กรุ่นรักเคียงธารา
กรุ่นรักเคียงธารา โดย พายุ

เป็นหนึ่งในงานซีรีย์ชุด "พฤกษาธาราสวาท"
ซึ่งมีสี่เรื่องราว สี่ภาคด้วยกัน

เรื่องกรุ่นรักเคียงธารา เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การอนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำภาคเหนือครับ
ส่วนอีกสามเรื่องได้แก่...
มหานทีแห่งรัก โดย แอล เป็นเรื่องราวการอนุรักษ์แม่น้ำโขงและเรื่องราวการผันน้ำเข้ามาใช้การเกษตร (ภาคอีสาน)
ปลูกรักริมใจ โดย พิมพ์ชนก เป็นเรื่องราวของสองหนุ่มสาวหัวใจอนุรักษ์ต้นไม้กับการพยายามสร้างธรรมชาติบนพื้นที่เมืองหลวง (ภาคกลาง)
ทะเลรักล้อมดาว โดย ชุติวรรณ เรื่องราวการอนุรักษ์ผืนป่าชายเลน กับท้องทะเล (ภาคใต้)

มาร่วมกันเป็นกำลังใจให้แปดคนสี่คู่ ที่มีหัวใจอนุรักษ์ธรรมชาติเช่นเดียวกันได้ในงานชุดนี้ครับ

****

กรุ่นรักเคียงธารา โดย พายุ

เป็นเรื่องราวของนักพัฒนาสาว ที่เดินทางสู่จังหวัดชิดขอบชายแดน กับผืนป่าที่มีมนตร์ขลังของเรื่องราวความเชื่อที่ถูกผนวกกันอย่างลงตัว

สาวเมืองกรุงอย่าง ธาราริน จะสามารถนำเอาแนวคิดสมัยใหม่ เข้าไปใช้ในหมู่บ้านกลางป่าใหญ่ ที่มีหลักความเชื่อที่แปลกแตกต่างจากคนทั่วไปหากจุดมุ่งหมายคืออนุรักษ์ผืนป่าให้ลูกให้หลานได้หรือไม่

ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร ติดตามและเอาใจช่วยนักพัฒนาสาวคนนี้ได้ใน...กรุ่นรัก เคียงธารา
Tags: อนุรักษ์ ผืนป่า แนวความคิด หลักเศรษฐกิจพอเพียง ความเชื่อ มนตร์ขลังของผืนป่ากว้าง

ตอน: ตอนที่ ๐๑ นักพัฒนาสาวหัวใจแกร่ง

ตอนที่ ๑

ครั้นชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งหน่วยรุกฆาตเดินด้วยท่วงท่าองอาจเข้ามาในห้องนั้น หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพี่ชายพร้อมกับรอยยิ้มกริ่มยินดี ก่อนจะส่งเอกสารในมือซึ่งสลักคำสั่งลับให้กับเขาโดยไม่พูดอะไร

อัครินทร์ ถิ่นเมฆา มองกระดาษเอกสารในมือหญิงสาวสลับกับกรอบหน้าสวยหวานแกมมุ่งมั่นอย่างไม่เข้าใจในความหมาย

“อะไรของแก ยายธาร”

“ลองอ่านดูสิคะ พี่ชาย”

หญิงสาวว่าพร้อมคะยั้นคะยอส่งกระดาษให้พี่ชายอีกครั้งเป็นเชิงเร่งให้เขารับไปอ่านโดยเร็ว

นายตำรวจหนุ่มรีบเอื้อมมือคว้ากระดาษแผ่นนั้นพร้อมกับบ่นพึมน้องสาวที่ไม่ยอมเปิดปากบอกอะไรเขามากไปกว่าให้ตนอ่านจากเอกสารชุดนั้นด้วยตัวเอง

“หวังว่าจะไม่ใช่คำสั่งบรรจุงานของแกหรอกนะ”

เขาพูดเช่นนั้นก่อนจะเงียบเสียงอ่านเอกสารไปสักพัก ก่อนจะรู้ว่าสิ่งที่ตนพูดไปเมื่อสักครู่มันไม่ได้ผิดไปจากนั้นเลย

ธาราริน ถิ่นเมฆา น้องสาวของเขาได้รับเอกสารคำสั่งส่งตัวพัฒนากรลงบรรจุในจังหวัดที่เธอได้เลือกเอาไว้

สามตัวเลือกที่น้องสาวของเขาได้เคยบอกไปเมื่อหลายเดือนก่อนคือจังหวัดในภาคเหนือทั้งสิ้น

แม่ฮ่องสอน พะเยาและน่าน

“ธารชอบธรรมชาติค่ะ ธารอยากอยู่กับธรรมชาติ ถ้าได้ทำงานจริงๆ ธารอยากจะทำงานกับพี่น้องชาวเหนือ มีบรรยากาศอันอบอุ่น เย็นสบาย ผู้คนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและวัฒนธรรมอันอ่อนช้อยงดงาม”

นั่นคือเหตุผลที่เขาได้รับทราบจากน้องสาวเมื่อหลายปีก่อน

ธารารินชอบภาคเหนือเป็นที่สุด ทุกๆ ปีหญิงสาวมักจะหาโอกาสไปพักผ่อนกับเพื่อนที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือไม่ก็จังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือ

