ทะเลรัก สีเพลิง
ความเจ็บปวดในอดีต ทำให้เขากลับมาทวงคืนเอากับเธออย่างสาสม ทว่าเมื่อได้อยู่ใกล้กัน หัวใจเขากลับยังไหวหวั่นอยู่เช่นเดิม...แล้วเขาจะทำเช่นไร เมื่อมั่นใจว่ายัง 'รัก' อยู่ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายเกลียดเขาเสียเอง...^^
Tags: Romance ^O^
ตอน: บทที่ 9
9.
วันรุ่งขึ้นสายลมก็ต้องแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม ชนิดที่เธอได้แต่นั่งมองตาค้าง เริ่มตั้งแต่ใบหน้ายิ้มแย้มที่เผื่อแผ่มาให้เธอ หรือแม้แต่คำพูด คำจาที่ดูนิ่มนวลน่าฟังจนเธอไม่คิดว่ามันจะหลุดออกมาจากปากของเขาได้
“มองอะไร”เขมินทร์ถามขึ้นลอย ๆ ไม่ได้เจาะจงว่าตนพูดกับใคร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่หญิงสาวจะเดาได้ว่าคำถามนั้น เขาตั้งใจถามเธอ แต่แทนที่เธอจะตอบคำถามที่เขาถามมาก็กลับกลายเป็นว่าเธอถามเขากลับด้วยคำถามที่ทำเอาชายหนุ่มหัวเราะหึในลำคออยู่หลายที
“กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า”
“ก็กินเหมือนที่เธอได้กินนั่นแหละ มันผิดสำแดงหรือเปล่าล่ะ”
“เฮอะ...”หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูก เมินมองไปทางอื่นไม่อยากจะมองสบสายตาแปลก ๆ ที่ชายหนุ่มใช้มองตน
“ทำไม มีปัญหา?”
สายลมตวัดสายตาใส่ด้วยความหมั่นไส้ และทำท่าจะเดินหนีเขาไปเสีย เพราะเบื่อกับการที่จะต้องมายืนต่อปากต่อคำกับเขา
“จะไปไหน”เขมินทร์ถามเนิบ ๆ ขณะที่สายตาไล่มองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า สายลมหันกลับมาหาเขา พร้อมกับตอบคำถามเสียงห้วน
“ก็จะไปทำงานน่ะสิ”
“นั่งลงก่อน มีเรื่องจะคุยด้วย”เขมินทร์บอก สายตามองตรงมาที่เธอ บ่งบอกว่าเรื่องที่ตนต้องการจะพูดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ และเธอไม่ควรจะดื้อดึงปฏิเสธด้วย
สายลมถอนใจเฮือก ยอมนั่งลงตามเดิม แม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นักก็ตาม
“ฉันมาคิด ๆ ดูแล้ว เรื่องระหว่างเรามันก็เกิดมานานแล้วนะ และการที่ฉันจับตัวเธอมาทรมานไว้ที่นี่ มันก็สาสมกับสิ่งที่เธอเคยทำไว้กับฉันแล้ว.....”
“หมายความว่า....”หญิงสาวทะลุขึ้นกลางปล้อง นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ หัวใจพองโตลิงโลดจนแทบเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่
“ฉันจะลืมเรื่องราวในอดีตทั้งหมดนั้นไปก็ได้...”
“จริงนะ!”
