รักล้นใบตอง
เรื่องราวอลวนป่วนฮา เมื่อสาวน้อยคนงามต้องทำหน้าที่ตามหานักบายศรีชื่อดังในอดีตเพื่อเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันทำพานบายศรี ความรักที่เดิมพันด้วยใบตองจึงเริ่มขึ้น จากการไม่ชอบหน้า กลายเป็นรักแท้ ที่แม้แต่ผียังหลบทางให้
Tags: บายศรี

ตอน: ตอนที่ 3

“วันนี้หนูขอไปทำธุระข้างนอกนะคะ พี่ภพต้องไปสมาคมกับคุณตา ถ้าไงคลีฝากดูแลท่านด้วยก็แล้วกันนะ ส่วนรถ เดี๋ยวหนูใช้คันเก่า คุณตาจะได้นั่งสบายๆ” หญิงสาวบอกขณะที่คว้ากุญแจรถคันเก่ามาไว้ในมือ รถคันใหม่เพิ่งซื้อตอนที่พี่ชายของเธอกลับมาจากเมืองนอก คุณตาท่านเห็นว่าหลานชายเป็นถึงอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย ก็เลยอยากให้เดินทางสะดวกสบายหน่อย

“อ้าว แล้วคลีไม่ไปด้วยกันเหรอ” ซองภพบ่น คุณตามงคลจึงแกล้งไอโขลกๆ ขึ้น ดังนั้นหลานชายจึงถอนหายใจเฮือก ก่อนจะรับปากอย่างคนขัดใจ “เออ...ก็ได้ๆ รีบกลับมาด้วยล่ะ จะไปไหนมาไหนก็ระวังตัวด้วย เรายิ่งเซ่อซ่าอยู่ด้วย อย่าไปคุยกับคนแปลกหน้าล่ะ”

ซองคลีกับคุณตาแอบยิ้มให้กัน รู้ดีว่าซองภพหวงน้องสาวเกินเหตุ ทำอย่างกับเธอเป็นเพียงเด็กเล็กๆ ดูแลตัวเองยังไม่ได้อย่างนั้นแหละ

“เข้าใจแล้วค่ะพี่ภพ จะระวังตัว แล้วก็ไม่คุยกับคนแปลกหน้าค่ะ งั้นไปได้แล้วใช่ไหม” คนตัวเล็กเอ่ยยิ้มๆ แล้วเดินลงจากเรือน

“แล้วก็ฝากบอกยายออมด้วยนะ ถ้าน้องสาวของพี่กลับมาแล้วมีแผลตามตัวแม่แต่รอยข่วน พี่เอาตายแน่” ขนาดว่าน้องสาวเข้าไปในรถแล้ว ซองภพยังไม่วายฝากไปถึงผู้ติดสอยห้อยตาม เพื่อให้ดูแลน้องสาวของตนให้ดีๆ

“ทำไมพี่ภพชอบขู่ยายออมจริงเชียว ออมเขาไปทำอะไรให้พี่เหรอคะ ทีกับยายอรนะ เห็นจ๊ะจ๋ากันทุกที ยายอรทำหนูไว้แสบมากนะ หนูไม่มีทางยกพี่ภพให้ยายนั่นแน่นอน”

“เราก็พูดไปยายคลี สมภารไม่กินไก่วัดฉันท์ใด พี่ก็ไม่กินเพื่อนน้องฉันท์นั้น ขอรับรองด้วยเกียรติของหมอขวัญรุ่นที่เจ็ด”
“จ้า...จะพยายามเชื่อ”

ซองคลีถึงกับยิ้มอ่อนใจให้กับพี่ชาย ที่ยังตามมายืนคอยส่งอยู่หน้าบ้าน กระทั่งรถเคลื่อนออกไปแล้วนั่นแหละ พี่ชายถึงได้เดินกลับขึ้นเรือน วันนี้เธอมีนัดกับออมขวัญ เพื่อตามหานักบายศรี ในบรรดาเพื่อนทั้งสามคน ออมขวัญขาลุยคล้ายๆ กับตนเอง เพราะเป็นลูกทหาร จึงมีน้ำอดน้ำทน ไม่เหมือนอรลลินที่เป็นคุณหนูจ๋า ทนแดดทนลมไม่ค่อยได้ งานนี้เธอจึงไม่คิดชวนยายอรไปเป็นเพื่อน แล้วอีกเหตุผลหนึ่งก็คือขี้เกียจคอย เพราะยายคนนี้ชอบผิดนัดแล้วก็มาสายทุกครั้ง



