เพลิงทรายร่ายรัก
เมื่ออัยรดา นักเขียนสาวอยากเหยียบแดนทะเลทรายจริงๆ สักครั้ง เธอจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะอากัสย่า ดินแดนลี้ลับกลางทะเลทราย ติดอยู่ตรง ซามาล ชายหนุ่มที่จะพาไปนี่สิ เธอจะอ้อนวอนเขายังไงดีนะ (นิยายเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์และผ่านการพิจารณาจาก สนพ.กรีนมายด์แล้วนะคะ)
Tags: ทะเลทราย ความรัก

ตอน: 1

มาแล้วคร้าบ
มาพร้อมความร้อน ไม่อยากเชื่อ บ้านเค้าฝนไม่ตก ไม่ตก และไม่ตก ร้อนมาก เข้ากับบรรยากาศทะเลทรายสุดๆ
มัวพูดพร่ำ มาอ่านนิยายกันดีกว่านะคะ ^^
1.



ประเทศโซมานห์ เมืองตามัส



ในเวลาบ่ายจัด ณ คฤหาสน์หลังใหญ่บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ถูกตกแต่งไปด้วยผ้าสีชมพู มีเครื่องประดับประดาห้อยร้อยรวมทั้งติดตั้งดวงไฟเพื่อรอไว้เปิดในตอนกลางคืน และถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ได้เปิดไฟด้านนอกแต่ด้านในก็ถูกตกแต่งให้สวยงามไม่แพ้กัน อีกทั้งยังมีเสียงเพลง มีผู้คนหญิงชายจับกลุ่มพูดคุยครื้นเครง เนื่องมาจากวันนี้มีงานกินเลี้ยงก่อนสมรสของนายโมฮัด วัย 45 เศรษฐีธุรกิจน้ำมันชาวโซมานห์กับนางสาวยุพากร แอร์โฮสเตสสาวเชื้อชาติไทย

และในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนาน...ด้านหน้าคฤหาสน์ก็ปรากฏบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงกำยำสวมแว่นตาสีดำและแต่งกายด้วยชุดแบบชาวทะเลทรายก้าวเข้ามาช้าๆ คนรับใช้จึงรีบเดินออกมาต้อนรับและบางคนก็รีบเดินเร็วๆ กลับไปยังห้องรับรองและแจ้งแก่เจ้านาย

“คุณโมฮัดครับ คุณซามาลมาแล้วครับ”

“ซามาล”

โมฮัดลุกขึ้นยืนและมีท่าทีกระตือรือร้นเมื่อเห็นบุรุษผู้นั้นก้าวเข้ามาในห้องเป็นสาเหตุให้เพื่อนหลายๆ คนต่างๆ ซุบซิบถามเพราะแทบไม่มีใครรู้จักเขาเลย คนถูกเรียกว่า ‘ซามาล’ ก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนถอดแว่นออกเผยให้เห็นใบหน้าคมคร้ามดวงตาสีน้ำตาลทองขนตาหนายาว เพื่อนๆ ของเจ้าสาวนั้นถึงกับจ้องมองอย่างตะลึงงันเลยทีเดียว

“ใครงั้นเหรอยุ้ย”

“คุณซามาลน่ะ เขาเป็นบอดี้การ์ด...ให้ดาน่าเล่าให้ฟังนะเพราะเดี๋ยวคุณโมฮัดต้องเรียกฉันแน่ๆ”

ยุพากรบอกเพื่อนๆ และลุกขึ้นเมื่อว่าที่เจ้าบ่าวพยักหน้าเรียก สาวๆ จึงต่างหันมาหา ‘ดาน่า’ หญิงสาวเคยเป็นคนรับใช้ของโมฮัดแต่ตอนนี้เขาย้ายตำแหน่งให้มาดูแลยุพากรแถมลงทุนส่งไปเรียนภาษาไทยเพื่อความสะดวกสบายของอนาคตภรรยา คนถูกเรียกว่าดาน่ามองชายที่เป็นป้าสายตาของทุกคนก่อนพูดเรียบๆ

“คุณซามาลเป็นบอดี้การ์ด...เขาเคยมาทำงานกับคุณโมฮัดด้วย และก็เป็นชาวอากัสย่า”

“เคยเป็นเหรอ แสดงว่าตอนนี้ไม่ได้เป็น่ะสิ แล้วที่มานี่หมายความว่าเขาจะกลับมาทำงานอีกหรือไง แล้วที่บอกว่าอากัสย่าน่ะคือที่ไหนกัน” สาวๆ ต่างถามอย่างสนใจ ดาน่าจึงตั้งต้นอธิบายอีกครั้ง

