ทะเลรัก สีเพลิง
ความเจ็บปวดในอดีต ทำให้เขากลับมาทวงคืนเอากับเธออย่างสาสม ทว่าเมื่อได้อยู่ใกล้กัน หัวใจเขากลับยังไหวหวั่นอยู่เช่นเดิม...แล้วเขาจะทำเช่นไร เมื่อมั่นใจว่ายัง 'รัก' อยู่ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายเกลียดเขาเสียเอง...^^


Tags: Romance ^O^

ตอน: บทที่ 10




10.


หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ห้องนอนของสายลมก็แทบกลายเป็นห้องนอนของชายหนุ่มไปด้วย แม้เธอจะพยายามปฏิเสธแทบทุกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทานทนกับเสน่ห์และถ้อยคำแสนหวานที่เขาขยันเอามาใช้กับเธอ

“พี่เขมหายโกรธสายลมแล้วใช่มั้ยคะ”หญิงสาวเอ่ยถามในความมืด ดวงตาสุกใสมองใบหน้าคร้ามคมที่ปราศจากหนวดเครา หลังจากที่เธออ้อนขอให้เขาโกนมันทิ้งเสียเมื่อหลายวันก่อน

เขมินทร์ลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนปิดตาลงตามเดิมพร้อมกับบอกเธอด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น

“พี่เหนื่อย นอนเถอะ”

สายลมนิ่งไปกับคำตอบที่ได้ยินจากปากของเขา พยายามเขยิบตัวออกห่าง แต่เขมินทร์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นได้ เพียงแค่เขาเกร็งแขนไว้ ร่างบางนั้นก็ไม่สามารถขยับตัวไปไหน ต้องนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างนั้นต่อไป เธอพยายามข่มตาหลับไม่คิดมากกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ แม้ว่าคำตอบของเขาจะทำร้ายความรู้สึกของเธอแค่ไหนก็ตาม

เสียงลมหายใจที่ดังเบา ๆ สม่ำเสมอบอกให้เขมินทร์รับรู้ว่า คนที่อยู่ในอ้อมแขนของตนเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ชายหนุ่มลืมตาขึ้นในความมืด ขยับแขนออกจากหญิงสาวเบา ๆ สายตาทอดมองที่เธอ คราแรกมันเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ ทว่าเพียงไม่นานทุกอย่างก็จางหายเหลือไว้เพียงความรู้สึกอยากรักและทะนุถนอมเธอ

เขมินทร์สะบัดศีรษะแรง ๆ อยู่หลายครั้ง เขาพร่ำบอกกับตัวเองว่า ‘อย่าหลงกลเธอ อย่าปล่อยให้เธอมามีอำนาจเหนือตัวเองอีก’ สิ่งที่เขาทำในวันนี้ เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เธอทำในวันนั้น คำพูดดูถูก ดูแคลน สายตาเหยียบหยามที่เธอมีให้ มันทำให้เขาเจ็บมามากเกินพอแล้ว เขาควรจะจำและไม่โง่ซ้ำอีก!!....ร่างสูงลุกจากเตียงและเดินออกจากห้องนอนของหญิงสาวไปโดยไม่หันหลังกลับมามองอีก


สายลมลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ หวังในใจว่าเธอคงจะได้เจอเขาอยู่ข้าง ๆ ทว่าความหวังก็พังครืนลงอีกครั้งเมื่อไม่พบแม้แต่เงาของเขา หยดน้ำใส ๆ เอ่อคลอเต็มหน่วยตา กี่คืนมาแล้วที่เขาทำแบบนี้กับเธอ หญิงสาวพยายามคิดในแง่ดีว่า เขาอาจจะรีบตื่นเพื่อออกไปทำงาน เพื่อให้ตัวเองหยุดเสียใจกับการกระทำของเขา

“ตื่นแล้วหรือคุณ”เสียงคุ้นหูดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง เรียกให้สายลมรีบเช็ดน้ำตา ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

“ป้า....ขอโทษที ฉันตื่นสายไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่จะขึ้นมาบอกว่า นายไม่อยู่นะ เข้าฝั่ง คราวนี้คงไปหลายวัน....”

