{{{ จันทร์ผลาญใจ }}}
แสงจันทร์ดูนุ่มนวลละมุนตากว่าแสงอาทิตย์
แต่หากเผลอแม้เพียงนิด อาจผลาญใจได้ไม่ต่างจากฤทธิ์ดวงตะวัน



Tags: รักแรกแค้น, บุลินทร, คามิน, อุรัสยา, สวิช, นิษฐา, ภัคพล, กนกนัดดา, วีรปรียา, ลลิต, ปราบ, สารภี

ตอน: บทที่ 2 การพบกันครั้งที่สอง



การพบกันครั้งที่สอง




‘เป็นไง เหมือนนางในวรรณคดีของแกหรือเปล่า’

เพื่อนของคามินละมือที่ถือพู่กันจากกระดาษบนขาตั้งวาดรูปและหันมาถาม หลังจากช่วยวาดภาพตามคำบอกเล่าของคามินเสร็จ

คนถูกถามในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงยีนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกันยกมือขึ้นกอดอกในท่ายกมือหนึ่งขึ้นลูบคาง ดวงตาคมหรี่ลงมองอย่างพิจารณา ก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกสีแดงระเรื่อจะขยับตอบ ‘อืม…ไม่เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์’ สมแล้วที่ภัคพลเพื่อนเขาเป็นนักวาดภาพมือฉมัง

‘ไม่ถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์เหรอวะ’ ศิลปินหนุ่มผิดหวังกับคำตอบเล็กน้อย

‘มีบางจุดไม่เหมือน แต่ได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์แกก็ควรจะดีใจแล้ว คนอย่างฉันชมใครง่ายๆเสียเมื่อไหร่ เอาน่า แกไม่ได้ไปเห็นตัวจริงของเธอนี่หว่า ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว’ คามินตบบ่าเพื่อน

เขารู้จักกับภัคพลมาตั้งแต่สมัยอนุบาล และมันก็เป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวที่เขายังคบอยู่ เพราะภัคพลจริงใจไม่เคยเปลี่ยน นึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้กลายเป็นเพื่อนกันแล้วอดขำไม่ได้ วันนั้นคามินมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนอนุบาล เพราะแย่งเด็กผู้หญิงอีกคนกัน แต่ฝ่ายคู่อริยกพวกมารุมเขาสามต่อหนึ่ง ดีที่ได้ภัคพลเข้ามาช่วยทำให้พอต่อกรกับทางนั้นได้บ้าง แลกหมัดกันไปได้ไม่เท่าไหร่ทุกอย่างก็สงบลงเมื่อคุณครูเข้ามาแยกและทำโทษทั้งสองฝ่ายที่ก่อเรื่องอย่างเท่าเทียมกัน

ตอนนี้ภัคพลใช้บ้านไม้สองชั้นของตนเปิดโรงเรียนสอนศิลปะให้ทั้งเด็กๆและผู้ใหญ่ที่สนใจ รวมทั้งรับจ้างวาดภาพทั่วไป ภาพประกอบ และออกแบบภาพสำหรับงานต่างๆ แม้รายได้จะไม่แน่นอน เพราะแต่ละช่วงลูกค้ามากน้อยต่างกัน แต่เจ้าตัวก็อยู่ได้ เนื่องจากวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ

‘แล้วนี่ให้ฉันวาดรูปทำไม อย่าบอกนะว่าตามหาตัวไม่พบ แต่เอารูปไปนอนฝันก็ยังดี’ ศิลปินหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนอย่างเย้าๆ

คามินยักคิ้วและตอบ ‘อืม แต่จะถามแกด้วยว่า แกรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร’

ภัคพลส่ายหน้าทันที ‘ไม่รู้เว้ย ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แล้วในกรุงเทพฯนี่ก็ไม่ได้มีคนแค่หลักสิบ จะได้รู้จักกันไปหมด’

‘ก็แค่ถามเผื่อว่าแกจะรู้จัก แต่ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แกช่วยหานักสืบให้ฉันหน่อยสิ’ ดวงตาสีเข้มเป็นประกายพราวระยับมีแผนการ

‘จะสืบเหรอ จริงจังมากนะเนี่ย’

‘เออสิวะ เธอเป็นรักแรกพบของฉัน’