เขมินทร์หน้านิ่วขึ้นมาทันที ที่ถูกเธอพูดแทรก แต่ก็ยังทนข่มอารมณ์เอาไว้ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แต่ฉันมีข้อแม้....เธอต้องอยู่ทำงานที่นี่จนกว่าฉันจะพอใจ”
สายลมหยุดคิดไปชั่วขณะ หัวสมองครุ่นคิดบวก ลบ คูณ หาร จ้าละหวั่น ก่อนพยักหน้าให้เขาพร้อมกับบอก
“ได้แน่นอน...แต่...สายลมขอติดต่อกลับไปหาคุณพ่อบ้างได้มั้ย”สายลมไม่รู้หรอกว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่จะสามารถต่อรองกับเขาได้หรือไม่ แต่ก็ยังทำใจกล้าขอต่อรอง โดยหวังลึก ๆ ว่าเขาอาจจะยินยอมให้เธอทำเช่นนั้นได้บ้าง
เขมินทร์มองหน้าคนเอ่ยขอ แววตาแข็งกร้าวที่มองมานั้นทำให้สายลมหวั่นใจว่าสิ่งที่ตนขอคงเป็นไม่ได้อย่างแน่นอน ทว่าเพียงไม่กี่อึดใจที่เธอรู้สึกหดหู่ ความดีใจก็โลดแล่นเข้ามาเมื่อได้ยินคำตอบของเขา
“ถ้าเธอไม่คิดตลบหลังฉันด้วยการบอกกับคนที่บ้านว่าเธออยู่ที่ไหน ฉันก็จะให้เธอติดต่อกับทางบ้าน....บ้าง”
“ได้ ๆ สายลมสัญญา สายลมขอโทรฯ เลยนะ”หญิงสาวรีบรับปากรัวเร็ว
“ไม่!” น้ำเสียงเข้ม ๆ ที่บอกออกมาทำให้หญิงสาวสลดลงทันที เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้บอกให้ติดต่อได้ แต่พอเธอขอติดต่อกลับไม่ยอมให้ทำ ตกลงจะเอายังไงกันแน่!
“เธอจะติดต่อได้ก็ต่อเมื่อฉันเห็นควรเท่านั้น”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”
“เมื่อฉันพอใจ”เขมินทร์บอกสั้น ๆ และลุกขึ้นยืน ส่งผลให้หญิงสาวต้องลุกยืนตาม
“แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ....”
“ไปทำงานได้แล้ว งานแรกวันนี้สำหรับเธอคือ การทำครัว และต้องทำคนเดียวห้ามให้ป้าชื่นช่วยเด็ดขาด”สั่งงานเรียบร้อยแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไปทันที ทว่าเสียงแจ๋ว ๆ ก็ดังเรียกรั้งไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิ...แล้วสายลมจะได้โทรฯกลับบ้านเมื่อไหร่ บอกได้มั้ย”
“อย่ามากเรื่อง...ได้คืบจะเอาศอก ระวังจะไม่ได้อะไรเลย”เขมินทร์หันกลับมาตอบเนิบ ๆ และเดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนหน้าง้ำอยู่คนเดียว ก่อนที่ใบหน้าง้ำ ๆ นั้นจะค่อยปรากฏเป็นรอยยิ้ม เบิกบาน...บางทีสิ่งที่เธอเฝ้าอ้อนวอนอาจจะกำลังมาถึงแล้วก็ได้!
