เพลิงทรายร่ายรัก
เมื่ออัยรดา นักเขียนสาวอยากเหยียบแดนทะเลทรายจริงๆ สักครั้ง เธอจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะอากัสย่า ดินแดนลี้ลับกลางทะเลทราย ติดอยู่ตรง ซามาล ชายหนุ่มที่จะพาไปนี่สิ เธอจะอ้อนวอนเขายังไงดีนะ (นิยายเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์และผ่านการพิจารณาจาก สนพ.กรีนมายด์แล้วนะคะ)
Tags: ทะเลทราย ความรัก

ตอน: บทนำ

สวัสดีค่ะ วันนี้มาแบบสบายใจ เพราะนิยายเรื่องนี้ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ลงจนจบนะคะ ^^

บทนำ



ถนนสุขุมวิทเป็นเส้นทางที่สร้างผ่านหลายจังหวัดของประเทศไทยเริ่มตั้งเมืองหลวงเขตธุรกิจซึ่งมีรถและผู้คนจอแจทอดยาวผ่านเขตที่อยู่อาศัยมีซอยเล็กๆ แยกออกไปมากมาย หนึ่งในซอยเหล่านั้นปรากฏหญิงสาวร่างเพรียวสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์สะพายกระเป๋าใบใหญ่สีน้ำตาลสวมหมวกแก็ปสีเดียวกันกำลังก้าวเท้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่ได้หวาดกลัวต่อแสงแดดยามบ่ายคล้อย ดวงตาโตสีดำมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย แต่กระนั้นร่างสวยในชุดง่ายๆ นั้นก็ยังน่ามองด้วยสัดส่วนที่สวยงามรวมไปถึงใบหน้าผุดผ่องไร้เครื่องสำอางนอกจากแป้งฝุ่น

“อัย...อัยรดา...ทำไมมายืนเหม่ออยู่หน้าบ้านล่ะ”

เสียงเรียกทำให้หญิงสาวในเสื้อยืดกางเกงยีนส์ออกจากภวังค์เพราะด้วยความที่ไม่ได้ใส่ใจต่อย่างก้าวของตนเองนักนอกจากพยายามมองสิ่งที่อยู่รอบๆ และคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยทำให้เผลอแป๊ปเดียวก็มายืนอยู่หน้าประตูรั้วของบ้านสองชั้นขนาดกระทัดรัดปลูกต้นไม้มากมายจนดูร่มรื่นเกินกว่าที่จะอยู่ในกรุง

“เข้าบ้านสิลูก” คนเรียกย้ำอีกครั้งพร้อมเปิดประตูออก แต่คนถูกเรียกกลับร้องขึ้น

“น้านี...น้านี...อัยตายแน่คราวนี้”

อัยรดาขมวดคิ้วสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่สุด ทำให้น้านีซึ่งซอยผมสั้นสวมแว่นขอบสีทองพลอยขมวดคิ้วตามและรีบดึงมือสาวสวยเข้าบ้านพลางถามอย่างตกใจ

“เกิดอะไรขึ้นยัยอัย มีใครทำอะไรหรือเปล่า จะให้น้าโทรบอกพ่อกับแม่ของหนูไหม”

คนถูกจูงมองอีกฝ่ายและเดินนำเข้าไปนั่งลงบนโต๊ะม้าหินขนาดใหญ่ใต้ซุ้มซึ่งมีต้นไม้และดอกเฟื่องฟ้าคลุมพลางถอดหมวกออกเผยให้เห็นใบหน้าเรียวที่เป็นสีชมพูเล็กน้อยด้วยความร้อน และเจ้าตัวก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าหมดแรงจึงนอนแผ่ลงบนเก้าอี้ตัวยาว

“อ้าวยัยอัย เป็นอะไรไปล่ะที่นี้ ลุกขึ้นมาเร็วมาเล่าให้น้าฟังก่อน” น้านีฉุดหลานสาวให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมถามอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง “เป็นอะไรบอกมาเร็วๆ มันร้ายแรงอะไรนักหนาถึงทำท่าหมดแรงแบบนี้”

“อัยคิดนิยายไม่ออก!”

อัยรดาโพล่งออกมาพร้อมล้มตัวลงไปนอนอีกครั้งทำให้น้าสาวถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ นี่หรือไงเรื่องคอขาดบาดตายของหลาน นางนั่งลงอีกฝั่งพร้อมถอนหายใจ

“นึกว่าเรื่องอะไรหนักหนาสาหัส กะอีแค่คิดนิยายไม่ออกทำหน้าทำท่าทำทางเหมือนจะตาย เกินไปแล้วเรา”

“น้านี!” อัยรดาผุดลุกขึ้นมามองคุณน้าอย่างจริงจังเช่นกัน “นี่เรื่องคอขาดบาดตายนะคะ อัยเป็นนักเขียน ถ้าคิดนิยายไม่ออกล่ะก็ตายแหงๆ”

“จะตายอะไรยัยอัยเอ๊ย ก็หยุดเขียนมันสักพัก หาดูหนัง หาที่เที่ยว ไปพักผ่อนสมองบ้าง เดี๋ยวก็เขียนได้เองนั่นแหละ คือว่า...ที่พูดมาเนี่ย น้าจำๆ จากพวกนักเขียนที่เค้าให้สัมภาษณ์เวลาคิดอะไรไม่ออกน่ะ” น้านีออกความเห็น อัยรดาจึงส่ายหน้า

“หยุดเขียนอีกแล้ว...หยุดนานเท่าไหร่ล่ะคะกว่าจะเขียนได้ นี่อัยก็หยุดหลายเดือนแล้วนะ จนคิดว่าตัวเองน่าจะมีไฟได้แล้ว ไอ้เงินที่กินที่ใช้มันก็มาจากนิยายเก่าๆ ทั้งนั้น จะไปเที่ยวหาแรงบันดาลใจมันก็ใช้เงินอีก ขืนเป็นแบบนี้อัยก็อดตายพอดีสิคะ”