การตามหาใครสักคนในกรุงเทพฯ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย อีกทั้งไม่คุ้นทางจึงทำให้ยากขึ้นหลายเท่า ยังดีหน่อยที่ได้ออมขวัญมาเป็นเพื่อน วันนี้ซองคลีแต่งกายทันสมัยเพื่อความกระฉับกระเฉงในการเดินทาง เรือนผมยาวหยักศกรวบหยาบๆ ไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่มองดูสวยไปอีกแบบในสายตาผู้ที่มอง

“นี่ก็บ่ายแล้วนะคลี ใกล้ครบทุกบ้านยังตัวเอง” สาวร่างแบบบางเอ่ยพลางมองดูรอบรายทาง ทั้งสองฝั่งถนน

“หลังนี้เกือบสุดท้ายแล้ว หายากหน่อยเพราะอยู่ในตรอกซอยคดเคี้ยว นั่นไงๆ บ้านหลังใหญ่สีเขียว”

ทันทีที่น้ำเสียงใสกังวานดังขึ้น เพื่อนที่นั่งมาด้วยก็ถึงกับหายใจอย่างโล่งอก

“โอ้! สวดย้อด...ในที่สุดก็หาเจอจนได้ ออมนึกว่าจะต้องขับต่อไปเรื่อยๆ ซะอีก”

“เป็นลูกทหารต้องอดทนไม่ใช่เรอะยายออม” คนตัวเล็กเอ่ยยิ้มๆ พลางดับเครื่องยนต์ไว้ แล้วชวนเพื่อนให้ลงไปด้วยกัน ทั้งสองคนเดินมาทำคอยืดคอยาวมองเข้าไปในบ้าน กระทั่งมีผู้หญิงรูปร่างผอม แต่งตัวด้วยผ้าซิ่นวิ่งออกมาเปิดประตูให้

“ ฉันมาขอพบคุณหยาดฟ้า” หญิงสาวบอกกับคนที่เดินมาเปิดประตูให้

“เชิญข้างในเลยค่ะ คุณท่านรออยู่”

“เอ๊ะ เขารู้ได้ยังไงว่าเราจะมา” หญิงสาวหันไปเปรยกับเพื่อนเพียงเบาๆ

ภายในห้องรับแขก หญิงสาวได้พบกับผู้อาวุโสท่าทางสง่า นางนั่งหลังตรงอยู่ที่เก้าอี้ และอีกด้านของท่านมีหญิงสาวหน้าตาแฉล้มน่ารักน่าหยิก ผิวพรรณนวลลออ ท่าทางน่าทะนุถนอมอย่างกับตุ๊กตากระเบื้องนั่งอยู่

“สวัสดีค่ะ” ซองคลีไหว้สวยให้กับผู้อาวุโส

“ไหว้พระเถอะหนู เป็นใครมาจากไหนกันล่ะ”

“หนูชื่อซองคลีค่ะ เป็นหลานสาวของคุณตามงคล” เพียงแค่เธอเอ่ยชื่อคุณตา ก็เห็นว่าเจ้าของบ้านยิ้มเยื้อนทันที

“อยู่มานานจนแทบจะลืมวันลืมคืน สุดท้ายก็ถึงเวลาแล้วสินะ” ท่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

ลูกสาวทหารถึงกับหันมามองหน้าคนตัวเล็ก แล้วเอ่ยถามกันเบาๆ เพียงสองคนว่า

“เวลาอะไรเหรอคลี”

ทว่าผู้ที่ตอบกลายเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง

“คงรอเรื่องเดียวกับที่นายมงคลรอกระมัง อ้อ ฉันลืมแนะนำไป นั่นเป็นหลานสาวของฉันเอง ชื่อลูกจันทร์”

ซองคลีมองดวงตาใส่แป๋วที่กำลังมองสบมาพอดี อายุของลูกจันทร์รุ่นเดียวกับเธอเห็นจะได้

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ลูกจันทร์เอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้ม