“ทำไมเขาไม่รอบอกฉันเองล่ะป้า แล้วเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”สายลมหน้าหมองลงไปอีกเมื่อได้รับข่าวสารจากแม่บ้านสาวใหญ่

“ไปเมื่อเช้านี่แหละ นายว่าเห็นคุณหลับอยู่ เลยไม่อยากปลุก”

คำพูดที่บอกให้รู้ว่าคนพูดน่าจะรู้เรื่องระหว่างเธอและชายหนุ่มแล้ว ทำให้หญิงสาวรู้สึกละอายใจจนไม่กล้ามองสบตา

“เอ่อ...”

“เดี๋ยวป้าไปก่อนละกัน คุณจะนอนต่อก็ได้นะ”

“ไม่แล้วล่ะป้า เดี๋ยวฉันลงตามไปนะ”หญิงสาวส่ายหน้า บอกกับอีกฝ่าย ส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้ ป้าชื่นพยักหน้ารับก่อนหันหลังเดินจากไป


สายลมได้แต่นั่งมองอีกฝ่ายทำงาน เพราะไม่ว่าเธอจะหยิบจับอะไร ก็จะได้ยินแต่คำห้ามปรามตลอด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เธอก็ไม่อยากจะซักถาม เพราะเกรงว่าคำตอบที่ได้รับจะโยงมาถึงเรื่องระหว่างตนกับเจ้านายของอีกฝ่าย

“เขาไปทำอะไรที่ฝั่งหรือป้า”หญิงสาวถามออกไปสั้น ๆ

“ไปทำงาน”คำตอบสั้นห้วน และดูสงวนท่าทีจนน่าแปลกใจ ทำให้หญิงสาวขมวดคิ้ว

“ป้ามีอะไรกับฉันหรือเปล่า ฉันทำอะไรให้ป้าไม่พอใจหรือเปล่า”

ป้าชื่นละจากงานที่ทำ หันมามองหญิงสาวเต็มตา พร้อมกับบอกเธอด้วยคำพูดสั้น ๆ แต่ได้ใจความ

“เพ้อเจ้อ”

คำบอกนั้นทำให้หญิงสาวยิ้มออก และรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น กล้าที่จะเล่นลิ้น พูดคุยอย่างสนิทสนมกับอีกฝ่ายได้ตามเดิม

“มีความสุขกันจังนะ”น้ำเสียงหวานแต่แฝงไปด้วยการประชดประชัน เรียกให้คนที่กำลังสนุกกับการพูดคุยกันอยู่ หันไปมองด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นระอา ด้วยรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป

“นายไม่อยู่ เข้าฝั่งไปแล้วเมื่อเช้า”ป้าชื่นเอ่ยบอกโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถามหา และคาดหวังลึก ๆ ว่า คำบอกของตนจะทำให้แขกไม่ได้รับเชิญกลับไปได้

เกศินีมีสีหน้าไม่พอใจทันทีที่ได้ยินคำบอกนั้น แต่แล้วเธอก็ยิ้มกริ่มอย่างไม่ยี่หระ เดินตรงเข้าไปหาทั้งสอง

“ไม่อยู่แล้วทำไม ไม่อยู่แล้วฉันจะมาที่นี่ไม่ได้หรือไง จำใส่หัวพวกหล่อนไว้ให้ดีด้วยว่า ที่นี่มันเป็นของฉัน ฉันจะมาเมื่อไหร่ก็ได้”

“ทราบค่ะ”ป้าชื่นตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง ไม่หวั่นกับท่าทางที่แสดงความเป็นเจ้าของของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย

“ไปเอาน้ำมาให้ฉันกินหน่อยซิ...”เกศินีเดินมาหยุดตรงหน้าสายลมปรายตามองอีกฝ่าย ก่อนออกคำสั่งเสียงห้วน แต่ทุกอย่างก็ยังคงเงียบและไม่มีการตอบรับจากใครทั้งสิ้น

“ฉันสั่ง ไม่ได้ยินหรือไง”

สายลมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ส่งยิ้มหวานให้และถามออกไปด้วยน้ำเสียงใสซื่อ

“คุณสั่งใครล่ะ”

“แก!.....”