“คือว่า...คุณซามาลเป็นบอดี้การ์ดค่ะ แต่ไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวคุณโมฮัด ปีหนึ่งเขาจะเดินทางมาหาคุณโมฮัดสองสามครั้งในฐานะตัวแทนของอับดุลอาซิสซึ่งปกครองอากัสย่า แล้วอากัสย่าก็อยู่ในทะเลทรายโกย่าห์ พวกคุณไม่รู้จักหรอก”

พอดาน่าอธิบายจบก็รีบลุกและเลี่ยงไปทางอื่น ทำให้บรรดาเพื่อนๆ ของเจ้าสาวต่างสงสัยซุบซิบและจ้องมองบุรุษรูปงามกันอย่างชื่นชม ซึ่งในช่วงที่ทุกคนเงียบลงนั้นเองเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นรัวๆ ติดกันหลายครั้ง และเมื่อคนรับใช้ยกหูโทรศัพท์ขึ้นก็รายงานว่ามีผู้หญิงต้องการคุยกับยุพากร

“อัยรดา...”

ยุพากรรับโทรศัพท์และร้องขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปลายสาย เธอหันมาบอกมารดาและบิดาว่าญาติสาวเดินทางมาถึงแอร์พอร์ตแล้ว

“อัยรออีกสักครู่นะ เดี๋ยวจะให้บอดี้การ์ดของคุณโมฮัดไปรับ”

“ให้ไวเลยนะแก้มยุ้ย ถ้าขืนรอนานแล้วไม่มีที่ไปเดี๋ยวอัยได้หนีตามหนุ่มแถวนี้แน่ๆ”

อัยรดาพูดพลางยิ้มก่อนวางหูโทรศัพท์สาธารณะลงบนแป้น ตอนนี้นักเขียนสาวจึงยืนอยู่ในอาคารผู้โดยสารขาเข้าของประเทศโซมานห์ ดินแดนตะวันออกกลางที่ตนเองใฝ่ฝันจะมาเหยียบสักครั้ง ร่างเพรียวอยู่ในชุดเดินทางแต่ก็ไม่แตกต่างไปจากการแต่งกายตามปกตินัก คือกางเกงยีนส์เอวต่ำซึ่งคาดเข็มขัดสีน้ำตาลพร้อมเสื้อยืดคอแหลมเข้ารูปทับด้วยเสื้อยีนส์ตัวเล็กกระทัดรัด ผมยาวซึ่งถูกดัดปลายนั้นเกล้าขึ้นเผยใบดวงหน้าสวย ดวงตาหวานลึก

“หาที่นั่งรอก็แล้วกัน”

เมื่อบอกตนเองแบบนั้นร่างเพรียวจึงลากกระเป๋าใบใหญ่ไปตรงที่นั่งพักผู้โดยสารและระหว่างรอก็นึกสาเหตุที่ทำให้ตนเองมาถึงเมืองตะวันออกกลางแห่งนี้

‘อัย ไปงานแต่งหนูยุ้ยแทนแม่หน่อย’

หลังจากวันที่อัยรดาปรับทุกข์กับน้านีไม่นานคุณลีลาวดีก็โทรกริ๊งมาหาบุตรสาวพร้อมสั่งอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แม้จะงงๆ แต่อัยรดาก็รับปากเพราะญาติสาวผู้นี้ก็รู้จักกันดีกับเธอด้วย

‘ยัยแก้มยุ้ยจะแต่งงานแล้วเหรอคะ’

‘ยุ้ย’ หรือ ‘ยุพากร’ เคยสนิทสนมกับอัยรดามาตั้งแต่เด็กทว่าพอโตขึ้นก็ไปทำงานเป็นแอร์โฮเตส จึงห่างเหินและไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่ มีแต่มารดาของเธอซึ่งติดต่อกับครอบครัวของอีกฝ่ายบ่อยครั้ง

‘ก็ใช่น่ะสิ เค้าคบกับแฟนเค้ามาจะ 2 ปีแล้วนี่ยะ ใครเขาจะโสดเหนียวแน่นเหมือนอย่างแกล่ะยัยอัย รอแต่พระเอกแบบในนิยายที่เขียนหรือไงก็ไม่รู้ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะได้อุ้มหลานสักที’

‘แหม ก็อัยเพิ่ง 23 เองนะแม่ จะรีบมีหลานไปถึงไหนเนี่ย รอให้พี่เอกแต่งก่อนเถอะ‘ อัยรดาอ้างพี่ชาย คุณลีลาวดีจึงทำเสียงขึ้นจมูก

‘เชอะ จริงสินะ ไม่ต้องถึงขั้นแต่งหรอก แค่แฟนฉันก็ยังไม่เห็นแกมีเลยยัยอัย’