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา สายลมบอกกับตัวเองว่ามีความสุขมาก และสนุกกับการได้ทำงานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอเฝ้าสังเกตอาการของชายหนุ่มที่มีต่อเธอและลงความเห็นว่า เขามีท่าทีที่อ่อนลงมากอย่างเห็นได้ชัด ยอมให้เธอเข้าใกล้และมีส่วนร่วมในการทำงาน ยอมพูดคุยกับเธออย่างปกติ
“นั่งยิ้มอะไรอยู่ได้คนเดียว เป็นบ้าหรือไง”เสียงทุ้มที่ดังมาจากทางด้านหลังส่งให้คนที่กำลังครึ้มอกครึ้มใจสะดุ้ง ก่อนหันมาค้อนขวับใส่คนที่ว่าตน
“ปากเสีย”
“น้อยหน่อยนะ ดีด้วยไม่กี่วันทำลามปามอย่างนั้นหรือไง เดี๋ยวเหอะ”เขมินทร์ผลักศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ บอกด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก และทำท่าจะตีจาก
“จะไปไหนเหรอ”
เขมินทร์หยุดเดินหันกลับมาหาเธอ เลิกคิ้วสูงมองอีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าหงอย ๆ เหมือนมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
“มีอะไรก็ว่ามา”
“สายลมขอโทรศัพท์กลับบ้านได้หรือยัง”
เขมินทร์มองหน้าคนขอ นัยน์ตาคมไร้วี่แววขี้เล่นเหมือนเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวจนมาหยุดยืนต่อหน้าเธอ เขาเงียบอยู่นาน นานจนคนที่รอคอยคำตอบใจแป้ว แววตาสุกใสเมื่อครู่ หม่นแสงลงเรื่อย ๆ ก่อนที่มันจะเริ่มมีประกายขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
เขมินทร์ไม่แม้แต่จะขอเบอร์โทรศัพท์จากเธอ เขาจัดแจงกดเบอร์และโทรออก นิ่งรอเสียงสัญญาณอยู่สักพัก เมื่อได้ยินเสียงจากทางปลายสายทักมา เขาก็ยื่นมันส่งให้กับเธอพร้อมกับบอกสั้น ๆ
“ให้ 3 นาที”
หญิงสาวไม่รีรอรีบคว้าโทรศัพท์มาถือไว้แนบหู และเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูก็ร้องทักออกไปด้วยน้ำเสียงสดใส
“นั่นใช่พี่สมหรือเปล่า...พี่สมใช่มั้ย”เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาเธอก็รีบบอกต่อทันที
“พี่สม นี่สายลมนะ คุณพ่ออยู่มั้ยสายลมขอคุยกับคุณพ่อหน่อย”
“คุณหนู!....คุณหนูหรือคะ”เสียงทางปลายสายร้องดังออกมาจนคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างได้ยินไปด้วย เขมินทร์เหล่มองหญิงสาวเป็นระยะ เพื่อปรามไม่ให้เธอพูดอะไรที่เกี่ยวกับสถานที่อยู่หรือบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเขาออกไป
“คุณพ่ออยู่มั้ยพี่สม ขอสายลมคุยหน่อย สายลมไม่ค่อยมีเวลา เร็ว ๆ หน่อย”
“ได้ค่ะ ๆ คุณหนูรอสักครู่นะคะ”
หญิงสาวรอสายเพียงไม่นาน น้ำเสียงคุ้นหูเรียกรอยรื้นในดวงตาของเธอก็ดังเข้ามา สายลมรู้สึกได้ถึงมือตัวเองที่สั่นจนน่าตกใจ ต้องเก็บกลั้นอารมณ์อยู่นานกว่าจะส่งเสียงออกไปได้
“คุณพ่อ”
“สายลม...หนูอยู่ที่ไหนเนี่ยลูก ยังเที่ยวไม่หนำใจอีกหรือไง เมื่อไหร่จะกลับบ้านได้เสียที”เสียงคนเป็นพ่อถามมาตามสาย
“สายลมสบายดีค่ะพ่อ คิดถึงคุณพ่อมากเลย คุณพ่อสบายดีหรือเปล่าคะ”
“จะไม่สบายก็เพราะเราไม่ยอมกลับบ้านนี่แหละ เมื่อไหร่จะกลับมาได้เสียทีลูก พ่อคิดถึง”
“สายลมก็คิดถึงพ่อค่ะ....คิดถึงมาก ๆ อยากกลับบ้านใจจะขาดอยู่แล้วค่ะพ่อ….”น้ำเสียงขาดห้วงเป็นช่วง ๆ แต่เธอก็พยายามไม่ทำให้อีกฝ่ายรับรู้
“คิดถึง อยากกลับก็กลับมาสิลูก เมืองนอกมันจะมาดีกว่าบ้านเราได้ยังไง กลับมาไว ๆ นะลูกนะ”
“พ่อคะ....สายลมอยากกลับบ้าน สายลมอยาก.....”พูดยังไม่ทันจบประโยค โทรศัพท์ในมือก็ถูกแย่งเอาไป ก่อนที่สายจะถูกตัดทิ้งอย่างรวดเร็ว เขมินทร์จ้องมองคนที่น้ำตาซึมอย่างเอาเรื่อง
“เธอกำลังทำผิดสัญญานะ”
“พี่เขม....สายลมอยากกลับบ้าน ให้สายลมกลับบ้านเถอะนะ สายลมคิดถึงพ่อ”เธอร้องบอกเขาและร่ำไห้ออกมาในที่สุด ชายหนุ่มได้แต่เมินมองไปทางอื่น ไม่อยากเห็นน้ำตาที่อาจทำให้หวั่นไหว...เขาจะไม่มีวันใจอ่อนให้กับน้ำตาของเธอ มันยังไม่ใช่ตอนนี้!!!!
