321 CAFE คาเฟ่นี้มี...หลอน
ขอเชิญคุณเข้ามา..
ร่วมหาประสบการณ์แปลกใหม่..
อย่าลังเลใจ..
เปิดประตูเข้ามา..
เสียงกระดิ่งกรุ๋งกริ๋ง..
เรียกคุณเข้าหา..
เปิดประตูมา..
หาเรื่อง ‘หลอน’ เร็วพลัน..
ร่วมหาประสบการณ์แปลกใหม่..
อย่าลังเลใจ..
เปิดประตูเข้ามา..
เสียงกระดิ่งกรุ๋งกริ๋ง..
เรียกคุณเข้าหา..
เปิดประตูมา..
หาเรื่อง ‘หลอน’ เร็วพลัน..
Tags: 321 CAFE ,321คาเฟ่ , เรื่องหลอน , ผี , ร้านกาแฟ , บริกรหนุ่ม
ตอน: เงา...(จบในตอน)
สวัสดีค่ะ พี่ๆเพื่อนๆทุกท่าน ^^
มีเรื่องสั้นจบในตอน จำนวน 4 ตอน (เงา / ลอง / ตัด / epilogue ปิดคาเฟ่) มาฝากค่ะ
หลังจากลงตอนแรกไปแล้วยังไม่ได้ลงต่อเลยค่ะ
เรื่องนี้เคยส่งเข้าประกวดโครงการ..หลอน..ของสำนักพิมพ์โซฟา
แต่ไม่ผ่าน
เลยเอามาลงให้อ่านดีกว่าค่ะ
......................................................................................................................................
..เงา..
ผมกำลังถูกติดตาม.....
จากอะไรบางอย่าง ที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ผมทีละน้อย.....
ผมกำลังถูกติดตาม..
จากอะไรบางอย่างที่เรียกว่า....กรรม
ผมกำลังถูกติดตาม...
จากอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่า...
ผม...
กำลังจะ...ตาย....
…………………………………………………………………………………………
สี่ชั่วโมงก่อนหน้า....
บ้านไม้เก่าสองชั้นตั้งอยู่โดดเดี่ยวในซอยแคบรกร้างไร้ผู้คน ประภาส...ชายชราวัยหกสิบปีเศษกำลังสวดมนต์ภาวนาอยู่ภายในห้องพระที่เก่าขาดความดูแลเอาใจใส่และทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
“ขอกุศลผลบุญที่พี่ทำในชาตินี้ส่งผลให้เธอไปอยู่ในภพภูมิที่ดี อย่าได้ลำบากกายลำบากใจอย่างเช่นในชาตินี้เลย”
“พรุ่งนี้พี่จะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เธอนะ...อรณี”
ใบหน้ากร้านไปด้วยร่องรอยเหี่ยวย่นกว่าวัยราวกับคนที่ผ่านสมรภูมิชีวิตมาอย่างโชกโชน ชายชราถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆอย่างเมื่อยขบออกไปรับโทรศัพท์ที่ยังคงแผดเสียงดังก้องเป็นระยะ
“พี่ภาส..จำได้มั๊ยว่าพรุ่งนี้วันอะไร”
เสียงตามสายของหญิงวัยกลางคนที่อ่อนวัยกว่าเล็กน้อยดังขึ้นพร้อมทั้งชายชราที่อยู่ปลายสายใช้ความคิดกลับไปกลับมาอย่างระลึกถึง
“วันครบรอบวันตายหนึ่งปีของ...”
ประภาสอึกอักลำบากใจจนปลายสายเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ใช่...อรณี..พรุ่งนี้พี่อย่าลืมไปทำบุญให้เธอนะ..ทำบุญให้เธอเผื่อฉันด้วย” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นไหวคล้ายจะร้องไห้อยู่ครามครัน
“ได้สิ..พรุ่งนี้พี่ว่าจะไปแต่เช้า แล้วจะบอกณีว่าเธอฝากมาด้วยนะ”
หลังจากวางสายจากมณฑา ชายชรารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก พรุ่งนี้แล้วคือวันครบรอบหนึ่งปีที่เธอคนนั้นของเขา...จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“พี่ภาส...ฉันรักพี่”
เสียงเบาหวิวจากร่างที่กำลังจะหมดลมหายใจในอ้อมกอดของเขา เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากและทุลักทุเล “ณี...ณี!! อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ ณี!!”
เสียงในความคิดคำนึงยังคงดังแว่วมาอย่างต่อเนื่อง ดังบ้าง ค่อยบ้าง สลับกันไปเป็นระยะ ราวกับเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมานานปีกำลังฉายซ้ำไปซ้ำมาไม่มีเวลายุติ
ชายชรานอนเงียบเหงาเดียวดายอยู่บนเตียงนอนไม้หลังใหญ่ ด้วยท่าทางกระสับกระส่ายนานนับชั่วโมง เสียงลมภายนอกยังคงหวีดหวิวอื้ออึงเป็นระยะ ราวกับเสียงพร่ำเพรียกอย่างโหยหวนที่ดังชัดขึ้นชัดขึ้นทุกวัน ยิ่งใกล้จะถึงวันครบรอบวันตายของเธอคนนั้น..เสียงนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
แกร่ก..แกร่ก..แกร่ก..
ในห้วงแห่งความฝัน ท่ามกลางความเงียบสงัดของคืนเดือนแรม เสียงประหลาดแว่วเข้ามาในความฝันของชายชราดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเสียงครูดผ่านหน้าต่างบานไม้เก่าหลายบานที่เรียงรายไหวพะเยิบพะยาบราวกับมีสิ่งใดมาลูบผ่านหน้าต่างชั้นสองของห้องนอนเป็นทางยาว
แกร่ก..แกร่ก..แกร่ก..
เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเงียบหรือเบาลง ท่ามกลางเสียงลมพัดหวีดหวิวอื้ออึง คล้ายเสียงร่ำไห้ของใครบางคนดังใกล้เข้ามาเป็นระยะ ใกล้มากจนเกือบจะถึงตัวเขา เหมือนเสียงนั้นกำลังอยู่อยู่ตรงหน้าเขาในระยะประชิด
ชายชราสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ ดวงตาฝ้าฟางเบิกโพลงเหลียวมองรอบกายที่รายล้อมไปด้วยความมืดภายในห้องไม้เก่าที่ข้างฝาผนังมีเพียงกรอบรูปของเขากับใครบางคน...
“ณี!! ณี..เธอมาใช่มั๊ย เธอจะมารับพี่แล้วใช่มั๊ย”
ท่ามกลางความเงียบสงบในยามค่ำคืนของถนนสายรองที่ร้างไร้ผู้คนและยานพาหนะ ยังมีร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของไฟทางเดินที่ติดบ้างดับบ้างเป็นระยะ บรรยากาศภายในร้านดูเงียบเหงาวังเวงแต่ก็ยังเปิดรอคอยการมาเยือนของคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด
ร้านกาแฟแห่งนี้มีชื่อว่า....
