เพลิงทรายร่ายรัก
เมื่ออัยรดา นักเขียนสาวอยากเหยียบแดนทะเลทรายจริงๆ สักครั้ง เธอจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะอากัสย่า ดินแดนลี้ลับกลางทะเลทราย ติดอยู่ตรง ซามาล ชายหนุ่มที่จะพาไปนี่สิ เธอจะอ้อนวอนเขายังไงดีนะ (นิยายเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์และผ่านการพิจารณาจาก สนพ.กรีนมายด์แล้วนะคะ)
Tags: ทะเลทราย ความรัก
ตอน: 4
สวัสดีตอนค่ำๆ ค่าเอาซามาลกับนู๋อัยมาเสริฟ มาดูกันว่าจะได้ไปถึงคาซัสไหม อิอิ
4.
หลายวันต่อมาในตอนเช้า...เสียงเคาะประตูห้องของอัยรดาดังขึ้นและคนรับใช้หญิงซึ่งอัยรดาไปฝึกภาษาด้วยชื่อวีนาก็หอบชุดสีชมพูกลีบกุหลาบขึ้นมาให้หญิงสาว
“อะไร” เจ้าของห้องถามอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายจึงพูดช้าๆ และพยายามอธิบาย
“คุณซามาล...ให้เอามาให้...ให้คุณใส่”
“ให้ฉันงั้นเหรอ ทำไมล่ะ”
“คุณซามาลสั่งว่าคุณต้องใส่ค่ะ” วีนาบอกพร้อมแสดงท่าทางประกอบก่อนเอาชุดไปแขวนไว้ที่หน้าตู้และยืนคอยอยู่อย่างนั้น
“ทำไมไม่ออกไปล่ะ ต้องคอยเฝ้าด้วยเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยังไงฉันก็ต้องใส่อยู่แล้ว”
อัยรดาพูดเป็นภาษาโซมาห์ผสมกับภาษาไทยเพราะยังไม่เก่งพอ แต่หญิงรับใช้ผู้นั้นก็ยิ้มและจับผมของตนเอง
“ฉันคอย..ทำผมให้คุณ”
“อย่างงั้นเลยเหรอ”
สาวชาวไทยยิ้มเพราะไม่เข้าใจว่าจะต้องแต่งตัวอลังการไปไหนแต่ถ้ายังสื่อสารกันอยู่อย่างนี้กว่าจะคุยกันรู้เรื่องคงไม่ได้ทำอะไรแน่ๆ ร่างเพรียวซึ่งอาบน้ำเรียบร้อยแล้วจึงหยิบชุดสีชมพูกลีบกุหลาบนั้นมาใส่และให้อีกฝ่ายช่วยทำผมให้ วีนาจับผมยาวอัยรดาแบ่งถักเป็นเปียและม้วนเกล้าเก็บมวยผมไว้ด้านหลัง พร้อมกับแต่งหน้าให้อ่อนๆ ในโทนสีเข้ากับชุด อัยรดาถึงกับเพ่งดูตัวเองในกระจก เพราะไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะดูเรียบร้อยขนาดนี้
“เผื่อต้องใช้ค่ะ”
วีนาส่งผ้าคลุมศีรษะเนื้อเบาบางสีชมพูจางซึ่งถูกพับไว้เป็นอย่างดีให้กับอัยรดา ทำให้สาวชาวไทยเอ่ยขอบคุณอีกครั้งเป็นภาษาโซมาห์ซึ่งต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าหาคำที่เหมาะสมได้
“ขอบคุณนะวีนา เธอเก่งจริงๆ ที่เนรมิตเด็กกะโปโลให้กลายเป็นผู้เป็นคนได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเป็นคนสวยอยู่แล้ว ออกไปข้างนอกเถอะค่ะคุณซามาลรออยู่” วีนายิ้มให้ก่อนก้มศีรษะและเดินนำหญิงสาวออกไปจากห้องนั้น ในขณะที่ซามาลคอยอยู่ในห้องรับรองห้องเดิม และวีนาเป็นฝ่ายเข้าไปรายงาน
“คุณอัยรดามาแล้วค่ะ”
บุรุษหนุ่มแห่งอากัสย่าอยู่ในชุดสีดำมีขอบเป็นลายปักสีน้ำตาลทอง เขาเดินออกจากห้องและเห็นร่างในชุดสีชมพูกลีบกุหลาบยืนหันหลังคอยอยู่ตรงบันได ด้านหลังของหญิงสาวในชุดกระโปรงเข้ารูปยาวคลุมข้อเท้าดูระเหิดระหงด้วยสัดส่วนที่งดงาม และเมื่อเธอหันมามองบุรุษหนุ่มก็ต้องหยุดนิ่งอยู่ชั่วนาทีเพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าสาวปากเก่งอย่างอัยรดาจะสวยได้ขนาดนี้
“มองแบบนี้คิดจะว่าอะไรฉันอีกหรือเปล่า” คนถูกมองรีบถามอย่างระแวง บอดี้การ์ดจึงหยักมุมปาก
“...แค่คิดว่าคุณใส่กระโปรงแล้วเหมือนผู้หญิงมากกว่าใส่กางเกง”
“ว่าไงนะ...ไม่ได้ชมใช่ไหมเนี่ย” อัยรดามองมองตามร่างกำยำในชุดสีดำแปลกตาที่เดินนำหน้าไปอย่างขัดใจเพราะรู้สึกว่านอกจากสายตาของเขาจะทำให้เธอรู้สึกวูบวาบเหมือนโดนจับผิดอยู่บ่อยๆ ปากของเขาก็ช่างชอบจิกกัดเธอเสียเหลือเกิน
ธุระที่ซามาลพามานั้นอยู่ที่สถานฑูตโซมาห์ แต่จนถึงประตูสถานฑูตแล้วอัยรดาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องพาเธอมาด้วย
“หันมานี่สิอัยด้า” เมื่อรถจอดสนิทแล้วซามาลก็เรียกหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างพร้อมหยิบผ้าสีชมพูบนตักของเธอขึ้นมาและคลี่มันออกก่อนคลุมศีรษะให้เธอด้วยวิธีการที่หญิงอาหรับทำกัน
“นี่คุณ...”
หญิงสาวพึมพำ ดวงตาโตมองตามมือหนาได้รูปที่จับผ้าพันไปมาผ่านรอบลำคอระหง มืออุ่นๆ ของเขานั้นเฉียดผ่านใบหน้านวลจนบางครั้งก็สัมผัสต้องโดนเธอเล็กน้อย และทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงไออุ่นๆ ที่ส่งผ่านร่างซึ่งขยับมาจนประชิดตนเอง ริมฝีปากสีชมพูจึงเม้มลงใบหน้านวลก้มลงซ่อนความรู้สึกแปลกๆ ในใจเอาไว้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามือของผู้ชายที่เย็นชาพูดจาไม่เข้าหูคนแบบซามาลนั้นจะทำเรื่องอ่อนโยนอย่างนี้เป็นด้วย
“สวัสดีท่านทูต”
เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวตึกสีขาวของสถานทูต อัยรดาก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนพร้อมด้วยภรรยาเดินออกมาต้อนรับและดูเหมือนในห้องโถงกลางตึกสีขาวนั้นจะมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง บุคคลที่อยู่ด้านในก็ล้วนแต่งกายภูมิฐาน และส่วนมากก็จะมากันเป็นคู่
“อยู่ข้างๆ ผม”
ซามาลบอกอัยรดาพลางก้มศีรษะให้กับท่านทูตเล็กน้อย แต่เมื่อหญิงสาวขยับปากจะถาม ชายหนุ่มก็ขู่ซ้ำ “อย่าเพิ่งมีคำถาม ไม่งั้นไม่ได้ไปคาซัสแน่ๆ”
“สวัสดีครับคุณซามาล”
เสียงเช่นนั้นดังอยู่เนืองๆ มีชายหญิงหลายคู่ที่เข้ามาทักทาย และอัยรดาก็ต้องยืนอยู่ข้างๆ ร่างกำยำแถมพลอยต้องยิ้มรับไปด้วย ในขณะเดียวกันเธอก็เพิ่งจะเห็นว่า ในมุมดุ พูดจาขวานผ่าซากนั้น ซามาลก็ดูเป็นนักการทูตที่ดูภูมิฐาน และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับชนเผ่าของเขาหรือว่าเจ้านายของเขาได้มากทีเดียว
“สวัสดีคุณซามาล...เจ้านายคุณสบายดีหรือเปล่า?”