“ค่ะ ฉันชื่อซองคลี เรียกคลีเฉยๆ ก็ได้นะ ส่วนนี่ออมขวัญ เป็นเพื่อนของฉันเอง” หญิงสาวรับไมตรี แล้วหันไปเอ่ยกับเจ้าของบ้านต่อ “คุณตาให้มาเรียนเชิญค่ะ จากนี้ไปอีกหกเดือนจะมีการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งนักบายศรี คนที่ชนะจะได้ขึ้นตำแหน่งแทนคุณเพ็ญแขค่ะ” คนมาเชิญปราศรัยน่าฟัง

“ก็น่าสนุกอยู่หรอก แต่ฉันคงต้องขอผ่าน” ท่านเอ่ยแล้วยิ้มน้อยๆ

กระทั่งหลานสาวเจ้าของบ้านเอ่ยอธิบายขึ้น ซองคลีจึงเข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านจึงขอผ่าน

“คุณย่าไม่ค่อยสบายค่ะ เห็นทีจะไม่ไหว”

“อ๋อ...เป็นอย่างนั้นหรือคะ น่าเสียดายจริงๆ” คนมาเชิญมีสีหน้าเสียดายอยู่ไม่ใช่น้อย

“แต่ถ้าหนูอยากได้สายของฉันจริงๆ ล่ะก็ ให้เป็นหลานสาวของฉันแทนจะได้ไหมล่ะ ฝีมือแม่ลูกจันทร์ก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียว”
คราวนี้คนมาเชิญถึงกับยิ้มหน้าบาน รีบตอบตกลงทันใด

“ได้สิคะ ถ้าคุณท่านบอกว่าฝีมือดี ก็คงดีจริงๆ” หญิงสาวหันไปยิ้มกับหลานของเจ้าของบ้าน ลูกจันทร์มีท่าทีเอียงอายเมื่อถูกผู้เป็นยายยกยอ

“งานนี้คงต้องรบกวนคุณลูกจันทร์แล้วนะคะ”

“อย่าเรียกคุณเลยค่ะ เราน่าจะอายุไล่เรี่ยกัน เรียกลูกจันทร์เฉยๆ ก็ได้”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ ถ้างั้นหนูคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ ต้องไปอีกที่” พอนึกถึงอีกที่ ที่ต้องไป ซองคลีถึงกับทำหน้าเหนื่อยหนัก “คราวนี้คงต้องเลยไปไกลถึงนครปฐมเลย”

“นครปฐม...” เสียงคุณหยาดฟ้าพึมพำแผ่วเบา ได้ยินคำว่านครปฐมแล้วอดนึกถึงใครอีกคนไม่ได้ “อย่าบอกนะว่าหนูต้องไปเชิญคุณหญิงพุดจันทร์ด้วย”

“ถูกเผงเลยค่ะ”

ท่าดีดนิ้วดีใจทำให้หลานสาวของคุณหยาดฟ้าถึงกับยิ้มกว้าง ด้วยท่าทางของซองคลีนั้น ดูจากภายนอกเหมือนคนเรียบร้อย แต่กิริยาที่เห็นตอนนี้ เธอไม่แน่ใจว่าจะหนักไปทางห้าวมากกว่าไหม

“คงเสียเวลาเปล่ากระมัง จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเธอ และลูกหลานของเธอเลย” เจ้าของบ้านเอ่ยให้คนที่มีหน้าที่ตาม ถึงกับหนักใจได้อีก

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ จะลองหาดูสักครั้ง คุณตาบอกว่าบ้านเก่าของคุณหญิงพุดจันทร์อยู่แถวพระราชวังสนามจันทร์ คงหาไม่ยากหรอก ถ้างั้นหนูขอตัวกลับเลยนะคะ” ซองคลีต้องทำเวลา ในเมื่อคุณหยาดฟ้าให้ข้อมูลกับเธอไม่ได้ก็ป่วยการที่จะสอบถาม นักบายศรีทุกคนที่เธอไปพบ ต่างให้คำตอบเหมือนกันหมด คือไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้คุณหญิงพุดจันทร์อยู่ที่ไหน



