เสน่ห์รักสราญไทย
เมื่อหนุ่มลูกครึ่งรูปหล่อ 'เอ็ดเวิร์ด อรชุน คอร์นเนอร์'
หลานชายเจ้าของ 'อุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทย'
คิดทุบทำลายสถานที่อันเปี่ยมคุณค่าของชาวสราญไทยท้ิง เพื่อสร้างรีสอร์ทครบวงจร

ชาวสราญไทยเดือดเนื้อร้อนใจจนต้องขอให้คุณครูภาษาไทยสุดมั่น อุดมการณ์สูง
'ทิพเกสร' หลานสาวอดีตนักเลงเก่าประจำหมู่บ้านให้เป็นตัวแทนออกโรงเจรจา

ท่ามกลางพันธะสัญญา และสถานการณ์ที่ก่อเกิด
ได้ให้กำเนิดความรู้สึกดีๆ ของหัวใจทั้งสองดวง


Tags: รัก กุ๊กกิ๊ก โรแมนติก คอมเมดี้ วรรณคดี วรรณกรรม

ตอน: ตอนที่ ๒

ตอนที่ ๒

“คุณย่าคร้าบ...”

เสียงห้าวพูดไทยสำเนียงแปร่งหูดังขึ้นอย่างออดอ้อน
เจ้าของเสียงเป็นหนุ่มอเมริกันผู้มีเลือดไทยผสมอยู่เพียงเสี้ยว
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวกับเทพบุตร
เรือนร่างสูงโปร่งเดินซอยเท้ายิกๆ มาโดยเร็วก่อนจะโผเข้ามากอดสตรีสูงวัยประมาณเจ็ดสิบ
ที่เขาร้องเรียกว่า ‘คุณย่า’ ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ศาลาริมน้ำหลังบ้าน

“อ้าว... อรชุน ไปไงมาไงล่ะเนี่ย” เสียงตอบรับจากบุษบา
สตรีวัยเจ็ดสิบแต่ใบหน้ายังคงผุดผาดอ่อนกว่าวัยตอบรับหลานชายอย่างยินดี
พลางกางแขนรับร่างสูงโปร่งที่โผเข้ามาซุกหน้ากับอกของคุณย่า

“คิดถึงคุณย่าจังเลยครับ” ชายหนุ่มอ้อน

“แหม... ทำปากหวาน เพิ่งจะมาหาย่าเมื่อไม่นานนี้เอง”
บุษบาดักคอหลานชายก่อนจะค่อยๆ จับไหล่ของเขายื่นออกห่างเพื่อมองหน้า
สบนัยน์ตาสีฟ้าอีกครั้ง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกรัก...คิดถึงและผูกพัน
“เหมือนจริงๆ เลยนะ” คุณย่าพึมพำ

“เหมือนอะไรหรือครับคุณย่า” หลานชายถามแล้วยิ้มกว้าง

“เหมือนกับปู่ของหลานไง” บุษบาลูบเสี้ยวหน้าของหลานชายและมองอย่างรักใคร่

ในวัยสาว บุษบาได้พบรักกับ ‘มิสเตอร์อันเดร เบนจามิน คอร์นเนอร์’
นักธุรกิจชาวอเมริกันผู้มาลงทุนในเมืองไทยและได้พบรักกับคุณครูภาษาไทยขาลุย
ชีวิตที่เป็นเหมือนฝัน จากชีวิตครูสอนภาษาไทยธรรมดาก็กลับเป็นเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย
บุษบาต้องย้ายถิ่นฐานเพื่อตามสามีไปทำธุรกิจ
ชีวิตค่อนข้างโลดโผนไปมาระหว่างประเทศไทยและต่างประเทศ
กระทั่งคลอดบุตรชายคนเล็ก อันเดรตัดสินใจให้ภรรยาย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทย
โดยปลูกบ้านไม้สองชั้นขนาดพอกะทัดรัดในซอยเล็กๆ
ให้ห่างไกลจากฝุ่นควันและมลพิษเพราะบุษบามีโรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัว
ด้านหลังบ้านติดแม่น้ำ อันเดรสร้างศาลาเล็กๆ ใต้ร่มไม้ ปลูกชานยื่นลงไป
ความจริงแล้วฐานะระดับนักธุรกิจร้อยล้านจะสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่บนเนื้อที่ร้อยไร่ให้หญิงผู้เป็นที่รักก็ได้
แต่เพราะบุษบานั้นรักธรรมชาติและรักสันโดษมากกว่า
เมื่ออายุมากแล้วก็อยากอยู่อย่างสงบ
และได้กลับมาเป็นครูสอนภาษาไทยอีกครั้งที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ไม่ไกลจากบ้านนักและมีเวลาดูแลลูกชายทั้งสองที่เมื่อเติบโตขึ้นก็เจริญรอยตามบิดาทั้งคู่