เสียงนั้นดังจากชายอายุประมาณ 40 ในสายตาของอัยรดาและการฟังสำเนียงของคนที่เคยเป็นไกด์ หญิงสาวเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนอเมริกันและก็ถูกเสียด้วย
“วอลเตอร์เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน...” ซามาลพึมพำเบาๆ เหมือนเป็นการบอกอัยรดาแต่กลับไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย คนถามจึงเหยียดมุมปากน้อยๆ ก่อนมองสาวชาวไทย
“เพิ่งรู้ว่าคุณมีภรรยาเป็นสาวเอเชีย ไปเจอมาได้ยังไง แล้วนี่คนที่เท่าไหร่กันล่ะ”
“นี่คุณ...” อัยรดากำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่ซามาลก็จับแขนเธอไว้คล้ายบอกให้หยุด
“ท่าทางคุณวอลเตอร์จะเข้าใจผิด” ซามาลเอ่ยเรียบๆ “เธอกับผม...เรายังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วกรุณาอย่าพูดแบบนั้นอีก ถึงแม้ประเพณีของเราจะสามารถอนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาได้ถึง 4 คน แต่ภรรยาทุกคน...พวกเธอล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องปกป้อง ทนุถนอม ฉะนั้นจึงถือเป็นมารยาทที่คนอื่นไม่ควรอยากรู้ หรือพูดจาอย่างที่คุณพูดเมื่อครู่”
ท่าทางหยิ่งผยองดั่งไม่เคยก้มหัวให้ใครนั้นทำให้ชายอเมริกันวัย 40 อดไม่ได้ที่จะทำเสียงขึ้นจมูก “ประเพณีของพวกคุณ มันช่างลี้ลับสลับซับซ้อนเสียจริง ทำให้ผมอยากจะทำความรู้จักกับอับดุลอาซิสสักครั้งซะแล้วสิ ว่าแต่เมื่อไหร่เขาถึงจะเลิกส่งคุณมาเป็นนายหน้าล่ะ”
“อับดุลอาซิสไม่คบหาและไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า”
ซามาลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ริมฝีปากหยักได้รูปนั้นเหยียดมุมน้อยๆ จนอัยรดาชักกลัวว่าเขาอาจจะก่อมวยขึ้นมากกลางงานเลี้ยงแทนเพราะวอลเตอร์หน้าแดงจัดด้วยความโกรธ เขาชักสีหน้าพลางแค่นเสียง
“จำคำพูดของคุณไว้นะ แล้วฝากบอกเจ้านายคุณด้วยว่า อับดุลอาซิสกำลังคิดผิด! ตอนนี้โซมานห์เป็นประเทศเปิด นานาชาติล้วนต้องการเข้ามาลงทุน เศรษฐกิจของที่นี่กำลังจะเติบโต อากัสย่าอยู่ใกล้โซมาห์แค่เอื้อมจะมาทำปิดหูปิดตาอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ได้หรอก”
“อากัสย่าไม่ได้โดดเดี่ยว แต่เราเลือกเสมอว่าจะคบใคร แล้วคุณวอลเตอร์คิดว่านานาชาติที่คุณพูดหมายถึงประเทศอะไรบ้างล่ะ หรือว่ามีแต่ประเทศของคุณเพียงประเทศเดียว” ซามาลตอบด้วยรอยยิ้มเย็นๆ และขอตัวโดยการดึงอัยรดามาพบปะคนอื่นอยู่สักพักก่อนจะขอตัวกลับจากที่นั่น
พอขึ้นรถได้ชายหนุ่มก็ถอดชุดคลุมสีดำลายปักสีน้ำตาลทองออกพาดพนักและมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าตอนที่มาถึง จนอัยรดาอดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่ควรมองเขาผิดเลยจริงๆ คนอย่างซามาลไม่ควรแม้แต่จะเป็นบอดี้การ์ด เพราะจากที่เธอเห็นการพูดคุยกับบุคคลต่างๆ เขาดูมีความสำคัญมากกว่านั้น
ตลอดเวลาที่อยู่ในงาน คนที่เข้ามาพูดคุยกับเขามักจะถามถึงอับดุลอาซิส แต่เท่าที่เธอสังเกตและสรุปก็คือ ไม่เคยมีใครได้เจอตัวของเขาเลย เจ้านายของซามาลนั้นดูเหมือนจะมีอำนาจมาก แต่คงเป็นบุคคลต้องห้ามหรือเป็นชายที่ไม่มีใครเคยพบมาก่อน และตอนนี้ก็ดูเหมือนซามาลกำลังแบกรับทุกอย่างแทนเขาคนนั้น
“คุณกำลังเครียด?” อัยรดาพูดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ขับรถเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ทำให้คนขับชำเลืองมองมาพร้อมถาม
“รู้ได้ยังไง”
“ถามได้! ก็ฉันเห็นคุณนั่งยิ้มมาตลอดทางเลย” หญิงสาวประชดพร้อมกอดอกหันไปมองหน้าเขาอย่างจริงจัง คนฟังจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ
“เห็นญาติคุณบอกว่าคุณเป็นนักเขียนแต่ผมสงสัยว่าคุณจะเป็นหมอดู”
“เป็นนักเขียนนั่นแหละค่ะ แต่รู้ไหมว่าคนที่เป็นนักเขียนมักจะใส่ใจกับเรื่องที่เราสนใจเป็นพิเศษ” อัยรดาหรี่ตาลงมองอีกฝ่าย “แล้วตอนนี้ฉันก็เห็นว่าคุณกำลังเครียดเรื่องอากัสย่าแล้วก็เรื่องของ...อับดุลอาซิส”
“แล้วรู้ไหมว่าทำไม”
“ก็เพราะคุณต้องแบกรับทุกอย่างแทนเขา แถมยังต้องคอยปิดบังตัวตนให้เขาอีก...ใช่ไหม” อัยรดาถามคนที่กำลังขับรถอยู่ อีกฝ่ายจึงเหยียดมุมปาก
“นี่แสดงว่าคุณกำลังสนใจผมเป็นพิเศษใช่ไหม”
“นี่คุณ...ใครบอกล่ะ” อัยรดาแก้ตัวแทบไม่ทัน “ฉันสนใจอับดุลอาซิสกับอากัสย่าต่างหาก”
“เหรอ” ทำไมก็ไม่รู้แต่อัยรดาคิดว่าน้ำเสียงแบบนั้นของเขามันฟังดูกวนชะมัด หญิงสาวจึงรีบบอกเหตุผลเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่เชื่อว่าเธอสนใจอากัสย่ากับอัลดุลอาซิสไม่ใช่เขา
