้อยเอาหนึ่ง ไม่มีทาง”
“ได้ แต่ถ้าฉันทำได้ แกเตรียมจ่ายเดิมพันฉันได้เลย”
“แล้วถ้าแกทำไม่ได้”
“เงินเดือนเพิ่มสิบเปอร์เซ็น ส่วนเดิมพันของแกเอาไว้ก่อน ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก เอาไว้คิดได้แล้วจะบอกแกอีกทีเพราะยังไงฉันก็ต้องได้แน่”
กันต์นธีส่ายหน้า ไม่เชื่อถือเลยสักนิด
“พ่อเชื่อลูก” มานพดึงตัวลูกสาวเข้ามากอดแล้วผลักออกห่าง เอ่ยเตือน “แต่พ่อไม่อยากให้หนูแสดงออกมากเกินไป ผู้ชายมันจะไม่เห็นคุณค่า”
“คุณพ่อขา…นี่มันปีพ.ศ อะไรกันแล้วคะ สมัยนี้ถ้ามัวแต่เหนียมอายรอให้ผู้ชายเขาเริ่มก่อนมันจะไปทันกินอะไรคะ ถ้าอยู่เฉยๆ แล้วต้องแห้งเหี่ยวคาต้นเป็นแตงเถาตายอย่างนังขวัญ มิ้นต์ก็ไม่เอาด้วยหรอกนะคะ” มณีมาลาบอกอย่างที่ใจคิดเมื่อเห็นสีหน้าของพ่อจึงเอียงศีรษะซบไปบนท่อนแขนประจบ
“เรามันคนหัวดื้อ”
“แต่ถึงจะดื้อยังไงลูกสาวคนนี้ก็ไม่เคยทำให้คุณพ่อผิดหวังไม่ใช่หรือคะ คุณพ่อเฉยๆ ไว้แล้วดีเองค่ะ หรือคุณพ่อไม่อยากขยายไร่ให้ใหญ่โตกว่าพวกดวงตะวัน” มณีมาลาเอาจุดอ่อนของพ่อขึ้นมาพูดทำให้กรามของมานพขบแน่น มือกำแน่นแล้วคำราม
“ไม่มีทาง”
“ดีแล้วค่ะ เชื่อลูก แล้วลูกจะเอาไร่ดวงตะวันมาเป็นของเรา คุณพ่อคิดดูสิคะว่าถ้าคุณตุลซื้อไร่ดวงตะวันได้ วันหนึ่งมันก็ต้องกลายเป็นของลูก คุณพ่อก็จะเป็นเจ้าของไร่ดวงตะวัน คุณปู่จะมีความสุขแค่ไหน” มณีมาลาหว่านล้อมทำให้มานพตบเข่าตัวเอง
“ฮะๆ ถ้าหนูทำได้ก็ยอดไปเลย”
“คุณพ่อบอกคุณปู่ให้ฉลองล่วงหน้าได้เลยค่ะ เพราะไม่นานหรอกไร่ดวงตะวันจะต้องอยู่ในกำมือของเราแน่ๆ นังขวัญมันถังแตกจะตาย ทำงานงกๆ ก็ไม่พอใช้หนี้ ปู่มันก็ต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นแล้วไหนจะหนี้ที่พ่อมันสร้างไว้อีกล่ะ สักวันมันก็ต้องขาย”
“พ่อจะนับวันรอให้ถึงวันนั้น น่าเสียดายที่ไอ้ดนัยมันตายไปแล้ว พ่อเลยไม่ได้เห็นน้ำหน้ามันในวันที่ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลมันเป็นของเรา” มานพบอกแล้วหัวเราะร่า เดินตัวปลิวออกไปยังบ้านพักอีกหลังอันเป็นที่พำนักของบิดาเขาที่ป่วยเป็นอัมพาตท่อนล่าง ต้องนั่งรถเข็นช่วยในการเคลื่อนไหวและท่านชอบขลุกตัวเองอยู่ในบ้านพักหลังนั้นมากกว่าจะออกมาให้ใครๆ พบหน้า
กรองขวัญวางโทรศัพท์ลงกับแป้นอย่างแปลกใจที่ได้รับโทรศัพท์จากพ่อของมณีมาลาแต่เช้าตรู่ด้วยเรื่องที่คาดไม่ถึง และสีหน้าของหลานสาวคนเดียวทำให้ปู่เทพเลิกคิ้ว