เช่นเดียวกับการเลือกลงบรรจุทำงาน หญิงสาวได้เลือกจังหวัดที่มีแต่ธรรมชาติเพื่อการทำงานอย่างเต็มที่และมีความสุขตามความต้องการ

“แกแน่ใจหรือว่าจะไปอยู่ได้ มันไม่ใช่ใกล้ๆ นะ”

ชายหนุ่มละจากเอกสารชุดคำสั่งบรรจุพนักงานราชการในตำแหน่งที่ผู้คนทั่วไปรู้จักในนามของนักพัฒนามามองหน้าธารารินอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจในความต้องการของเธอ

ฝ่ายหญิงสาวยิ้มหวานแล้วลุกขึ้น ก่อนจะมาคลอแขนล่ำของพี่ชายแล้วว่า

“ธารเลือกแล้วค่ะ คำสั่งให้รายงานตัวอบรมในอาทิตย์หน้าก่อนลงปฏิบัติงานจริงในอีกหนึ่งเดือนค่ะ พี่รินไปส่งธารนะ”

“แล้วพี่คินทราบเรื่องนี้หรือยัง”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบแล้วมองหน้าน้องสาวคนสวย รอคำตอบจากเธอซึ่งก็นิ่งไปเช่นกัน

พี่คิน หรือ เภคินทร์ ถิ่นเมฆา เสืออากาศแห่งกองกำลังอินทรีผยอง นายเรืออากาศหนุ่มแห่งน่านฟ้าไทย พี่ชายคนโตของตระกูลซึ่งเวลานี้ย้ายไปประจำการที่กองทัพ ทิ้งให้น้องชายคนรองและน้องสาวคนเล็กอยู่บ้านและดูแลกันเองหลังจากบิดาและมารดาเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน

ธาราริน ดูเหมือนจะสนิทกับอัครินทร์มากกว่าพี่ชายคนแรก นั่นเพราะทั้งสองได้อยู่ใกล้ชิดและเห็นกันทุกวัน

แม้ทั้งสามคนจะถูกเลี้ยงมาจากครอบครัวที่อยู่ในฐานะปานกลาง แต่บิดามารดาของพวกเขาก็สอนและปลูกฝังให้ดูแลตัวเอง มีความรับผิดชอบสูง มุ่งมั่นต่อหน้าที่ เภคินทร์ ถิ่นเมฆาดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างให้กับน้องๆ เข้ารับงานราชการ รับใช้แผ่นดินเกิดอย่างเต็มภาคภูมิ

คนต่อมาคืออัครินทร์ ที่เดินตามรอยพี่ชายเข้ารับงานราชการตำรวจ สังกัดหน่วยรุกฆาต ตำรวจสายลับแห่งกรมตำรวจไทย

บัดนี้ธาราริน กำลังก้าวตามพี่ชายทั้งสองคนเข้ารับงานราชการเป็นนักพัฒนา โดยเลือกชนบทเพราะเห็นว่าสมควรจะนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาฟื้นฟูให้สมกับความตั้งใจ ตามรอยของพ่อหลวงแห่งปวงชนชาวไทย

เรื่องนี้เภคินทร์ยังไม่ทราบ อัครินทร์จึงเห็นควรให้น้องสาวบอกกล่าวกับพี่ชายเสียก่อน เพราะถึงแม้จะไม่มีพ่อแม่แล้ว เภคินทร์พี่ชายคนโตก็เหมือนพ่อแม่อีกคนของพวกเขา

นานกว่านาที หญิงสาวคนสวยจึงยิ้มแล้วอ้อนอัครินทร์ให้พาไปหาพี่ชายคนโตเพื่อให้ช่วยบอกเรื่องนี้กับเภคินทร์ ซึ่งเธอรู้ดีว่าพี่ชายจะต้องไม่พอใจและไม่เห็นควรด้วยอย่างแน่นอนที่น้องสาวไปทำงานไกลหูไกลตา แม้จะเป็นงานราชการรับใช้แผ่นดินเหมือนกับพี่ชายทั้งสองก็ตาม

อย่างที่คาดไว้ตั้งแต่แรก ครั้งแรกเภคินทร์ไม่ยอมให้น้องสาวไปปฏิบัติราชการในจังหวัดภาคเหนือตามคำสั่ง โดยเขาบอกว่าจะอาสาไปคุยกับอธิบดีกรมฯ เองเพื่อจะย้ายตัวของน้องสาวให้มาทำงานใกล้ๆ ในภาคกลางหรือในกรุงเทพฯ หากธารารินกลับไม่ยอม ย้อนพี่ชายไปหลายคำซึ่งหนึ่งในนั้นคือเหตุผลที่เธอต้องการตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกษัตริย์นักพัฒนา ที่เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องชาวชนบทผู้ยากไร้อย่างไม่สนต่อความยากลำบาก อย่างนี้แล้วคนเราประชาชนคนไทยที่ต้องการตามรอยพระองค์ท่านจะกลัวไปทำไมกับความลำบากเหล่านั้น ซึ่งเหตุผลนี้เองที่พี่ชายคนโตไม่อาจจะขัดขวางความมุ่งมั่นของเธอได้

