บ้านวุ่น อุ่นไอรัก
นายโปรดน่ะเหรอ... ขี้เก๊ก ปากจัด สำอาง เรื่องเยอะ! นี่ยังน้อยไปเสียอีกที่เธอจะนิยามความเป็นตัวเขาได้หมด พอกันที! เธอจะไม่ทนกับคนที่มีดีแค่หน้าตากับซิกส์แพ็ก แต่สมองแรมน้อยเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าโขกสับอีกต่อไป!

อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่

นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน

อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย

เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว

http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑ (๑๐๐%) เงื่อนไขพินัยกรรม + เกมแจกหนังสือค่ะ

๑ (๑๐๐%)

อนาวิลาคิดว่าตนควรไปก่อนเวลานัด เผื่อเธอจะมีโอกาสได้ให้อาหารเจ้าสี่ขาทั้งสี่ตัวเป็นมื้อสุดท้ายก็ได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเก้านาฬิกา อนาวิลาจึงได้ออกจากห้องพัก เธอแวะซื้อข้าวผัดเจ๊จูไปฝากพวกมันอย่างเคย

ทว่าทันทีที่ไปถึงหญิงสาวก็ได้พบว่าทนายชลัทมาเตรียมพร้อมรออยู่ก่อนแล้ว รั้วเล็กไม่ได้ล็อกและเธอก็ผลักเข้าไปง่ายดาย บุรุษวัยกลางคนยืนดูต้นไม้ดอกไม้ที่อดีตเจ้าของบ้านปลูกและดูแลอย่างดีอยู่ยังสนามหญ้าหน้าบ้านนั่นเอง ไร้เงาบุตรชายเขามาด้วยกัน

"ลุงให้คนงานมาทำความสะอาดน่ะ เดี๋ยวเราคงต้องพูดคุยกันข้างใน ตามความตั้งใจของคุณสรรค์ชัย" เขาบอกเหตุผลที่แม่บ้านสองคนมาทำความสะอาดที่นี่ ก่อนจะเหลือบเห็นกล่องโฟมสองกล่องในถุงพลาสติกที่อีกฝ่ายถือมา "นี่หนูซื้อข้าวมาให้พวกมันสินะ ลุงให้อาหารเม็ดมันแล้วล่ะ นี่ก็ช่วยกันจับพวกมันไปล่ามโซ่ไว้หลังบ้าน"

"ทำไมล่ะคะ มันไม่กัดหรอกนะคะลุงทนาย"

หญิงสาวอดเป็นห่วงสุนัขทั้งสี่ตัวไม่ได้ ปกติคุณตาไม่เคยล่ามพวกมันเลย มันมีอิสระที่จะวิ่งเล่น เดินไปไหนก็ได้ในอาณาบริเวณบ้านหลังนี้ จะมีก็แต่ใส่สายจูงยามออกไปเดินเล่นนอกบ้านเท่านั้น

"ลุงก็ไม่อยากทำหรอก แต่ก็ดีกว่าวุ่นวายคอยต้อนมันตอนมีแขกนะหนู เพราะเราก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะชอบสุนัขหรือเปล่า"

อนาวิลาผงกศีรษะว่าเข้าใจ ก่อนเธอจะขอตัวไปดูพวกมันยังกรงใหญ่หลังบ้าน แม้แต่ละตัวจะถูกจับล่ามไว้กับโคนต้นไม้บ้าง เสาบ้านบ้าง อย่างน้อยก็ดีกว่าอึดอัดอยู่ในกรง

"ว่าไงพวกแก"

หางยาวของสุนัขทุกตัวกวัดแกว่งด้วยความดีใจ สุดหล่อยกขาหน้าของมันขึ้นมาตะกุยต้นขาเธอเป็นรอยแดงยาว กระนั้นคนที่รักสุนัขก็ชินเสียแล้วและลูบหัวมันทักทาย