“คุณเกศจะอยู่รอนายใช่หรือเปล่า ฉันจะได้โทรไปบอกนายให้ว่าคุณมา”ป้าชื่นขัดกลางปล้องออกไป หยุดเสียงแว๊ดของอีกฝ่ายเสียชะงัด เกศินีสะบัดหน้าไปมองคนถาม จ้องเขม็งใส่

“ไม่ต้อง ฉันโทรเองได้....เตรียมห้องนอนให้ฉันด้วย”

“ห้องรับแขกพร้อมเสมอค่ะ คุณเข้าพักได้ทันที”ป้าชื่นตอบ แต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมากขึ้น

“ทำไมฉันต้องนอนห้องรับแขก ฉันจะนอนห้องข้าง ๆ พี่เขม”

“เห็นจะไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ห้องนั้นตอนนี้เป็นห้องนอนของสายลมไปแล้ว”

เกศินีหันขวับไปมองหญิงสาวที่นั่งเงียบไม่พูด ไม่จา ชี้นิ้วใส่ก่อนย้ำถามแม่บ้านคนสนิทของชายหนุ่ม

“ยัยนี่นอนที่ห้องนั้นอย่างนั้นหรือ”

“ค่ะ”

“เป็นไปได้ยังไง มันมีสิทธิ์อะไร”

“อันนี้ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คุณเกตุคงต้องรอถามกับนายเอง”

“ป้าชื่น!”

“ค่ะ ป้าชื่น”

“อย่ามาต่อปากต่อคำกับฉันนะ ให้มันรู้ซะบ้างว่าฉันเป็นใคร ป้าเป็นใคร”เกศินีชี้หน้าเต้นเร่า เมื่อโดนแม่บ้านยอกย้อนใส่ แต่ทางฝ่ายคนถูกต่อว่าจะกลัวคำขู่นั้นหรือก็เปล่า ป้าชื่นยังคงนั่งส่งยิ้มให้คนที่ชี้หน้าตัวอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ตกลงว่าคุณเกตุจะค้างที่นี่ หรือว่าจะกลับเข้าฝั่งคะ ถ้าค้างป้าจะได้เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องพักให้”

เกศินีมองหน้าคนถาม ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากอาละวาดใส่เต็มแก่แต่จำต้องสงบนิ่งไว้ ก่อนกระแทกเสียงตอบกลับไป

“ค้าง!”

แม่บ้านสาวใหญ่จำต้องละจากงานที่ทำ เพื่อจัดแจงกับสัมภาระมากมายของอีกฝ่าย ทิ้งให้สายลมต้องอยู่เผชิญหน้ากับแขกไม่ได้รับเชิญอยู่เพียงลำพัง

“อย่าคิดว่า ได้เข้ามาอยู่ในเรือนนี้แล้ว หล่อนจะได้ทุกอย่างนะ”เกศินีเริ่มต้นด้วยคำพูดเหยียด มองอีกฝ่ายด้วยหางตา เมื่อเห็นว่าสายลมไม่ตอบโต้ก็พูดขึ้นต่อ

“เธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นแก้ขัดให้พี่เขมนั่นแหละ อย่าฝันว่าพี่เขมจะยกย่องเธอให้เป็นเมียล่ะ”

แม้ไม่อยากจะใส่ใจอะไรกับคำพูดของเกศินี แต่สายลมก็อดที่จะคิดตามไปกับคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้ ใบหน้าซีดเผือดที่ได้เห็นทำให้เกศินียิ้มกริ่ม สะใจที่ทำให้ศัตรูของตนมีอาการเช่นนั้นได้ ก่อนเดินออกจากที่นั้นมา


จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่ทำธุระของตนเองให้เสร็จก่อนจะกลับเข้าเกาะ ทุกอย่างก็มีอันต้องพับเก็บเมื่อได้รับโทรศัพท์จากคนของตนที่บอกให้รู้ว่า เกาะของตนมีแขกและแขกคนนั้นก็ไม่น่าจะอยู่นิ่งเฉยรอเขากลับไปง่าย ๆ เสียด้วย
เขมินทร์เดินกลับเข้ามาภายในห้องทำงานของคนที่ตนมาพบ ชายหนุ่มมองหน้าคนที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว ถอนใจออกมาเบา ๆ ก่อนบอกอีกฝ่ายไป

“ผมคงต้องกลับเกาะเย็นนี้ครับ...พ่อ”

“ทำไม มีอะไรที่เกาะงั้นหรือ”คนเป็นพ่อถามออกไปสั้น ๆ

“เอ่อ...ครับ เกตุไปที่เกาะครับ ผมกลัวว่า.....”

