หัวใจเดิมพันรัก
หนี้สิน ฆ่าตัวตาย ชีวิตใหม่ ความรัก และอุปสรรค โชคชะตาจะนำพาไปในทิศทางใด....
Tags: หนี้สิน

ตอน: บทนำ

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน ขอให้มีความสุข สนุกสนานกับเทศกาลคลายร้อนของบ้านเรา สาดน้ำกันแต่พอดี สนุกกันแต่พอควรนะคะ ที่สำคัญเมาไม่ขับค่ะ

เอาล่ะค่ะขอเกริ่นก่อนเข้าเรื่องหัวใจเดิมพันรักกัน นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานโมดิฟายด์ของหนึ่งนะคะ พล็อตหลักยังยึดของดั่งเดิม ความตั้งใจเดิม ซึ่งต้องบอกเลยว่าพล็อตไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟก สลับซับซ้อนอะไร ออกจะน้ำเน่าเสียด้วยซ้ำ...555 ดังนั้นหนึ่งคงต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วย หากอรรถรสของนิยายไม่ถูกใจคุณผู้อ่าน แต่เรื่องนี้ตั้งใจเขียนเพื่อเป็นกำลังใจ ให้คำแนะนำ และให้ข้อคิด เผื่อว่าอาจจะมีใครหลายคนกำลังเผชิญอยู่ หรือในอนาคตอาจจะได้เจอะเจอกับมัน ซึ่งสิ่งที่นำเสนออาจจะช่วยคุณผู้อ่านได้บ้าง ที่สำคัญอยากจะบอกว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ชีวิตจริงไม่เหมือนในนิยายที่จะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย สติเท่านั้นที่จะทำให้เราผ่านวิกฤติไปได้ค่ะ

หัวใจเดิมพันรักมีประมาณ 20 ตอนนะคะ หนึ่งจึงขอลงให้อ่านสัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันอังคารกับวันเสาร์ ไม่มีการเพิ่มวันแน่นอนค่ะ เพราะหนึ่งเป็นคนใจร้ายยยยย 55555

บทนำ

ร่างสูงใหญ่ทอดสายตามองชายหาดขาวน้ำทะเลใส ดื่มด่ำกับธรรมชาติด้วยอารมณ์สุนทรีย์ จนกระทั่งไปสะดุดเข้ากับร่างๆ หนึ่งที่นั่งกอดเข่าอยู่ริมหาด ไม่สนใจสิ่งใด ดวงตาคู่นั้นทอดมองไปข้างหน้าแต่ไร้จุดหมาย ชายหนุ่มนั่งมองหญิงสาวอยู่เป็นนานสองนานด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็เห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนแล้วเดินลงไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยืนให้คลื่นซัดแข้งซัดขาเล่นเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป ผู้ลอบสังเกตการณ์จึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปหา ทว่ากว่าที่จะไปถึงตัวผู้หญิงแปลกหน้า เธอก็กำลังจะจมหายไปใต้ท้องทะเลแล้ว ลำแขนแกร่งรีบคว้าร่างบอบบางแล้วลากเข้าฝั่งทันที ไม่สนใจท่าทีที่ต่อต้าน แต่เมื่อรอดชีวิตมาได้คนที่คิดจะปลิดชีวิตตัวเองกลับนั่งนิ่งเป็นหุ่น สิ่งที่ทำให้รู้ว่าเธอยังเป็นมนุษย์และมีหัวใจก็คือ น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย ผู้หวังดีป้อนคำถามไปเท่าไหร่ก็ได้ความเงียบตอบกลับมาเท่านั้น จึงถอนหายใจก่อนจะฉุดให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน แล้วจับจูงร่างที่เปียกปอนเหมือนกันให้เดินตามไปยังบ้านพัก ซึ่งก็ได้รับการปฏิบัติตามแต่โดยดี ไม่มีการขัดขืนใดๆ หรืออีกนัยก็คือ ฟากฝั่งคนอยากตายไม่รับรู้เลยว่าตนกำลังจะถูกพาไปที่ใด หรือไม่ก็ยอมรับทุกสิ่งอย่างแล้วแต่ฟ้าจะประทานให้

“คุณเข้าไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวผมจะไปหาเสื้อผ้ามาให้” ภูมิรพีพาหญิงสาวแปลกหน้าไปส่งถึงห้องน้ำ ปิดประตูให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินออกจากบ้านพัก ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่มีขายอยู่ตามชายหาด

“คุณๆ เสื้อผ้าอยู่ในถุงนะ อย่าอาบน้ำนานนัก เดี๋ยวจะไม่สบายไปเสียก่อน” ชายหนุ่มตะโกนบอก หลังจากวางถุงเสื้อผ้าไว้ให้ และเดินออกนอกห้องไปเพื่อจัดการกับตัวเองบ้าง

