หัวใจเดิมพันรัก
หนี้สิน ฆ่าตัวตาย ชีวิตใหม่ ความรัก และอุปสรรค โชคชะตาจะนำพาไปในทิศทางใด....
Tags: หนี้สิน

ตอน: บทที่ 9

บทที่ 9

ความจริงอยู่คู่โลกฉันใด ความลับย่อมไม่มีในโลกฉันนั้น เมื่อสองหนุ่มสาวเปิดประตูบ้านมาพบผู้อาวุโสที่ใครๆ ในพนารักษ์ต่างก็เกรงบารมีพร้อมกับป้านุ้ยคนสนิท และมีไอ้จืดยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่หน้าเรือน เพราะไม่คาดคิดว่าจะเห็นนายกับผู้ช่วยเดินออกมาพร้อมกันแบบนี้

“แม่นาย” เสียงของพิจิกาเบาหวิวก่อนจะจางหายไปกับสายลม ใบหน้าซีดเซียวเพราะความตกใจ ส่วนภูมิรพีกลับนิ่งยื่นมือไปกุมมือน้อยเอาไว้อย่างให้กำลังใจ

“มาทำอะไรที่เรือนเล็กนี่แต่เช้าล่ะแม่พาย” แม่นายเพียงฟ้าถามเสียงเรียบ ท่านคงไม่มาที่เรือนเล็กแต่เช้า ถ้าไม่ได้ยินเรื่องที่คนดูแลบ้านแอบซุบซิบนินทาเรื่องไม่ดีไม่งามให้ได้ยินจนต้องมาพิสูจน์กับตา

“เอ่อ...พาย”

“คุณแม่ครับ ผม...”

“หยุด! แกไม่ต้องพูดอะไร ฉันกำลังถามแม่พาย” แม่นายหันไปกำราบลูกชายที่ทำท่าจะปกป้องผู้หญิงจนออกนอกหน้า

“แต่ผม...”

“ถ้าแกไม่หยุด ฉันจะให้เจ้าจืดพาแม่พายไปเก็บเสื้อผ้า แล้วพาไปส่งที่ตัวเมืองทันที” คำกล่าวของผู้เป็นแม่หยุดลูกชายได้ชะงัดทีเดียว

“ว่ายังไงแม่พาย มาทำอะไรที่เรือนเล็กนี่แต่เช้า เจ้านายเธอเรียกใช้งานอะไรอย่างนั้นหรือ” แม่นายเพียงฟ้าถามย้ำ คนถูกป้อนคำถามก็ทรุดตัวนั่งกับพื้นระเบียง พนมมือขึ้นก่อนก้มลงกราบแทบเท้า น้ำตาไหลพรากด้วยความรู้สึกผิด

“พายขอโทษค่ะที่ทำผิดต่อความไว้ใจของแม่นาย พาย...” พิจิกาพูดไม่ออกไม่รู้จะแก้ตัวยังไง

“หล่อนจะบอกว่าหล่อนมาเสนอตัวให้ลูกชายฉันถึงบ้านงั้นหรือ”

“คุณแม่” ภูมิรพีคาดไม่ถึงว่ามารดาจะพูดเช่นนั้น

“คุณคะ” ป้านุ้ยตบไปที่แขนของนายแม่เพียงฟ้าเบาๆ เป็นการปราม

“นานแค่ไหนแล้วที่เธอกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาบ้านฉัน” คนที่ต้องตอบก็ละอายเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ จึงได้แต่กลั้นสะอื้น ก้มหน้าก้มหน้า ไม่กล้าสบตาใคร

“แม่ครับ พายไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเองที่เป็นคนรังแกเธอ ถ้าแม่จะโทษก็ต้องโทษผม ผมกับพายกำลังจะไปเรียนเรื่องนี้ให้คุณแม่ทราบ เราสองคนตั้งใจจะไปกราบขอโทษคุณแม่วันนี้ แต่...”