‘สมิธ สุริยวงศ์ คอร์นเนอร์’ ลูกชายคนโตเป็นลูกครึ่งไทย อเมริกัน
สืบทอดกิจการรีสอร์ทของบิดา สมิธหรือที่บุษบาชอบเรียกด้วยชื่อไทยว่า
‘สุริยวงศ์’ แต่งงานกับสาวอเมริกันขนานแท้คือ ‘มิเชล’ ที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน
คอยดูแลสามีและลูกชายคนเดียวคือ ‘เอ็ดเวิร์ด อรชุน คอร์นเนอร์’
ที่เติบโตเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย - อเมริกัน
บุษบาเองก็มักถนัดที่จะเรียกหลานชายคนโตด้วยชื่อไทยที่หล่อนตั้งเอง
นั่นคือ ‘อรชุน’ ซึ่งบุษบาเลี้ยงอรชุนมาตั้งแต่เด็กที่เมืองไทย
สอนให้เขารู้จักภาษาและวัฒนธรรมไทย
กระทั่งอรชุนอายุได้ ๗ ขวบ อรชุนก็ย้ายไปอยู่ที่อเมริกากับบิดามารดา
ไปๆ มาๆ ระหว่างสองประเทศจนเรียนจบปริญญาโท
ก็ได้เข้ามาช่วยบิดาบริหารกิจการครอบครัวอย่างเต็มตัว
และตอนนี้หลานชายคนโตของบุษบาก็ตัดสินใจกลับมาสร้างธุรกิจ
ที่เขาตั้งใจไว้ที่เมืองไทย เพื่อหวังว่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกสำหรับตนเอง

ส่วนลูกชายคนที่สองของบุษบาคือ ‘วิลเลียม วิษณุ คอร์นเนอร์’ เป็นลูกครึ่งไทย อเมริกันเช่นกัน
สืบทอดธุรกิจกระเป๋าหนังต่อจากอันเดร
บุษบาเรียกลูกชายคนเล็กด้วยชื่อไทยด้วยเช่นกัน ‘วิษณุ’
แต่งงานกับหญิงสาวอเมริกันแท้เหมือนพี่ชายคือ ‘เจนนิเฟอร์’
และมีลูกชายคนเดียวเช่นกันคือ ‘โรเมโอ เรืองฤทธิ์ คอร์นเนอร์’
ซึ่งอายุห่างจากเอ็ดเวิร์ดเพียงสองปี และเนื่องจากกิจการกระเป๋าหนังนี้

อันเดรได้สร้างบริษัทและโรงงานไว้ที่ประเทศไทย
ทำให้ครอบครัวของวิษณุจะปักหลักอยู่ที่เมืองไทยตลอดมา
มีบ้างที่ต้องไปติดต่อกับบริษัทสาขาที่ต่างประเทศ
ขณะที่โรเมโอหรือเรืองฤทธิ์นั้นก็ไปเรียนที่อเมริกา
เมื่อจบการศึกษาก็มาช่วยบิดาสืบสานงานเช่นกัน

และที่อยู่ตรงหน้าของบุษบา ก็คือ เอ็ดเวิร์ด อรชุน คอร์นเนอร์
หลานชายคนโตของหล่อน
หลานชายที่มองอย่างไรก็เหมือนว่าได้ถอดแบบเค้าของอันเดรมาทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าเรียวที่ล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลทอง
เหมือนกับสีขนคิ้วที่หนาเป็นแผงเหนือนัยน์ตาสีฟ้า
เคราบางๆ ใต้คางมน จมูกโด่งเชิดอยู่เหนือริมฝีปากหยัก
เมื่อสลักรวมกันบนใบหน้าของชายหนุ่มแล้ว
บุษบารู้สึกเหมือนเห็นสามีของหล่อนในวัยหนุ่มกำลังนั่งอยู่ตรงหน้า