“ยัยเกตุไปที่เกาะอย่างนั้นหรือ...กลัวจะไปหาเรื่องสร้างเรื่องให้ปวดหัวที่นั่นอีกสินะ”เกษมบอกอย่างรู้ดีถึงนิสัยของลูกสาวตน

“เอ่อ....”

“อืม...ไปเถอะ มีอะไรพ่อจะโทรศัพท์ไปหาอีกทีก็ได้”

“ครับ ขอบคุณครับพ่อ”เขมินทร์ตอบรับ ลุกยืนก่อนบอกลาอีกฝ่ายไป

“เดี๋ยวก่อนเขม”เสียงเรียกที่ดังรั้งไว้ ทำให้เขมินทร์หยุดเดินหันกลับไป นัยน์ตาคมมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

“ถ้าอยากให้ยัยเกตุกลับมา พ่อแนะนำให้พา นุกูล ไปด้วย”เกษมบอกยิ้ม ๆ ไม่อธิบายว่าเพราะอะไร ทำไมจะต้องพา เลขาฯ คนสนิทของตนไปด้วย แม้จะเห็นสีหน้างุนงงของชายหนุ่มก็ตาม

“ครับ”แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในคำแนะนำของคนเป็นพ่อเท่าไหร่นัก แต่เขมินทร์ก็เอ่ยรับคำออกไป ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของท่าน ตรงไปหาชายหนุ่มคนดังกล่าว

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก กำลังยืนคุยอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ ก่อนที่เธอคนนั้นจะผละไปหลังได้รับคำสั่งหรืออะไรสักอย่างเรียบร้อยแล้ว เขมินทร์รอจนกระทั่งหญิงสาวเดินห่างออกไป จึงเดินเข้าไปหา

“นุกูล...ว่างมั้ย”

ชายหนุ่มที่ถูกเรียก หันมาหาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ปกติแล้วเขากับคนตรงหน้า น้อยครั้งนักที่จะมีเรื่องคุย หรือจะได้มาพบปะกันเช่นนี้

“มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”เขาถามออกไป วางงานตรงหน้าลง ใบหน้าเคร่งขรึมรอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย

“จะชวนไปเกาะ”

คำตอบเพียงสั้น ๆ แต่ได้ใจความและกระจ่างแจ้งของเขมินทร์ ส่งให้คนถามถอนใจ รู้ได้ไม่ยากเลยว่า ที่เกาะนั้นมีอะไร หรือใครอยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้นแล้วเขาคงไม่มีทางได้ไปง่าย ๆ หรอก

“ผมจำเป็นต้องไป”เขาถามเสียงสูง แอบหวังลึก ๆ ว่าอีกฝ่ายจะตอบว่า ‘เปล่า ล้อเล่น’ แต่เปล่าเลย เพราะสิ่งที่เขมินทร์ทำคือ มองตรงมาที่เขาด้วยสายตาจริงจัง แน่วแน่

“โอเคครับ....ถ้าอย่างนั้นผมขอเวลาเคลียร์งาน 5 นาที”นุกูลตอบออกไปอย่างรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้วว่า ตนไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน


เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ๆ ในที่สุดนุกูลก็ได้มาเหยียบบนผืนดินแห่งเกาะที่น้อยคนนักจะได้มาเยือน ชายหนุ่มมองสำรวจไปโดยรอบอย่างพิจารณา ก่อนหันกลับมามองที่ร่างสูงผู้เป็นเจ้าของ

“ที่นี่ดูเงียบสงบดีนะครับ คุณเขมแน่ใจหรือครับที่จะเปิดเป็นรีสอร์ท”

“อืม”

“แล้วเกาะรังนก....”เขมินทร์มองหน้าคนถาม เข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายถามมา

“ก็ยังทำอยู่ ได้สัมปทานต่ออีก 5 ปี”

“ครับ”นุกูลพยักหน้ารับรู้ พร้อมกับออกเดินตามเจ้าของเกาะไป สายตายังคงมองซ้ายขวา สำรวจความเป็นไปของเกาะไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเรือนใหญ่ ซึ่งเป็นที่พักของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเกาะ

