นางฟ้าล่ารัก โดย เทเรน่า
เพราะความที่กรองขวัญอยากเอาชนะมณีมาลาคู่ปรับตลอดกาล
เธอจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองจากผู้ที่ยอมแพ้....มาเป็นผู้ล่า....
และเป้าหมายก็คือ พิชิตหัวใจหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายอย่างตุลธร….ให้ได้!!

เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น

ที่ผ่านมา กรองขวัญ มักตกเป็นรองและพ่ายแพ้ให้กับ มณีมาลา อยู่เสมอ
คนรักของเธอถูกหล่อนแย่งไป...ทิ้งเพียงความเจ็บปวดร้าวรานไว้ให้
และวันนี้ ตุลธร หนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายคือเป้าหมายใหม่ของคู่ปรับ
ฉะนั้น กรองขวัญจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ให้กลายมาเป็นผู้ล่า...
เพื่อพิชิตหัวใจของตุลธร...และเอาชนะมณีมาลา

เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่ง
และแผนการนี้ไม่ได้ถูกนำมาตีแผ่...
ความรักที่เริ่มก่อตัวจึงพังทลายลงไม่เป็นท่า
ความหวานชื่นกลับกลายเป็นขม...ความรักกลับกลายเป็นความแค้น
เมื่อความรักไม่ได้เริ่มต้นด้วยใจอันบริสุทธิ์
ผลที่ตามมาจึงมีแต่ความเจ็บช้ำที่จำต้องยอมรับ
สุดท้าย...เขาและเธอจะทำเช่นไร
แล้วความรักครั้งนี้ใครเป็นคนล่าหัวใจใคร...
ติดตามบทสรุปของภารกิจล่ารักที่สุดแสนชุลมุนนี้ได้ใน...นางฟ้าล่ารัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 2 50%

มณีมาลาเลิกคิ้วเมื่อขึ้นมานั่งบนรถภายหลังจากไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองแล้วรถของคู่อริแล่นช้าๆ มาจอดเทียบเธอจึงเปลี่ยนใจลงจากรถมาทักทายหรือจะเรียกให้ถูกก็มาเยาะเย้ยเสียมากกว่า
“รถเธอนี่ยังเก่าไม่พอเหรอจ๊ะขวัญ ถึงได้…” เลือกที่จะไม่พูดแต่สายตาที่หรี่มองบ่งบอกความหมายของมันได้เป็นอย่างดี
กรองขวัญไม่อยากเสวนาด้วยจึงได้เดินเลี่ยงไปแต่ฝ่ายนั้นยังตามมาดักหน้า
“เดี๋ยว! ฉันพูดด้วยไม่ได้ยินเหรอ” มณีมาลาตวาดหญิงสาวจึงเลิกคิ้ว
“เหรอ…นึกว่าเห่า”
“กรองขวัญ! มันจะมากเกินไปแล้วนะ ฉันพูดกับเธอดีๆ”
“ตอนนี้เธอพูดดีๆ แต่ถ้าฉันเผลอตัวโต้ตอบกับเธอเมื่อไหร่มันก็จะกลายเป็นพูดไม่ดี วันนี้ขี้เกียจทะเลาะ ไม่มีอารมณ์” กรองขวัญเสียงเข้ม จ้องตาดุเข้าใส่แต่อีกฝ่ายไม่ยอมหลีกทาง
“อารมณ์เสียมาจากไหน เอ…หรือว่าไร่เธอจะเจ๊งแล้วก็เลยหงุดหงิด” มณีมาลามองเยาะ มองรถที่บุบด้านหน้าของคู่อริแล้วปิดปากหัวเราะ “ต๊าย…ไม่มีเงินซ่อมรถเหรอจ๊ะ ยืมฉันได้นะ”
“ไม่จำเป็น”
“จำเป็นสิจ๊ะ เพราะฉันแอบได้ยินมาว่าเธอกำลังถังแตกสุดๆ เพราะพ่อเธอผลาญเงินไปจนจะหมดบ้าน ทิ้งหนี้สินไว้ให้ลูกสาวคนเดียวตามใช้”
“อย่าลามปามถึงพ่อฉัน” เจ้าของไร่ดวงตะวันเสียงเข้ม พยายามข่มอารมณ์เอาไว้อย่างที่สุด วันนี้เธอมีเรื่องกับตุลธรแล้ว ยังไม่อยากทะเลาะกับมณีมาลาให้ปวดหัวอีก
“ทำไมจะลามปามไม่ได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง ดีแค่ไหนแล้วที่แม่ฉันไม่เอาพ่อเธอมาเป็นสามี โชคดีของแม่ที่เจอคนดีๆ อย่างพ่อฉัน” มณีมาลาหัวเราะเย้ยหยันหวังจะให้อีกฝ่ายเจ็บใจทว่าคนอย่างกรองขวัญหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ เธอเองก็โต้ตอบเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน
“อ้าว…แต่ที่ฉันได้ยินมาพ่อฉันเป็นคนทิ้งแม่เธอไปไม่ใช่เหรอ ก็ไม่รู้ว่าก่อนที่แม่เธอจะหอบผ้าหอบผ่อนไปหาพ่อเธอนี่ เสียอะไรๆ ไปแล้วบ้าง”
“แก…”