หญิงชราน้ำตารื้นเมื่อนึกถึงสามี
อันเดรล่วงลับไปเมื่อ ๕ ปีก่อนด้วยโรคประจำตัว
แม้จะเสียใจที่คู่ชีวิตจากไป แต่บุษบาก็ยังยิ้มรับและยืนหยัด
ตลอดหลายสิบปีที่ร่วมชีวิตกันมา
บุษบาเชื่อว่าตนกับอันเดรได้ร่วมชีวิตกันมาอย่างคุ้มค่าและเต็มที่แล้ว
ไม่มีสิ่งใดให้ติดค้างคาใจ
หญิงชราใช้ชีวิตบั้นปลายหลังเกษียณอายุงานที่บ้านไม้ชายคลองแห่งนี้อย่างสมถะกับแม่บ้านและคนขัับรถ
ที่อยู่เป็นเพื่อนคอยอำนวยความสะดวก
ลูกหลานผลัดเปลี่ยนกันมาเยี่ยมเป็นระยะ
แม้บางครั้งหายหน้าไป แต่หญิงชราก็รู้แก่ใจดีว่าทุกคนกำลังสืบสานสิ่งที่อันเดร
สามีของหล่อนสร้างเอาไว้ให้อยู่ต่อไปได้นานที่สุด

“คุณย่า... ร้องไห้ทำไมครับ”

เพียงแค่เห็นหยาดน้ำรื้นที่ขอบตาของคุณย่า
เอ็ดเวิร์ดก็แปลกใจ เขาถามพลางซับน้ำตาให้คุณย่าของเขา
คุณย่าที่เขารักมากที่สุดในโลก
คุณย่าที่เป็นอย่างเดียวที่ทำให้เขาอยากกลับมาเมืองไทยทุกปิดเทอมภาคฤดูร้อน

“ย่าคิดถึงปู่น่ะ” บุษบาตอบตามตรงก่อนใช้สองมือประคองหน้าหลานชาย
“อรชุนรู้ไหม อรชุนเหมือนปู่มาก”

“ครับคุณย่า” เอ็ดเวิร์ดหรืออรชุนยิ้มรับ
พลางจับสองมือหยาบย่นของคุณย่าไว้อย่างเบามือก่อนจะขยับสองมือนั้นมากุมไว้
“ผมมากวนคุณย่าหรือเปล่าครับ คุณย่าทำอะไรอยู่ครับ”
แม้จะไปศึกษาเล่าเรียนและเติบโตที่ต่างประเทศ
แต่สมัยเด็ก บุษบาได้หัดให้เอ็ดเวิร์ดพูดภาษาไทยจนเข้าใจความหมายของภาษาไทยได้ดีในระดับหนึ่ง เ
ขาจึงพูดและสื่อสารภาษาไทยได้คล่องแคล่ว แม้สำเนียงของน้ำเสียงจะแปร่งไปมากตามพื้นฐานการออกเสียง

“ไม่หรอก ย่ากำลังอ่านหนังสือ” บุษบาตอบพลางปรายตาไปยังหนังสือที่อยู่ข้างๆ เล็กน้อย
หลานชายมองตามก่อนจะยิ้ม

“คุณย่าอ่านแต่หนังสืออยู่ที่บ้าน เหงาไหมครับ เอาไว้ผมพาคุณย่าไปเที่ยวบ้างดีกว่า”

“ไม่หรอกจ้ะ ย่าชอบอยู่บ้าน ไม่อยากไปไหน แข้งขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
บุษบาตอบหลานชาย เพราะวัยที่ล่วงเลย
แม้จะดูแลเรื่องอาหารการกินอย่างดิบดี แต่ชีวิตในวัยสาวบางช่วงก็ขาดการบำรุงไปมาก
ทำให้ส่งผลในช่วงท้ายของวัยเช่นนี้ตามกาลเวลา

“ตามใจคุณย่าครับ” หลานชายไม่เซ้าซี้แต่ก็ยังสำทับทิ้งท้าย
“แต่ถ้าคุณย่าอยากไปไหนเมื่อไหร่ บอกผมนะครับ ผมจะพาคุณย่าไปเอง”

“แล้วจะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหนล่ะพ่อคุณ” คุณย่าถาม

“ตอนนี้ก็อยู่ไปเรื่อยๆ ครับ อยู่ไปแบบไม่มีกำหนด” เขาตอบก่อนจะยิ้มอ้อนแบบเขินอาย
“คุณย่าก็รู้นี่ครับว่าผมกำลังจะทำอะไร”

บุษบาพอนึกตามก็พนักหน้าน้อยๆ ยิ้มบางๆ

“แล้วเป็นไงบ้างล่ะจ๊ะ”

“ผมไปดูสถานที่มาแล้วครับคุณย่า
พื้นที่กว้างขวางมาก เหมาะมากๆ เลยครับ
แถมทำเลก็ดี มีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจพอสมควร”
ชายหนุ่มบรรยายไปตามที่คิดโดยไม่ทันสังเกตแววตาวูบไหวของคุณย่าที่เหมือนสั่น...สะเทือน...ใจ

