ภารกิจปราบพยศ (ชุดหน่วยซีล เล่ม 2)
ผู้หญิงที่จะมาเคียงข้างเขา ไม่จำเป็นต้องเป็นหญิงเก่งกาจมาจากไหน ไม่ต้องสวยมาก ไม่ต้องร่ำรวยหรือมีหน้ามีตาในสังคม สิ่งต่างๆ เหล่านั้นล้วนไม่สำคัญกับเขาเท่ากับ...
นม!
"บอกไว้เลย ฉันไม่ชอบผู้หญิงนมแบน!"

.............................................................................

หลังจากที่ได้เอกสารลึกลับจากผู้ที่ใช้ชื่อสั้นๆ ว่า 'Ang'
องค์กรก่อการร้ายลึกลับที่ใช้ชื่อว่า 'โครนอส' จึงถูกเปิดโปง
เรดทีมและซิลเวอร์ทีมของซีลทีมซิกซ์จึงต้องทำงานกวาดล้างกลุ่มคนอันตรายนี้อย่างหนัก รวมทั้งการตามล่าหาตัว 'Ang' ด้วย
เพราะมั่นใจว่าเขาหรือเธอคนนั้นจะต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแน่นอน

แต่แล้วในวันที่ได้หยุดพักหลังภารกิจอันแสนยาวนาน
เจสัน ฟอสเตอร์ แห่งหน่วยซีลรู้สึกว่าตัวเองดวงตกสุดขีด ที่มาขับรถชนผู้หญิงคนหนึ่ง
ยายตัวสูงเก้งก้าง ทาปากแดงแจ๋ แต่งตัวโอเวอร์แบรนด์เนม
แถมยายผู้หญิงสติแตกคนนี้กลับจำความไม่ได้เลย พูดแต่ว่ากำลังโดนตามฆ่า
หลักฐานใดๆ ก็หายไปหมดแล้ว
สวย...ก็สวยอยู่หรอกนะ แต่สเปคเขาต้องสาวตัวเล็กๆ น่ารัก ไม่ใช่เสาไฟฟ้าบ้าพลังอย่างยายนี่
เจสันกำลังจะส่งยายคนสติแตกนี่ให้เอฟบีไอแท้ๆ แต่แล้วก็พบว่าเธอไม่ได้บ้าอย่างที่เข้าใจ
แต่เธอโดนตามล่าจริงๆ!!!
หรือว่าเธอจะคือ 'Ang' พยานบุคคลสำคัญที่พวกเขากำลังตามหา!!!


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 3 ผู้ชายปากเสีย 100%





หลังจากที่บรรดาแขกจากไปแล้ว เจ้าของดวงตาคู่กลมโตจึงแหงนเงยขึ้นมองชายเจ้าของบ้านร่างใหญ่ที่เดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วก็อดยกขาขึ้นมานั่งกอดเข่าไว้ไมได้ แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในชุดเสื้อผ้าครบถ้วนสมบูรณ์ แต่เมื่อเจอสายตาคมๆ ของเขาก็ไม่ต่างจากเปลื้องผ้าอยู่ดีๆ นี่เอง อังควิภาได้แต่ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะออกจากบ้านนี้ไปได้

“คืนนี้ฉันจะไปที่บาร์ของโลแกน” เขาพูดเสียงเรียบ ขณะที่สาวเจ้ายิ้มร่าขึ้นมาทันที แต่ก็ถูกเขาขัดขึ้นเสียก่อน “อยู่บ้านคนเดียวได้ไหม”

“ฉันจะไปแล้ว”

“ไปไหน”

“ไป...” นั่นสิ เธอจะไปไหนดี ไปบ้านที่ติดต่อซื้อไว้ดีหรือไม่ แต่เธอขาดการติดต่อกับนายหน้า ป่านนี้มิถูกคนอื่นตัดหน้าไปแล้วหรือ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เธอก็จะไม่ปลอดภัยอีกแล้ว

หรือว่าจะบอกความจริงกับเจสันดี อย่าน้อยเขาก็จะปกป้องเธอได้...


