เกมรักกับดักพิศวาส (สนพ.มายเลิฟ)
Tags: นิยายรัก,นายแบบ
ตอน: ตอนที่ 17
ตอนที่ 17
ความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกลับมาเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคงเป็นอริญชย์ ชายหนุ่มรู้ความสัมพันธ์ระหว่างบุษบันกับบอลด์วินเป็นอย่างดี นั่นทำให้เขาคิดจะดึงบุษบันไปเป็นของตัวเอง เขาไม่อยากให้เอตกอยู่ในวังวนของความใคร่อันฉาบฉวย เขาต้องดึงเธอขึ้นมาจากหลุมอันมืดดำก่อนที่เธอจะเสียใจมากไปกว่านี้ ถ้าวันใดวันหนึ่งความสัมพันธ์นั่นจบลง
“เอ่อ…มาทำอะไรกันคะเนี่ย”
“ผมก็มารับคุณตามปกติ”
“เราเห็นมันมืดค่ำเลยมารับ”
“ขอบคุณทั้งสองคนมาก แต่ฉันขับรถมาเอง”
“และคืนนี้พี่ซีก็จะไปค้างด้วย”
“ถูกต้องแล้วจ๊ะ”
นั่นคือในช่วงเลิกงานของวันหนึ่ง และวันนั้นเหมือนจุดเริ่มต้นความวุ่นวายที่ไม่มีใครยอมใคร ต่างฝ่ายพยายามเอาชนะกัน และนั่นทำให้วันทำงานและวันหยุดที่เคยสงบสุขเริ่มจะไม่สงบสุข แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดีที่มีอโรชาไว้กำราบสองหนุ่มนี้ได้บ้าง ลำพังเธอเองไม่มีใครฟังสักเท่าไหร่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูในเที่ยงของวันหยุดหนึ่งวันที่เธอรู้สึกว่ามันคงสงบ เธอมีนัดทานไปทานข้าว ดูหนังและช็อปปิ้งตามประสาผู้หญิงกับอโรชา บอลด์วินติดงานและอริญชย์เองก็คงไปทำงานนั่นหมายถึงเธอจะทำอะไรได้อย่างสบายใจ
“มาแล้วค่า” เธอที่แต่งตัวเสร็จแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรู้ดีว่าคนทีนัดเอาไว้มาถึงแล้ว
“สวัสดีจ๊ะ” อโรชาทักทายเสียงใส
“สวัสดีค่ะพี่ซี เอ่อ…นายด้วยนายซัน” และเธอก็ทักทายกลับและไม่ลืมที่จะทักทายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของอโรชาด้วย
ถึงอโรชาจะคอยกันท่าหรือช่วยให้เธอรอดพ้นจากความวุ่วายของบอลด์วินกับอริญชย์ ในเวลาที่ทั้งสองเผชิญหน้ากัน แต่ก็บ่อยครั้งทีอโรชาคอยปูทางให้น้องชายอย่างอริญชย์ได้พบเจอกับเธอบ่อยครั้ง โดยที่เธอเองก็คาดไม่ถึง
“สวัสดี”
“พี่เห็นนายซันว่างไม่มีอะไรทำเลยชวนให้มาเป็นสารภีให้สักวัน” อโรชารีบชี้แจ้งของการที่น้องชยมายืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้องของบุษบันทั้งที่ไม่ได้นัด
“นึกว่าไปทำงานซะอีก”
“วันนี้หยุดน่ะ”
“จะเข้ามาดื่มอะไรก่อนไหนหรือเราจะไปกันเลยดีคะ” ว่าพลางเปิดประตูเดินนำสองพี่น้องเข้าไปในห้อง
“นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วพี่ว่าเราไปกันเลยดีกว่านะ”
บุษบันหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องและล็อค ก่อนจะเดินเคียงคู่กับอโรชาไปที่ลิฟท์โดยมีอริญชย์เดินตามมาไม่ห่าง
“บุษคงไม่ว่านะที่พี่ชวนนายซันมาโดยไม่ได้บอกก่อน” อโรชากระซิบพูดให้ได้ยินกันแค่สองคนระหว่างอยู่ในลิฟท์
“จะว่าทำไมละคะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซะหน่อย ดีซะอีกเราจะได้มีเบ้ถือของให้ตอนช็อปปิ้ง”
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จโปรแกรมต่อไปคือการดูหนังในรอบบ่าย ซึ่งตอนนี้เองโทรศัพท์ของอโรชาก็ ดังขึ้น และหลังจากรับเสร็จเธอก็หันมายิ้มแหยๆ ให้กับน้องชายและบุษบัน
“คือเพื่อนพี่โทร.มาให้ไปช่วยงานด่วน โปรแกรมดูหนังกับช็อปปิ้งวันนี้พี่คงต้องขอยกเลิกแล้วล่ะ แต่ไหนๆ ก็ซื้อตั๋วมาแล้วซันกับบุษก็ดูสองคนแล้วกัน พี่ต้องรีบไปหาเพื่อนก่อน” อโรชาบอกอย่างรู้สึกผิด
“ผมไปส่งไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวพี่ไปรถไฟฟ้าเอง ขอโทษนะบุษสัญญาเอาไว้แท้ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้คราวหน้าก็ได้ค่ะ พี่ซีมีงานด่วนจริงๆ นี่คะ”
“งั้นพี่ไปนะ…อย่าปล่อยโอกาสให้สูญเปล่าล่ะ”
ก่อนจะไปอชาก็ไม่ลืมที่จะกระซิบบอกน้องชายพร้อมกับตบบ่ากว้างเบาๆ ซึ่งอริญชย์ก็พยักหน้ารับแล้วเอ่ยขอบคุณโดยไม่ให้มีเสียง
และเมื่อโรชาไปแล้วชายหนุ่มจึงหันมาถามบุษบัน
“บุษจะเอาไง จะกลับหรือจะดูหนังต่อ หนังถ้าบุษไม่อยากดูก็ไม้ต้องดูนะ”
“ไม่เป็นไรไหนๆ ก็ได้ซื้อตั๋วแล้วนี้ และอีกอย่างวันนี้ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ว่าแต่นายเถอะว่าไง”
