ร้อยรักพรางตะวัน (Just To Love You)
ชีวิตและจิตใจของฉันเหมือนดั่ง..ตุ๊กตาแก้ว..
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)
‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)
‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)
‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)
‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)
‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)
‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)
Tags: ร้อยรักพรางตะวัน,รักซึ้งๆ,รักโรแมนติก
ตอน: ท้องฟ้าแปรปรวน..หัวใจรวนเร..
ท้องฟ้าแปรปรวน..หัวใจรวนเร..
บรรยากาศตึงเครียดชวนอึดอัดระหว่างการเผชิญหน้าโดยไม่คาดฝัน คนที่ดูเหมือนจะอึดอัดมากที่สุดหลังจากฟังคำแนะนำตัวจากคนมาใหม่คงจะหนีไม่พ้นอรณี ดวงตากลมกระพริบถี่อย่างไม่เข้าใจขณะก้มมองมือหนาของคนคุ้นเคยที่ยื่นเข้ามาหมายทำความรู้จัก ด้วยท่าทีเฉยชาราวกับว่าต่างเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
“สวัสดีครับ..ผม..ภาณุ.ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ภาณุเอ่ยเสียงราบเรียบไม่แสดงทีท่าใด จนหญิงสาวนึกค่อนในใจ..
จะเนียนเกินไปแล้ว..
ไม่เพียงแต่ไม่ยื่นมือไปสัมผัสตอบ กิริยาหน้าเชิด นิ่งเสียยิ่งกว่าปกติแสดงออกด้วยอาการต่อต้านในทันทีท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองด้วยความสนใจ
“คิดว่าคุณคงรู้จักฉันดีอยู่แล้ว..ก็ฉันเป็นดาราดัง..คงไม่ต้องแนะนำตัวกันให้เสียเวลาหรอก”
อรณีมองเมินคนเคยคุ้นไปหาชัชพลที่ยืนละล้าละลังอยู่ “พี่ชัชคะ.. อรจะกลับห้องค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
อรณีเหลือบตามองภาณุเพียงหางตาก่อนจะเดินผ่านคนโดนสายตาสะกดให้ยืนนิ่งเป็นก้อนหินราวเขาเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน
“เดี่ยวสิอร..เดี๋ยว”
ชัชพลกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามอรณีไปติดๆ ปากร้องเรียกหญิงสาวเป็นระยะ ในขณะที่คัคนานต์ก็เกาะแขนคนเหม่อมองตามหญิงสาวที่ก้าวฉับลับสายตาไปอย่างไม่รีรอ
“พี่ณุ..พี่ณุคะ.. แล้วเราเอายังไงดี”
แรงสัมผัสจากหญิงสาวข้างกายทำให้ภาณุที่ยืนนิ่งงัน ถึงกับสะดุ้งด้วยรู้สึกถึงสายตาคมที่มองอย่างพินิจหรืออาจจะเรียกได้ว่าจับผิด ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘คุณอา’ ของสาวน้อยที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ‘แคร์’ เขา
“เอ่อ..อันที่จริงพี่ไม่ค่อยหิว พี่ว่าคุณนางไปทานกับคุณอาดีกว่า”
ภาณุอ้ำอึ้งปฏิเสธ หากแต่คคนานต์ส่ายหน้าดิกไม่ยอมท่าเดียวสร้างความลำบากใจให้เขาไม่น้อย ร้อนถึงปราณที่ดูจะขัดหูขัดตาหลานสาวคนโปรดที่เกาะติดผู้ชายเป็นปลิง
“ว่าแต่คุณเถอะ..เป็นใครผมไม่เคยเห็นหน้า” ปราณเปิดประเด็น สายตาตคมราวกับเหยี่ยวพินิจพิเคราะห์คนตรงหน้าแบบพิจารณา..หรือจะเรียกได้ว่า ‘สำรวจ’ สถานภาพว่าอีกฝ่าย ‘ผ่าน’ มาตรฐานหรือไม่
“ผม..”
ไม่ทันที่ภาณุจะเอ่ยปาก สาวน้อยหนึ่งเดียวที่ยืนหน้าเสียก็เอ่ยขัด
“คุณภาณุค่ะ คุณอา..เป็นวิศวกรประจำบริษัทของพี่น่าน แถมยังเป็นเพื่อนรักของพี่น่านด้วยนะคะ พี่ณุเก่งมากเลยนะคะคุณอา ขนาดได้ฉายาขงเบ้งแห่งวงการวิศวกรรมเชียวค่ะ” คคนานต์บรรยายสรรพคุณของเขาเจื้อยแจ้ว แต่แล้วก็ต้องหน้าง้ำเมื่อโดนเบรค
“อาถามเรารึยัง..จะมาออกรับแทนทำไม อาแค่อยากทำความรู้จักกับคนที่หลานควงไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน คุณว่าจริงมั๊ย?”
“เอ่อ...ผม..ภาณุครับ เป็นวิศวกรประจำบริษัทของคุณน่านฟ้า และเป็นแค่ ‘เพื่อน’ กับคุณนาง ไม่ใช่ ‘คู่ควง’ คุณคงเข้าใจผิดแล้ว ผมขอตัวดีกว่าคงไม่เหมาะที่ผมจะอยู่ที่นี่ในเวลานี้”
ภาณุออกตัวสีหน้ายังคงยิ้มพราย หากแต่แววตาวาวโรจน์เมื่อสบเข้ากับสายตาดูถูกอย่างจัง
แน่ล่ะ..เขาอึดอัดเต็มประดากับสายตาของชายที่ได้ชื่อว่า ‘ท่านประธาน’ ที่อรณีงัดข้อด้วยเมื่อครู่ ยิ่งเมื่อเห็นท่าทีเป็นต่อของปราณที่แสดงอาการข่มขู่เพื่อนรักของเขายิ่งนึกเคืองแทนนัก
“แต่พี่ณุคะ..เดี๋ยวค่ะ”
คคนานต์ยื้อไว้ แต่ปราณออกคำสั่งเสียงเข้ม ทำเอาสาวน้อยถึงกับหน้าเสีย “คุณไปก่อน ผมมีธุระคุยกับหลานสาวสักหน่อย ตามอาไปห้องแม่เธอยัยนาง เรามีเรื่องต้องเคลียร์”
“แต่คุณอาคะ นางนัดทานข้าวกับพี่ณุนะคะ พี่ณุเป็นแขกของคุณแม่กับพี่น่าน คุณแม่ฝากฝังพี่ณุให้นางดูแล นี่ก็ค่ำมากแล้วนางหิวมาก พี่นุก็คงหิวมากเหมือนกันค่ะ”
“ตกลงเห็นผู้ชายสำคัญกว่าอาว่างั้น” ปราณเอ่ยเสียงเข้ม
“โธ่..ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณอา” สีหน้าลำบากใจของหญิงสาวทำให้ภาณุตัดสินใจบอกปัด
“พี่ไม่รบกวนดีกว่า คุณนางตามสบายครับพี่ขอตัว เอาไว้ค่อยสั่งรูมเซอร์วิซง่ายๆ ทานที่ห้อง คุณนางสบายใจได้ไปกับคุณอาเถอะนะครับ”
ภาณุผละจากไปโดยไม่ฟังคำทัดทานใด ปราณมองตามจนลับสายตา รู้สึกคุ้นเคยกับคนที่หลานสาวสนใจอย่างประหลาดราวกับเคยเห็นที่ไหนสักแห่งมาก่อนหน้านั้น...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ท้องฟ้ามืดครึ้มของเช้าวันใหม่ที่ควรจะสดใสแต่วันนี้กลับหม่นหมองเพราะสายฝนโปรยลงมาเป็นระยะอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก.. เสียงโทรศัพท์มือถือบนหัวนอนสั่นดังเป็นสัญญาณเตือนปลุก หากแต่ร่างกายเหนื่อยล้าลุกออกจากที่นอนกลับยังทรงตัวไม่ค่อยอยู่จนต้องล้มตัวลงนอนอีกครั้งหลังจากอดนอนเมื่อคืนเพราะเรื่องบางอย่างรบกวนจิตใจ
“ทำไมต้องทำไม่รู้จักกัน..ตอบมา..”