“ดีแล้วแหละ” เสียงของหญิงชราแผ่วเบาระโหย
แต่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกตหรือใส่ใจ เพราะคิดว่าเป็นการออกความเห็นธรรมดาเท่านั้น

“คุณย่าครับ ผมต้องขอบคุณคุณย่ามากนะครับ” เ
ขาพนมมือไหว้คุณย่าอย่างสวยงามเพราะได้รับการสอนและอบรมมาดี
“ขอบคุณคุณย่าที่ยกพื้นที่ในอุทยานทั้งหมดให้ผม”

บุษบายิ้มบางๆ

“ย่าให้ได้ ถ้าอรชุนจะเอาไปทำให้มันเกิดประโยชน์มากกว่าที่มันเป็นอยู่” หญิงชราบอก
“แต่อรชุนสัญญากับย่าแล้วนะว่าจะไม่ทำให้คนในพื้นที่นั้นเขาได้รับความเดือดร้อน
และที่สำคัญ... อย่าลืมสัญญาใจระหว่างเรา”

“ผมไม่ลืมหรอกครับ” ชายหนุ่มยิ้มร่าพร้อมบอก
“สัญญาใจระหว่างคุณย่ากับผม...
คุณย่าบอกว่าจะยกพื้นที่ทั้งหมดของอุทยานให้ผม
ก็ต่อเมื่อสิ่งที่ผมจะทำต่อจากนั้นจะไม่ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นเดือดร้อน
และที่สำคัญ ผมจะรื้อถอนหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ก็ต่อเมื่อไม่มีใครคัดค้าน”

“แต่ฉันคัดค้าน!”

เสียงแหบห้าวสำเนียงแปร่งดังขึ้นอย่างดุดันจากเบื้องหลังเมื่อจบคำพูดของเอ็ดเวิร์ด
จนชายหนุ่มต้องเหลียวหลังไปมอง
บุษบาชำเลืองหน้าออกมาเล็กน้อย
ทั้งสองจึงได้พบผู้มาใหม่เป็นชายหนุ่มอเมริกันผู้มีเชื้อสายไทยวัยอ่อนกว่าเอ็ดเวิร์ดสองปี
รูปร่างสูงแต่ผอมกว่าคนพี่ ดวงตายาวรี นัยน์ตาสีเทาใต้แผงคิ้วหนา
จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ผิวขาวแบบตะวันตก ผมสีน้ำตาลไหม้
ตอนนี้กำลังยืนด้วยอารมณ์คุกรุ่นและพร้อมเอาเรื่อง

“โรเมโอ” เอ็ดเวิร์ดพึมพำเบาๆ

“เรืองฤทธิ์ เข้ามาก่อนสิ ยืนคุยอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวจะเมื่อย”
บุษบาเรียกหลานชายคนเล็กอย่างใจเย็นและยังคงเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม
ที่ทำให้อีกฝ่ายยอมลดสายตาดุดันลงเหมือนลืมตัว
พอนึกขึ้นได้ก็ยกมือไหว้แบบเก้กัง

“สวัสดีครับคุณย่า” โรเมโอ เรืองฤทธิ์ คอร์นเนอร์ ก้าวยาวๆ มานั่งอีกข้างของคุณย่า
สบตาชายหนุ่มลูกผู้พี่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“จะคัดค้านอะไรฉันหรือโรเมโอ” เอ็ดเวิร์ดเปิดบทสนทนาถามทันที
เขาไม่ชอบอ้อมค้อม ยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจแล้ว ตรงๆ กันไปเลย

“ฉันคัดค้านแน่ เพราะที่ตรงนั้นฉันขอคุณย่าก่อน” โรเมโอสวนกลับทันที
ก่อนจะเกาะแขนบุษบาเอาไว้พลางเขย่าเหมือนเด็ก
“คุณย่าจำไม่ได้หรือครับว่าผมเคยขอพื้นที่อุทยานหุ่นขี้ผึ้งนั่นจากคุณย่ามาตั้งนานแล้ว
ผมขอก่อนนะครับ คุณย่าจะมายกให้เอ๊ดก่อนได้ไง ผมไม่ยอมจริงๆ นะครับคุณย่า คุณย่าไม่ยุติธรรม”

“โรม นายอย่ามางอแงเป็นเด็กนะ คุณย่ายุติธรรมเสมอ”
เอ็ดเวิร์ดพยายามเถียงแทนคุณย่า

“นายก็พูดได้สิ นายได้ที่ตรงนั้นไป ก็ต้องคิดอย่างนั้น”
โรเมโอไม่ลดละให้ญาติผู้พี่จนบุษบาต้องห้ามทัพ