‘รักครั้งแรกยังพอเข้าใจ แต่รักแรกพบนี่มันเป็นยังไงวะ มีด้วยเหรอที่คนเจอหน้ากันไม่กี่นาทีจะตกหลุมรักกันได้’ แม้จะเป็นศิลปิน แต่ดูเหมือนเพื่อนเขาไม่มีอารมณ์ศิลปินกับเรื่องความรักเอาเสียเลย

‘ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง จนได้พบเธอนั่นละ แต่ฉันชอบเธอจริงๆนะเว้ย ผู้หญิงอะไร หยิ่งชะมัด ฉันอุตส่าห์แนะนำตัวแล้วก็เปิดเผยเจตนาเต็มที่ แต่เธอดันขับรถหนีซะงั้น ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน’ บางทีเขาอาจจะยังไม่ถึงขั้นรักเธอหรอก แต่เขาก็ประทับใจที่เธอไม่ยอมบอกชื่อเขาง่ายๆนี่ละ

‘แกอึ้งไปเลยละสิ’

‘ใช่ คือถ้าไม่อยากคุยก็น่าจะแนะนำตัวกลับตามมารยาทหน่อย’ ชายหนุ่มส่ายศีรษะพลางยิ้มขันๆ ‘แต่แกว่าหน้าตาแบบฉันนี่สมควรที่ผู้หญิงจะขับรถหนีแล้วเหรอวะ’ คามินแบมือและยักไหล่อย่างหลงตัวเอง

‘ไม่เลย ไอ้หล่อ ไอ้เทพบุตรจุติลงมาเกิด ไอ้หน้าคมดังรูปปั้นกรีก ไอ้…’ ภัคพลแกล้งทำเสียงเยินยออย่างน่าหมั่นไส้

คามินหัวเราะครืนกับความยียวนของเพื่อน ‘พอแล้วเว้ย หานักสืบมาเร็วๆนะ แล้วนัดวันคุยงานมาด้วย เดี๋ยวฉันจ่ายค่าดำเนินการให้’ ค่าดำเนินการที่ว่าก็คือเลี้ยงข้าวหนึ่งมือ ซึ่งปกติจะเป็นร้านข้าวราดแกงหน้าปากซอย เพราะเจ้าตัวไม่รับเป็นเงิน



ในตอนสายของสองวันต่อมา ภัคพลก็พาคามินมายังสำนักงานนักสืบแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าตัวพิจารณาแล้วว่าได้มาตรฐาน คามินนำภาพวาดที่ถ่ายไว้ในสมาร์ทโฟนให้นักสืบหนุ่มดู ก่อนจะคุยรายละเอียดและตกลงราคากัน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงเรียบร้อย

‘แกคิดว่าจะสืบเจอไหมวะ’ คามินหันไปถามเพื่อนระหว่างขับรถออกจากสำนักงานนักสืบ

‘ไม่เกินความสามารถของเขาหรอกน่า ไม่งั้นจะกล้ามารับจ้างสืบได้ไง’

‘จะไปรู้เหรอ เผื่อปกติสืบแต่หมาแมวหาย แต่แกบอกว่าหามาดีแล้ว ฉันก็ไว้ใจแกแล้วกัน ว่าแต่จะไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนไหม หรือจะกลับบ้านเลย’

‘กินก่อนดีกว่า มีคลาสบ่ายสาม ยังพอมีเวลา’

‘โอเค แต่ไปห้างแถวบ้านแกนะ วันนี้ร้อน ขี้เกียจนั่งเหงื่อซกร้านข้าวแกงหน้าปากซอย’ คามินไม่รอฟังคำตอบ หมุนพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายเมื่อถึงทางแยกทันที

เวลาต่อมา รถซีดานสีขาวก็มาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สองหนุ่มเลือกไม่นานก็ตัดสินใจเข้าร้านอาหารจีน ก่อนจะสั่งอาหารมาห้าหกอย่างและข้าวอีกโถ

‘วันนี้เลี้ยงเลยแล้วกัน’ คามินว่าขณะที่เพื่อนสนิทเคี้ยวเป็ดปักกิ่งอย่างเอร็ดอร่อย

‘เฮ้ย แพงไป เดี๋ยวออกเอง วันหลังค่อยไปกินข้าวแกงหน้าปากซอย’ ภัคพลตอบทั้งที่เคี้ยวอยู่ ‘เอ๊ะ หรือว่าเดี๋ยวนี้นายคามินกินข้าวข้างทางไม่ได้แล้ววะ’

