เสน่ห์รักสราญไทย
เมื่อหนุ่มลูกครึ่งรูปหล่อ 'เอ็ดเวิร์ด อรชุน คอร์นเนอร์'
หลานชายเจ้าของ 'อุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทย'
คิดทุบทำลายสถานที่อันเปี่ยมคุณค่าของชาวสราญไทยท้ิง เพื่อสร้างรีสอร์ทครบวงจร

ชาวสราญไทยเดือดเนื้อร้อนใจจนต้องขอให้คุณครูภาษาไทยสุดมั่น อุดมการณ์สูง
'ทิพเกสร' หลานสาวอดีตนักเลงเก่าประจำหมู่บ้านให้เป็นตัวแทนออกโรงเจรจา

ท่ามกลางพันธะสัญญา และสถานการณ์ที่ก่อเกิด
ได้ให้กำเนิดความรู้สึกดีๆ ของหัวใจทั้งสองดวง


Tags: รัก กุ๊กกิ๊ก โรแมนติก คอมเมดี้ วรรณคดี วรรณกรรม

ตอน: ตอนที่ ๓

ตอนที่ ๓

เอ็ดเวิร์ด อรชุน คอร์นเนอร์ จอด BMW Series 7
ที่ลานจอดรถของอุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทยก่อนจะเปิดประตูรถและก้าวลงมาอย่างมั่นใจ

เขามาที่นี่เป็นครั้งที่สอง
หลังจากที่ครั้งแรกเขามาตามแผนที่ที่ค้นหาจากระบบค้นหาเส้นทางในอินเทอร์เน็ต

ครั้งแรกที่มานั้น
ชายหนุ่มได้เดินสำรวจบรรยากาศรอบๆ ของภายนอกอุทยานแห่งนี้
พอซึบซับบรรยากาศไปบางส่วน ก่อนจะได้พบกับประดิษฐ์ ชายสูงวัยอายุราวห้าสิบ
ผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการ คอยดูแลความเป็นไปของอุทยานฯ แห่งนี้

จากการที่เคยได้สนทนากันครั้งแรกแล้ว
เอ็ดเวิร์ดค่อนข้างเบาใจ เพราะประดิษฐ์เป็นชายสูงวัยที่เหมือนต้นไผ่ลู่ลมไปตามสถานการณ์
ชายสูงวัยอ่อนน้อมถ่อมตนเมื่อรู้ฐานะของเขา
เอ็ดเวิร์ดเชื่อมั่นว่า หากเขาจะทำอะไรกับอุทยานฯ
ประดิษฐ์และพนักงานคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครขัดข้อง
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอย่างเดียว
เขาต้องการพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆ ให้พนักงานทุกคนได้รับทราบและเข้าใจตรงกัน
เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในภายหลัง และเขาเองก็คิดว่าจะให้ประดิษฐ์นี่แหละ
เป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงความเข้าใจกับชาวบ้านสราญไทย

ดังนั้นเอ็ดเวิร์ดจึงนัดประดิษฐ์อีกครั้งในวันนี้
โดยให้เขานัดพนักงานทุกคนที่ไม่มีหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าประชุมพร้อมกัน
เพื่อที่เขาจะได้ชี้แจงให้ทุกคนได้ทราบตรงกัน

ร่างสูงก้าวยาวๆ เพื่อไปยังจุดประชาสัมพันธ์ตามที่นัดไว้กับประดิษฐ์
แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อภาพพนักงานสาวสวมเสื้อสีครีมกับผ้านุ่งไทย
อันเป็นฟอร์มของพนักงานอุทยานฯ นี้ยืนเรียงแถวต้อนรับเขาอย่างเป็นทางการ
ก่อนที่หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งแต่งหน้าค่อนข้างจัดที่สุด เสียงหวานแหลม
และหน้าตาสะสวยที่สุดจะก้าวออกมายกมือไหว้และย่อลงอย่างสวยงามตรงหน้าเขาพร้อมกล่าว