“บุษว่าไงก็ว่าตามนั้นแหละ”
“งั้นวันนี้นายคือเพื่อนสาวของฉัน”
เธอบอกพลางมองหน้าเพื่อนสาวคนใหม่แล้วหัวเราะคิก เมื่ออริญชย์ทำหน้าตาแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอม
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอ แต่…ก็ได้”
หนังค่อนข้างสนุกและประทับใจทำให้บุษบันที่เดินออกจากโรงพูดถึงเรื่องราวความสนุกแบบไม่หยุดปากพูดไปยิ้มอย่างประทับใจไป แถมยังออกปากว่าถ้ามีโอกาสจะมาดูอีกสักรอบ
“ฉันอยากให้พี่ซีได้ดูด้วยจัง เอาไว้จะชวนพี่ซีมาดูอีกรอบ”
“แล้วฉันล่ะเธอจะไม่ชวนเหรอ” อริญชย์ที่เดินข้างๆ แสร้งเอาแขนไปกระแทกไหล่บางๆ เบา
“ฉันเห็นนายแอบหลับ” บุษบันหมุนตัวกลับมาแกล้งว่าชายหนุ่มพลางมยิ้ม
“บ้าน่า แค่หลับตาซึมซับเสียงจากหนังเท่านั้นเอง ใช่หลับจริงๆ ที่ไหน”
“แต่นายน้ำลายยืดด้วยดูสิยังมีคราบอยู่เลย” ไม่พูดเปล่าเธอยังยื่นมือไปแตะใกล้มุมปากของอริญชย์ ทำเอาคนถูกอำทำหน้าตาตื่น
“จริงเหรอ”
บุษบันที่เดินถอยหลังช้าๆ หัวเราะชอบใจไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเชื่อเป็นจริงเป็นจัง
“อ้าวไหนบอกแค่หลับตาไม่ได้หลับจริงๆ ไงล่ะ”
“หลอกกันเหรอ”
ชายหนุ่มต่อว่าไม่จริงจัง พร้อมกับใช้มือไล่ตีศีรษะมนของหญิงสาวเบาๆ คนโดนตีก็วิ่งหลบพลางหัวเราะชอบใจ คนผ่านไปมาเห็นคงคิดว่าคู่รักกำลังหยอกล้อกัน
แต่ไม่ใช่นายแบบหนุ่มที่อย่างบอลด์วินที่มาเดินเตร็ดเตร่ในห้างระหว่างรอถ่ายแบบเซ็ตต่อไป ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจจนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะและเมื่อหันไปมองก็เจอเต็มๆ
“บุษ”
เขาเรียกเธอเสียงเข้มพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนทั้งที่ที่กำลังเดินหยอกล้อกันอย่างมีความสุขด้วยสีหน้าบึ้งตึง
บุษบันหันไปพบสายตาที่คิดว่าถ้ามันฆ่าคนได้เธอกับอริญชย์คงตายไปแล้ว และนั่นทำให้เธอขยับตัวออกห่างอริญชย์โดยอัตโนมัติ และก่อนที่เธอจะทันได้ทัก อริญชย์ที่ยืนกดยิ้มมุมปากอยู่ข้างก็ทักอีกฝ่ายขึ้นก่อน
“สวัสดีครับคุณวินซ์มาดูหนังเหมือนกันเหรอครับ”
บอลด์วินปรายตามองคู่อริเล็กน้อยแต่ไม่คิดจะใส่ใจ เขาหันมาถามบุษบันที่ก้มหน้าหลบสายตาเขาเสียงเครียด
“ไหนคุณบอกว่าต้องการจะพักผ่อนอย่างสงบๆ สักวัน เลยบอกผมไม่ให้โทร.หาไง”
“นี่ก็พักผ่อนนี่ครับ”
อริญชย์ที่หวังดีและอารมณ์ดีนิดหนึ่งที่เหมือนตนเองเป็นต่อบอลด์วินเป็นครั้งแรกตอบแทนหญิงสาวยิ้มๆ แต่ก็ต้องชักสีหน้าเมื่อโดยอีกฝ่ายตวาด
“อย่ายุ่ง!”
“อ้าว พูดงี้ได้ไง ก็บุษเขามากับผม”
“คุณก็รู้ว่าผมกับบุษเป็นอะไรกัน”
ตอนนี้บอลด์วินรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นรองอริญชย์มากมาย บุษบันยอมโกหกเขาเพื่อที่จะมาเที่ยวดูหนังกับหมอนี่ และมีทางเดียวที่จะเรียกความมั่นใจกลับมาได้คือความสัมพันธ์ทางกายของเธอกับเขาเท่านั้นที่เหนืออริญชย์
“ขอโทษที่ผมไม่ขอรับรู้ เพราะคิดว่าตัวเองให้สิ่งที่ดีกับบุษได้มากกว่าคุณ” อริญชย์ที่ชักยั๊วไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้าไปผลักอกของอีกฝ่าย
และบอลด์วินเองก็ไม่คิดจะลงให้ก็ผลักกับคืนไปบ้าง
“ดีไม่ดีคุณไม่ใช่คนตัดสินใจ”
“คุณมันเห็นแก่ตัว”
“หยุดได้แล้วทั้งสองคน โตๆ กันแล้วทะเลาะกันอยู่ได้ คนมองกันใหญ่แล้วฉันอาย” บุษบันที่ยืนดูอยู่นานเข้าไปตวาดสองหนุ่ม แล้วพยักพเยิดให้ดูรอบๆ ตัวว่ามีคนมองเยอะขนาดไหน
“แล้วคุณแอบผมมาเที่ยวกับหมอนี่ได้ยังไง”
“ฉันไม่ได้แอบ ฉันตั้งใจจากับพี่ซี แต่พี่ซีมีงานด่วนเพิ่งกลับไป ส่วนซันเขาแค่อาสามาขับรถให้”
“เป็นแผนของคุณสองพี่น้องล่ะสิ” บอลด์วินบอกเสียงเยาะ
“อย่ามาล่ามปามถึงพี่ผม”
“หรือไม่จริง พี่คุณเขากันท่าผมเพื่อหาโอกาสให้คุณทำไม่จะดูไม่ออก น้องมันไม่มีปัญญาเลยอ้อนพี่ให้ช่วยล่ะสิ ไอ้ลูกแหง่เอ้ย!”
สิ้นคำดูถูก กำปั้นหนักๆ ของอริญชย์ก็เสยเข้าที่ปลายคางที่เดิมกับคราวก่อนอย่างเหลืออด
พลั๊วะ!
“ชอบใช้กำลังใช่ไหมได้จัดให้” บอลด์วินเสียหลักเกือบล้มแต่เมื่อตั้งตัวได้ก็ขอเอาคืนบ้าง
พลั๊วะ!
“หยุดเดี่ยวนี้นะ นายซัน คุณวินซ์ ฉันบอกให้หยุด!”