“ใครโทรมาลูก”
“นายมานพค่ะ”
“มานพ ไร่มณีสวาทนะรึ” คิ้วสีดอกเลาเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เชื่อหู ร้อยวันพันปีทั้งสองไร่ไม่เคยติดต่อกันไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร เพราะเท่าที่เจอกันตามงานต่างๆ หรือแม้แต่เจอกันโดยบังเอิญก็มีเรื่องกันตลอด ชายชราจึงเสียงห้วนแข็ง “มันมาหาเรื่องอะไรเจ้า”
“เปล่าค่ะปู่ เขาเชิญขวัญไปกินข้าว”
“ว่าไงนะ เชิญเจ้าไปกินข้าว ปู่หูฝาดไปหรือเปล่า” ชายชราเสียงสูง คิ้วขยับย่นเข้าหากันยิ่งกว่าเดิมพร้อมกันนั้นก็เริ่มไม่ไว้ใจ “อย่าไปเชียวนะ”
“นายมานพโทรมาด้วยตัวเอง ขวัญเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าพวกมณีสวาทต้องการอะไร ถึงได้ชวนขวัญไปกินข้าวอย่างนั้น”
“ปู่ไม่ให้เจ้าไปหรอก”
“แต่ขวัญว่าจะไปค่ะ” หญิงสาวบอกขึ้นอย่างดื้อรั้น ปู่เทพทำหน้านิ่วบอกถึงความไม่สบอารมณ์หญิงสาวจึงเดินมาประคองไปนั่งยังโซฟา บีบนวดเอาใจ
“ไม่ต้องมาเอาใจ ใช่สิเดี๋ยวนี้ฉันมันแค่ผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งแถมยังมีโรครุมเร้า ลูกหลานมันก็เลยไม่เชื่อฟัง” ปู่เทพบอกขึ้นอย่างน้อยใจ
กรองขวัญหัวเราะเสียงใสแล้วหยิกแก้มเหี่ยวๆ ของคนเป็นปู่ ยิ้มใส่ตา
“โอ๋ๆ แต่ช้าแต่…อย่าน้อยใจนะ”
“ปู่ไม่ใช่เด็กๆ นะ ที่พูดไม่ได้ล้อเล่น”
“ปู่อย่าโกรธขวัญเลยน๊า ขวัญไม่ได้ดื้อแต่ขวัญอยากรู้ว่าสองพ่อลูกนั่นจะมาไม้ไหน”
“แต่มันอันตราย เกิดมันคิดไม่ซื่อทำอะไรเราขึ้นมาปู่จะทำยังไง ตอนนี้ก็เป็นแค่ไอ้แก่ขี้โรค ถ้ายังหนุ่มยังแน่นละก็ท้ายิงกับไอ้ชิดมันไปนานแล้ว” ปู่เทพฮึดฮัด หญิงสาวจึงย่นจมูก
“แหม…ปู่ขา ที่นี่ไม่ได้ไกลปืนเที่ยงถึงขนาดนั้นนะคะ เขาไม่กล้าฆ่าขวัญหมกไร่หรอกค่ะ ดูจากท่าทางแล้วเขาคงมีเรื่องอยากจะคุยกับขวัญจริงๆ”
“แต่ว่า…”
“ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือเหรอคะ ไปให้รู้แน่ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่”
“แกมันดื้อเหมือนย่า” ปู่เทพส่ายหน้า จับศีรษะหลานสาวโยกไปมาแล้วสั่ง “ให้คนงานไปด้วยคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นปู่ไม่ไว้ใจ ให้ใครไปก็ได้”
“โอเคค่า” หญิงสาวยิ้มรับแล้วมองนาฬิกาข้อมือ “เขานัดตอนเย็น วันนี้ขวัญจะเข้าไปดูโรงบ่มไวน์ มันน่าจะส่งออกได้อีกหลายชุด”