“อย่าขึ้นแกกับฉัน” กรองขวัญชี้หน้าแล้วใช้ไหล่กระแทกอีกฝ่ายจนเซไปปะทะตัวรถแล้วเดินลิ่วหนีไม่หันกลับมามองซ้ำ
มณีมาลามองตามอย่างเจ็บใจที่ทำอะไรคู่อริไม่ได้เสียที
“ฝากไว้ก่อนเถอะกรองขวัญ สักวันฉันจะทำให้แกทั้งเจ็บทั้งอาย”
ส่วนกรองขวัญเดินเข้าห้างสรรพสินค้าไปอย่างหัวเสีย หากไม่เพราะต้องเอานาฬิกาของปู่มาซ่อมที่ร้านภายในห้างนี้เธอก็คงไม่ต้องมาเจอกับมณีมาลาที่หากเป็นไปได้เธออยากแปลงร่างตัวเองให้หดเล็กลงไม่ให้มณีมาลามองเห็นจะได้ไม่ต้องปะทะคารมให้เมื่อยปาก
เธอเองไม่เคยอยากละลาบละล้วงไปถึงผู้ใหญ่เลยสักนิด แต่มณีมาลาไม่เคยหยุดหาเรื่องเห็นจะมีแค่ปมเรื่องแม่ที่จะหยุดปากมณีมาลาไว้ได้
หญิงสาวเอานาฬิกาของปู่ไปส่งซ่อมแล้วแวะซื้อข้าวของหลายอย่างกลับเข้าบ้านไปด้วย เพราะไม่ค่อยมีเวลาว่างได้แวะเวียนมาบ่อยนัก หลังเจรจาต่อรองเรื่องราคาปุ๋ยที่จำเป็นต้องสั่งล็อตใหญ่เธอก็ต้องปาดเหงื่อกับราคาปุ๋ยที่แพงมากขึ้นกว่าปีที่แล้วหลายสิบบาทต่อถุงซึ่งเป็นต้นทุนที่มากเอาการ
หลังซื้อของเสร็จหญิงสาวถือของมาพลุงพลัง เดินสวนกับตุลธรที่หนนี้ไม่มีกันต์นธีตามมาด้วย เหตุเพราะกันต์นธีปวดท้องกะทันหันเลยเลี้ยวเข้าห้องน้ำไป เธอมองสบตากับเขาครู่หนึ่ง ตุลธรเห็นว่าในมือเธอถือของหลายอย่างจึงพยายามปัดความหงุดหงิดที่มีเรื่องกันออกไปจะเข้าช่วยแต่โดนใครคนหนึ่งชนเข้าเสียก่อน เมื่อเงยหน้ามาอีกทีหญิงสาวก็หายไปจากสายตาเสียแล้ว
“ผู้ชายอะไร้ แล้งน้ำใจ” กรองขวัญยัดข้าวของหลายอย่างใส่ในกระโปรงรถด้านหลัง แต่บ่นไปก็เท่านั้น เธอกับเขาเพิ่งมีเรื่องกันจะหวังให้เขามาช่วยถือของได้อย่างไร
หญิงสาวส่ายหน้าขำๆ ให้กับตัวเองแล้วขึ้นรถขับออกไป เพราะมีเรื่องหลายอย่างอัดแน่นในสมอง ไม่นานเธอก็ลืมผู้ชายแล้งน้ำใจ ปากจัดที่ชื่อตุลธรไปสนิท

มณีมาลามุ่นคิ้วเมื่อลงจากรถแล้วเห็นว่าหน้าบ้านมีรถอีกคันจอดอยู่ก่อนแล้ว รอยหมิ่นแคลนปรากฏขึ้นในหน้าเมื่อเห็นว่ารถสปอร์ตราคาแพงคันนี้มีรอยบุบบี้ไม่แตกต่างจากรถราคาถูกของกรองขวัญ
“ใครมา แขกคุณพ่อหรือ” เธอถามเมื่อเห็นแม่บ้านเดินออกมาเพื่อช่วยถือของ เพราะเป็นที่รู้กันว่าหากมณีมาลาหายออกไปช็อปปิ้งต้องมีข้าวของมาเต็มรถ
“ค่ะเห็นคุณกันอยู่นานแล้ว”
หญิงสาวยักไหล่ ไม่สนใจอีก แขกของพ่อก็คงเป็นผู้ชายแก่ๆ สักคนไม่ชวนคุยเรื่องอีหนูก็คงคุยเรื่องตีกอล์ฟที่เธอเห็นว่าน่าเบื่อเป็นที่สุดจึงคิดจะเดินเลี่ยงไป แต่แขกของพ่อก็เดินออกมาเสียก่อน
มณีมาลานิ่งอึ้งกับความหล่อล่ำของแขกผู้มาเยือน ร่างสูง ผึ่งผาย ใบหน้าหล่อเข้ม ยิ่งมีคิ้วเข้มประดับเหนือดวงตายาวรีสีดำสนิทก็ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ล้ำลึกราวกับมีมนต์สะกดให้เธอจ้องอยู่อย่างนั้น ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่จึงได้ละสายตาไปมองส่วนอื่นของเครื่องหน้านั้นได้
“หล่อ…” มณีมาลาเผลอชมออกมาซึ่งหน้าทำให้ตุลธรหัวเราะแต่คนเป็นพ่อวางหน้าไม่ถูกได้แต่ถลึงตาใส่ลูกสาวที่แสดงกิริยาออกมาเกินงาม
“ยายมิ้นต์”
“เอ่อ…ขอโทษทีค่ะคุณพ่อมิ้นต์แค่เผลอตัวไปหน่อย” ปากตอบพ่อแต่ตามองแขกของพ่อตาเชื่อม ผู้ชายคนนี้หล่อจัดอย่างที่จะทำให้สาวๆ ที่ไหนเห็นใจละลาย หล่อเสียยิ่งกว่าพระเอกละครเสียอีก
“ผมตุลธรครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ…”
“มณีมาลาค่ะ เรียกแบบสนิทๆ ว่ามิ้นต์ก็ได้” หญิงสาวยื่นมือออกไปให้ ชายหนุ่มสัมผัสมือเธอแล้วจะรีบปล่อยเพราะเกรงใจมานพแต่หญิงสาวบีบไว้ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ตายังมองมาหาอย่างหวานเชื่อม