และกรรมการก็ไม่พ้นบุษบันตามเคยแต่คราวนี้เสียงห้ามของเธอไม่ได้ผล และเธอก็หมดความอดทนกับพวกเขา
“ไม่หยุดใช่ไหม ตีกันให้ตายไปเลย”
บุษบันสะบัดหน้าเดินหนีสองหนุ่มที่ตะลุมบอลกัน โดยมีเสียงกรีดร้องและเสียงโวหเหวกโวยวายจากคนรอบข้างไม่นานรปภ. ก็มาจัดการ นั่นแหละมวยคู่นี้ถึงยุติ และทั้งสองก็กำลังวิ่งไล่หลังเธอมา เพื่อ…เถียงกันอีกครั้ง
“อย่ามายุ่งกับบุษอีก”
“คุณนั่นแหละออกไปจากชีวิตบุษซะ ผมรักบุษจากใจจริงแต่คุณมันก็แค่หลอกเล่น” อริญชย์ยังย้ำจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนและมั่นคง
นั่นมันทำให้คนไร้ความั่นคงอย่างบอลด์วินไม่อยากจะโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางที่ดีเขาควรแยกตัวบุษบันออกไปกับเขาก่อนเป็นอันดับแรก
“บุษเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเอง”
“มาทางไหนก็ไปทางนั้นเลยบุษมากับผม ผมไปส่งเองได้” อริญชย์เองก็ไม่ยอม โอกาสดีๆ อย่างนี้ใช่จะมีบ่อยครั้ง
“ไม่ต้องเถียงกัน”
“คุณวินซ์ รู้สึกวันนี้คุณจะมีงานถ่ายแบบทั้งวันไม่ใช่เหรอคะ ฉันว่าคุณน่าจะกลับไปทำงานได้แล้ว เพราะงานนี้ช่างแต่งหน้าคุณโวยแน่ๆ ที่หน้าตาคุณเยินขนาดนี้”
“ส่วนนาย นายซัน ฉันจะนั่งรถกลับเอง นายจะกลับบ้านหรือเดินช็อปปิ้งต่อก็ตามใจ และไม่ต้องตามฉันมา หมายถึงทั้งสองคน”
ทั้งสองหนุ่มได้แต่ยืนมองร่างบางเดินห่างออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่กล้าขัดคำสั่ง จากนั้นต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน
บุษบันใช้เวลาระหว่างที่นั่งรถกลับห้องคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้และหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เธอรู้สึกเบื่อและเหนื่อยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บางทีมันคงถึงเวลาที่เธอควรจะตัดสินใจให้เด็ดขาดแล้วมั้งว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตตัวเองดี แต่คิดไปคิดมาก็ปลงไม่ตก เวลาอย่างนี้ที่ปรึกษาที่ดีก็คงไม่พ้นคนที่ห่วงใยเธอตลอดไม่ว่าเธอจะทำตัวดีหรือเลว จะว่าไปอาทิตย์นี้ยังไม่ได้โทร.หาท่านเลย
ตั้งใจเอาไว้อย่างนั้นเมื่อถึงห้องเธอจึงต่อสายหาแม่ คนที่ซึ่งเข้าอกเข้าใจลูกสาวคนนี้ที่สุด นั่นทำให้เธอไม่กระดากอายที่จะปรึกษาปัญหาหัวใจ แต่ก็ไม่เจาะลึกลงรายละเอียดมากนัก เอาแค่อ้อมๆ พอ ถึงแม่จะเป็นคุณแม่ที่หัวสมัยใหม่พอสมควรแต่คงรับไม่ได้แน่นอนถ้าลูกว่าลูกสาวมีความสัมพันธ์กับผู้ชายเพียงแค่คู่นอน
“สวัสดีค่ะแม่” เธอยังคงทักทายคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าสดใส
“นึกว่าอาทิตย์นี้จะไม่โทร.มาแล้วเสียอีก”
“โทร.สิคะถ้าไม่โทร.ก็คิดถึงแย่”
“คิดถึงก็กลับมาบ้านบ้างสิลูก”
“ค่ะ กลับไปอยู่ถาวรเลยได้ไหมคะ”
เธอถามคนเป็นแม่เสียงกลั้วหัวเราะคล้ายกับล้อเล่นแต่แวบหนึ่งในสมองมันกลับคิดว่าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ
และเธอยิ่งประหลาดใจเมื่อแม่ไม่ได้แสดงถึงความดีใจ เมื่อเธอบอกว่าอาจจะกลับไปอยู่กับบ้านถาวรทั้งที่ก่อนหน้านี้ชวนเธอออกบ่อย ท่านออกแนวสงสัยด้วยซ้ำ
“หือ…มีอะไรหรือเปล่าลูก”
“แค่บุษบอกว่าอยากกลับไปอยู่บ้านถาวร ทำไมต้องถามบุษว่ามีอะไรด้วยคะ”
“น้ำเสียงบุษฟังดูเหนื่อยๆ นะลูก”
แล้วแม่ก็จับความรู้สึกจากเสียงของเธอจนได้
“มีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยน่ะคะ”
“ปัญหาเรื่องงาน เรื่องหัวใจ หรือเรื่องอะไรก็ปรึกษาแม่ได้นะ”
น้ำเสียงอ่อนนุ่มฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น ชวนไว้วางใจแม่ของเธอเป็นอย่างนี้เสมอนั่นทำให้เธอกล้าที่จะปรึกษาปัญหากับท่านในเกือบทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องหัวใจ
“งั้นบุษถามหน่อยค่ะแม่ว่า ระหว่างคนที่เขารักเรากับคนที่เรารักจะเลือกใครดีคะ”
“แม่จะได้ลูกเขยในเร็วๆ วันนี้ใช่ไหมเนี่ย”
นางถามเสียงล้อเลียนแทนคำตอบ ซึ่งก้ทำเอาบุษบันอมยิ้มหน้าแดงเขินอายอยู่คนเดียว แต่พอนึกถึงปัญหาตอนนี้ก็ต้องหน้าเหี่ยวอีกครั้ง
“ทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นค่ะ แต่มันก็ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย”