“ไปเถอะ อย่าลืมรับข้าวเช้าซะก่อนนะ”
“ขวัญดื่มกาแฟแล้วค่ะ ไปละนะ อ้อ…ปู่อย่าดื่มน้ำเกินที่ขวัญบอกเอื้องเอาไว้นะคะ” หญิงสาวกำชับ ปู่เทพส่ายหน้าไม่วายบ่นอุบ
“ทำเหมือนปู่เป็นเด็กๆ ไปได้”
“หืม…ก็ใครละคะที่ดื้อแอบกินน้ำจนน้ำท่วมปอด เดี๋ยวเถอะ ถ้าแอบดื่มอีก มีเรื่องกัน” หญิงสาวมองดุ ในยามนี้เห็นปู่เป็นเด็กไปแล้วจริงๆ
กรองขวัญแต่งกายด้วยชุดเรียบๆ คือเสื้อชีฟองแขนล้ำผ่ากระดุมตรงกลางประดับลูกไม้สีขาวเช่นเดียวกับตัวเสื้อเข้ากันดีกับกระโปรงผ้าฝ้ายตัดต่อเป็นชั้นสลับสีระหว่างสีเขียวขี้ม้ากับเหลืองอ่อน ผมยาวสลวยตรงเกล้าเป็นมวยปักด้วยปิ่นดอกลีลาวดีเปิดเผยวงหน้าขาวใสโดยไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มอะไรให้มากไปกว่าแป้งกับลิปมันแวววาวไร้สี แต่ถึงอย่างนั้นปากก็เป็นสีกลีบบัวระเรื่อน่ามอง
เธออยากจะไปคนเดียวแต่เห็นว่าปู่เทพคงไม่ยินยอมแน่จึงได้ให้คนงานในไร่ไปด้วยคนหนึ่งคนที่ทำหน้าที่ขับรถให้ เพราะหากวันไหนปู่ของเธอต้องไปรับการฟอกไตเธอก็จะให้เขาเป็นคนพาไปส่ง เพราะการไปฟอกไตแต่ละครั้งกินเวลาสี่ชั่วโมง กว่าจะขับรถไปกลับ แวะไปนั่นมานี่ก็กินเวลาไปทั้งวัน เธอไม่มีเวลามากพอ
เมื่อมาถึงไร่มณีสวาท มานพถึงขนาดออกมาต้อนรับเธอด้วยตัวเองในขณะที่มณีมาลายืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ ไม่บึ้งแต่ไม่ยิ้ม
“สวัสดีค่ะคุณอา” หญิงสาวยกมือไหว้ มานพรับไหว้แล้วเชื้อเชิญ
“ไปข้างในกันก่อนนะหนูขวัญ วันนี้อามีแขกพิเศษอีกสองคน ประเดี๋ยวก็คงมา” มานพเดินนำเข้าไปด้านใน กรองขวัญจึงเดินตามโดยมีมณีมาลาเดินรั้งท้าย ปกติแล้วหากเจอหน้ากันไม่เคยสักครั้งที่มณีมาลาจะสงบปากสงบคำแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าการมากินข้าวเย็นด้วยกันหนนี้ต้องมีเบื้องหลัง
“แขกพิเศษที่ว่าเกี่ยวกับเรื่องที่คุณอาจะคุยกับขวัญไหมคะ”
“ก็…เกี่ยว เอาไว้ให้คุณตุลเขามาถึงก่อนนะ เขาอยากมาคุยกับหนูเรื่องที่ดินแปลงว่างที่ติดกับไร่ข้าวโพด อาคะเนดูแล้วน่าจะเกือบห้าสิบไร่กระมัง” มานพหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาไม้บุด้วยนวมสีกำมะหยี่ในห้องรับแขก เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างเข้ากันอย่างมีรสนิยมและค่อนข้างหรูหรา
แม่บ้านนำน้ำส้มเข้ามาเสิร์ฟให้ หญิงสาวเพียงแต่มองไม่ได้แตะต้อง
“เรื่องที่?”