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมขัดขึ้นชายหนุ่มจึงรีบชักมือกลับ
“ไม่ยักทราบว่าพ่อมีแขกมาที่บ้าน เป็นแขกที่…หน้าตาดีเสียด้วย” มณีมาลาไม่สนกับสีหน้าเจื่อนจางของผู้เป็นพ่อ เหตุเพราะเธอไม่เคยปิดบังความรู้สึกอะไรของตัวเองมาตั้งแต่เล็กจนโต เพราะเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กและเป็นลูกสาวคนเดียวหญิงสาวจึงถูกตามใจทุกอย่าง ไม่ว่าอยากจะได้อะไรมานพก็ทูนหัวให้ทุกอย่าง และครั้งนี้เธอถูกตาต้องใจกับแขกคนนี้ของพ่อตั้งแต่แรกเห็น
“คุณตุลเป็นแขกของไร่เรา เขามาติดต่อขอซื้อที่”
“ซื้อที่? แหม…เราไม่มีที่ว่างจะขายให้ด้วยสิคะคุณตุล ถ้าเปลี่ยนจากซื้อที่มาทำไร่กับเราจะไม่ดีกว่าหรือคะ” มณีมาลาบอกด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อย
มานพถอนหายใจแต่จะขัดใจมณีมาลาก็คงไม่ได้ เพราะลูกสาวเขาถูกตามใจมาจนกลายเป็นไม้แก่ที่ดัดไม่ได้ไปเสียแล้ว
“คุณตุลอยากได้ที่ดินมาทำรีสอร์ต เขาสนใจที่ดินแถวนี้โดยเฉพาะที่ว่างติดไร่ข้าวโพดดวงตะวัน รู้สึกจะยังเป็นของไร่ดวงตะวันอยู่นะ”
“ที่ดินของนังขวัญ ก็ไม่แน่นะคะ พ่อก็รู้ว่าแม่นั่นถังแตก” มณีมาลายักไหล่ เห็นว่ายืนกันจนเมื่อยแล้วจึงหันมาหาพ่อ “นี่ก็เย็นมากแล้วคุณพ่อจะไม่ชวนคุณตุลธรกินอาหารเย็นกับเราหรือคะ”
“ชวนแล้วแต่คุณตุลมีธุระ”
“โธ่…ธุระอะไรกันคะ มืดค่ำแล้ว เวลานี้เป็นเวลากินอาหารกันนะคะ” มณีมาลาทำหน้าผิดหวัง หากได้รับประทานอาหารค่ำด้วยกันมื้อนี้เธอก็จะเชื่อมสัมพันธไมตรีไปหาเขาได้อีกก้าวหนึ่ง ท่าทางของเขาดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ขับรถสปอร์ตราคาหลายล้านถึงแม้ว่าจะพังไปหน่อยแต่เชื่อว่าการที่เขามากว้านซื้อที่ดินแถบนี้เพื่อจะสร้างรีสอร์ตฐานะก็คงจะไม่ธรรมดาเท่าไรนัก
“เพื่อนผมไม่สบายครับ อาหารเป็นพิษ ผมทิ้งให้อยู่คนเดียวที่โรงแรม”
“เห็นไหมคะ เพราะกินอาหารไม่สะอาดก็เลยท้องเสีย นี่หากคุณไปกินที่อื่นอีก เกิดอาหารเป็นพิษไปอีกคนแล้วใครจะดูแลกันละคะ” หญิงสาวให้เหตุผล ไม่รอฟังว่าชายหนุ่มจะตอบรับหรือปฏิเสธเธอก็คว้าแขนเขาให้เดินเข้าไปในห้องรับแขก คนเป็นพ่อได้แต่เดินตามหลังไป
“รอสักครู่นะคะ มิ้นต์ให้คนตั้งโต๊ะเดี๋ยวเดียว”
“ขอบคุณมากครับคุณมิ้นต์” ตุลธรค้อมศีรษะลงรับ เป็นห่วงก็แต่กันต์นธีที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างแต่เพราะได้ยินมณีมาลาพูดถึงเจ้าของไร่ดวงตะวัน เขาถึงได้ยอมอยู่ต่อ หากเจ้าของไร่ถังแตกอย่างที่มณีมาลาว่า เขาก็มีหวังจะได้ที่ดินแปลงสวยแปลงนี้
“เอ่อ…ครู่นี้คุณมิ้นต์พูดถึงเจ้าของไร่ดวงตะวัน…” เขาเริ่มเรื่องเมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จแล้วหญิงสาวก็ไม่พูดเรื่องไร่ดวงตะวันที่เขาอยากได้เสียที
“อ้อ…ค่ะ ไร่ที่คุณตุลอยากได้ชื่อว่าไร่ดวงตะวัน มีที่ดินสวยๆ ติดถนนใหญ่แล้วก็ติดภูเขาหลายแปลงเชียวค่ะ เจ้าของไร่กำลังถังแตกเพราะหนี้สินรุงรัง ไม่แน่นะคะว่าเขาอาจจะอยากขายที่ให้คุณตุลก็ได้” มณีมาลาบอกขึ้นเจื้อยแจ้ว หากเธอช่วยให้เขาซื้อที่ดินของไร่ดวงตะวันได้เขาก็คงจะตอบแทนเธอด้วย…
แค่คิดหัวใจของเธอก็วาบหวาม สายตาของเขาช่างเย้ายวนชวนให้หลงใหลราวกับว่ามันอาบเสน่ห์ยาแฝดเอาไว้เพื่อหลอมละลายใจเธอ
รักแรกพบมันเป็นอย่างนี้เอง