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าเสียงน้ำที่ดังกระทบพื้นจะสิ้นสุดลง ทำให้เจ้าของบ้านพักต้องส่งเสียงเรียกคนที่ยังขังตัวอยู่ในนั้น และเมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมา จึงตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ก็พบว่าผู้ที่ตนให้ความช่วยเหลือเอาไว้ยังอยู่ในชุดเดิม นั่งกอดเข่าอยู่ใต้ฝักบัวปล่อยให้สายน้ำชะล้างความเจ็บปวดทั้งปวง

“ทำไมไม่อาบน้ำ ทำแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก คุณไม่ใช่สาวน้อยที่ไม่มีความคิดแล้วนะ ทำอะไรให้สมวัยตัวเองหน่อยสิ ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นมาอาบน้ำ ผมจะอาบให้คุณเอง” ร่างสูงใหญ่ยื่นคำขาด ด้วยคิดว่าหญิงสาวคงจะรีบลุกขึ้นมาจัดการตัวเอง แต่เปล่าเลยเธอยังนั่งให้น้ำเย็นรดใส่ร่างแบบนั้น เสียงถอนใจดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะยื่นมือไปปิดฝักบัว ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเพียงเงยหน้าขึ้นมองก่อนที่จะฟุบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง

“อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก มีใครมาทุกข์กับคุณบ้างหรือเปล่า คุณไม่คิดถึงใจพ่อแม่บ้างหรือยังไง” พลเมืองดีใช้ความพยายามอีกครั้ง แล้วจู่ๆ เธอก็ถอดเสื้อที่สวมออกต่อหน้าต่อตา

“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน ให้ผมออกไปก่อนสิคุณ”

“หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอไม่ใช่เพราะความสะใจ แต่เป็นเสียงการเยาะเย้ยชะตาชีวิตของตัวเองมากกว่า

“คุณอาบน้ำเสร็จหรือยัง” ผ่านไปประมาณสิบห้านาที ภูมิรพีก็ต้องมายืนตะโกนถามคนข้างในอีกครั้ง และครั้งนี้ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกพร้อมร่างที่ถูกห่อด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่ในห้องบ้าง

“เฮ้อ! เป็นน้องเป็นนุ่งผมจะตีให้ขาลายเลย ผมออกไปรอข้างนอกนะ แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะ” เจ้าของร่างสูงส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะเดินออกนอกห้องไป

ไม่นานคนในห้องก็ออกมาสภาพเหมือนร่างไร้วิญญาณ เดินตรงไปยังระเบียงหน้าบ้าน ลงบันไดสามขั้นก็ถึงพื้นทราย และยังคงก้าวต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชมบรรยากาศรอบข้าง ส่วนเจ้าของบ้านที่หายเข้าไปในครัวครู่หนึ่งก็ออกมาทันได้เห็นคนที่ช่วยชีวิตไว้ตรงไปที่ชายหาดอีกแล้ว ภูมิรพีวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ แล้ววิ่งไปในทิศทางเดียวกันด้วยความระอาใจ

“มานี่เลย เผลอเป็นไม่ได้” หญิงสาวถูกจับจูงกลับมาที่บ้านพักอีกครั้ง “อยากตายมากหรือยังไง ชีวิตมันไม่มีค่าอะไรแล้วหรือ ทำไมไม่คิดถึงคนข้างหลังบ้าง พ่อแม่น่ะไม่เคยคิดถึงเลยใช่ไหม เราน่ะอายุเท่าไหร่แล้ว” ชายหนุ่มพูดจบ หญิงสาวตรงหน้าก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นร้องไห้สะอึกสะอื้น

ใช่สิ! เธออายุสามสิบสองแล้ว ยังปล่อยให้ตัวเองถูกหลอก หลอกจนไม่เหลืออะไร หลอกด้วยความเชื่อใจและความหวังดี เธอกำลังจะทำให้พ่อแม่เดือดร้อน เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ไม่มีงาน ไม่มีเงิน เป็นหนี้โดยไม่เจตนา ไม่มีใครช่วยได้สักคน ตายไปเสียดีกว่า ถ้าเธอตายไปไอ้คนใจดำมันอาจจะมีจิตสำนึกขึ้นมาบ้าง

“หยุดร้องก่อนเถอะคุณ ปัญหาทุกอย่างมันมีทางแก้ไขนะ การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอก คนที่จะทุกข์เพราะการเสียคุณไปก็คือพ่อกับแม่ของคุณเองนะ นั่งรอตรงนี้ อย่าคิดเดินออกไปที่ชายหาดอีก คราวนี้ผมตีก้นคุณจริงๆ ด้วย” คนขู่ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว และกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับข้าวต้มสองถ้วย