“สวัสดีค่ะคุณเอ็ดเวิร์ด ยินดีต้อนรับสู่อุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทยค่ะ”

“สวัสดีครับ” เขาตอบรับแล้วยิ้มให้ ทำให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามหน้าเริ่มแดง
และออกอาการเขินอายจนตัวเริ่มม้วนเป็นเกลียว...
นี่เขาเรียกว่า ‘อายม้วนต้วน’ อย่างที่คุณย่าเขาเคยพูดหรือเปล่านะ

“ขออนุญาตกลัดดอกไม้นะคะคุณเอ็ดเวิร์ด” สาวคนเดิมบอกเสียงหวาน
เมื่อชายหนุ่มพยักหน้า หล่อนก็ก้าวเข้ามาชิดใกล้ ยื่นมือมากลัดดอกไม้ช่อเล็กสีแดงสดที่อกเสื้อด้านซ้าย

เอ็ดเวิร์ดพยายามกลั้นขำ
ไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมากับท่าทางของพนักงานสาวคนนี้
คนที่เขาจำได้ดีว่าหล่อนต้อนรับเขาเสียงหวานเมื่อวันแรกที่เขามาติดต่อขอพบประดิษฐ์
มาวันนี้หล่อนก็ให้การต้อนรับเขาแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว

เอ...ไหนคุณย่าเขาบอกว่าผู้หญิงไทยนี่ไม่เหมือนผู้หญิงอเมริกันไงล่ะ
ผู้หญิงไทยเรียบร้อย อ่อนหวาน นุ่มนวล
ไม่แสดงออกกับผู้ชายมากจนเกินไปไม่ใช่หรือ รึว่าหล่อนไม่ใช่ไทยแท้

“ขอบคุณครับ” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยเบาๆ เมื่อหล่อนกลัดดอกไม้ให้เขาเสร็จ

“พิมพ์อุมานะคะ” หล่อนกระซิบบอกชื่อตัวเองเบาๆ ในจังหวะเล็กๆ ก่อนถอยห่างออกมา

“ขอบคุณคุณพิมพ์อุมามากครับ”

เอ็ดเวิร์ดกระซิบตอบเบาๆ กับหล่อนโดยตรง
ยิ่งทำให้อีกฝ่ายเขินอายสะท้านขึ้นสะท้านลงอย่างปลื้มปริ่ม
ก่อนที่ประดิษฐ์จะเดินมาสะกิดให้หล่อนกลับเข้าไปยืนเรียงแถวกับเหล่าพนักงานตามเดิม
พิมพ์อุมาทำเสียงจึกจักในลำคอเล็กน้อยก่อนถอยหลังไปยืนเข้าแถว

“สวัสดีครับคุณเอ๊ดหวืด” เพราะไม่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ
ประดิษฐ์จึงออกเสียงชื่อของอีกฝ่ายไม่ถนัดซึ่งเจ้าของชื่อก็ไม่ได้ถือสาที่เขาเรียกขานชื่อผิดเพี้ยน
แต่กลับตกใจเมื่อประดิษฐ์พนมมือไหว้

“โอ๊ะ ไม่ต้องไหว้หรอกครับ” เอ็ดเวิร์ดรีบยกมือห้าม
“คุณย่าผมสอนไว้ครับ คนอายุน้อยกว่าต้องไหว้คนอายุมากกว่าเท่านั้น
คนอายุมากกว่าไหว้คนอ่อนกว่าไม่ได้”
เขาจำที่คุณย่าสอนได้ดีว่า... เจอผู้ใหญ่ให้มือไม้อ่อน ทำความเคารพ
และคนไทยนั้นถือธรรมเนียมผู้น้อยไหว้ผู้อาวุโสเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเสมอมาทุกวาระโอกาส

ประดิษฐ์ค่อนข้างเก้อเขินเล็กน้อยแต่ชายสูงวัยก็ไม่ขัดข้องอะไร

“เชิญคุณเอ๊ดหวืดด้านในห้องประชุมเลยครับ”
ชายสูงวัยผายมือเชื้อเชิญพร้อมเดินตามประกบอยู่ด้านหลัง

“ความจริงแล้ว ไม่ต้องต้อนรับอย่างเป็นทางการอย่างนี้ก็ได้นะครับ
แค่มาพบกัน พูดคุยกันธรรมดาเท่านั้นเอง”
เอ็ดเวิร์ดบอกกับชายสูงวัยผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการดูแลอุทยานฯ แห่งนี้

ประดิษฐ์เพียงแต่ยิ้มเมื่อเดินมาด้านหลังอาคารประชาสัมพันธ์ที่เป็นจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมอุทยานฯ
ซึ่งเป็นห้องขนาดกว้างไว้สำหรับประชุมหรือจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ได้
แต่ไม่ค่อยได้ใช้งานนัก เมื่อผลักประตูเข้าไปก็ได้สัมผัสจากไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ
ที่ประดิษฐ์ให้แม่บ้านมาเปิดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“เปิดแอร์แต่เช้าหรือครับ” เอ็ดเวิร์ดหันมาถาม

“ไม่ครับ ปกติแล้วห้องนี้ไม่เคยได้ใช้อะไร พอทราบว่าคุณเอ๊ดหวืดจะมา
ผมก็เลยให้แม่บ้านมาดูแลทำความสะอาดชุดใหญ่นี่แหละครับ
แล้วก็เมื่อเช้าผมมาดูอีกทีก็เลยคิดว่าเปิดแอร์ไว้เลยดีกว่า
คุณเอ๊ดหวืดมาถึงแล้วจะได้เย็นเลยครับ” ชายสูงวัยอธิบายยาวเหยียดตามตรง

เอ็ดเวิร์ดระบายยิ้มบางๆ อย่างพอใจ... ประดิษฐ์คนนี้ดูซื่อๆ ตรงๆ ดี น่าจะไว้ใจได้

“ขอบคุณมากนะครับ” เขาตอบเพียงสั้นๆ

“คุณเอ๊ดหวืดจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ มีชา กาแฟ น้ำผลไม้ หรืออะไรดีครับ” ประดิษฐ์ถามต่อ

“กาแฟก็ได้ครับ”

“ครับ สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้พนักงานยกมาให้”
ประดิษฐ์บอกอย่างนอบน้อม แม้อีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่า
แต่ก็อยู่ในฐานะเจ้านาย เขาจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ
ด้วยไม่รู้นิสัยใจคอของอีกฝ่ายมาก่อน แต่จากที่สัมผัสได้
เจ้านายหนุ่มน้อยคนนี้ดูใจดีและไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด

ประดิษฐ์หันหลังเพื่อจะเดินออกไปบอกให้พนักงานด้านนอกชงกาแฟเข้ามาบริการ ‘คุณเอ๊ดหวืด’
แต่แค่เอี้ยวตัวเท่านั้นก็ถูกเรียก

“เอ้อ คุณลุงประดิษฐ์ครับ”

“ครับ คุณเอ๊ดหวืด เรียกลุง เอ้อ เรียกผมหรือครับ”

“ผมเรียก ‘คุณลุง’ ได้ไหมครับ”

“ได้ครับ แล้วแต่คุณเอ๊ดหวืดสะดวกครับ”
ประดิษฐ์ค่อนข้างงงๆ เพราะปกติชาวสราญไทยจะเรียกขานตนว่า ‘ตาดิษฐ์’ เสียมากกว่า
แต่ก็ตอบรับอย่างคนไม่เรื่องมาก

เอ็ดเวิร์ดยิ้มขบขันก่อนจะถาม

“แล้วคุณลุงประดิษฐ์สะดวกไหมครับเวลาที่เรียกผมว่า ‘เอ๊ดหวืด’ น่ะครับ”
เขาพยายามทำเสียงเรียกชื่อตัวเขาเองอย่างที่ประดิษฐ์เรียก อีกฝ่ายหัวเราะแห้งๆ พร้อมสารภาพตามตรงว่า