“พอกันทั้งคู่นั่นแหละ จะเถียงกันให้ย่าหูแตกตายกันเลยหรือไง”
น้ำเสียงของคุณย่านั้นเฉียบขาดและทรงพลังจนสองหลานชายต้องเงียบไปในทันที
บุษบาหันไปทางโรเมโอ
“เรืองฤทธิ์ ย่าไม่เคยลืมว่าหลานเคยมาพูดมาขออะไรกับย่า
และถ้าหลานไม่ลืม ย่าได้บอกเหตุผลกับหลานไม่ไปแล้วว่า
ทำไมย่าจึงไม่ยอมยกพื้นที่ของอุทยานหุ่นขี้ผึ้งให้”

โรเมโอสะบัดหน้าขวับ เหมือนเด็กกำลังงอน

“เรืองฤทธิ์บอกย่าใช่ไหมว่ามีโครงการจะขยายโรงงานผลิตกระเป๋า
โดยอยากได้พื้นที่ของอุทยานที่กำลังขาดทุน ทำประโยชน์อะไรไม่ได้”
น้ำเสียงของคุณย่าขมขื่น แต่หลานๆ ทั้งสองไม่ทันสังเกต

“ครับคุณย่า” โรเมโอยอมรับ

“ที่ย่าไม่ตกลงยกให้เรืองฤทธิ์ ไม่ใช่เพราะย่าลำเอียงรักอรชุนมากกว่า
แต่เพราะอะไร... หลานจำได้ไหม”

โรเมโอหลบสายตาไปอีกทาง

“เพราะสิ่งที่หลานจะทำหลังจากการรื้ออุทยานหุ่นขี้ผึ้งทิ้ง
จะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านละแวกนั้น
พวกเขาบางส่วนจะต้องตกงาน
และทั้งหมู่บ้านจะต้องเจอกับควันพิษและน้ำเสียจากโรงงานของหลาน
มันไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขาเลยเหมือนกัน”

โรเมโอเงียบ ไม่เถียง

“และย่าก็ได้ตกลงที่จะยกพื้นที่ตรงอื่นให้เรืองฤทธิ์ไปแล้วไม่ใช่หรือ” คุณย่าถามต่อ

“ครับ” โรเมโอรับคำเบาๆ แต่ก็ยังหาข้ออ้างอื่นมาเถียง
“แต่สิ่งที่เอ๊ดจะทำ ก็รบกวนพวกชาวบ้านเขาเหมือนกัน”

“แค่ช่วงก่อสร้างไม่กี่เดือนเท่านั้น” เอ็ดเวิร์ดรีบแก้ต่างให้ตนเองทันที
“หลังจากนั้นทุกอย่างก็จะสงบ ไม่มีปัญหามล...มล เอ่อ ควันเสีย”
แม้จะเรียนรู้ภาษาไทยมาดี แต่คำศัพท์บางคำเอ็ดเวิร์ดก็ไม่เรียกไม่ถูก

“แต่คุณย่าให้เอ๊ดง่ายเกินไป” โรเมโอยังไม่ยอม

“นี่โรม นายน่ะโตแล้วนะ อย่ามาทำงอแงเป็นเด็กหน่อยเลย” เอ็ดเวิร์ดดุญาติผู้น้อง

“พอได้แล้วทั้งคู่” บุษบาห้ามทัพอีกครั้ง
“ถ้ายังไม่หยุดทะเลาะกันเป็นเด็กๆ จะไม่ให้อะไรทั้งนั้น ทั้งคู่เลย”
และคำขู่ที่ใช้ขู่เด็ก ก็ยังขู่ทายาทนักธุรกิจรุ่นเยาว์ได้ผล คุณย่าได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ

นี่สินะ...ที่เขาว่าลูกหลาน
จะอายุอานามแค่ไหนก็ยังคงเป็นเด็กในสายตาผู้ใหญ่อยู่เสมอมา

เอ็ดเวิร์ดและโรเมโอสื่อสารกันผ่านสายตาเพราะกลัวคำขู่ของคุณย่า
ก่อนที่ในที่สุดบุษบาจะสรุปในที่สุด