‘โห แม่อะ ทำเสียงแบบนี้มันจี๊ดยังไงก็ไม่รู้ ที่ไม่มีก็เพราะอัยยังไม่อยากมีต่างหาก ไว้จะหาพระเอกนิยายมาให้แม่อึ้งสักคน คอยดูเถอะ’

หญิงสาวตอบก่อนที่มารดาจะสั่งว่าพรุ่งนี้จะส่งเงินมาให้สำหรับการไปช่วยงานแต่งงานของยุพากรและวางสายไปทันทีทั้งๆ ที่อัยรดายังไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรเลย ทว่ารุ่งขึ้นเมื่อเห็นยอดเงินที่มารดาโอนมาหญิงสาวก็ต้องรีบโทรกลับในทันใดเพราะมันมากเกินไป

‘โอนมาทำไมเยอะแยะคะ โอนผิดเหรอ เดี๋ยวอัยโอนกลับให้นะ’

‘ไม่ผิดหรอก ก็เท่านั้นแหละถูกแล้ว แกไม่รู้เหรอว่าเจ้าบ่าวหนูยุ้ยเป็นเศรษฐีน้ำมันที่ตะวันออกกลางโน้น แม่ให้เด็กจองตั๋วเครื่องบินขาไปไว้ให้แล้วนะ เดี๋ยวเค้าคงส่งไปให้ ส่วนเงินน่ะก็เอาไปใช้ซื้อเครื่องแต่งตัวหรือจะทำอะไรก็ได้...แล้วก็...เผื่อแกอยากจะไปอยู่เป็นเพื่อนหนูยุ้ยหรืออยากจะเที่ยวหาไอเดียอะไรใหม่ๆ...อ้อ! แต่อย่าลืมถ่ายรูปใส่เฟสบุ๊คให้แม่ดูด้วยนะ จะได้รู้ว่าแกไม่ได้ไปแต่งตัวโทรมๆ ให้อายแขกคุณโมฮัดสามียัยยุ้ย แล้วถ้าชั้นเห็นแกใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไปร่วมงานแต่งละก็น่าดูแน่ๆ’

‘เอาแบบนั้นเหรอคะแม่...’ คนฟังคิดตามและถามแบบงงๆ ทว่ามารดาของเธอก็ตัดบทว่ากำลังยุ่งและตัดสายทิ้งก่อนจะฝากให้น้านีมาย้ำกับเธออีกครั้ง

‘คุณนายลั่นทมสั่งนักสั่งหนาว่ายังไงหนูอัยก็ต้องไป แล้วอย่าลืมแต่งตัวสวยถ่ายรูปมาให้น้าดูด้วยนะ ถือว่าไปพักผ่อนด้วยไงจ๊ะ เผื่อจะได้ไอเดียอะไรบ้าง’

‘พูดยังกะก๊อปปี้กันมาเลยนะคะ’ อัยรดาค่อนน้านี อีกฝ่ายจึงอ้างว่าพูดตามคำสั่งของคุณลีลาวดีต่างหากก็เลยเหมือนกัน



“คุณนายลั่นทม” อัยรดาพึมพำชื่อที่น้านีชอบใช้ล้อมารดาแล้วอดยิ้มไม่ได้ เพราะอัยรดารู้ดีว่าคุณลีลาวดีนั้นรักและห่วงใยตนเสมอแต่ว่าปากแข็งเพราะกลัวลูกจะติดนิสัยเป็นคุณหนูเลยทำเป็นปล่อยปะละเลย ซึ่งอัยรดาก็ติดนิสัยของมารดามาไม่น้อย

“เอ๊ะ!”

เป็นเวลาพักใหญ่ที่หญิงสาวมัวแต่คิดถึงเรื่องที่ประเทศไทยจึงไม่ได้สังเกตเลยว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าตนเองจนกระทั่งเธอก้มลงและเห็นรองเท้ามันวาบของเขาซึ่งทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้น

บุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหน้านั้นสวมกางเกงยีนส์สีดำใส่แจ็กเก็ตหนังทับเสื้อยืดสีเดียวกัน ตัวสูงกำยำ ใบหน้าคมคร้ามถูกบดบังด้วยแว่นตาสีดำยี่ห้อแบรนด์เนม

“ชื่ออะไร”

เขาถามห้วนๆ เร็วๆ เป็นภาษาอังกฤษทำให้อัยรดาตาโตมองอีกฝ่ายและคิดในใจว่าบอดี้การ์ดของญาตินั้นช่างไม่เป็นมิตรเอาซะเลย แต่ดีนะที่เธอได้เกรดดีที่สุดในวิชาภาษาอังกฤษแถมสมัยเรียนยังทำงานพิเศษเป็นไกด์จึงไม่มีปัญหาในการสื่อสาร

“อัยรดา” หญิงสาวตอบและอดไม่ได้ที่จะสังเกตมองอีกฝ่าย แต่ด้วยเสียงที่เร็วและเบาอีกทั้งยังเป็นชื่อภาษาไทย บุรุษเบื้องหน้าจึงขมวดคิ้วพร้อมแค่นเสียงดุ

“บอกให้ชัดๆ สิ!”