“แต่บังเอิญฉันมาเห็นตำตาเสียก่อน และถ้าฉันไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้ แกแน่ใจหรือว่าวันนี้แกจะไปบอกฉัน ตาภูมิอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ ยังจะทำอะไรไม่คิดอีก ตัวเองก็เจ้าคนนายคน กลับทำตัวให้เป็นขี้ปากลูกน้อง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น นายของพนารักษ์เลี้ยงผู้ช่วยเป็นเมียลับๆ” แม่นายเพียงฟ้ากล่าวออกมาด้วยความเสียใจและผิดหวังในตัวบุตรชายอย่างที่สุด

“แม่นายค่ะอย่าว่าพี่ภูมิเลยค่ะ ทุกอย่างเป็นความผิดของพายเอง พายจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองค่ะ”

“หล่อนจะรับผิดชอบยังไง”

“พาย...” พิจิกาหันไปมองหน้าคนที่เธอรักก่อนหันหน้าไปมองมารดาของชายหนุ่ม คำพูดทุกอย่างมันจุกอยู่ในอก กลั่นออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

“คุณคะเรื่องมันก็เลยเถิดมาจนป่านนี้แล้ว เราหาทางแก้ไขไม่ดีกว่าหรือคะ อิฉันทราบว่าทั้งสองคนทำผิด คุณก็สมควรโกรธ แต่อย่าให้ความโกรธเข้ามาครอบงำจนทำให้เราทำสิ่งที่ผิดพลาดไปเลยนะคะ อีกอย่างคุณภูมิและหนูพายต่างก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีวุฒิภาวะพอที่จะตัดสินใจเรื่องของตัวเองได้แล้ว” แม่นุ้ยพยายามคลี่คลายสถานการณ์ เพราะรู้ดีว่าเจ้านายของตนนั้นมิได้รังเกียจรังงอนอะไรว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ เพียงแต่สิ่งที่ทั้งสองคนทำลงไปนั้นเป็นความผิดที่ร้ายแรงสำหรับคนหัวเก่าอย่างนายแม่เพียงฟ้า

“ก็เพราะมันคิดว่ามันโตแล้วสิ มันถึงได้ทำอะไรไม่เห็นแก่หัวหงอกหัวดำ หรือคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่ จะทำอะไรก็ไม่ต้องเกรงใจใคร” เพราะความโกรธทำให้นายแม่เพียงฟ้าใช้พลังเสียงมากกว่าปกติ

“ผมจะไม่แก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอโทษที่ทำให้แม่เสียใจ ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ผมขอโอกาสให้ผมกับพายได้แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดไปได้ไหมครับแม่ และเราขอสัญญาว่าเราจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังในตัวเราสองคนอีก” ภูมิรพีก้มลงกราบเท้ามารดา พร้อมกับจูบลงบนหลังเท้าทั้งสองข้าง คนเป็นแม่ได้แต่เบือนหน้าหนี ซ่อนหยาดน้ำตาแห่งความผิดหวังเอาไว้

“คนที่ทำอะไรข้ามหัวผู้ใหญ่ มันจะมีคำสัญญาอะไรที่น่าเชื่อถือได้อีก” พูดจบแม่นายก็ลุกขึ้นเดินลงจากเรือน ทิ้งให้คนทำผิดสองคนตกลงอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน

“รอให้แม่นายอารมณ์เย็นกว่านี้ก่อน แล้วค่อยเข้าไปกราบขอโทษท่านนะคะคุณภูมิ” ป้านุ้ยบอกกับลูกชายของผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“แม่จะยกโทษให้ผมไหมครับป้านุ้ย”

“ไม่มีแม่คนไหนโกรธลูกตัวเองได้ลงหรอกค่ะ โดยเฉพาะเมื่อลูกสำนึกผิดแล้ว หนูพายก็ใจเย็นๆ นะลูก” ว่าที่ลูกสะใภ้แม่นายเพียงฟ้าพนมมือขึ้นแทนการกล่าวขอบคุณ

“ฝากแม่นายด้วยนะครับป้านุ้ย”

“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณภูมิ ยังไงก็อย่าปล่อยเวลาให้มันเนิ่นนานไป ตั้งสติได้แล้วก็รีบไปง้อคุณแม่นะคะ”

“ครับป้า”