‘เปล่า ก็แค่อยากจะรวบยอดที่แกวาดรูปผู้หญิงคนนั้นให้ด้วย แค่ข้าวแกงขาดทุนนะ จะหาว่าไม่เตือน’

‘เพื่อนกันไม่มีคำว่ากำไรขาดทุนเว้ย มีแค่เต็มใจหรือไม่เต็มใจ ถ้าฉันไม่อยากช่วย ฉันจะบอก สรุปมื้อนี้ออกคนละครึ่ง’

เมื่อเพื่อนรักว่าอย่างนั้น สุดท้ายคามินเลยต้องยอม ‘โอเคๆ’

ระหว่างกำลังทานอาหารกันนั้นเอง สายตาของคามินก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวเจ้าของริมฝีปากอิ่มเต็มสีแดงในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีเดียวกับลิปสติกเข้าพอดี ชุดเข้ารูปนั้นส่งร่างเพรียวระหงให้โดดเด่นสะดุดตา เธอกำลังยกโทรศัพท์แนบหูคุยกับใครบางคน

นั่นนางในวรรณคดีของเขานี่! ประกายยินดีปรากฏขึ้นในดวงตาสีเข้มทันที

‘ภัค ฉันขอตัวแป๊บนึงนะ’ คามินพูดพร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะ

‘ไปไหนวะ เฮ้ย ไอ้หนึ่ง’ ภัคพลเอี้ยวตัวมองตามเพื่อนที่เดินออกไปโดยไม่หยุดตอบคำถามแล้วก็เกาศีรษะอย่างงุนงง ‘อะไรของมัน’

นักวาดภาพหนุ่มเลิกใส่ใจและหันกลับมาทานอาหารต่อ จังหวะนั้นพนักงานของร้านก็นำหญิงสาวร่างเล็กในชุดเสื้อและกระโปรงชีฟองสีฟ้าลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มเข้ามานั่งยังโต๊ะข้างๆ ชายหนุ่มหันไปมองตามประสาผู้ชายที่ขอให้ได้มองแม้ครอบครองไม่ได้

น่ารักเสียด้วย มาคนเดียวหรือนี่?

ภัคพลหันไปมองด้านหลัง เมื่อไม่เห็นใครเดินตามเธอมาก็แอบดีใจเล็กๆโดยไม่รู้ว่าทำไม แต่ฝ่ายคนมาใหม่พอได้เมนูก็เอาแต่ก้มหน้าสั่งอาหารโดยไม่มองโต๊ะข้างๆบ้างเลยว่ามีชายหนุ่มรูปหล่อนั่งอยู่ตรงนี้

เขาไม่ได้หลงตัวเองเหมือนไอ้หนึ่งหรอกนะ เขาหล่อ แต่ยอมรับว่าหล่อน้อยกว่ามันนิดนึง แต่ก็นั่นละ จัดว่าหล่ออยู่ดี

‘อะแฮ่ม’ ภัคพลแกล้งกระแอมเรียกร้องความสนใจและหยิบแก้วน้ำมาดื่มเพื่อความสมจริงว่าเขาคอแห้ง แต่ด้วยรีบร้อนดูดน้ำจากหลอดทำให้สำลักพรวด ‘แค่กๆๆ’ ชายหนุ่มรีบดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำที่เปียกกางเกง โชคดีที่เมื่อกี้ก้มหน้าทัน ไม่เช่นนั้นอาหารบนโต๊ะคงกินไม่ได้

ดูเหมือนแผนการของภัคพลจะได้ผลเกินคาด เพราะนอกจากเธอคนนั้นจะหันมามองแล้ว คนในร้านก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว บางคนหัวเราะคิกคักโดยไม่สนว่าเขาจะอายเลยแม้แต่น้อย ส่วนหญิงสาวผู้น่ารักเป้าหมายของเขาเพียงยิ้มบางๆก่อนจะหันไปดูเมนูต่อ

ภัคพลก้มหน้ากัดฟันด่าตัวเองในใจ ขายหน้าไหมล่ะไอ้ภัค!