"วันนี้พวกแกก็จะมีเจ้านายใหม่แล้วนะ ไม่ต้องกินข้าวผัดซ้ำๆ แล้ว ต่อไปก็คงจะมีคนซื้ออาหารเม็ดดีๆ ให้พวกแกกินนะ"

อนาวิลานึกถึงรถสปอร์ตสีแดงเพลิง ครอบครัวลูกหลานคุณตามีเงินซื้อรถแพงๆ อย่างนั้น พวกเขาก็คงมีเงินซื้ออาหารเลี้ยงสุนัขทั้งสี่ตัวได้ไม่ลำบากเกินไป

ทันใดนั้นก็แว่วเสียงเครื่องยนต์รถดังอยู่ใกล้หน้าบ้าน สุนัขทั้งสี่เลิกให้ความสนใจเธอ มันเอียงคออย่างตั้งใจฟัง เห่าถอยหลังทว่ากระดิกหางไปมา

หญิงสาวเดินย้อนกลับไปอ้อมตัวบ้าน ไม่ว่ามุมไหนในอาณาบริเวณบ้านหลังนี้ก็มีแต่ความร่มรื่นจากร่มไม้ที่อดีตเจ้าของบ้านดูแลอย่างดี เธอเปิดก๊อกน้ำข้างบ้านล้างมือ เป็นเวลาเดียวกับที่คนงานซึ่งทนายชลัทพามามาตามเธอพอดี

"คุณชลัทให้มาเชิญไปพบในบ้านค่ะ"

อนาวิลาตอบรับพร้อมกับขอบคุณ หากก่อนจะเข้าไปภายในเธอก็แลเลยไปยังหน้าบ้านอีกครั้ง แล้วก็ต้องแปลกใจที่ไม่พบรถสปอร์ตคันนั้นจอดอยู่ดังคาด นอกจากรถเบนซ์สีบรอนซ์คันเดียว

เธอรู้สึกว่ามือไม้ของตนเกะกะทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาพบสายตาเคลือบแคลงของผู้ที่มีศักดิ์เป็นลูกเขยคุณตา ดวงตาหลังแว่นกรอบเงินกวาดมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า หญิงสาวจะกระพุ่มมือไหว้ แต่แล้วก็พบว่าในมือขวาของตนยังถือถุงกล่องข้าว แว่วเสียงหัวเราะหึและเบือนหน้าหนีของใครบางคน

ชายวัยรุ่นคนนั้นที่ดูอย่างไรก็อ่อนวัยกว่าเธอขยับปากซึ่งอ่านความได้ว่า "ประสาท"

อนาวิลาร้อนซู่ทั้งใบหน้า ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะถูกปฏิบัติเช่นนี้จากคนที่ไม่รู้จักกัน

คนหยาบคาย! เธอกำมือแน่นสะกดความเดือดดาลในใจขณะนั่งลงตามคำเชิญของทนายชลัทยังเก้าอี้เดี่ยวตัวเดียวที่เหลืออยู่ ข้างหลานชายเหลือขอของคุณตา

เธอทันเห็นว่าร่างสูงซึ่งนั่งกึ่งเอนพิงพนักโซฟาหดขาเข้ามา ราวกับกลัวกางเกงผ้าขาเดฟสีดำจะแปดเปื้อนเพราะเธอ

"ขออนุญาตแนะนำนะครับ คุณอนาวิลาเป็นเพื่อนของคุณสรรค์ชัยเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ คุณสรรค์ชัยจึงมีความประสงค์ให้คุณอนาวิลาอยู่ร่วมระหว่างอ่านพินัยกรรมวันนี้" ชลัทแนะนำหญิงสาวให้อีกฝ่ายรู้จักอย่างเป็นทางการ

ทว่าปราบดาเพียงโบกมือปัดเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องสลักสำคัญ

"ครับๆ อ่านเลยเถอะคุณทนาย พอดีผมมีธุระต่อน่ะ"

อนาวิลาหน้าม้าน เธอฝืนยิ้มให้ลุงทนายก่อนก้มมองมือบนตัก ขณะท่านเริ่มอ่านข้อความทางกฎหมายที่คุณตาแจ้งความประสงค์ไว้ และมันเป็นเรื่องไกลตัวเธอเหลือเกิน

"ข้าพเจ้า พลตรีนายแพทย์สรรค์ชัย ชยภูมิ ซึ่งเป็นผู้เขียนพินัยกรรมฉบับนี้ และขณะที่เขียน ข้าพเจ้ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์ดีทุกประการ..."