เดี๋ยวนะ...ผู้ชายปากกรรไกรอย่างเจสัน ฟอสเตอร์นี่น่ะหรือ!

อังควิภาส่ายหน้าอย่างลืมตัว ผู้ชายแบบนี้ปกป้องผู้หญิงที่ไหนไม่ได้แน่ มีแต่จะเอาเปรียบล่ะไม่ว่า ความคิดนั้นทำให้สาวเจ้ารีบกุมคอเสื้อตัวเองแน่น มองเขาอย่างหวาดระแวง


“ฉันไปด้วยได้ไหม”

“ทำไม...อยู่คนเดียวไม่ได้หรือ”

“ฉันกลัว”

“กลัวอะไร”

“ฉันถูกคนตามฆ่า” เธอยังให้คำตอบเดิม คราวนี้เจสันจ้องหน้าเธอด้วยแววตาโหดร้าย บ่งบอกว่าไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย

“หนีผัวมาจริงๆ ล่ะสิ ผู้หญิงนี่ชอบเล่นไม้นี้นะ”

“นี่!”

“อยู่ที่นี่แหละ ปิดล็อคบ้านให้ดี เดี๋ยวฉันกลับมาเอง”

“แล้วจะมีอะไรกินหรือ”

“ไอรากับโลแกนซื้อมาให้แล้ว”

“แต่ฉัน...”

“อย่าออกไปไหนล่ะ อยู่แต่ที่นี่แล้วกัน”


อังควิภาพยายามอ้อนวอนเขาด้วยสายตา แต่จะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเหลือเธออยู่แล้ว เพราะนอกจากจะไม่สงสารแล้ว เขายังเดินออกไปหน้าตาเฉย


เธอขอสาปแช่งให้เขาหาเหยื่อไม่ได้ ขอให้ชีวิตนี้ไม่มีความสุข ขอให้ไม่มีใครสนใจเขาเลยแม้แต่คนเดียว!


ชายหนุ่มคว้าแจกเกตหนังสีน้ำตาลแล้วก็ออกจากบ้านไปทันที ทิ้งให้อังควิภาได้แต่มองตาละห้อย ทว่าเมื่อคล้อยหลังเขาไปแล้ว เธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ใช่แล้ว...เธอควรจะติดต่อกับเพื่อนให้เร็วที่สุด


โรซาลีน กู๊ดเวลล์ คือเพื่อนสมัยเรียน ปัจจุบันเพื่อนของเธอเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย แต่ก็พักงานชั่วคราวเพราะคลอดลูกน้อย และเป็นคนแรกที่อังควิภานึกถึงเสมอ เธอจึงต่อโทรศัพท์ภายในบ้านของเจสันโทร. ไปหาเพื่อนสนิททันที


“โรส”

“พระเจ้า...แอง เธออยู่ที่ไหน”

“ฉันอยู่ที่...” เธอกำลังจะบอกออกไปอยู่แล้ว แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าบางทีคนใกล้ชิดของเธอต้องถูกดักฟังโทรศัพท์แน่นอน ไม่อย่างนั้นจะมีคนตามไปฆ่าเธอที่เซนทรัลปาร์คได้อย่างไร

“แอง...”

“ฉันบอกไม่ได้”

“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เพื่อนที่ทำงานก็ตามหาเธอให้วุ่นนะ”

“ฉันบอกไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวฉันจะส่งจดหมายลาออก”

“ลาออก!” ปลายสายตกใจไม่น้อย หน้าที่การงานของอังควิภากำลังรุ่งเรืองถึงขีดสุด เพื่อนของเธอมีปัญหาหนักหนาอะไรถึงต้องลาออกด้วย

“ฉันไม่มีเวลาอธิบาย ฉันเสียใจที่ไปหาเธอกับลูกไม่ได้”

“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกนะ ฉันสนใจแต่ว่าเธอหายไปไหน ทำไมไม่บอกฉัน”

“เธอเห็นข่าวผู้หญิงที่ตายในเซนทรัลปาร์คใช่ไหม”