ร่างบางนั่งคุดคู้กอดเข่าตัวเอง ดวงตาเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลกว้าง เป็นอิริยาบถที่ชายหนุ่มเฝ้ายืนมองมานานนับชั่วโมง แรงลมที่เริ่มรุนแรงขึ้น บวกกับเกลียวคลื่นที่สาดซัดเข้าฝั่งบอกให้ชายหนุ่มรู้ว่า อีกไม่นานพายุที่ก่อเค้ามานานจะเข้าโจมตีเกาะนี้อย่างแน่นอน เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ยังคงนั่งไม่สะทกสะท้านกับสภาพอากาศที่แปรปรวนเหล่านั้น
“เข้าบ้านได้แล้ว ไม่เห็นหรือไงว่าพายุกำลังมา”เสียงเข้มดุออกไปเมื่อเดินมาถึง สายตาตำหนิมองตรงไปที่เธอ พร้อมกับชี้นิ้วไปยังท้องทะเลกว้างที่บัดนี้ดำทะมึนจนน่ากลัว สายลมมองตามนิ้วของชายหนุ่มไปอย่างไร้อารมณ์ ก่อนยันตัวลุกขึ้นยืนและออกเดินกลับเข้าบ้านโดยไม่ปริปากพูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียว
เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าที่สว่างเป็นเส้นแสงวาบเข้ามาในห้องเป็นระยะ ๆ ก่อนตามมาด้วยสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง ส่งให้คนที่กลัวเสียงฟ้ามาตั้งแต่เด็กได้แต่นั่งซุกตัวและใช้ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมศีรษะตัวเองเอาไว้เพื่อหวังบรรเทาให้เสียงที่ตนเองหวาดกลัวเบาบางลง ทว่าดูเหมือนเธอจะอยู่ในช่วงเคราะห์ซ้ำ กรรมซัดหรือย่างไรก็ไม่อาจรู้ เพราะจู่ ๆ แสงไฟในห้องก็ดับมืดลง หญิงสาวกรีดเสียงร้องสุดเสียงด้วยความตระหนก สองมือยกขึ้นปิดหูแน่น
เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นลั่นบ้าน เป็นเสียงที่ชายหนุ่มจำได้ดีว่าเสียงของใคร เขากระเด้งตัวรีบวิ่งไปยังต้นเสียงอย่างเร็ว
“สายลม สายลม”เขมินทร์รัวมือลงไปบนประตูห้องนอนของหญิงสาวพร้อมกับส่งเสียงเรียกชื่อเธอออกไป แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะยอมเปิดประตูให้ อีกทั้งเสียงกรีดร้องก็ยังดังเป็นระยะให้คนที่อยู่ด้านนอกยิ่งวิตก ชายหนุ่มไม่รีรออีกต่อไป เขาถีบประตูห้องอย่างแรงจนกระทั่งประตูเปิดผางออก สายตาที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวนั้นกวาดมองไปทั่วทั้งห้อง จนไปหยุดอยู่ที่ก้อนกลม ๆ มุมหัวเตียงที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ ชายหนุ่มรีบเดินตรงไปหาพร้อมกับดึงผ้านั้นออก
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“สายลม...”เขมินทร์ร้องเรียกเมื่ออีกฝ่ายกรีดเสียงร้อง เขาคุกเข่าลงตรงหน้า จับตัวเธอให้หันมามองที่ตน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสภาพน้ำตานองหน้า
“พี่เขม พี่เขมช่วยสายลมด้วย”
“เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”เขาถาม และหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนก็รีบชี้นิ้วไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว
เขมินทร์มองตามนิ้วมือนั้นไป ก็เห็นเพียงแค่หน้าต่าง กับแสงไฟที่สว่างวาบเข้ามาเป็นพัก ๆ
“อะไร...ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“สายลมกลัว”
“กลัวอะไร มันไม่มีอะไร”เขาบอกอีกครั้ง ดึงตัวเธอลุกขึ้นยืน จับเธอนั่งบนเตียงนอนก่อนที่ตัวเองจะเดินตรงไปยังหน้าต่างบานเจ้าปัญหานั้น เขาจัดแจงเปิดมันออกพร้อมกับชะโงกหน้าออกไปดูทั้งซ้ายและขวา
“ไม่เห็นมีอะไร เธอเป็นอะไรกันแน่” เขาหันกลับมาถามเสียงขุ่น ประจวบกับที่ฟ้าได้แล่บลงมาอีกครั้งตามด้วยเสียงครืนใหญ่ ทำให้หญิงสาวกรีดเสียงร้องลั่น นั่นเองที่ทำให้ชายหนุ่มถึงบางอ้อ....นี่สินะ สาเหตุที่ทำให้เธอกรีดร้องลั่นบ้านได้ขนาดนี้
“กลัวอะไรกับแค่ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า”เขมินทร์พูดลอย ๆ ออกมา จัดการปิดหน้าต่างและดึงผ้าม่านปิดตามเดิม ก่อนเดินกลับมาหาหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าน้ำตาร่วงเผาะตลอดเวลา
“เลิกร้องไห้เป็นเด็กได้แล้วน่า ก็แค่ฝนตก ฟ้าร้อง...ร้องซะเสียงดังลั่นบ้านอย่างกับมีโจรขึ้นบ้าน”
“แต่นี่มันยิ่งกว่าโจรขึ้นบ้านอีกนะ”สายลมตวาดแว๊ดใส่ เงยหน้าขึ้นมองคนพูดตาขวาง
“เพ้อเจ้อ ฝนตกที่ไหนน่ากลัวกว่าโจรขึ้นบ้าน”ชายหนุ่มใช้นิ้วจิ้มหน้าผากหญิงสาวเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้กับการแสดงออกที่เกินจนล้นของเธอ
“พี่เขมไม่เข้าใจ”
“โอ๊ย...ฉันคงจะเข้าใจเธอได้หรอก”พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องของหญิงสาว แต่แค่เพียงเขาหันหลังให้ ข้อมือก็ถูกดึงรั้งไว้ในทันที
“จะไปไหน”
เขมินทร์ก้มมองมือตัวเองที่ถูกหญิงสาวจับเอาไว้จนแน่น แล้วก็ได้แต่ถอนใจ รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“อยู่เป็นเพื่อนสายลมก่อนได้มั้ย สายลมไม่อยากอยู่คนเดียว”สายตาว้อนวอน คล้ายลูกแมวน้อยที่มองจ้องมาทำให้เขมินทร์ถึงกับใจสั่น พยักหน้าตกลงไปโดยไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อร่างบางโผเข้ากอดพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเขาที่ข้างหู
ชายหนุ่มพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา แล้วจัดการผลักร่างบางที่กอดตัวเสียแน่นออกห่าง ตีหน้าขรึมเข้าใส่