“อัยรดา!” คราวนี้หญิงสาวจึงยืนขึ้นและตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยเสียงอันดังซึ่งกลายเป็นว่ามันดังมากเกินไป คนทั้งอาคารจึงหันมามองเป็นตาเดียว และดูเหมือนบุรุษผู้นี้จะไม่ชอบใจนักเพราะเขารีบคว้าข้อมือเรียวและลากกระเป๋าของเธอตามไปอย่างเร็ว

“เฮ้ๆ เดี๋ยวสิ เดี๋ยว คุณเป็นใคร แนะนำตัวหน่อยได้ไหม มาลากคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง หยุดสิ ถ้าไม่หยุด ถ้าไม่พูด ฉันจะร้องให้คนช่วยนะ” น่าใจหายเหมือนกันที่ถูกชายไม่รู้จักดึงลากไปแบบนี้...แม้ว่าเขาจะหล่อก็เถอะ

เสียงร้องเป็นภาษาไทยปนภาษาอังกฤษและท่าทางพยายามฝืนตัวไม่ยอมเดินตามนั้นทำให้คนดึงหยุดเดินและหันกลับมาบอกอย่างรวบรัด

“ญาติเธอให้มารับ”

“ยุพากร...ยุ้ยให้มารับใช่ไหม งั้นคุณก็เป็นบอดี้การ์ดของคุณโมฮัดใช่หรือเปล่า...” หญิงสาวถามคนตรงหน้าก่อนจะหยุดยืนและดึงแขนตนเองออกจากอีกฝ่าย “ถ้างั้นก็โอเค บอกตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง...ไม่ต้องดึงหรอกเดินเองได้”

พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นบอดี้การ์ด หญิงสาวก็ก้าวอย่างเบาใจขึ้นและพอถึงรถ jeep สีน้ำตาลที่จอดรออยู่ เธอก็ปีนขึ้นไปนั่งด้านหลังทันที คนที่ลากกระเป๋ามาให้จึงหยุดมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนโยนกระเป๋าของตามเข้าไป

“โอ๊ย เบาๆ ก็ได้ เกือบทับหัวแม่โป้งแล้วนะ”

อัยรดาบ่นเป็นภาษาไทยพลางมองคนที่ปิดประตูและเดินไปประจำที่ตนเองพร้อมขับรถออกไปจากที่นั่นโดยไม่พูดไม่จา แต่พอรถเคลื่อนที่ออกจากสนามบินหญิงสาวก็ลืมเรื่องขุ่นเคืองใจนั้นเพราะมัวแต่มองทิวทัศน์แปลกตาตามข้างทาง ด้วยวิสัยนักเขียนทำให้เธอค่อนข้างสนใจสิ่งต่างๆ และพยายามเก็บรายละเอียดของสิ่งที่เห็นไปตลอดทางกระทั่งรถแล่นเข้าประตูรั้วสีทองหรูหรา

“อัยรดา”

ยุพากรร้องขึ้นเมื่อเห็นร่างเพรียวของอัยรดาก้าวเข้ามาในคฤหาสน์ ว่าที่เจ้าสาวมีรูปร่างบอบบางอยู่ในชุดสีน้ำเงินสวยงามและด้านในก็มีเสียงสรวลเสเฮฮาดังลั่นออกมา อัยรดาซึ่งตอนนี้มีคนรับใช้ช่วยถือสัมภาระจึงโผเข้ากอดญาติสนิท

“แก้มยุ้ย ไม่เจอกันตั้งนาน เผลอแป๊ปเดียวเป็นเจ้าสาวซะแล้วนะ”

“อัยจ๋า ดีใจจริงๆ ที่เธอมา รู้ไหมญาติเจ้าสาวมีแค่ไม่กี่คนเองนะ พอคุณป้าบอกว่าอัยจะมายุ้ยดีใจมากๆ เลย” สองคนต่างเรียกกันและกันในขณะที่หนุ่มมาดเข้มเดินหายไปแล้วซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้สนใจเขาอีก

“แล้วเพื่อนๆ ของยุ้ยล่ะ”