“ย่าตัดสินใจแล้วว่าจะยกที่ดินที่โรงงานเก่าแถวประจวบให้เรืองฤทธิ์
ถึงไม่ใหญ่เท่าที่อุทยาน แต่ก็มีพื้นที่พอกับความต้องการที่หลานจะขยับขยาย
ถ้าเรืองฤทธิ์ไม่ขัดข้อง พรุ่งนี้ย่าจะให้ทนายไปจัดการเรื่องโอนชื่อให้เรียบร้อย”
จากนั้นก็หันมาทางหลานชายคนโต
“ส่วนที่ดินของอุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทยที่สราญไทย
ย่ายกให้อรชุนทั้งหมด หลานจะทำอย่างไรกับที่นั่นก็ได้
จะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้เป็นอะไรอย่างที่หลานต้องการย่าก็ไม่ขัด
แต่มีข้อแม้อยู่สองข้อ นั่นคือ...
หนึ่ง สิ่งที่หลานจะทำจะต้องไม่ทำให้ชาวบ้านชุมชนสราญไทยเดือดร้อน
และสอง... หลานจะรื้ออุทยานหุ่นขี้ผึ้งนั้นได้ก็ต่อเมื่อคนในชุมชนสราญไทยไม่มีใครคัดค้าน
เมื่อนั้น...ย่าจะให้ทนายจัดการเรื่องโอนที่ดินให้
แต่ถ้าสิ่งที่หลานจะทำนั้นผิดไปจากข้อแม้ทั้งสองข้อ
อุทยานนั้นก็ยังคงเป็นของย่าตามเดิม หวังว่าคงไม่มีใครขัดข้อง”

น้ำเสียงที่สรุปนั้นเยือกเย็นและเฉียบขาด
จนนัยน์ตาสีฟ้าและนัยน์ตาสีเทาต้องสลัดหน้าเมินกันไปคนละทาง
เจ้าของนัยน์ตาสีเทานั้นแอบพอใจอยู่บ้างนิดๆ
ขณะที่เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้านั้นคิดไปคิดมาแล้วสรุปว่า...
เขาเสียเปรียบเห็นๆ



ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง
เอ็ดเวิร์ดนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก้าวออกมาจากห้องน้ำ
ตามลำตัวยังมีหยาดน้ำเกาะพราวเป็นเม็ดหยดหยาดเล็กๆ
เส้นผมเปียกหมาดเพราะเพิ่งทำความสะอาด
กลิ่นกายหอมกรุ่นด้วยครีมอาบน้ำกลิ่นดอกไม้ที่ชื่นชอบ
ชายหนุ่มเดินไปหยุดที่กระจกบานใหญ่ขนาดส่องได้เต็มตัว
เอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ราวพาดข้างกระจกมาเช็ดเส้นผม
พลางสำรวจตัวเองโดยหมุนซ้ายขวาอยู่หน้ากระจก
บางครั้งเขาลองเกร็งกล้ามเนื้อท้องเพื่อดูกล้ามเนื้อที่ขึ้นเป็นลอนอย่างพึงพอใจ
ไม่ให้มีไขมันส่วนเกินมาทักทายจนรูปลักษณ์เขาเปลี่ยนไปมากนัก

ตามปกติเอ็ดเวิร์ดชอบออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส
แต่ตั้งแต่มาเมืองไทยเขาไม่ค่อยมีเวลา
อีกทั้งพื้นที่ที่เขาไปติดต่อเพื่อทำธุรกิจนั้นเป็นพื้นที่ในจังหวัดที่ไม่มีศูนย์ฟิตเนสที่ครบวงจร
แต่อากาศที่ร้อนนั้นก็พอจะทำให้เขาสูญเสียไขมันที่รับมาไปได้บ้าง... เขาคิดอย่างนั้น

หลังสวมชุดนอนแบบสบายที่ทำจากเนื้อผ้าอย่างดี
อันออกแบบและตัดเย็บอย่างประณีตตามแบรนด์ของอเมริกาแล้ว
เอ็ดเวิร์ดหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน
ที่สามารถทำทุกอย่างได้ขึ้นมา
เขาเชื่อมสัญญาณอินเทอร์เน็ตกับสัญญาณ
ที่อยู่ในห้องพักของโรงแรมชื่อหรูในตัวจังหวัดที่ห่างจากบ้านคุณย่าไปหลายกิโลเมตร
แต่แรกคุณย่าได้ชวนให้เขาพักด้วยกัน
แต่เพราะวันรุ่งขึ้นเขามีนัดแต่เช้าจึงขอมาพักที่โรงแรมจะสะดวกกว่า
ซึ่งคุณย่าก็ไม่รบเร้าหลานชายคนโตมากนัก
ส่วนหลานชายคนเล็กก็ไม่ต้องพูดถึง
โรเมโอไม่เคยแวะมาค้างกับคุณย่าอยู่แล้ว
นอกจากไปมาหาสู่นานๆ ครั้งที่มีความจำเป็น