หญิงสาวรับฟังเพียงผ่าน เช่นเดียวกับใครอีกคนที่ดูจะไม่รู้กาลเทศะ ทั้งที่เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวพันกับเขาทั้งสิ้น แต่ทายาทคนเดียวของคุณตากลับนั่งปิดปากหาว มือหนึ่งสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ไปพลาง

"ข้าพเจ้าขอยกบ้านที่อยู่ปัจจุบัน ที่ดินหกสิบไร่ในจังหวัดจันทบุรี และหุ้นทั้งหมดที่ข้าพเจ้าถือครองให้แก่นาย 'นายโปรด เกื้อพาณิชยกุล' "

ปราบดาบีบเข่าบุตรชาย ดูเขาจะตื่นเต้นยินดีกับข้อความเหล่านั้นมากกว่าบุตรชายขี้เก๊กซึ่งยังคงให้ความสนใจโทรศัพท์มือถือมากกว่าอะไร ก่อนบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นจะหน้าเสียไปเมื่อมันพ่วงเงื่อนไขตามมา

"โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ข้อหนึ่ง นายนายโปรดจะต้องย้ายมาอยู่ในบ้านหลังนี้ และดูแลสุนัขทั้งสี่ตัวของข้าพเจ้าเป็นอย่างดี นับจากวันอ่านพินัยกรรมฉบับนี้จนครบอย่างน้อยหนึ่งปี"

อนาวิลาลอบยิ้มในหน้า เธอเหลือบเห็นจากหางตาว่าชายหนุ่มลดโทรศัพท์ลงอย่างตั้งใจฟัง เยี่ยมไปเลยค่ะคุณตา!

"ข้อสอง ห้ามผู้ใดอยู่ร่วมบ้านหลังนี้กับนายนายโปรด นายนายโปรดจะต้องดูแลบ้าน สมบัติทุกชิ้น และสุนัขของข้าพเจ้าด้วยตัวเองทั้งหมด"

"บ้า!" นายโปรดทะลุกลางปล้องพลางผุดลุกยืน "อะไรของตา ใครจะไปทำได้ ผมไม่เอานะพ่อ ถ้าพ่ออยากได้สมบัตินักก็จัดการเองละกัน"

"นายโปรด" ผู้พ่อกดเสียงปรามพลางดึงข้อมือบุตรชายให้กลับนั่งลง "แกโตแล้วนะ แกก็รู้นี่ว่าอะไรเป็นอะไร"

ร่างสูงกระแทกตัวลงนั่งอย่างกระฟัดกระเฟียด เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะให้รู้ว่าไม่พอใจราวเด็กเอาแต่ใจตัวเอง

"มีอีกข้อครับ" ทนายชลัทบอกอย่างใจเย็น

"ว่าไปๆ" ปราบดาลูบหน้าผากด้วยความหนักใจ

"ข้อสาม ผู้เดียวที่นายนายโปรดจะว่าจ้างมาช่วยดูแลบ้านร่วมกันได้คือ 'นางสาวอนาวิลา รัตนเศวต' เท่านั้น โดยต้องให้เงินเดือนตอบแทนตามสัญญาอีกฉบับที่ข้าพเจ้าระบุ พร้อมทั้งให้พักอาศัยอยู่ในบ้านนี้ร่วมกัน เป็นเวลาหนึ่งปี หากนายนายโปรดไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าพเจ้าจะตกเป็นของนางสาวอนาวิลาแต่เพียงผู้เดียว"

"ฮะ!"