“คลี...อย่าบอกนะว่ารถของเธอ จะเสียอีกแล้ว” สาวร่างแบบบางหันมาทำหน้าตื่น เมื่อรถคันปุโรทั่งของซองคลี เริ่มชักกระตุกถี่ขึ้น แต่พอเอ่ยแล้วก็สมพรปาก เพราะนาทีต่อมาเครื่องยนต์ก็ดับสนิท จอดแบบต้องรีบลงไปเข็นเข้าข้างทางโดยด่วน

“ไม่ใช่แต่เราที่โชคไม่ดีนะออม รถคันหน้า เขาก็มีปัญหาเหมือนเรานี่แหละ ไม่งั้นเจ้าของรถคงไม่ออกมายืนหน้างอ ทำคอตกอย่างนี้หรอก” คนตัวเล็กเอ่ยพลางมองไปยังรถคันข้างหน้า

“สงสัยคู่รักทะเลาะกันแน่เลยว่ะ” ออมขวัญเอ่ยกับเพื่อนเบาๆ พยายามไม่สบตาพวกเขา แต่ก็ไม่พ้นให้มีเรื่องเข้าไปเกี่ยวจนได้

“ขอโทษนะคะ คุณรู้จักทางไปองค์พระปฐมเจดีย์ไหม” ฝ่ายหญิง เจ้าของรถคันหน้าเอ่ยถามขึ้น

“เอ่อ...พวกเราเพิ่งมานครปฐมครั้งแรกค่ะ ทางที่รู้จัก ก็แค่ทางไปพระราชวังสนามจันทร์เท่านั้น ออมล่ะ รู้ทางรึเปล่า” คนตัวเล็กหันมามองหน้าเพื่อน ซึ่งออมขวัญก็ส่ายหน้าทันที

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พวกเราไม่รู้ทางจริงๆ ค่ะ” ลูกสาวทหารด้วยตอบวาจาฉะฉาน

“อะไร! นี่พวกเราถามมาหลายคนแล้วนะ” ผู้หญิงคนนั้นกระแทกเสียง พร้อมกับชักสีหน้า แล้วหันไปเอ่ยกับคู่รักของตัวเอง “ฉันบอกคุณตั้งแต่แรกแล้ว ฉันไม่อยากมา คุณก็คะยั้นคะยออยู่นั่นแหละ แล้วนี่ชาตินี้จะไปถึงไหมเนี่ย บ้านพ่อแม่คุณน่ะ”

“เอ้าคุณ! ทะเลาะกับผัวก็ไปวีนผัวคุณโน่นสิ คนเขาไม่รู้ทาง จะมาว้ากใส่ทำไม ลูกมีพ่อมีแม่นะเว้ย คลีอย่าห้าม” ออมขวัญทำท่าจะกระโจนเข้าใส่

“ออมใจเย็นๆ ก่อน แดดมันร้อน เขาคงหงุดหงิดน่ะ”

“แดดมันร้อน พวกเขาหงุดหงิดเป็นฝ่ายเดียวรึไง ทางไปองค์พระปฐมเจดีย์น่ะไม่รู้จักหรอก รู้จักแต่ทางไปนรก ถ้าไปก็จะบอกให้”

“เฮ้ย...ออม ไปกันใหญ่แล้ว พอๆ หยุดๆ” ซองคลีมัวแต่ห้ามเพื่อน พอหันมาทางเจ้าของรถที่เพื่อนกำลังมีเรื่องด้วย ก็เห็นว่าว่าพวกเขาเร่งเครื่องจากไปแล้ว

“อะไรวะ คนแบบนี้ก็มีด้วย นี่ถ้าคลีไม่ห้ามนะ ป่านนี้มีเรื่องไปแล้ว”

ซองคลีส่ายหน้าให้กับความใจร้อนของเพื่อน แล้วตบไหล่เพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ ก่อนจะเดินไปเปิดฝากระโปรงรถขึ้นดู เธอลองจับๆ แตะๆ แต่ยังไม่รู้สาเหตุก็มีรถเมล์แล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ

รถชะลอตัวช้าลงพร้อมกับวงหน้าละมุนเงยขึ้น สายตาสบเข้ากับชายกลุ่มหนึ่งซึ่งลงจากรถเมล์โดยบังเอิญ พวกเขาเป็นชายวัยฉกรรจ์ท่าทางไม่น่าไว้ใจ มองผิวเผินยังนึกไปถึงลูกน้องมาเฟียเลย สองคนที่เดินนำมาก่อนยังพอมองได้หน่อย แต่อีกคนที่เดินปิดท้ายขบวน คนนี้ซองคลีบอกได้เลยว่าไม่น่าคบ

คนรั้งท้ายกลุ่มแต่งตัวคล้ายกุ๊ยข้างถนน แต่แค่แวบแรก หญิงสาวก็สามารถจดจำใบหน้าของเขาได้แม่นยำแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่มีภาพลักษณ์โดดเด่นไปทางร้ายกาจ แต่นัยน์ตาเขาคมกริบชนิดที่ว่ายายออมถึงกับห่อปากด้วยความตะลึง เพราะยายคนนี้ชอบผู้ชายเถื่อนๆ มากกว่าผู้ชายเจ้าสำอาง แต่ที่น่าสนใจอยู่บ้างก็คือ...ดวงตาคมเฉี่ยวมองไปจนสุดนิ้วมือของเขา

นิ้วเรียวเสลาสวยมาก สวยยิ่งกว่ามือของผู้หญิงเสียอีก

“ออม...เธอเก็บอาการบ้างก็ได้นะ เดี๋ยวเขาก็กลัวแย่หรอก”

“ช่างฉัน ว้าว...ฉันชอบคนที่อยู่หลังสุดจังเลย” ออมขวัญยังไม่หยุดเพ้อฝัน แม้จินตนาการของเธอจะถูกขัดด้วยรถคันหนึ่ง ซึ่งแล่นปราดเข้ามาจอดใกล้กับที่พวกเธอยืนอยู่ รถคันนั้นปุโรทั่งยิ่งกว่ารถของซองคลีเสียอีก

เมื่อชายสามคนขยับมอง ลูกทหารก็รู้ทันที ว่าคนกับรถเกี่ยวข้องกันแน่นอน ยิ่งเธอเห็นประตูฝั่งคนขับเปิดอ้าออกพร้อมกับคนขับรถออกมาคุยกับทั้งสามคน เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าพวกเขารู้จักกันแน่ๆ ออมขวัญคิดแค่นั้น เธอไม่รู้สึกกลัว

ไม่เหมือนคนตัวเล็กที่ระมัดระวังตัว กลัวจะมีภัยมาสู่ตัวกับเพื่อน

“ขอโทษนะครับ คุณรู้จักทางไปองค์พระปฐมเจดีย์ไหม พอดีว่าเราเพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก ก็เลยไม่รู้จักทาง”

องค์พระปฐมเจดีย์! ซองคลีตาโตขึ้นทันใด ซึ่งกิริยานั้นอยู่ในสายตาของผู้ชายซึ่งแต่งตัวคล้ายกุ๊ย นิ้วของเขาถูกยัดลงไปในกางเกงยีนสีซีดแถมยังมีรอยขาดวิ่น หญิงสาวนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ

ในขณะที่ออมขวัญถึงกับทำหน้าเซ็งเต็มขั้น ถึงกับหมดอารมณ์เพ้อฝันไปทันที

“องค์...” อุบ! ลูกทหารถึงกับตาเหลือกเมื่อโดนมือนิ่มๆ ของเพื่อนรักปิดไว้ไม่ให้พูด

“ออมอยู่เฉยๆ เรื่องนี้คลีจัดการเอง อย่ามีเรื่อง เพราะยังไงก็คงสู้ไม่ได้อยู่แล้ว เงียบๆ เดี๋ยวคลีจัดการเอง” เธอเอ่ยแล้วค่อยๆ ปล่อยมือออกช้าๆ พลางย้ำกับเพื่อนด้วยสายตาว่าอย่าแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมาเชียว

“พวกคุณเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกละสิ”

“ครับ” คนตอบคือคนผิวเข้มที่ยืนบังคนเหมือนกุ๊ยเอาไว้

และคำตอบนี้นี่เอง ที่ทำให้คนตัวเล็กถึงกับยิ้มบางๆ อย่างโล่งใจ เพิ่งจะมาเป็นครั้งแรก อย่างนี้บอกมั่วๆ ก็คงได้ ตัดปัญหาไป จะได้ไม่มีเรื่องเหมือนก่อนหน้านี้