“ก็เชิญแค่เพื่อนสนิทสามสี่คน โน้นอยู่ด้านในกับคุณพ่อคุณแม่น่ะ” ยุพากรมองเข้าไปในห้องรับรองอีกด้านหนึ่งก่อนที่จะพาอัยรดาเข้าไปทำความรู้จักกับทุกคนและคุยกันสักพักก่อนจะพากลับออกมาอีกครั้ง และตอนนั้นเองที่หญิงสาวมองเห็นด้านหลังของชายหนุ่มที่ไปรับตนเองยืนเงียบๆ อยู่ในกลุ่มผู้ชาย ริมฝีปากสีชมพูจึงอดเปรยขึ้นมาไม่ได้

“บอดี้การ์ดของคุณโมฮัดนี่ดุเนอะ”

“ใคร อ้อ ซามาลน่ะเหรอ คือว่า...” ยุพากรมองหนุ่มร่างสูงที่ยืนเงียบๆ อยู่มุมหนึ่ง ชายหนุ่มมีรูปร่างสูงกำยำ เค้าหน้าหล่อเหลา ดวงตาสีน้ำตาลทองราวทะเลทรายยามต้องแสงอาทิตย์ แถมยังมีมาดเข้มและดุตามแบบชาวอาหรับในแถบทะเลทราย ตั้งแต่เขาเข้ามาหาโมฮัดนั้น เพื่อนๆ ของเธอก็ไม่เป็นอันทำอะไรเพราะมัวแต่จ้องมองหนุ่มรูปงามกันไม่วางตา

“ซามาลมาจากทะเลทราย เค้าไม่ชอบสังคมสักเท่าไหร่” ยุพากรพูดขึ้น ตอนแรกก็ว่าจะอธิบายเรื่องสถานะของซามาลแต่เมื่อคิดไปแล้วญาติของเธอก็ใช้คำพูดถูกต้อง ซามาลเป็นบอดี้การ์ดและอย่างน้อยเขาก็เคยทำงานกับคุณโมฮัด ที่เมื่อครู่ซามาลรับอาสาก็เพราะเขาเห็นว่าทุกคนต่างก็มีงานและกำลังจะไปธุระที่แอร์พอร์ตพอดี

“พวกขวางโลกแน่ๆ เลย”

อัยรดาพึมพำแต่เมื่อยุพากรหันมาถามหญิงสาวก็ปฏิเสธว่าไม่ได้พูดอะไร ตอนนั้นทั้งคู่กำลังจะเดินไปบันไดทางขึ้นชั้นสอง ซึ่งเจ้าสาวก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตั้งแต่พาอัยรดาเข้าไปในห้องโถง ดูเหมือนเหล่าบรรดาเพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวนั้นล้วนแอบมองมาทางเธอบ่อยๆ

“ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่ายุ้ย” อัยรดาเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันจึงเสียงถามทำให้ยุพากรดึงให้ญาติหยุดยืนและจ้องมองร่างเพรียวในเสื้อยืดสีขาว ซึ่งตอนนั้นอัยรดาถอนเสื้อยีนส์ตัวเล็กมาถือไว้แล้วเพราะรู้สึกร้อน

“อืม...สงสัยจะเป็นเพราะ...อัยแต่งตัวเซ็กซี่ละมัง ผู้หญิงที่นี่เขาไม่ใส่เสื้อยืดตัวเล็กๆ กางเกงยีนส์รัดรูปกันจ้ะ ถึงโซมานห์จะไม่ได้เคร่งครัดและเปิดรับโลกภายนอกมากแล้ว แต่ก็ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าแต่งตัวแบบอัย พวกเขาก็เลยไม่คุ้นน่ะ”

“เสื้อยืดกางเกงยีนส์เนี่ยนะ เซ็กซี่ตรงไหน แล้วกางเกงตัวนี้มันก็หลวมๆ ไม่ได้รัดอะไรขนาดนั้นซะหน่อย” แม้จะพูดแบบนั้นแต่อัยรดาก็อดที่จะจับเสื้อยีนส์ขึ้นมาสวมทับไม่ได้ ยุพากรจึงยิ้มให้อีกฝ่ายและบอกตามตรง

“ก็หุ่นอัยดี พอใส่แล้วมันดูเซ็กซี่นี่นา”

“ไม่เอาแล้วยุ้ย ไม่ต้องมาชมกันเอง แล้วหมายความว่าไงล่ะ หมายความว่าอัยต้องหากระโปรงมาใส่ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เลยเหรอ” แค่คิดถึงกระโปรงยาวๆ ที่อีกฝ่ายใส่ อัยรดาก็เริ่มอึดอัดแล้ว ยุพากรจึงยิ้มน้อยๆ

“ก็แค่ช่วงวันสองวันนี้เท่านั้นแหละน่าทนเอาหน่อยเพราะจะมีคนอยู่ในคฤหาสน์เยอะแยะแน่นอน อีกอย่างคุณป้าก็สั่งให้ยุ้ยหาชุดไว้ให้อัยแล้วด้วย คุณป้าบอกไซส์มาเสร็จสรรพ”

