ภารกิจปราบพยศ (ชุดหน่วยซีล เล่ม 2)
ผู้หญิงที่จะมาเคียงข้างเขา ไม่จำเป็นต้องเป็นหญิงเก่งกาจมาจากไหน ไม่ต้องสวยมาก ไม่ต้องร่ำรวยหรือมีหน้ามีตาในสังคม สิ่งต่างๆ เหล่านั้นล้วนไม่สำคัญกับเขาเท่ากับ...
นม!
"บอกไว้เลย ฉันไม่ชอบผู้หญิงนมแบน!"

.............................................................................

หลังจากที่ได้เอกสารลึกลับจากผู้ที่ใช้ชื่อสั้นๆ ว่า 'Ang'
องค์กรก่อการร้ายลึกลับที่ใช้ชื่อว่า 'โครนอส' จึงถูกเปิดโปง
เรดทีมและซิลเวอร์ทีมของซีลทีมซิกซ์จึงต้องทำงานกวาดล้างกลุ่มคนอันตรายนี้อย่างหนัก รวมทั้งการตามล่าหาตัว 'Ang' ด้วย
เพราะมั่นใจว่าเขาหรือเธอคนนั้นจะต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแน่นอน

แต่แล้วในวันที่ได้หยุดพักหลังภารกิจอันแสนยาวนาน
เจสัน ฟอสเตอร์ แห่งหน่วยซีลรู้สึกว่าตัวเองดวงตกสุดขีด ที่มาขับรถชนผู้หญิงคนหนึ่ง
ยายตัวสูงเก้งก้าง ทาปากแดงแจ๋ แต่งตัวโอเวอร์แบรนด์เนม
แถมยายผู้หญิงสติแตกคนนี้กลับจำความไม่ได้เลย พูดแต่ว่ากำลังโดนตามฆ่า
หลักฐานใดๆ ก็หายไปหมดแล้ว
สวย...ก็สวยอยู่หรอกนะ แต่สเปคเขาต้องสาวตัวเล็กๆ น่ารัก ไม่ใช่เสาไฟฟ้าบ้าพลังอย่างยายนี่
เจสันกำลังจะส่งยายคนสติแตกนี่ให้เอฟบีไอแท้ๆ แต่แล้วก็พบว่าเธอไม่ได้บ้าอย่างที่เข้าใจ
แต่เธอโดนตามล่าจริงๆ!!!
หรือว่าเธอจะคือ 'Ang' พยานบุคคลสำคัญที่พวกเขากำลังตามหา!!!


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 3 ผู้ชายปากเสีย 50%




บทที่ 3 ผู้ชายปากเสีย



อังควิภาเดินเข้าออกห้องนอนของเจสันราวกับห้องของตัวเอง ก็พบว่าในบ้านของเขามีเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่จริงอย่างที่คาดคิดไว้จริงๆ ด้วย แต่เธอไม่คิดจะสวมใส่มันแน่ รสนิยมเขานี่ช่างวิปริตดีแท้ถึงได้สรรหาชุดนอนโปรงใสที่ใส่ก็เหมือนไม่ใส่อะไรเลยมาเตรียมไว้เสียเยอะแยะ เป็นตายร้ายดีอย่างไรเธอก็ไม่ยอมใส่มันแน่ๆ หญิงสาวเบ้ปากนึกรังเกียจ คิดไปคิดมาเธอว่าเธอหาทางไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดดีกว่า แกล้งบ้าก็ใช่จะปลอดภัย เกิดไอ้คนปากเสียนี่หื่นจนหน้ามืดแล้วเธอจะไม่แย่หรือ


คิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงตัดสินใจอาบน้ำอาบท่าเสียใหม่แต่ยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม ทันทีที่ก้าวเท้าออกมา ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กหน้าตาหน้ารักคนหนึ่ง เธอมีผมสีน้ำตาลและดวงตาสีดำขลับอ่อนหวานชวนมอง และกำลังส่งยิ้มให้เธออีกด้วย


“คริสตัลใช่ไหมคะ” ไม่ใช่แค่หน้าตาเท่านั้น แต่น้ำเสียงของผู้มาใหม่ก็อ่อนหวานเสียจนผู้หญิงด้วยกันยังเคลิบเคลิ้มไปด้วย


“...”