บ่ายวันเดียวกันพิจิกาตัดสินใจไปเรือนใหญ่เพียงลำพังโดยที่ภูมิรพีไม่รู้ เนื่องจากเกิดปัญหาที่ฝายทดน้ำที่ท้ายสวน ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบรุดไปดู เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที พวงมาลัยที่ฝากให้พี่จืดช่วยจัดหาให้วางอยู่บนพานที่ได้ขอความช่วยเหลือจากป้านุ้ย

สองมือประคองพานและคลานเข่าเข้าไปหาผู้เป็นเจ้าของเรือน หญิงสาวนั่งพับเพียบพร้อมวางพานไว้ข้างตัวก่อนกราบลงที่เท้าแม่นายเพียงฟ้า

“พายมาขอขมาแม่นาย ขอให้แม่นายอภัยในสิ่งที่พายทำไม่ถูกต้อง ขออย่าได้ถือโทษโกรธพายเลย พายสัญญาว่าจากนี้จะไม่นำความร้อนใจใดๆ มาให้แม่นายอีก พายไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากการได้รับความเมตตาจากแม่นายสักครั้ง พายยอมทำตามคำสั่งแม่นายทุกอย่าง ขอเพียงแม่นายยกโทษให้พี่ภูมิและให้อภัยพาย” เมื่อได้พูดในสิ่งที่อยากพูดแล้ว คนทำผิดก็ยกพานมาลัยขึ้นยื่นให้แก่ผู้อาวุโส

“ถ้าฉันบอกว่า ฉันจะยอมยกโทษให้เธอทุกอย่าง แต่เธอต้องไปจากที่นี่ เธอจะทำได้ไหม” เงื่อนไขที่ถูกหยิบยื่นมาให้ ทำให้เจ้าของร่างแบบบางจุกจนพูดไม่ออก น้ำตาคลอสองตาอีกครั้ง คิดและตรึกตรองทุกอย่างก่อนจะยอมรรับคำตัดสินโทษนั้น

“ได้ค่ะ พายจะไปจากที่นี่”

“แล้วเธอจะบอกกับลูกชายฉันว่ายังไง” แม่นายเพียงฟ้ายิ้มเยาะ

“พายก็ยังไม่ทราบ แต่พายให้สัญญาค่ะว่าพรุ่งนี้พายจะไปจากที่นี่ ขอเพียงแม่นายให้อภัยเราสองคนเท่านั้นก็พอค่ะ” พานมาลัยยังถูกยกค้างไว้แบบนั้น ในขณะที่น้ำตาที่คลออยู่เริ่มไหลอาบแก้ม หากก็ไม่มีเสียงสะอื้นให้ได้ยิน

“ถ้าเธอจะไปจากที่นี่จริงๆ ฉันจะให้ทุนเธอไปทำมาหากินสักก้อน เพราะเท่าที่รู้มาตอนนี้เธอก็ลำบากพอสมควร ขาดรายได้แบบนี้คงจะลำบาก”

“ไม่เป็นไรค่ะแม่นาย ทำงานที่นี่ก็ทำให้พอมีเงินเก็บบ้าง พายกราบขอบพระคุณในความกรุณาของแม่นายนะคะ” พิจิกาปฎิเสธความหวังดี เพราะไม่อาจรับเงินเหล่านั้นได้จริงๆ

“เธอจะไปเมื่อไหร่ล่ะฉันจะให้นายจืดไปส่ง” แม่นายเพียงฟ้าถามราวกับว่าหญิงสาวจะไปเที่ยวเล่นไม่ได้จากพนารักษ์ไปตลอดกาล

“พายไปเองสะดวกกว่าค่ะ พายขอบคุณแม่นายที่ให้ความเมตตาเสมอมา พายจะไม่ลืมพระคุณของแม่นายกับพี่ภูมิที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอด คงมีสักวันที่พายจะมีโอกาสได้ตอบแทนแม่นาย พายกราบลาแม่นายตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ” ร่างผอมบางวางพานลงข้างตัวและก้มลงกราบผู้มีพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย

“ฉันขอให้เธอโชคดี” คำกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อพานพวงมาลัยถูกส่งให้อีกครั้ง และครั้งนี้แม่นายเพียงฟ้าก็ยอมรับแต่โดยดี นั่นทำให้พิจิการู้ทันทีว่าข้อตกลงระหว่างกันนั้นได้บังเกิดโดยสมบูรณ์แล้ว


สามทุ่มกว่าแล้วลูกชายของแม่นายเพียงฟ้าก็ยังไม่กลับ ลูกสะใภ้ชั่วคราวก็ได้แต่ชะเง้อหาด้วยความเป็นห่วง ผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายครั้งหลายหนก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่ตนรอ เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกเฮือกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ริมระเบียงตัวเดิม และเริ่มระลึกไปถึงบทสนทนาระหว่างตนกับป้านุ้ยในช่วงบ่ายของวัน

“จะไปจริงๆ หรือคะหนูพาย”

“ค่ะป้านุ้ย พายทำเรื่องน่าละอาย คงไม่กล้ามองหน้าใครอีก พายไม่อยากให้ใครมองพี่ภูมิไม่ดีด้วยค่ะ” พิจิกายืนยันเจตนารมย์ของตัวเอง

“แล้วจะบอกคุณภูมิยังไงคะ”

“พายก็ยังไม่รู้ค่ะ แต่ยังไงพายก็ต้องไป เพราะสัญญากับแม่นายไว้แล้ว พายไม่อยากเป็นตัวการทำให้แม่ลูกเขาต้องผิดใจกัน ป้านุ้ยเข้าใจพายนะคะ” ผู้อาวุโสพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“ป้าถามได้ไหมคะ นานแค่ไหนแล้วคะ” ไม่ต้องระบุรายละเอียดหญิงสาวก็รู้ว่าหมายถึงเรื่องอะไร

“ไม่นานนักหรอกค่ะ มันเป็นความผิดของพายเองที่ปล่อยตัวปล่อยใจ ทำผิดครั้งแรกยังไม่พอ ยังทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า ก็สมควรแล้วที่แม่นายจะโกรธ” ป้านุ้ยมองภรรยาของนายด้วยความเห็นใจ เรื่องแบบนี้จะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้ ปรบมือข้างเดียวมันจะดังได้ยังไง

“ปกติคุณภูมิเป็นคนรับผิดชอบ และไม่เคยทำตัวเหลวไหลแบบนี้ ทำไมเรื่องนี้คุณภูมิถึงไม่มาเรียนให้แม่นายทราบจะได้จัดการอะไรให้มันถูกต้อง” ป้านุ้ยถามอย่างสงสัย เพราะเลี้ยงนายมากับมือทำไมถึงไม่รู้นิสัยใจคอของคนที่ตนฟูมฟักมาแต่เล็กแต่น้อย

“พายเป็นคนขอร้องไม่ให้พี่ภูมิบอกแม่นายเองค่ะ เพราะพายรู้ดีว่าแม่นายอยากให้พี่ภูมิตกร่องปล่องชิ้นกับคุณป่านแก้ว และพายกลัวว่าถ้าแม่นายทราบจะเกิดเรื่อง พายยังไม่พร้อมจะไปจากพี่ภูมิค่ะป้านุ้ย” หยาดน้ำตาไหลออกมาอีกครา เมื่อคิดว่าถึงเวลาที่ตนต้องจากไปแล้ว

“แม่นายเอ็นดูหนูมากนะ ท่านไม่ได้รังเกียจอะไรหนู เรื่องของคุณป่านแก้ว ท่านก็แค่อยากได้สะใภ้ ซึ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับคุณภูมิ ถ้าท่านจะบังคับกะเกณฑ์อะไร คุณภูมิคงไม่โสดมาถึงทุกวันนี้หรอกค่ะ” ป้านุ้ยกล่าวอย่างหนักใจ ถ้าทั้งสองคนกล้าสารภาพความจริงก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้

“แม่นายทราบเรื่องของพายกับพี่ภูมินานหรือยังคะ”