“321 คาเฟ่ ยินดีต้อนรับครับ”
เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งกังวานของร้าน 321 คาเฟ่ ดังขึ้นอีกครั้งในคืนนี้ บริกรหนุ่มยังคงยิ้มเย็นเจรจาต้อนรับแขกอย่างสุภาพและขยันขันแข็ง ประภาสก้าวเท้าอันสั่นเทาและเชื่องช้าเข้ามาเยือนคาเฟ่แห่งนี้ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
เขานอนไม่หลับ ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ในภาวการณ์เช่นนี้ และสถานที่ที่จะทำให้เขาไม่ต้องอยู่คนเดียวในค่ำคืนนี้ได้คือคาเฟ่แห่งนี้ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา
และคาเฟ่แห่งนี้...เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“มาสองท่านใช่ไหมครับ”
ประภาสแต่งกายปอนๆ ด้วยความรีบเร่งหลังออกมาจากบ้านที่ทำให้เขาหวั่นใจ ชายชราหันซ้ายแลขวาอย่างงกเงิ่นแล้วเอ่ยออกมาอย่างงุนงง
“มาคนเดียว”
ชายชราตอบห้วนไปยังบริกรที่ยังคงส่งยิ้มเย็นอย่างต่อเนื่อง เบื้องหลังของเขามีใครบางคนก้าวตามเข้ามาอย่างไม่ลดละราวกับเงาก็ไม่ปาน แล้วบริกรหนุ่มก็ส่งยิ้มเย็นเช่นเคยให้กับใครคนนั้นอย่างยินดีแล้วเอ่ยออกมาเพียงให้ใครคนนั้นได้ยิน...
“321 คาเฟ่ ยินดีต้อนรับครับ”
เมยา..เหลียวมองการสนทนาระหว่างบริกรหนุ่มและชายชราอย่างสะดุดหู แต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก มือเรียวคนแก้วโกโก้ที่ยังคงร้อนอยู่อย่างเหม่อลอย เบื้องหน้ามีโกโก้ร้อนอีกแก้วที่ยังคงกรุ่นไอร้อนอยู่เช่นกัน
“ดื่มด้วยกันนะรัณย์ เมรู้ว่ารัณย์อยู่ใกล้ๆเม เรามาเดทกันวันนี้เป็นวันแรกและวันสุดท้ายเถอะ”
เมยามองโกโก้ร้อนแก้วนั้นราวกับเป็นตัวแทนของใครบางคนที่นึกถึง แล้วเสียงบริกรหนุ่มก็เอ่ยทักเย็นเยียบเช่นเคย
“คุณเจอเขาแล้ว?”
น้ำเสียงปนสงสัยของบริกรหนุ่ม ทำเอาเมยาถอนสายตาจากโกโก้ร้อนแก้วอีกแก้วที่อยู่ตรงข้ามกัน
“ใช่ค่ะ ฉันเจอเขาแล้วเมื่อคืนนี้ วันนี้ฉันจะมาที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายกับเขา และตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฉันจะไม่มาที่นี่อีก” เมยายิ้มให้บริกรเล็กน้อยก่อนจะหันเหสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
“ด้วยความยินดีครับ 321คาเฟ่ ยินดีที่ทำให้คุณสมหวัง แต่...บางสิ่งที่คุณหวังอาจจะไม่สมหวังเสมอไป”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“......”
ไม่มีคำตอบจากบริกรหนุ่ม มีเพียงรอยยิ้มเย็นส่งมาให้เช่นเคย เมยาถอนหายใจกับคำพูดประหยัดของบริกรหนุ่มก่อนจะหันมองชายชราและหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันที่นั่งอยู่โต๊ะด้านข้าง
สีหน้าวิตกกังวลของชายชราที่คนแก้วกาแฟไปมาไม่ดื่มมันเสียทีจนจะเย็นชืดและหญิงชราที่นั่งนิ่งไม่ยิ้มแย้มราวกับไม่มีตัวตนจ้องมองมายังชายชราคนนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า อะไรบางอย่างสะกิดใจทำให้เมยาจ้องมองภาพคนทั้งสองอย่างสนใจ
นานนับชั่วโมงกว่าที่ประภาสจะลุกออกไปจากร้านด้วยท่าท่างลุกลี้ลุกลนจนเมยามองตามจนลับสายตาด้วยความสงสัย แล้วหญิงสาวก็ถึงกับตกตะลึงดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นหญิงชราที่เมื่อครู่นั่งอยู่ภายในร้านบัดนี้กลับยืนอยู่กลางถนน ด้วยสภาพใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลเต็มไปทั่วใบหน้าและร่างกาย
ไม่ไกลกันนั้นประภาสกำลังวิ่งเข้ามายังจุดที่หญิงชรายืนอยู่ด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด...
************************************************
ประภาสวิ่งถลาเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต ทันทีที่สายตาฝ้าฟางเหลือบมองออกมานอกหน้าต่างร้าน เขาพบมณฑา น้องสาวเพียงคนเดียวของเขากำลังยืนร่ำไห้อยู่กลางถนนโดนไม่ทันได้สังเกตุเห็นรถกระบะตอนเดียวที่วิ่งปัดป่ายมาตลอดทางด้วยความเร็วพอสมควรกำลังแล่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆตรงจุดที่หล่อนยืนอยู่
“มณ!! มณ ระวัง”
เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วบริเวณท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด ประภาสวิ่งเข้ามาจนถึงตัวมณฑา แล้วเขาก็ต้องตกใจสุดขีดกับสภาพของหญิงตรงหน้าที่ปรากฏร่างเป็นใครอีกคน ที่สำคัญเธอคนนั้นคืออรณีภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วกว่าขวบปี
“ณี!! เธอ!!”
ภาพภรรยาที่เลือดโทรมกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลเกรอะกรัง ประภาสถึงกับเบรกแทบไม่ทันก่อนที่จะทันได้เข้าประชิดถึงตัวภรรยาที่กำลังส่งยิ้มเย็นเยียบมายังเขาทั้งที่ใบหน้า ร่างกาย เต็มไปด้วยเลือด และที่สำคัญบาดแผลเป็นรอยเหวอะหวะตรงจุดที่เป็นตำแหน่งหัวใจมีเลือดไหลโกรกออกมาราวกับก๊อกน้ำกำลังทลาย ทันใดนั้นเสียงรถกระบะเบรกเอี๊ยดอ๊าดก็ดังก้องไปทั่วบริเวณถนนสายรองที่เงียบสงัดไม่ไกลจาก ~~321 คาเฟ่~~
เอี๊ยดดดด...โครมมมมม!!