เสืออากาศหนุ่มจึงได้แต่อวยพรน้องสาวที่รักในอาทิตย์ต่อมา โดยการเดินทางครั้งนี้มีอัครินทร์เดินทางติดตามไปส่งน้องสาวด้วยตัวเอง

การเดินทางสู่เมืองเหนือของธาราริน ถิ่นเมฆา จึงเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งในช่วงหนึ่งเดือนแรกเธอเข้าร่วมการอบรมพร้อมกับเพื่อนร่วมอาชีพที่ได้รับการบรรจุงานในชุดเดียวกัน ก่อนจะถูกส่งตัวไปยังจังหวัดและอำเภอที่ได้รับผิดชอบ



อีกหนึ่งเดือนต่อมา

ศาลากลางจังหวัดพะเยา...

สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ทำงานแห่งแรกของหญิงสาวหลังจากเรียนจบปริญญาโทในสายงานการพัฒนาและนอนกินเที่ยวเตร่อยู่ร่วมเวลาหนึ่งปีอย่างสุขสบายเพื่อรอคำสั่งการเรียกเข้าบรรจุเป็นพนักงานราชการ

ณ ที่แห่งนี้หญิงสาวได้พบเจอกับพัฒนาการจังหวัดและพี่ๆ พัฒนากรหลายคน แต่ละคนแม้จะมาจากต่างที่ ทางทิศทาง ต่างฐานะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันกับเธอคือการเป็นนักพัฒนา ตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย

“ป่าเขาลำเนาไพร ไม่ว่าจะใกล้ไกล พระองค์ท่านทรงเสด็จไปทุกแห่งที่ แม้จะทุรกันดารขนาดไหน พระองค์ก็เคยไป อย่างจังหวัดพะเยาของเรานี้ก็เหมือนกัน เมื่อหลายสิบปีก่อนองค์พ่อหลวง องค์แม่หลวงก็เคยเสด็จมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นพี่อยากจะให้เธอตั้งใจทำงาน แม้จะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ขอให้มุ่งมั่นนึกถึงพระองค์ท่านเอาไว้นะ เพราะสมัยนั้นกับสมัยนี้มันต่างกันมาก ความลำเค็ญที่พระองค์ทรงพบเจอทรงมากกว่าเราในสมัยนี้หลายร้อยเท่านัก”

นั่นคือคำที่พี่เลี้ยงของหญิงสาวเอ่ยในช่วงสัปดาห์ต่อมาหลังจากที่รู้จักและสนิทกันมากขึ้น พี่คนนั้นคือพี่สีฟ้า หญิงสาวชาวอีสานที่หลงใหลในความเป็นเมืองเหนือจนเลือกมาบรรจุงานราชการที่ภาคเหนือตลอดจนตั้งหลักปักฐานไม่ยอมย้ายไปไหนอีก

ฝ่ายหญิงสาวยิ้ม ซึมซับคำบอกกล่าว คำตักเตือนในการประพฤติปฏิบัติตัว รวมไปถึงงานในด้านการพัฒนาในช่วงการทดลองงานเดือนแรก ก่อนจะส่งตัวหญิงสาวไปยังอำเภอที่เธอได้รับการบรรจุ นั่นก็คืออำเภอเชียงตะวัน

ดูเหมือนธาราริน ถิ่นเมฆา สาวเมืองกรุงจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นหนักหนาในครั้งเดินทางมุ่งสู่อำเภอเล็กๆ ที่วางตัวอยู่เกือบเหนือสุดของจังหวัดพะเยา ที่แห่งนี้มีภูเขาน้อยใหญ่ วางตัวลดหลั่นล้อมรอบตัวอำเภอแห่งนั้นเอาไว้ประหนึ่งห้อมล้อมเมืองให้ตัดขาดจากโลกภายนอก เก็บความเป็นพื้นถิ่นเอาไว้อย่างงดงาม

หญิงสาวจุดยิ้มยามมองสายหมอกในช่วงฤดูหนาวลอยเกลี่ยเหนือยอดเขาสูงเป็นทิวแถวอย่างงดงามในวันที่เดินทางไปกับรถของพัฒนาการจังหวัดเพื่อส่งตัวเธอสู่อำเภอเชียงตะวัน

“สวยจัง...” เธอหันมาทางพี่เลี้ยงแล้วว่า “มีแต่ธรรมชาติทั้งนั้นเลยนะคะพี่”

ฝ่ายสาวอีสานจุดยิ้มก่อนจะว่า

“อยู่นานๆ ไปเธอก็จะชอบเองนะ ผู้คนที่นี่ส่วนมากใจดี เป็นกันเอง โดยเฉพาะอริมาพัฒนากรของอำเภอนี้ ซึ่งเป็นรุ่นน้องของพี่เอง เดี๋ยวพี่จะแนะนำให้รู้จัก”

การเดินทางใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงก็ถึงตัวอำเภอเชียงตะวัน จริงอย่างที่พี่สีฟ้าพูดเอาไว้ว่าผู้คนเมืองนี้มีแต่คนจิตใจดี เพราะขนาดเจ้าหน้าที่อำเภอ หลายๆ คนยังมารอต้อนรับหญิงสาวครั้งเมื่อเห็นรถของจังหวัดเดินทางมาถึง

แต่ละคนต้อนรับขับสู้เธออย่างดีเยี่ยม รวมถึงความเป็นกันเองจนทำให้ธารารินรู้สึกคลายใจกับการที่ตนต้องเดินทางมายังสถานที่แปลกหูแปลกตาและไม่คุ้นชิน ในคราวแรกเธอกลัวว่าจะพบเจอแต่คนหลอกลวง ใช้เล่ห์เหลี่ยมจนทำให้ต้องเสียใจเหมือนผู้คนที่มีไม่น้อยในเมืองกรุง

กลับตรงกันข้ามเมื่อเธอได้มายังสถานที่แห่งนี้...ภาคเหนือ จังหวัดพะเยา อำเภอเล็กๆ อย่างอำเภอเชียงตะวัน

ไม่ผิดเลยที่ใครหลายคนต่างชื่นชอบและขานให้คนบ้านเมืองเหนือเป็นคนที่มีวัฒนธรรมอันอ่อนช้อยงดงาม

ในช่วงค่ำของวันนั้นมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับธาราริน ถิ่นเมฆา นักพัฒนาสาวคนใหม่ยังร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งริมแม่น้ำสายสำคัญของตัวเมือง

ที่แห่งนี้เธอได้เห็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมากมาย ผู้คน วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและอาหารรสชาติอร่อยที่เธอชื่นชอบเป็นที่สุด

นักพัฒนาสาวมองการแสดงบนเวทีซึ่งเป็นการรำของหญิงสาววัยรุ่นอายุอานามประมาณกันกับเธอ ในชุดการแสดงแสงรุ้งแห่งเชียงตะวัน ซึ่งเป็นการฟ้อนรำด้วยชุดพื้นเมืองของพี่น้องชาวอำเภอเชียงตะวันกว่ายี่สิบชีวิตผลัดเปลี่ยนกันมาฟ้อนรำ โดยแบ่งแยกตามชนเผ่าต่างๆ ที่มีในอำเภอนี้ ทั้งชาวพื้นเมือง ชาวไทลื้อ ชาวไทใหญ่ รวมถึงชาวเขาเผ่าต่างๆ อีกกว่าสามสี่เผ่า

“สวยจังเลยนะคะ โดยเฉพาะชุดของแต่ละการแสดง อลังการมากเลยค่ะ ธารไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย”

หญิงสาวหันไปปรารภกับหญิงสาวผู้ได้รับช่วงเป็นพี่เลี้ยงของเธอต่อจากพี่สีฟ้า

“ชอบไหมคะน้องธาร”

“ชอบมากเลยค่ะ ธารดีใจจังที่พี่ๆ ทุกคนต้อนรับธารอย่างเป็นกันเองและดีแบบนี้”

“มันเรื่องเล็กมากเลยนะสำรับน้องสาวคนสวยของคุณเภคินทร์ ถิ่นเมฆา...”

พี่เลี้ยงสาวคนนั้นพูดก่อนจะทำท่าตกใจแล้วยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าตนได้พูดคำบางคำอันไม่สมควรออกไป

หากมันกลับช้าไปกว่าธารารินเสียแล้วเมื่อหญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับสายตาคาดคั้น

“หมายความว่าอย่างไรกันคะ พี่อบรู้จักพี่คินของธารได้อย่างไรกัน”

“เอ่อ ปะ...เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”

พัฒนากรสาวคนนั้นยิ้มเจื่อนพร้อมโบกมือปฏิเสธ

“แต่ธารรู้นะคะว่าพวกพี่รู้จักพี่คิน ถึงขนาดรู้จักชื่อกันขนาดนี้ ทุกคนจะต้องมีนอกมีในอะไรกับพี่ชายของธารอย่างแน่เลย”

เธอว่าเสียงเขียว เธอเริ่มลำดับและผนวกเรื่องราวต่างๆ เข้าจนเป็นเรื่องเดียวกันในเวลานั้น

ไม่น่าล่ะ ตั้งแต่เธอเดินทางมายังจังหวัดนี้ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่อยู่ในตัวจังหวัดมีแต่คนเอาใจใส่ ไม่แม้กระทั่งงานเลี้ยงต้อนรับเธออย่างอลังการในวันนี้

ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเพราะพี่ชายของเธอนี่เอง

พี่คิน เภคินทร์ ถิ่นเมฆา ทำอะไรกับเจ้าหน้าที่นักพัฒนาของจังหวัดนี้กันแน่ เหตุใดทุกคนถึงได้ให้การต้อนรับเธออย่างดีมากขนาดนี้

“บอกธารมาเถอะค่ะ ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ธารก้าวเข้ามาในจังหวัดนี้เกิดขึ้นเพราะพี่ชายของธารขอร้องมา”