"อะ...อะไรนะคะ"

สองเสียงเอ่ยขึ้นพร้อมกันทันทีที่จบประโยคนั้น หนุ่มสาวต่างมองหน้ากัน ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปคนละทางอย่างไม่ยอมรับเงื่อนไขที่ได้ฟัง

................................

"ไม่ตลกนะคุณทนาย ผมไม่คิดว่าท่านจะมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนอย่างที่ว่าในพินัยกรรม" ปราบดาทักท้วง

"ท่านมีแน่นอนครับ ผมยืนยัน" ชลัทตอบเสียงเรียบ

"แต่อุ่นเป็นคนนอก ไม่ควรต้องมาเกี่ยวข้องเลยนะคะ คุณตาคิดอะไรนะ"

"ใช่ๆ" นายโปรดสำทับ

อนาวิลามองค้อนคนที่ทำเนียนมาเห็นพ้องกับเธอ หน็อย... ทีอย่างนี้เขาจะคิดหาทางแก้หรือปฏิเสธเองไม่เป็นหรือไงนะ สมองก็คงจะน้อยกว่าแรมในโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวเสียอีกกระมัง

"ไม่หรอกครับหนูอุ่น คุณโปรด ท่านมีเหตุผลของท่าน" ทนายวัยกลางคนตอบอย่างใจเย็นเช่นเคย

"ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาดูแลบ้านและเจ้าสี่ตัวนั้นเองคนเดียวเถอะค่ะ ไม่ผิดเงื่อนไขใช่ไหมคะลุงทนาย" เธอเอ่ยปรึกษาท่านราวมีกันสองคนแค่นั้น

"นี่เธอ มีสิทธิ์อะไรมาคิดแทนคนอื่น" ชายหนุ่มตีรวนหาเรื่อง

จะว่าไปแล้วนี่คงเป็นการพูดจาตรงๆ ครั้งแรกระหว่างเขากับเธอก็เป็นได้ หากหญิงสาวกลับนั่งหลังตรงมองไปยังทนายชลัทเท่านั้น แม้หางตาจะแลเห็นคนข้างตัวฮึดฮัดราวเด็กไม่ได้ดั่งใจก็ตาม

"ใช่ไหมคะลุงทนาย"

"ใช่ครับ"

อนาวิลาค่อยหายใจสะดวกขึ้นหน่อย เธอมั่นใจว่าเขาไม่มีทางอดทนอยู่ร่วมบ้านกับเธออีกเป็นปีแน่ เธอเองก็เช่นกัน

"ก็แค่ตาโปรดอยู่บ้านนี้แล้วให้คนงานที่บ้านมาทำความสะอาดดูแล ผมไม่เห็นว่ามันจะส่งผลเสียตรงไหน"

"แต่มันผิดเงื่อนไขและความตั้งใจของคุณสรรค์ชัยครับคุณปราบดา"

"งั้นก็ไม่ต้องอยู่ ไม่เอาก็ได้สมบัติอะไรนี่ บ้านเก่าๆ กับหมา ใครอยากได้ก็ให้มันไป"

นายโปรดเหวี่ยงหมอนอิงใส่โซฟา เขาลุกเดินออกไปอย่างเหลืออดที่ยามเช้าของตนต้องมาติดแหง็กกับเรื่องไม่เป็นเองเหล่านี้

"หยุด! แกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นนายโปรด แกต้องทำตามเงื่อนไขตาแก"

ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้ากรอบประตู ใบหน้าใสอ่อนเยาว์ของเขาแลดูขัดตาด้วยดวงตากร้าวกระด้างที่ใช้มองบุพการี

"ผมไม่ทำ พ่อหรือผมกันแน่ที่อยากได้สมบัติของตา ฮะ!"