ร่างของประภาสลอยละลิ่วไปตามแรงกระแทกไกลเกือบสองเมตร ท่ามกลางเสียงหวีดร้องอย่างตื่นตกใจของเมยาที่เห็นเหตุการณ์ หญิงสาวลุกพรวดจากโต๊ะวิ่งออกไปยังจุดเกิดเหตุทันทีที่นั่งมองอย่างตื่นตะลึงอยู่นานโดยไม่คาดฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์สดๆร้อนๆต่อหน้าตัวเอง สัญชาติญาณนักข่าวอาชญากรรมในตัวถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง เมยาวิ่งออกไปพร้อมกล้องคู่ใจและโทรศัพท์ในมือครบครันเพื่อจะรายงานเหตุร้ายได้อย่างทันท่วงที
สภาพของประภาสที่นอนคว่ำหน้าหายใจรวยรินเต็มไปด้วยคราบเลือดที่ยังไหลหลั่งออกมาจากร่างนองเต็มพื้นถนนช่างน่าสลดใจยิ่งนัก เมยาตรงรี่เข้าไปดูและจับจุดชีพจรที่คอของประภาสที่เกร็งจนเส้นเลือดปูดนูน ในขณะที่คนขับรถกระบะตอนเดียวที่เป็นผู้ขับชนไม่ได้หนี แต่ลงจากรถมานั่งตัวสั่นงันงกอยู่ไม่ไกลจากรถกระบะของตนอย่างตกใจไม่หาย
“คุณ!! คุณคะ แข็งใจหน่อยนะคะ ฉันจะเรียกรถพยาบาลให้มาช่วยคุณนะคะ”
เสียงแว่วแผ่วโหยดังมาจากร่างคนเจ็บที่นอนหายใจรวยรินอยู่ เมยาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจแต่หญิงสาวก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อพยายามฟังแล้วแต่ไม่ได้ศัพท์สักเท่าไหร่
“มณ..มณ พี่..ดีใจ..ที่..เธอ..หาย”
“ณี..มา..พา..ฉันไป..ที”
“ฉัน..ขอ..โทษ”
เมยาเขย่าแขนประภาสเบาๆหลังจากฟังคำพูดช้าแผ่วเหมือนเพ้อ พยายามจะพลิกตัวให้แต่เพราะสู้แรงคนตัวโตอย่างประภาสไม่ไหว จึงควักโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออกอย่างร้อนรน ทันทีที่ปลายสายรับโทรศัพท์หน้าจอก็มืดดับสนิท หญิงสาวถึงกับกุมขมับหันรีหันขวางมองไปรอบๆ ก่อนจะหันไปเอ็ดคนขับรถกระบะเสียงดังลั่น
“คุณ!! แจ้ง 191 รึยัง เขาเพ้อใหญ่แล้วนะจะตายรึเปล่าก็ไม่รู้”
เสียงเอ็ดตะโรของเมยาเตือนสติให้คนขับรถกระบะตั้งสติได้ก่อนจะลนลานกดโทรศัพท์โทรออกทันที
“ทำยังไงจะห้ามเลือดได้นะ กว่ารถพยาบาลจะมาไม่เลือดออกหมดตัวซะก่อนรึไง คนแถวนี้ก็กระไรคนโดนรถชนเสียงดังสนั่นขนาดนี้ไม่คิดจะออกมาดูดำดูดีกันบ้าง เกินไปแล้วไร้น้ำใจจริงๆ”
เมยาลุกขึ้นยืนเคว้งคว้างอยู่กลางถนนเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบๆอีกครั้งอย่างระอาใจ แล้วหญิงสาวก็ถึงกับงงเมื่อมองไปทาง~~321 คาเฟ่~~ แล้วพบว่าภายในร้านมืดสนิทมีเพียงแสงจากไฟทางเดินที่ติดดับเป็นระยะที่หน้าร้านเท่านั้น
“อะ..อะไรกันเนี่ย เมื่อกี้ยังเปิดอยู่เลยนี่นา ทำไม!!”
เมยาขนกายลุกตั้งชันส่ายศรีษะขับไล่ความมึนงงและความกลัวที่กำลังรุกรานจิตใจของหล่อนทีละน้อย แล้วเมยาก็ถึงกับเข่าอ่อนเมื่อหันมองไปทางคนเจ็บอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลและรถตำรวจดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆพอให้ได้ใจชื้น
“ห๊ะ!! คะ..คะ..คุณ คุณ!!”
เมยาพูดตะกุกตะกักไม่เป็นจังหวะทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า หญิงสาวถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ร่างกายเย็นเฉียบราวกับเลือดที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายมันหายออกไปจากร่าง
“ฝัน!! ฝันแน่ๆไม่จริง รัณย์..ช่วยเมด้วย เมกลัว!!”
เมยาหลับตาปี๋ส่ายศรีษะไปมาก่อนจะเขม้นมองไปยังร่างของประภาสอีกครั้ง หญิงสาวถึงกับทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นถนนอย่างหมดแรง ภาพของอรณี..ผู้หญิงที่เมยาเห็นตั้งแต่ตอนนั่งอยู่กับประภาสภายในคาเฟ่ คือคนคนเดียวกับที่ยืนอยู่กลางถนนสภาพโชกเลือด และขณะนี้ก็คือคนคนเดียวกับผู้หญิงที่กำลังนั่งคร่อมอยู่บนร่างของประภาสที่หายใจรวยริน สภาพของหญิงคนนั้นทำให้เมยาถึงกับอาเจียนออกมาด้วยความคลื่นไส้
อรณี..หญิงชราในสภาพใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและน้ำเหลืองไหลเยิ้มไปทั่วทั้งตัว กำลังแสยะยิ้มมองมา เมยาถึงกับขนลุกขนพองพยายามชันกายลุกขึ้นแต่ไม่สามารถทำได้ ก่อนที่สติจะดับวูบเมยารู้สึกว่ามีคนมากมายกำลังวิ่งตรงเข้ามายังทางที่ตนกำลังล้มลง...
เช้าวันใหม่...เมยาฟื้นคืนสติขึ้นมาในโรงพยาบาลอย่างอ่อนล้า สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนเพื่อนสนิทที่มาเฝ้าตลอดทั้งคืนหลังจากได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลต้องรีบเข้ามาดูอาการ
“เม..เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแทบตาย”
ตีระกา...หมอดูไพ่ยิปซีที่ชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วแวดวงคนดัง เข้ามาจับเนื้อจับตัวเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
“ตี..ฉันมาอยู่นี่ได้ไง เมื่อคืนจำได้ว่าอยู่แถว 321 นี่ เอ่อ..คุณลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างที่โดนรถชนน่ะ”
เมยาเขย่าแขนเพื่อนรักที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบ
“That”s amore ไปเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนถึงโรงพยาบาลอีกย่ะ ส่วนตาคนขับตีนผีตามตำรวจต้อยๆเข้าโรงพักไปแล้ว เพ้อแต่ว่า..ผีหลอก..ผีผู้หญิงแก่ๆ มาตัดหน้ารถ ฮึ๊ย..ขนลุก”
ตีระกาเล่าติดตลก ส่วนเมยาหน้าสลดลงทันทีทั้งที่นึกรู้อยู่แล้วว่าประภาสต้องไม่รอด แต่ที่ไม่เข้าใจคือหญิงชราคนนั้นคือใครและต้องการอะไรกันแน่
“เป็นไง..เงียบไปเลยเหรอเพื่อน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนที่มาที่โรงพยาบาลเมื่อคืนนี้น่ะ ฉันได้ยินพยาบาลเมาท์กันให้แซ่ดเลยว่าเวรกรรมตามสนองคุณลุงคนนั้นน่ะ”
ตีระกาป้องปากกระซิบเมยาทั้งที่อยู่กันแค่สองคนในห้องพิเศษของโรงพยาบาลที่ตีระกาจัดแจงหาให้เมยาทั้งที่หล่อนแค่เป็นลมไปเฉยๆเท่านั้น