“ฉันไอราค่ะ” พอเห็นว่าอังควิภาไม่ตอบ ผู้มาใหม่ก็พูดเสียเอง “ไอรา ภาษาสันสกฤตแปลว่าเจ้าแห่งลมค่ะ ฉันเป็นพยาบาล ลูกจ้างเพื่อนของคุณฟอสเตอร์อีกที”


“อ้อ...”


“คุณฟอสเตอร์ให้มาช่วยดูแผลค่ะ แล้วก็เอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนด้วย”


อังควิภารับถุงเสื้อผ้ามาจากไอราอย่างงงๆ แล้วเริ่มรื้อค้นดู ดีหน่อยที่ไม่ใช่ชุดอุบาทว์ซีทรูโปร่งเสียงเหมือนเมื่อครู่อีก แต่เป็นเสื้อยืดกับกระโปรงน่ารักๆ ต่างหาก ทว่ามันขาดไปบางชิ้น...


“มันขาดไปบางอย่างค่ะ อ้าว...หายไปไหนแล้ว” สาวแกล้งบ้าหน้าเหลอ อยู่ดีๆ พยาบาลสาวสวยก็หายไปไหนไม่รู้ อยู่แต่เจ้าของบ้านปากเสียหน้ามึนที่เดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะ


“เสื้อผ้าน่าจะพอดีนะ ฉันบอกให้ไอราซื้อตามขนาดตัวเธอนั่นแหละ” น้ำเสียงของเขาฟังดูคล้ายเกียจคร้าน ทว่าแววตากลับพราวระยับเสียจนน่าหวั่น เท่านั้นไม่พอ ยังสาวเท้าเข้ามาใกล้เธออีก “ใส่ได้ไหม”


อังควิภาพยักหน้า พยายามรักษาอาการ ‘แกล้งบ้า’ ของเธอด้วยการส่งสายตาบ้องแบ๊ว แววตาใสๆ ไปให้เขา แล้วก้มลงมองหาของอีกชิ้นที่ควรจะอยู่ในถุงเสื้อผ้าด้วย


“หาอะไร” นายทหารเรือหนุ่มถามเสียงเรียบ


“เสื้อชั้นในน่ะสิ” พวงแก้มนุ่มทั้งสองข้างขึ้นสีก่ำ ขณะที่เจ้าตัวก้มหน้างุด ไม่ยอมสบสายตาคมปลาบของเขา


“ฉันไม่ได้ให้ไอราซื้อมาด้วย”

“ทำไมละ”

“ใส่หรือไม่ใส่ก็ค่าเท่ากันละมั้ง” พูดพลางเหล่ตาลงมองบริเวณหน้าอกที่ราบเรียบของหญิงสาว “เกิดมาเป็นผู้หญิงทำไมให้เสียชาติเกิดเนี่ย ดูสิ จะข้างหน้าหรือข้างหลังก็เท่ากัน จะนูนๆ ขึ้นมาสักหน่อยก็ไม่ได้”


จะทนไม่ไหวแล้ว!

นี่มันเกินไปไหม ปากเขาทำด้วยอะไรทำไมถึงพูดสิ่งดีๆ ออกมาไม่ได้เลย แต่ละคำถ้าไม่ลามกก็วิพากษ์วิจารณ์หน้าอกเธออยู่นั้นแหละ สมองหมกมุ่นหรือเรื่องใต้สะดือเหนือหน้าท้องได้ตลอดเวลาจริงๆ


“มีเยอะไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่าคนไม่มีเสียหน่อย”


“มันก็ใช่ แต่ไม่มีเลยนี่เวลาฟัดกันมันจะเหมือนนัวเนียกับผู้ชายมากกว่าไหม”


“ลามก!”