“ไอ้ผมมันก็ไม่ค่อยเก่งภาษาปะกิดหรอกครับ ผม...เรียกผิดหรือครับ”

ดูท่าทางของประดิษฐ์ที่ตกใจเอามากแล้ว เอ็ดเวิร์ดอยากหัวเราะดังๆ แต่ก็กลั้นไว้แล้วบอก

“เปล่าครับ แต่ถ้าเรียกชื่อภาษาไทยของผม คุณลุงน่าจะถนัดกว่า”

“ครับ แล้วคุณเอ๊ดหวืดจะให้ผมเรียกว่าอะไรครับ”

“อรชุนครับ” เขาตอบก่อนย้ำอีกครั้งชัดๆ “เรียกผมว่า... ‘อรชุน’ ก็ได้ครับ”



เมื่อพนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาครบแล้ว และผู้ที่มาเป็นประธานก็พร้อมแล้ว
ประดิษฐ์ที่นั่งข้างๆ เอ็ดเวิร์ดก็กระซิบบอก ชายหนุ่มจึงเริ่มเปิดประชุม

“สวัสดีครับทุกคน” เขากล่าวทักทายเป็นภาษาไทย

มีเสียงตอบรับ ‘สวัสดี’ ดังมาจากพนักงานราวยี่สิบชีวิต
ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้หญิง อายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ถึงสามสิบต้นๆ
ที่มากกว่านั้นจะเป็นแม่บ้าน ส่วนผู้ชายก็มีประดิษฐ์ที่เป็นผู้จัดการ ยามโสม ซึ่งเป็นรปภ.ของที่นี่
และผู้ดูแลสวนอีกสามคน

“ก่อนอื่น ผมขออนุญาตแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการก่อนนะครับ
ผม... เอ็ดเวิร์ด โอ คอนเนอร์ หรือถ้าเรียกไม่สะดวก
ผมมีชื่อภาษาไทยว่า ‘อรชุน’ ผมเป็นหลานชายของคุณย่าบุษบา
เจ้าของอุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทยแห่งนี้ครับ”
เขาหยุดเว้นวรรคก่อนบอกก่อนเข้าประเด็นเลยว่า
“บางท่านอาจจะทราบแล้วนะครับว่าวันนี้ผมนัดเรียกทุกท่านประชุมทำไม...”

หลายคนมองหน้ากัน บางคนไม่รู้ก็กระซิบถามคนที่พอรู้
และก่อนที่จะเกิดการกระซิบบอกต่อกันเอง เอ็ดเวิร์ดก็เอ่ยต่อ

“เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน ข้อมูลไม่ผิดเพี้ยนหรือบิดเบือนไป
ในวันนี้ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า
ผม...ในฐานะหลานชายของคุณย่าบุษบาทราบมาว่ากิจการของอุทยานหุ่นขี้ผึ้งฯ
ในช่วงหลายปีมานี้ไม่ค่อยดีนัก... ดังนั้นผมจึงมีโครงการที่จะรื้ออุทยานนี้ทิ้ง
และสร้างสิ่งก่อสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่แบบครบวงจร ทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไรครับ”

สิ้นเสียงคำถามของชายหนุ่ม ก็มีเสียงกระซิบกระซาบฮือฮาด้วยความตกใจ

“ถึงกับขนาดต้องรื้อทิ้งเลยหรือคะคุณ” มลุลีแม่บ้านคนหนึ่งเอ่ยถาม หล่อนทำงานอยู่ที่นี่มานานมาก
อุทยานฯ นี้เหมือนอู่ข้าวอู่น้ำของหล่อน หากไม่มีแล้วจะไปทำมาหากินอะไร