“ยังไงเหรอตี”
“ก็ปีก่อนโน้นน้องสาวคุณลุงต้องผ่าตัดหัวใจด่วนไง” ตีระกาเล่าเว้นระยะอย่างกำลังนึกลำดับความคิด เมยาเขย่าแขนเพื่อนรักด้วยความอยากรู้ ทำเอาตีระกายิ้มขำ
“ก็เขาว่ากันว่า..คุณลุงน่ะผลักเมียตัวเองที่ป่วยกระเสาะกระแสะให้รถชนตายน่ะสิ”
“ห๊ะ!! ข่าวลือรึเปล่า เป็นไปได้ยังไงผลักเมียตัวเองเนี่ยนะ แล้วเกี่ยวอะไรกับน้องสาวคุณลุงล่ะ”
เมยาไม่วายฉงนใจ หน้าซีดเซียวยามเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนและใบหน้าที่มองมาอย่างสมใจของอรณีก่อนที่หล่อนจะเป็นลมหมดสติ
“อ๊าว..ไม่เกี่ยวได้ไง ก็คุณลุงน่ะพาเมียมาบริจาคร่างกายก่อนเมียตายวันเดียว แถมยังระบุด้วยว่าถ้าตายแล้วให้มอบหัวใจให้น้องสาวแกน่ะ แล้วน้องสาวคุณลุงก็โคม่าพอดีวันที่เมียคุณลุงเค้าตายน่ะสิ พอเมียตายก็ได้หัวใจให้น้องสาว เลยรอดมาได้จนทุกวันนี้แหละ”
ตีระกากอดอกใช้ความคิดหลังจากเล่าให้เมยาฟังแล้วก็ได้แต่ปลง เมยาถึงกับอึ้งไป
“สามีทำแบบนี้กับภรรยาตัวเองได้ยังไงกัน ไม่อยากเชื่อเลย กรรมแท้ๆ”
เมยาถอนหายใจอย่างปลงๆ ตีระกามานั่งข้างเตียงเมยา แล้วโอบไหล่เพื่อนรักเบาๆ
“เขาเล่าว่าคุณลุงน่ะ หลงรักน้องสาวตัวเอง หมายถึงคนที่เป็นโรคหัวใจไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของแก แกคงรักและผูกพันกับน้องนอกไส้มากกว่าเมียตัวเอง ก็เลยเกิดเหตุการณ์ตายแทนกันแบบนี้ไงทีนี้คนตายเขาไม่ได้อยากตายเอง ก็เลยมาตามเอาคุณลุงคนต้นคิดไปอยู่ด้วยละมัง อย่าคิดมากเลยเม คนเราต่างจิตต่างใจไม่มีใครเข้าใจใครได้เท่ากับตัวเองเข้าใจความรู้สึกตัวเองหรอก กรรมคงตามสนองแกแล้วล่ะ”
“ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่เจอรัณย์ ทั้งที่รัณย์จากไปตั้งหลายวันแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเห็นเหตุการณ์อะไรแบบนี้ซ้ำซ้อนกันถึงสองครั้งสองคราก็ไม่รู้ หรือจะเป็นเพราะ 321 นะ ต่อไปฉันจะไม่ไปเหยียบที่นั่นอีกแล้ว ฉันกลัวมากเลยนะ..ตี”
เมยาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ประหลาด ตั้งแต่ที่เจอวิญญาณสารัณย์ ทั้งบริกรหนุ่มที่ยิ้มแปลกๆคนนั้น ทั้งประภาสที่มาตายต่อหน้าต่อตา และวิญญาณของอรณี เป็นสิ่งที่เมยาไม่อาจอธิบายได้ แต่ที่แน่ๆทุกสิ่งมาเกี่ยวพันกันเพราะ ~~321 คาเฟ่~~ ตีระกามองหน้าเพื่อนรักที่สีหน้าวิตกกังวลแล้วก็ได้แต่ครุ่นคิดเช่นกัน แล้วหญิงสาวก็ยิ้มกว้างอย่างหมายมาดตามประสาคนชอบเรื่องลี้ลับเป็นทุนเดิม
“เอางี้..ฉันจะไปเอง 321 ใช่มั๊ย ได้เลยแล้วเจอกันนะ 321 คาเฟ่ อยากรู้นักจะมีอะไรดี..”
สองวันผ่านไป...
ท่ามกลางความเงียบสงบในยามค่ำคืนของถนนสายรองที่ร้างไร้ผู้คนและยานพาหนะ ยังมีร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของไฟทางเดินที่ติดบ้างดับบ้างเป็นระยะ บรรยากาศภายในร้านดูเงียบเหงาวังเวงแต่ก็ยังเปิดรอคอยการมาเยือนของคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด ร้านกาแฟแห่งนี้มีชื่อว่า....
“321 คาเฟ่ ยินดีต้อนรับ..คุณคนพิเศษครับ”
เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งกังวานของร้าน 321 คาเฟ่ ดังขึ้นอีกครั้งในคืนนี้ บริกรหนุ่มยังคงยิ้มเย็นเจรจาต้อนรับแขกอย่างสุภาพและขยันขันแข็ง
ตีระกา..ก้าวเดินเข้ามาภายในร้านอย่างหมายมาด บริกรหนุ่มท่าทางแปลกจริงอย่างที่เมยาเล่าเดินนำหล่อนไปยังโต๊ะริมหน้าต่างที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพยามค่ำคืนของถนนสายรองได้อย่างชัดเจน
“รับอะไรดีครับ”
บริกรหนุ่มยิ้มเย็นส่งมาให้อย่างเย็นเยียบ ตีระกาเหลือบมองหน้าชายหนุ่มก่อนจะสั่งโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“มีคนบอกที่นี่โกโก้ร้อนอร่อย ฉันอยากลอง”
“แล้วคุณ..จะได้ลองทั้งสองอย่างครับ”
เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งดังกังวานขึ้นอีกครั้งในค่ำคืนนี้ ตีระกาหันไปมองตามเสียงอย่างสนใจและจับสังเกตุสถานการณ์ภายใน ~~321 คาเฟ่ ~~
แล้วหญิงสาวก็ต้องถึงกับอึ้งเมื่อพบแขกคนใหม่ที่มาเยือนคาเฟ่ คือ..ดาราราย..นักแสดงสาวแสนสวยชื่อดังแห่งยุค เดินหน้าเชิดตามหลังบริกรหนุ่มยิ้มเย็นคนนั้นมานั่งยังโต๊ะริมหน้าต่างถัดกันกับหล่อน หมอดูไพ่ยิปซีสาวผงกศรีษะยิ้มทักทายดารารายอย่างตื่นเต้น แต่ดาราสาวมองเมินออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเชิดหยิ่ง
“โอ้โห..คนดังนี่หยิ่งเอาเรื่องแฮะ เอ๊ะแล้วเด็กนั่นใครกันน่ะ”
ตีระกาขยี้ตามองไปยังร่างน้อยของเด็กหญิงน่ารักที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะที่ดารารายนั่งเหม่ออยู่ เสียงพึมพำของเด็กน้อยทำเอาตีระกาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“เอาของหนูคืนมา...เอาคืน...มา”
ตีระกาถึงกับตาโตกับเสียงเย็นเยียบของเด็กน้อยที่ดูไม่น่ารักสมตัวสักเท่าไหร่ แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของบริกรหนุ่มที่ส่งยิ้มเย็นมาให้พร้อมคำพูดที่ชวนให้หล่อนขนลุกโดยไม่มีสาเหตุ...
“ของที่คุณ..อยากลอง..อยู่ที่นี่แล้วครับ”
*********************************************************************************
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
การกระทำหรือการเคลื่อนไหวที่ไร้เจตนา ไม่จัดว่าเป็นกรรม แต่เป็นเพียงกิริยา
แต่เมื่อมีเจตนาที่จะทำเพื่อความประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งจึงจะเรียกว่าเป็นกรรม
เจตนาที่จะเรียกได้ว่าเป็นกรรมนั้น ต้องเป็นเจตนาที่เกิดจากความตั้งใจอย่างแท้จริง
หมายถึงมีความมุ่งมาดปรารถนาตั้งใจจะทำ...