“เมื่อไหร่”

“ก็สักสองสามอาทิตย์ก่อนไง”

“นี่แอง เธอฟังฉันนะ” โรซาลีนมีน้ำเสียงเครียดอย่างเห็นได้ชัด “ไม่มีใครตายในเซนทรัลปาร์ค สองสามอาทิตย์ก่อนมีแค่ข่าวเด็กตกน้ำเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ฉันอยากให้เธอตั้งสติแล้วคิดดีๆ ทำงานในยูเอ็นไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเข้านอกออกในได้ ถ้าเธอออกกลางคันทั้งที่เกิดเหตุลับทำร้ายท่านเลขาแล้วล่ะก็ เธอจะถูกหางเลขไปด้วย”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เธอไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเป็นเธอต่างหากที่ถูกลอบฆ่า ไม่ใช่ท่านเลขาเสียหน่อย


“คิดดีๆ นะแอง ฉันเป็นกำลังใจให้เธอเสมอ”

“ขอบใจมากโรส แล้วฉันจะโทร. หาเธออีก”

“จะไม่บอกฉันสักนิดหรือว่าเธออยู่ที่ไหน”

“ไกลมาก...ฉันอยู่ไกลจากนิวยอร์กมากๆ และฉันจะกลับไปหาเธอนะ”

“รักเธอนะแอง”

“รักเธอเหมือนกันโรส” อังควิภาเลิกสายทั้งที่ยังอาลัยเพื่อนอยู่ไม่น้อย การที่ไม่มีข่าวผู้หญิงถูกฆ่าทิ้งอยู่ในเซนทรัลปาร์คสมควรจะเป็นข่าวใหญ่ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมกลับเงียบได้ขนาดนี้ ดูท่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียแล้ว


‘ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ควรออกไปข้างนอก’ เธอนั่งกัดเล็บครุ่นคิด ลองพยายามติดต่อไปยังบ้านของนายทหารคนนั้นก็พบว่าตอนนี้นายหน้าขายไปแล้ว เพราะเธอผิดนัดและไม่สามารถติดต่อได้


อังควิภาส่ายหน้า ทำไมหนอชีวิตมันถึงได้มีแต่เรื่องเข้ามาไม่หยุด เธอไปไหนไม่ได้ ไม่มีที่ให้เธอไปแล้ว ไม่มีชื่อเสียงเรียงนามอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เธอมีตอนนี้คือเงินติดตัวที่แม้จะมาก แต่สักวันก็คงหมดไป แล้วอย่างนี้เธอจะไปไหนได้


ดวงตาคู่สีดำขลับเหลียวมองไปรอบตัว ที่นี่คือบ้านของเจสัน ฟอสเตอร์...เขาเป็นทหารเรือ เป็นคนนอกคนเดียวที่เธอรู้จัก และเป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่เธอจะพึ่งเขาได้จริงหรือ จะเอาตัวรอดได้จริงหรือ ระหว่างความเป็นความตายกับการต้องอยู่ให้คนลามกปากเสียแบบนี้คอยกลั่นแกล้งถากถาง ดีไม่ดีจะถูกคนหื่นนั่นทำมิดีมิร้ายด้วย นี่เธอว่าเธอเลือกยอมตายเสียดีกว่า หญิงสาวได้แต่หวังว่าสิ่งที่เธอตัดสินใจนั้นจะเป็นทางที่ถูกที่ควร พาเธอออกจากเรื่องอันตรายนี้เสียที


อังควิภาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วลุกขึ้นเดินไปหากระเป๋าสะพายของตัวเอง แล้วรีบรื้อค้นดูทันที ก่อนออกไปเธอจะต้องดูว่าเงินพร้อมไหม ข้าวของเครื่องใช้ของเธอพร้อมไหม ที่ขาดไม่ได้คือลิปสติกสีแดงสดที่เธอชื่อเสมอว่ามันจะทำให้ดวงชะตาของเธอดีขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างอยู่ครบ เครื่องสำอาง ลิปสติก สมุดโน้ตเล่มเล็กและปากกาด้ามโปรด แต่สิ่งที่หายไป...