“ผมอยากพบเจ้าของไร่ครับ แต่เอ๊ะ…ชื่อกรองขวัญเหรอ” ชายหนุ่มพึมพำ หวังในใจว่าคงจะเป็นคนละกรองขวัญ เพราะหากเป็นแม่คู่กรณีสาวของเขา อย่างไรก็คงไม่มีทางขายที่ให้แน่ๆ
“ค่ะ แม่กรองขวัญ ถ้าคุณอยากพบมิ้นต์จะพาไป”
“ดีเลยครับ ผมอยากได้ที่ดินแปลงนั้นมาก ถ้าเขายอมขาย ผมให้ค่าตอบแทนคุณมิ้นต์แน่ๆ” ชายหนุ่มเสนอขึ้นทำให้หญิงสาวตาวาว
ที่ดินแถวนี้แพงยิ่งกว่าเพชรกับทองคำ เชื่อแน่ว่าค่านายหน้าของเธอก็คงจะหลายแสนบาท งานง่ายๆ แค่นี้ก็พอให้ช็อปปิ้งไปอย่างสบายกระเป๋าไปนาน
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ มิ้นต์เต็มใจช่วย” หญิงสาวยิ้มหวาน ปากว่าอย่างหนึ่งแต่ในใจคิดอีกอย่างหนึ่ง แต่มานพไม่เห็นด้วย
“พ่อว่าหนูจะทำให้งานคุณตุลเขาเสียหาย”
“เอ๊ะ…ทำไมคุณพ่อมาว่ามิ้นต์แบบนี้ละคะ มิ้นต์อุตส่าห์ตั้งใจช่วยคุณตุล” มณีมาลาหน้างอง้ำ หงุดหงิดที่พ่อไม่ยอมช่วย หากเธอกับเขาคบหากันพ่อก็มีแต่ได้กับได้ ผู้ชายรวยๆ หล่อๆ แบบนี้ใช่ว่าจะผ่านเข้ามาให้เห็นกันได้ง่ายๆ เสียเมื่อไร
เธอเองก็อายุขนาดนี้แล้ว จะทำเล่นตัวนักก็ไม่ได้ ที่ผ่านมามีผู้ชายมากหน้าหลายตามาจีบจนหัวกระไดไม่แห้งก็จริงแต่ก็นั่นแหละไม่มีใครถูกใจเธอเท่านี้มาก่อน ที่รวยก็หัวล้านพุงพลุ้ย ที่หน้าตาหล่อเข้าขั้นฐานะก็ยังไม่ดีพอ ผิดกับตุลธรที่คุณสมบัติครบ
“ก็หนูกับกรองขวัญไม่ถูกกัน ไปก็ทะเลาะกันเปล่าๆ” มานพว่าขึ้นหญิงสาวจึงหน้าเจื่อน เพราะลืมคิดข้อนี้ไปสนิท หากพลาดพลั้งไปค่านายหน้าของเธอก็คงหายวับในพริบตา
“แล้วจะทำยังไงดีละคะ”
“ผมไปติดต่อเองก็ได้ครับ ผมมากับผู้ช่วย รายนั้นเขามีวิธีพูดโน้มน้าวคนได้ดีกว่าผม แล้วก็ต่อราคาเก่งเสียด้วย” เขาเอ่ยขึ้นทว่าญิงสาวหน้าเสีย หากให้เขาติดต่อเองเธอก็ชวดเงินค่านายหน้าที่เพิ่งฝันหวานไปหยกๆ และที่สำคัญเธอไม่อยากให้ตุลธรได้พบกับกรองขวัญโดยไม่มีเธอขั้นกลาง ถึงแม่นั่นจะจืดชืดเย็นชาอย่างไรแต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือความสวย
มณีมาลามองหน้าพ่อ ส่งความหมายด้วยสายตา มานพเองก็เสียดายค่านายหน้าที่ลูกสาวจะได้เช่นเดียวกันจึงได้เอ่ยขึ้น
“อย่างนั้นพรุ่งนี้พ่อจะเชิญกรองขวัญมากินข้าวที่บ้านเรา”
“จริงด้วยค่ะพ่อ พ่อเชิญมาแม่กรองขวัญต้องมาแน่ๆ”
“ขอบคุณคุณอากับคุณมิ้นต์มากนะครับ ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่มาที่นี่ ผมรับรองครับหากผมได้ที่ดินของไร่ดวงตะวัน ผมมีค่าตอบแทนให้แน่ๆ” เขาบอกแล้วพลิกข้อมือดูนาฬิกา “เห็นจะต้องขอตัวนะครับ เพราะปล่อยเพื่อนไว้คนเดียว ป่านนี้มันคงด่าผมเปิงไปแล้ว”
“จะกลับแล้วหรือคะ เสียดายจังกำลังคุยสนุกเชียว” มณีมาลาทำหน้าเสียดาย
“แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่ครับ อ้อ…นี่นามบัตรผมนะครับ ถ้าเชิญเจ้าของไร่ดวงตะวันมาได้รบกวนโทรแจ้งผมนะครับ ผมจะรีบมา” ตุลธรยื่นนามบัตรให้
หญิงสาวรับมาแล้วพลิกดู ตาโตเมื่อเห็นนามสกุลของเขา
ตุลธร รุจีโรจน์อนันต์
นะ…นี่มัน ทายาทตระกูลดังที่รวยมากจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของโรงแรมดังๆ อย่างรุจีโรจน์โฮเตล และอนันต์รุจีโฮเตล โรงแรมระดับหกดาว แล้วยังจะกิจการอีกหลายต่อหลายอย่าง คนในแวดวงธุรกิจกับแวดวงไฮโซจะต้องรู้จัก
ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้มากวัยกว่าแล้วหมุนตัวออกไป เมื่อรถสปอร์ตสุดหรูของชายหนุ่มเคลื่อนห่างออกไปแล้วจึงกรี๊ดขึ้นจนมานพกับแม่บ้านที่ยังคอยรับใช้อยู่ไม่ไกลต้องยกมือขึ้นมาปิดหู
กรี๊ด!!