“นี่หมายความว่าแม่กลัวว่าฉันจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เข้าไปในงานจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย ไหนบอกว่าจะให้อัยไปซื้อเองไง”

“ไม่รู้สิ” ยุพากรหัวเราะพร้อมจับมืออัยรดาทำท่าจะพาไปที่ห้องพัก ทว่ากลับมีหญิงสาวรูปร่างอวบคนหนึ่งมาเรียกเพราะคุณโมฮัดต้องการให้ลงไปพบ

“งั้นเดี๋ยวให้ดาน่าพาไปที่ห้องนะอัย ดาน่าเป็นคนที่คุณโมฮัดจ้างมาเพื่อดูแลฉันโดยเฉพาะ เธอพูดไทยได้ อัยจะได้สื่อสารกันง่ายๆ ส่วนเสื้อผ้าอยู่ในตู้แล้ว อัยเลือกใส่ได้เลยตามสะดวก แล้วเดี๋ยวยุ้ยจะตามไปนะ”

อัยรดาพยักหน้ารับรู้ก่อนเดินตามดาน่ามาที่ห้องขนาดกว้าง ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกและมีผ้าม่านหลายชั้นป้องกันไอแดด ร่างเพรียวเดินไปเปิดตู้ใหญ่สีขาวติดผนังมองเสื้อผ้าแบบสาวอาหรับในนั้น ก่อนจะจัดการอาบน้ำแต่งตัวโดยเลือกชุดสีน้ำตาลพาสเทลตัวยาวเข้ารูป และนั่งรอญาติสาวอยู่ในห้อง

ทว่ากระทั่งฟ้าข้างนอกเริ่มมืดยุพากรก็ยังไม่ขึ้นมา อัยรดาจึงก้มลงดูตัวเองชุดกระโปรงยาวรุ่มร่ามแล้วตัดสินใจว่าจะเดินออกไปข้างนอก แต่เพราะเคยถูกตกเป็นเป้าสายตามาก่อน ร่างเพรียวจึงก้าวอย่างระมัดระวัง เดินตามทางอย่างช้าๆ ดวงตาหวานพยายามสังเกตห้องหับและมองหาญาติสาวหรือว่าคนไทยสักคนที่มาร่วมงาน ซึ่งไม่นานก็มองเห็นเพื่อนคนหนึ่งของยุพากรผลุบเข้าห้องตรงหัวมุม

“แนน...แนนนี่”

หญิงสาวนึกชื่อเล็กน้อยก่อนเรียกอีกฝ่ายพร้อมก้าวฉับๆ ไปยังห้องๆ นั้น ผมยาวสลวยสะบัดกระเพื่อมตามแรงเดิน มือเรียวยกขึ้นเกือบจะเคาะหรือหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตูอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงกุกกัก โต๊ะเก้าอี้ล้มเหมือนกำลังรีบร้อน เสียงชายหนุ่มหญิงสาว แถมด้วยเสียงครวญครางเบาๆ ซึ่งทำให้อัยรดาอ้าปากค้างตัวร้อนวาบและชะงักมือกึกพร้อมๆ กับที่มีเสียงถามดังขึ้นจากด้านหลัง

“ทำอะไร”

ร่างเพรียวรีบชักมือกลับและหันมามอง แต่ยิ่งเห็นว่าคนที่ยืนอยู่คือ ‘ซามาล’ บอดี้การ์ดที่ไปรับตนเองเมื่อเย็น ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวซึ่งเป็นลุคส์จากเสื้อยืดกางเกงยีนส์เป็นชุดกระโปรงตัวยาวกรอมข้อเท้าสีพาลเทลแล้วก็หรี่ตาอย่างจับผิด ทำให้ความร้อนผ่าวยิ่งสาดเข้าในจิตใจอัยรดาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ทว่าแทนที่หญิงสาวจะเดินหนีเธอกลับถอยหลังทำให้ตัวเองยิ่งชิดติดประตูบานนั้น เสียงสองคนในห้องยังครวญครางแต่ร่างเพรียวหน้าห้องนั้นตกประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก

“คือว่า...คือว่าฉัน...”