“ก็ใช่สิ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันอยากไปอากัสย่า อยากรู้ว่าที่นั่นเป็นยังไง สวยไหม คนเยอะไหม ฉันอยากเจออัลดุลอาซิสนะ ตอนนี้ยิ่งอยากเจอใหญ่เลย อยากรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นไง นิสัยยังไง มีครอบครัวหรือยัง มีภรรยากี่คน มีลูกกี่คน แล้วก็ดุจริงๆ อย่างที่เค้าลือกันไหม”
“คุณอยากรู้มากไปแล้ว” ซามาลบอกขำๆ อัยรดาจึงคิดได้
“จริงสินะ คุณบอกว่ามันเป็นมารยาทที่ไม่ควรถามถึงภรรยาของพวกคุณใช่ไหม”
“อย่าใช้คำว่าพวก ผมยังไม่ได้แต่งงาน”
“จริงเหรอ งั้นคุณก็ยังเหลือตัวเลือกอีกตั้ง 4 ครั้งน่ะสิ ฟังดูน่ามีกำไรเนอะ” อัยรดาแซว อีกฝ่ายจึงส่ายศีรษะ
“การมีภรรยา 4 คน มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนะคุณ ประเพณีของเราไม่ได้ส่งเสริมให้ผู้ชายมีผู้หญิงหลายคนเราไม่ได้บังคับว่าทุกคนจะต้องมีภรรรยา 4 คน แต่เปิดโอกาสให้สตรีได้ขึ้นมาเท่าเทียมกัน ในขณะที่ชนชาติอื่นให้มีภรรยาเพียงคนเดียวแต่ก็แอบไปมีเล็กมีน้อยแล้วก็ไม่เคยให้ความเท่าเทียมกับพวกเธอ คัมภีร์ของเราบอกไว้ว่าถ้าเราไม่สามารถให้ความยุติธรรมหรือเท่าเทียมกันระหว่างภรรยาทั้ง 4 ได้ ก็ควรแต่งงานกับสตรีเพียงคนเดียว...ซึ่งสำหรับผม ผมไม่สามารถรักผู้หญิงเท่าๆ กันถึง 4 คนได้”
“งั้นเหรอคะ...ขอโทษนะคะที่ฉันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา” อัยรดามองอีกฝ่ายอย่างทึ่งๆ และอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกดีๆ กับเขาเพิ่มขึ้น
สำหรับคุณผมไม่ถือหรอก” ซามาลพูดเรียบๆ “แต่การที่ผู้ชายอีกคนจะถามถึงภรรยาของคนอื่นมันเป็นเรื่องไม่เหมาะ” คนขับรถบอกพร้อมเหยียดมุมปาก “โดยเฉพาะถ้าเรารู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นยังไง”
จบประโยคนั้นซามาลก็เหยียบเบรคเพื่อจอดรถและอัยรดาก็เพิ่งสังเกตว่าเขาขับรถมาจอดที่ถนนเลียบเส้นทางรันเวย์ของสนามบินโซมาห์ แต่ตอนนี้อะไรจะน่าสนใจไปกว่าเรื่องที่กำลังคุยกัน
“คุณพูดเหมือนรู้ว่านักธุรกิจคนนั้นเป็นยังไง”
“ขึ้นชื่อว่านักธุรกิจ...ส่วนใหญ่ก็ต้องทำทุกอย่างให้ตัวเองได้ผลประโยชน์มากที่สุด”
“ก็มีส่วน...แต่วอลเตอร์พูดเหมือนจะบอกว่ารัฐบาลโซมาห์กำลังต้อนรับเขา และอับดุลอาซิสก็คิดผิดที่ไม่สนใจ หมายความเขากำลังกดดัน กำลังบีบบังคับคุณทางอ้อมใช่ไหม” อัยรดาพูดในสิ่งที่ได้ยิน ซามาลจึงพยักหน้าน้อยๆ และมองออกไปเบื้องหน้า
“พวกเขากำลังใช้ความพยายามทำให้อับดุลอาซิสยอมร่วมลงทุนด้วย ที่เขาสนใจพวกเราก็เพราะพวกเรามีสิ่งที่เขาต้องการ...ดูนั่นสิอัยด้า”
บรรยากาศตอนนั้นเย็นมากแล้ว เครื่องบินลำหนึ่งหันหัวออกจากสถานีและเปิดไฟจ้าขณะที่วิ่งตามเส้นทางยาวๆ มันเริ่มจากการเคลื่อนที่ช้าๆ แล้วก็เร็วขึ้น เร็วขึ้น ก่อนจะเก็บล้อและทะยานสู่ฟากฟ้า ชายหนุ่มปรับเบาะเอนลงและชวนให้อัยรดามองสิ่งนั้น
“ฉันไม่เคยเห็นเวลาเครื่องบินกำลังจะขึ้นจากรันเวย์เลย”
หญิงสาวเปรยขึ้นมีสักกี่คนนะที่ใช้เวลามานั่งมองสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ เมืองเช่นนี้ พอเครื่องบินลำนั้นโผขึ้นสู่ท้องฟ้าซามาลก็พึมพำ
“เวลาที่กัปตันบังคับมันขึ้นท้องฟ้า มันก็เป็นเวลาที่เขาต้องความรับผิดชอบต่อผู้คนมากมายขึ้นไปด้วย ไม่ใช่ผู้โดยสารแต่ว่ารวมทั้งญาติ ลูกเมีย และพ่อแม่ของคนที่ไปกับเขา”
เสียงเบาๆ นั้นทำให้อัยรดาหันมามองชายหนุ่ม แต่ซามาลกำลังนอนหลับตาด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนกับคนกำลังง่วง...แต่แค่คนที่แบกภาระไว้มากมายและกำลังอยากพักผ่อน
“อับดุลอาซิสใช้งานคุณหนักมากเกินไป”
อัยรดารำพึง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบโต้อะไรทำให้หญิงสาวนั่งมองเขาพร้อมคิดในใจว่า ยามที่ซามาลอยู่นิ่งๆ และหลับตาเช่นนี้ เขาช่างเป็นผู้ชายที่น่ามอง ขนตาของเขายาวเป็นแพและเสริมให้ดวงตาสีน้ำตาลทองยิ่งดูคมเข้ม สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักได้รูปซึ่งปิดสนิท มีเพียงอกแกร่งภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางที่ยุบขึ้นลงตามลมหายใจเข้าออก และอัยรดาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองออกห่างจากประตูและขยับใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณยังไม่รู้จักอับดุลอาซิส...อัยด้า...เขาทำทุกอย่างเพื่อชาวอากัสย่า”
สักพักใหญ่ซามาลก็พึมพำ แต่ดวงตาคมนั้นยังไม่ลืมขึ้น ทำให้อัยรดานึกเห็นใจเขามากขึ้นกว่าเดิม
“แต่คุณเองก็ทำทุกอย่างเพื่อเขาไม่ใช่เหรอ คุณเป็นตัวแทนของอับดุลอาซิสเพื่อมาทำธุรกิจกับคุณโมฮัดเป็นตัวแทนของเขาเพื่อจะมาตอบคำถาม เผชิญหน้า และรับแรงกดดันต่างๆ แทนเขา”