“ก็พูดเรื่องจริงนี่” เขาตอบหน้าตาย “ฉันไม่ชอบผู้หญิงนมแบน”


พอกันที! ขืนอยู่บ้านนี้ต่อไปเธอได้เป็นบ้าแน่ ช่างหัวเรื่องอันตรายที่อยู่ข้างนอกเถอะ อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็แล้วกัน แต่ถ้าต้องให้อยู่กับผู้ชายปากคมยิ่งกว่ากรรไกรคนนี้ สักวันเธอจะบ้าของจริงแน่นอน


“แล้วนี่ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า”


“คุณออกไปก่อนสิ”


“ออกไปได้อย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอเป็นลมไปล่ะ”


“มันไม่ใช่เรื่องของคุณเลยนะ ในเมื่อตอนนี้มีพยาบาลไม่ใช่หรือ”


“ไอราเขาเป็นแขก”เขาเถียงหน้าตาเฉย แววตากรุ้มกริ่ม


“เอ๊ะ!” ไม่รู้ทำไมอังควิภาถึงได้รู้สึกว่าสายตาของเขาดูเจ้าเล่ห์อย่างประหลาด เขาแสร้งทำตัวเป็นนักบุญคอยช่วยเหลือ แต่ความจริงแล้วจ้องจะเอาเปรียบกันชัดๆ ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวกล้าที่จะเถียงกลับบ้าง “ฉันก็เป็นแขกนะ”


“เธอเป็นคนบ้านเดียวกับฉันแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นฉันออกไปก็ได้ คิดว่าอยากอยู่ที่นี่หรือไงล่ะ!” อังควิภาแหว ตอนนี้เธอเริ่มไม่ไหวใจแววตาที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ของเขาเสียแล้ว


“อย่าเพิ่งพูดเลย รีบอาบน้ำลงไปข้างล่างดีกว่า ให้ไอราดูอาการเธอก่อนแล้วค่อยว่ากัน”


“แต่ว่า...”

“อย่าดื้อน่า คนบ้าน่ะเขาไม่ดื้อกันหรอก” เจสันกระตุกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาวางมือหนากร้านลงบนเรือนผมนุ่มลื่นของอังควิภาแล้วก็เดินออกไป


พอหมดทางคัดค้านเขาแล้ว สุดท้ายนักแปลสาวคนเก่งก็จำต้องเดินคอตกเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เขาบอก โดยใส่เสื้อชั้นในตัวเดิม ไหนเมื่อเขาอยากแกล้งด้วยการไม่ยอมเอามาให้ เธอก็ไม่ง้อ เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยล้ากับการเป็นฝ่ายตั้งรับฝีปากคมๆ ของเขาเสียแล้ว




ในห้องนั่งเล่นด้านล่างของเจสันปรากฏร่างของผู้มาใหม่อีกคนที่มีร่างสูงพอกับเจสันแต่ไม่หนาเท่า เขาเป็นชายผู้มีดวงตาสีน้ำตาล ผมสีน้ำตาลทองแดงตัดสั้นทรงสกินเฮด แต่พอบวกกับรูปหน้าคมคายและแววตาประกายเจ้าชู้นิดหน่อย ก็สิ่งเสริมเสน่ห์ความเป็นชายเจ้าสำอางของเขาขึ้นไปอีก


“นี่โลแกน เพื่อนฉันเอง”

“สวัสดี” อังควิภายังทำท่าเลื่อนลอยได้เหมือนจริงทุกอย่าง เธอแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงยานคางอีกนิด ตบท้ายด้วยการฉีกยิ้มจนเห็นฟันแทบครบทุกซี่ ท่าทางที่ทำเอาสองหนุ่มผละออกห่างทันที


“เดี๋ยวให้ไอราดูอาการหน่อยก็ได้ ตามสบายเลยเจ ฉันไปหาเหล้ากินก่อน” ผู้ชายที่ชื่อโลแกนเดินไปที่บาร์เหล้าราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ไม่แยแสเสียงโหวกเหวกของเจสันเลยแม้แต่น้อย


“ไอ้โลแกน เหล้าที่บ้านหมดนี่ก็เพราะนายนะโว้ย”

“อย่าเรื่องมากเลยว่ะ เดี๋ยวเอามาคืน”

“เห็นพูดอย่างนี้มาเป็นสิบปี ไม่ได้กินของนายสักหยด”