"ก็ลองออกไปดูสิ" ปราบดาขู่เสียงเรียบ หากนั่นก็ทำให้มือที่จับบานประตูชะงัก "แกก็รู้ว่าฉันเคยทำยังไงตอนบังคับแกกลับจากเมืองนอก เงินเดือนที่ฉันให้แก บัตรเครดิต รถ แกจะอยู่โดยไม่มีของพวกนี้ได้ยังไง"

อนาวิลาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สบสายตาใครในสถานการณ์เช่นนี้ กระนั้นดวงตาวาวโรจน์ก็ปรายสะเก็ดระเบิดอารมณ์มาทางเธอ จนตนพลอยร้อนใจและไม่เป็นสุขเอาเสียเลย

"ที่พ่ออยากให้ผมได้สมบัติตานักนี่ ก็เพราะจะเก็บเงินทองของตัวเองไว้ให้ลูกเล็กกับเมียใหม่ใช่ไหม" เขาเค้นเสียงเอ่ยลอดไรฟัน

"ใช่ ฉันหมดเปลืองกับแกมาเท่าไร เคยคิดบ้างไหม แกสมควรรับผิดชอบชีวิตแกเองได้เสียที" ปราบตาตอบเสียงเข้ม

หญิงสาวนึกอยากหายตัวไปจากตรงนี้นัก อยู่ให้ห่างจากสองพ่อลูกที่สบตาห้ำหั่นกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะแม้แต่หายใจเธอยังกลัวว่ามันจะส่งเสียงดังให้รู้ว่าเธอมีตัวตน

"แต่ถ้าแกยอมอยู่ที่นี่ตามเงื่อนไขพินัยกรรมนั่น เงินห้าล้านที่แกขอฉันไปลงทุนกับเพื่อน ฉันอาจคิดทบทวนอีกทีก็ได้"

อนาวิลาดีดลูกคิดตาม ชาตินี้ทั้งชาติเธอคงไม่มีทางหาเงินตั้งห้าล้านบาทนั้นได้ แต่พ่อลูกคู่นี้กลับเอ่ยถึงมันราวเงินห้าบาท และดูท่าชายหนุ่มจะครุ่นคิดถึงมูลค่าของมันเช่นเดียวกับเธอ

นายโปรดหยุดยืนนิ่ง เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มขณะไตร่ตรอง ก่อนจะหลับตาลงอย่างตัดสินใจ

"ผมขอดูสัญญาแนบอีกฉบับที่คุณตาว่าได้หรือเปล่าคุณทนาย"

เอ๋ ถ้าเธอได้ยินไม่ผิด สัญญาแนบนั้นอยู่ในเงื่อนไขข้อที่สามซึ่งเกี่ยวพันกับเธอนี่นา

"ได้ครับ"

ทนายชลัทเปิดแฟ้มเอกสาร เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้อีกฝ่ายรับไปอ่าน โดยที่ร่างสูงยืนเท้าเอวไล่สายตาอ่านมันค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่นั่นเอง

อนาวิลารู้สึกถึงสายตาซึ่งเหลือบมองเธอเป็นระยะ มีแววเหยียดหยันปรากฏในดวงตากลมสวยคู่นั้นอย่างที่เจ้าของมันไม่คิดปิดบัง ก่อนเขาจะส่งกระดาษสัญญานั้นให้บิดา

"แล้วใครจะเป็นคนจ่ายเงินเดือน ผมไม่จ่ายนะ"

ปราบดานิ่งไปครู่หนึ่ง เขาใช้เวลาอ่านไวกว่าบุตรชายและเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นเอง

"ฉันจัดการให้ เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วง สัญญาว่าจะไม่หักจากเบี้ยเลี้ยงแกสักบาทเดียว ไม่ผิดสัญญาใช่ไหมคุณทนาย"

"ครับ"

ทนายชลัทผงกศีรษะพลางยิ้มบาง เขาหันมาสบตาหญิงสาวที่นั่งหน้าเหวออย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก ซึ่งก็เหลือแต่ความสมัครใจของเธอคนเดียว

"แล้วตกลงหนู่อุ่น..."