“องค์พระปฐมเจดีย์ใช่ไหม...เอ่อ...พวกคุณขับรถตรงไปเรื่อยๆ นะ แล้วก็ให้สังเกตดูต้นส้มโอ ทางฝั่งขวามือ มันจะมีทางให้ยูเทิร์นรถ พอถึงตรงนั้นก็ขับไปอีกสามกิโล ก็จะถึงทางเข้าองค์พระปฐมเจดีย์แล้วล่ะ ขอให้โชคดีนะคะ” หญิงสาวบอกทาง แล้วก้มหน้าซ่อมรถต่อ

“ขอบคุณ” คนถามทางเอ่ยขอบอกขอบใจ แล้วยิ้มน่ามอง

“ไม่เป็นไรค่ะ” ซองคลีเอ่ยไม่มองหน้า “ออมลองไปสตาร์ทรถดูสิ คลีว่าเครื่องมันร้อนเฉยๆ แหละ คงไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก” คนตัวเล็กเอ่ยแล้วปิดฝากระโปรงฉับ พอไม่มีอะไรให้ต้องสนใจแล้ว เธอจึงเห็นว่าคนท่าทางเหมือนกุ๊ยยังคงมองเธออยู่ เขามองนิ่งๆ ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป

จากนั้นไม่นานรถก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม คนตัวเล็กเปลี่ยนไปประจำที่คนขับ เพราะรู้ใจรถตัวเองที่สุด พอขึ้นรถได้ออมขวัญก็นั่งอย่างสบายอารมณ์ สีหน้าดีขึ้นมาเป็นกอง



“หยุดรถได้แล้วเข้ม จะขับเอาโล่รึไง ถึงฉันไม่รู้จักทาง แต่ก็ไม่ได้โง่นะ โดนเด็กหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก” คนแต่งตัวเหมือนกุ๊ย นั่งเอามือกอดอก มองรอบรายทางที่จ่อจรดพรมแดนจังหวัดราชบุรีเข้าไปทุกที

คนขับที่มัวแต่มองหาต้นส้มโอ ถึงกับขาดความมั่นใจในบัดดล เขาค่อยๆ ชะลอรถช้าๆ ด้วยสีหน้าตื่นๆ ไม่สมชื่อของเจ้าตัวเลยสักนิด

“เธอคงไม่ได้หลอกมั้งลูกพี่ ผมคงขับรถมาผิดทางเอง” คนที่ใจดีต่อเด็ก สตรีและคนชรา ยังมองคนบอกทางด้วยแง่ดี

“เฮ่ย...โขงนายลงไปเรียกรถแท็กซี่หน่อย ต้องบอกด้วยไหมว่าให้ทำยังไงต่อ” ชายหนุ่มรูปร่างประเปรียวถอนหายใจอย่างระอา จากนั้นก็เพยิดหน้าให้คนผิวขาวลงจากรถ

โขงลงไปโบกรถตามที่ลูกพี่บอก พอมีรถแล่นเข้ามาจอด เขาก็เข้าไปถามทางพร้อมกับวางเงินค่าเสียเวลาไว้ให้กับคนขับแท็กซี่
“เข้มนายขับไปตามทางที่เขาบอกเลย ตามนี้แหละ คราวนี้คงไม่หลงแน่” โขงยื่นกระดาษให้กับนายเข้ม จากนั้นก็กลับไปนั่งยังที่เดิม พลางแอบชำเลืองมองหน้าลูกพี่ ที่ตอนนี้นั่งนิ่ง ด้วยสีหน้าเรียบเฉย คิดสิ่งใดอยู่ในใจก็ไม่อาจทราบได้

***************************************************
หายหน้าไปซะนาน ไม่รู้ว่าจะยังจำเรื่องนี้กันได้ไหมน้อ คนแต่งยังเขียนกระดึบๆ อยู่เลยค่ะ แต่จะพยายามเขียนให้จบจนได้ ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่อง รักล้นใบตองด้วยนะคะ เปลี่ยนชื่อจากรักจรดใจค่ะ



วรรษา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ค. 2557, 18:48:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ค. 2557, 18:48:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1014





<< ตอนที่ 2   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account