“มีคนเขาสนใจอยากซื้อที่ดินแปลงนั้น เขามาติดต่อผ่านอาเพราะเห็นว่าไร่เรามีความสนิทสนมกัน หากหนูขวัญสนใจละก็จะได้ตกลงกับเขา”
มณีมาลาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นสีหน้านิ่งๆ ของกรองขวัญ
“ว่าไงกรองขวัญ เธอไม่สนใจเหรอ คุณตุลเขาให้ราคาดีนะ”
“ขวัญไม่สนใจค่ะ เพราะที่ดินแปลงนั้นขวัญตั้งใจจะขยายไร่ข้าวโพด” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ สองพ่อลูกคงได้ค่านายหน้าจากการเจรจาครั้งนี้มากพอถึงได้ยอมทำเป็นญาติดีเชิญเธอมารับประทานอาหารที่นี่
“หนูขวัญลองฟังข้อเสนอของคุณตุลก่อนเถอะ อาจจะเปลี่ยนใจ”
“ใช่…ฉันเองก็ได้ยินมาว่าฐานะทางการเงินของเธอไม่ค่อยดีนักไม่ใช่เหรอกรองขวัญ ไม่ต้องกลัวเสียหน้าหรอกน่า ของแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ฉันเป็นห่วงเธอนะ หวังดีถึงได้หาเงินมาให้” มณีมาลาหว่านล้อมแต่กรองขวัญเพียงแค่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มเย็นๆ ที่ทำให้สองพ่อลูกหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
“ขอบคุณที่เธอเป็นห่วงฉันนะมณีมาลาแต่ไม่จำเป็นหรอกฉันเอาตัวรอดได้ ฉันเองก็ได้ยินมาว่าไร่มณีสวาทก็มีปัญหาเรื่องเงินอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ถึงจะไม่มีหนี้สินมากเท่าฉันแต่ก็หมุนเงินไม่ทันต้องวิ่งเข้าออกธนาคารเพื่อกู้เงินอยู่นี่”
มานพอึ้งไป ไม่คิดว่ากรองขวัญจะรู้เรื่องนี้ เพราะสองปีที่แล้วเขาคิดลงเล่นการเมืองจึงได้เทเงินจนเกือบหมดหน้าตักเพราะทางพรรคบอกว่าเขาต้องได้ตำแหน่งแน่ๆ แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง คะแนนของเขาตกต่ำจนไม่กล้าลงเล่นการเมืองต่อ
“กรองขวัญ!” มณีมาลาเจ็บใจ
“ถ้าธุระที่แขกพิเศษของคุณอาจะพูดมีเท่านี้ ขวัญก็คงต้องขอตัวกลับไร่ ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นนะคะแต่ขวัญนัดกับเพื่อนไว้ ขอตัวนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ลาแล้วขยับตัวลุก
มณีมาลากำมือแน่นอย่างเจ็บใจ หน้าเสียเมื่อเสียงรถแล่นเข้ามาจอดเทียบ
“คุณตุลมาแล้ว” มณีมาลาลุกออกไป กรองขวัญจึงยังรั้งรออยู่เพราะหากออกไปตอนนี้ก็ดูจะเสียมารยาทมากเกินไป แต่เมื่อเห็นหน้าแขกคุ้นชื่อที่เดินเข้ามาเธอก็ลอบระบายลมหายใจที่จุดไต้ตำตอเข้ากับคู่กรณีที่เพิ่งมีเรื่องมีราวกันอยู่หยกๆ
“คุณขวัญ! ผมนึกแล้วว่าต้องเป็นคุณแน่ๆ เมื่อเช้าผมเขม่นตาซ้ายทั้งคืน” กันต์นธียิ้มร่ามาแต่ไกลในทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของไร่ดวงตะวัน
หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มทักทายแต่ตาสบเข้ากับตุลธรที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร เขาเฝ้าภาวนาทั้งคืนให้กรองขวัญที่ว่าไม่ใช่กรองขวัญคนนี้แต่พระเจ้าไม่เข้าข้างเขาเอาเสียเลย
“ถ้าสาเหตุที่ทำให้คุณมาที่นี่วันนี้เพราะอยากได้ที่ดินของฉันละก็ ฉันขอประกาศให้พวกคุณทราบพร้อมๆ กันนะคะว่าฉันไม่ขาย” หญิงสาวบอกเสร็จก็เดินหนีผ่านหน้าตุลธรไป สบนัยน์ตาท้าทายไปหาเขาทำให้ตุลธรขบกรามแน่น ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงที่ไหนท้าทายเขาอย่างนี้มาก่อน
กรองขวัญ! ฉันจะทำให้เธอยอมขายที่ให้ฉันให้ได้ คอยดู
“ผมให้ราคามากกว่าทุกคนที่เคยเข้ามาติดต่อขอซื้อจากคุณ” เขาบอกตามหลังทำให้หญิงสาวหยุดเท้า ชายหนุ่มหายใจโล่งคอขึ้นเมื่อเธอค่อยๆ เบือนหน้ากลับมาทว่ารอยยิ้มหยามหยันที่วาบผ่านใบหน้าสวยเกลี้ยงเกลานั้นทำให้เขาสะอึกโดยเฉพาะกับประโยคของเธอ
“เอาไว้…ให้ฉันอับจนหนทางกว่านี้ก่อนนะคะ ทิ้งเบอร์คุณไว้ที่อามานพก็แล้วกัน นึกอยากขายเมื่อไหร่จะติดต่อกลับไป ถ้าไม่ชาตินี้ก็คงชาติหน้า”
“คุณ!” ตุลธรคำรามลอดไรฟันทำให้มณีมาลาหน้าเสีย หญิงสาวมองหน้ากรองขวัญอย่างหงุดหงิดใจที่ทำให้คะแนนของเธอตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย
“กรองขวัญ เธอพูดจาอะไรให้เกียรติแขกของฉันบ้าง”
“ช่างเขาเถอะครับ วันนี้คุณกรองขวัญอาจจะยังไม่อยากขาย แต่ไม่แน่สักวันเธอก็อาจจะอยากขายขึ้นมาบ้างก็ได้” ตุลธรมองสบสายตากับกรองขวัญอย่างท้าทายเช่นเดียวกัน
กรองขวัญยิ้มให้กับกันต์นธีแล้วเดินเชิดออกไป มณีมาลาจึงพูดตามหลัง
“จองหอง”
“อาต้องขอโทษคุณตุลธร ไม่คิดเลยว่ากรองขวัญจะเสียมารยาทแบบนี้” มานพออกตัว ขุ่นเคืองใจที่กรองขวัญทำให้เขาเสียหน้า ดื้อรั้นเหมือนปู่เหมือนพ่อมันไม่มีผิด
“เธอคงโกรธน่ะครับที่เมื่อวานเรามีเรื่องกันนิดหน่อย รถผมกับเธอชนท้ายกันแล้วตกลงกันไม่ได้” ตุลธรบอกขึ้นทำให้มณีมาลาเสียงแหลม
“ต๊าย…ถึงว่าสิรถราคาแพงของคุณตุลถึงได้บุบบี้เสียราคาหมด”
“จริงสิ..นี่กันต์นธีเพื่อนผมครับ” เขาเอ่ยแนะนำ กันต์นธีทักทายเจ้าของบ้านแต่ตามองไปแต่ทางหน้าบ้าน ใจหายที่เห็นกรองขวัญเดินจากไป
โธ่เอ๋ย…เขาต้องเสียคะแนนเพราะตุลธรแท้ๆ
เจ้าของบ้านเชิญสองหนุ่มให้รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ชายหนุ่มยังยืนกรานอยากได้ที่ดินของกรองขวัญ และเสนอเงินเพิ่มเติมให้กับสองพ่อลูก
งานนี้เสียเงินไม่ว่าแต่เสียหน้าเขายอมไม่ได้
หลังรับประทานอาหารเสร็จสองหนุ่มก็ลากลับ เมื่อมานั่งบนรถด้วยกันกันต์นธีก็ถอนหายใจ ถอนอยู่หลายหนจนเจ้าของรถต้องถาม
“เป็นอะไรของแก ขี้จะแตกอีกหรือไง”