“ทำไมไม่ตอบ..ณุ..อรไม่ใช่เพื่อนณุใช่มั๊ย..ที่ทำเป็นไม่รู้จักกันเพราะเด็กคนนั้นใช่มั๊ย..เธอสวยนี่ ยังเด็กอยู่ด้วย ชอบเธอหรือไง”
นั่นสิ..เป็นคำถามตัดพ้อที่แม้แต่เขาก็ยังตอบตัวเองไม่ได้..สำหรับเขา ‘คคนานต์’ เป็นน้องสาวของเพื่อนรัก ช่วงเวลาเพียงน้อยนิดจะคิดอะไรได้ จำได้ว่าเขาได้แต่นิ่งฟังคำตัดพ้อจากอรณีผ่านมาทางโทรศัพท์มือถือเสียยืดยาว การไม่พูดอะไรกลับเหมือนยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้คนปลายสายมากยิ่งขึ้น
ก็จะให้คิดอะไรได้..ในเมื่อความจริงที่เห็นคืออรณีอยู่กับ ‘คนอื่น’ ..ไม่ใช่เขา
“อย่างนี้ตลอด..เงียบ..ไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอไง”
อรณีตัดพ้อ สุดท้ายเขาก็อดรนทนไม่ไหวตอบกลับเสียงเข้ม ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้สึก แต่คำพูดของหล่อนช่างสะดุดหูนัก
“ก็แล้วอรจะทำไม..เมื่อคืนอรก็อยู่กับคนอื่นเหมือนกัน จะมาเดือดร้อนเรื่องของณุทำไม”
“ใครว่าอรเดือดร้อน!! ก็ได้..จำไว้นะว่าเราไม่รู้จักกัน!! ต่อไปนี้ไม่ต้องมาสนใจ ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเป็นใยแบบจอมปลอม!!”
“เดี๋ยว!! อร!! เฮ้..อย่าเพิ่งวางสายสิ..โธ่”
เพราะประโยคสุดท้ายก่อนวางสายอีกเช่นกันที่ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่จนถึงขณะนี้ ภาณุทอดถอนใจหนักหน่วงเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน หรือคำพูดจะแรงไป..ก็ไม่น่า..
อรณี..คล้ายจะโกรธเขา.. ในน้ำเสียงตวัดมีร่องรอยตัดพ้อติดจะสั่นเสียด้วยซ้ำ..
แต่จะโกรธทำไม..ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน..นอกจากเพื่อน
ไม่ทันที่จะปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านต่อ เพราะเสียงเคาะประตูหนักหน่วงที่ดังรัวหลายครั้งด้านนอกทำให้ภาณุตัดความกังวลใจทิ้งไปก่อน วันนี้เขานัดกับน่านฟ้าเรื่องประเมินราคาที่ดินโครงการเฟสสองที่กำลังคิดจะดำเนินงานสร้าง
“คุณณุ!! คุณณุอยู่รึเปล่าคะ”
เสียงตะโกนด้านนอก ทำให้เขารีบขานรับอย่างไม่รีรอ เพราะคุ้นเสียงเป็นอย่างดีเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
“เจ้? รู้ได้ยังไงว่าผมพักห้องนี้”
“มีอะไรที่ผู้รอบรู้อย่างพี่จะไม่รู้คะคุณณุ..แหมพักห้องสูทเชียวนะคะคงแพงน่าดูเลย ธุระงานเหรอคะบังเอิญจังนะพักโรงแรมเดียวกับอรด้วยสิ”
“เรื่องงานครับ..ก็เรื่องคอนโดเฟสใหม่ของบริษัทอาจจะต้องอยู่ดูงานต่อหลายวัน ว่าแต่เจ้มีเรื่อง?”
แสงสุรีย์ขยับแว่นสายตาเล็กน้อยด้วยกิริยาเคยคุ้นยามอยู่ต่อหน้าเขา..คล้ายจะจับผิด แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มมีสีหน้างงงวยจนผู้จัดการสาวก็นึกได้ว่าไม่สมควรลาบละล้วง จึงรีบเอ่ยข้อข้องใจทันที “อร..อยู่กับคุณที่นี่รึเปล่า”
เสียงแผ่วเบาคล้ายกระซิบราวกับไม่อยากให้ใครได้ยินทั้งที่บริเวณนั้นไม่มีใคร..
“อร? ไม่ได้มาที่นี่ครับ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับอร ดูเจ้ร้อนรนจัง”
“อรณีหายตัวไปค่ะ”
“อะไรนะ!! แล้วลองโทรหาดูรึยัง”
น้ำเสียงภาณุร้อนรนกว่าคนมาถามเมื่อครู่เสียอีก กิริยาร้อนใจ แสงสุรีย์ลอบมองอย่างพินิจ แต่ก็ปัดความคิดทิ้งไปก่อนเพราะเรื่องอรณีหายตัวไปสำคัญกว่า
“นี่โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ เหลวไหลจริงๆ ท่านประธานโมโหใหญ่แล้ว คุณสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันช่วยคิดหน่อยได้มั๊ยจะไปหาอรณีได้ที่ไหน” น้ำเสียงผู้จัดการสาวบ่งบอกถึงปัญหา
“ผมไม่แน่ใจ..เดี๋ยวขอคิดดูก่อนครับ”
“เร็วเลยนะคุณณุ..ไม่งั้นสถานภาพนักแสดงอันดับหนึ่งของอรณีต้องสั่นคลอนแน่ๆ ท่านประธานเพิ่งเตือนพี่ก่อนมาที่นี่ได้ไม่กี่วันเองค่ะ”
ภาณุถึงกับกุมขมับ..หรือจะเพราะเรื่องเมื่อคืน..
ไม่น่า...
อรณีไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบถึงกับทิ้งงานแค่เรื่องที่ทะเลาะกับเขา...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฟ้าฝนอึมครึมที่ตั้งเค้ารำไรมาตั้งแต่เมื่อคืนเริ่มตกโปรยปรายอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสียงเอะอะเซ็งแซ่ดังอึกทึกเต็มห้องจัดเลี้ยงที่เนรมิตเป็นฉากงานเต้นรำสุดอลังการแต่นักแสดงหลักอย่างอรณีกลับมาหายไป สร้างความหงุดหงิดให้กับคนที่กำลังหัวหมุนเป็นอย่างมากชัชพลถึงกับกุมขมับเมื่อรู้จากแสงสุรีย์ว่าอรณีหายไป..
หายไปได้อย่างไร..คำถามวกวนที่ต้องการคำตอบหรือจะเพราะเขา..เพราะเรื่องเมื่อคืนที่จู่โจมขอความรักหล่อน..
“พี่ชัช..ยังตามหาตัวคุณอรไม่เจอเลยทำยังไงดีคะ..ทีมน้องอลิซ เอ๊ย!! พวกทีมคลื่นรักเค้าเซ็ทฉากใกล้จะเสร็จกันแล้วค่ะเดี๋ยวบ่ายสองต้องเคลียร์ห้องจัดเลี้ยงคืนโรงแรมด้วยนี่ก็แปดโมงนิดๆแล้วเราเหลือเวลาถ่ายนิดเดียวเองนะคะ..ฝนไม่น่าตกยังกับฟ้ารั่วเลยผิดแผนกันหมดเลยแทนที่จะได้แยกกันถ่ายต้องมากระจุกกันในนี้แทนห้องอื่นก็ไม่ว่างนี่ทีมเซ็ตฉาก ไฟบ่นกันใหญ่เลยค่ะ กลัวว่าจะเตรียมตัวไม่ทันกัน”
ลีน..ลินา..สาวอวบอ้วนแต่คล่องแคล่ว..ตัวเก่งฝ่ายประสานงานกองถ่ายบ่นรัวเป็นชุดเสียงดังสนั่นบอกชัชพลราวกับเรื่องคอขาดบาดตาย ผู้กำกับหนุ่มชักสีหน้าอย่างขัดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ
“แล้วไม่มีใครแจ้งอรณีกับผู้จัดการเหรอว่ามีการเปลี่ยนแปลงน่ะ”
“โน่นค่ะ..ต้องโทษไอ้โตนมันบอกว่าเมื่อตอนตีสองหลังจากที่พวกเราทั้งถกทั้งเถียงกันเรื่องนี้แล้วมันก็รีบไปหาเจ้แสงเพื่อจะแจ้งคิวใหม่ให้คุณอร”
ชัชพลสนใจขึ้นมาทันที ละสายตาจากเอกสารตรงหน้าที่เป็นบทใหม่ที่เพิ่งมาถึงสดๆร้อนๆ “แล้วไง”
“แล้วก็..คือ..คือ”
“คืออะไร อย่าอ้ำอึ้งเราก็รู้นี่พี่ชอบคนพูดจาฉะฉาน” ชัชพลมองเขม็งคาดโทษด้วยร้อนใจสาวอ้วนถึงกับหน้าซีดอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง
“ไอ้โตนค่ะ ไอ้โตนมันโทรหาเจ้แสงแต่สายไม่ว่างแล้วก็ไปเรียกคุณอรที่ห้องก็ไม่เปิดเลยโน๊ตไว้แล้วสอดไว้ใต้ประตูสงสัยคุณอรไม่เห็น”
“แล้วโทรเช็ครึยัง มือถือ ห้องพักตั้งหลายเบอร์โทรเข้าสิ เร็วเข้า”
“ค่ะๆๆ" ลินาถึงกับหน้าเสียเมื่อชัชพลตะคอกใส่ด้วยความหงุดหงิด
“ให้มันได้อย่างนี้สิแล้วไม่บอกแต่แรก พี่ก็ปากหนัก เอาเป็นว่าพี่ผิดเองแหละไม่ได้บอกอรไว้ก่อนว่าจะขอคิวแทรกช่วงกลางวันก่อนถ่ายฉากซ่อมเมื่อวานตอนเย็น เธอคงคิดว่าฟรีเลยไปไหนแน่ๆ”
“ลีนก็คิดว่าคุณอรคงจะไม่ไปไหนเหมือนกันค่ะเลยชะล่าใจอีกอย่างอากาศแบบนี้ไปไหนก็ลำบากไม่สนุก ใครจะไปรู้.. ขอโทษนะคะพี่ชัชเราเอาไงต่อดีคะเวลาก็น้อย แล้วยังจะ..”