“ที่ไม่เข้าท่าเพราะมีให้เลือกหมายคนอย่างนั้นเหรอ แต่แม่ว่ามันเข้าท่าดีออก” ขอดีขอแม่อีกอย่างคอท่านเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ
“เหรอคะ แต่มันลำบากใจจังค่ะ”
“ลำบากใจเพราะ…”
บุษเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกถึงข้อแตกต่างระหว่างสองหนุ่มที่กำลังสร้างความลำบากใจให้กับเธอในตอนนี้
“คนแรกเขาบอกว่าแอบรักบุษมานานตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย แต่เพิ่งมาสารภาพเมื่อไม่นาน”
“แหม…ดีจัง แล้วอีกคนล่ะจ๊ะ” คนเป็นแม่บอกอย่างตื่นเต้นราวกับรับรู้ความลับของเพื่อนสาว
“คนนี้เอ่อ…บุษว่าบุษเอ่อ…รู้สึกดีกับเขามากๆ และเขาเองบางครั้งก็แสดงออกว่าเราคิดไม่ต่างกัน แต่เขาไม่เคยพูดมันออกมาเลยสักครั้ง”
“แล้วบุษอยู่กับใครแล้วมีความสุขมากกว่ากันล่ะ”
คนเป็นแม่ถามเสียงนุ่ม ไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงคิดว่าฟังจากน้ำเสียงของท่านแล้ว เธอรู้สึกว่าท่านรู้ว่าเธอคิดยังไงกับผู้ชายคนที่สอง
“คนหลังค่ะ แต่ว่าในอนาคตบุษคิดว่าเขาอาจจะทำให้บุษเสียใจ” มันคือความจริงที่เธอกลัว
“แล้วอีกคนล่ะ”
“อยู่ด้วยก็ดีค่ะ แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับเพื่อนหรือญาติพี่น้องมากกว่านะคะ และถ้าบุษเลือกเขาในอนาคตบุษคงทำให้เขาเสียใจและบุษเองก็คงไม่มีความสุขเท่าไหร่ ในแง่ความสุขแบบคนรักน่ะคะ”
มันคือความรู้สึกจริงที่เกิดขึ้น แม้บางครั้งเธอจะพยายามมองอริญชย์เหมือนผู้ชายคนหนึ่ง แต่ความรู้สึกมันก็ไม่เปลี่ยน เขาคือเพื่อน
“แม่รู้แล้วล่ะ ตอนนี้ในใจบุษได้เลือกเขาไปแล้วใช่ไหม” นางเว้นระยะการพูดให้ลูกสาวได้ตอบ แต่เมื่อทางนั้นเงียบนางจึงพูดต่อไปว่า
“แต่ติดที่ว่าเขาจะตอบรับความรู้สึกของเราหรือเปล่า และจากที่ฟังลูกพูดถึงเขา แม่ขอเดาว่าเขาคงเป็นพวกปากหนัก ประเภทชอบแสดงออกมากกว่าการพูด ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะทำให้รู้ว่าเขาคิดยังไงนั่นคือการถามเขาไปตรงๆ เลยดีไหม”
“แต่หนูเป็นผู้หญิงนะคะ” บุษบันโอดครวญ
“ผู้หญิงแล้วไง ถ้าบุษไม่กล้า ก็ถามแบบขำๆ ไงจ๊ะ ถามเหมือนถามเล่นๆ ไม่จริงจังทำบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายไม่เคร่งเครียด”
“แล้วถ้าเขาปฏิเสธแล้วเอาเราไปนินทาล่ะคะ”
“นั่นแสดงว่าลูกทำถูกแล้ว ลูกโชคดีที่ไม่เลือกเขาและเขาไม่เลือกเรา ผู้ชายที่เอาผู้หญิงไปนินทาเขาไม่เรียกว่าลูกผู้ชายหรอกจ๊ะ เอาชีวิตเราถอยห่างออกมาไกลเท่าไหร่ยิ่งดี เชื่อแม่”
จริงๆ แล้วมันฟังดูเข้าท่าใช้ได้ทีเดียว ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเธอแหละว่าจะกล้าทำอย่างที่คนเป็นแม่แนะนำหรือเปล่า ถ้าไม่ทำตามก็อาจจะนำไปประยุกต์ก็ได้มั้ง แต่จะประยุกต์ยังไงตอนนี้คิดไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็พอเป็นแนวทางได้ดีทีเดียว
“ขอบคุณค่ะแม่ แล้วบุษจะลองเอาไปคิดูนะคะ”
“เพื่อลูกแม่ยินดีจ๊ะ แต่ว่าได้ผลยังไงอย่าลืมมากระซิบบอกแม่ด้วยนะจ๊ะ”
“ค่า”
บุษบันตอบรับเสียงกลั้วหัวเราะ จากนั้นเธอก็คุยกับคนเป็นแม่ต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะวางสาย แล้วปิดเครื่องเพื่อไม่ให้ใครโทร.ในเวลาที่เธอต้องการคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ
******************************************************************************************
มาแล้วค่าตอนสุดท้ายของการอัพ เกมรักกับดักพิศวาส หายไปน๊านนานไม่ได้ลืมนะคะ แต่เร่งปั่นคุณขวัญกะว่าจะเอาให้จบภายในอาทิตย์นี้ (หวังว่าจะจบ อิอิอิ) วันนี้ได้กฤษ์งามยามดีบวกกับโดนทวง (ทวงได้นะคะไม่ต้องเกรงใจ ถ้ามีให้อัพก็จะอัพ แต่ถ้าไม่มีก็จงรอต่อปายยยย ^_^) เลยมาอัพตอนสุดท้ายให้ได้อ่านกัน
จากนั้นตอนหน้าเล่มเกมแจกหนังสือ 5 เล่ม เล่มละเวบเหมือนเดิม ใครมีไอเดียเกมในการเล่นแจกหนังสือเสนอได้นะคะว่าอยากเล่นเกมแบบไหน จะรับไปพิจารณา
สุดท้ายของคุณที่ติดตามมาจนครบ 70% ใครค้างคาหาซื้ออ่านในรูปเล่มได้ที่ 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศนะจ๊ะ และอ่านเรื่องนี้จบก็อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปอ่าน “เพียงขวัญ” กันได้นะจ๊ะ เรื่องนี้อัพจนจบเลยด้วยยยยยยย