“โมฮัดเป็นเหมือนญาติคนหนึ่ง เขาเป็นเพื่อนที่ดี” ซามาลตอบ ดวงตาสีน้ำตาลทองค่อยๆ ลืมขึ้นและมองหญิงสาวที่นั่งมองตนเองอยู่ “รู้ไหมว่าทำไมใครๆ ถึงสนใจอากัสย่ากันนัก”
“ไม่รู้” อัยรดาตอบตามตรง ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นนั่งในระดับเดียวกับเธอ
“อากัสย่าอยู่ในทำเลที่มีบ่อน้ำมันมากที่สุดในทะเลทรายโกย่า แต่น้ำมันก็คือปิโตรเลียม มันคือทรัพยากรที่ใช้แล้วก็หมดไปไม่สามารถเกิดทดแทนขึ้นมาได้อีก”
“ค่ะ ข้อนั้นฉันรู้” อัยรดาพึมพำและรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังขยับเข้าใกล้ตนเองมากกว่าเดิม แต่เธอกลับนั่งนิ่งและก็ทำอะไรไม่ได้มากเมื่อแขนกำยำค่อยๆ เลื่อนไปโอบรอบเอวบางเบาๆ
“อับดุลอาซิสสอนให้เราก็รู้จักใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างที่สุด รักษาสมดุลเพื่อมันจะอยู่กับเราไปนานๆ...อับดุลอาซิสสอนให้เรารู้จักใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทราย อยู่กับธรรมชาติที่โหดร้ายแต่ก็พยายามพลิกฟื้นมันกลับมาไม่ใช่ยิ่งทำลายให้มันเสียหายมากกว่าเดิม และเขาก็คิดว่าการเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาลงทุนมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ในแง่หนึ่งมันก็เหมือนเปิดโอกาสให้คนอื่นมาย่ำยีธรรมชาติของเรา ใครจะรักบ้านเกิดของเราเท่ากับตัวของเราเองล่ะ คุณว่าจริงไหม” ซามาลถามเสียงเบา มือแกร่งที่อ้อมรอบเอวคอดกระชับกว่าเดิมซึ่งเสมือนการรั้งร่างบางเข้ามาตัวของเขา
“ฉัน...” อัยรดามองใบหน้าคมซึ่งอยู่ใกล้ตนเองจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว ริมฝีปากสีชมพูอิ่มนั้นสั่นน้อยๆ ก่อนรวบรวมสติเพื่อดันร่างสูงออกห่างจากตนเองแต่ก็ไม่เร็วพอจะหยุดใบหน้าคมที่ก้มประทับรอยจูบอุ่นๆ ลงบนปากอิ่ม
“อื้อ”
ซามาลแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นับแต่วันที่เจออัยรดาเขาพยายามบอกตนเองว่าเธอก็เหมือนผู้หญิงทุกๆ คนที่รักความสะดวกสบาย พยายามตั้งข้อกับตัวเองว่าเธอน่ารำคาญ แต่ยิ่งนับวันเขากลับยิ่งเห็นว่าสวย น่าเข้าใกล้ น่าค้นหา และทำอย่างไรก็ไม่สามารถลบภาพวันที่เห็นเธอนั่งอยู่ในสนามบินโซมาห์ได้เลย ร่างเพรียวซึ่งอยู่ในเสื้อยืดกางเกงยีนส์ช่างมีบุคลิกที่น่าจับตามอง เธอเชิดหน้าน้อยๆ รวบผมเกล้ามวยไว้ด้านหลังเผยให้เห็นลำคอเนียนระหง เขาก้าวเข้าไปหาเธอทั้งๆ ที่ไม่รู้มาก่อนว่าญาติของยุพากรหน้าตาเป็นอย่างไร และคงมองอยู่อย่างนั้นถ้าเธอไม่หันมาเห็นเสียก่อน
“ซามาล...”
อัยรดาส่งเสียงพึมพำ มือเรียวที่ดันอกแกร่งนั้นเปลี่ยนจิกกำเสื้อของเขาไว้แน่น เธอไม่เคยจูบมาก่อน ไม่รู้เลยว่ามันช่างมีรสชาติเหมือนการได้ดื่มพันซ์ราคาแพงซึ่งพร้อมจะพาให้คนที่ไม่ประสีประสาในเรื่องการดื่ม รู้สึกมึนเมาและเคลิ้มเคลิ้มจนถอนตัวไม่ขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นไม่นานมือหนาได้รูปก็รวบเอวคอดดึงเธอข้ามฝั่งไปอยู่บนตัวเขาในด้านคนขับอย่างชำนิชำนาญ และนั่นเป็นวูบหนึ่งที่อัยรดาบอกตัวเองว่ากำลังจะกลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งในอีกหลายคนของเขา ‘สาวเอเชีย! ไปเจอมาได้ยังไง แล้วนี่คนที่เท่าไหร่กันล่ะ’ คำพูดคล้ายดูถูกของวอลเตอร์ดังขึ้นในหัวสมองและทำให้สาวชาวไทยดึงตัวเองขึ้นจากรสชาติพั้นซ์ชั้นดีอย่างยากเย็น
“ปล่อยฉัน!”
เธอทุบเขาหลายครั้งพร้อมถอยตัวออกห่างจนชนนั่นโน้นนี่เยอะแยะไปหมด มือเรียวเปิดประตูด้านคนขับออกและลงรีบไปยืนอยู่ข้างรถด้วยสภาพที่สั่นไปทั้งตัว
“อัยด้า”
ซามาลลุกขึ้นนั่งและเรียกชื่ออีกฝ่าย ชายหนุ่มหลับตาลงหายใจยาวๆ ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าเขาจะโดนเธอดึงลงสู่อารมณ์เช่นนั้นได้ง่ายดายแบบนี้ นี่เขาเป็นอะไรไป...เขาเพิ่งเจออัยรดาได้ไม่ถึงเดือน เขาต้องการผู้หญิงคนนี้มากถึงขนาดนั้นเลยหรือไง! ‘ให้ตายเถอะซามาล’ ชายหนุ่มสบถในใจก่อนนั่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งและสังเกตว่ารอบๆ มืดลงมากแล้ว
“ขึ้นรถเถอะอัยด้า ผมสาบานว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
อัยรดามองหน้าอีกฝ่ายพร้อมเม้มปากลงแน่น สายตาของเขาทำให้เธอรู้ว่าเขาพูดจริง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองควรพูดอะไรหรือควรรู้สึกแบบไหนกัน เธอรู้เพียงว่าร่างกายของผู้ชายเบื้องหน้านี้ช่างมีอิทธิพลกับตนเองเหลือเกิน
*************************************************
Siang
ยังไปไม่ถึงคาซัสเลยคร่าาาา
Zephyr
555 ดาน่า นางอิจฉาเจงๆ เอ๊ะหรือจะหมดเมนส์ อิอิ
4.