ไม่ทันที่ลินาจะพูดจบ ชัชพลที่นิ่งฟังอย่างหงุดหงิดมานานก็ทุบโต๊ะปังอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วตะโกนเสียงดังเรียกหา
“ไอ้คุณสมชาย!! ไปตามน้องอลิซมาเข้าฉากเดี๋ยวนี้ให้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้เสร็จจะได้ไม่เสียเงินเปล่า ไปตามศรุตมาด้วย เราต้องถ่ายเจาะซีนเขาให้ได้สักซีนสองซีนไม่งั้นเสียหายหลายเงินแล้วพวกเราจะเดือนร้อน”
ชัชพลสั่งเสียงกร้าวจนโตน..หรือสมชายถึงกับหน้าบูด บ่นกระปอดกระแปดเมื่อถูกตะโกนเรียกชื่อเสียงดัง “โธ่..พี่ชัช..ทำไมต้องเรียกชื่อเก่าผมด้วยล่ะ บอกแล้วว่าเปลี่ยนเป็นไตรภพแล้วไม่ต้องคิดถึงมัมากแล้วได้มั๊ยชื่อนั้นน่ะ เชย โบราณ คร่ำครึ ฟังระคายหู”
“ชื่อพ่อแม่ตั้งมาให้ มันเชยตรงไหนวะ ไอ้คุณโตน ..ไตรภพ สามโลก สมชายอะไรก็ช่างเหอะ..ไปได้แล้วพูดมาก!!”
“คร๊าบ..เพ่คร๊าบ..เดี๋ยวนี้เลยครับพี่”
สมชาย..หรือชื่อใหม่ 'ไตรภพ' เอ่ยล้อเลียนอย่างไม่เกรงกลัวสักนิดก่อนจะวิ่งแนบหายไปชัชพลได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา เพราะความสนิทชิดเชื้อเป็นทุนเดิม เรียกได้ว่าโตกับหน้าที่การงานมาด้วยกัน
เปรียบสมชายเป็นมือขวาลินาก็เป็นมือซ้ายที่ค่อนข้างรู้ใจและเรียกใช้งานแบบเล่นหัวได้สะดวกกว่าใคร..ที่สำคัญเป็นสองคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางเรืองเขาและใครบางคนอีกด้วย..
ใครบางคน..ที่เขาเคยรักจนแทบเสียผู้เสียคน...
ก่อนที่จะมาพานพบใครอีกคน...ที่เขารักหมดใจ..
**********************************************************************************************************
ชลดาแบกพาเอาความร้อนรุ่มกลุ้มใจที่แสดงออกทางสีหน้าท่าทางแทบปิดไม่มิดเข้ามายังห้องจัดเลี้ยงที่ถูกเนรมิตให้เป็นฉากเต้นรำสุดอลังการท่ามกลางสายตาเหล่าทีมงานที่ให้ความสนใจทันทีที่นักแสดงและพิธีกรชื่อดังย่างกายเข้ามาทั้งที่ไม่มีธุระอันใดกับกองถ่ายแม้สักนิด
“ลีน..พี่ชัชล่ะ”
ทันทีที่เจอหน้าบุคคลเป้าหมายชลดาก็ยิงคำถามทันที เสียงที่ปกติจะหวานออกหน้าจอบัดนี้กลับสะบัดเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่คนฟังบ่อยๆอย่างลินาชินซะแล้ว
“เมื่อกี้พายุเพิ่งลงกองถ่ายไปหมาดๆยังเก็บความเสียหายไม่หมด แต่ตอนนี้สลายตัวไปตรวจดูความเรียบร้อยแล้ว พอดีวันนี้ผิดแผนนิดหน่อย กองถ่ายเจอฝนหนักเลยต้องย้ายเข้ามาในร่มคิวนักแสดงที่ไม่ได้นัดไว้ก่อนล่วงหน้าเลยรวนไปหมด”
“แล้วทำไมพี่ชัชไม่รับโทรศัพท์โทรหาตั้งหลายหนแล้วจนต้องมาหาถึงนี่”
ชลดายืนกอดอกจ้องลินาที่กำลังสาละวนจัดคิวงานอยู่โดยที่ลินาพยายามไม่ใส่ใจมองแต่ก็ตอบไปแต่โดยดี “ก็ลีนจะรู้ได้ไงล่ะคะคุณชลโทรศัพท์ก็ของพี่ชัช ไม่ใช่ของทีมงาน จะใช้ส่วนตัวก็เรื่องของเขามั๊ง”
“ลีน!! พี่ถามดีๆนะแล้วทำไมต้องเรียกคุณเคินอะไรด้วยเราเป็นพี่เป็นน้องกันไม่ใช่เหรอ”
ชลดาเสียงเข้มมือเรียวที่กอดอกคลายออกจากกันแต่กลับวางแปะอยู่บนเอกสารที่ลินากำลังแยกอย่างวุ่นวายบนโต๊ะหมายจะให้สาวอ้วนให้ความสนใจซึ่งก็ได้ผล..