สุดท้ายจริงๆ ฝากนิยายทำมือเล่มแรกและเล่มเดียวของคนเขียนด้วยค่า “หัวใจบ่มรัก” ราคา 299 บาท แถม ปกใสและสมุดโน้ตน่ารัก สั่งซื้อได้ที่ www.lovebooksforyou.com
หรือที่ kesmani1@hotmail.com นะจ๊ะแบบว่าอยากขายค่ะอยากขาย เก็บไว้เป็นโกดังกลัวปลวกกิน 555+++
ขอบคุณทุกกานติดตามนะคะ (^_/\_^)
เกศมณี
21/05/57
ความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกลับมาเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคงเป็นอริญชย์ ชายหนุ่มรู้ความสัมพันธ์ระหว่างบุษบันกับบอลด์วินเป็นอย่างดี นั่นทำให้เขาคิดจะดึงบุษบันไปเป็นของตัวเอง เขาไม่อยากให้เอตกอยู่ในวังวนของความใคร่อันฉาบฉวย เขาต้องดึงเธอขึ้นมาจากหลุมอันมืดดำก่อนที่เธอจะเสียใจมากไปกว่านี้ ถ้าวันใดวันหนึ่งความสัมพันธ์นั่นจบลง
“เอ่อ…มาทำอะไรกันคะเนี่ย”
“ผมก็มารับคุณตามปกติ”
“เราเห็นมันมืดค่ำเลยมารับ”
“ขอบคุณทั้งสองคนมาก แต่ฉันขับรถมาเอง”
“และคืนนี้พี่ซีก็จะไปค้างด้วย”
“ถูกต้องแล้วจ๊ะ”
นั่นคือในช่วงเลิกงานของวันหนึ่ง และวันนั้นเหมือนจุดเริ่มต้นความวุ่นวายที่ไม่มีใครยอมใคร ต่างฝ่ายพยายามเอาชนะกัน และนั่นทำให้วันทำงานและวันหยุดที่เคยสงบสุขเริ่มจะไม่สงบสุข แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดีที่มีอโรชาไว้กำราบสองหนุ่มนี้ได้บ้าง ลำพังเธอเองไม่มีใครฟังสักเท่าไหร่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูในเที่ยงของวันหยุดหนึ่งวันที่เธอรู้สึกว่ามันคงสงบ เธอมีนัดทานไปทานข้าว ดูหนังและช็อปปิ้งตามประสาผู้หญิงกับอโรชา บอลด์วินติดงานและอริญชย์เองก็คงไปทำงานนั่นหมายถึงเธอจะทำอะไรได้อย่างสบายใจ
“มาแล้วค่า” เธอที่แต่งตัวเสร็จแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรู้ดีว่าคนทีนัดเอาไว้มาถึงแล้ว
“สวัสดีจ๊ะ” อโรชาทักทายเสียงใส
“สวัสดีค่ะพี่ซี เอ่อ…นายด้วยนายซัน” และเธอก็ทักทายกลับและไม่ลืมที่จะทักทายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของอโรชาด้วย
ถึงอโรชาจะคอยกันท่าหรือช่วยให้เธอรอดพ้นจากความวุ่วายของบอลด์วินกับอริญชย์ ในเวลาที่ทั้งสองเผชิญหน้ากัน แต่ก็บ่อยครั้งทีอโรชาคอยปูทางให้น้องชายอย่างอริญชย์ได้พบเจอกับเธอบ่อยครั้ง โดยที่เธอเองก็คาดไม่ถึง
“สวัสดี”
“พี่เห็นนายซันว่างไม่มีอะไรทำเลยชวนให้มาเป็นสารภีให้สักวัน” อโรชารีบชี้แจ้งของการที่น้องชยมายืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้องของบุษบันทั้งที่ไม่ได้นัด
“นึกว่าไปทำงานซะอีก”
“วันนี้หยุดน่ะ”
“จะเข้ามาดื่มอะไรก่อนไหนหรือเราจะไปกันเลยดีคะ” ว่าพลางเปิดประตูเดินนำสองพี่น้องเข้าไปในห้อง
“นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วพี่ว่าเราไปกันเลยดีกว่านะ”
บุษบันหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องและล็อค ก่อนจะเดินเคียงคู่กับอโรชาไปที่ลิฟท์โดยมีอริญชย์เดินตามมาไม่ห่าง
“บุษคงไม่ว่านะที่พี่ชวนนายซันมาโดยไม่ได้บอกก่อน” อโรชากระซิบพูดให้ได้ยินกันแค่สองคนระหว่างอยู่ในลิฟท์
“จะว่าทำไมละคะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซะหน่อย ดีซะอีกเราจะได้มีเบ้ถือของให้ตอนช็อปปิ้ง”
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จโปรแกรมต่อไปคือการดูหนังในรอบบ่าย ซึ่งตอนนี้เองโทรศัพท์ของอโรชาก็ ดังขึ้น และหลังจากรับเสร็จเธอก็หันมายิ้มแหยๆ ให้กับน้องชายและบุษบัน
“คือเพื่อนพี่โทร.มาให้ไปช่วยงานด่วน โปรแกรมดูหนังกับช็อปปิ้งวันนี้พี่คงต้องขอยกเลิกแล้วล่ะ แต่ไหนๆ ก็ซื้อตั๋วมาแล้วซันกับบุษก็ดูสองคนแล้วกัน พี่ต้องรีบไปหาเพื่อนก่อน” อโรชาบอกอย่างรู้สึกผิด
“ผมไปส่งไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวพี่ไปรถไฟฟ้าเอง ขอโทษนะบุษสัญญาเอาไว้แท้ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้คราวหน้าก็ได้ค่ะ พี่ซีมีงานด่วนจริงๆ นี่คะ”
“งั้นพี่ไปนะ…อย่าปล่อยโอกาสให้สูญเปล่าล่ะ”
ก่อนจะไปอชาก็ไม่ลืมที่จะกระซิบบอกน้องชายพร้อมกับตบบ่ากว้างเบาๆ ซึ่งอริญชย์ก็พยักหน้ารับแล้วเอ่ยขอบคุณโดยไม่ให้มีเสียง
และเมื่อโรชาไปแล้วชายหนุ่มจึงหันมาถามบุษบัน
“บุษจะเอาไง จะกลับหรือจะดูหนังต่อ หนังถ้าบุษไม่อยากดูก็ไม้ต้องดูนะ”