“อะไรกันหนู พ่อแสบแก้วหูไปหมดแล้ว”
“คุณพ่อมาดูนี่สิคะ ตุลธร รุจีโรจน์อนันต์ นามสกุลดังแค่ไหนคุณพ่อทำธุรกิจก็คงทราบ” หญิงสาวยื่นนามบัตรให้ผู้เป็นพ่อ
มานพรับมาแล้วพยักหน้าพอใจ หากลูกสาวเขาผูกใจตุลธรไว้ได้ก็คงมีแต่ได้กับได้ โครงการที่คิดจะขยายอาณาเขตไร่ออกไปอีกของเขาก็คงจะเป็นจริงในไม่ช้า
“พวกนี้รวยจริง”
“แค่เห็นมาดก็รู้แล้วค่ะคุณพ่อว่ารวยจริง” มณีมาลาหัวเราะร่วน หยิบนามบัตรมาแนบอก สีหน้าพราวไปด้วยความฝัน
“ถ้าหนูทำให้เขารักได้…”
มณีมาลาเลิกคิ้วเมื่อขึ้นมานั่งบนรถภายหลังจากไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองแล้วรถของคู่อริแล่นช้าๆ มาจอดเทียบเธอจึงเปลี่ยนใจลงจากรถมาทักทายหรือจะเรียกให้ถูกก็มาเยาะเย้ยเสียมากกว่า
“รถเธอนี่ยังเก่าไม่พอเหรอจ๊ะขวัญ ถึงได้…” เลือกที่จะไม่พูดแต่สายตาที่หรี่มองบ่งบอกความหมายของมันได้เป็นอย่างดี
กรองขวัญไม่อยากเสวนาด้วยจึงได้เดินเลี่ยงไปแต่ฝ่ายนั้นยังตามมาดักหน้า
“เดี๋ยว! ฉันพูดด้วยไม่ได้ยินเหรอ” มณีมาลาตวาดหญิงสาวจึงเลิกคิ้ว
“เหรอ…นึกว่าเห่า”
“กรองขวัญ! มันจะมากเกินไปแล้วนะ ฉันพูดกับเธอดีๆ”
“ตอนนี้เธอพูดดีๆ แต่ถ้าฉันเผลอตัวโต้ตอบกับเธอเมื่อไหร่มันก็จะกลายเป็นพูดไม่ดี วันนี้ขี้เกียจทะเลาะ ไม่มีอารมณ์” กรองขวัญเสียงเข้ม จ้องตาดุเข้าใส่แต่อีกฝ่ายไม่ยอมหลีกทาง
“อารมณ์เสียมาจากไหน เอ…หรือว่าไร่เธอจะเจ๊งแล้วก็เลยหงุดหงิด” มณีมาลามองเยาะ มองรถที่บุบด้านหน้าของคู่อริแล้วปิดปากหัวเราะ “ต๊าย…ไม่มีเงินซ่อมรถเหรอจ๊ะ ยืมฉันได้นะ”
“ไม่จำเป็น”
“จำเป็นสิจ๊ะ เพราะฉันแอบได้ยินมาว่าเธอกำลังถังแตกสุดๆ เพราะพ่อเธอผลาญเงินไปจนจะหมดบ้าน ทิ้งหนี้สินไว้ให้ลูกสาวคนเดียวตามใช้”
“อย่าลามปามถึงพ่อฉัน” เจ้าของไร่ดวงตะวันเสียงเข้ม พยายามข่มอารมณ์เอาไว้อย่างที่สุด วันนี้เธอมีเรื่องกับตุลธรแล้ว ยังไม่อยากทะเลาะกับมณีมาลาให้ปวดหัวอีก
“ทำไมจะลามปามไม่ได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง ดีแค่ไหนแล้วที่แม่ฉันไม่เอาพ่อเธอมาเป็นสามี โชคดีของแม่ที่เจอคนดีๆ อย่างพ่อฉัน” มณีมาลาหัวเราะเย้ยหยันหวังจะให้อีกฝ่ายเจ็บใจทว่าคนอย่างกรองขวัญหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ เธอเองก็โต้ตอบเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน
“อ้าว…แต่ที่ฉันได้ยินมาพ่อฉันเป็นคนทิ้งแม่เธอไปไม่ใช่เหรอ ก็ไม่รู้ว่าก่อนที่แม่เธอจะหอบผ้าหอบผ่อนไปหาพ่อเธอนี่ เสียอะไรๆ ไปแล้วบ้าง”
“แก…”
“อย่าขึ้นแกกับฉัน” กรองขวัญชี้หน้าแล้วใช้ไหล่กระแทกอีกฝ่ายจนเซไปปะทะตัวรถแล้วเดินลิ่วหนีไม่หันกลับมามองซ้ำ
มณีมาลามองตามอย่างเจ็บใจที่ทำอะไรคู่อริไม่ได้เสียที
“ฝากไว้ก่อนเถอะกรองขวัญ สักวันฉันจะทำให้แกทั้งเจ็บทั้งอาย”
ส่วนกรองขวัญเดินเข้าห้างสรรพสินค้าไปอย่างหัวเสีย หากไม่เพราะต้องเอานาฬิกาของปู่มาซ่อมที่ร้านภายในห้างนี้เธอก็คงไม่ต้องมาเจอกับมณีมาลาที่หากเป็นไปได้เธออยากแปลงร่างตัวเองให้หดเล็กลงไม่ให้มณีมาลามองเห็นจะได้ไม่ต้องปะทะคารมให้เมื่อยปาก
เธอเองไม่เคยอยากละลาบละล้วงไปถึงผู้ใหญ่เลยสักนิด แต่มณีมาลาไม่เคยหยุดหาเรื่องเห็นจะมีแค่ปมเรื่องแม่ที่จะหยุดปากมณีมาลาไว้ได้
หญิงสาวเอานาฬิกาของปู่ไปส่งซ่อมแล้วแวะซื้อข้าวของหลายอย่างกลับเข้าบ้านไปด้วย เพราะไม่ค่อยมีเวลาว่างได้แวะเวียนมาบ่อยนัก หลังเจรจาต่อรองเรื่องราคาปุ๋ยที่จำเป็นต้องสั่งล็อตใหญ่เธอก็ต้องปาดเหงื่อกับราคาปุ๋ยที่แพงมากขึ้นกว่าปีที่แล้วหลายสิบบาทต่อถุงซึ่งเป็นต้นทุนที่มากเอาการ