ลินาชักสีหน้าใส่พิธีกรสาวทันทีอย่างเริ่มหงุดหงิด สาวอ้วนดวงตาวาวโรจน์ผละมือจากกองเอกสารจ้องดวงตาคมของสาวสวยตรงหน้าไม่ลดละเช่นกัน
“มีสิทธิ์อะไรมาใช้คำว่าพี่น้อง!!คุณไม่ใช่พี่น้องของพวกเราตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้วล่ะ..คุณชลดา..หลีกไปอย่ามาวุ่นวายแถวนี้ออกห่างพี่ชัชได้เท่าไหร่ยิ่งดีอย่าให้หมดความอดทนไม่งั้นไอ้โตนมาเห็นมันคงได้จับคุณโยนออกไปนอกห้องแน่ๆเลยนะ”
“นี่!! พูดเกินไปแล้วนะ ทำอะไรผิดมากมายถึงกับต้องผลักไสกันด้วยล่ะ..ลีน” ชลดาตวาดแต่แล้วก็เสียงอ่อนลงเมื่อมองเห็นสายตาคนรอบข้างมองอย่างสนใจและตั้งใจฟัง
“ไม่รู้ตัวก็อย่ารู้..ว่าแต่คุณมาทำอะไรถึงที่นี่ไม่ได้เล่นเรื่องนี้นี่ หรือมาทำสกู๊ปหลังกล้องกองถ่ายรึไง ที่จริงไม่เห็นต้องมาเองส่งนักข่าวภาคสนามมาก็ได้นี่” ลินาเหลือบมองค้อนแต่น้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิม
“วันนี้ว่างเลยมาดูที่กะจะซื้อเอาไว้ปลูกบ้านน่ะรู้ว่าทีมงานมาถ่ายที่นี่เลยแวะมา แล้วพอดีพรุ่งนี้ก็มีนัดสัมภาษณ์ลูกชายเจ้าของโรงแรมนี้ด้วย นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงซะด้วยสิไม่รู้ความหล่อจะสูสีพี่ชัชรึเปล่านึกแล้วก็ตื่นเต้น”
ชลดานั่งลงข้างลินาพร้อมจับมือด้วยกิริยาอ่อนหวานผิดจากเมื่อสักครู่ไปมากจนสาวอ้วนมองอย่างงงๆ “บรื๋อ..ขนลุกพูดอย่างเดียวก็ได้มาจับไม้จับมือทำไมเนี่ย”
“ถามหน่อยสิลีน..พี่ชัชพักที่นี่ใช่มั๊ย ห้องไหนเหรอ มีกุญแจมั๊ยพี่จะได้ไปรอพี่ชัชที่นั่นไม่ประเจิดประเจ้อด้วย” ชลดากระซิบถามไม่ให้ใครได้ยินสาวอ้วนถึงกับเบิกตาโพลง
“บ้าเหรอ!! มาถามเอากุญแจห้องผู้ชายนี่นะ จะบ้าแล้วแล้วกุญแจห้องพี่ชัชจะมาอยู่อะไรกับลีนเล่า”
ลินาสบถ ชลดาถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ก็เห็นว่าสนิทกันดีอยู่เผื่อจะฝากไว้มั่งจะให้ทำยังไงล่ะ ก็รู้ตัวว่าผิดไปแล้วอยากง้อ มันผิดมากรึไง..ลืน” ชลดาอ้อมแอ้มตอบเสียงเศร้า
“เฮ้อ..มันก็ไม่ผิดหรอกพี่ชลแต่ว่ามันใช่เวลามั๊ยคนเยอะแยะหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง พี่ชลเป็นแบบนี้เรื่อยเลยทำให้ทุกคนลำบากใจเพราะการตัดสินใจของพี่ตลอด” ลินาลอบถอนใจ แต่ชลดายังคงคะยั้นคะยอ
“พี่ผิดไปแล้วลีนต้องอยู่ข้างพี่นะช่วยพี่เรื่องพี่ชัชด้วยอยากได้อะไรเดี๋ยวพี่หามาให้พิเศษสำหรับลีนเลยคอร์สเสริมความงามสักคอร์สมั๊ย เอาแบบครบเซ็ตก็ได้ หุ่นเฟิร์ม ดูดไขมัน สปา หน้าผม พี่มีคอนแท็กกับที่นึงได้ผลเร็วมากด้วยรับรองเธอต้องกลายเป็นคนใหม่ที่สวยจนหนุ่มๆเหลียวหลังเลย”
ชลดาเสนอผลประโยชน์ หากแต่ลินาส่ายหน้าปฏิเสธสีหน้าเครียด
“อย่าเลยพี่ชล..คนจะงามที่ใจใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยจรรยาใช่ตาหวาน ลีนไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครโดยเฉพาะพี่อีกอย่างอะไรๆ เงินมันซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอก ที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทราหาคนใหม่ที่เขารักพี่ ไม่สนอดีตพี่ไม่ดีกว่าเหรอ ปล่อยพี่ชัชเขาไปตามทางเถอะลินเห็นแล้วก็สงสารไม่อยากให้พี่เขาเจ็บปวดแทบตายแบบคราวนั้นอีก เผื่อเขาจะได้เริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงดีๆสักคน”
ลินาปฏิเสธเสียงอ่อนเบาแทบเป็นกระซิบเมื่อเห็นคนต้นเหตุเดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามา ชัชพลถึงกับชะงักเมื่อชลดาหันมามองพร้อมส่งยิ้มหวานจัด..รอยยิ้มที่เขาเคยหลงรัก
แสนหวาน..เหมือนน้ำทะเลสีฟ้าสดใส..
หากแต่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง..เหมือนหัวใจรวนเร..
เรรวนและปรวนแปร..ไม่ต่างจากคลื่นลมทะเล..
ชัชพลเหลือบตามองชลดาที่นั่งลุ้นให้เขาเดินเข้าหาเพียงครู่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อชัชพลเดินผ่านไปอย่างไม่ไยดีไปยังหน้าเวทีที่กำลังชุลมุนวุ่นวายทำงานแข่งกับเวลา...
********************************************
“นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่..”
เสียงเอ่ยทักไม่ทันตั้งตัวทำให้หญิงสาวในชุดหมีลำลองขาสั้นเหนือเข่าสีเทาอ่อนกับเสื้อแจ็กเก็ตสีดำตัวยาวมีหมวกฮู๊ดคลุมปิดหนือศีรษะมิดชิดถึงกับชะงักมือหลังจากปิดประตูห้องเรียบร้อยดวงตาสวยภายใต้แว่นกันแดดสีดำอันใหญ่หันมามองเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบเดินฉากชิดริมทางเดินอีกฝั่งไม่ใส่ใจ
“จะไปไหน..อร..คุยกันก่อน”
ภาณุคว้าข้อมือผอมบางที่แค่มือเขาก็กำได้เกือบรอบไว้แน่นหนาจนหญิงสาวที่ถูกดึงไว้ถึงกับหน้านิ่วด้วยความเจ็บ
“เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ เมื่อวานยังไม่รู้จักกันนี่” อรณีถามย้อนพลางสะบัดมือหนาที่ยึดข้อมือหล่อนไว้แต่ไม่หลุด กลับยิ่งโดนรัดแน่นมากขึนด้วยมืออีกข้างที่เหนี่ยวรั้ง
“พูดอะไรอย่างนั้น..ก็แค่ทำไปตามมารยาทแค่นั้นเอง”
“ปล่อยเลย..จะไปข้างนอก คนไม่รู้จักกันไม่ต้องมายุ่ง!!”
อรณีตวาดเสียงเข้มจ้องมองดวงหน้าคมของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนรักอย่างนึกน้อยใจ คำพูดเหินห่างเมื่อคืนยิ่งคิดยิ่งปวดใจจนแทบไม่อยากมองหน้าเขา
ภาณุละล้าละลังเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขัดจังหวะไม่ได้หยุดมือหนาควานหาโทรศัทพ์มือถือในกระเป๋ากางเกงด้วยความรำคาญครั้นจะเหนี่ยวรั้งอรณีไว้ก็ไม่ทันเมื่อหญิงสาวก้าวฉับลับหายไปทันทีที่ปล่อยมือ
“เจ้ ผมกำลังยุ่ง..ใช่เจออรแล้วเดี๋ยวผมบอกให้”
ภาณุตัดบทเมื่อรู้ว่าปลายสายคือแสงสุรีย์ที่ร้อนอกร้อนใจไม่แพ้กันพูดผ่านโทรศัพท์ ย้ำแล้วย้ำอีกให้พาอรณีกลับไปให้ได้ ถึงจะไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนักแต่เขาก็อดห่วงแทนไม่ได้
********************************************
ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงมากมายค่อนข้างเงียบเหงา เพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจแถมยังคงตกอย่างต่อเนื่องภาณุสอดส่ายสายตามองหาเรือนร่างเพรียวบางที่คุ้นชินแต่ไม่พบเจอแม้เงา..
ไวเท่าความคิดมือหนากดโทรหาเบอร์คนทีตามหาในทันที เสียงรอสายยังคงดังอย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีแม้เสียงตอบกลับจากปลายสายจนอ่อนใจ
“ทำไมไม่รับสายนะ..อร..ทิ้งงานแบบนี้ได้ยังไง”
ภาณุบ่นลมบ่นแล้งพลันสายตาเหลือบมองภายในร้านกาแฟขนาดเล็กร้านหนึงที่นั่งริมหน้าต่างเป็นฝ้ามองแทบไม่เห็นด้านในแต่เขาเห็น..แทบไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเรือนร่างหนาแต่เปียกปอนก้าวเข้าหาทันที
..ก๊อก..ก๊อก..
เสียงเคาะรัวเร็วดังจากทิศทางหนึ่งอรณีสะดุ้งจากภวังค์ มองแก้วกาแฟเย็นชืดที่ยังไม่ได้แตะต้องและมองหาที่มาของเสียงอย่างงุนงงพลันสายตาก็เหลือบเห็นบางสิ่งบางอย่างบนกระจกที่เต็มไปด้วยฝ้าพร้อมใครบางคนที่ยืนมองอยู่...