“ครับ ต้องรื้อทิ้ง” เอ็ดเวิร์ดตอบตามตรง
“แต่ทุกคนไม่ต้องห่วงนะครับว่าจะตกงาน เพราะหลังจากที่ผมสร้างรีสอร์ทแล้ว
ก็ยังจะจ้างทุกคนที่นี่ทำงานต่อในรีสอร์ทตามความสมัครใจและในตำแหน่งที่เหมาะสม”

“แล้วก่อนหน้านั้นจะให้ทำอะไรกินล่ะพ่อคู้ณ” วาริน แม่บ้านอีกคนเอ่ยถามหน้าตาบึ้งตึง
หล่อนเป็นอีกคนที่ทำงานที่นี่มานาน ชินกับงานจนไม่อยากออกไปไหน
และคิดมาเสมอว่าตัวเองน่ะใหญ่และอาวุโสกว่าพนักงานคนอื่นๆ ในเรื่องของอายุและประสบการณ์ทำงาน
รองมาจากประดิษฐ์คนเดียว เมื่อพูดจาที่ด้วยสุ้มเสียงที่เหมือนไม่เกียรติเจ้านายอย่างนี้ทำให้ประดิษฐ์ต้องปราม

“นังริน”

วารินจำต้องเงียบอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมมีเงินสวัสดิการสำรองให้ อาจไม่เท่าเงินเดือนนะครับ
แต่กรณีนี้สำหรับคนที่สมัครใจจะทำงานต่อเท่านั้น” เอ็ดเวิร์ดมีคำตอบ

“แต่กว่าจะสร้างเสร็จล่ะก็ไม่ใช่วันสองวันนะคุณ” วารินยังคงอ้างต่อ

“ข้อนั้นผมทราบดีครับ แต่ผมได้ติดต่อสถาปนิกและช่างที่มีความชำนาญเอาไว้หมดแล้ว
ถ้าทุกคนที่นี่ไม่มีปัญหา ผมก็จะเริ่มลงมือทันที”

“ความจริง คุณเอ๊ด เอ้อ คุณอรชุนก็ดำเนินการตามเห็นสมควรไปได้เลยนี่ครับ
ไม่เห็นจำเป็นต้องมาถามพวกเราก่อนเลย” ประดิษฐ์บอกตามตรงด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“ไม่ได้หรอกครับ ผมสัญญากับคุณย่าเอาไว้ว่าจะรื้อที่นี่ทิ้ง ก็ต่อเมื่อทุกคนที่นี่ไม่มีใครขัดข้อง”
เอ็ดเวิร์ดตอบตามความจริงก่อนจะหันไปทางที่ประชุมอีกครั้ง
“ทุกคนว่าไงครับ”

แม้ในใจของ ‘ทุกคน’ จะรู้สึกเบาหวิวและอยากยกมือขึ้นคัดค้านนั้น
แต่นี่คือความต้องการของเจ้านาย ถึงไม่เห็นด้วยแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าแสดงตัว

เอ็ดเวิร์ดเองก็พอจะเดาคำตอบได้
แต่นี่แหละ...คือวิธีของเขา เขาทำตามที่สัญญากับคุณย่าแล้ว
ในใจแต่ละคนเป็นอย่างไรเขาก็ไม่ทราบได้ แต่เมื่อไม่มีใครแสงตนคัดค้าน
เขาก็ถือว่าสัญญาข้อที่หนึ่งของเขาผ่านไปด้วยดี

“ถ้าอย่างนั้นตามนี้นะครับ เดี๋ยวผมจะให้คุณลุงประดิษฐ์สำรวจดูว่ามีใครที่อยากจะทำงานกับผมต่อบ้าง
จากนั้นผมจะให้ติดประกาศ ‘ปิด’ อุทยาน และเริ่มลงมือก่อสร้างได้เลย”