มันคือเงิน!

ไม่มีเงินแล้วเธอจะออกไปไหนต่อไหนได้อย่างไร!


อังควิภาอยากจะร้องไห้ให้น้ำตาเป็นสายเลือด เจสัน ฟอสเตอร์ ดูถูกหน้าอกเธอยังไม่พอ เขายังเชิดเงินเธอไปด้วยอย่างนั้นหรือ!

“ไอ้ผู้ชายบ้า!” เจ้าของน้ำเสียงเล็กร้องออกมาอย่างเหลืออด อย่างนี้ใช่ไหมที่คนไทยเขาเรียกกันว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หนีโจรมาเจอคนโรคจิต หนีเสือมาปะจระเข้ หนีร้อนมาเจอร้อนกว่า แล้วอย่างนี้เธอจะมีชีวิตรอดหรือ

“ไปตายซะ เจสัน ฟอสเตอร์!” คนตัวเล็กเดินวนไปวนมาด้วยความพลุ่งพล่านในอก ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ถ้าหนีออกไปโดยไม่มีเงินแม้แต่เซนต์เดียวแบบนี้ เธอได้ตายอยู่ข้างถนน หรือไม่ก็ถูกภัยสังคมคุกคามแน่นอน


หญิงสาวหันมองไปรอบตัว บ้านของเขาก็...ใหญ่ดี พอจะเป็นที่หลบภัยให้ได้ ในเมื่อออกไปไม่ได้ก็คงต้องนอนที่นี่ไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที คิดได้ดังนั้นเธอจึงเริ่มมองหาที่ทางจะนอน ในเมื่อเขาไม่ได้บอกว่าให้เธอนอนห้องไหน ก็คงต้องหาเองเสียแล้ว


บ้านของเจสันเป็นบ้านหลังใหญ่พอประมาณ มีสามห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว และห้องน้ำแยกชั้นบนและชั้นล่างอย่างละห้อง ห้องนอนห้องหนึ่งถูกล็อคไว้ เธอเดาได้เลยว่าจะต้องเป็นห้องเขาแน่ ดังนั้นก็เหลืออีกสอง อังควิภาย่าวเท้าเข้าไปดูก็พบว่าสองห้องที่เหลือนั้นพร้อมอยู่ ห้องหนึ่งตกแต่งสีทึมๆ อีกห้องตกแต่งด้วยสีหวานหน่อย เธอก็เดาได้ทันทีว่าห้องสีหวานนี่ต้องของผู้หญิงของเขาแน่นอน

“แหวะ” นักแปลสาวสวยเบ้ปาก แล้วหมุนตัวกลับเข้าไปนอนในห้องสีทึมทันที เธอเหนื่อยล้ามาหลายวันแล้ว ขอพักเอาแรงเสียหน่อย ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน





สุดท้ายคืนนั้นเธอก็อยู่ที่บ้านของเจสันตามลำพังทั้งคืน เวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ การถูกจับตัวไปทรมานอยู่นานทำให้เธอนอนนานไปหน่อย กว่าที่อังควิภาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็สายโด่ง ทันทีที่ลืมตาขึ้นหญิงสาวก็มองไปรอบตัว สมองยังไม่ทันประมวลผลดี เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ตื่นได้แล้วคริสตัล”

ใครคือคริสตัล! อังควิภาตั้งคำถามกับตัวเองพลางขมวดคิ้ว กว่าจะคิดได้ว่าเธอบอกใครต่อใครว่าชื่อคริสตัล เหลียง ก็กินเวลาหลายนาที

“คริสตัล ถ้าเธอไม่ตื่นฉันจะเข้าไปปลุกแล้วนะ!” เสียงขู่สำทับมาอีก จนอังควิภาตาลีตาเหลือก ลนลานลุกมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เพราะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอมาอาศัยบ้านของนายทหารเรือคนหนึ่งไปก่อนชั่วคราว ไม่ได้นอนหลับสบายๆ อยู่ในบ้านของตัวเองเสียหน่อย