*********************************************************************************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
เรื่องนี้แต่งไปลงไป คงจะมาลงได้ช้าหน่อยค่ะ
เหลือสต็อกอีกสองตอน T T
ขอขอบคุณมากๆนะคะ
^_______^
บรรยากาศตึงเครียดชวนอึดอัดระหว่างการเผชิญหน้าโดยไม่คาดฝัน คนที่ดูเหมือนจะอึดอัดมากที่สุดหลังจากฟังคำแนะนำตัวจากคนมาใหม่คงจะหนีไม่พ้นอรณี ดวงตากลมกระพริบถี่อย่างไม่เข้าใจขณะก้มมองมือหนาของคนคุ้นเคยที่ยื่นเข้ามาหมายทำความรู้จัก ด้วยท่าทีเฉยชาราวกับว่าต่างเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
“สวัสดีครับ..ผม..ภาณุ.ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ภาณุเอ่ยเสียงราบเรียบไม่แสดงทีท่าใด จนหญิงสาวนึกค่อนในใจ..
จะเนียนเกินไปแล้ว..
ไม่เพียงแต่ไม่ยื่นมือไปสัมผัสตอบ กิริยาหน้าเชิด นิ่งเสียยิ่งกว่าปกติแสดงออกด้วยอาการต่อต้านในทันทีท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองด้วยความสนใจ
“คิดว่าคุณคงรู้จักฉันดีอยู่แล้ว..ก็ฉันเป็นดาราดัง..คงไม่ต้องแนะนำตัวกันให้เสียเวลาหรอก”
อรณีมองเมินคนเคยคุ้นไปหาชัชพลที่ยืนละล้าละลังอยู่ “พี่ชัชคะ.. อรจะกลับห้องค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
อรณีเหลือบตามองภาณุเพียงหางตาก่อนจะเดินผ่านคนโดนสายตาสะกดให้ยืนนิ่งเป็นก้อนหินราวเขาเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน
“เดี่ยวสิอร..เดี๋ยว”
ชัชพลกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามอรณีไปติดๆ ปากร้องเรียกหญิงสาวเป็นระยะ ในขณะที่คัคนานต์ก็เกาะแขนคนเหม่อมองตามหญิงสาวที่ก้าวฉับลับสายตาไปอย่างไม่รีรอ
“พี่ณุ..พี่ณุคะ.. แล้วเราเอายังไงดี”
แรงสัมผัสจากหญิงสาวข้างกายทำให้ภาณุที่ยืนนิ่งงัน ถึงกับสะดุ้งด้วยรู้สึกถึงสายตาคมที่มองอย่างพินิจหรืออาจจะเรียกได้ว่าจับผิด ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘คุณอา’ ของสาวน้อยที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ‘แคร์’ เขา
“เอ่อ..อันที่จริงพี่ไม่ค่อยหิว พี่ว่าคุณนางไปทานกับคุณอาดีกว่า”
ภาณุอ้ำอึ้งปฏิเสธ หากแต่คคนานต์ส่ายหน้าดิกไม่ยอมท่าเดียวสร้างความลำบากใจให้เขาไม่น้อย ร้อนถึงปราณที่ดูจะขัดหูขัดตาหลานสาวคนโปรดที่เกาะติดผู้ชายเป็นปลิง
“ว่าแต่คุณเถอะ..เป็นใครผมไม่เคยเห็นหน้า” ปราณเปิดประเด็น สายตาตคมราวกับเหยี่ยวพินิจพิเคราะห์คนตรงหน้าแบบพิจารณา..หรือจะเรียกได้ว่า ‘สำรวจ’ สถานภาพว่าอีกฝ่าย ‘ผ่าน’ มาตรฐานหรือไม่
“ผม..”
ไม่ทันที่ภาณุจะเอ่ยปาก สาวน้อยหนึ่งเดียวที่ยืนหน้าเสียก็เอ่ยขัด
“คุณภาณุค่ะ คุณอา..เป็นวิศวกรประจำบริษัทของพี่น่าน แถมยังเป็นเพื่อนรักของพี่น่านด้วยนะคะ พี่ณุเก่งมากเลยนะคะคุณอา ขนาดได้ฉายาขงเบ้งแห่งวงการวิศวกรรมเชียวค่ะ” คคนานต์บรรยายสรรพคุณของเขาเจื้อยแจ้ว แต่แล้วก็ต้องหน้าง้ำเมื่อโดนเบรค
“อาถามเรารึยัง..จะมาออกรับแทนทำไม อาแค่อยากทำความรู้จักกับคนที่หลานควงไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน คุณว่าจริงมั๊ย?”
“เอ่อ...ผม..ภาณุครับ เป็นวิศวกรประจำบริษัทของคุณน่านฟ้า และเป็นแค่ ‘เพื่อน’ กับคุณนาง ไม่ใช่ ‘คู่ควง’ คุณคงเข้าใจผิดแล้ว ผมขอตัวดีกว่าคงไม่เหมาะที่ผมจะอยู่ที่นี่ในเวลานี้”
ภาณุออกตัวสีหน้ายังคงยิ้มพราย หากแต่แววตาวาวโรจน์เมื่อสบเข้ากับสายตาดูถูกอย่างจัง
แน่ล่ะ..เขาอึดอัดเต็มประดากับสายตาของชายที่ได้ชื่อว่า ‘ท่านประธาน’ ที่อรณีงัดข้อด้วยเมื่อครู่ ยิ่งเมื่อเห็นท่าทีเป็นต่อของปราณที่แสดงอาการข่มขู่เพื่อนรักของเขายิ่งนึกเคืองแทนนัก
“แต่พี่ณุคะ..เดี๋ยวค่ะ”
คคนานต์ยื้อไว้ แต่ปราณออกคำสั่งเสียงเข้ม ทำเอาสาวน้อยถึงกับหน้าเสีย “คุณไปก่อน ผมมีธุระคุยกับหลานสาวสักหน่อย ตามอาไปห้องแม่เธอยัยนาง เรามีเรื่องต้องเคลียร์”
“แต่คุณอาคะ นางนัดทานข้าวกับพี่ณุนะคะ พี่ณุเป็นแขกของคุณแม่กับพี่น่าน คุณแม่ฝากฝังพี่ณุให้นางดูแล นี่ก็ค่ำมากแล้วนางหิวมาก พี่นุก็คงหิวมากเหมือนกันค่ะ”
“ตกลงเห็นผู้ชายสำคัญกว่าอาว่างั้น” ปราณเอ่ยเสียงเข้ม
“โธ่..ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณอา” สีหน้าลำบากใจของหญิงสาวทำให้ภาณุตัดสินใจบอกปัด
“พี่ไม่รบกวนดีกว่า คุณนางตามสบายครับพี่ขอตัว เอาไว้ค่อยสั่งรูมเซอร์วิซง่ายๆ ทานที่ห้อง คุณนางสบายใจได้ไปกับคุณอาเถอะนะครับ”
ภาณุผละจากไปโดยไม่ฟังคำทัดทานใด ปราณมองตามจนลับสายตา รู้สึกคุ้นเคยกับคนที่หลานสาวสนใจอย่างประหลาดราวกับเคยเห็นที่ไหนสักแห่งมาก่อนหน้านั้น...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ท้องฟ้ามืดครึ้มของเช้าวันใหม่ที่ควรจะสดใสแต่วันนี้กลับหม่นหมองเพราะสายฝนโปรยลงมาเป็นระยะอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก.. เสียงโทรศัพท์มือถือบนหัวนอนสั่นดังเป็นสัญญาณเตือนปลุก หากแต่ร่างกายเหนื่อยล้าลุกออกจากที่นอนกลับยังทรงตัวไม่ค่อยอยู่จนต้องล้มตัวลงนอนอีกครั้งหลังจากอดนอนเมื่อคืนเพราะเรื่องบางอย่างรบกวนจิตใจ
“ทำไมต้องทำไม่รู้จักกัน..ตอบมา..”