*****************************************************************
คำสอนพระพุทธองค์
จากหนังสือ ‘กรรม และการอยู่เหนือกรรม’
ท่านพุทธทาสภิกขุ
**********************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
มีเรื่องสั้นจบในตอน จำนวน 4 ตอน (เงา / ลอง / ตัด / epilogue ปิดคาเฟ่) มาฝากค่ะ
หลังจากลงตอนแรกไปแล้วยังไม่ได้ลงต่อเลยค่ะ
เรื่องนี้เคยส่งเข้าประกวดโครงการ..หลอน..ของสำนักพิมพ์โซฟา
แต่ไม่ผ่าน
เลยเอามาลงให้อ่านดีกว่าค่ะ
......................................................................................................................................
..เงา..
ผมกำลังถูกติดตาม.....
จากอะไรบางอย่าง ที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ผมทีละน้อย.....
ผมกำลังถูกติดตาม..
จากอะไรบางอย่างที่เรียกว่า....กรรม
ผมกำลังถูกติดตาม...
จากอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่า...
ผม...
กำลังจะ...ตาย....
…………………………………………………………………………………………
สี่ชั่วโมงก่อนหน้า....
บ้านไม้เก่าสองชั้นตั้งอยู่โดดเดี่ยวในซอยแคบรกร้างไร้ผู้คน ประภาส...ชายชราวัยหกสิบปีเศษกำลังสวดมนต์ภาวนาอยู่ภายในห้องพระที่เก่าขาดความดูแลเอาใจใส่และทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
“ขอกุศลผลบุญที่พี่ทำในชาตินี้ส่งผลให้เธอไปอยู่ในภพภูมิที่ดี อย่าได้ลำบากกายลำบากใจอย่างเช่นในชาตินี้เลย”
“พรุ่งนี้พี่จะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เธอนะ...อรณี”
ใบหน้ากร้านไปด้วยร่องรอยเหี่ยวย่นกว่าวัยราวกับคนที่ผ่านสมรภูมิชีวิตมาอย่างโชกโชน ชายชราถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆอย่างเมื่อยขบออกไปรับโทรศัพท์ที่ยังคงแผดเสียงดังก้องเป็นระยะ
“พี่ภาส..จำได้มั๊ยว่าพรุ่งนี้วันอะไร”
เสียงตามสายของหญิงวัยกลางคนที่อ่อนวัยกว่าเล็กน้อยดังขึ้นพร้อมทั้งชายชราที่อยู่ปลายสายใช้ความคิดกลับไปกลับมาอย่างระลึกถึง
“วันครบรอบวันตายหนึ่งปีของ...”
ประภาสอึกอักลำบากใจจนปลายสายเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ใช่...อรณี..พรุ่งนี้พี่อย่าลืมไปทำบุญให้เธอนะ..ทำบุญให้เธอเผื่อฉันด้วย” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นไหวคล้ายจะร้องไห้อยู่ครามครัน
“ได้สิ..พรุ่งนี้พี่ว่าจะไปแต่เช้า แล้วจะบอกณีว่าเธอฝากมาด้วยนะ”
หลังจากวางสายจากมณฑา ชายชรารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก พรุ่งนี้แล้วคือวันครบรอบหนึ่งปีที่เธอคนนั้นของเขา...จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“พี่ภาส...ฉันรักพี่”
เสียงเบาหวิวจากร่างที่กำลังจะหมดลมหายใจในอ้อมกอดของเขา เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากและทุลักทุเล “ณี...ณี!! อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ ณี!!”
เสียงในความคิดคำนึงยังคงดังแว่วมาอย่างต่อเนื่อง ดังบ้าง ค่อยบ้าง สลับกันไปเป็นระยะ ราวกับเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมานานปีกำลังฉายซ้ำไปซ้ำมาไม่มีเวลายุติ
ชายชรานอนเงียบเหงาเดียวดายอยู่บนเตียงนอนไม้หลังใหญ่ ด้วยท่าทางกระสับกระส่ายนานนับชั่วโมง เสียงลมภายนอกยังคงหวีดหวิวอื้ออึงเป็นระยะ ราวกับเสียงพร่ำเพรียกอย่างโหยหวนที่ดังชัดขึ้นชัดขึ้นทุกวัน ยิ่งใกล้จะถึงวันครบรอบวันตายของเธอคนนั้น..เสียงนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
แกร่ก..แกร่ก..แกร่ก..
ในห้วงแห่งความฝัน ท่ามกลางความเงียบสงัดของคืนเดือนแรม เสียงประหลาดแว่วเข้ามาในความฝันของชายชราดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเสียงครูดผ่านหน้าต่างบานไม้เก่าหลายบานที่เรียงรายไหวพะเยิบพะยาบราวกับมีสิ่งใดมาลูบผ่านหน้าต่างชั้นสองของห้องนอนเป็นทางยาว
แกร่ก..แกร่ก..แกร่ก..
เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเงียบหรือเบาลง ท่ามกลางเสียงลมพัดหวีดหวิวอื้ออึง คล้ายเสียงร่ำไห้ของใครบางคนดังใกล้เข้ามาเป็นระยะ ใกล้มากจนเกือบจะถึงตัวเขา เหมือนเสียงนั้นกำลังอยู่อยู่ตรงหน้าเขาในระยะประชิด
ชายชราสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ ดวงตาฝ้าฟางเบิกโพลงเหลียวมองรอบกายที่รายล้อมไปด้วยความมืดภายในห้องไม้เก่าที่ข้างฝาผนังมีเพียงกรอบรูปของเขากับใครบางคน...
“ณี!! ณี..เธอมาใช่มั๊ย เธอจะมารับพี่แล้วใช่มั๊ย”
ท่ามกลางความเงียบสงบในยามค่ำคืนของถนนสายรองที่ร้างไร้ผู้คนและยานพาหนะ ยังมีร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของไฟทางเดินที่ติดบ้างดับบ้างเป็นระยะ บรรยากาศภายในร้านดูเงียบเหงาวังเวงแต่ก็ยังเปิดรอคอยการมาเยือนของคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด
ร้านกาแฟแห่งนี้มีชื่อว่า....
“321 คาเฟ่ ยินดีต้อนรับครับ”
เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งกังวานของร้าน 321 คาเฟ่ ดังขึ้นอีกครั้งในคืนนี้ บริกรหนุ่มยังคงยิ้มเย็นเจรจาต้อนรับแขกอย่างสุภาพและขยันขันแข็ง ประภาสก้าวเท้าอันสั่นเทาและเชื่องช้าเข้ามาเยือนคาเฟ่แห่งนี้ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
เขานอนไม่หลับ ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ในภาวการณ์เช่นนี้ และสถานที่ที่จะทำให้เขาไม่ต้องอยู่คนเดียวในค่ำคืนนี้ได้คือคาเฟ่แห่งนี้ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา
และคาเฟ่แห่งนี้...เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“มาสองท่านใช่ไหมครับ”
ประภาสแต่งกายปอนๆ ด้วยความรีบเร่งหลังออกมาจากบ้านที่ทำให้เขาหวั่นใจ ชายชราหันซ้ายแลขวาอย่างงกเงิ่นแล้วเอ่ยออกมาอย่างงุนงง
“มาคนเดียว”
ชายชราตอบห้วนไปยังบริกรที่ยังคงส่งยิ้มเย็นอย่างต่อเนื่อง เบื้องหลังของเขามีใครบางคนก้าวตามเข้ามาอย่างไม่ลดละราวกับเงาก็ไม่ปาน แล้วบริกรหนุ่มก็ส่งยิ้มเย็นเช่นเคยให้กับใครคนนั้นอย่างยินดีแล้วเอ่ยออกมาเพียงให้ใครคนนั้นได้ยิน...