“มะ...ไม่...ไม่นี่คะน้อง พวกเราทำเพราะยินดีที่น้องมาร่วมงานกับพวกเรา ใช่ไหมคะ พี่เทพ”

พี่เลี้ยงสาวเริ่มลนลานก่อนจะหันไปหาที่พึ่งอย่างอมรเทพ หัวหน้าพัฒนาการอำเภอของเธอหมายใจให้เขาช่วยเหลือและทำความเข้าใจกับธารารินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเกินความคาดหมายนี้ไม่ได้เกิดเพราะธารารินเป็นเด็กเส้นของกรมฯ ที่มีเภคินทร์ พี่ชายของเธออยู่เบื้องหลัง

ฝ่ายชายวัยกลางคนเจ้าของชื่อพี่เทพหรืออมรเทพหลังถูกสะกิดและอริมากระซิบบอกเขาว่าธารารินเริ่มประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้แล้วว่าการต้อนรับอย่างเอิกเกริกนี้เป็นเพราะนักพัฒนาสาวคนใหม่เป็นเด็กของกรมฯ

เขามีสีหน้าไม่สู้จะดีนักเมื่อสบสายตาของหญิงสาววัยยี่สิบห้า ซึ่งเพิ่งก้าวเข้ามาเป็นพี่น้องชาวพัฒนาชนบทในยามที่รู้เรื่องราวบางอย่างของการต้อนรับการทำงานแรกของเธอ

ดูเหมือนว่าเธอกำลังไม่พอใจพวกเขาที่ปิดบังเธออยู่

“บอกมาสิคะ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะน้ำมือของพี่ชายของธาร”

เธอว่าเสียงเขียว หมายใจคั้นเอาความจริงให้ได้จากปากของหัวหน้าส่วนงาน

เช่นเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ ที่หันมองหญิงสาวเป็นตาเดียว

บางคนทำสีหน้าหนักใจไม่ต่างกับอมรเทพและอริมา

แต่ก็มีบางคนจุดยิ้มแล้วหันไปซุบซิบกัน

เธอมองออกว่าในรอยยิ้มเหล่านั้นคืออาการยิ้มหยันที่มอบให้เธอโดยเฉพาะ

พวกเขาบางคน บางกลุ่มเหมือนจะไม่ชอบเธอเอาเสียเลย แม้ในคราวแรกจะยิ้มแย้มอยู่ในหน้าก็ตาม แต่เธอก็มองออกจากแววตาที่เป็นเต็มไปด้วยความหลอกลวง

ธารารินเคยเตือนตัวเอง เธอเกลียดความหลอกลวงและคนโกหกเป็นที่สุด

และเวลานี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังทำให้เธอรู้สึกขลาดแขยงต่อการหลอกลวง พวกเขากำลังหลอกลวงเธอ

พวกเขาโกหก ไม่แม้กระทั่งพี่ชายใหญ่ของเธอก็ยังโกหก

หยาดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาคู่สวย ร่างแบบบางเริ่มสั่นเทิ้ม ความไว้วางใจในคำว่าชาวพี่น้องนักพัฒนาเป็นคนจิตใจดี โอบอ้อมอารีกำลังถูกหักล้างด้วยสีหน้าอ้ำอึ้งไม่ยอมบอกความจริงของพวกเขา

คิดจะปิดไปถึงไหนกัน...

แม้ว่าเธอจะเป็นสาวมั่น ทันสมัย แต่เมื่อมาเจอในสถานการณ์แบบนี้ มันต่างบ้านต่างเมือง ต่างที่พึ่งพา ทุกอย่างรอบตัวแม้อากาศจะเป็นใจ เย็นสบาย งดงามและอ่อนช้อย หากเวลานี้เธอกลับรู้สึกว่ามันเสมือนป่าหิมะที่กำลังร่วงหล่นลงทีละก้อนสองก้อนและกำลังบีบคั้นให้ร่างของเธอแข็งตายอยู่ตรงจุดนั้น

ธาราริน ถิ่นเมฆา ตัดสินใจพยุงตัวเองลุกขึ้น พยายามข่มน้ำตาไม่ให้มันไหลและพยายามข่มความรู้สึกหวาดกลัวทั้งหมดให้สิ้นไป มองทุกคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยขอตัว

“วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ธารขอตัวไปพักก่อนนะคะ”

ฝ่ายอริมารีบผวาลุกตามแล้วคว้าแขนสาวรุ่นน้องไว้ได้ทัน

“เดี๋ยวก่อนสิน้องธาร พวกพี่ขออธิบายก่อนนะคะ”

“อธิบายอะไรหรือคะ”

หญิงสาวแสร้งยิ้มทำเป็นไม่รู้ทัน ก่อนจะกราดยิ้มให้ทุกคนที่ร่วมโต๊ะเป็นเชิงขออภัยกับการที่เธอต้องเสียมารยาทก่อนจะเดินออกจากโต๊ะนั้นไปโดยมีอริมาติดตามมาด้วย

ทั้งสองเดินทางมาถึงยังบ้านพักพนักงานซึ่งอยู่ไม่ห่างจากร้านอาหารนั้นมากนัก ตลอดเส้นทางธารารินนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร แม้พี่เลี้ยงสาวจะพยายามอธิบายทำความเข้าใจเธอกลับทำนิ่งเป็นหูทวนลม