“ท่านไม่ทราบหรอกค่ะ ถ้าเมื่อคืนนังสร้อยกับนังเฟื่องไม่เห็นหนูกับคุณภูมิเดินเข้าไปในเรือนหลังเล็กด้วยกัน ทั้งๆ ที่คุณภูมิควรจะไปส่งหนูที่เรือนรพี และมันคงไม่เกิดเรื่องถ้านังสองคนนั้นไม่มาพูดต่อยอดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เห็นกับตาให้แม่นายได้ยิน ท่านก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของสองคนนั้นหรอกนะคะ ท่านเลยเรียกเจ้าจืดให้พาไปที่เรือนหลังเล็ก นั่งรออย่างใจเย็น จนหนูกับนายภูมิออกจากบ้านมาด้วยกันนั่นแหละค่ะ แล้วที่นายภูมิบอกว่าตั้งใจมาเรียนท่านในวันนี้จริงหรือเปล่าคะ” ป้านุ้ยเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะถามในประโยคสุดท้าย

“จริงค่ะ เมื่อคืนเราสองคนคุยกัน พี่ภูมิคงรู้ว่าถ้าปล่อยให้นานไปกว่านี้ แล้วแม่นายทราบเรื่องเองจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ เพราะความขี้ขลาดของพายแท้ๆ เลย” มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาของตนอีกครั้ง

“อย่าไปไหนไกลเลยนะหนูพาย ป้าเชื่อว่าเมื่อแม่นายหายโกรธแล้ว ทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ป้าอยากเห็นคุณภูมิมีความสุข ป้าเชื่อว่าคุณภูมิเลือกแล้วจะไม่เปลี่ยนใจ และป้าก็รู้ว่าถ้าคุณภูมิรู้ คุณภูมิไม่มีทางปล่อยหนูไปแน่ๆ” ป้านุ้ยพูดอย่างมั่นใจ

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ พายก็ต้องไปโดยไม่ให้พี่ภูมิรู้ใช่ไหมคะ พายขอบคุณป้านุ้ยสำหรับทุกอย่างนะคะ แต่พายคงอยู่แถวนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ก็อย่างที่ป้านุ้ยทราบ พายยังมีหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบ คงต้องกลับไปตั้งหลักที่บ้านค่ะ” พิจิกาตอบคนสนิทของแม่นายอย่างตรึกตรองดีแล้ว

“หนูจะไปพรุ่งนี้จริงๆ หรือ รออีกสักสองสามวันไม่ดีกว่าหรือจ๊ะ” เมื่อเปลี่ยนใจคนอ่อนวัยกว่าไม่ได้ ป้านุ้ยก็เริ่มหาทางยืดเวลาออกไป

“จะไปพรุ่งนี้หรือหลังจากนี้ พายก็ต้องไปอยู่ดี ไปเสียเร็วๆ พายจะได้ไม่มีเวลาเปลี่ยนใจ แล้วทำในสิ่งที่แม่นายไม่พอใจอีกไงคะ”

“ถ้าหนูคิดดีแล้ว ป้าก็คงไม่ห้าม ป้าขอให้หนูโชคดีนะลูก”

“ขอบคุณค่ะป้านุ้ย” พิจิกาพนมมือขึ้นแล้วกราบลงไปที่อกของผู้อาวุโส ป้านุ้ยก็ได้แต่ลูบหลังเบาๆ พร้อมกับอวยพรให้หญิงสาวโชคดี


ร่างที่ทอดตัวนอนอยู่บนเตียงสะดุ้งน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากหน้าเรือน มือข้างหนึ่งคว้านหานาฬิกาข้อมือจากหัวเตียง กดปุ่มให้หน้าปัดเกิดแสง ซึ่งบนหน้าปัดก็บอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว คนที่เผลอหลับไปขยับตัวลุกขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาเปิดประตูห้องเข้ามา

“ยังไม่นอนอีกหรือพาย” ภูมิรพีถามเมื่อเห็นร่างตะคุ่มๆ ลุกจากเตียง

“พายสะดุ้งตื่นค่ะพี่ภูมิ ที่ฝายเป็นยังไงบ้างคะ” พิจิกาถามด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่มือหันไปเปิดโคมไฟข้างเตียง