เอ็ดเวิร์ดเข้าแอพพลิเคชั่นที่สามารถติดต่อสื่อสารกับพรรคพวกของเขา
เพื่อพูดคุยกันเรื่องธุรกิจ ปู่ของเขามีธุรกิจหลักอยู่สองอย่างคือกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
ถ้าเป็นต่างประเทศก็พวกอพาร์ทเมนต์ต่างๆ
ขณะที่เมืองไทยนั้นเน้นพวกรีสอร์ท
อีกอย่างคือกระเป๋าหนังสำหรับสุภาพสตรีที่มีแบรนด์เฉพาะตัวของตัวเองจำหน่ายไปทั่วโลก
บิดาของเขาสืบทอดกิจการอสังหาริมทรัพย์มา
เมื่อเรียนจบปริญญาโท เอ็ดเวิร์ดจึงเข้ามาช่วยบิดาดูแลกิจการในส่วนนี้
ความที่ต้องการพิสูจน์ฝีมือ เขาจึงคิดจะสร้างรีสอร์ทหรูๆ สวยๆ แบบครบวงจรสักแห่งในประเทศไทย
เพื่อเป็นผลงานชิ้นเอกของเขา

หลังจากสอบถามจากบิดาแล้ว
เอ็ดเวิร์ดทราบว่าคุณย่าของเขามีพื้นที่ขนาดใหญ่ราว ๕๐ ไร่
แต่ที่ดินตรงนั้นเป็นพื้นที่ของอุทยานหุ่นขี้ผึ้ง...
‘อุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทย’
อยู่แถวชุมชนสราญไทย หมู่บ้านหนึ่งในอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดเล็ก
ที่อยู่ห่างจากกรุงเทพไปประมาณร้อยกว่ากิโล
พ่อบอกว่าปู่เป็นคนสร้างอุทยานหุ่นขี้ผึ้งนี้เพราะคุณย่าเป็นครูสอนภาษาไทย
โดยแรกเริ่มผู้คนให้ความสนใจมาเที่ยวและเยี่ยมชม
แต่ในปัจจุบันกลับตรงข้าม
เอ็ดเวิร์ดตรวจสอบแล้วพบว่าอุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทยแห่งนี้
มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจน้อยลงไปมาก
เขาคิดว่าหากเปลี่ยนสิ่งก่อสร้างบนพื้นที่ผืนนั้นเป็นรีสอร์ทที่เขาวาดโครงการไว้
อาจจะทำกำไรให้มากกว่า
ติดก็เสียแต่ว่า ณ ตอนนี้
คุณย่าของเขาได้มอบหมายให้วิลเลียม อาของเขาเป็นผู้ดูแล
และเขาก็ได้ยินมาบ้างเช่นกันว่าโรเมโอก็ไปรบเร้าขอที่ดินตรงนั้นกับคุณย่าหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ

ชายหนุ่มเดินทางมาเมืองไทยและเข้าไปคุยกับคุณย่าบุษบา
เรียนท่านตามตรงถึงสิ่งที่ตนเองต้องการ
เขาบอกคุณย่าตามตรงว่าเขาต้องการที่ดินของอุทยานหุ่นขี้ผึ้งเพื่อนำไปสร้างรีสอร์ท

ชายหนุ่มจำวันนั้นได้ดี
ทันทีที่เขาบอกคุณย่า คุณย่าดูครุ่นคิดและลังเลมาก
ซึ่งสิ่งที่ทำให้คุณย่าคิดหนักนั้นก็คือ
คุณย่าบุษบาเกรงว่าการรื้ออุทยานหุ่นขี้ผึ้งทิ้งจะทำให้ชาวบ้านตกงาน
แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยืนยันว่าเขาจะจ้างพนักงานทุกคนต่อตามความเหมาะสม
คุณย่าบุษบาครุ่นคิดอยู่ครู่โดยที่เขาไม่ได้รบเร้าหรือเร่งรัดข่มขู่แต่อย่างใด
เขานั่งรอให้คุณย่าตัดสินใจแบบสบายใจ
เพราะถึงแม้คุณย่าจะไม่ยกให้ เขาก็ไม่เสียใจ
เอ็ดเวิร์ดเชื่อว่าเขาคงหาที่ดินผืนใหม่ได้ แต่เขาจะเสียเวลาตรงนั้นทำไม
ในเมื่อมีที่ดินผืนงามทำเลอยู่แล้ว
ชายหนุ่มลองมาขอคุณย่าเผื่อว่าจะเป็นลิขิตจากฟ้าที่จะทำให้เขาได้ที่ดินผืนนั้น

คุณย่าใช้เวลาตัดสินใจอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง
ก่อนจะตกลงเอ่ยปากยกที่ดินพร้อมอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสราญไทยให้กับเอ็ดเวิร์ด โดยมีข้อแม้...

