หทัยรักจ้าวทะเลทราย
ไม่มีเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ไม่มีผู้หญิงธรรมดา ณ ดินแดนผืนทรายสีทองแห่งนี้ จะมีเพียงรัก และมีเพียงแค่เรา “หัวใจรักสองดวง” จะผูกพันไว้ด้วยกัน จากนี้ จวบจนตลอดกาล
Tags: เจ้าชาย , ทะเลทราย , รัก , ซึ้ง , โรแมนติก

ตอน: 4

หทัยรักจ้าวทะเลทราย 4


ร่างบางย่ำเดินอยู่กลางทะเลทรายที่เวิ้งว้าง ร้างลาจากผู้คนหรือสรรพสิ่งมีชีวิตอื่นใด อากาศเต็มไปด้วยความร้อนระอุจากแสงอัสดงที่กำลังสาดส่องอยู่บนโค้งขอบฟ้า

ดวงตาคู่สวยมองเห็นเพียงผืนทรายสีทองที่พราวระยับ ราวกับมีอัญมณีงดงามซุกซ่อนอยู่ ขาเรียวก้าวเดินไปอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าควรจะไปต่อในทิศทางใดดี

ก่อนจะต้องตกใจจนตัวแข็งค้าง เมื่อได้สบสายตาคมกริบของอสรพิษตัวหนึ่ง ที่แผ่แม่เบี้ยชูคอปรากฏอยู่ตรงเบื้องหน้า

ท่าทางซึ่งเต็มไปด้วยพลังอำนาจบางอย่างฉายชัดออกมาอยู่รายล้อมรอบตัวของ “งูทะเลทราย” สะกดให้เธอได้แต่หยุดนิ่งอย่างไม่อาจขยับเขยื้อนหรือหาทางหลบหนีไปไหนได้

จากนั้นงูใหญ่ก็เริ่มคืบคลานเข้ามาและตวัดขึ้นรัดตัวเธอเอาไว้จนแน่น เธอหลับตาลงด้วยความรู้สึกหวาดกลัวจนจับขั้วหัวใจ


ผ่านไปครู่หนึ่งจึงลืมขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อสัมผัสได้กับความรู้สึกบางอย่างที่ผิดแผกแปลกไปจากเดิม

อ้อมกอด ?

เธอกำลังอยู่ในวงแขนแข็งแรงของใครคนหนึ่งที่โอบกอดเอาไว้อย่างอบอุ่น ราวกับหวงแหนและแสนรักเป็นนักหนา

จากนั้นเขาก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้อย่างเนิบช้า และประทับริมฝีปากนุ่มลงบนกลีบปากบางอย่างดูดดื่มด้วยความอ่อนหวานและอ่อนโยนที่สุด

ริมฝีปากของเราสองคนแนบชิดชนกันค้างไว้ นิ่ง นาน ราวกับเป็นนิรันดร์ จนเธอแทบจะหยุดหายใจ


แพรพลอยผุดลุกขึ้นมานั่งอยู่บนที่นอนด้วยความตกใจ กวาดสายตามองไปรอบๆ และได้พบว่าตัวเองอยู่ในห้อง

นั่นย่อมแสดงว่าสิ่งที่เกิดกับเธอเมื่อครู่นี้ เป็นเพียงแค่ภาพ “ความฝัน” เท่านั้น

มือเนียนยกมาลูบไล้ที่ริมฝีปากสวยอย่างแผ่วเบา รอยสลักแห่งสัมผัสหวานละมุนยังติดตราตรึงไม่เจือจางห่างหาย

“ความฝัน” นั้น ช่างเหมือน “ความจริง” ซะเหลือเกิน

เหมือนจนไม่สามารถสลัดให้หลุดออกไปจากความคิด และความรู้สึกได้ ยังสามารถจารจำถึงไออุ่นจากรอยประทับที่แสนวาบหวามและหอมหวลนั้นได้อย่างชัดเจน

หากนี่จะเป็นสัญญาณเตือน หรือลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง

เธอก็ภาวนาและวาดหวังว่าสิ่งที่กำลังจะได้พบเจอต่อจากนี้ จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ

Xหทัยรักจ้าวทะเลทรายX


ตลาดยามเย็นของเมือง “นัสซู” ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศลาเนียญ่า เต็มไปด้วยสินค้า และผู้คนมากมายที่พากันมาจับจ่าย เลือกซื้อข้าวของ ที่มีอยู่อย่างหลากหลายชนิด

แต่ส่วนมากสินค้าที่มี จะเน้นไปทางจำพวกเครื่องประดับ เสื้อผ้า และอาภรณ์ต่างๆ จึงไม่แปลกใจนักที่บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยบรรดาอิสตรี ผู้รักความสวยงามทั้งหลายจนแน่นขนัด

พลอย หนูหนา และอามีราห์ นั่งรถมาลงตรงหน้าทางเข้า และเดินปะปนเข้าไปด้านในกับผู้คน ซึ่งในวันนี้เธอและหนูนา มีโอกาสได้แต่งกายด้วยชุดประจำชาติในแบบสตรีของชาวลาเนียญ่า

แม้จะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง กับชุดที่ปกปิดผิวเนื้อนวลอย่างมิดชิด รวมทั้งยังมีผ้าคลุมหน้า แม้กระทั่งเส้นผมก็ไม่ได้รับการเปิดเผย

แต่เธอก็รู้สึกดี และภูมิใจ ที่ตัวเองมีโอกาสได้สวมใส่ชุดแบบนี้ อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในระหว่างที่ยังอยู่อาศัยที่ประเทศนี้

แผงขายเครื่องประดับเป็นจุดที่พวกเราทั้งสามคนให้ความสนใจเหมือนกันในทันทีที่เข้ามาถึง เมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็ได้พบกับสินค้าคล้ายๆ กัน จนมาถึงร้านขายผ้า

เธอเลือกซื้อผ้าคลุมหน้าติดไม้ติดมือมา 5 ผืน คิดว่าจะเอาไว้ใช้ในตอนที่อยู่ที่นี่ ในเวลาอีกอาทิตย์กว่าที่เหลือ

เพราะหลังจากงานแต่งงานของมีราห์ที่จะเกิดขึ้นในอีก 3 วันข้างหน้านี้ มีราห์ก็ชักชวนให้เธอกับหนูนาอยู่เที่ยวกันต่อ

สำหรับเธอ ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะอยู่ในช่วงตกงาน และเรียกได้ว่าเข้าขั้นว่างจัดเลยทีเดียว และในเมื่อหนูนาตกลงใจที่จะอยู่ ทำให้เธอไม่ขัดข้องแต่อย่างใด


พวกเราเลือกซื้อของและเดินดูโน่นดูนี่กันอย่างเพลิดเพลิน สนุกสนาน จนเวลาผ่านไปร่วม 2 ชั่วโมง จึงรู้สึกเมื่อยล้าในที่สุด

และตัดสินใจว่าควรที่จะกลับบ้านกันได้แล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแวะร้านขนม ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็น และไม่เคยกิน

ทำให้ของส่วนใหญ่ที่พวกเรา 3 คน ต้องหอบหิ้วกลับบ้านกันอย่างพะรุงพะรัง จึงเต็มไปด้วยบรรดาขนมหน้าตาน่ารับประทานทั้งหลายนั่นเอง

เราเดินออกมาจากซอยที่เป็นทางเข้าตลาด เพื่อต้องการข้ามถนนไปขึ้นรถของคฤหาสน์ที่รออยู่ในลานจอดอีกฝั่งหนึ่ง

เพราะบริเวณนี้ไม่สามารถจอดรถได้ เนื่องจากอยู่ติดกับเขตพระราชวังของเจ้าชายรัชทายาท ถนนแถวนี้จึงมีรถราวิ่งผ่านค่อนข้างบางตา และผู้คนส่วนมากของประเทศนี้ก็มักจะใช้วิธีการเดิน ขี่จักรยาน หรือขี่ม้ากันเป็นส่วนใหญ่

เธอเดินมาหยุดอยู่บนริมฟุตบาท เพื่อรอมีราห์กับหนูนาที่กำลังเดินไปซื้อน้ำและจะตามมาทีหลัง