หลายวันต่อมาในตอนเช้า...เสียงเคาะประตูห้องของอัยรดาดังขึ้นและคนรับใช้หญิงซึ่งอัยรดาไปฝึกภาษาด้วยชื่อวีนาก็หอบชุดสีชมพูกลีบกุหลาบขึ้นมาให้หญิงสาว
“อะไร” เจ้าของห้องถามอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายจึงพูดช้าๆ และพยายามอธิบาย
“คุณซามาล...ให้เอามาให้...ให้คุณใส่”
“ให้ฉันงั้นเหรอ ทำไมล่ะ”
“คุณซามาลสั่งว่าคุณต้องใส่ค่ะ” วีนาบอกพร้อมแสดงท่าทางประกอบก่อนเอาชุดไปแขวนไว้ที่หน้าตู้และยืนคอยอยู่อย่างนั้น
“ทำไมไม่ออกไปล่ะ ต้องคอยเฝ้าด้วยเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยังไงฉันก็ต้องใส่อยู่แล้ว”
อัยรดาพูดเป็นภาษาโซมาห์ผสมกับภาษาไทยเพราะยังไม่เก่งพอ แต่หญิงรับใช้ผู้นั้นก็ยิ้มและจับผมของตนเอง
“ฉันคอย..ทำผมให้คุณ”
“อย่างงั้นเลยเหรอ”
สาวชาวไทยยิ้มเพราะไม่เข้าใจว่าจะต้องแต่งตัวอลังการไปไหนแต่ถ้ายังสื่อสารกันอยู่อย่างนี้กว่าจะคุยกันรู้เรื่องคงไม่ได้ทำอะไรแน่ๆ ร่างเพรียวซึ่งอาบน้ำเรียบร้อยแล้วจึงหยิบชุดสีชมพูกลีบกุหลาบนั้นมาใส่และให้อีกฝ่ายช่วยทำผมให้ วีนาจับผมยาวอัยรดาแบ่งถักเป็นเปียและม้วนเกล้าเก็บมวยผมไว้ด้านหลัง พร้อมกับแต่งหน้าให้อ่อนๆ ในโทนสีเข้ากับชุด อัยรดาถึงกับเพ่งดูตัวเองในกระจก เพราะไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะดูเรียบร้อยขนาดนี้
“เผื่อต้องใช้ค่ะ”
วีนาส่งผ้าคลุมศีรษะเนื้อเบาบางสีชมพูจางซึ่งถูกพับไว้เป็นอย่างดีให้กับอัยรดา ทำให้สาวชาวไทยเอ่ยขอบคุณอีกครั้งเป็นภาษาโซมาห์ซึ่งต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าหาคำที่เหมาะสมได้
“ขอบคุณนะวีนา เธอเก่งจริงๆ ที่เนรมิตเด็กกะโปโลให้กลายเป็นผู้เป็นคนได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเป็นคนสวยอยู่แล้ว ออกไปข้างนอกเถอะค่ะคุณซามาลรออยู่” วีนายิ้มให้ก่อนก้มศีรษะและเดินนำหญิงสาวออกไปจากห้องนั้น ในขณะที่ซามาลคอยอยู่ในห้องรับรองห้องเดิม และวีนาเป็นฝ่ายเข้าไปรายงาน
“คุณอัยรดามาแล้วค่ะ”
บุรุษหนุ่มแห่งอากัสย่าอยู่ในชุดสีดำมีขอบเป็นลายปักสีน้ำตาลทอง เขาเดินออกจากห้องและเห็นร่างในชุดสีชมพูกลีบกุหลาบยืนหันหลังคอยอยู่ตรงบันได ด้านหลังของหญิงสาวในชุดกระโปรงเข้ารูปยาวคลุมข้อเท้าดูระเหิดระหงด้วยสัดส่วนที่งดงาม และเมื่อเธอหันมามองบุรุษหนุ่มก็ต้องหยุดนิ่งอยู่ชั่วนาทีเพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าสาวปากเก่งอย่างอัยรดาจะสวยได้ขนาดนี้
“มองแบบนี้คิดจะว่าอะไรฉันอีกหรือเปล่า” คนถูกมองรีบถามอย่างระแวง บอดี้การ์ดจึงหยักมุมปาก
“...แค่คิดว่าคุณใส่กระโปรงแล้วเหมือนผู้หญิงมากกว่าใส่กางเกง”
“ว่าไงนะ...ไม่ได้ชมใช่ไหมเนี่ย” อัยรดามองมองตามร่างกำยำในชุดสีดำแปลกตาที่เดินนำหน้าไปอย่างขัดใจเพราะรู้สึกว่านอกจากสายตาของเขาจะทำให้เธอรู้สึกวูบวาบเหมือนโดนจับผิดอยู่บ่อยๆ ปากของเขาก็ช่างชอบจิกกัดเธอเสียเหลือเกิน
ธุระที่ซามาลพามานั้นอยู่ที่สถานฑูตโซมาห์ แต่จนถึงประตูสถานฑูตแล้วอัยรดาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องพาเธอมาด้วย
“หันมานี่สิอัยด้า” เมื่อรถจอดสนิทแล้วซามาลก็เรียกหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างพร้อมหยิบผ้าสีชมพูบนตักของเธอขึ้นมาและคลี่มันออกก่อนคลุมศีรษะให้เธอด้วยวิธีการที่หญิงอาหรับทำกัน
“นี่คุณ...”
หญิงสาวพึมพำ ดวงตาโตมองตามมือหนาได้รูปที่จับผ้าพันไปมาผ่านรอบลำคอระหง มืออุ่นๆ ของเขานั้นเฉียดผ่านใบหน้านวลจนบางครั้งก็สัมผัสต้องโดนเธอเล็กน้อย และทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงไออุ่นๆ ที่ส่งผ่านร่างซึ่งขยับมาจนประชิดตนเอง ริมฝีปากสีชมพูจึงเม้มลงใบหน้านวลก้มลงซ่อนความรู้สึกแปลกๆ ในใจเอาไว้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามือของผู้ชายที่เย็นชาพูดจาไม่เข้าหูคนแบบซามาลนั้นจะทำเรื่องอ่อนโยนอย่างนี้เป็นด้วย
“สวัสดีท่านทูต”
เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวตึกสีขาวของสถานทูต อัยรดาก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนพร้อมด้วยภรรยาเดินออกมาต้อนรับและดูเหมือนในห้องโถงกลางตึกสีขาวนั้นจะมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง บุคคลที่อยู่ด้านในก็ล้วนแต่งกายภูมิฐาน และส่วนมากก็จะมากันเป็นคู่
“อยู่ข้างๆ ผม”
ซามาลบอกอัยรดาพลางก้มศีรษะให้กับท่านทูตเล็กน้อย แต่เมื่อหญิงสาวขยับปากจะถาม ชายหนุ่มก็ขู่ซ้ำ “อย่าเพิ่งมีคำถาม ไม่งั้นไม่ได้ไปคาซัสแน่ๆ”
“สวัสดีครับคุณซามาล”
เสียงเช่นนั้นดังอยู่เนืองๆ มีชายหญิงหลายคู่ที่เข้ามาทักทาย และอัยรดาก็ต้องยืนอยู่ข้างๆ ร่างกำยำแถมพลอยต้องยิ้มรับไปด้วย ในขณะเดียวกันเธอก็เพิ่งจะเห็นว่า ในมุมดุ พูดจาขวานผ่าซากนั้น ซามาลก็ดูเป็นนักการทูตที่ดูภูมิฐาน และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับชนเผ่าของเขาหรือว่าเจ้านายของเขาได้มากทีเดียว
“สวัสดีคุณซามาล...เจ้านายคุณสบายดีหรือเปล่า?”