เป็นอันว่าปิดประชุม



เอ็ดเวิร์ดเดินออกมาจากห้องประชุมโดยมีประดิษฐ์เดินตามมาใกล้ๆ
ส่วนพิมพ์อุมานั้นพยายามจะขอตัวเดินตามมาด้วย แต่กลับถูกเอ็ดเวิร์ดปฏิเสธนิ่มๆ อย่างสุภาพว่า

“ไม่เป็นไรครับ พอดีผมมีธุระต้องปรึกษาคุณประดิษฐ์ต่อ คุณพิมพ์อุมาไปทำงานตามหน้าที่เถอะครับ”

พิมพ์อุมารู้สึกใบหน้ากำลังปริแตกเป็นเส้นริ้วๆ
มีเสียง ‘เพล้งๆ’ ดังในหัวก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆ แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อ ‘ทำงานตามหน้าที่’
อย่างที่เอ็ดเวิร์ดบอก

“คุณอรชุนอย่าไปถือสาเลยนะครับ นังอุ๊มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ”
ประดิษฐ์กลัวเอ็ดเวิร์ดไม่พอใจพิมพ์อุมาจึงพยายามแก้ต่างให้
เพราะรู้ดีว่าพิมพ์อุมามักจะมีปฏิกิริยาแบบนี้กับลูกค้าหนุ่มๆ เสมอ
และนี่เจ้านายที่รูปหล่อพ่อรวยล้นฟ้ามหาศาล ประดิษฐ์รู้ว่าห้ามพิมพ์อุมายากกว่าที่ผ่านมา

“อ้อ ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ถือสาก่อนบอกความต้องการของตนเอง
“ผมอยากดูรอบๆ ของอุทยานน่ะครับ คุณลุงพาผมเดินดูหน่อยได้ไหมครับ”

“ยินดีครับ” ประดิษฐ์รับคำแล้วผายมือเชิญ “คุณอรชุนอยากชมตรงไหนก่อนครับ”

“ก็ไปตามเส้นทางก็ได้ครับ สะดวกดี”

“เชิญครับ”



ประดิษฐ์พาเอ็ดเวิร์ดเดินผ่านเข้ามายังประตูตรวจบัตรพร้อมอธิบายว่า
เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงแล้วจะผ่านส่วนหน้าที่เป็น ‘ศาลาทรงจำ’ และโรงอาหาร
ากนั้นเดินเข้ามาตามทางก็จะพบอาคารจุดบริการหรือเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
นักท่องเที่ยวจะซื้อบัตรตามจำนวนคนและราคาที่ติดแสดงเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติก็คิดราคาเดียว
แบ่งราคาตามประเภทของวัยเท่านั้นระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน ๑๒๐ เซนติเมตร
ก่อนจะเดินมายังประตูตรวจบัตร แล้วเดินไปตามช่องที่กั้นไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวเรียงแถวเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ

เอ็ดเวิร์ดเดินตามและฟังประดิษฐ์บรรยายไปก็พยักหน้าตามไปพอเข้าใจ
เขามองพื้นที่ของอุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทยจากมุมที่เห็นแล้วบอกกับตัวเองตามตรงว่า
ที่นี่ร่มรื่นและเย็นสดชื่นมาก ทั้งที่พระอาทิตย์แผดแสงแรงอย่างนั้น

แต่ภายในอุทยานฯ นี้มีต้นไม้ใหญ่ปลูกเรียงไปตลอดทาง
กว่าร้อยละเจ็ดสิบของที่นี่ เขาคิดว่ามันคือต้นไม้ทั้งนั้น

ก่อนที่ประดิษฐ์จะได้พาชายหนุ่มไปชมในส่วนแรก
โทรศัพท์มือถือของเอ็ดเวิร์ดก็ดังขึ้น ชายหนุ่มขอตัวไปรับโทรศัพท์...
โทรศัพท์จากสมิธ บิดาของเขาจากอเมริกา
โทร.มาเพื่อสอบถามความคืบหน้าถึงงานที่ลูกชายกำลังวางแผนเอาไว้