ก่อนจะตื่นตระหนกและตกใจสุดขีด เมื่อมองเห็นม้าสีดำทมิฬที่ตัวใหญ่โต และไร้การบังคับจากบุคคลใดทั้งสิ้น กำลังวิ่งมุ่งตรงมาทางเธอด้วยความรวดเร็ว

ร่างบางยืนนิ่ง ราวกับร่างกายถูกสาปให้กลายเป็นหิน รู้สึกหวาดกลัว อยากวิ่งหนี สมองสั่งให้ทำ แต่ขากลับไม่ยอมขยับและก้าวไม่ออกเลยสักนิด

ดวงตาคู่สวยเบิกโตอย่างตกตะลึง ข้าวของร่วงหล่นลงไปกองอยู่กับพื้น มือไม้อ่อนแรงและสั่นไหว เมื่อตัวของเธอกำลังจะถูกชนอย่างจังอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง

แต่จู่ๆ ก็มีอาชาสีขาวงามสง่าปรากฏให้เห็นในสายตา ม้าตัวนั้นพุ่งทะยานและแซงขึ้นมา พร้อมกับแขนแข็งแรงเพียงข้างเดียวของใครบางคนตวัดรัดตัวเธอ และโอบอุ้มให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยกัน

ผ้าแพรที่คลุมหน้านวลเอาไว้ หลุดลอยไปตามกระแสแรงลม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

หน้าหวานซุกซบเข้าหาแผงอกกว้าง สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากเรือนวรกายกำยำที่มีกลิ่นหอมกรุ่น ตามมาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แสนคุ้นเคย ทำให้เธอรู้สึกวางใจ และสบายใจที่สุด ยามที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้

“เจ้าปลอดภัยแล้ว”

สุรเสียงทุ้มกังวาน และเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ตรัสกระซิบแนบใบหูขาวผ่องของร่างน้อยในอ้อมอก

น่าแปลกใจเหลือเกิน ที่ความหวาดกลัวทุกอย่างก่อนหน้านี้ อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น แค่เพียงได้ยินสุรเสียงเปี่ยมเสน่ห์นี้เท่านั้น

อาชาแสนรู้ค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลง ตามการบังคับของบุรุษวรกายสูงทรงสง่าผู้เป็นเจ้าของ

ดวงตาคู่สวยค่อยๆ เงยขึ้นมอง ผู้ที่เปรียบดั่งเป็น “เจ้าชายขี่ม้าขาว” มาช่วยชีวิตของเธอเอาไว้

หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบหวั่นไหว เมื่อได้สบกับดวงเนตรสีนิลที่คมกล้าดุจดัง “เจ้าแห่งรัตติกาล” เปี่ยมไปด้วย พลัง อำนาจ ราวกับกำลังสะกดเธอไว้ให้ตราตรึง

ในชีวิตของเธอตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีครั้งใดที่อยู่ใกล้ชิดกับบุรุษมากขนาดนี้มาก่อน อ้อมแขนแข็งแรงที่ประคองกอดเธออยู่ แม้จะเป็นเพียงแค่การโอบเอาไว้เพียงหลวมๆ ไม่ได้รัดแน่นจนทำให้อึดอัด

แต่ก็ให้ความรู้สึกประดุจดัง “พันธนาการ” บางอย่างที่ทำให้เนื้อนวลร้อนวูบวาบ และเริ่มสั่นสะท้าน รวมทั้งพวงแก้มขาวที่เริ่มซับสีเลือดฝาด

แม้จะมองเห็นได้เพียงแค่ดวงเนตรคู่คม เพราะบนพระพักตร์ถูกปกปิดเอาไว้ด้วยผ้าสีดำผืนใหญ่ แต่ดวงตาสองคู่กลับมีแรงดึงดูดกันและกัน ให้ต้องสบประสานอย่างไม่อาจทอดถอนออกจากกันได้

เธอไม่อาจหลบหนีสายพระเนตรคมกล้า และเจ้าชายก็ไม่อาจละสายพระเนตรไปจากเธอได้เช่นกัน

“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ?”