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยนะ” เขาต่อว่าไม่เต็มเสียงนัก เมินหน้าหนีไปทางอื่นแล้วจึงเดินไปนั่งบนเตียงนอนของเธอ ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมทั้งสองไว้ เหลือเพียงเสียงฝนตกและเสียงฟ้าร้องที่ดังมาเป็นระยะเท่านั้น
“เอ่อ.....”เสียงหวานดังขึ้นแผ่วเบาและเงียบลงเมื่อชายหนุ่มมองตอบมา
“มีอะไรก็พูดมา”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“งั้นก็ดี แล้วจะยืนอยู่อย่างนั้นทั้งคืนหรือไงฮะ”เขาถามออกไปเสียงดัง
“ก็ไม่รู้จะนั่งตรงไหน”
เขมินทร์กวาดตามองไปทั่วห้อง เอ่ยบอกเสียงเขียวกับคำตอบของเธอที่ตนได้ยิน
“ที่นั่งมีเต็มห้อง เธอบอกไม่รู้จะนั่งตรงไหนหรือไง ปัญญาอ่อนหรือไง ถ้ามันหาที่นั่งไม่ได้ก็มานั่งนี่ บนเตียงนอนนี่” ไม่เพียงแค่พูดแต่เขายังตบลงบนเตียงนอนข้าง ๆ ตนอีกด้วย
“ไม่ล่ะ พี่เขมนั่งเถอะ ตามสบายเลย สายลมนั่งตรงนี้ก็ได้” พูดจบหญิงสาวก็หย่อนตัวแหมะลงนั่งกับพื้นอย่างที่ตนบอกอย่างรวดเร็ว
“ตามใจ...ฮ๊าวววววววววว”ชายหนุ่มบอก อ้าปากหาวเสียงดังพร้อมกับเปรยออกมา
“ง่วงนอนชะมัด ถ้าจะให้ฉันอยู่เป็นเพื่อน งั้นฉันก็ขอนอนตรงนี้เลยละกัน”พูดจบก็เอนตัวลงนอนชนิดที่ไม่เกรงใจเจ้าของห้อง
สายลมได้แต่นั่งมองชายหนุ่มนอนหลับอย่างสบายอารมณ์ โดยที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องทนอยู่คนเดียวกับเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เสียงลมหายใจที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอบอกให้หญิงสาวรู้ว่า คนที่นอนสบายอุราอยู่บนเตียงได้หลับฝันดีไปแล้วเป็นแน่
“ให้มาอยู่เป็นเพื่อน ดันมาหลับทิ้งเรา บ้าเอ้ย”หญิงสาวทำได้แค่นั่งบ่นกับตัวเอง เพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องผจญกับเสียงน่าสะพรึงกลัวอยู่คนเดียว
ดวงตาคมเปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ ในเงามืด มองไปยังร่างบางที่นั่งโงนเงนอยู่ริมห้อง แล้วก็ให้รู้สึกระอากับความดื้อรั้นของเธอ เขาลุกจากเตียงเดินตรงไปหา ยกร่างนั้นขึ้นแนบอกอย่างเบามือที่สุด แต่ต่อให้เบามือแค่ไหน คนความรู้สึกไวก็ยังรู้ตัวอยู่ดี
“จะทำอะไร”
“อยู่เฉย ๆ จะพาไปนอนดี ๆ นั่งสัปหงกหัวโขกโป๊ก ๆ เห็นแล้วสมเพช”เขมินทร์ว่าเข้าให้ ก่อนวางหญิงสาวลงบนเตียง
“ขอบคุณ”เธอเอ่ยขอบคุณเขาแผ่วเบา เหตุเพราะใบหน้าคมคร้ามที่ยังคงมีหนวดเคราปกคลุมอยู่ใกล้เสียจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ ด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไร”เขาบอกสั้น ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะเขยื้อนตัวออกห่างจากเธอ ตามองสบตาซึ่งกันและกัน