“เรียบร้อยแล้วล่ะ รูรั่วไม่ใหญ่นัก แต่ที่เสียเวลาไปเยอะ เพราะพี่ให้ตรวจดูทุกจุดว่ามีรอยรั่วตรงไหนอีกหรือเปล่า” สีหน้าใต้ไฟสลัวก็ทำให้คนที่นั่งอยู่บนเตียง รับรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยของอีกฝ่าย

“พี่ภูมิไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะคะ จะได้สดชื่น แล้วได้ทานอะไรมาหรือยังคะ”

“เรียบร้อยแล้วจ๊ะ พายก็นอนพักเถอะนะ” พิจิกาพยักหน้ารับง่ายๆ ชายหนุ่มจึงคว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่หายเข้าไปในห้องน้ำ

ร่างผอมบางลุกจากเตียง จัดเตรียมชุดนอนไว้ให้สามี ก่อนจะออกนอกห้องไปเสียบปลั๊กกาน้ำร้อนไฟฟ้า เพื่อชงโกโก้ร้อนให้นายได้ดื่มรองท้องก่อนนอน เพราะรู้ดีกว่าไอ้ที่บอกว่ากินแล้วน่ะก็แค่พูดให้สบายใจเท่านั้น

ผ่านไปสิบห้านาที ร่างสูงกำยำซึ่งอยู่ในเสื้อคลุมสีขาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นชุดนอนที่วางเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วก็ต้องอมยิ้ม จากนั้นก็หยิบมันกลับเข้าไปแขวนในตู้ตามเดิม เพราะเขาคงไม่ได้ใช้มันเหมือนหลายๆ ค่ำคืนที่ผ่านมา เสียงกุกกักดังจากหน้าห้องตามด้วยบานประตูที่เปิดออก ร่างของภรรยาที่ถือถ้วยโกโก้ควันลอยจนหอมกรุ่นก็ทำให้รู้สึกชื่นใจได้ไม่ยาก อะไรจะสุขใจเท่ากับเมื่อถึงบ้านแล้ว ไม่ว่าเวลาไหนก็ได้รับความใส่ใจจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา

“ดื่มรองท้องหน่อยนะคะจะได้หลับสบาย”

“พี่ว่าพายมากกว่าที่จะทำให้พี่หลับสบาย” ถึงจะพูดแบบนั้น มือก็ยังยื่นไปรับถ้วยโกโก้ขึ้นมาดื่มอย่างว่าง่าย

“พี่ภูมิค่ะเรื่องนายแม่...”

“ไม่ต้องคิดมากนะ เราต้องคนต้องผ่านมันไปได้ เราต้องทำให้แม่นายยกโทษให้เราให้ได้” ใช่ว่าเขาไม่กังวลเรื่องนี้ แต่เพราะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเต็มสองบ่า จะให้มัวแต่สนใจเรื่องส่วนตัวอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้

“พายจะบอกว่า แม่นายยกโทษให้เราแล้วค่ะ พรุ่งนี้พี่ภูมิไปกราบขอโทษแม่นายด้วยตัวเองอีกครั้งนะคะ” พิจิกาพยายามยิ้มสดใส

“จริงหรือ เป็นไปได้ยังไง” คนร่างผอมพยักหน้ายืนยัน ทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาเล็กน้อย แม้จะรู้สึกแปลกใจบ้างก็ตามที

“ตอนบ่ายพายนำพวงมาลัยไปขอขมาแม่นาย และสัญญาว่าจะไม่ทำผิดต่อแม่นายอีก ขอให้แม่นายให้โอกาสพาย และยกโทษให้พี่ภูมิด้วย แม่นายบอกกับพายว่า ถ้าพายรักษาสัญญา แม่นายก็จะยกโทษให้เราค่ะ” พิจิกาเล่าอย่างย่อๆ ไม่ได้ขยายใจความใดๆ

“ทำไมพายไม่รอไปพร้อมพี่ล่ะ” ชายหนุ่มติงเล็กน้อย

“ก็พายเห็นว่าพี่ภูมิยุ่งอยู่นี่ค่ะ อีกอย่างพายก็ไม่แน่ใจว่าแม่นายจะยกโทษให้เราหรือเปล่า แต่พายก็ดีใจนะคะที่ความพยายามของพายก็สำเร็จจนได้”