เสียงนั้นดังจากชายอายุประมาณ 40 ในสายตาของอัยรดาและการฟังสำเนียงของคนที่เคยเป็นไกด์ หญิงสาวเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนอเมริกันและก็ถูกเสียด้วย
“วอลเตอร์เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน...” ซามาลพึมพำเบาๆ เหมือนเป็นการบอกอัยรดาแต่กลับไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย คนถามจึงเหยียดมุมปากน้อยๆ ก่อนมองสาวชาวไทย
“เพิ่งรู้ว่าคุณมีภรรยาเป็นสาวเอเชีย ไปเจอมาได้ยังไง แล้วนี่คนที่เท่าไหร่กันล่ะ”
“นี่คุณ...” อัยรดากำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่ซามาลก็จับแขนเธอไว้คล้ายบอกให้หยุด
“ท่าทางคุณวอลเตอร์จะเข้าใจผิด” ซามาลเอ่ยเรียบๆ “เธอกับผม...เรายังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วกรุณาอย่าพูดแบบนั้นอีก ถึงแม้ประเพณีของเราจะสามารถอนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาได้ถึง 4 คน แต่ภรรยาทุกคน...พวกเธอล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องปกป้อง ทนุถนอม ฉะนั้นจึงถือเป็นมารยาทที่คนอื่นไม่ควรอยากรู้ หรือพูดจาอย่างที่คุณพูดเมื่อครู่”
ท่าทางหยิ่งผยองดั่งไม่เคยก้มหัวให้ใครนั้นทำให้ชายอเมริกันวัย 40 อดไม่ได้ที่จะทำเสียงขึ้นจมูก “ประเพณีของพวกคุณ มันช่างลี้ลับสลับซับซ้อนเสียจริง ทำให้ผมอยากจะทำความรู้จักกับอับดุลอาซิสสักครั้งซะแล้วสิ ว่าแต่เมื่อไหร่เขาถึงจะเลิกส่งคุณมาเป็นนายหน้าล่ะ”
“อับดุลอาซิสไม่คบหาและไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า”
ซามาลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ริมฝีปากหยักได้รูปนั้นเหยียดมุมน้อยๆ จนอัยรดาชักกลัวว่าเขาอาจจะก่อมวยขึ้นมากกลางงานเลี้ยงแทนเพราะวอลเตอร์หน้าแดงจัดด้วยความโกรธ เขาชักสีหน้าพลางแค่นเสียง
“จำคำพูดของคุณไว้นะ แล้วฝากบอกเจ้านายคุณด้วยว่า อับดุลอาซิสกำลังคิดผิด! ตอนนี้โซมานห์เป็นประเทศเปิด นานาชาติล้วนต้องการเข้ามาลงทุน เศรษฐกิจของที่นี่กำลังจะเติบโต อากัสย่าอยู่ใกล้โซมาห์แค่เอื้อมจะมาทำปิดหูปิดตาอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ได้หรอก”
“อากัสย่าไม่ได้โดดเดี่ยว แต่เราเลือกเสมอว่าจะคบใคร แล้วคุณวอลเตอร์คิดว่านานาชาติที่คุณพูดหมายถึงประเทศอะไรบ้างล่ะ หรือว่ามีแต่ประเทศของคุณเพียงประเทศเดียว” ซามาลตอบด้วยรอยยิ้มเย็นๆ และขอตัวโดยการดึงอัยรดามาพบปะคนอื่นอยู่สักพักก่อนจะขอตัวกลับจากที่นั่น
พอขึ้นรถได้ชายหนุ่มก็ถอดชุดคลุมสีดำลายปักสีน้ำตาลทองออกพาดพนักและมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าตอนที่มาถึง จนอัยรดาอดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่ควรมองเขาผิดเลยจริงๆ คนอย่างซามาลไม่ควรแม้แต่จะเป็นบอดี้การ์ด เพราะจากที่เธอเห็นการพูดคุยกับบุคคลต่างๆ เขาดูมีความสำคัญมากกว่านั้น
ตลอดเวลาที่อยู่ในงาน คนที่เข้ามาพูดคุยกับเขามักจะถามถึงอับดุลอาซิส แต่เท่าที่เธอสังเกตและสรุปก็คือ ไม่เคยมีใครได้เจอตัวของเขาเลย เจ้านายของซามาลนั้นดูเหมือนจะมีอำนาจมาก แต่คงเป็นบุคคลต้องห้ามหรือเป็นชายที่ไม่มีใครเคยพบมาก่อน และตอนนี้ก็ดูเหมือนซามาลกำลังแบกรับทุกอย่างแทนเขาคนนั้น
“คุณกำลังเครียด?” อัยรดาพูดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ขับรถเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ทำให้คนขับชำเลืองมองมาพร้อมถาม
“รู้ได้ยังไง”
“ถามได้! ก็ฉันเห็นคุณนั่งยิ้มมาตลอดทางเลย” หญิงสาวประชดพร้อมกอดอกหันไปมองหน้าเขาอย่างจริงจัง คนฟังจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ
“เห็นญาติคุณบอกว่าคุณเป็นนักเขียนแต่ผมสงสัยว่าคุณจะเป็นหมอดู”
“เป็นนักเขียนนั่นแหละค่ะ แต่รู้ไหมว่าคนที่เป็นนักเขียนมักจะใส่ใจกับเรื่องที่เราสนใจเป็นพิเศษ” อัยรดาหรี่ตาลงมองอีกฝ่าย “แล้วตอนนี้ฉันก็เห็นว่าคุณกำลังเครียดเรื่องอากัสย่าแล้วก็เรื่องของ...อับดุลอาซิส”
“แล้วรู้ไหมว่าทำไม”
“ก็เพราะคุณต้องแบกรับทุกอย่างแทนเขา แถมยังต้องคอยปิดบังตัวตนให้เขาอีก...ใช่ไหม” อัยรดาถามคนที่กำลังขับรถอยู่ อีกฝ่ายจึงเหยียดมุมปาก
“นี่แสดงว่าคุณกำลังสนใจผมเป็นพิเศษใช่ไหม”
“นี่คุณ...ใครบอกล่ะ” อัยรดาแก้ตัวแทบไม่ทัน “ฉันสนใจอับดุลอาซิสกับอากัสย่าต่างหาก”
“เหรอ” ทำไมก็ไม่รู้แต่อัยรดาคิดว่าน้ำเสียงแบบนั้นของเขามันฟังดูกวนชะมัด หญิงสาวจึงรีบบอกเหตุผลเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่เชื่อว่าเธอสนใจอากัสย่ากับอัลดุลอาซิสไม่ใช่เขา
“ก็ใช่สิ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันอยากไปอากัสย่า อยากรู้ว่าที่นั่นเป็นยังไง สวยไหม คนเยอะไหม ฉันอยากเจออัลดุลอาซิสนะ ตอนนี้ยิ่งอยากเจอใหญ่เลย อยากรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นไง นิสัยยังไง มีครอบครัวหรือยัง มีภรรยากี่คน มีลูกกี่คน แล้วก็ดุจริงๆ อย่างที่เค้าลือกันไหม”
“คุณอยากรู้มากไปแล้ว” ซามาลบอกขำๆ อัยรดาจึงคิดได้
“จริงสินะ คุณบอกว่ามันเป็นมารยาทที่ไม่ควรถามถึงภรรยาของพวกคุณใช่ไหม”
“อย่าใช้คำว่าพวก ผมยังไม่ได้แต่งงาน”
“จริงเหรอ งั้นคุณก็ยังเหลือตัวเลือกอีกตั้ง 4 ครั้งน่ะสิ ฟังดูน่ามีกำไรเนอะ” อัยรดาแซว อีกฝ่ายจึงส่ายศีรษะ
“การมีภรรยา 4 คน มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนะคุณ ประเพณีของเราไม่ได้ส่งเสริมให้ผู้ชายมีผู้หญิงหลายคนเราไม่ได้บังคับว่าทุกคนจะต้องมีภรรรยา 4 คน แต่เปิดโอกาสให้สตรีได้ขึ้นมาเท่าเทียมกัน ในขณะที่ชนชาติอื่นให้มีภรรยาเพียงคนเดียวแต่ก็แอบไปมีเล็กมีน้อยแล้วก็ไม่เคยให้ความเท่าเทียมกับพวกเธอ คัมภีร์ของเราบอกไว้ว่าถ้าเราไม่สามารถให้ความยุติธรรมหรือเท่าเทียมกันระหว่างภรรยาทั้ง 4 ได้ ก็ควรแต่งงานกับสตรีเพียงคนเดียว...ซึ่งสำหรับผม ผมไม่สามารถรักผู้หญิงเท่าๆ กันถึง 4 คนได้”