“ทำไมไม่ตอบ..ณุ..อรไม่ใช่เพื่อนณุใช่มั๊ย..ที่ทำเป็นไม่รู้จักกันเพราะเด็กคนนั้นใช่มั๊ย..เธอสวยนี่ ยังเด็กอยู่ด้วย ชอบเธอหรือไง”
นั่นสิ..เป็นคำถามตัดพ้อที่แม้แต่เขาก็ยังตอบตัวเองไม่ได้..สำหรับเขา ‘คคนานต์’ เป็นน้องสาวของเพื่อนรัก ช่วงเวลาเพียงน้อยนิดจะคิดอะไรได้ จำได้ว่าเขาได้แต่นิ่งฟังคำตัดพ้อจากอรณีผ่านมาทางโทรศัพท์มือถือเสียยืดยาว การไม่พูดอะไรกลับเหมือนยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้คนปลายสายมากยิ่งขึ้น
ก็จะให้คิดอะไรได้..ในเมื่อความจริงที่เห็นคืออรณีอยู่กับ ‘คนอื่น’ ..ไม่ใช่เขา
“อย่างนี้ตลอด..เงียบ..ไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอไง”
อรณีตัดพ้อ สุดท้ายเขาก็อดรนทนไม่ไหวตอบกลับเสียงเข้ม ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้สึก แต่คำพูดของหล่อนช่างสะดุดหูนัก
“ก็แล้วอรจะทำไม..เมื่อคืนอรก็อยู่กับคนอื่นเหมือนกัน จะมาเดือดร้อนเรื่องของณุทำไม”
“ใครว่าอรเดือดร้อน!! ก็ได้..จำไว้นะว่าเราไม่รู้จักกัน!! ต่อไปนี้ไม่ต้องมาสนใจ ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเป็นใยแบบจอมปลอม!!”
“เดี๋ยว!! อร!! เฮ้..อย่าเพิ่งวางสายสิ..โธ่”
เพราะประโยคสุดท้ายก่อนวางสายอีกเช่นกันที่ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่จนถึงขณะนี้ ภาณุทอดถอนใจหนักหน่วงเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน หรือคำพูดจะแรงไป..ก็ไม่น่า..
อรณี..คล้ายจะโกรธเขา.. ในน้ำเสียงตวัดมีร่องรอยตัดพ้อติดจะสั่นเสียด้วยซ้ำ..
แต่จะโกรธทำไม..ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน..นอกจากเพื่อน
ไม่ทันที่จะปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านต่อ เพราะเสียงเคาะประตูหนักหน่วงที่ดังรัวหลายครั้งด้านนอกทำให้ภาณุตัดความกังวลใจทิ้งไปก่อน วันนี้เขานัดกับน่านฟ้าเรื่องประเมินราคาที่ดินโครงการเฟสสองที่กำลังคิดจะดำเนินงานสร้าง
“คุณณุ!! คุณณุอยู่รึเปล่าคะ”
เสียงตะโกนด้านนอก ทำให้เขารีบขานรับอย่างไม่รีรอ เพราะคุ้นเสียงเป็นอย่างดีเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
“เจ้? รู้ได้ยังไงว่าผมพักห้องนี้”
“มีอะไรที่ผู้รอบรู้อย่างพี่จะไม่รู้คะคุณณุ..แหมพักห้องสูทเชียวนะคะคงแพงน่าดูเลย ธุระงานเหรอคะบังเอิญจังนะพักโรงแรมเดียวกับอรด้วยสิ”
“เรื่องงานครับ..ก็เรื่องคอนโดเฟสใหม่ของบริษัทอาจจะต้องอยู่ดูงานต่อหลายวัน ว่าแต่เจ้มีเรื่อง?”
แสงสุรีย์ขยับแว่นสายตาเล็กน้อยด้วยกิริยาเคยคุ้นยามอยู่ต่อหน้าเขา..คล้ายจะจับผิด แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มมีสีหน้างงงวยจนผู้จัดการสาวก็นึกได้ว่าไม่สมควรลาบละล้วง จึงรีบเอ่ยข้อข้องใจทันที “อร..อยู่กับคุณที่นี่รึเปล่า”
เสียงแผ่วเบาคล้ายกระซิบราวกับไม่อยากให้ใครได้ยินทั้งที่บริเวณนั้นไม่มีใคร..
“อร? ไม่ได้มาที่นี่ครับ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับอร ดูเจ้ร้อนรนจัง”
“อรณีหายตัวไปค่ะ”
“อะไรนะ!! แล้วลองโทรหาดูรึยัง”
น้ำเสียงภาณุร้อนรนกว่าคนมาถามเมื่อครู่เสียอีก กิริยาร้อนใจ แสงสุรีย์ลอบมองอย่างพินิจ แต่ก็ปัดความคิดทิ้งไปก่อนเพราะเรื่องอรณีหายตัวไปสำคัญกว่า
“นี่โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ เหลวไหลจริงๆ ท่านประธานโมโหใหญ่แล้ว คุณสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันช่วยคิดหน่อยได้มั๊ยจะไปหาอรณีได้ที่ไหน” น้ำเสียงผู้จัดการสาวบ่งบอกถึงปัญหา
“ผมไม่แน่ใจ..เดี๋ยวขอคิดดูก่อนครับ”
“เร็วเลยนะคุณณุ..ไม่งั้นสถานภาพนักแสดงอันดับหนึ่งของอรณีต้องสั่นคลอนแน่ๆ ท่านประธานเพิ่งเตือนพี่ก่อนมาที่นี่ได้ไม่กี่วันเองค่ะ”
ภาณุถึงกับกุมขมับ..หรือจะเพราะเรื่องเมื่อคืน..
ไม่น่า...
อรณีไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบถึงกับทิ้งงานแค่เรื่องที่ทะเลาะกับเขา...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฟ้าฝนอึมครึมที่ตั้งเค้ารำไรมาตั้งแต่เมื่อคืนเริ่มตกโปรยปรายอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสียงเอะอะเซ็งแซ่ดังอึกทึกเต็มห้องจัดเลี้ยงที่เนรมิตเป็นฉากงานเต้นรำสุดอลังการแต่นักแสดงหลักอย่างอรณีกลับมาหายไป สร้างความหงุดหงิดให้กับคนที่กำลังหัวหมุนเป็นอย่างมากชัชพลถึงกับกุมขมับเมื่อรู้จากแสงสุรีย์ว่าอรณีหายไป..
หายไปได้อย่างไร..คำถามวกวนที่ต้องการคำตอบหรือจะเพราะเขา..เพราะเรื่องเมื่อคืนที่จู่โจมขอความรักหล่อน..
“พี่ชัช..ยังตามหาตัวคุณอรไม่เจอเลยทำยังไงดีคะ..ทีมน้องอลิซ เอ๊ย!! พวกทีมคลื่นรักเค้าเซ็ทฉากใกล้จะเสร็จกันแล้วค่ะเดี๋ยวบ่ายสองต้องเคลียร์ห้องจัดเลี้ยงคืนโรงแรมด้วยนี่ก็แปดโมงนิดๆแล้วเราเหลือเวลาถ่ายนิดเดียวเองนะคะ..ฝนไม่น่าตกยังกับฟ้ารั่วเลยผิดแผนกันหมดเลยแทนที่จะได้แยกกันถ่ายต้องมากระจุกกันในนี้แทนห้องอื่นก็ไม่ว่างนี่ทีมเซ็ตฉาก ไฟบ่นกันใหญ่เลยค่ะ กลัวว่าจะเตรียมตัวไม่ทันกัน”
ลีน..ลินา..สาวอวบอ้วนแต่คล่องแคล่ว..ตัวเก่งฝ่ายประสานงานกองถ่ายบ่นรัวเป็นชุดเสียงดังสนั่นบอกชัชพลราวกับเรื่องคอขาดบาดตาย ผู้กำกับหนุ่มชักสีหน้าอย่างขัดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ
“แล้วไม่มีใครแจ้งอรณีกับผู้จัดการเหรอว่ามีการเปลี่ยนแปลงน่ะ”
“โน่นค่ะ..ต้องโทษไอ้โตนมันบอกว่าเมื่อตอนตีสองหลังจากที่พวกเราทั้งถกทั้งเถียงกันเรื่องนี้แล้วมันก็รีบไปหาเจ้แสงเพื่อจะแจ้งคิวใหม่ให้คุณอร”
ชัชพลสนใจขึ้นมาทันที ละสายตาจากเอกสารตรงหน้าที่เป็นบทใหม่ที่เพิ่งมาถึงสดๆร้อนๆ “แล้วไง”
“แล้วก็..คือ..คือ”
“คืออะไร อย่าอ้ำอึ้งเราก็รู้นี่พี่ชอบคนพูดจาฉะฉาน” ชัชพลมองเขม็งคาดโทษด้วยร้อนใจสาวอ้วนถึงกับหน้าซีดอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง
“ไอ้โตนค่ะ ไอ้โตนมันโทรหาเจ้แสงแต่สายไม่ว่างแล้วก็ไปเรียกคุณอรที่ห้องก็ไม่เปิดเลยโน๊ตไว้แล้วสอดไว้ใต้ประตูสงสัยคุณอรไม่เห็น”
“แล้วโทรเช็ครึยัง มือถือ ห้องพักตั้งหลายเบอร์โทรเข้าสิ เร็วเข้า”
“ค่ะๆๆ" ลินาถึงกับหน้าเสียเมื่อชัชพลตะคอกใส่ด้วยความหงุดหงิด
“ให้มันได้อย่างนี้สิแล้วไม่บอกแต่แรก พี่ก็ปากหนัก เอาเป็นว่าพี่ผิดเองแหละไม่ได้บอกอรไว้ก่อนว่าจะขอคิวแทรกช่วงกลางวันก่อนถ่ายฉากซ่อมเมื่อวานตอนเย็น เธอคงคิดว่าฟรีเลยไปไหนแน่ๆ”
“ลีนก็คิดว่าคุณอรคงจะไม่ไปไหนเหมือนกันค่ะเลยชะล่าใจอีกอย่างอากาศแบบนี้ไปไหนก็ลำบากไม่สนุก ใครจะไปรู้.. ขอโทษนะคะพี่ชัชเราเอาไงต่อดีคะเวลาก็น้อย แล้วยังจะ..”