“พูดเกินไป พ่อกับแม่เค้าไม่ปล่อยให้เราตายหรอก ก็ให้คุณนายลั่นทม เอ้ย คุณนายลีลาวดี เค้าส่งเงินมาเยียวยาสิจ้ะแค่โทรแกร๊กเดียว” น้านีอ้างชื่อมารดาของอัยรดาหรืออีกนัยหนึ่งก็คือญาติผู้พี่ของนางนั่นเองแต่คนฟังกลับส่ายหัวดิก

“ไม่ๆๆ อัยไม่ขอเงินแม่หรอก ถ้าทำแบบนั้นแม่ก็ค่อนอีกสิว่า อัยตัดสินใจผิดเรื่องที่คิดจะเป็น อัยบอกแล้วไงว่าขอเวลา 3 ปีลบคำสบประมาท นี่เหลืออีกแค่ไม่ถึงปีเองอ่า จะมาแป๊กได้ไงกัน”

น้านีฟังเหตุผลหลานสาวแล้วได้แต่หัวเราะหึๆ และคิดว่าอีกฝ่ายช่างเหมือนมารดาไม่มีผิด คุณลี หรือคุณลีลาวดีนั้นก็นิสัยไม่เคยยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ เช่นกัน ดูแค่การที่เธอไปทำสวนกับสามีที่กาญจนบุรีเพราะมีคนดูถูกว่าคุณหนูอย่างนางนั้นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อสิ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้กลายเป็นเจ้าของไร่ใหญ่โตและทิ้งบ้านที่กรุงเทพฯ ไว้ให้ตนดูแล

“แม่เค้าก็พูดไปอย่างนั้นน่ะแหละ เราก็ทิฐิไม่เข้าท่า แต่ว่า...ถ้าอัยกลัวจะไม่มีเงินใช้และไม่อยากขอแม่ ทำไมไม่ลองไปทำงานเป็นไกด์ดูล่ะ แบบสมัยเรียนไง น้าจำได้ว่าอัยเก่งภาษาแล้วก็เคยไปรับงานพิเศษเป็นไกด์ทัวร์อยู่นี่” น้านีรู้ดีว่าสาเหตุจริงๆ ที่คุณลีลาวดีแสร้งว่าบุตรสาวเพราะอยากให้ลูกกลับไปอยู่บ้าน แต่ว่าเพราะต่างคนต่างอยากเอาชนะกันเลยไม่ขอร้องกันดีๆ จึงกลายเป็นข้อตกลงว่าหลังจากอัยรดาจบ 3 ปี จะไม่ยอมขอเงินแม่ใช้สักแดงเดียว และอัยรดาก็ทำได้ดีมาตลอดเกือบ 3 ปีเสียด้วย จึงกลายเป็นว่าคุณลีลาวดีนั่นแหละที่แอบโทรมาถามความเป็นไปของลูกสาวอยู่บ่อยๆ

“เป็นไกด์ก็โอเคนะคะ แต่ว่าตอนนี้น่ะ....แล้วอัยก็...โธ่น้านีคะ สิ่งที่พูดออกไปแล้ว...ถ้าทำไม่ได้...มันไม่ใช่นิสัยอัยเลยนะ น้าก็รู้...” อัยรดาพูดวกไปวนมจนคนฟังส่ายศีรษะ

“อะไรกัน พูดจาน่างงนะเราน่ะ เฮ้อ! แต่ทำยังไงได้ล่ะ น้าก็เขียนนิยายไม่เป็นซะด้วยสิ”

สุดท้ายหญิงกลางคนก็มองหน้าหลานสาวอย่างอยากช่วยแบ่งเบา อัยรดาซึ่งเม้มปากลงทำท่าเหมือนจะพูดอะไรจึงเปลี่ยนใจเมื่อรู้สึกว่าถ้าตนเล่าไปมากกว่านี้น้าคงต้องเป็นทุกข์ตาม หญิงสาวล้มตัวลงบนเก้าอี้ตัวยาวอีกครั้งและหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจ เพราะไม่ใช่เพียงเหตุผลแค่นั้นที่ทำให้เธอกลุ้ม แต่ว่านิยายเรื่องนี้มีการกำหนดเวลาส่งไว้เรียบร้อยแล้วและหาก บก. ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของเธอนั้นทำไม่เสร็จตามเวลาก็จะต้องโดนปรับเป็นรายวัน แรงกดดันทั้งหมดจึงตกอยู่กับหญิงสาวซึ่งรับปากไปแล้วว่าจะส่งให้ทัน



****************************************************






แพรพริมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มิ.ย. 2557, 14:39:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2557, 14:39:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1822





   1 >>
แว่นใส 1 มิ.ย. 2557, 23:03:57 น.
ได้เรื่องล่ะ


คิมหันตุ์ 2 มิ.ย. 2557, 02:03:22 น.
รอฮ่ะ


Siang 2 มิ.ย. 2557, 08:25:53 น.
รออ่านค่า


Zephyr 2 มิ.ย. 2557, 22:44:34 น.
รอค่ะ ต้องยุ่งๆเหยิงๆแน่ๆเรื่องนี้
อุอิ แต่นะ ชีวิตจริงคุณแพรพริมา รึป่ะคะ??? หุหุ
ล้อเล่นนะ ^______^


ตามหาฝัน 3 มิ.ย. 2557, 19:41:43 น.
รอนะคะ


ผักหวาน 2 ก.ค. 2557, 10:59:06 น.
ชอบค่ะ ขอไปอ่านหนูอัยต่อค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account