“ไม่เป็นไรไหนๆ ก็ได้ซื้อตั๋วแล้วนี้ และอีกอย่างวันนี้ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ว่าแต่นายเถอะว่าไง”
“บุษว่าไงก็ว่าตามนั้นแหละ”
“งั้นวันนี้นายคือเพื่อนสาวของฉัน”
เธอบอกพลางมองหน้าเพื่อนสาวคนใหม่แล้วหัวเราะคิก เมื่ออริญชย์ทำหน้าตาแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอม
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอ แต่…ก็ได้”
หนังค่อนข้างสนุกและประทับใจทำให้บุษบันที่เดินออกจากโรงพูดถึงเรื่องราวความสนุกแบบไม่หยุดปากพูดไปยิ้มอย่างประทับใจไป แถมยังออกปากว่าถ้ามีโอกาสจะมาดูอีกสักรอบ
“ฉันอยากให้พี่ซีได้ดูด้วยจัง เอาไว้จะชวนพี่ซีมาดูอีกรอบ”
“แล้วฉันล่ะเธอจะไม่ชวนเหรอ” อริญชย์ที่เดินข้างๆ แสร้งเอาแขนไปกระแทกไหล่บางๆ เบา
“ฉันเห็นนายแอบหลับ” บุษบันหมุนตัวกลับมาแกล้งว่าชายหนุ่มพลางมยิ้ม
“บ้าน่า แค่หลับตาซึมซับเสียงจากหนังเท่านั้นเอง ใช่หลับจริงๆ ที่ไหน”
“แต่นายน้ำลายยืดด้วยดูสิยังมีคราบอยู่เลย” ไม่พูดเปล่าเธอยังยื่นมือไปแตะใกล้มุมปากของอริญชย์ ทำเอาคนถูกอำทำหน้าตาตื่น
“จริงเหรอ”
บุษบันที่เดินถอยหลังช้าๆ หัวเราะชอบใจไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเชื่อเป็นจริงเป็นจัง
“อ้าวไหนบอกแค่หลับตาไม่ได้หลับจริงๆ ไงล่ะ”
“หลอกกันเหรอ”
ชายหนุ่มต่อว่าไม่จริงจัง พร้อมกับใช้มือไล่ตีศีรษะมนของหญิงสาวเบาๆ คนโดนตีก็วิ่งหลบพลางหัวเราะชอบใจ คนผ่านไปมาเห็นคงคิดว่าคู่รักกำลังหยอกล้อกัน
แต่ไม่ใช่นายแบบหนุ่มที่อย่างบอลด์วินที่มาเดินเตร็ดเตร่ในห้างระหว่างรอถ่ายแบบเซ็ตต่อไป ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจจนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะและเมื่อหันไปมองก็เจอเต็มๆ
“บุษ”
เขาเรียกเธอเสียงเข้มพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนทั้งที่ที่กำลังเดินหยอกล้อกันอย่างมีความสุขด้วยสีหน้าบึ้งตึง
บุษบันหันไปพบสายตาที่คิดว่าถ้ามันฆ่าคนได้เธอกับอริญชย์คงตายไปแล้ว และนั่นทำให้เธอขยับตัวออกห่างอริญชย์โดยอัตโนมัติ และก่อนที่เธอจะทันได้ทัก อริญชย์ที่ยืนกดยิ้มมุมปากอยู่ข้างก็ทักอีกฝ่ายขึ้นก่อน
“สวัสดีครับคุณวินซ์มาดูหนังเหมือนกันเหรอครับ”
บอลด์วินปรายตามองคู่อริเล็กน้อยแต่ไม่คิดจะใส่ใจ เขาหันมาถามบุษบันที่ก้มหน้าหลบสายตาเขาเสียงเครียด
“ไหนคุณบอกว่าต้องการจะพักผ่อนอย่างสงบๆ สักวัน เลยบอกผมไม่ให้โทร.หาไง”
“นี่ก็พักผ่อนนี่ครับ”
อริญชย์ที่หวังดีและอารมณ์ดีนิดหนึ่งที่เหมือนตนเองเป็นต่อบอลด์วินเป็นครั้งแรกตอบแทนหญิงสาวยิ้มๆ แต่ก็ต้องชักสีหน้าเมื่อโดยอีกฝ่ายตวาด
“อย่ายุ่ง!”
“อ้าว พูดงี้ได้ไง ก็บุษเขามากับผม”
“คุณก็รู้ว่าผมกับบุษเป็นอะไรกัน”
ตอนนี้บอลด์วินรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นรองอริญชย์มากมาย บุษบันยอมโกหกเขาเพื่อที่จะมาเที่ยวดูหนังกับหมอนี่ และมีทางเดียวที่จะเรียกความมั่นใจกลับมาได้คือความสัมพันธ์ทางกายของเธอกับเขาเท่านั้นที่เหนืออริญชย์
“ขอโทษที่ผมไม่ขอรับรู้ เพราะคิดว่าตัวเองให้สิ่งที่ดีกับบุษได้มากกว่าคุณ” อริญชย์ที่ชักยั๊วไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้าไปผลักอกของอีกฝ่าย
และบอลด์วินเองก็ไม่คิดจะลงให้ก็ผลักกับคืนไปบ้าง
“ดีไม่ดีคุณไม่ใช่คนตัดสินใจ”
“คุณมันเห็นแก่ตัว”
“หยุดได้แล้วทั้งสองคน โตๆ กันแล้วทะเลาะกันอยู่ได้ คนมองกันใหญ่แล้วฉันอาย” บุษบันที่ยืนดูอยู่นานเข้าไปตวาดสองหนุ่ม แล้วพยักพเยิดให้ดูรอบๆ ตัวว่ามีคนมองเยอะขนาดไหน
“แล้วคุณแอบผมมาเที่ยวกับหมอนี่ได้ยังไง”
“ฉันไม่ได้แอบ ฉันตั้งใจจากับพี่ซี แต่พี่ซีมีงานด่วนเพิ่งกลับไป ส่วนซันเขาแค่อาสามาขับรถให้”
“เป็นแผนของคุณสองพี่น้องล่ะสิ” บอลด์วินบอกเสียงเยาะ
“อย่ามาล่ามปามถึงพี่ผม”
“หรือไม่จริง พี่คุณเขากันท่าผมเพื่อหาโอกาสให้คุณทำไม่จะดูไม่ออก น้องมันไม่มีปัญญาเลยอ้อนพี่ให้ช่วยล่ะสิ ไอ้ลูกแหง่เอ้ย!”
สิ้นคำดูถูก กำปั้นหนักๆ ของอริญชย์ก็เสยเข้าที่ปลายคางที่เดิมกับคราวก่อนอย่างเหลืออด
พลั๊วะ!
“ชอบใช้กำลังใช่ไหมได้จัดให้” บอลด์วินเสียหลักเกือบล้มแต่เมื่อตั้งตัวได้ก็ขอเอาคืนบ้าง
พลั๊วะ!
“หยุดเดี่ยวนี้นะ นายซัน คุณวินซ์ ฉันบอกให้หยุด!”