เดินขึ้นมาถึงหน้าห้องพัก หญิงสาวจากกรุงเทพฯ จึงหันมาทางพี่เลี้ยงแล้วกล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณนะคะพี่อบ ที่มาส่งธารถึงห้อง”

“ธาร พี่อยากจะอธิบายเรื่องทั้งหมดนะคะ พี่อยากอธิบายในความจริงใจของพี่และพี่ๆ ทุกคน”

“เอาไว้วันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ วันนี้ดึกแล้ว ธารอยากจะพัก”

เธอตัดบทโดยการเสียบกุญแจแล้วไขเปิดประตูห้อง เห็นดังนั้นอริมาจึงหน้าเหวอก่อนจะตัดสินใจแทรกตัวเข้าไปในห้องก่อนเจ้าของ

“พี่จะไม่ยอมกลับห้องจนกว่าธารจะฟังพี่อธิบายและจนกว่าน้องธารจะเข้าใจพี่ถึงจะสบายใจ”

ธาราริน ถิ่นเมฆา ส่ายหน้าอย่างระอา หญิงสาวถอนใจก่อนจะเข้าไปในห้องในที่สุด

ไฟในห้องนั้นสว่าง ส่องให้เห็นห้องชุดที่ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้านประหนึ่งมีใครจัดเรียงและปัดกวาดเช็ดถูให้อย่างดิบดี ธารารินส่ายหน้าหลังมองกราดไปทั่วทั้งห้องก่อนจะไปหยุดยังกระเป๋าสัมภาระที่เธอนำติดตัวมาเพียงสองชิ้นเท่านั้น

แม้ตอนบ่ายเธอจะเคยเข้ามาในห้องนี้แล้วเพื่อนำกระเป๋ามาไว้ แม้จะแปลกใจในคราวแรกกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหรูและห้องชุดที่ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบของพนักงานราชการเงินเดือนต่ำที่ไม่ควรจะหรูหรามากมายขนาดนี้ นึกค้านในคราวแรกแต่เธอก็ตัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปแล้วเมื่อตอนบ่ายว่ามันอาจจะเคยเป็นห้องชุดของพนักงานราชการคนอื่นที่ทิ้งสมบัติเอาไว้มากมายจนคนที่มาเช่าห้องต่ออย่างเธอได้รับอานิสงค์ตามไปด้วย

จวบจนกระทั่งเวลานี้หญิงสาวจึงเข้าใจในความหมาย ความเคลือบแคลงในคราวแรกมันไม่ได้ผิดทั้งหมด มันแค่แตกต่างเพียงนิดเท่านั้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในห้องนี้เป็นคำสั่งจากกรมฯ ซึ่งมีพี่ชายของเธออยู่เบื้องหลังนั่นเอง

สาวจากเมืองกรุงทรุดกายลงนั่งบนเตียง มองอริมา...หญิงสาวผู้ได้รับหน้าที่มาเป็นพี่เลี้ยงของเธอต่อจากพี่สีฟ้าแล้วถอนใจ

“ธารให้เวลาพี่อบอธิบายสิบนาทีนะคะ วันนี้ธารเหนื่อยมากอยากจะพัก”

ฝ่ายพี่เลี้ยงสาวจุดยิ้มเจื่อน ก่อนจะเริ่มต้นอธิบายเรื่องราวทั้งหมดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นคำสั่งด่วนมาจากกรม ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลน้องสาวของเภคินทร์ ถิ่นเมฆา ให้มากที่สุด พยายามเสาะหาความสะดวกสบายให้กับหญิงสาวและอำนวยความสะดวกในการทำงานของหญิงสาวอย่างดีที่สุด

“แสดงว่าตั้งแต่ก้าวแรกของธารที่ก้าวมายังจังหวัดนี้ ทุกคนต่างให้ความช่วยเหลือธาร เพราะเห็นว่าธารเป็นเด็กเส้นใช่ไหมคะ”

อริมาพยักหน้าช้าๆ อย่างจำยอม

ธารารินมองหน้าสาวรุ่นพี่อยู่นิ่งนาน...ใช่ เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด ความคิดที่มันดูโหดร้ายกับจิตใจของเธออย่างมากมาย

ทุกคนในที่นี่ต่างหลอกลวงเธอ...พวกเขาต่างเห็นเธอเป็นเด็กเส้นที่สมควรจะดูแลทะนุถนอมเอาใจใส่อย่างกับไข่ในหิน

ทั้งที่ศักยภาพของเธอมีมากมาย ไม่ต้องพึ่งพาใครหากไม่จำเป็นจริงๆ

พี่ชายของเธอทำผิด...กรมฯ ก็ทำผิดทั้งต่อเธอและต่อจรรยาบรรณ

แบบนี้เธอไม่ชอบเอาเสียเลย

แม้จะโกรธเคืองอย่างมากมาย หากหญิงสาวกลับข่มความรู้สึกนั้นให้สุดขั้วหัวใจ ไม่ให้วู่วามทำเกินเหตุจนกลายเป็นเรื่องร้ายแรงไปได้