“321 คาเฟ่ ยินดีต้อนรับครับ”
เมยา..เหลียวมองการสนทนาระหว่างบริกรหนุ่มและชายชราอย่างสะดุดหู แต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก มือเรียวคนแก้วโกโก้ที่ยังคงร้อนอยู่อย่างเหม่อลอย เบื้องหน้ามีโกโก้ร้อนอีกแก้วที่ยังคงกรุ่นไอร้อนอยู่เช่นกัน
“ดื่มด้วยกันนะรัณย์ เมรู้ว่ารัณย์อยู่ใกล้ๆเม เรามาเดทกันวันนี้เป็นวันแรกและวันสุดท้ายเถอะ”
เมยามองโกโก้ร้อนแก้วนั้นราวกับเป็นตัวแทนของใครบางคนที่นึกถึง แล้วเสียงบริกรหนุ่มก็เอ่ยทักเย็นเยียบเช่นเคย
“คุณเจอเขาแล้ว?”
น้ำเสียงปนสงสัยของบริกรหนุ่ม ทำเอาเมยาถอนสายตาจากโกโก้ร้อนแก้วอีกแก้วที่อยู่ตรงข้ามกัน
“ใช่ค่ะ ฉันเจอเขาแล้วเมื่อคืนนี้ วันนี้ฉันจะมาที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายกับเขา และตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฉันจะไม่มาที่นี่อีก” เมยายิ้มให้บริกรเล็กน้อยก่อนจะหันเหสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
“ด้วยความยินดีครับ 321คาเฟ่ ยินดีที่ทำให้คุณสมหวัง แต่...บางสิ่งที่คุณหวังอาจจะไม่สมหวังเสมอไป”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“......”
ไม่มีคำตอบจากบริกรหนุ่ม มีเพียงรอยยิ้มเย็นส่งมาให้เช่นเคย เมยาถอนหายใจกับคำพูดประหยัดของบริกรหนุ่มก่อนจะหันมองชายชราและหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันที่นั่งอยู่โต๊ะด้านข้าง
สีหน้าวิตกกังวลของชายชราที่คนแก้วกาแฟไปมาไม่ดื่มมันเสียทีจนจะเย็นชืดและหญิงชราที่นั่งนิ่งไม่ยิ้มแย้มราวกับไม่มีตัวตนจ้องมองมายังชายชราคนนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า อะไรบางอย่างสะกิดใจทำให้เมยาจ้องมองภาพคนทั้งสองอย่างสนใจ
นานนับชั่วโมงกว่าที่ประภาสจะลุกออกไปจากร้านด้วยท่าท่างลุกลี้ลุกลนจนเมยามองตามจนลับสายตาด้วยความสงสัย แล้วหญิงสาวก็ถึงกับตกตะลึงดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นหญิงชราที่เมื่อครู่นั่งอยู่ภายในร้านบัดนี้กลับยืนอยู่กลางถนน ด้วยสภาพใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลเต็มไปทั่วใบหน้าและร่างกาย
ไม่ไกลกันนั้นประภาสกำลังวิ่งเข้ามายังจุดที่หญิงชรายืนอยู่ด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด...
************************************************
ประภาสวิ่งถลาเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต ทันทีที่สายตาฝ้าฟางเหลือบมองออกมานอกหน้าต่างร้าน เขาพบมณฑา น้องสาวเพียงคนเดียวของเขากำลังยืนร่ำไห้อยู่กลางถนนโดนไม่ทันได้สังเกตุเห็นรถกระบะตอนเดียวที่วิ่งปัดป่ายมาตลอดทางด้วยความเร็วพอสมควรกำลังแล่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆตรงจุดที่หล่อนยืนอยู่
“มณ!! มณ ระวัง”
เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วบริเวณท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด ประภาสวิ่งเข้ามาจนถึงตัวมณฑา แล้วเขาก็ต้องตกใจสุดขีดกับสภาพของหญิงตรงหน้าที่ปรากฏร่างเป็นใครอีกคน ที่สำคัญเธอคนนั้นคืออรณีภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วกว่าขวบปี
“ณี!! เธอ!!”
ภาพภรรยาที่เลือดโทรมกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลเกรอะกรัง ประภาสถึงกับเบรกแทบไม่ทันก่อนที่จะทันได้เข้าประชิดถึงตัวภรรยาที่กำลังส่งยิ้มเย็นเยียบมายังเขาทั้งที่ใบหน้า ร่างกาย เต็มไปด้วยเลือด และที่สำคัญบาดแผลเป็นรอยเหวอะหวะตรงจุดที่เป็นตำแหน่งหัวใจมีเลือดไหลโกรกออกมาราวกับก๊อกน้ำกำลังทลาย ทันใดนั้นเสียงรถกระบะเบรกเอี๊ยดอ๊าดก็ดังก้องไปทั่วบริเวณถนนสายรองที่เงียบสงัดไม่ไกลจาก ~~321 คาเฟ่~~
เอี๊ยดดดด...โครมมมมม!!