และกรรมการก็ไม่พ้นบุษบันตามเคยแต่คราวนี้เสียงห้ามของเธอไม่ได้ผล และเธอก็หมดความอดทนกับพวกเขา
“ไม่หยุดใช่ไหม ตีกันให้ตายไปเลย”
บุษบันสะบัดหน้าเดินหนีสองหนุ่มที่ตะลุมบอลกัน โดยมีเสียงกรีดร้องและเสียงโวหเหวกโวยวายจากคนรอบข้างไม่นานรปภ. ก็มาจัดการ นั่นแหละมวยคู่นี้ถึงยุติ และทั้งสองก็กำลังวิ่งไล่หลังเธอมา เพื่อ…เถียงกันอีกครั้ง
“อย่ามายุ่งกับบุษอีก”
“คุณนั่นแหละออกไปจากชีวิตบุษซะ ผมรักบุษจากใจจริงแต่คุณมันก็แค่หลอกเล่น” อริญชย์ยังย้ำจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนและมั่นคง
นั่นมันทำให้คนไร้ความั่นคงอย่างบอลด์วินไม่อยากจะโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางที่ดีเขาควรแยกตัวบุษบันออกไปกับเขาก่อนเป็นอันดับแรก
“บุษเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเอง”
“มาทางไหนก็ไปทางนั้นเลยบุษมากับผม ผมไปส่งเองได้” อริญชย์เองก็ไม่ยอม โอกาสดีๆ อย่างนี้ใช่จะมีบ่อยครั้ง
“ไม่ต้องเถียงกัน”
“คุณวินซ์ รู้สึกวันนี้คุณจะมีงานถ่ายแบบทั้งวันไม่ใช่เหรอคะ ฉันว่าคุณน่าจะกลับไปทำงานได้แล้ว เพราะงานนี้ช่างแต่งหน้าคุณโวยแน่ๆ ที่หน้าตาคุณเยินขนาดนี้”
“ส่วนนาย นายซัน ฉันจะนั่งรถกลับเอง นายจะกลับบ้านหรือเดินช็อปปิ้งต่อก็ตามใจ และไม่ต้องตามฉันมา หมายถึงทั้งสองคน”
ทั้งสองหนุ่มได้แต่ยืนมองร่างบางเดินห่างออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่กล้าขัดคำสั่ง จากนั้นต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน
บุษบันใช้เวลาระหว่างที่นั่งรถกลับห้องคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้และหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เธอรู้สึกเบื่อและเหนื่อยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บางทีมันคงถึงเวลาที่เธอควรจะตัดสินใจให้เด็ดขาดแล้วมั้งว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตตัวเองดี แต่คิดไปคิดมาก็ปลงไม่ตก เวลาอย่างนี้ที่ปรึกษาที่ดีก็คงไม่พ้นคนที่ห่วงใยเธอตลอดไม่ว่าเธอจะทำตัวดีหรือเลว จะว่าไปอาทิตย์นี้ยังไม่ได้โทร.หาท่านเลย
ตั้งใจเอาไว้อย่างนั้นเมื่อถึงห้องเธอจึงต่อสายหาแม่ คนที่ซึ่งเข้าอกเข้าใจลูกสาวคนนี้ที่สุด นั่นทำให้เธอไม่กระดากอายที่จะปรึกษาปัญหาหัวใจ แต่ก็ไม่เจาะลึกลงรายละเอียดมากนัก เอาแค่อ้อมๆ พอ ถึงแม่จะเป็นคุณแม่ที่หัวสมัยใหม่พอสมควรแต่คงรับไม่ได้แน่นอนถ้าลูกว่าลูกสาวมีความสัมพันธ์กับผู้ชายเพียงแค่คู่นอน
“สวัสดีค่ะแม่” เธอยังคงทักทายคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าสดใส
“นึกว่าอาทิตย์นี้จะไม่โทร.มาแล้วเสียอีก”
“โทร.สิคะถ้าไม่โทร.ก็คิดถึงแย่”
“คิดถึงก็กลับมาบ้านบ้างสิลูก”
“ค่ะ กลับไปอยู่ถาวรเลยได้ไหมคะ”
เธอถามคนเป็นแม่เสียงกลั้วหัวเราะคล้ายกับล้อเล่นแต่แวบหนึ่งในสมองมันกลับคิดว่าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ
และเธอยิ่งประหลาดใจเมื่อแม่ไม่ได้แสดงถึงความดีใจ เมื่อเธอบอกว่าอาจจะกลับไปอยู่กับบ้านถาวรทั้งที่ก่อนหน้านี้ชวนเธอออกบ่อย ท่านออกแนวสงสัยด้วยซ้ำ
“หือ…มีอะไรหรือเปล่าลูก”
“แค่บุษบอกว่าอยากกลับไปอยู่บ้านถาวร ทำไมต้องถามบุษว่ามีอะไรด้วยคะ”
“น้ำเสียงบุษฟังดูเหนื่อยๆ นะลูก”
แล้วแม่ก็จับความรู้สึกจากเสียงของเธอจนได้
“มีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยน่ะคะ”
“ปัญหาเรื่องงาน เรื่องหัวใจ หรือเรื่องอะไรก็ปรึกษาแม่ได้นะ”
น้ำเสียงอ่อนนุ่มฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น ชวนไว้วางใจแม่ของเธอเป็นอย่างนี้เสมอนั่นทำให้เธอกล้าที่จะปรึกษาปัญหากับท่านในเกือบทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องหัวใจ
“งั้นบุษถามหน่อยค่ะแม่ว่า ระหว่างคนที่เขารักเรากับคนที่เรารักจะเลือกใครดีคะ”
“แม่จะได้ลูกเขยในเร็วๆ วันนี้ใช่ไหมเนี่ย”
นางถามเสียงล้อเลียนแทนคำตอบ ซึ่งก้ทำเอาบุษบันอมยิ้มหน้าแดงเขินอายอยู่คนเดียว แต่พอนึกถึงปัญหาตอนนี้ก็ต้องหน้าเหี่ยวอีกครั้ง
“ทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นค่ะ แต่มันก็ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย”
“ที่ไม่เข้าท่าเพราะมีให้เลือกหมายคนอย่างนั้นเหรอ แต่แม่ว่ามันเข้าท่าดีออก” ขอดีขอแม่อีกอย่างคอท่านเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ
“เหรอคะ แต่มันลำบากใจจังค่ะ”
“ลำบากใจเพราะ…”
บุษเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกถึงข้อแตกต่างระหว่างสองหนุ่มที่กำลังสร้างความลำบากใจให้กับเธอในตอนนี้