หลังซื้อของเสร็จหญิงสาวถือของมาพลุงพลัง เดินสวนกับตุลธรที่หนนี้ไม่มีกันต์นธีตามมาด้วย เหตุเพราะกันต์นธีปวดท้องกะทันหันเลยเลี้ยวเข้าห้องน้ำไป เธอมองสบตากับเขาครู่หนึ่ง ตุลธรเห็นว่าในมือเธอถือของหลายอย่างจึงพยายามปัดความหงุดหงิดที่มีเรื่องกันออกไปจะเข้าช่วยแต่โดนใครคนหนึ่งชนเข้าเสียก่อน เมื่อเงยหน้ามาอีกทีหญิงสาวก็หายไปจากสายตาเสียแล้ว
“ผู้ชายอะไร้ แล้งน้ำใจ” กรองขวัญยัดข้าวของหลายอย่างใส่ในกระโปรงรถด้านหลัง แต่บ่นไปก็เท่านั้น เธอกับเขาเพิ่งมีเรื่องกันจะหวังให้เขามาช่วยถือของได้อย่างไร
หญิงสาวส่ายหน้าขำๆ ให้กับตัวเองแล้วขึ้นรถขับออกไป เพราะมีเรื่องหลายอย่างอัดแน่นในสมอง ไม่นานเธอก็ลืมผู้ชายแล้งน้ำใจ ปากจัดที่ชื่อตุลธรไปสนิท

มณีมาลามุ่นคิ้วเมื่อลงจากรถแล้วเห็นว่าหน้าบ้านมีรถอีกคันจอดอยู่ก่อนแล้ว รอยหมิ่นแคลนปรากฏขึ้นในหน้าเมื่อเห็นว่ารถสปอร์ตราคาแพงคันนี้มีรอยบุบบี้ไม่แตกต่างจากรถราคาถูกของกรองขวัญ
“ใครมา แขกคุณพ่อหรือ” เธอถามเมื่อเห็นแม่บ้านเดินออกมาเพื่อช่วยถือของ เพราะเป็นที่รู้กันว่าหากมณีมาลาหายออกไปช็อปปิ้งต้องมีข้าวของมาเต็มรถ
“ค่ะเห็นคุณกันอยู่นานแล้ว”
หญิงสาวยักไหล่ ไม่สนใจอีก แขกของพ่อก็คงเป็นผู้ชายแก่ๆ สักคนไม่ชวนคุยเรื่องอีหนูก็คงคุยเรื่องตีกอล์ฟที่เธอเห็นว่าน่าเบื่อเป็นที่สุดจึงคิดจะเดินเลี่ยงไป แต่แขกของพ่อก็เดินออกมาเสียก่อน
มณีมาลานิ่งอึ้งกับความหล่อล่ำของแขกผู้มาเยือน ร่างสูง ผึ่งผาย ใบหน้าหล่อเข้ม ยิ่งมีคิ้วเข้มประดับเหนือดวงตายาวรีสีดำสนิทก็ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ล้ำลึกราวกับมีมนต์สะกดให้เธอจ้องอยู่อย่างนั้น ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่จึงได้ละสายตาไปมองส่วนอื่นของเครื่องหน้านั้นได้
“หล่อ…” มณีมาลาเผลอชมออกมาซึ่งหน้าทำให้ตุลธรหัวเราะแต่คนเป็นพ่อวางหน้าไม่ถูกได้แต่ถลึงตาใส่ลูกสาวที่แสดงกิริยาออกมาเกินงาม
“ยายมิ้นต์”
“เอ่อ…ขอโทษทีค่ะคุณพ่อมิ้นต์แค่เผลอตัวไปหน่อย” ปากตอบพ่อแต่ตามองแขกของพ่อตาเชื่อม ผู้ชายคนนี้หล่อจัดอย่างที่จะทำให้สาวๆ ที่ไหนเห็นใจละลาย หล่อเสียยิ่งกว่าพระเอกละครเสียอีก
“ผมตุลธรครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ…”
“มณีมาลาค่ะ เรียกแบบสนิทๆ ว่ามิ้นต์ก็ได้” หญิงสาวยื่นมือออกไปให้ ชายหนุ่มสัมผัสมือเธอแล้วจะรีบปล่อยเพราะเกรงใจมานพแต่หญิงสาวบีบไว้ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ตายังมองมาหาอย่างหวานเชื่อม
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมขัดขึ้นชายหนุ่มจึงรีบชักมือกลับ
“ไม่ยักทราบว่าพ่อมีแขกมาที่บ้าน เป็นแขกที่…หน้าตาดีเสียด้วย” มณีมาลาไม่สนกับสีหน้าเจื่อนจางของผู้เป็นพ่อ เหตุเพราะเธอไม่เคยปิดบังความรู้สึกอะไรของตัวเองมาตั้งแต่เล็กจนโต เพราะเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กและเป็นลูกสาวคนเดียวหญิงสาวจึงถูกตามใจทุกอย่าง ไม่ว่าอยากจะได้อะไรมานพก็ทูนหัวให้ทุกอย่าง และครั้งนี้เธอถูกตาต้องใจกับแขกคนนี้ของพ่อตั้งแต่แรกเห็น
“คุณตุลเป็นแขกของไร่เรา เขามาติดต่อขอซื้อที่”
“ซื้อที่? แหม…เราไม่มีที่ว่างจะขายให้ด้วยสิคะคุณตุล ถ้าเปลี่ยนจากซื้อที่มาทำไร่กับเราจะไม่ดีกว่าหรือคะ” มณีมาลาบอกด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อย