ร่างของประภาสลอยละลิ่วไปตามแรงกระแทกไกลเกือบสองเมตร ท่ามกลางเสียงหวีดร้องอย่างตื่นตกใจของเมยาที่เห็นเหตุการณ์ หญิงสาวลุกพรวดจากโต๊ะวิ่งออกไปยังจุดเกิดเหตุทันทีที่นั่งมองอย่างตื่นตะลึงอยู่นานโดยไม่คาดฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์สดๆร้อนๆต่อหน้าตัวเอง สัญชาติญาณนักข่าวอาชญากรรมในตัวถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง เมยาวิ่งออกไปพร้อมกล้องคู่ใจและโทรศัพท์ในมือครบครันเพื่อจะรายงานเหตุร้ายได้อย่างทันท่วงที
สภาพของประภาสที่นอนคว่ำหน้าหายใจรวยรินเต็มไปด้วยคราบเลือดที่ยังไหลหลั่งออกมาจากร่างนองเต็มพื้นถนนช่างน่าสลดใจยิ่งนัก เมยาตรงรี่เข้าไปดูและจับจุดชีพจรที่คอของประภาสที่เกร็งจนเส้นเลือดปูดนูน ในขณะที่คนขับรถกระบะตอนเดียวที่เป็นผู้ขับชนไม่ได้หนี แต่ลงจากรถมานั่งตัวสั่นงันงกอยู่ไม่ไกลจากรถกระบะของตนอย่างตกใจไม่หาย
“คุณ!! คุณคะ แข็งใจหน่อยนะคะ ฉันจะเรียกรถพยาบาลให้มาช่วยคุณนะคะ”
เสียงแว่วแผ่วโหยดังมาจากร่างคนเจ็บที่นอนหายใจรวยรินอยู่ เมยาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจแต่หญิงสาวก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อพยายามฟังแล้วแต่ไม่ได้ศัพท์สักเท่าไหร่
“มณ..มณ พี่..ดีใจ..ที่..เธอ..หาย”
“ณี..มา..พา..ฉันไป..ที”
“ฉัน..ขอ..โทษ”
เมยาเขย่าแขนประภาสเบาๆหลังจากฟังคำพูดช้าแผ่วเหมือนเพ้อ พยายามจะพลิกตัวให้แต่เพราะสู้แรงคนตัวโตอย่างประภาสไม่ไหว จึงควักโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออกอย่างร้อนรน ทันทีที่ปลายสายรับโทรศัพท์หน้าจอก็มืดดับสนิท หญิงสาวถึงกับกุมขมับหันรีหันขวางมองไปรอบๆ ก่อนจะหันไปเอ็ดคนขับรถกระบะเสียงดังลั่น
“คุณ!! แจ้ง 191 รึยัง เขาเพ้อใหญ่แล้วนะจะตายรึเปล่าก็ไม่รู้”
เสียงเอ็ดตะโรของเมยาเตือนสติให้คนขับรถกระบะตั้งสติได้ก่อนจะลนลานกดโทรศัพท์โทรออกทันที
“ทำยังไงจะห้ามเลือดได้นะ กว่ารถพยาบาลจะมาไม่เลือดออกหมดตัวซะก่อนรึไง คนแถวนี้ก็กระไรคนโดนรถชนเสียงดังสนั่นขนาดนี้ไม่คิดจะออกมาดูดำดูดีกันบ้าง เกินไปแล้วไร้น้ำใจจริงๆ”
เมยาลุกขึ้นยืนเคว้งคว้างอยู่กลางถนนเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบๆอีกครั้งอย่างระอาใจ แล้วหญิงสาวก็ถึงกับงงเมื่อมองไปทาง~~321 คาเฟ่~~ แล้วพบว่าภายในร้านมืดสนิทมีเพียงแสงจากไฟทางเดินที่ติดดับเป็นระยะที่หน้าร้านเท่านั้น
“อะ..อะไรกันเนี่ย เมื่อกี้ยังเปิดอยู่เลยนี่นา ทำไม!!”
เมยาขนกายลุกตั้งชันส่ายศรีษะขับไล่ความมึนงงและความกลัวที่กำลังรุกรานจิตใจของหล่อนทีละน้อย แล้วเมยาก็ถึงกับเข่าอ่อนเมื่อหันมองไปทางคนเจ็บอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลและรถตำรวจดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆพอให้ได้ใจชื้น
“ห๊ะ!! คะ..คะ..คุณ คุณ!!”
เมยาพูดตะกุกตะกักไม่เป็นจังหวะทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า หญิงสาวถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ร่างกายเย็นเฉียบราวกับเลือดที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายมันหายออกไปจากร่าง
“ฝัน!! ฝันแน่ๆไม่จริง รัณย์..ช่วยเมด้วย เมกลัว!!”
เมยาหลับตาปี๋ส่ายศรีษะไปมาก่อนจะเขม้นมองไปยังร่างของประภาสอีกครั้ง หญิงสาวถึงกับทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นถนนอย่างหมดแรง ภาพของอรณี..ผู้หญิงที่เมยาเห็นตั้งแต่ตอนนั่งอยู่กับประภาสภายในคาเฟ่ คือคนคนเดียวกับที่ยืนอยู่กลางถนนสภาพโชกเลือด และขณะนี้ก็คือคนคนเดียวกับผู้หญิงที่กำลังนั่งคร่อมอยู่บนร่างของประภาสที่หายใจรวยริน สภาพของหญิงคนนั้นทำให้เมยาถึงกับอาเจียนออกมาด้วยความคลื่นไส้
อรณี..หญิงชราในสภาพใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและน้ำเหลืองไหลเยิ้มไปทั่วทั้งตัว กำลังแสยะยิ้มมองมา เมยาถึงกับขนลุกขนพองพยายามชันกายลุกขึ้นแต่ไม่สามารถทำได้ ก่อนที่สติจะดับวูบเมยารู้สึกว่ามีคนมากมายกำลังวิ่งตรงเข้ามายังทางที่ตนกำลังล้มลง...
เช้าวันใหม่...เมยาฟื้นคืนสติขึ้นมาในโรงพยาบาลอย่างอ่อนล้า สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนเพื่อนสนิทที่มาเฝ้าตลอดทั้งคืนหลังจากได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลต้องรีบเข้ามาดูอาการ
“เม..เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแทบตาย”
ตีระกา...หมอดูไพ่ยิปซีที่ชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วแวดวงคนดัง เข้ามาจับเนื้อจับตัวเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
“ตี..ฉันมาอยู่นี่ได้ไง เมื่อคืนจำได้ว่าอยู่แถว 321 นี่ เอ่อ..คุณลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างที่โดนรถชนน่ะ”
เมยาเขย่าแขนเพื่อนรักที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบ
“That”s amore ไปเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนถึงโรงพยาบาลอีกย่ะ ส่วนตาคนขับตีนผีตามตำรวจต้อยๆเข้าโรงพักไปแล้ว เพ้อแต่ว่า..ผีหลอก..ผีผู้หญิงแก่ๆ มาตัดหน้ารถ ฮึ๊ย..ขนลุก”
ตีระกาเล่าติดตลก ส่วนเมยาหน้าสลดลงทันทีทั้งที่นึกรู้อยู่แล้วว่าประภาสต้องไม่รอด แต่ที่ไม่เข้าใจคือหญิงชราคนนั้นคือใครและต้องการอะไรกันแน่
“เป็นไง..เงียบไปเลยเหรอเพื่อน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนที่มาที่โรงพยาบาลเมื่อคืนนี้น่ะ ฉันได้ยินพยาบาลเมาท์กันให้แซ่ดเลยว่าเวรกรรมตามสนองคุณลุงคนนั้นน่ะ”
ตีระกาป้องปากกระซิบเมยาทั้งที่อยู่กันแค่สองคนในห้องพิเศษของโรงพยาบาลที่ตีระกาจัดแจงหาให้เมยาทั้งที่หล่อนแค่เป็นลมไปเฉยๆเท่านั้น
“ยังไงเหรอตี”
“ก็ปีก่อนโน้นน้องสาวคุณลุงต้องผ่าตัดหัวใจด่วนไง” ตีระกาเล่าเว้นระยะอย่างกำลังนึกลำดับความคิด เมยาเขย่าแขนเพื่อนรักด้วยความอยากรู้ ทำเอาตีระกายิ้มขำ