“ไอ้บ้า ฉันกำลังซีเรียส” กันต์นธีไม่เห็นขำไปด้วย นั่งหน้าตูมจนตุลธรเริ่มหมั่นไส้
“เรื่องผู้หญิงจองหองคนนั้นนะเหรอ”
“แกเรียกว่าที่เพื่อนสะใภ้ของแกให้มันดีกว่านี้หน่อยได้ไหมวะ” กันต์นธีปรามทำให้ตุลธรเบ้ปาก ชะโงกหน้ามาใกล้แล้วเย้ย
“ให้เจ้าหล่อนรับรักแกเสียก่อนเถอะ”
“ถ้าไม่เพราะแกมีเรื่องกับเธอมันก็ไม่แน่โว้ย”
“ฉันไม่ได้เป็นคนหาเรื่อง แกก็เห็น”
“ก็เธอไม่อยากขายแกก็อย่าไปเซ้าซี้ ไม่ได้การแล้ว ฉันว่าเราต้องหาโอกาสไปกินข้าวที่ไร่ดวงตะวัน ไม่อย่างนั้นคะแนนฉันไม่คืบหน้าแน่”
“แล้วคิดเหรอว่าเขาจะต้อนรับแก” ตุลธรเยาะกลับ เพื่อนรักจึงทำฮึดฮัด
“กับแกน่ะใช่ แต่กับฉันเธอต้องเต็มใจโว้ย ฉันจะไปคนเดียวแกไม่ต้อง” กันต์นธีจิ้มนิ้วมาหา ตุลธรจับแล้วหักลงมาก่อนส่ายหน้า
“ฉันจะไปด้วย”
“ไอ้ตุล!”
“ฉันจะได้ไปสำรวจไร่ดวงตะวันด้วยว่ามันมีอะไรบ้าง มีที่ดินแปลงไหนสวยอีกที่ฉันอยากได้ แล้วแกก็ต้องสืบมาให้ฉันด้วยว่าฐานะทางการเงินของกรองขวัญเป็นยังไงกันแน่”
“อะไรของแกวะ ที่ดินผืนอื่นก็ยังมี มันก็ต้องมีสักที่ที่เขาจะขายให้ อีกอย่างที่ดินแถวนี้ฉันก็เห็นเขาประกาศขายอยู่ตั้งหลายแปลงฉันกำลังจะโทรติดต่อให้แกเดี๋ยวนี้” กันต์นธีว่าแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะกดโทรแต่ตุลธรปัดออกแล้วส่ายหน้า
“ฉันจะเอาที่ของไร่ดวงตะวัน”
“ไอ้ตุล…” กันต์นธีอ่อนอกอ่อนใจ “ก็คุณขวัญเธอไม่ขาย”
“ฉันก็จะพยายามให้ถึงที่สุด แกไม่ได้ยินหรือที่คุณมิ้นต์เธอบอกว่ากรองขวัญมีปัญหาเรื่องเงิน เชื่อฉันสิว่าฉันจะต้องได้ที่ดินแปลงนี้แน่ๆ” ชายหนุ่มบอกขึ้นอย่างมั่นใจ กันต์นธีอยากจะค้านแต่เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาลจึงรู้ว่าไม่มีทางขัดใจตุลธรได้แน่
“พนันร้อยเอาหนึ่ง ไม่มีทาง”
“ได้ แต่ถ้าฉันทำได้ แกเตรียมจ่ายเดิมพันฉันได้เลย”
“แล้วถ้าแกทำไม่ได้”
“เงินเดือนเพิ่มสิบเปอร์เซ็น ส่วนเดิมพันของแกเอาไว้ก่อน ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก เอาไว้คิดได้แล้วจะบอกแกอีกทีเพราะยังไงฉันก็ต้องได้แน่”
กันต์นธีส่ายหน้า ไม่เชื่อถือเลยสักนิด
สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มี.ค. 2557, 22:07:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มี.ค. 2557, 22:07:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 1128
<< ตอนที่ 2 50% | ตอนที่ 3 100% >> |
ree 18 เม.ย. 2557, 02:29:09 น.
นางเอกดูเป็นคนก้าวร้าว
นางเอกดูเป็นคนก้าวร้าว
สาริน 20 เม.ย. 2557, 22:41:16 น.
อ่านไปเรื่อยๆ แล้วจะรักนางเอกจ้าาา
อ่านไปเรื่อยๆ แล้วจะรักนางเอกจ้าาา