มานพถอนหายใจแต่จะขัดใจมณีมาลาก็คงไม่ได้ เพราะลูกสาวเขาถูกตามใจมาจนกลายเป็นไม้แก่ที่ดัดไม่ได้ไปเสียแล้ว
“คุณตุลอยากได้ที่ดินมาทำรีสอร์ต เขาสนใจที่ดินแถวนี้โดยเฉพาะที่ว่างติดไร่ข้าวโพดดวงตะวัน รู้สึกจะยังเป็นของไร่ดวงตะวันอยู่นะ”
“ที่ดินของนังขวัญ ก็ไม่แน่นะคะ พ่อก็รู้ว่าแม่นั่นถังแตก” มณีมาลายักไหล่ เห็นว่ายืนกันจนเมื่อยแล้วจึงหันมาหาพ่อ “นี่ก็เย็นมากแล้วคุณพ่อจะไม่ชวนคุณตุลธรกินอาหารเย็นกับเราหรือคะ”
“ชวนแล้วแต่คุณตุลมีธุระ”
“โธ่…ธุระอะไรกันคะ มืดค่ำแล้ว เวลานี้เป็นเวลากินอาหารกันนะคะ” มณีมาลาทำหน้าผิดหวัง หากได้รับประทานอาหารค่ำด้วยกันมื้อนี้เธอก็จะเชื่อมสัมพันธไมตรีไปหาเขาได้อีกก้าวหนึ่ง ท่าทางของเขาดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ขับรถสปอร์ตราคาหลายล้านถึงแม้ว่าจะพังไปหน่อยแต่เชื่อว่าการที่เขามากว้านซื้อที่ดินแถบนี้เพื่อจะสร้างรีสอร์ตฐานะก็คงจะไม่ธรรมดาเท่าไรนัก
“เพื่อนผมไม่สบายครับ อาหารเป็นพิษ ผมทิ้งให้อยู่คนเดียวที่โรงแรม”
“เห็นไหมคะ เพราะกินอาหารไม่สะอาดก็เลยท้องเสีย นี่หากคุณไปกินที่อื่นอีก เกิดอาหารเป็นพิษไปอีกคนแล้วใครจะดูแลกันละคะ” หญิงสาวให้เหตุผล ไม่รอฟังว่าชายหนุ่มจะตอบรับหรือปฏิเสธเธอก็คว้าแขนเขาให้เดินเข้าไปในห้องรับแขก คนเป็นพ่อได้แต่เดินตามหลังไป
“รอสักครู่นะคะ มิ้นต์ให้คนตั้งโต๊ะเดี๋ยวเดียว”
“ขอบคุณมากครับคุณมิ้นต์” ตุลธรค้อมศีรษะลงรับ เป็นห่วงก็แต่กันต์นธีที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างแต่เพราะได้ยินมณีมาลาพูดถึงเจ้าของไร่ดวงตะวัน เขาถึงได้ยอมอยู่ต่อ หากเจ้าของไร่ถังแตกอย่างที่มณีมาลาว่า เขาก็มีหวังจะได้ที่ดินแปลงสวยแปลงนี้
“เอ่อ…ครู่นี้คุณมิ้นต์พูดถึงเจ้าของไร่ดวงตะวัน…” เขาเริ่มเรื่องเมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จแล้วหญิงสาวก็ไม่พูดเรื่องไร่ดวงตะวันที่เขาอยากได้เสียที
“อ้อ…ค่ะ ไร่ที่คุณตุลอยากได้ชื่อว่าไร่ดวงตะวัน มีที่ดินสวยๆ ติดถนนใหญ่แล้วก็ติดภูเขาหลายแปลงเชียวค่ะ เจ้าของไร่กำลังถังแตกเพราะหนี้สินรุงรัง ไม่แน่นะคะว่าเขาอาจจะอยากขายที่ให้คุณตุลก็ได้” มณีมาลาบอกขึ้นเจื้อยแจ้ว หากเธอช่วยให้เขาซื้อที่ดินของไร่ดวงตะวันได้เขาก็คงจะตอบแทนเธอด้วย…
แค่คิดหัวใจของเธอก็วาบหวาม สายตาของเขาช่างเย้ายวนชวนให้หลงใหลราวกับว่ามันอาบเสน่ห์ยาแฝดเอาไว้เพื่อหลอมละลายใจเธอ
รักแรกพบมันเป็นอย่างนี้เอง
“ผมอยากพบเจ้าของไร่ครับ แต่เอ๊ะ…ชื่อกรองขวัญเหรอ” ชายหนุ่มพึมพำ หวังในใจว่าคงจะเป็นคนละกรองขวัญ เพราะหากเป็นแม่คู่กรณีสาวของเขา อย่างไรก็คงไม่มีทางขายที่ให้แน่ๆ
“ค่ะ แม่กรองขวัญ ถ้าคุณอยากพบมิ้นต์จะพาไป”
“ดีเลยครับ ผมอยากได้ที่ดินแปลงนั้นมาก ถ้าเขายอมขาย ผมให้ค่าตอบแทนคุณมิ้นต์แน่ๆ” ชายหนุ่มเสนอขึ้นทำให้หญิงสาวตาวาว
ที่ดินแถวนี้แพงยิ่งกว่าเพชรกับทองคำ เชื่อแน่ว่าค่านายหน้าของเธอก็คงจะหลายแสนบาท งานง่ายๆ แค่นี้ก็พอให้ช็อปปิ้งไปอย่างสบายกระเป๋าไปนาน
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ มิ้นต์เต็มใจช่วย” หญิงสาวยิ้มหวาน ปากว่าอย่างหนึ่งแต่ในใจคิดอีกอย่างหนึ่ง แต่มานพไม่เห็นด้วย
“พ่อว่าหนูจะทำให้งานคุณตุลเขาเสียหาย”
“เอ๊ะ…ทำไมคุณพ่อมาว่ามิ้นต์แบบนี้ละคะ มิ้นต์อุตส่าห์ตั้งใจช่วยคุณตุล” มณีมาลาหน้างอง้ำ หงุดหงิดที่พ่อไม่ยอมช่วย หากเธอกับเขาคบหากันพ่อก็มีแต่ได้กับได้ ผู้ชายรวยๆ หล่อๆ แบบนี้ใช่ว่าจะผ่านเข้ามาให้เห็นกันได้ง่ายๆ เสียเมื่อไร