ไม่ทันที่ลินาจะพูดจบ ชัชพลที่นิ่งฟังอย่างหงุดหงิดมานานก็ทุบโต๊ะปังอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วตะโกนเสียงดังเรียกหา
“ไอ้คุณสมชาย!! ไปตามน้องอลิซมาเข้าฉากเดี๋ยวนี้ให้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้เสร็จจะได้ไม่เสียเงินเปล่า ไปตามศรุตมาด้วย เราต้องถ่ายเจาะซีนเขาให้ได้สักซีนสองซีนไม่งั้นเสียหายหลายเงินแล้วพวกเราจะเดือนร้อน”
ชัชพลสั่งเสียงกร้าวจนโตน..หรือสมชายถึงกับหน้าบูด บ่นกระปอดกระแปดเมื่อถูกตะโกนเรียกชื่อเสียงดัง “โธ่..พี่ชัช..ทำไมต้องเรียกชื่อเก่าผมด้วยล่ะ บอกแล้วว่าเปลี่ยนเป็นไตรภพแล้วไม่ต้องคิดถึงมัมากแล้วได้มั๊ยชื่อนั้นน่ะ เชย โบราณ คร่ำครึ ฟังระคายหู”
“ชื่อพ่อแม่ตั้งมาให้ มันเชยตรงไหนวะ ไอ้คุณโตน ..ไตรภพ สามโลก สมชายอะไรก็ช่างเหอะ..ไปได้แล้วพูดมาก!!”
“คร๊าบ..เพ่คร๊าบ..เดี๋ยวนี้เลยครับพี่”
สมชาย..หรือชื่อใหม่ 'ไตรภพ' เอ่ยล้อเลียนอย่างไม่เกรงกลัวสักนิดก่อนจะวิ่งแนบหายไปชัชพลได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา เพราะความสนิทชิดเชื้อเป็นทุนเดิม เรียกได้ว่าโตกับหน้าที่การงานมาด้วยกัน
เปรียบสมชายเป็นมือขวาลินาก็เป็นมือซ้ายที่ค่อนข้างรู้ใจและเรียกใช้งานแบบเล่นหัวได้สะดวกกว่าใคร..ที่สำคัญเป็นสองคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางเรืองเขาและใครบางคนอีกด้วย..
ใครบางคน..ที่เขาเคยรักจนแทบเสียผู้เสียคน...
ก่อนที่จะมาพานพบใครอีกคน...ที่เขารักหมดใจ..
**********************************************************************************************************
ชลดาแบกพาเอาความร้อนรุ่มกลุ้มใจที่แสดงออกทางสีหน้าท่าทางแทบปิดไม่มิดเข้ามายังห้องจัดเลี้ยงที่ถูกเนรมิตให้เป็นฉากเต้นรำสุดอลังการท่ามกลางสายตาเหล่าทีมงานที่ให้ความสนใจทันทีที่นักแสดงและพิธีกรชื่อดังย่างกายเข้ามาทั้งที่ไม่มีธุระอันใดกับกองถ่ายแม้สักนิด
“ลีน..พี่ชัชล่ะ”
ทันทีที่เจอหน้าบุคคลเป้าหมายชลดาก็ยิงคำถามทันที เสียงที่ปกติจะหวานออกหน้าจอบัดนี้กลับสะบัดเกรี้ยวกราดเล็กน้อย แต่คนฟังบ่อยๆอย่างลินาชินซะแล้ว
“เมื่อกี้พายุเพิ่งลงกองถ่ายไปหมาดๆยังเก็บความเสียหายไม่หมด แต่ตอนนี้สลายตัวไปตรวจดูความเรียบร้อยแล้ว พอดีวันนี้ผิดแผนนิดหน่อย กองถ่ายเจอฝนหนักเลยต้องย้ายเข้ามาในร่มคิวนักแสดงที่ไม่ได้นัดไว้ก่อนล่วงหน้าเลยรวนไปหมด”
“แล้วทำไมพี่ชัชไม่รับโทรศัพท์โทรหาตั้งหลายหนแล้วจนต้องมาหาถึงนี่”
ชลดายืนกอดอกจ้องลินาที่กำลังสาละวนจัดคิวงานอยู่โดยที่ลินาพยายามไม่ใส่ใจมองแต่ก็ตอบไปแต่โดยดี “ก็ลีนจะรู้ได้ไงล่ะคะคุณชลโทรศัพท์ก็ของพี่ชัช ไม่ใช่ของทีมงาน จะใช้ส่วนตัวก็เรื่องของเขามั๊ง”
“ลีน!! พี่ถามดีๆนะแล้วทำไมต้องเรียกคุณเคินอะไรด้วยเราเป็นพี่เป็นน้องกันไม่ใช่เหรอ”
ชลดาเสียงเข้มมือเรียวที่กอดอกคลายออกจากกันแต่กลับวางแปะอยู่บนเอกสารที่ลินากำลังแยกอย่างวุ่นวายบนโต๊ะหมายจะให้สาวอ้วนให้ความสนใจซึ่งก็ได้ผล..