คำตรัสถามที่เจือปนไปด้วยความห่วงใย หลุดออกมาจากริมโอษฐ์นุ่ม เมื่อสามารถเรียกสติองค์เองให้กลับคืนมาได้

เธอส่ายศีรษะเบาๆ และก้มหน้าหลุบลงต่ำ พยายามหลบซ่อนใบหน้าที่กำลังแดงระเรื่อ

วรกายสูงสง่ากระโดดลงจากหลังอาชา และโอบอุ้มร่างบางให้ลงมาด้านล่างด้วยเหมือนกัน

“เราขอโทษด้วย ที่ทำให้เจ้าตกใจและเกือบได้รับบาดเจ็บ”

ดวงตากลมโตเงยมองสบสายพระเนตรคู่คมอีกครั้ง และเอ่ยบอกเสียงหวาน

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้ระวังเอง ขอบคุณคุณมากนะคะ”

หน้านวลยิ้มน้อยๆ ด้วยความจริงใจ แต่ก็สามารถทำให้ผู้ที่ได้รับ ถึงกับลุ่มหลงในรอยยิ้มที่แสนงดงามนี้จนยากจะหักห้ามไม่ให้ละเมอเพ้อหา

พระพักตร์คร้ามคมโน้มเข้ามาใกล้ ดวงเนตรสีนิลเปล่งประกายวาววับราวกับดวงดาราที่แสนงดงาม

เธอมองสบดวงเนตรทรงเสน่ห์ที่เคลื่อนคล้อยลงมาช้าๆ อย่างนิ่งงัน รอบทิศทางเงียบสงบ ราวกับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ ภายใต้ผืนฟ้าแห่งนี้

มีเพียงหัวใจสองดวงเท่านั้นที่เต้นแรงระรัว


“พลอย เป็นยังไงบ้าง !!”

มีราห์และหนูนา รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดร่างบางเอาไว้จนแน่นด้วยความห่วงใยและวิตกกังวล

“ไม่เป็นไรจ๊ะ”

หน้าสวยฉีกยิ้มหวาน เพื่อเป็นการยืนยันว่าตัวเธอไม่ได้เป็นอะไรและปลอดภัยดี

“อืม ดีแล้ว งั้นก็กลับกันเถอะ”

มีราห์เอ่ยบอก และจับจูงมือเธอ

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

เธอบอกกับบุรุษหนุ่มผู้มีน้ำใจ ก่อนจะหันเดินตามเพื่อนไป


“เดี๋ยวก่อน !”

สุรเสียงห้าวลึกขานเรียก วรองค์สูงก้าวพระบาทมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว

“เจ้าจะช่วยบอกให้เราทราบนามได้หรือไม่ ?”

เธอยิ้มอย่างจริงใจ และเอ่ยบอกอย่างไม่คิดปิดบัง

“แพรพลอยค่ะ เรียกพลอยก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เอ่อ คุณ ?”

เธอมองสบดวงพระเนตรคู่คมอย่างรอคำตอบ

“”ราม” เจ้าจงเรียกเราว่า “พี่ราม””


เจ้าชายหนุ่มรูปงามประทับยืนนิ่งค้างทอดพระเนตรตามร่างบางที่เดินจากไปจนลาลับ พร้อมกับหทัยแกร่งที่รู้สึกอิ่มเอมที่สุด

ก่อนที่สุรเสียงทุ้มนุ่มชวนให้หลงใหลจะเอ่ยพึมพำออกมาอย่างพร่าพราวด้วยความดีใจ

“ในที่สุด เราก็ได้พบกัน”

Xหทัยรักจ้าวทะเลทรายX






ศศิธาราริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ค. 2557, 12:42:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ค. 2557, 12:42:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1489





<< 3   5 (ลบ) >>
ร้อยวจี 12 พ.ค. 2557, 12:50:38 น.
เริ่มแล้ว เจอกันซักที


ปอยอะนะ 12 พ.ค. 2557, 13:09:51 น.


รรวโรจน์ 12 พ.ค. 2557, 18:57:38 น.
อะๆ เจ้าชาย


pkka 12 พ.ค. 2557, 21:11:49 น.
น่าตื่นเต้น


แว่นใส 12 พ.ค. 2557, 21:29:25 น.
เจ้าชายขี่ม้าขาว มาช่วยดีจัง


Zephyr 12 พ.ค. 2557, 23:03:50 น.
ว้าว เจอกันๆๆๆ
นางเอกไม่รู้สินะว่าพี่รามเป็นเจ้าชาย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account