ไม่ทันขาดคำนั้นเจ้าหล่อนก็ทะลุขึ้นกลางปล้อง

"ไม่นะคะ อุ่นไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น คุณตาทำแบบนี้ไม่ยุติธรรมกับอุ่นเลย"

"หนูอุ่น" บุรุษวัยกลางคนเอ่ยเรียกอ่อนโยน "คุณสรรค์ชัยท่านเป็นคนมีเหตุผล หนูอุ่นก็รู้จักท่านดี แล้วท่านก็รักหนูเหมือนลูกหลานคนหนึ่งนะ"

อนาวิลาเคยเชื่อเช่นนั้น กระทั่งตอนนี้ที่เธอไม่มั่นใจเอาเสียเลย

"มันใช่เรื่องไหมนี่ที่ต้องมาง้อใครที่ไหนก็ไม่รู้ เอาสัญญาให้ดูๆ ไปเถอะ ขี้คร้านจะเปลี่ยนใจ" นายโปรดบอกอย่างตัดรำคาญ

หญิงสาวไม่ยอมยื่นมือไปรับสัญญาอีกฉบับจากทนายชลัท ดวงตาเธอพร่าเลือน น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดที่ต้องทนนั่งให้คนไร้มารยาทดูถูก เพียงเพราะคำว่ามารยาทคำเดียวกันนี้เอง

"หนูขอโทษค่ะลุงทนาย หนูคงทำตามความต้องการคุณตาไม่ได้จริงๆ" เธอเอ่ยเด็ดขาดเป็นครั้งแรก

อนาวิลายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองในห้องนั้น ก่อนเธอจะลุกเดินจากไปท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน

...........................

มาชวนเล่นเกมชิงหนังสือ "ยามเมื่อลมห่มฟ้า...มะนิลา" กันค่ะ
เล่นได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
หรือบล็อก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=thezircon&month=10-06-2014&group=1&gblog=8
มาร่วมสนุกกันนะคะ



ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2557, 16:37:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2557, 16:37:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 2350





<< บทที่ ๑ (๕๐%) หลานชายคุณตา   บทที่ ๒ เป็นเรื่อง >>
ร้อยวจี 11 มิ.ย. 2557, 17:07:05 น.
หลานชายคุณตานิสัยแย่มาก สงสัยท่านต้องการดัดนิสัยแน่เลย แล้วสรุปว่าใครเป็นพระเอกล่ะเนี่ย


แว่นใส 11 มิ.ย. 2557, 18:27:01 น.
อายุเท่าไหร่เนี่ย ดูนิสัยเป็นเด็กเชียว


ภาพิมล_พิมลภา 11 มิ.ย. 2557, 20:28:17 น.
คุณร้อยวจี - รอดูนายโปรดเวอร์ชั่น before & after นะคะ คนใจดีอย่างอุ่นกับมะหมาจะทำให้โปรดเปลี่ยนไปได้ไหม

คุณแว่นใส - อายุ 24 ค่ะ แต่เป็น 24 ปีที่ไม่เคยทำประโยชน์อะไรเพื่อใครเลย สปอยล์เต็มขั้นค่ะ


ใบบัวน่ารัก 11 มิ.ย. 2557, 21:30:27 น.
แม่นายโปรดตายแล้วหรือ
ลูกคนมีเงินก็พ่อแม่ตามใจมากไป รวยมากไป
จบนอกแล้วทำงานไม่เป็น. หมาน้อยจะอยู่อย่างไง


konhin 11 มิ.ย. 2557, 22:30:42 น.
หลานชายกับลูกเขยนิสัยยยยย


ภาพิมล_พิมลภา 12 มิ.ย. 2557, 09:06:11 น.
คุณใบบัวน่ารัก - ค่ะ นายโปรดเป็นคนอย่างนั้นเลย ไม่เคยลำบาก ไม่รู้ค่าสิ่งต่างๆ

คุณkonhin - พ่อลูกคู่นี้ก็ใช่จะถูกกันนะคะ หุๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account