ในเมื่อทุกคนพยายามจะดูแลเอาใจใส่เธอ เธอก็จะพยายามทำตัวให้เป็นปกติและหาทางหลีกหนีไปให้ไกลสุดกู่

ดี...โกหก หลอกลวงกันได้ก็ให้ทำกันไป ฉันจะไม่สนใจอีกต่อไป ฉันจะทำหน้าที่ของฉันตามศักยภาพที่มี ความสามารถของฉันไม่ได้น้อยไปกว่าคนอื่นๆ เสียหน่อย

เธอบอกใจตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าพร้อมยิ้ม

“โอเคค่ะ ธารเข้าใจพวกพี่ๆ ทุกคนที่ต้องทำตามคำสั่งของผู้หลักผู้ใหญ่นะคะ”

“น้องธารคะ...” อริมาลุกจากที่เดินมาหาสาวรุ่นน้อง คว้ามือบางละเอียดงามนั้นมากุมก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยแล้วว่าต่อ

“น้องธารโปรดเข้าใจนะคะว่าพวกพี่ๆ ต่างต้องจำใจทำตามคำสั่ง แม้ว่าบางคนจะไม่ชอบใจกับการเป็นเด็กเส้นของน้อง พวกเขาต่างตั้งแง่กับน้องอย่างมากมายตั้งแต่เห็นแค่ชื่อของน้องเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แต่กับพี่ พี่อยากจะให้น้องเข้าใจนะว่าพี่และพี่เทพ พวกเรามีความจริงใจให้กับน้อง”

“ขอบคุณนะคะ”

ธารารินจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยของอริมาก็เข้าใจในคำพูดนั้น ในแววตาของอีกฝ่ายไม่ได้โกหก

พี่เลี้ยงของเธอคนนี้จริงใจกับเธอจากใจจริง

“อยู่ที่นี่ไปนานๆ น้องธารจะเข้าใจนะคะว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร แล้วอย่าเพิ่งถอดใจทำเรื่องย้ายไปที่อื่นเสียก่อนล่ะ”

เห็นสาวเมืองกรุงยิ้ม อริมาจึงพอจะยิ้มตามขึ้นมาได้ บรรยากาศอันอึดอัดที่มันคลุมเครืออยู่ในหัวใจกำลังถูกปัดเป่าออกไปทีละน้อย

ทั้งสองปรับความเข้าใจกันสักพัก อริมาก็ขอตัวกลับพร้อมกับความคลายใจ เมื่อธารารินเข้าใจและไม่นึกโกรธเคืองเธออย่างที่นึกหวาดหวั่นในคราวแรก



เช้าวันรุ่งขึ้น มันเป็นเช้าวันหยุดวันอาทิตย์ที่มีแต่ความสดชื่นสดใส อริมาเดินทางมาหาธารารินตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมกับชักชวนหญิงสาวชาวกรุงไปเดินเที่ยวตลาดเช้าของตัวอำเภอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องพักของพวกเธอมากนัก

อริมาและธารารินปั่นจักรยานด้วยระยะทางประมาณห้าร้อยเมตรก็มาถึงยังตลาดเช้า

เช้าอันสดใส เต็มไปด้วยภาพอันอบอุ่น มีชาวบ้านออกมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างอุ่นหนาฝาครั่งท่ามกลางของบรรยากาศยามเช้าอันเย็นสบาย

เช้าขนาดนี้สายหมอกยังลอยปกคลุมพื้นที่ตลาดเช้าอยู่อย่างจางๆ

แม้อากาศจะเย็นกว่าที่เคยสัมผัสมา หากธารารินกลับสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

“หนาวๆ แบบนี้ บนภู บนดอยน่าจะอากาศดีกว่านี้นะคะ”

ทั้งสองจอดจักรยานไว้ข้างทางพร้อมกับชวนกันเดินเข้าไปยังตลาดเช้า

ระหว่างทางธารารินสอบถามประวัติและพื้นที่ของอำเภอเล็กๆ แห่งนี้จากอริมาให้มากที่สุด โดยทิ้งความไม่เข้าใจและอารมณ์ขุ่นข้องไว้ที่ห้องพักของตนเอง

“ใช่ค่ะ หมู่บ้านบนดอยอากาศจะดีมาก โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวแบบนี้หมู่บ้านผาตะวัน ซึ่งอยู่บนสันดอยสูง บรรยากาศจะดีมากเลยค่ะ”

“บ้านผาตะวันหรือคะ ธารอยากจะไปบ้างจัง”

แค่ฟังคำบรรยายจากอริมา ธารารินถึงกับนึกถึงสภาพหมู่บ้านบนดอยที่มีแต่ธรรมชาติ มีป่าไม้ มีผู้คนที่แต่งตัวแบบชาวเขาและมีหนองน้ำใสไหลชื่นเย็น

“หมู่บ้านผาตะวันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรค่ะ เป็นหมู่บ้านในโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ด้วยนะคะ”

“จริงหรือคะ”