เอ็ดเวิร์ดสนทนาตอบบิดาเป็นภาษาอังกฤษ
ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ประดิษฐ์รู้ แต่เป็นเพราะนี่คือความเคยชิน
เขาหันมาส่งสายตาบอกชายสูงวัยเป็นเชิงว่าขอไปหาสัญญาณคุยโทรศัพท์ก่อน
อีกฝ่ายผายมือเชิญอย่างยินดี

ร่างสูงเดินไปหาบริเวณโล่งๆ เพื่อคุยโทรศัพท์จนได้จุดที่สัญญาณทางไกลจะไม่ถูกรบกวน
ไม่ถึงห้านาทีหลังจากนั้นสมิธก็ว่างไป เอ็ดเวิร์ดหันกลับมาเห็นว่ามีห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ จึงเดินเข้าไป
ตั้งใจจะสำรวจความเรียบร้อยว่าห้องน้ำด้านในนั้นสะอาดเหมือนห้องน้ำด้านนอกที่เขาเคยสำรวจมาก่อนหรือเปล่า

ภาพรวมภายในห้องน้ำนั้นสะอาดดี แต่ที่สะดุดตาเขาก็คือกระดาษสีขาว
พิมพ์ด้วยตัวอักษรสีแดงติดเทปกาวไว้หน้าประตูทั้งสามประตูด้วยภาษาไทย
เขาพออ่านได้ว่า ‘ชำรุด’ แต่ชายหนุ่มไม่ค่อยเข้าใจความหมายเสียเท่าไหร่
จึงค่อยๆ ผลักประตูบานแรกออก
ปรากฏว่าจู่ๆ บานประตูก็หลุดลงมากระทบพื้นจนเห็นบรรยากาศในห้องเล็กๆ นั้นว่ามีแต่หยากไย่เกาะเต็มไปหมด
ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนค่อยๆ ขยับบานประตูที่หลุดนั้นวางพิงเอาไว้อย่างเบามือ
ก่อนจะลองไปขยับบานที่สอง คราวนี้บานประตูไม่ได้ชำรุด
แต่เมื่อผลักเข้าไปก็พบว่าโถสุขภัณฑ์นั้นมีรอยแตกจนไม่สามารถใช้งานได้
เอ็ดเวิร์ดหยุดความคิดที่จะเปิดห้องต่อไป เพราะไม่แน่ใจว่าจะเจอกับอะไรอีก
รู้แค่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า ‘ชำรุด’ ที่เขียนไว้หน้าห้องนั้นมีความหมายว่าอย่างไร

เขาเดินออกมาพบประดิษฐ์ที่ยืนรออยู่ด้านนอกอยู่แล้ว
แต่แรกเขาค่อนข้างหงุดหงิด ตั้งใจจะสอบถามให้รู้แน่ชัดว่า
ทำไมถึงไม่ดูแลให้ห้องน้ำถูกสุขอนามัยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
แต่พอเห็นหน้าตาซื่อๆ ของอีกฝ่ายที่ไม่ได้แสดงทีท่าว่าตระหนกตกใจที่เขามาพบสิ่งเหล่านี้แล้ว
เอ็ดเวิร์ดก็ทำไม่ลง เขาเพียงถาม

“ห้องน้ำ ‘ชำรุด’ คือ ‘พัง’ใช่ไหม”

“ครับ” ประดิษฐ์ตอบตามตรง

“แล้วทำไมไม่ซ่อมล่ะครับ” เขาถามอีก แต่อีกฝ่ายอึกอักไม่กล้าตอบ เขาจึงสำทับ
“ตอบมาเถอะครับ ผมไม่ว่าอะไรหรอก ขอแค่เป็นความจริง”

“คือ... เราไม่มีเงินน่ะครับ” ประดิษฐ์ตอบ

“อ้าว แล้วเงินเดือนกับเงินค่าบำรุงล่ะครับ เงินเดือนของทุกคนมาจากไหนกัน
คุณย่าส่งมาให้ทุกเดือนไม่ใช่หรือ ทั้งเงินเดือนและเงินบำรุงอุทยาน”