คามินทำทียืนโทรศัพท์อยู่หน้าโถงทางเดินเข้าห้องน้ำเพื่อรอหญิงสาวออกมา คราวนี้เขาสัญญาว่าจะต้องรู้จักเธอมากกว่าเดิมให้ได้ ไม่สิ เขายังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเธอเลย มีแต่เธอที่รู้จักชื่อเขา แต่ว่าเธอจะลืมชื่อเขาไปหรือยังนะ

ริมฝีปากรูปกระจับกระตุกยิ้ม นึกถึงตอนเจอกันที่วัดทีไรก็ขำทุกที คนอะไร สวยแล้วยังหยิ่งอีก คอยดูเถอะ นายหนึ่งคนนี้จะทำให้หายหยิ่งให้ได้!

เมื่อได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น คามินก็หันไปมอง แต่ปรากฏว่ายังไม่ใช่เป้าหมาย ใบหน้าคมระบายยิ้มจึงพลันขรึมลง

ห้านาทีต่อมาจึงสมหวังเมื่อหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเดินออกมา ท่าทางของเธอคล่องแคล่วมั่นใจเช่นเดิม ทุกจังหวะของการก้าวเดินกระฉับกระเฉง บุคลิกสง่างามชวนมอง

ชายหนุ่มปราดเข้าไปขวางทางโดยทำเหมือนบังเอิญ หญิงสาวมองหน้าเขาและตกใจเล็กน้อย คามินยิ้มทักทายก่อนกล่าว

‘อ้าว คุณนั่นเอง’

‘อ้อ คุณนั่นเอง’ เธอตั้งใจเลียนแบบคำพูดเขา ริมฝีปากสีแดงยิ้มนิดๆอย่างเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร

‘ขอบคุณนะครับที่ยังจำผมได้’

‘แล้วทำไมฉันจะจำไม่ได้ล่ะคะ’

‘ก็…คุณอาจจะคิดว่าผมไม่สำคัญ’

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ‘ใช่ค่ะ ฉันคิดอย่างนั้น ปกติคนเราก็ไม่ให้ความสำคัญกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว ผ่านมาก็ผ่านไป’

‘แต่คุณยังจำผมได้ แสดงว่าผมจะไม่ผ่านมาแล้วก็…’ คามินกำลังจะเอ่ยเข้าข้างตัวเองแต่ก็ถูกตัดบทเสียก่อน

‘เราเพิ่งเจอกันสี่วันที่แล้ว ถึงคุณจะเป็นคนแปลกหน้าแต่ความจำฉันไม่ได้สั้นนี่คะ’ เธอยกนาฬิกาขึ้นมาดูและบอกเสียงสุภาพ ‘ขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันมีนัด’

‘เดี๋ยวครับ’ ชายหนุ่มเดินตามและพูดไปด้วย เพราะอีกฝ่ายยังไม่หยุด ‘ผมเป็นลูกชายเจ้าของวสุนธรารีสอร์ตที่เขาใหญ่ ถ้าว่างๆเชิญไปพักผ่อนสิครับ’

‘ขอโทษด้วยค่ะ ฉันยังไม่อยากซื้อแพคเกจห้องพักตอนนี้’ ดูเหมือนเป็นคำปฏิเสธที่ละมุนละม่อมแต่หารู้ไม่ว่าทำคามินเงิบอย่างแรง

‘ผมเป็นลูกชายเจ้าของวสุนธรารีสอร์ตครับ’ เขาย้ำอีกครั้งเพื่อเพิ่มภาษีให้ตัวเอง ‘แล้วผมก็ไม่ได้ขาย ผมให้ฟรี จะอยู่กี่วันกี่คืนก็ได้’

‘ห้องพักว่างมากเหรอคะ ถึงได้เอามาแจกแบบนี้’ ริมฝีปากสีแดงแวววาวแย้มยิ้มราวสนุกกับการต่อคำ

มันเป็นยิ้มที่คามินไม่นึกหมั่นไส้ แต่นึกอยาก…จูบมากกว่า กลีบปากอิ่มนั้นช่างยั่วเย้าปรารถนาในส่วนลึกอย่างประหลาด

‘ปกติไม่เคยแจกใคร แต่นี่พิเศษสำหรับคุณคนเดียวครับ’ ชายหนุ่มมองด้วยแววตาหวานลึกซึ้ง เมื่อเธอรวนมา เขาก็พร้อมตั้งรับให้เหนือกว่า