ลินาชักสีหน้าใส่พิธีกรสาวทันทีอย่างเริ่มหงุดหงิด สาวอ้วนดวงตาวาวโรจน์ผละมือจากกองเอกสารจ้องดวงตาคมของสาวสวยตรงหน้าไม่ลดละเช่นกัน
“มีสิทธิ์อะไรมาใช้คำว่าพี่น้อง!!คุณไม่ใช่พี่น้องของพวกเราตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้วล่ะ..คุณชลดา..หลีกไปอย่ามาวุ่นวายแถวนี้ออกห่างพี่ชัชได้เท่าไหร่ยิ่งดีอย่าให้หมดความอดทนไม่งั้นไอ้โตนมาเห็นมันคงได้จับคุณโยนออกไปนอกห้องแน่ๆเลยนะ”
“นี่!! พูดเกินไปแล้วนะ ทำอะไรผิดมากมายถึงกับต้องผลักไสกันด้วยล่ะ..ลีน” ชลดาตวาดแต่แล้วก็เสียงอ่อนลงเมื่อมองเห็นสายตาคนรอบข้างมองอย่างสนใจและตั้งใจฟัง
“ไม่รู้ตัวก็อย่ารู้..ว่าแต่คุณมาทำอะไรถึงที่นี่ไม่ได้เล่นเรื่องนี้นี่ หรือมาทำสกู๊ปหลังกล้องกองถ่ายรึไง ที่จริงไม่เห็นต้องมาเองส่งนักข่าวภาคสนามมาก็ได้นี่” ลินาเหลือบมองค้อนแต่น้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิม
“วันนี้ว่างเลยมาดูที่กะจะซื้อเอาไว้ปลูกบ้านน่ะรู้ว่าทีมงานมาถ่ายที่นี่เลยแวะมา แล้วพอดีพรุ่งนี้ก็มีนัดสัมภาษณ์ลูกชายเจ้าของโรงแรมนี้ด้วย นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงซะด้วยสิไม่รู้ความหล่อจะสูสีพี่ชัชรึเปล่านึกแล้วก็ตื่นเต้น”
ชลดานั่งลงข้างลินาพร้อมจับมือด้วยกิริยาอ่อนหวานผิดจากเมื่อสักครู่ไปมากจนสาวอ้วนมองอย่างงงๆ “บรื๋อ..ขนลุกพูดอย่างเดียวก็ได้มาจับไม้จับมือทำไมเนี่ย”
“ถามหน่อยสิลีน..พี่ชัชพักที่นี่ใช่มั๊ย ห้องไหนเหรอ มีกุญแจมั๊ยพี่จะได้ไปรอพี่ชัชที่นั่นไม่ประเจิดประเจ้อด้วย” ชลดากระซิบถามไม่ให้ใครได้ยินสาวอ้วนถึงกับเบิกตาโพลง
“บ้าเหรอ!! มาถามเอากุญแจห้องผู้ชายนี่นะ จะบ้าแล้วแล้วกุญแจห้องพี่ชัชจะมาอยู่อะไรกับลีนเล่า”
ลินาสบถ ชลดาถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ก็เห็นว่าสนิทกันดีอยู่เผื่อจะฝากไว้มั่งจะให้ทำยังไงล่ะ ก็รู้ตัวว่าผิดไปแล้วอยากง้อ มันผิดมากรึไง..ลืน” ชลดาอ้อมแอ้มตอบเสียงเศร้า
“เฮ้อ..มันก็ไม่ผิดหรอกพี่ชลแต่ว่ามันใช่เวลามั๊ยคนเยอะแยะหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง พี่ชลเป็นแบบนี้เรื่อยเลยทำให้ทุกคนลำบากใจเพราะการตัดสินใจของพี่ตลอด” ลินาลอบถอนใจ แต่ชลดายังคงคะยั้นคะยอ
“พี่ผิดไปแล้วลีนต้องอยู่ข้างพี่นะช่วยพี่เรื่องพี่ชัชด้วยอยากได้อะไรเดี๋ยวพี่หามาให้พิเศษสำหรับลีนเลยคอร์สเสริมความงามสักคอร์สมั๊ย เอาแบบครบเซ็ตก็ได้ หุ่นเฟิร์ม ดูดไขมัน สปา หน้าผม พี่มีคอนแท็กกับที่นึงได้ผลเร็วมากด้วยรับรองเธอต้องกลายเป็นคนใหม่ที่สวยจนหนุ่มๆเหลียวหลังเลย”
ชลดาเสนอผลประโยชน์ หากแต่ลินาส่ายหน้าปฏิเสธสีหน้าเครียด
“อย่าเลยพี่ชล..คนจะงามที่ใจใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยจรรยาใช่ตาหวาน ลีนไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครโดยเฉพาะพี่อีกอย่างอะไรๆ เงินมันซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอก ที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทราหาคนใหม่ที่เขารักพี่ ไม่สนอดีตพี่ไม่ดีกว่าเหรอ ปล่อยพี่ชัชเขาไปตามทางเถอะลินเห็นแล้วก็สงสารไม่อยากให้พี่เขาเจ็บปวดแทบตายแบบคราวนั้นอีก เผื่อเขาจะได้เริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงดีๆสักคน”
ลินาปฏิเสธเสียงอ่อนเบาแทบเป็นกระซิบเมื่อเห็นคนต้นเหตุเดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามา ชัชพลถึงกับชะงักเมื่อชลดาหันมามองพร้อมส่งยิ้มหวานจัด..รอยยิ้มที่เขาเคยหลงรัก
แสนหวาน..เหมือนน้ำทะเลสีฟ้าสดใส..
หากแต่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง..เหมือนหัวใจรวนเร..
เรรวนและปรวนแปร..ไม่ต่างจากคลื่นลมทะเล..
ชัชพลเหลือบตามองชลดาที่นั่งลุ้นให้เขาเดินเข้าหาเพียงครู่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อชัชพลเดินผ่านไปอย่างไม่ไยดีไปยังหน้าเวทีที่กำลังชุลมุนวุ่นวายทำงานแข่งกับเวลา...
********************************************
“นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่..”
เสียงเอ่ยทักไม่ทันตั้งตัวทำให้หญิงสาวในชุดหมีลำลองขาสั้นเหนือเข่าสีเทาอ่อนกับเสื้อแจ็กเก็ตสีดำตัวยาวมีหมวกฮู๊ดคลุมปิดหนือศีรษะมิดชิดถึงกับชะงักมือหลังจากปิดประตูห้องเรียบร้อยดวงตาสวยภายใต้แว่นกันแดดสีดำอันใหญ่หันมามองเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบเดินฉากชิดริมทางเดินอีกฝั่งไม่ใส่ใจ
“จะไปไหน..อร..คุยกันก่อน”
ภาณุคว้าข้อมือผอมบางที่แค่มือเขาก็กำได้เกือบรอบไว้แน่นหนาจนหญิงสาวที่ถูกดึงไว้ถึงกับหน้านิ่วด้วยความเจ็บ
“เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ เมื่อวานยังไม่รู้จักกันนี่” อรณีถามย้อนพลางสะบัดมือหนาที่ยึดข้อมือหล่อนไว้แต่ไม่หลุด กลับยิ่งโดนรัดแน่นมากขึนด้วยมืออีกข้างที่เหนี่ยวรั้ง
“พูดอะไรอย่างนั้น..ก็แค่ทำไปตามมารยาทแค่นั้นเอง”
“ปล่อยเลย..จะไปข้างนอก คนไม่รู้จักกันไม่ต้องมายุ่ง!!”
อรณีตวาดเสียงเข้มจ้องมองดวงหน้าคมของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนรักอย่างนึกน้อยใจ คำพูดเหินห่างเมื่อคืนยิ่งคิดยิ่งปวดใจจนแทบไม่อยากมองหน้าเขา
ภาณุละล้าละลังเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขัดจังหวะไม่ได้หยุดมือหนาควานหาโทรศัทพ์มือถือในกระเป๋ากางเกงด้วยความรำคาญครั้นจะเหนี่ยวรั้งอรณีไว้ก็ไม่ทันเมื่อหญิงสาวก้าวฉับลับหายไปทันทีที่ปล่อยมือ
“เจ้ ผมกำลังยุ่ง..ใช่เจออรแล้วเดี๋ยวผมบอกให้”
ภาณุตัดบทเมื่อรู้ว่าปลายสายคือแสงสุรีย์ที่ร้อนอกร้อนใจไม่แพ้กันพูดผ่านโทรศัพท์ ย้ำแล้วย้ำอีกให้พาอรณีกลับไปให้ได้ ถึงจะไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนักแต่เขาก็อดห่วงแทนไม่ได้
********************************************
ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงมากมายค่อนข้างเงียบเหงา เพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจแถมยังคงตกอย่างต่อเนื่องภาณุสอดส่ายสายตามองหาเรือนร่างเพรียวบางที่คุ้นชินแต่ไม่พบเจอแม้เงา..
ไวเท่าความคิดมือหนากดโทรหาเบอร์คนทีตามหาในทันที เสียงรอสายยังคงดังอย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีแม้เสียงตอบกลับจากปลายสายจนอ่อนใจ
“ทำไมไม่รับสายนะ..อร..ทิ้งงานแบบนี้ได้ยังไง”
ภาณุบ่นลมบ่นแล้งพลันสายตาเหลือบมองภายในร้านกาแฟขนาดเล็กร้านหนึงที่นั่งริมหน้าต่างเป็นฝ้ามองแทบไม่เห็นด้านในแต่เขาเห็น..แทบไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเรือนร่างหนาแต่เปียกปอนก้าวเข้าหาทันที
..ก๊อก..ก๊อก..
เสียงเคาะรัวเร็วดังจากทิศทางหนึ่งอรณีสะดุ้งจากภวังค์ มองแก้วกาแฟเย็นชืดที่ยังไม่ได้แตะต้องและมองหาที่มาของเสียงอย่างงุนงงพลันสายตาก็เหลือบเห็นบางสิ่งบางอย่างบนกระจกที่เต็มไปด้วยฝ้าพร้อมใครบางคนที่ยืนมองอยู่...
*********************************************************************************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
เรื่องนี้แต่งไปลงไป คงจะมาลงได้ช้าหน่อยค่ะ
เหลือสต็อกอีกสองตอน T T
ขอขอบคุณมากๆนะคะ
^_______^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มิ.ย. 2557, 20:51:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มิ.ย. 2557, 20:51:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 1369
<< เรื่องบังเอิญ..ที่ไม่บังเอิญ..2 |