“มาทำอะไรหน้าห้องนอนแขกของคุณโมฮัด”

ซามาลถามเป็นภาษาอังกฤษและมีสีหน้าเรียบเฉยตามบุคคลิกอันเป็นลักษณะเฉพาะของบอดี้การ์ด กายกำยำขยับเข้าใกล้อัยรดา ใกล้จนหัวเข่าภายใต้กางเกงยีนส์สีดำนั้นชิดกับขาเรียวในชุดสีพาสเทล แต่เมื่อทำเช่นนั้นชายหนุ่มก็สามารถได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากห้องเช่นกัน ดวงตาเข้มจึงวาบขึ้นและก้มลงถามคนตัวเล็กกว่า

“แอบดู...งั้นเหรอ”

“อะไรนะ จะบ้าเหรอ!” อัยรดาตะโกนใส่อีกฝ่ายดังลั่น เสียงในห้องนั้นจึงเงียบลงอึดใจก่อนที่ชายเจ้าของห้องจะโหวกเหวกอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยภาษาซึ่งอัยรดาแปลไม่ออก จึงเป็นอีกครั้งที่ซามาลคว้าข้อมือหญิงสาวอย่างเร่งรีบและแทบจะอุ้มร่างเพรียวหลบเข้าไปในห้องข้างๆ

“ดึงฉันเข้ามาทำไม”

หญิงสาวแค่นเสียงใส่เพราะอีกฝ่ายอยู่ประชิดตัวเองมาก ใกล้จนน่ากลัว กลัวใจที่กำลังเต้นแทบทะลักออกมา ทว่าซามลก็ไม่ตอบคำถาม เขาเพียงจับข้อมือของเธอไว้แน่น ดังร่างเพรียวติดกับประตูห้องเพื่อไม่ให้เธอขยับ แถมยังชะโงกหน้าเข้ามาแนบหูลงกับประตูห้องเพื่อฟังเสียงด้านนอก

ปึง!

เขาได้ยินเสียงคนเดินและเสียงเนื้อไม้กระทบปูนโครมใหญ่ จึงเดาว่าชายเมื่อครู่คงเปิดประตูออกมาดูและกลับเข้าไปแล้ว เช่นนั้นชายหนุ่มจึงขยับออกมเพื่อจัดการกับหญิงสาวที่กำลังพยายามขยับหนี

“ถอยออกไปนะ หายใจไม่ออก...”

“เงียบน่า! รู้ไหมว่าถ้าเขาเปิดประตูออกมาแล้วเจอเธอยืนตะลึงอยู่ จะเกิดอะไรขึ้น”

“อะไร” อัยรดาลืมไล่อีกฝ่ายไปชั่วขณะ เธอหยุดถามอย่างไม่แน่ใจ บุรุษหนุ่มจึงเป็นฝ่ายถอยห่างเธอเสียเอง เขามองหญิงสาวอย่างช้าๆ ไล่เลียงตังแต่ศีรษะมนสวย ดวงตาหวาน ริมฝีปากอิ่มสีชมพู ลำคอระหงเนียนสวยน่าซุกไซร้

“พูดออกมานะ อย่ามามองแบบนี้” อัยรดารีบห้ามก่อนที่เขาจะมองต่ำลงไปกว่านี้ ซามาลจึงเหยียดมุมปาก ดวงตาสีน้ำตาลทองนั้นเป็นประกายวูบ

“เค้าอาจจะดึงเธอเข้าไปร่วมวงด้วย”

“บ้า! วิตถาร” เป็นอีกครั้งที่อัยรดาร้องออกมาด้วยความตกใจ ซามาลจึงดึงเธอเข้ามาปะทะอกแกร่งและยกมือปิดปากอีกฝ่ายไว้

“เสียงดังแบบนี้อยากลองดูใช่ไหม”

“อ๊ายๆๆ ม๊ายๆ” คนถูกปิดปากร้องปฏิเสธด้วยเสียงที่ไม่ชัดเจนนัก ชายหนุ่มจึงก้มลงมาแทบจะชิดใบหน้าเรียวพร้อมเหยียดมุมปาก

“ที่จริงผมไม่น่าถาม...ไม่งั้นคุณจะกล้าไปแอบฟังคนกำลังเมคเลิฟกันเหรอ”

“อ๊ายๆๆๆ”

อัยรดาตาโตดิ้นขลุกขลักและพยายามยกมือขึ้นเพื่อทำร้ายอีกฝ่าย ซามาลจึงต้องยกมือตั้งรับและกอดเธอไว้ก่อนจ้องหน้าทำนองถามว่าจะลองใช่ไหม

“กล้าเสียงดังงั้นเหรอ จะลองดูก็ได้นะ ฉันจะได้ส่งเธอเข้าไป” น้ำเสียงจริงจังทำให้คนโดนกอดเองก็ชักไม่แน่ใจเพราะอย่างน้อยที่นี่ก็ไม่ใช่ถิ่นที่อยู่ของตนเอง และเธอก็ไม่แน่ใจว่าจะคุยกับคนอื่นด้วยภาษาอังกฤษรู้เรื่องไหม

“ฉัน...รู้แล้ว เอามือออกไปก่อนได้ไหม”