‘เอาไว้ว่างๆฉันไปอุดหนุนดีกว่าค่ะ’ ดูท่าเธอจะอยากยอมแพ้แล้ว และคำตอบก็ทำให้คามินยิ้มได้ อย่างน้อยเธอก็อาจไปเยือนรีสอร์ตของครอบครัวเขา

‘ยินดีต้อนรับเสมอครับ’ ชายหนุ่มค้อมศีรษะ แต่แล้วก็ได้อึ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามต่อมา

‘ว่าแต่ชื่อรีสอร์ตอะไรนะคะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน’

‘ครับ?’ คิ้วเข้มเลิกขึ้น เขาเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าคนไทยทั้งประเทศรู้จักวสุนธรารีสอร์ตจริงๆ ‘วสุนธราครับ วสุนธรารีสอร์ต ส่วนชื่อผม คุณคงยังไม่ลืมใช่ไหมครับ’ เขาเริ่มไม่แน่ใจเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยเหมือนกัน

‘ค่ะ คุณหนึ่ง’

คามินเดาความหมายของรอยยิ้มที่หญิงสาวส่งมาให้ไม่ได้อีกครา ขณะที่เขาตกอยู่ใต้มนตร์ของนางในวรรณคดี เธอก็ถือโอกาสเดินหนี

ชายหนุ่มรีบเรียกสติกลับคืนและเดินตามห่างๆเพื่อดูว่าเธอจะไปไหน แล้วสุดท้ายหญิงสาวก็เลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารจีนที่เขากับภัคพลมาทานนั่นเอง

แล้วก็ดูเหมือนฟ้าจะเข้าข้างสุดๆเมื่อโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ข้างโต๊ะของเขา คามินเห็นดังนั้นก็รีบกลับเข้าประจำเก้าอี้ของตนตรงข้ามภัคพล

‘ท่าทางคุณจะหนีผมไม่พ้น’ เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

เจ้าของริมฝีปากสีแดงกลอกตาขึ้นฟ้า ทำหน้าเอือมเล็กน้อย ‘ฉันเพิ่งรู้ว่าทฤษฎีโลกกลมไม่ได้มีแต่ในละคร’

‘อ้าว นี่รู้จักกันด้วยเหรอครับ’ ภัคพลมองเพื่อนสลับกับสาวสวยที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ถึงนาทีก็ถึงบางพลัด เอ๊ย บางอ้อ ‘อ้อ คนที่ไอ้หนึ่งมาให้ผมช่วย…’

‘เฮ้ย ไอ้ภัค!’ คามินรีบแทรกก่อนที่ฝ่ายหญิงจะรู้ว่าเขาคลั่งไคล้เธอจนถึงขนาดให้เพื่อนวาดรูปให้เพื่อเอาไปไว้ในห้องนอนและใช้สืบหาเธอ ถึงเขาจะสนใจเธอมากจริงๆ แต่ก็ไม่อยากแสดงออกมากเกินไป

‘ใครเหรอเอิง’ หญิงสาวในชุดเสื้อและกระโปรงผ้าชีฟองสีฟ้าลายดอกไม้เล็กๆถามเพื่อนในชุดเดรสแดง

คามินยิ้มกว้างทันที ในที่สุดก็ได้รู้ชื่อเธอสักที ‘ผมคามินครับ เรียกหนึ่งก็ได้’ เขาแนะนำตัวกับเพื่อนของเธอ

‘ฉันนิษ นิษฐาค่ะ’ หญิงสาวแนะนำตัวกลับตามมารยาท พลอยให้ภัคพลได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามไปด้วย

‘ส่วนผมภัค ภัคพลครับ’ นักวาดภาพหนุ่มแนะนำตัวบ้าง

‘ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ’

‘เช่นกันครับ’

‘ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันครับคุณนิษ’ คามินค้อมศีรษะและยิ้มเป็นมิตร ก่อนจะหันไปมองคนที่พยายามปิดชื่อตัวเองแต่สุดท้ายก็โดนเผยแบบง่ายๆ ‘บังเอิญจังเลยนะครับคุณเอิง ที่เรามาทานข้าวร้านเดียวกัน’



บุลินทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ค. 2557, 00:12:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ค. 2557, 00:12:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1948