เธอเองก็อายุขนาดนี้แล้ว จะทำเล่นตัวนักก็ไม่ได้ ที่ผ่านมามีผู้ชายมากหน้าหลายตามาจีบจนหัวกระไดไม่แห้งก็จริงแต่ก็นั่นแหละไม่มีใครถูกใจเธอเท่านี้มาก่อน ที่รวยก็หัวล้านพุงพลุ้ย ที่หน้าตาหล่อเข้าขั้นฐานะก็ยังไม่ดีพอ ผิดกับตุลธรที่คุณสมบัติครบ
“ก็หนูกับกรองขวัญไม่ถูกกัน ไปก็ทะเลาะกันเปล่าๆ” มานพว่าขึ้นหญิงสาวจึงหน้าเจื่อน เพราะลืมคิดข้อนี้ไปสนิท หากพลาดพลั้งไปค่านายหน้าของเธอก็คงหายวับในพริบตา
“แล้วจะทำยังไงดีละคะ”
“ผมไปติดต่อเองก็ได้ครับ ผมมากับผู้ช่วย รายนั้นเขามีวิธีพูดโน้มน้าวคนได้ดีกว่าผม แล้วก็ต่อราคาเก่งเสียด้วย” เขาเอ่ยขึ้นทว่าญิงสาวหน้าเสีย หากให้เขาติดต่อเองเธอก็ชวดเงินค่านายหน้าที่เพิ่งฝันหวานไปหยกๆ และที่สำคัญเธอไม่อยากให้ตุลธรได้พบกับกรองขวัญโดยไม่มีเธอขั้นกลาง ถึงแม่นั่นจะจืดชืดเย็นชาอย่างไรแต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือความสวย
มณีมาลามองหน้าพ่อ ส่งความหมายด้วยสายตา มานพเองก็เสียดายค่านายหน้าที่ลูกสาวจะได้เช่นเดียวกันจึงได้เอ่ยขึ้น
“อย่างนั้นพรุ่งนี้พ่อจะเชิญกรองขวัญมากินข้าวที่บ้านเรา”
“จริงด้วยค่ะพ่อ พ่อเชิญมาแม่กรองขวัญต้องมาแน่ๆ”
“ขอบคุณคุณอากับคุณมิ้นต์มากนะครับ ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่มาที่นี่ ผมรับรองครับหากผมได้ที่ดินของไร่ดวงตะวัน ผมมีค่าตอบแทนให้แน่ๆ” เขาบอกแล้วพลิกข้อมือดูนาฬิกา “เห็นจะต้องขอตัวนะครับ เพราะปล่อยเพื่อนไว้คนเดียว ป่านนี้มันคงด่าผมเปิงไปแล้ว”
“จะกลับแล้วหรือคะ เสียดายจังกำลังคุยสนุกเชียว” มณีมาลาทำหน้าเสียดาย
“แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่ครับ อ้อ…นี่นามบัตรผมนะครับ ถ้าเชิญเจ้าของไร่ดวงตะวันมาได้รบกวนโทรแจ้งผมนะครับ ผมจะรีบมา” ตุลธรยื่นนามบัตรให้
หญิงสาวรับมาแล้วพลิกดู ตาโตเมื่อเห็นนามสกุลของเขา
ตุลธร รุจีโรจน์อนันต์
นะ…นี่มัน ทายาทตระกูลดังที่รวยมากจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของโรงแรมดังๆ อย่างรุจีโรจน์โฮเตล และอนันต์รุจีโฮเตล โรงแรมระดับหกดาว แล้วยังจะกิจการอีกหลายต่อหลายอย่าง คนในแวดวงธุรกิจกับแวดวงไฮโซจะต้องรู้จัก
ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้มากวัยกว่าแล้วหมุนตัวออกไป เมื่อรถสปอร์ตสุดหรูของชายหนุ่มเคลื่อนห่างออกไปแล้วจึงกรี๊ดขึ้นจนมานพกับแม่บ้านที่ยังคอยรับใช้อยู่ไม่ไกลต้องยกมือขึ้นมาปิดหู
กรี๊ด!!
“อะไรกันหนู พ่อแสบแก้วหูไปหมดแล้ว”
“คุณพ่อมาดูนี่สิคะ ตุลธร รุจีโรจน์อนันต์ นามสกุลดังแค่ไหนคุณพ่อทำธุรกิจก็คงทราบ” หญิงสาวยื่นนามบัตรให้ผู้เป็นพ่อ
มานพรับมาแล้วพยักหน้าพอใจ หากลูกสาวเขาผูกใจตุลธรไว้ได้ก็คงมีแต่ได้กับได้ โครงการที่คิดจะขยายอาณาเขตไร่ออกไปอีกของเขาก็คงจะเป็นจริงในไม่ช้า
“พวกนี้รวยจริง”
“แค่เห็นมาดก็รู้แล้วค่ะคุณพ่อว่ารวยจริง” มณีมาลาหัวเราะร่วน หยิบนามบัตรมาแนบอก สีหน้าพราวไปด้วยความฝัน
“ถ้าหนูทำให้เขารักได้…”



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มี.ค. 2557, 22:30:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มี.ค. 2557, 22:30:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 956





<< ตอนที่ 1 100%   ตอนที่ 2 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account