หญิงสาวบอกเขาเสียงแทบกระซิบเพราะตอนนี้เริ่มกลัวว่าห้องข้างๆ จะได้ยินแล้ว แต่ซามาลกลับไม่ปล่อยและพูดต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ปล่อยก็ได้แต่ตอบมาก่อน”

“ตอบอะไร ตอบข้อไหนอีกล่ะ”

“ทำไมยืนอยู่ตรงนั้น”

“ก็...ฉันกำลังตามหาญาติชั้น แล้วผู้หญิงคนนั้น...ผู้หญิงที่อยู่ในห้องนั้นก็คือเพื่อนของยุพากร พอใจหรือยังล่ะ รู้ไว้นะว่าฉันไม่ได้ไปแอบดู...แอบฟัง...เอ่อ...ให้ตายสิ ปล่อยฉันได้แล้ว”

อัยรดาหลับหูหลับตาสะบัดหน้าไปมาเพราะจู่ๆ เสียงหนุ่มสาวที่กำลังเมคเลิฟกันนั้นก็ทำให้เธอขนลุกเกรียวและเผลอทุบหน้าอกชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งดังพลัก!

ซามาลผงะเล็กน้อยและถอยห่างร่างเพรียวสองสามก้าวและมองใบหน้านวลที่สาดไปด้วยสีชมพูนั้นทำนองว่าเขาควรจะเชื่อเธอดีหรือไม่ “จริงเหรอ”

“นี่...นี่!...กล้ามาถามฉันแบบนี้ได้ไง ฉันเป็นญาติเจ้านายของคุณนะ” อัยรดาทั้งโกรธทั้งอายเพราะถึงเธอจะไม่ได้ตั้งใจแต่การยืนอึ้งอยู่หน้าห้องนอนซึ่งมีคนกำลัง...ให้ตายสิ! ยิ่งคิดใบหน้าสาวสวยก็ยิ่งแดงก่ำ

“ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟังหรอกนะ กรุณาหลีกทางด้วยฉันจะกลับห้องแล้ว”

เอ่ยจบอัยรดาก็รีบตรงไปที่ประตูทั้งโกรธทั้งอายจนไม่รู้จะพูดอะไรและพาลโกรธไปถึงหนุ่มสาวคู่นั้นที่ช่างไม่รู้เวลาเอาเสียเลย

“จะมาอะไรกันตอนนี้นะ!”

เธอพึมพำก่อนรีบเดินออกไปจากห้องนั้น ทว่าก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อพบคนรับใช้ของยุพากรยืนอยู่

“ดาน่า...”

“คุณยุพากรไม่ว่างก็เลยสั่งให้ฉันขึ้นมาคอยดูแลคุณ แล้วก็ให้มาตามคุณไปร่วมงานเต้นรำข้างล่าง แล้วนี่คุณอัยรดาไปไหนมาคะ เข้าไปทำอะไรในห้อง...”

ดาน่าถามอย่างสงสัย และยิ่งขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นซามาลเดินออกมาจากมุมเดียวกับอัยรดา แต่คนถูกถามไม่ได้สนใจและไม่ได้ตอบเนื่องจากกำลังนึกถึงคำสั่งของมารดา

“ลงไปร่วมงานงั้นเหรอ จริงสิ! คุณนายลั่นทมสั่งให้ถ่ายรูปลงเฟสนี่นา รอเดี๋ยวนะ” หญิงสาวบอกก่อนกลับเข้าห้องไปหยิบไอแพดใส่ลงไปในกระเป๋าถือใบเล็ก



******************************************



แว่นใส
ได้เรื่องไปเที่ยวแระ อิอิ

คิมหันตุ์
ขอบคุณค่า

Siang
จ้าน้องสาว

Zephyr
55 ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายค่ะ ว่างๆ จะเขียนให้อ่าน สงสัยจะ 400 หน้า กร๊ากกก

ตามหาฝัน
ขอบคุณค่าา






แพรพริมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2557, 11:46:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2557, 11:46:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1726





<< บทนำ   2 >>
แพรพริมา 5 มิ.ย. 2557, 16:08:47 น.
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ สำหรับไลค์ คริคริ


แว่นใส 5 มิ.ย. 2557, 17:26:21 น.
เข้าใจผิดกันไปไกลแน่


Zephyr 5 มิ.ย. 2557, 18:12:45 น.
นายซามาลดูพาลๆนะคะ
หาเรื่องนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
แต่เพราะเข้าใจผิดสินะ
สองคนนั้น ใครกัน อย่าหักมุมนะ


Siang 5 มิ.ย. 2557, 19:46:09 น.
อัยรดาคงโชคไม่ดี อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น


ผักหวาน 2 ก.ค. 2557, 11:20:12 น.
หนูอัยน่ารักจังเลยค่ะ ชอบมากๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account