“ในส่วนที่เป็นเงินเดือนนั้นส่งมาเป็นปกติ เป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้วครับ
แต่เรื่องค่าซ่อมบำรุงนี้ ไม่มีมานานแล้วครับ” ประดิษฐ์ตอบ

“แล้วโทร.ไปบอกคุณย่าบ้างหรือเปล่าว่าห้องน้ำพัง แล้วนี่มีอะไรที่พังอีกไหมเนี่ย”
คราวนี้เขาเริ่มชักจะหงุดหงิด จากที่คิดว่าที่รื่นรมย์ ก็ชักจะไม่ค่อยรื่นเอาเสียแล้ว

“ก็มีครับ อย่างหุ่นบางตัวมีนักท่องเที่ยวชอบไปจับ มันก็พังไปบ้าง
ผมก็เคยโทร.ไปบอกคุณบุษบาอยู่หลายครั้งแล้วครับ ท่านก็บอกว่าจะส่งเงินมาให้
แต่ว่าเราก็รออยู่นานมาก ผมก็ไม่กล้าโทร.ไปเซ้าซี้กับท่านอีกน่ะครับ
เพราะบางทีท่านอาจจะลืมก็ได้” ประดิษฐ์ตอบอย่างเจียมตัว

“ไม่จริงหรอก คุณย่าอายุมากก็จริงแต่ไม่ใช่คนขี้ลืม”
คราวนี้เขาโมโห ก่อนจะเห็นหน้าจ๋อยๆ ของชายสูงวัย ก็พยายามควบคุมอารมณ์
“แล้วคุณลุงรู้ไหมว่าคุณย่าจ่ายเงินผ่านมาทางใคร ปกติรับเงินเดือนจากใคร หรือโอนเข้าบัญชี”

“จ่ายเป็นซองครับ” ประดิษฐ์ตอบ “ทุกเดือนจะเป็นคุณวิลเลียม หรือไม่ก็เลขาคุณวิลเลียมครับ”

เอ็ดเวิร์ดเริ่มเข้าใจ อาวิลเลียมช่วยคุณย่าดูแลที่นี่เรื่องค่าใช้จ่าย
แต่ก็คงส่งมาเพียงเงินเดือนของพนักงานเท่านั้น
ค่าบำรุงรักษาอื่นๆ คงจะวางเฉยเพราะคิดว่าถึงอย่างไร
นักท่องเที่ยวก็มีจำนวนไม่มาก ไม่ต้องใส่ใจก็ได้กระมัง

“แล้วอาวิลเลียมเคยมาดูที่นี่บ้างไหม” เขาถามต่อ

“ก็มาบ้างครับ แต่ไม่บ่อย นานๆ ครั้งเท่านั้น”

“แล้วคุณย่าล่ะ คุณย่าแวะมาที่นี่บ้างไหม”

“ตั้งแต่คุณอันเดรสามีของคุณบุษบาเสีย
คุณบุษบาก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลยครับ หลังจากนั้นเรื่องเงินเดือนและอื่นๆ คุณวิลเลียมเป็นคนจัดการ”

เอ็ดเวิร์ดนับหนึ่งถึงสิบ และเมื่อนับครบ อารมณ์เขาก็เย็นลง เขาบอกชายสูงวัย

“ถ้าอย่างนั้น เอาไว้ผมจะลองถามคุณย่าดูอีกทีนะครับ
แต่ตอนนี้ผมมีอีกเรื่องที่ต้องการให้คุณประดิษฐ์ช่วยสักหน่อย”

“ว่ามาเลยครับคุณอรชุน”
ประดิษฐ์กล่าวเช่นนั้นเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการขอร้องนั้น
คือสิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจจนแทบอยากจะถอนคำพูด

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



สังขยาชาเย็น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2557, 16:18:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2557, 16:18:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1138





<< ตอนที่ ๒   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account