“งั้นเหรอคะ...ขอโทษนะคะที่ฉันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา” อัยรดามองอีกฝ่ายอย่างทึ่งๆ และอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกดีๆ กับเขาเพิ่มขึ้น
สำหรับคุณผมไม่ถือหรอก” ซามาลพูดเรียบๆ “แต่การที่ผู้ชายอีกคนจะถามถึงภรรยาของคนอื่นมันเป็นเรื่องไม่เหมาะ” คนขับรถบอกพร้อมเหยียดมุมปาก “โดยเฉพาะถ้าเรารู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นยังไง”
จบประโยคนั้นซามาลก็เหยียบเบรคเพื่อจอดรถและอัยรดาก็เพิ่งสังเกตว่าเขาขับรถมาจอดที่ถนนเลียบเส้นทางรันเวย์ของสนามบินโซมาห์ แต่ตอนนี้อะไรจะน่าสนใจไปกว่าเรื่องที่กำลังคุยกัน
“คุณพูดเหมือนรู้ว่านักธุรกิจคนนั้นเป็นยังไง”
“ขึ้นชื่อว่านักธุรกิจ...ส่วนใหญ่ก็ต้องทำทุกอย่างให้ตัวเองได้ผลประโยชน์มากที่สุด”
“ก็มีส่วน...แต่วอลเตอร์พูดเหมือนจะบอกว่ารัฐบาลโซมาห์กำลังต้อนรับเขา และอับดุลอาซิสก็คิดผิดที่ไม่สนใจ หมายความเขากำลังกดดัน กำลังบีบบังคับคุณทางอ้อมใช่ไหม” อัยรดาพูดในสิ่งที่ได้ยิน ซามาลจึงพยักหน้าน้อยๆ และมองออกไปเบื้องหน้า
“พวกเขากำลังใช้ความพยายามทำให้อับดุลอาซิสยอมร่วมลงทุนด้วย ที่เขาสนใจพวกเราก็เพราะพวกเรามีสิ่งที่เขาต้องการ...ดูนั่นสิอัยด้า”
บรรยากาศตอนนั้นเย็นมากแล้ว เครื่องบินลำหนึ่งหันหัวออกจากสถานีและเปิดไฟจ้าขณะที่วิ่งตามเส้นทางยาวๆ มันเริ่มจากการเคลื่อนที่ช้าๆ แล้วก็เร็วขึ้น เร็วขึ้น ก่อนจะเก็บล้อและทะยานสู่ฟากฟ้า ชายหนุ่มปรับเบาะเอนลงและชวนให้อัยรดามองสิ่งนั้น
“ฉันไม่เคยเห็นเวลาเครื่องบินกำลังจะขึ้นจากรันเวย์เลย”
หญิงสาวเปรยขึ้นมีสักกี่คนนะที่ใช้เวลามานั่งมองสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ เมืองเช่นนี้ พอเครื่องบินลำนั้นโผขึ้นสู่ท้องฟ้าซามาลก็พึมพำ
“เวลาที่กัปตันบังคับมันขึ้นท้องฟ้า มันก็เป็นเวลาที่เขาต้องความรับผิดชอบต่อผู้คนมากมายขึ้นไปด้วย ไม่ใช่ผู้โดยสารแต่ว่ารวมทั้งญาติ ลูกเมีย และพ่อแม่ของคนที่ไปกับเขา”
เสียงเบาๆ นั้นทำให้อัยรดาหันมามองชายหนุ่ม แต่ซามาลกำลังนอนหลับตาด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนกับคนกำลังง่วง...แต่แค่คนที่แบกภาระไว้มากมายและกำลังอยากพักผ่อน
“อับดุลอาซิสใช้งานคุณหนักมากเกินไป”
อัยรดารำพึง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบโต้อะไรทำให้หญิงสาวนั่งมองเขาพร้อมคิดในใจว่า ยามที่ซามาลอยู่นิ่งๆ และหลับตาเช่นนี้ เขาช่างเป็นผู้ชายที่น่ามอง ขนตาของเขายาวเป็นแพและเสริมให้ดวงตาสีน้ำตาลทองยิ่งดูคมเข้ม สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักได้รูปซึ่งปิดสนิท มีเพียงอกแกร่งภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางที่ยุบขึ้นลงตามลมหายใจเข้าออก และอัยรดาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองออกห่างจากประตูและขยับใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณยังไม่รู้จักอับดุลอาซิส...อัยด้า...เขาทำทุกอย่างเพื่อชาวอากัสย่า”
สักพักใหญ่ซามาลก็พึมพำ แต่ดวงตาคมนั้นยังไม่ลืมขึ้น ทำให้อัยรดานึกเห็นใจเขามากขึ้นกว่าเดิม
“แต่คุณเองก็ทำทุกอย่างเพื่อเขาไม่ใช่เหรอ คุณเป็นตัวแทนของอับดุลอาซิสเพื่อมาทำธุรกิจกับคุณโมฮัดเป็นตัวแทนของเขาเพื่อจะมาตอบคำถาม เผชิญหน้า และรับแรงกดดันต่างๆ แทนเขา”
“โมฮัดเป็นเหมือนญาติคนหนึ่ง เขาเป็นเพื่อนที่ดี” ซามาลตอบ ดวงตาสีน้ำตาลทองค่อยๆ ลืมขึ้นและมองหญิงสาวที่นั่งมองตนเองอยู่ “รู้ไหมว่าทำไมใครๆ ถึงสนใจอากัสย่ากันนัก”
“ไม่รู้” อัยรดาตอบตามตรง ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นนั่งในระดับเดียวกับเธอ
“อากัสย่าอยู่ในทำเลที่มีบ่อน้ำมันมากที่สุดในทะเลทรายโกย่า แต่น้ำมันก็คือปิโตรเลียม มันคือทรัพยากรที่ใช้แล้วก็หมดไปไม่สามารถเกิดทดแทนขึ้นมาได้อีก”
“ค่ะ ข้อนั้นฉันรู้” อัยรดาพึมพำและรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังขยับเข้าใกล้ตนเองมากกว่าเดิม แต่เธอกลับนั่งนิ่งและก็ทำอะไรไม่ได้มากเมื่อแขนกำยำค่อยๆ เลื่อนไปโอบรอบเอวบางเบาๆ
“อับดุลอาซิสสอนให้เราก็รู้จักใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างที่สุด รักษาสมดุลเพื่อมันจะอยู่กับเราไปนานๆ...อับดุลอาซิสสอนให้เรารู้จักใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทราย อยู่กับธรรมชาติที่โหดร้ายแต่ก็พยายามพลิกฟื้นมันกลับมาไม่ใช่ยิ่งทำลายให้มันเสียหายมากกว่าเดิม และเขาก็คิดว่าการเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาลงทุนมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ในแง่หนึ่งมันก็เหมือนเปิดโอกาสให้คนอื่นมาย่ำยีธรรมชาติของเรา ใครจะรักบ้านเกิดของเราเท่ากับตัวของเราเองล่ะ คุณว่าจริงไหม” ซามาลถามเสียงเบา มือแกร่งที่อ้อมรอบเอวคอดกระชับกว่าเดิมซึ่งเสมือนการรั้งร่างบางเข้ามาตัวของเขา
“ฉัน...” อัยรดามองใบหน้าคมซึ่งอยู่ใกล้ตนเองจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว ริมฝีปากสีชมพูอิ่มนั้นสั่นน้อยๆ ก่อนรวบรวมสติเพื่อดันร่างสูงออกห่างจากตนเองแต่ก็ไม่เร็วพอจะหยุดใบหน้าคมที่ก้มประทับรอยจูบอุ่นๆ ลงบนปากอิ่ม
“อื้อ”
ซามาลแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นับแต่วันที่เจออัยรดาเขาพยายามบอกตนเองว่าเธอก็เหมือนผู้หญิงทุกๆ คนที่รักความสะดวกสบาย พยายามตั้งข้อกับตัวเองว่าเธอน่ารำคาญ แต่ยิ่งนับวันเขากลับยิ่งเห็นว่าสวย น่าเข้าใกล้ น่าค้นหา และทำอย่างไรก็ไม่สามารถลบภาพวันที่เห็นเธอนั่งอยู่ในสนามบินโซมาห์ได้เลย ร่างเพรียวซึ่งอยู่ในเสื้อยืดกางเกงยีนส์ช่างมีบุคลิกที่น่าจับตามอง เธอเชิดหน้าน้อยๆ รวบผมเกล้ามวยไว้ด้านหลังเผยให้เห็นลำคอเนียนระหง เขาก้าวเข้าไปหาเธอทั้งๆ ที่ไม่รู้มาก่อนว่าญาติของยุพากรหน้าตาเป็นอย่างไร และคงมองอยู่อย่างนั้นถ้าเธอไม่หันมาเห็นเสียก่อน
“ซามาล...”