“ทานซะกำลังร้อนๆ” คนไร้ที่พึ่งนั่งมองข้าวต้มตรงหน้า ไม่คิดจะตักมันขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

“เฮ้อ! อย่าถึงกับต้องป้อนเลยนะคุณ กินเถอะ ท้องอิ่มคุณถึงจะคิดอะไรออก ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องทรมานตัวเองสักหน่อย” นั่นล่ะจึงทำให้หญิงสาวหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเนือยๆ


ตกดึกภูมิรพีก็ต้องปวดหัวกับผู้หญิงแสนดื้อคนเดิม เมื่อเดินออกจากห้องนอนก็พบเธอนั่งมองดาวอยู่ตรงหน้าระเบียง ครั้นเดินเข้าไปหาก็เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากนัยน์ตาแสนเศร้านั้น เธอทุกข์อะไรหนักหนา ตั้งแต่เย็นแล้วที่เธอนั่งเงียบๆ ไม่พูดไม่คุยอะไรเลย เอาแต่นั่งเหม่อกับร้องไห้

“ทำไมยังไม่นอน ออกมาตากลมทำไม เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” ร่างแบบบางไม่โต้ตอบความใดเช่นเดิม นอกจากลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องนอนที่ผู้มีพระคุณจัดหาให้ ด้วยการเปลี่ยนบ้านพักกับทางรีสอร์ตจากหนึ่งห้องนอนเป็นสองห้องนอน

“มานี่ ไม่ต้องไปนอนห้องนั้นแล้ว มานอนด้วยกันนี่เลย” มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กแล้วพากลับเข้าห้องนอนของตน ขืนให้นอนคนเดียวคงได้คิดทำอะไรอีกแน่ๆ

“นอนได้แล้ว ห้ามร้องด้วยเข้าใจไหม นอนให้หลับ อย่าดื้อ” ชายหนุ่มสั่ง ส่วนคนถูกสั่งห้ามร้องก็นอนน้ำตาไหลเงียบๆ คนหวังดีถอนใจอีกเฮือก รู้ว่าเธอไม่ได้ทำตามที่บอกแน่ๆ จึงรั้งร่างนั้นเข้ามากอด ซึ่งก็ทำให้หญิงสาวผวาด้วยความตกใจ

“นอนเถอะคุณ บางทีคนเราก็ต้องการกำลังใจ และที่พักพิงใจเหมือนกันไม่ใช่หรือ” พูดจบเขาก็หลับตาลง ส่วนคนที่อยู่ในอ้อมกอดก็เหมือนต้องการที่พึ่งจริงๆ เพราะเธอขยับร่างเข้ามาซุกซบกับอกแกร่ง

เช้าวันใหม่ภูมิรพีตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่ามีใครอีกคนนอนอยู่ในอ้อมกอด ชายหนุ่มก้มมองคนที่ซุกอยู่กับอก ผู้หญิงคนนี้อายุก็น่าจะปลายๆ เลขสอง ดีไม่ดีก็ขึ้นต้นเลขสามแล้ว โดยปกติคนในวัยนี้มักจะมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่พอควร แล้วอะไรทำให้เธอคิดสั้น ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นมองคนที่หลับลึกแล้วต้องอมยิ้ม อะไรจะขี้เซาขนาดนี้ แต่เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายเจอเรื่องหนักๆ มาร่างกายอาจจะต้องการการพักผ่อน เขาจึงปล่อยให้เธอนอนตามสบาย จนกระทั่งตัวเองจัดการเรื่องส่วนตัวและเก็บของเตรียมคืนบ้านพักให้กับทางรีสอร์ตเรียบร้อยแล้ว คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังไม่รู้สึกตัว

“คุณๆ ตื่นได้แล้ว ผมต้องไปแล้วนะ” ภูมิรพีร้องเรียกแต่คนหลับลึกก็ยังนอนนิ่ง

“คุณตื่นเถอะทำไมขี้เซาแบบนี้” ชายหนุ่มลองจับตัวหญิงสาวเขย่าเบาๆ แล้วก็รับรู้ถึงความร้อนที่มีมากเกินปกติของร่างกายมนุษย์ “เฮ้อ! หาเรื่องให้ผมอีกจนได้นะคุณ”



หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2557, 12:49:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 เม.ย. 2557, 12:49:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1644





   บทที่ 1 >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 12 เม.ย. 2557, 23:26:10 น.
น่าสนใจ ค่ะ จะติดตาม ต่อไปนะคะ รอวันอังคาร .....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account