“ก็เขาว่ากันว่า..คุณลุงน่ะผลักเมียตัวเองที่ป่วยกระเสาะกระแสะให้รถชนตายน่ะสิ”
“ห๊ะ!! ข่าวลือรึเปล่า เป็นไปได้ยังไงผลักเมียตัวเองเนี่ยนะ แล้วเกี่ยวอะไรกับน้องสาวคุณลุงล่ะ”
เมยาไม่วายฉงนใจ หน้าซีดเซียวยามเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนและใบหน้าที่มองมาอย่างสมใจของอรณีก่อนที่หล่อนจะเป็นลมหมดสติ
“อ๊าว..ไม่เกี่ยวได้ไง ก็คุณลุงน่ะพาเมียมาบริจาคร่างกายก่อนเมียตายวันเดียว แถมยังระบุด้วยว่าถ้าตายแล้วให้มอบหัวใจให้น้องสาวแกน่ะ แล้วน้องสาวคุณลุงก็โคม่าพอดีวันที่เมียคุณลุงเค้าตายน่ะสิ พอเมียตายก็ได้หัวใจให้น้องสาว เลยรอดมาได้จนทุกวันนี้แหละ”
ตีระกากอดอกใช้ความคิดหลังจากเล่าให้เมยาฟังแล้วก็ได้แต่ปลง เมยาถึงกับอึ้งไป
“สามีทำแบบนี้กับภรรยาตัวเองได้ยังไงกัน ไม่อยากเชื่อเลย กรรมแท้ๆ”
เมยาถอนหายใจอย่างปลงๆ ตีระกามานั่งข้างเตียงเมยา แล้วโอบไหล่เพื่อนรักเบาๆ
“เขาเล่าว่าคุณลุงน่ะ หลงรักน้องสาวตัวเอง หมายถึงคนที่เป็นโรคหัวใจไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของแก แกคงรักและผูกพันกับน้องนอกไส้มากกว่าเมียตัวเอง ก็เลยเกิดเหตุการณ์ตายแทนกันแบบนี้ไงทีนี้คนตายเขาไม่ได้อยากตายเอง ก็เลยมาตามเอาคุณลุงคนต้นคิดไปอยู่ด้วยละมัง อย่าคิดมากเลยเม คนเราต่างจิตต่างใจไม่มีใครเข้าใจใครได้เท่ากับตัวเองเข้าใจความรู้สึกตัวเองหรอก กรรมคงตามสนองแกแล้วล่ะ”
“ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่เจอรัณย์ ทั้งที่รัณย์จากไปตั้งหลายวันแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเห็นเหตุการณ์อะไรแบบนี้ซ้ำซ้อนกันถึงสองครั้งสองคราก็ไม่รู้ หรือจะเป็นเพราะ 321 นะ ต่อไปฉันจะไม่ไปเหยียบที่นั่นอีกแล้ว ฉันกลัวมากเลยนะ..ตี”
เมยาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ประหลาด ตั้งแต่ที่เจอวิญญาณสารัณย์ ทั้งบริกรหนุ่มที่ยิ้มแปลกๆคนนั้น ทั้งประภาสที่มาตายต่อหน้าต่อตา และวิญญาณของอรณี เป็นสิ่งที่เมยาไม่อาจอธิบายได้ แต่ที่แน่ๆทุกสิ่งมาเกี่ยวพันกันเพราะ ~~321 คาเฟ่~~ ตีระกามองหน้าเพื่อนรักที่สีหน้าวิตกกังวลแล้วก็ได้แต่ครุ่นคิดเช่นกัน แล้วหญิงสาวก็ยิ้มกว้างอย่างหมายมาดตามประสาคนชอบเรื่องลี้ลับเป็นทุนเดิม
“เอางี้..ฉันจะไปเอง 321 ใช่มั๊ย ได้เลยแล้วเจอกันนะ 321 คาเฟ่ อยากรู้นักจะมีอะไรดี..”
สองวันผ่านไป...
ท่ามกลางความเงียบสงบในยามค่ำคืนของถนนสายรองที่ร้างไร้ผู้คนและยานพาหนะ ยังมีร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของไฟทางเดินที่ติดบ้างดับบ้างเป็นระยะ บรรยากาศภายในร้านดูเงียบเหงาวังเวงแต่ก็ยังเปิดรอคอยการมาเยือนของคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด ร้านกาแฟแห่งนี้มีชื่อว่า....
“321 คาเฟ่ ยินดีต้อนรับ..คุณคนพิเศษครับ”
เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งกังวานของร้าน 321 คาเฟ่ ดังขึ้นอีกครั้งในคืนนี้ บริกรหนุ่มยังคงยิ้มเย็นเจรจาต้อนรับแขกอย่างสุภาพและขยันขันแข็ง
ตีระกา..ก้าวเดินเข้ามาภายในร้านอย่างหมายมาด บริกรหนุ่มท่าทางแปลกจริงอย่างที่เมยาเล่าเดินนำหล่อนไปยังโต๊ะริมหน้าต่างที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพยามค่ำคืนของถนนสายรองได้อย่างชัดเจน
“รับอะไรดีครับ”
บริกรหนุ่มยิ้มเย็นส่งมาให้อย่างเย็นเยียบ ตีระกาเหลือบมองหน้าชายหนุ่มก่อนจะสั่งโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“มีคนบอกที่นี่โกโก้ร้อนอร่อย ฉันอยากลอง”
“แล้วคุณ..จะได้ลองทั้งสองอย่างครับ”
เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งดังกังวานขึ้นอีกครั้งในค่ำคืนนี้ ตีระกาหันไปมองตามเสียงอย่างสนใจและจับสังเกตุสถานการณ์ภายใน ~~321 คาเฟ่ ~~
แล้วหญิงสาวก็ต้องถึงกับอึ้งเมื่อพบแขกคนใหม่ที่มาเยือนคาเฟ่ คือ..ดาราราย..นักแสดงสาวแสนสวยชื่อดังแห่งยุค เดินหน้าเชิดตามหลังบริกรหนุ่มยิ้มเย็นคนนั้นมานั่งยังโต๊ะริมหน้าต่างถัดกันกับหล่อน หมอดูไพ่ยิปซีสาวผงกศรีษะยิ้มทักทายดารารายอย่างตื่นเต้น แต่ดาราสาวมองเมินออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเชิดหยิ่ง
“โอ้โห..คนดังนี่หยิ่งเอาเรื่องแฮะ เอ๊ะแล้วเด็กนั่นใครกันน่ะ”
ตีระกาขยี้ตามองไปยังร่างน้อยของเด็กหญิงน่ารักที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะที่ดารารายนั่งเหม่ออยู่ เสียงพึมพำของเด็กน้อยทำเอาตีระกาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“เอาของหนูคืนมา...เอาคืน...มา”
ตีระกาถึงกับตาโตกับเสียงเย็นเยียบของเด็กน้อยที่ดูไม่น่ารักสมตัวสักเท่าไหร่ แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของบริกรหนุ่มที่ส่งยิ้มเย็นมาให้พร้อมคำพูดที่ชวนให้หล่อนขนลุกโดยไม่มีสาเหตุ...
“ของที่คุณ..อยากลอง..อยู่ที่นี่แล้วครับ”
*********************************************************************************
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
การกระทำหรือการเคลื่อนไหวที่ไร้เจตนา ไม่จัดว่าเป็นกรรม แต่เป็นเพียงกิริยา
แต่เมื่อมีเจตนาที่จะทำเพื่อความประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งจึงจะเรียกว่าเป็นกรรม
เจตนาที่จะเรียกได้ว่าเป็นกรรมนั้น ต้องเป็นเจตนาที่เกิดจากความตั้งใจอย่างแท้จริง
หมายถึงมีความมุ่งมาดปรารถนาตั้งใจจะทำ...
*****************************************************************
คำสอนพระพุทธองค์
จากหนังสือ ‘กรรม และการอยู่เหนือกรรม’
ท่านพุทธทาสภิกขุ
**********************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2557, 13:31:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2557, 13:31:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1210
<< ตอนที่ 1 : รอ |