ดวงตาคู่สวยเบิกมองคนพูดแล้วยิ้ม ภายในใจของหญิงสาวคิดอยากจะไปสัมผัสและเยี่ยมชมหมู่บ้านนั้นสักครั้ง

“ธารชักอยากจะไปแล้วสิคะ”

“โอ้ย...อย่าไปเลยค่ะ” อริมาเบิกตาโตเมื่อเห็นสาวรุ่นน้องเอ่ยแบบนั้น “มันไกลมากเลยนะคะ ติดชายแดนด้วย การคมนาคมก็ลำบาก”

“แต่เมื่อกี้พี่อบบอกว่าเป็นหมู่บ้านในโครงการหลวงด้วยนี่คะ น่าสนใจมากนี่ที่พวกเราจะไปพัฒนา”

“ก็แค่เคยเป็นและนานมากเลยค่ะ คนที่นี่ไม่มีใครไปกันหรอกนะ มันไกลและทุรกันดารมาก ห่างไกลความเจริญ อยู่กับป่ากับเขา”

“แสดงว่าหมู่บ้านนี้แทบไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลสิคะ”

“จะว่าไม่มีก็ไม่เชิงนะคะ ก็มีพวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้กับพวกอาสาสมัครทหารพรานนั่นแหละค่ะที่เข้าไปดูแล ส่วนมากเป็นพวกที่ชอบสมบุกสมบันในป่ามากกว่าที่เข้าไปดูแลชาวบ้านที่นั่น อย่างพวกเราไม่ค่อยเข้าไปกันหรอก”

ธารารินได้แต่ถอนใจยามมองหน้ารุ่นพี่สาว นี่หรือผู้รับหน้าที่เป็นนักพัฒนา แค่ความลำบากวางตัวรออยู่ตรงหน้าก็ไม่คิดก้าวเข้าไปหามันเสียแล้ว

“แสดงว่าที่นั่นไม่มีพัฒนากรเข้าไปดูแลน่ะสิคะ”

“ใช่ค่ะ ที่นั่นไม่มีพัฒนากร ชาวบ้านเขาก็อยู่ดูแลกันตามประสาพวกเขา ก็อย่างที่บอกแหละค่ะ จะมีแต่เจ้าหน้าที่บางกลุ่มที่เป็นผู้ชายเข้าไปดูกัน ผู้ยิ้งผู้หญิงอย่างพวกเราเขาไม่เข้าไปหรอกมันลำบากมาก”

“แล้วชาวบ้านล่ะคะพี่ เขาจะอยู่เขาจะกินกันอย่างไร”

เป็นอีกครั้งที่ธารารินมองหน้าคู่สนทนาหมายใจให้ได้คำตอบโดยไว ซึ่งกลับแตกต่างจากอีกฝ่ายที่ไม่เอ่ยคำใดต่อ หากแต่ก้มลงดูผักที่วางขายบนแผงตรงหน้าแทน

“น้องธารดูสิคะ ผักนี่สวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ ชาวบ้านที่นี่เขาปลูกเอง ขายเอง ปลอดสารพิษแน่นอนค่ะ”

ธารารินไม่ชอบใจเอาเสียเลยยามเห็นอีกฝ่ายไม่ให้คำตอบกระจ่างชัดกับเธอ แต่กระนั้นพืชผักที่วางขายอยู่ตรงหน้ากลับดึงดูดความสนใจทั้งหมดของหญิงสาวไปได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งสองสาวใช้เวลาเดินตลาดเช้าแห่งนั้นอยู่ร่วมหนึ่งชั่วโมง สถานที่แห่งนั้นธารารินได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างใกล้ชิด ทั้งอาหารการกินแบบพื้นถิ่น ทั้งพืชผักที่แปลกตาซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อนถูกชาวบ้านนำมาวางขาย

ไม่นานทั้งสองก็ออกจากตลาดเช้าแห่งนั้นเดินมายังจักรยานที่จอดอยู่ หากจู่ๆ กลับเกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝันขึ้นอย่างรวดเร็วจนพวกเธอร้องลั่น

กระเป๋าคล้องไหล่ของธารารินซึ่งในนั้นมีทั้งกระเป๋าเงินและของมีค่าของหญิงสาวถูกชายวัยรุ่นคนหนึ่งกระชากไปต่อหน้าต่อตาและต่อสายตาของผู้คนมากมาย แล้วชายคนนั้นก็วิ่งลับมุมตึกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนแม้เสียงร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวทั้งสอง

ธารารินหน้าตื่น ครั้งจะวิ่งตามไปกลับไม่ทันการณ์เสียแล้ว เธอจึงได้แต่ยืนหน้าซีดอยู่กับที่และทำอะไรไม่ถูก

เช่นเดียวกับอริมาที่ร้องแรกแหกกระเซอให้ผู้คนรอบข้างช่วยเหลือติดตามระเป๋าของสาวชาวกรุงมาคืนให้ได้

หากอนิจจา...พวกชาวบ้านกลับแค่มองตามโดยไม่คิดช่วยเหลือหญิงสาวทั้งสองแต่อย่างใด



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2557, 11:50:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2557, 11:50:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1086





   ตอนที่ ๐๒ งานพัฒนา >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account