“ฉันตื่นแล้ว”

“รีบมาหาอะไรกินสิ”

“ไม่อยากกินคอนเฟล็ก”

“วันนี้มีแม่ครัว อยากกินหรืออยากนอนมากกว่ากัน”

“ขอนอนอีกหน่อยได้ไหม”

“ถ้าช้าจะเทให้หมากิน”

“คุณไม่ได้เลี้ยงหมา”

“บังเอิญว่าฉันใจบุญ เทให้หมาข้างบ้านกินก็ได้นี่”

“จ้ะ พ่อคนใจบุญ” อังควิภาอดประชดไม่ได้ เผลอตัวใช้สายตาประชดประชันเขาอยู่แวบหนึ่ง ก็สำเหนียกได้ว่าตัวเองกำลังแกล้งบ้าต่อหน้าเขาอยู่ หญิงสาวจึงฉีกยิ้มเสียหวานเยิ้ม แล้วตอบเสียงลอยๆ “ฉันหมายความว่าคุณใจดีจริงๆ นะ”

“ฉันรู้” เจสันยักไหล่ ใบหน้าเรียบเฉยก็จริงแต่แววตายังเป็นประกายระริกตลอดเวลา “เพราะถ้าฉันใจไม่ดีจริงฉันจะรับเธอมาอยู่บ้านหรือ ทั้งเธอทั้งหมา ฉันเอ็นดูเหมือนกันแหละ”

ถ้อยคำคมกริบของเขาทำให้อังควิภายิ้มค้าง มองเขาเดินผิวปากออกจากห้องครัวไปด้วยแววตาเหลือเชื่อ...ผู้ชายคนนี้กล้าดีอย่างไรเอาเธอไปเปรียบกับหมา!

เจสัน ฟอสเตอร์...ถ้าไม่ติดว่าจะต้องอาศัยอยู่ในบ้านเขาเพื่อหลบลี้จากผู้คนภายนอกแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าคนอย่างอังควิภาจะยอมตกเป็นเบี้ยล่างอยู่อย่างนี้หรอก แต่ก็อย่างว่า...ตอนนี้เธอจะไปทำอะไรเขาได้ ในเมื่อต้องพึ่งพาเขาอยู่ สุดท้ายนักแปลสาวตกยากนั่งกินอาหารเช้าด้วยอาการคับแค้นใจเหลือจะเอ่ยกับถ้อยคำแสบสันของผู้ชายลิ้นคมหน้าด้านหน้าทนคนนั้น


หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ อังควิภาก็เดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เจสันนั่งไขว่ห้างจิบไวน์ดูสารคดีชีวิตสัตว์โลกอยู่ แค่เธอมาถึงกรอบประตูห้อง เขาก็รู้ตัวเสียแล้ว ทั้งยังพยักหน้าให้เธอเข้าไปหาอีกด้วย


“เงินเธออยู่ที่ฉันนะคริสตัล”

‘ฉันรู้แล้วย่ะ’ สาวสวยแอบเบือนหน้าไปเบ้ปาก แล้วจึงหันกลับมาใหม่ด้วยรอยยิ้มหวานพลางประจบ “คุณคืนให้ฉันได้ไหมคะเจสัน”

“จะเอาไปทำไม”

‘ก็นั่นมันเงินฉันนะยะตาบ้า!’ ในใจสาวเจ้าโวยวายยกใหญ่ แต่ภายนอกก็จำต้องฉาบด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม ทั้งที่ความจริงแล้วเธออยากจะฉีกอกเขานัก หญิงสาวต้องข่มใจ สำเหนียกตัวเองไว้ว่าต้องพึ่งพาเขา จึงได้แต่นับหนึ่งถึงร้อยในใจ แล้วตอบเสียงหวาน “ฉันก็อยากเก็บเงินไว้เองสิ เงินของฉันนะ”

“คนบ้าเขาไม่ใช่เงินกันหรอก”

“แต่ว่า...”