“แบบนี้ต้องฉลอง” ว่าแล้วร่างผอมบางก็ถูกอุ้มไปวางบนเตียง พิจิกาก็พร้อมจะเก็บเกี่ยวความสุขครั้งสุดท้ายของตน

“พี่ภูมิจะรักพายนานแค่ไหนคะ” คนอยากรู้ถามก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มฉลองข่าวดี

“ทำไมพายถึงถามพี่แบบนี้ คิดอะไรอยู่หรือ”

“พายแค่อยากรู้ เพราะคนที่พายเคยมั่นใจในตัวเขา เขายังทิ้งพายไปง่ายๆ แล้วพี่ภูมิกับพายเพิ่งรู้จักกันไม่นาน พายก็ยอมพี่ภูมิแล้ว อะไรที่ได้มาง่าย ๆ มันก็มักจะไม่มีค่าในสายตาของใครๆ ไม่ใช่หรือคะ”

“พายกำลังดูถูกความรักของพี่อยู่นะ แล้วพายคิดว่าพายต้องใช้เวลาเท่าไหร่ล่ะถึงจะมั่นใจในตัวพี่”

“นั่นสิคะ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน เราถึงจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนคนหนึ่ง”

“ต่อให้ใช้เวลาตลอดชีวิต หรือแม้กระทั่งเราหมดลมหายใจไปแล้ว เราก็ไม่มีทางรู้ตัวตนของใครได้หรอก นอกจากตัวเราเอง” ภูมิรพีตอบอย่างเห็นสัจธรรมบนโลกใบนี้

“แล้วพี่ภูมิมั่นใจได้ยังไงคะว่าพายจะรักพี่ภูมิตลอดไป จะไม่ทำให้พี่ภูมิต้องผิดหวัง”

“พี่บอกไม่ได้หรอกว่าพี่มั่นใจในตัวพายได้แค่ไหน เพราะพี่ไม่เคยคิดเรื่องนั้น พี่รู้แต่เวลานี้เราอยู่ด้วยกัน เรามีกันและกันก็พอแล้ว อนาคตเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่ไม่ไกลจนเอื้อมไม่ถึง ถ้าเราดูแลกันและกันในวันนี้ให้ดีที่สุด อนาคตเราก็จะมีเราตลอดไป” นายแห่งพนารักษ์ตอบในสิ่งที่ตนเองคิดและมั่นใจ

“พี่ภูมิเป็นคนดี ควรได้พบกับคนดีๆ คนที่คู่ควร”

“คนที่พี่กอดอยู่ตอนนี้ดีที่สุดสำหรับพี่ อดีตเป็นสิ่งที่เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่อนาคตเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาได้ เวลาที่ผ่านมามันอาจจะไม่มากนัก แต่พี่ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าพายมีความสุขที่ได้อยู่ในสวนส้มแห่งนี้ หรือไม่จริง” ภูมิรพีจูบไปที่ขมับของคนในอ้อมกอดอย่างให้กำลังใจ

“ตลอดเวลาที่ได้อยู่ในอาณาเขตของพนารักษ์ พายมีความสุขที่สุด ในอดีตพายอาจจะใช้ชีวิตผิดพลาดไปบ้าง แต่ปัจจุบันและอนาคต พายจะทำทุกอย่างให้คนที่พายรักพบกับสิ่งดีๆ ตลอดไป”

“ชื่นใจจริงๆ” คนได้ฟังก้มลงสัมผัสริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองเล็กๆ กับมาเช่นกัน จากนั้นพิจิกาก็เป็นฝ่ายเริ่มด้วยการกดริมฝีปากหนักๆ จนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายด้วยความถูกใจ



ปล. วิบากกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นเป็นบททดสอบว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นความรักหรือเป็นเพียงแค่ความใคร่ มาช่วยกันลุ้นค่ะ คนทำผิดย่อมได้รับการลงโทษอย่างสาสม ^_^



หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ค. 2557, 08:48:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2557, 08:48:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1477





<< บทที่ 8   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account