“เอ่อ.....” และยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรออกมา เรียวปากหนาได้รูปก็แนบปิดสนิทลงมาบนริมฝีปากของเธอ สัมผัสแผ่วเบา นุ่มนวลจนหญิงสาวหลงเคลิ้มไปกับมันอย่างไม่รู้ตัว
“พี่เขม...พอ...พอเถอะค่ะ”เหมือนสติที่หลงระเริงไปกับสัมผัสของชายหนุ่มจะกลับมาได้บ้าง หญิงสาวพยายามผลักไสสัมผัสจากเขาด้วยแรงกำลังที่มีเหลืออยู่
“อย่าทำแบบนี้สิ”ชายหนุ่มงึมงำบอกอยู่บริเวณซอกคอหอมกรุ่นไม่ยอมหยุดอย่างที่เธอต้องการ มือใหญ่ค่อยแทรกเข้าไปภายใต้เสื้อนอนของหญิงสาว สัมผัสเย็นวาบที่รู้สึกได้ทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เธอออกแรงดิ้นหนีสัมผัสนั้น แต่ก็ถูกอีกฝ่ายกดร่างเอาไว้ด้วยร่างกายกำยำ
“ขอพี่เถอะนะ พี่รักเธอนะสายลม”
หญิงสาวนอนนิ่งไม่ไหวติงเมื่อได้ยินคำบอกรักออกจากปากของเขา ดวงตาประหวั่นฝืนมองสบตาเขาอย่างต้องการค้นหาคำตอบจากคำพูดนั้น
“ถ้าเธออยากให้พี่หยุด พี่ก็จะหยุด แต่พี่อยากให้เธอรู้ แม้เวลาจะผ่านมานานแค่ไหน พี่ก็ไม่เคยลืมเธอเลย พี่ยังรักเธออยู่เสมอ” เขาหยุดการกระทำของตัวเอง รอคอยคำตอบจากหญิงสาว ก่อนรอยยิ้มจะจุดขึ้นที่มุมปากเมื่อเห็นเธอหลับตาลง
ร่างบางพลิกตัวไปมารู้สึกรำคาญกับบางอย่างที่กดทับอยู่บริเวณเอวของตน เธอลืมตาตื่นอย่างเชื่องช้าก่อนพบเข้ากับท่อนแขนแกร่งสาเหตุที่ทำให้เธออึดอัด พลันเรื่องราวในยามค่ำคืนที่ผ่านมาก็หวนเข้ามาในความคิดของเธอ ส่งผลให้ใบหน้านวลแดงก่ำยามเมื่อมองร่างกำยำที่นอนกอดก่ายตนอยู่ ใบหน้าคมคายที่อยู่ห่างไปไม่ถึงคืบในเวลานี้ ประหนึ่งชายไร้พิษสงและดูอ่อนโยนเฉกเช่นเมื่อในอดีตไม่มีผิดเพี้ยน แม้ในยามนี้ใบหน้านั้นจะมีหนาวเครารกครึ้มแต่ก็ไม่อาจบดบังความอ่อนโยนไว้ได้
หญิงสาวนอนมองเสียเพลินจนไม่ทันสังเกตว่า คนที่ตนมองอยู่นั้นรู้สึกตัวแล้ว กระทั่งดวงตาคมลืมตาขึ้นและจ้องมองเธอกลับ
“เอ่อ......”สายลมได้แต่อ้ำอึ้งนึกคำพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเขาดี ก่อนหลุบตาลงไม่กล้ามองสบตาเขา
เขมินทร์มองหญิงสาวตรงหน้าดวงตาเป็นประกาย ยกยิ้มมุมปากอย่างสาใจไม่คาดคิดว่าโอกาสจะมาถึงเร็วเพียงนี้ แน่นอนเขาเลือกที่จะคว้ามันไว้ ถึงเวลาที่เขาจะได้เอาคืนเธออย่างสาสมแล้ว วันที่เขารอคอยมานานในที่สุดก็มาถึงจนได้
*****************************************************************************

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 มี.ค. 2557, 11:33:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 มี.ค. 2557, 11:33:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 1537
<< บทที่ 8 | บทที่ 10 >> |