“อย่าพูดมากเลย ทีหลังเธอมานอนห้องสีชมพูนะ”

“ทำไมล่ะ นั่นห้องผู้หญิงของคุณไม่ใช่หรือ”

“ใครบอก”

“ก็....”

“ให้เข้าไปนอนห้องนั้นก็ไปเถอะน่า วันนี้ฉันไม่ออกไปบาร์ของโลแกนหรอก อยากได้อะไรไหม ไปซื้อของกัน”

“คุณจะพาฉันออกไปใช่ไหม”

“แล้วนอกจากฉันนี่มีใครอื่นอีกไม่ทราบ” คิ้วเข้มเลิกขึ้น สีหน้าแสนกวนประสาทจนเธออยากจะชกหน้าเขาเหลือเกิน แต่เย็นไว้ ขืนบุ่มบ่ามจะทำการใหญ่ไม่ได้ อังควิภาเตือนตัวเองซ้ำเล่าซ้ำเล่า ก็รู้อยู่ว่าเขาตอบดีๆ ไม่ได้ ต้องวกไปวนมาตลอด ดังนั้นเธอก็ไม่ควรจะถือสาเขา คนไทยเขาว่า ‘อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา’ แน่นอนว่าอย่างเจสันเนี่ย มันยิ่งกว่าคนบ้ากินเหล้าเสียอีก!

“ไปสิ แต่ขอเงินไม่ได้หรือ” นักแปลสาวยังฝืนยิ้มหวาน ทั้งที่ในใจกำลังเดือดปุด อยากจะหาอะไรตีปากคนเจ้าคารมเสียเหลือเกิน


“ก็บอกแล้วว่าคนบ้าเขาไม่ใช่เงินกันหรอก เดี๋ยวฉันจ่ายให้ ไม่เอาเปรียบเธอแน่”

“แต่ฉันไม่ได้บ้านะ!” เธอโพล่งเสียงดังอย่างเหลืออด ส่วนเจสันก็ยังขมวดคิ้วแล้วมองไล่ตั้งแต่หัวสวยๆ จรดปลายเท้าเล็กๆ อีกครั้ง แล้วตอบอกมาหน้าตาเฉยว่า

“คนบ้าที่ไหนยอมรับว่าตัวเองบ้าบ้างล่ะ”

เป็นอันจบข่าว!

อังควิภาคอตก หมดปัญญาจะเถียงกับเขา เพราะเธอรู้ดีว่าชาตินี้ทั้งชาติเธอก็เถียงไม่ชนะแน่นอน






......................................................

มาแล้วววววววววววววววว
อัพช้าไปมาก ตูนติดฟุตบอลโลก 555555555555555

ขอโทษคนอ่านด้วยนะค้าาาา แต่มาอัพช้าดีกว่าไม่มาเนอะ

ฮี่ๆๆ
ไงคะพระเอกเรา สุดๆ ไปเลยใช่ไหม
ตอนนี้ตูนเขียนเรื่องนี้อยู่ อยากให้จบเร็วๆ เผื่อจะออกทันงานหนังสือเนอะ

รักคนอ่านเสมอมานะคะ

กรรัมภา (กนิษวิญา)







กนิษวิญากรรัมภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2557, 20:26:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2557, 20:26:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1178





<< บทที่ 3 ผู้ชายปากเสีย 50%   
แว่นใส 15 ก.ค. 2557, 21:30:38 น.
แกล้งโง่ได้น่าตีจริงพระเอกเรา


nasa 20 ก.ค. 2557, 18:01:30 น.
ปากเสียอย่างต่อเนื่อง แต่แอบจิตตกหน่อยนึงที่นางเอกติดลิปสีแดงสดมาก

ขอกลับไปอ่านย้อนหลังอีกทีนะคะว่านางเอกไปทำอีท่าไหน ถึงทำให้เจสันไม่เชื่อว่าถูกตามล่ามา เพราะคนเป็นทหารน่าจะมีเซนส์ของการปกป้อง รึอย่างน้อยก็น่าจะตรวจสอบความจริงซักหน่อย แล้วมันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่คอนเฟิร์มว่าสาวเจ้าโกหก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account