“คนแรกเขาบอกว่าแอบรักบุษมานานตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย แต่เพิ่งมาสารภาพเมื่อไม่นาน”
“แหม…ดีจัง แล้วอีกคนล่ะจ๊ะ” คนเป็นแม่บอกอย่างตื่นเต้นราวกับรับรู้ความลับของเพื่อนสาว
“คนนี้เอ่อ…บุษว่าบุษเอ่อ…รู้สึกดีกับเขามากๆ และเขาเองบางครั้งก็แสดงออกว่าเราคิดไม่ต่างกัน แต่เขาไม่เคยพูดมันออกมาเลยสักครั้ง”
“แล้วบุษอยู่กับใครแล้วมีความสุขมากกว่ากันล่ะ”
คนเป็นแม่ถามเสียงนุ่ม ไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงคิดว่าฟังจากน้ำเสียงของท่านแล้ว เธอรู้สึกว่าท่านรู้ว่าเธอคิดยังไงกับผู้ชายคนที่สอง
“คนหลังค่ะ แต่ว่าในอนาคตบุษคิดว่าเขาอาจจะทำให้บุษเสียใจ” มันคือความจริงที่เธอกลัว
“แล้วอีกคนล่ะ”
“อยู่ด้วยก็ดีค่ะ แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับเพื่อนหรือญาติพี่น้องมากกว่านะคะ และถ้าบุษเลือกเขาในอนาคตบุษคงทำให้เขาเสียใจและบุษเองก็คงไม่มีความสุขเท่าไหร่ ในแง่ความสุขแบบคนรักน่ะคะ”
มันคือความรู้สึกจริงที่เกิดขึ้น แม้บางครั้งเธอจะพยายามมองอริญชย์เหมือนผู้ชายคนหนึ่ง แต่ความรู้สึกมันก็ไม่เปลี่ยน เขาคือเพื่อน
“แม่รู้แล้วล่ะ ตอนนี้ในใจบุษได้เลือกเขาไปแล้วใช่ไหม” นางเว้นระยะการพูดให้ลูกสาวได้ตอบ แต่เมื่อทางนั้นเงียบนางจึงพูดต่อไปว่า
“แต่ติดที่ว่าเขาจะตอบรับความรู้สึกของเราหรือเปล่า และจากที่ฟังลูกพูดถึงเขา แม่ขอเดาว่าเขาคงเป็นพวกปากหนัก ประเภทชอบแสดงออกมากกว่าการพูด ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะทำให้รู้ว่าเขาคิดยังไงนั่นคือการถามเขาไปตรงๆ เลยดีไหม”
“แต่หนูเป็นผู้หญิงนะคะ” บุษบันโอดครวญ
“ผู้หญิงแล้วไง ถ้าบุษไม่กล้า ก็ถามแบบขำๆ ไงจ๊ะ ถามเหมือนถามเล่นๆ ไม่จริงจังทำบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายไม่เคร่งเครียด”
“แล้วถ้าเขาปฏิเสธแล้วเอาเราไปนินทาล่ะคะ”
“นั่นแสดงว่าลูกทำถูกแล้ว ลูกโชคดีที่ไม่เลือกเขาและเขาไม่เลือกเรา ผู้ชายที่เอาผู้หญิงไปนินทาเขาไม่เรียกว่าลูกผู้ชายหรอกจ๊ะ เอาชีวิตเราถอยห่างออกมาไกลเท่าไหร่ยิ่งดี เชื่อแม่”
จริงๆ แล้วมันฟังดูเข้าท่าใช้ได้ทีเดียว ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเธอแหละว่าจะกล้าทำอย่างที่คนเป็นแม่แนะนำหรือเปล่า ถ้าไม่ทำตามก็อาจจะนำไปประยุกต์ก็ได้มั้ง แต่จะประยุกต์ยังไงตอนนี้คิดไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็พอเป็นแนวทางได้ดีทีเดียว
“ขอบคุณค่ะแม่ แล้วบุษจะลองเอาไปคิดูนะคะ”
“เพื่อลูกแม่ยินดีจ๊ะ แต่ว่าได้ผลยังไงอย่าลืมมากระซิบบอกแม่ด้วยนะจ๊ะ”
“ค่า”
บุษบันตอบรับเสียงกลั้วหัวเราะ จากนั้นเธอก็คุยกับคนเป็นแม่ต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะวางสาย แล้วปิดเครื่องเพื่อไม่ให้ใครโทร.ในเวลาที่เธอต้องการคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ
******************************************************************************************
มาแล้วค่าตอนสุดท้ายของการอัพ เกมรักกับดักพิศวาส หายไปน๊านนานไม่ได้ลืมนะคะ แต่เร่งปั่นคุณขวัญกะว่าจะเอาให้จบภายในอาทิตย์นี้ (หวังว่าจะจบ อิอิอิ) วันนี้ได้กฤษ์งามยามดีบวกกับโดนทวง (ทวงได้นะคะไม่ต้องเกรงใจ ถ้ามีให้อัพก็จะอัพ แต่ถ้าไม่มีก็จงรอต่อปายยยย ^_^) เลยมาอัพตอนสุดท้ายให้ได้อ่านกัน
จากนั้นตอนหน้าเล่มเกมแจกหนังสือ 5 เล่ม เล่มละเวบเหมือนเดิม ใครมีไอเดียเกมในการเล่นแจกหนังสือเสนอได้นะคะว่าอยากเล่นเกมแบบไหน จะรับไปพิจารณา
สุดท้ายของคุณที่ติดตามมาจนครบ 70% ใครค้างคาหาซื้ออ่านในรูปเล่มได้ที่ 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศนะจ๊ะ และอ่านเรื่องนี้จบก็อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปอ่าน “เพียงขวัญ” กันได้นะจ๊ะ เรื่องนี้อัพจนจบเลยด้วยยยยยยย
สุดท้ายจริงๆ ฝากนิยายทำมือเล่มแรกและเล่มเดียวของคนเขียนด้วยค่า “หัวใจบ่มรัก” ราคา 299 บาท แถม ปกใสและสมุดโน้ตน่ารัก สั่งซื้อได้ที่ www.lovebooksforyou.com
หรือที่ kesmani1@hotmail.com นะจ๊ะแบบว่าอยากขายค่ะอยากขาย เก็บไว้เป็นโกดังกลัวปลวกกิน 555+++
ขอบคุณทุกกานติดตามนะคะ (^_/\_^)
เกศมณี
21/05/57
เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ค. 2557, 14:26:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ค. 2557, 14:27:14 น.
จำนวนการเข้าชม : 1653
<< ตอนที่ 16 | แจกหนังสือค่า >> |