อัยรดาส่งเสียงพึมพำ มือเรียวที่ดันอกแกร่งนั้นเปลี่ยนจิกกำเสื้อของเขาไว้แน่น เธอไม่เคยจูบมาก่อน ไม่รู้เลยว่ามันช่างมีรสชาติเหมือนการได้ดื่มพันซ์ราคาแพงซึ่งพร้อมจะพาให้คนที่ไม่ประสีประสาในเรื่องการดื่ม รู้สึกมึนเมาและเคลิ้มเคลิ้มจนถอนตัวไม่ขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นไม่นานมือหนาได้รูปก็รวบเอวคอดดึงเธอข้ามฝั่งไปอยู่บนตัวเขาในด้านคนขับอย่างชำนิชำนาญ และนั่นเป็นวูบหนึ่งที่อัยรดาบอกตัวเองว่ากำลังจะกลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งในอีกหลายคนของเขา ‘สาวเอเชีย! ไปเจอมาได้ยังไง แล้วนี่คนที่เท่าไหร่กันล่ะ’ คำพูดคล้ายดูถูกของวอลเตอร์ดังขึ้นในหัวสมองและทำให้สาวชาวไทยดึงตัวเองขึ้นจากรสชาติพั้นซ์ชั้นดีอย่างยากเย็น
“ปล่อยฉัน!”
เธอทุบเขาหลายครั้งพร้อมถอยตัวออกห่างจนชนนั่นโน้นนี่เยอะแยะไปหมด มือเรียวเปิดประตูด้านคนขับออกและลงรีบไปยืนอยู่ข้างรถด้วยสภาพที่สั่นไปทั้งตัว
“อัยด้า”
ซามาลลุกขึ้นนั่งและเรียกชื่ออีกฝ่าย ชายหนุ่มหลับตาลงหายใจยาวๆ ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าเขาจะโดนเธอดึงลงสู่อารมณ์เช่นนั้นได้ง่ายดายแบบนี้ นี่เขาเป็นอะไรไป...เขาเพิ่งเจออัยรดาได้ไม่ถึงเดือน เขาต้องการผู้หญิงคนนี้มากถึงขนาดนั้นเลยหรือไง! ‘ให้ตายเถอะซามาล’ ชายหนุ่มสบถในใจก่อนนั่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งและสังเกตว่ารอบๆ มืดลงมากแล้ว
“ขึ้นรถเถอะอัยด้า ผมสาบานว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
อัยรดามองหน้าอีกฝ่ายพร้อมเม้มปากลงแน่น สายตาของเขาทำให้เธอรู้ว่าเขาพูดจริง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองควรพูดอะไรหรือควรรู้สึกแบบไหนกัน เธอรู้เพียงว่าร่างกายของผู้ชายเบื้องหน้านี้ช่างมีอิทธิพลกับตนเองเหลือเกิน
*************************************************
Siang
ยังไปไม่ถึงคาซัสเลยคร่าาาา
Zephyr
555 ดาน่า นางอิจฉาเจงๆ เอ๊ะหรือจะหมดเมนส์ อิอิ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มิ.ย. 2557, 19:59:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 มิ.ย. 2557, 19:59:38 น.
จำนวนการเข้าชม : 1721
<< 3 | 5 >> |

นกขมิ้น 17 มิ.ย. 2557, 21:04:33 น.
สนุกมากเลย
สนุกมากเลย


แว่นใส 17 มิ.ย. 2557, 23:47:34 น.
ลืมตัวบ่อยก็ดีนะ อิอิอิ
ลืมตัวบ่อยก็ดีนะ อิอิอิ

Zephyr 17 มิ.ย. 2557, 23:55:19 น.
คงไม่ใช่ ซามาล = อับดุลอาซิส
ถ้าเป็นยังงั้น จะลงไปนอนชักดิ้นชักงอค่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ คุยกันดีๆไหว ตาซามาลไปจุ๊บ เอ้ย จูบ ยายอัยด้าเฉยเลย
อัยด้า แหม ได้ชื่อใหม่เลยนะ
คงไม่ใช่ ซามาล = อับดุลอาซิส
ถ้าเป็นยังงั้น จะลงไปนอนชักดิ้นชักงอค่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ คุยกันดีๆไหว ตาซามาลไปจุ๊บ เอ้ย จูบ ยายอัยด้าเฉยเลย
อัยด้า แหม ได้ชื่อใหม่เลยนะ

แพรพริมา 18 มิ.ย. 2557, 08:28:43 น.
น้องแว่นใส- ความรักมักทำให้คนเขียนขาดสติ เอ๊ย ไม่ใช่ ทำให้พระ-นางขาดสติตะหาก คริคริ
คุณ Zephyr - 555 เขาจะคอยดูว่าตัวเองจะได้ลงไปชักดิ้นชัดงอรึเปล่า
น้องแว่นใส- ความรักมักทำให้คนเขียนขาดสติ เอ๊ย ไม่ใช่ ทำให้พระ-นางขาดสติตะหาก คริคริ
คุณ Zephyr - 555 เขาจะคอยดูว่าตัวเองจะได้ลงไปชักดิ้นชัดงอรึเปล่า



แพรพริมา 1 ก.ค. 2557, 22:01:55 น.
ซามาลเนียนค่ะ อิอิ
ซามาลเนียนค่ะ อิอิ

ผักหวาน 2 ก.ค. 2557, 13:30:23 น.
โหย โปรดอย่าจ้องตากันนะค๊า เพราะคุณสองคนจะดำดิ่งลงไปสู่ห้วงพิภพเชียว
โหย โปรดอย่าจ้องตากันนะค๊า เพราะคุณสองคนจะดำดิ่งลงไปสู่ห้วงพิภพเชียว