<< บทที่ 1 แรกสบตาก็เผลอใจ   บทที่ 3 เข้าทางเพื่อน >>
บุลินทร 8 ก.ค. 2557, 00:20:24 น.
คุณ lovemuay
ฮ่าๆๆ มาดูพระเอกจีบนางเอกกันต่อครับว่าจะสำเร็จมั้ย

คุณ ดังปัณณ์
ตอนเด็กน่าสงสาร ตอนโตมาคนอ่านจะเกลียดคามี่จังมั้ยเนี่ย (ชื่อเข้าแก๊งกับสามสาวดอกไม้เลยนะ ฮ่าๆๆๆ) ช่วงนี้ยังไม่ดราม่านะ คนเขียนกำลังทำใจก่อนดราม่า เลยมาแนวคู่กัดๆไปก่อน ฮ่า

น้อง ยิ้มยิ้ม
อาจขึ้นรถผิดเจอพระเอกน้าาา ส่วนนั่นใช่นางเอกหรือเปล่า ตอนนี้ได้คำตอบแล้วใช่มั้ย

คุณ พันธุ์แตงกวา
นั่นสิ ตาคามินนั่งอยู่ในรถดีๆก็เจอนางเอกเลย แล้วก็ต้องจบแบบให้ลุ้นด้วย ตามสูตรเรียกคนอ่าน ฮ่าๆๆๆ ถ้าเฉลยก่อนเดี๋ยวไม่อยากรู้ววว ป.ล.บุลินทรแค่เขียนนะ ปล่อยให้คนอื่นแสดงไป ฮ่าๆ

คุณ Zephyr
มีการกล่าวหาว่านางเอกตั้งใจอีก มันเป็นอุบัติเหตุขึ้นรถผิดจริงๆต่างหากละ ไม่เชื่อรึ ส่วนตามินก็ยิงมุกไปตามเรื่องตามราว แต่เข้าเป้ามั้ยต้องดูอีกที ฮ่าๆๆ


yimyum 8 ก.ค. 2557, 07:12:40 น.
ได้แล้วๆๆๆ ชอบภัคพลอ่ะ><


Zephyr 8 ก.ค. 2557, 08:37:15 น.
ชะ นางคิดว่ารถมันเปิดเองได้เหรอ
นางต้องกดรีโมตก่อนนะ
555 ยังคงหาเรื่องจิกกัด อุคินางเล่นตัวจริงๆเลย
ลุ้นดีกว่ามะ ตอนนี้ตามินดูหล้งงงงง หลงงงง
เอานิษคู่ภัคสินะ ฮุฮุ


พันธุ์แตงกวา 8 ก.ค. 2557, 09:17:38 น.
ฮ่าๆๆๆ ทฤษฎีโลกกลม อุเหม่ ไม่ได้มีแต่ในละครจริงๆนะ


ดังปัณณ์ 8 ก.ค. 2557, 10:52:57 น.
ขุ่นหมีฮะ (ให้ทำเสียงแบบ เจ่เจ้พุดเดิ้ล คล้ายๆ ท่านผู้โช้มมมมมมมมมมมคะ) ภัคจี้นางปากจัดมากกกกกกกกกกกกกกก 555+ ภัคจี้กับนิษฐาเค้าต้องคู่กันแน่เลย แต่แหม คามี่...หล่อนจิบังเอิญโลกกลมพรหมลิขิตไปแล้วย่ะ! ชิๆๆๆ แหม เจ้าเล่ห์จิงจิ๊ง


goldensun 8 ก.ค. 2557, 19:14:39 น.
มุกจีบสาวแป้กตลอดเลย นายหนึ่ง ถ้าไม่บังเอิญนั่งใกล้ คงยังไม่รู้ชื่อแน่
ว่าแต่ สนใจสาว น่าจะจำทะเบียนรถได้ จนทำให้ตามสืบได้ง่ายนะคะ หรือมัวแต่ละเมอจนลืมสนใจ
นายภัคน่าสนใจดีเหมือนกัน ท่าทางจะฮา แต่จริงใจ


Liez 12 ก.ค. 2557, 00:35:49 น.
คุณหนึ่ง มุกเชยมากกกก


nittsmall 22 ก.ค. 2557, 10:57:11 น.
นายภัคท่าจะรั่วไม่เบา หึหึ คนหล่อรั่วไงก็น่ารักว่ามั้ยนายหนึ่ง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account