‘ย่ายินดียกให้อรชุน ถ้าอรชุนยอมรับปากกับย่าสองเรื่อง’

‘อะไรหรือครับคุณย่า คุณย่าพูดมาได้เลยครับ’
น้ำเสียงของเอ็ดเวิร์ดเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่มิด ดวงตาสีฟ้าส่องประกายเจิดจ้าอย่างมีหวังเต็มเปี่ยม

‘เรื่องแรก... อรชุนต้องสัญญาว่าถ้า... ถ้ารื้อ... ถ้ารื้อหรือทุบอุทยานหุ่นขี้ผึ้งทิ้ง
สิ่งที่อรชุนจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ จะต้องไม่เป็นพิษภัยหรือทำให้ชาวบ้านในชุมชนสราญไทยต้องเดือดร้อน’
คุณย่าบอกสัญญาข้อแรก แม้จะมีรอยรื้นของน้ำตาที่ขอบตา
แต่คุณย่าก็ฝืนมันไว้เพื่อฟังคำตอบรับจากหลานชาย

‘ครับ ผมสัญญา สิ่งที่ผมจะสร้างหรือจะทำหลังจากรื้ออุทยานทิ้ง จะไม่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน’
ชายหนุ่มรับคำสัญญาข้อแรกอย่างหนักแน่น

‘ดีมาก เรื่องที่สอง... ย่าจะยกที่ดินและอุทยานให้เป็นของอรชุนอย่างถูกต้อง
ก็ต่อเมื่ออรชุนได้บอกให้กับชาวบ้านที่สราญไทยได้ทราบว่าอรชุนกำลังจะทำอะไร
และชาวบ้านสราญไทยไม่มีใครคัดค้านสิ่งที่หลานจะทำ’
น้ำเสียงของคุณย่าจริงจังและหนักแน่นเมื่อเอ่ยขอสัญญาข้อนี้

เอ็ดเวิร์ดนิ่งไปเพียงชั่วครู่... เปล่า เขาไม่ได้คิดว่าเขาจะทำไม่ได้
แต่แค่คิดว่าทำไมคุณย่าถึงได้ขอสัญญาแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รับสัญญาดังกล่าว

‘ครับ ผมสัญญา’

‘ขอบใจมากอรชุน... ขอบใจมาก’
น้ำตาของคุณย่าไหลลงมาเมื่อเขารับปากว่าจะทำตามสัญญาทั้งสองข้อ

นึกถึงตรงนี้แล้ว เอ็ดเวิร์ดอดหัวเราะไม่ได้
เขาปะติดปะต่อเรื่องราวและสรุปเดาเอาว่า คุณย่าคงยังรักและผูกพันที่ดินผืนนั้นอยู่มาก
เพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่ปู่เป็นคนสร้างเอาไว้
แต่คุณย่าคงไม่ทราบว่าสิ่งก่อสร้างบนพื้นที่ตรงนั้น
ปัจจุบันแทบไม่มีคนสนใจ
เขาคิด... คิดว่าปู่คงอยากจะให้เขาเอาพื้นที่ตรงนั้นมาปรับปรุงเปลี่ยนใหม่
เพื่อทำกำไรอะไรที่เป็นประโยชน์มากกว่า
จึงดลใจให้เขาสืบหาข้อมูลและสนใจพื้นที่ตรงนั้น

เอ็ดเวิร์ดตั้งเวลาปลุกที่โทรศัพท์มือถือ
ก่อนกดเมนูกลับมาที่หน้าจอหลัก วางโทรศัพท์ไว้ใกล้หมอน ปิดไฟ
กระเถิบตัวสอดไปใต้ผ้าห่มหนา
ฝันหวานถึงรีสอร์ทที่เขาวาดหวังไว้โดยไม่ลืมว่า
พรุ่งนี้เช้าเขามีนัดกับผู้จัดการอุทยานหุ่นขี้ผึ้งวรรณกรรมสราญไทย
เพื่อพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆ ให้เรียบร้อย ให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน
เพื่อจะได้ไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคุณย่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



สังขยาชาเย็น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2557, 15:55:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2557, 15:55:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1221





<< ตอนที่ ๑   ตอนที่ ๓ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account