“ช่วยหน่อยนะ”เขมินทร์หันหลังมาบอกกับเขา และก้าวนำเข้าไปด้านใน ทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าไป เสียงหวานแหลมของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น ส่งให้คนที่เดินตามหลังเจ้าของบ้านมาหยุดชะงัก เบ้หน้าออกไปอย่างลืมตัว

เกศินีวิ่งตรงมาหาชายหนุ่ม เกี่ยวแขนอีกฝ่ายไว้มั่น พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับเขา

“พี่เขมกลับมาเร็วจังเลยค่ะ เกตุนึกว่าอีก 2-3 วันถึงจะกลับเสียอีก เพราะมีคนแถวนี้บอกแบบนั้น”ไม่เพียงแค่พูด แต่สายตาของเธอยังปรายมองไปที่คนแถวนี้ให้ชายหนุ่มได้รู้ด้วยว่า ใครกันที่เป็นคนพูด

“พอดีเคลียร์งานเสร็จเร็วน่ะ เกตุจะมาทำไมไม่บอกพี่ก่อนล่ะ”เขมินทร์ตอบ พยายามแกะมือที่เกี่ยวแขนตัวเองออกอย่างนุ่มนวล แต่ก็ดูเหมือนจะยากเย็นเสียเหลือเกิน เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมทำตามแต่โดยดี

“สวัสดีครับคุณเกศินี”เสียงทุ้มที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้เกศินีชะงักงัน แต่เมื่อไม่มีเสียงใดดังขึ้นมาอีก เธอจึงละความสนใจนั้นไปและคิดว่าตนเองคงหูแว่ว หูฝาดไปเอง ก่อนหันไปคลอเคลียชายหนุ่มต่อด้วยการพาอีกฝ่ายออกเดิน ทว่าก้าวไปได้เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอีก

“จะไม่ทักทายกันเสียหน่อยหรือครับคุณ”

คราวนี้เกศินีเริ่มมั่นใจเสียแล้วว่าตนไม่ได้หูแว่ว ไม่ได้คิดไปเอง หญิงสาวหันหลังกลับไปมองช้า ๆ ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโตคล้ายกับเจอสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต นิ้วเรียวชี้ตรงไปข้างหน้า อ้าปากค้างอย่างไม่คาดคิด

“นะ......นาย นายมาที่นี่ได้ยังไง”

“จะให้ผมตอบมั้ย”นุกูลถามกลับเสียงสูงไม่แพ้กัน นัยน์ตาวาววับเป็นประกายเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเธอ ทีแรกเขาแทบหลุดหัวเราะออกไป ดีที่มีคนอื่นอยู่ด้วยทำให้เขาอดกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ได้

“พี่เขมพานายนี่มาด้วยหรือคะ...”เกศินีหันไปถามชายหนุ่มข้างตัว หวังได้ยินคำปฏิเสธออกมาจากปากของเขา เพื่อที่ตนจะได้หันกลับไปไล่ส่วนเกินไปให้พ้น ๆ ได้ ทว่าความหวังก็มีอันพังทลายเมื่ออีกฝ่ายตอบรับแทนที่จะเป็นปฏิเสธ

“พอดีเห็นว่าว่างอยู่ ก็เลยชวนมา”

“ชวนมา....ชวนมาทำไมคะ นายนี่ไม่เห็นจะมีอะไรดี พี่เขมชวนมาที่นี่ทำไมคะ ไล่กลับไปเถอะค่ะ อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์”ไม่เพียงแค่พูด เธอยังหันไปส่งสายตาพิฆาตใส่คนที่ ‘ไร้ประโยชน์’ เสียหนึ่งครั้ง ก่อนสะบัดหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายไม่ยี่หระแถมยังยิ้มในหน้าส่งมาให้ตนอีก

“ไม่เอาน่ะเกตุ...พี่เหนียวตัวเหลือเกิน พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ ฝากเกตุดูแลนุกูลแทนพี่ด้วยก็แล้วกัน”เขมินทร์ปลดมือของหญิงสาวออกได้ในที่สุด และไม่รีรอให้อีกฝ่ายคว้าตัวเขาไว้ได้อีก

“พี่เขม.....”เกศินีได้แต่ยืนอ้าปากค้าง หลังอีกฝ่ายทิ้งตนไว้โดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง หญิงสาวถอนใจเสียงดัง ก่อนหันไปหาอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากตัวเองไปเท่าไหร่นัก

“กลับไปซะ ไป๊”

“ขอโทษจริง ๆ ครับ ที่ผมไม่สามารถทำตาม ‘คำไล่’ ของคุณได้”นุกูลจงใจเน้นคำว่า ‘ไล่’ ให้หญิงสาวได้รู้ว่าคำพูดของเธอมันออกจะฟังดูเกินไป ในฐานะที่ทั้งเขาและเธอต่างก็เป็น ‘แขก’ ของที่นี่เช่นกัน

“นายตั้งใจจะมากวนประสาทฉันใช่มั้ย คุณพ่อสั่งให้นายมาที่นี่ใช่มั้ย”

“ขอเรียนให้ทราบตรงนี้เลยครับ ว่า ‘ไม่ใช่’”นุกูลตอบชัดถ้อย ชัดคำ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้โกหกแม้สักนิด เพราะเขาไม่ได้รับคำสั่งจากคนเป็นนายจริง ๆ ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่า การที่เขาได้มายืนอยู่ที่นี่ได้ ก็ไม่แคล้วเป็นเจ้านายของเขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายเสนอ

“ถ้าคุณเกศินีไม่อยากที่จะต้องทนเห็นหน้าผม ผมขอเรียนแนะนำว่า ให้คุณเก็บกระเป๋ากลับบ้าน เป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ”
เกศินีกรีดร้องทันทีที่จบประโยคของชายหนุ่ม นิ้วเรียวสั่นระริกชี้ไปที่หน้าของอีกฝ่าย กระทืบเท้าเร่า ๆ อย่างคนที่ไม่ได้ดั่งใจ

“ไอ้...ไอ้....ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้แว่นเนิร์ด ”

นุกูลยืนทำหน้านิ่ง ไม่สะทกสะท้านกับท่าทีและคำบริภาษที่หญิงสาวสรรหามาต่อว่าตน จนสุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายยอมแพ้และล่าถอยไปก็เป็นเกศินีเสียเอง นุกูลยืนมองจนกระทั่งเธอเดินหายลับตาไป ถึงได้หันซ้ายแลขวามองหาใครสักคนที่จะสามารถช่วยตนได้

“ป้ายืนรออยู่นานแล้วค่ะ”ป้าชื่นยิ้มกว้างเดินเข้ามาหา เมื่ออีกฝ่ายหันมาเห็นตน เหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ในสายตาตนโดยตลอด จนตนอยากจะปรบมือให้ชายหนุ่มที่สามารถกำราบเกศินีได้เสียอยู่หมัด

“ครับ”

“เชิญทางนี้ค่ะ ป้าจัดห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”

นุกูลเดินตามไปอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มยืนสำรวจห้องพักของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก็เดินออกจากห้องไป เขาเดินลงไปที่ชายหาด และเดินเรียบหาดไปเรื่อย ๆ แต่แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ใครคนหนึ่ง ซึ่งแม้จะอยู่กันค่อนข้างไกลแต่ใครคนนั้นกลับสามารถดึงดูดสายตาของเขาได้อย่างบอกไม่ถูก นุกูลพยายามเพ่งมองเจ้าของร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่บนผืนทรายอย่างสนใจ ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปหา

เงาดำที่ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา ก่อนที่มันจะมาหยุดอยู่ไม่ห่างจากตัวหญิงสาวเท่าไหร่นัก ทำให้สายลมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ และเมื่อได้เห็นเจ้าของร่างสูงนั้นเธอก็ยิ่งฉงน คิ้วเรียวสวยยู่เข้าหากัน ก่อนจะลุกขึ้นยืน ปัดทรายที่ติดอยู่ที่บั้นท้ายออกเบา ๆ ทุกอิริยบทของเธอตกอยู่ในสายตาของนุกูลตลอดเวลา ชายหนุ่มส่งยิ้มบาง ๆ ให้เมื่อเธอมองมาที่เขาเต็มตา

“มีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ”หญิงสาวเอ่ยถามออกไปอย่างสุภาพ แม้จะสงสัยในตัวของชายหนุ่ม แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะถามอะไรออกไปมากกว่าคำถามนั้น

“สวัสดีครับ”แทนที่จะตอบคำถามของเธอ นุกูลกลับกล่าวทักทายออกไปแทน พร้อมด้วยการส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง บอกไม่ถูกว่าทำไมตนถึงได้รู้สึกถูกใจเธอเสียเหลือเกิน ทั้งที่เพียงแค่สบตากัน

“อ่อ....ค่ะ สวัสดี....แล้วตกลงคุณมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ”

สายลมถามอีกฝ่าย ทว่ายังไม่ทันที่นุกูลจะได้ตอบคำถาม เสียงทุ้มอันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นเสียก่อน สายลมหันขวับไปมองตามเสียงนั้นด้วยความดีใจที่ฉายชัดออกมาทางดวงตาสวยของเธอ ซึ่งนุกูลที่มองอยู่ก่อนแล้ว ได้เห็นมันอย่างชัดเจน

“เดินมาเสียไกลเลยนะนุกูล”เขมินทร์เมินมองไปทางชายหนุ่มอีกคน ไม่สนใจสายตาและรอยยิ้มที่หญิงสาวส่งมาให้

“ขอโทษทีครับ พอดีเห็นคุณเขมทำธุระส่วนตัวอยู่ ผมก็เลยออกมาเดินเล่น เพลินไปหน่อยไม่คิดว่าตัวเองจะเดินมาไกลขนาดนี้”

“อืม....แล้วเกตุไปไหนแล้วล่ะ”เขมินทร์รับคำสั้น ๆ ก่อนถามหาหญิงสาวอีกคน

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันสิครับ เธอแว๊ด ๆ ใส่ผม เสร็จก็เดินหายไปเลย”นุกูลตอบยิ้ม ๆ ก่อนมองไปยังร่างบางที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา เขมินทร์มองตามสายตานั้นไป รู้สึกขัดใจไม่น้อยที่เห็นชายหนุ่มให้ความสนใจหญิงสาวอยู่ตลอด

“สายลม....”เขาเอ่ยเรียกหญิงสาวออกไป แต่แทนที่คนถูกเรียกจะขานรับและเดินมาหาเขา เธอกลับทำเพียงยืนนิ่ง มีเพียงสายตาที่มองมาเป็นคำถามว่า ‘เรียกทำไม’ เท่านั้น

เขมินทร์ขึงตาใส่อีกฝ่าย ก่อนเดินเข้าไปหาดึงแขนเธอไม่แรงนักแต่ก็ทำให้หญิงสาวที่ไม่ทันได้ตั้งหลักเซเข้าหาเขา

“นุกูล นี่....สายลม”ไม่เพียงแค่พูด ชายหนุ่มยังแสดงความเป็นเจ้าของเสียชัดเจนด้วยการโอบไหล่อีกฝ่ายให้ชายหนุ่มดู นุกูลอมยิ้มกับท่าทีหวงก้างของเจ้าของเกาะที่แสดงเสียโจ่งแจ้ง ผิดกับอีกคนที่พยายามขัดขืน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณสายลม”นุกูลกล่าวทักทายออกไป พร้อมกับยื่นมือตัวเองไปข้างหน้า สายลมมองไปที่มือนั้น กำลังจะยื่นตนเองออกไปจับ แต่เขมินทร์กลับดึงตัวเธอให้ออกเดินเสียดื้อ ๆ ปล่อยให้นุกูลยื่นมือเก้อ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อแน่ชัดแก่ใจตัวเองแล้วว่า ผู้หญิงคนนั้นมีความสำคัญอย่างไรกับชายหนุ่มเจ้าของเกาะแห่งนี้

“ผมขอเดินดูอะไรแถวนี้ต่ออีกสักพักนะครับคุณเขม”นุกูลตะโกนบอกตามหลังไป เขมินทร์ไม่ได้หันกลับมาตอบเขา มีเพียงมือขวาที่ยกขึ้นโบกไปมา เป็นสัญลักษณ์ให้นุกูลรับรู้ว่า เขาได้รับอนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา รู้สึกเสียดายอยู่นิดที่ผู้หญิงที่ตนรู้สึกถูกใจ เตะตาตั้งแต่แรกเห็น กลับกลายเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว




****************************************************************



ภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2557, 14:35:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 เม.ย. 2557, 14:35:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1384





<< บทที่ 9   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account