“ไปกินที่บาร์สิวะ!” สองหนุ่มยังเถียงกันไปตลอดทางแล้วผลุบหายเข้าไปในครัว ทิ้งให้อังควิภาอยู่กับพยาบาลไอราตามลำพัง


“พวกนี้เขาอย่างนี้แหละค่ะ ชอบโวยวายใส่กันตลอดเวลา” พยาบาลสาวลูกครึ่งอินเดียยิ้มปลอบ เพราะกลัวว่าสาวสติไม่ดีตรงหน้าจะเสียขวัญเพราะกิริยาห่ามๆ ของสองหนุ่ม

“เขาทำมาหากินอะไรหรือ”

“โลแกนน่ะหรือคะ” พยาบาลไอราเริ่มตรวจดูแผลบนศีรษะและตามเนื้อตัวของคนเจ็บ จากนั้นจึงเริ่มทำแผลให้อย่างเบามือ “เป็นเจ้าของผับบาร์อยู่ในมิดทาวน์ค่ะ เขาสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก”


“อ้อ!”

“ฉันเป็นพยาบาลส่วนตัวของย่าเขา ก็เลยถูกลากให้มาดูแลคุณด้วยน่ะค่ะคริสตัล”


“ฉันไม่เป็นไร” จากที่จะแกล้งทำเป็นคนบ้าความจำเสื่อมเพื่อจะได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่ตอนนี้อังควิภาเปลี่ยนใจแล้ว เธอว่าเธอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า คิดได้ดังนั้นแล้ว สาวสวยจึงค่อยๆ ยิ้มหวาน เลิกทำตาใสแล้วเชิดหน้าอย่างมั่นใจ กลับมาเป็นนักแปลสาวสวยคนเก่งขอยูเอ็นอีกครั้ง ทั้งยังกล่าวทักทายไอราทีเดียวเจ็ดภาษารวดเลยด้วย


“เอ่อ...” แทนที่จะเชื่อว่าอังควิภาไม่ได้บ้า แต่การกระทำของเธอกลับพยาบาลสาวมีสีหน้าหนักใจไม่น้อย กับท่าทีที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า พร้อมด้วยภาษาแปลกๆ เพี้ยนๆ ของคนแกล้งบ้า


“ฉันบอกแล้วค่ะไอรา ฉันสบายดี ไม่ได้บ้าด้วย” เธอหาได้รู้สักนิดว่าอาการของเธอน่ะ มันยิ่งกว่าบ้าเสียอีก!


“ฉันเข้าใจค่ะ แต่ว่าอย่าเพิ่งไปไหนเลยนะคะ อยู่ที่นี่ไปก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าจะดีขึ้น”


“ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นะคะ”


“นอนก่อนดีกว่าค่ะคริสตัล แล้วเดี๋ยวฉันจะบอกเจสันให้พาคุณไปโรงพยาบาล”



“แต่...” อังควิภาอยากร้องไห้เหลือเกิน เธอแค่แกล้งบ้า แต่ไม่ได้บ้าจริงๆ เสียหน่อย ทำไมถึง...


“ฉันเป็นพยาบาลประจำโรงพยาบาลจิตเวชค่ะ” คำตอบ ที่ทำเอาหญิงสาวแข้งขาอ่อนขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าเรื่องตบตาคนจะกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว


อาการตะลึงจนตาค้างของอังควิภาก็ยิ่งทำให้ไอรามั่นใจถึงแปดในสิบส่วนว่าผู้หญิงตรงหน้าของเธอมีอาการไม่ปกติจริงอย่างที่สันนิษฐาน แต่จะเกิดจากอะไรนั้นเธอยังไม่สามารถฟันธงได้ อาจจะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงเหมือนอย่างคุณย่าของโลแกนก็ได้ หรืออาจเป็นเพราะอุบัติเหตุก็ได้ที่ทำให้สมองของหญิงสาวคนนั้นกระทบกระเทือนได้ถึงเพียงนี้



ด้วยจรรยาบรรณวิชาชีพพยาบาลและสิ่งที่คลุกคลีอยู่นานทำให้ไอราไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ผิดกับสองหนุ่มที่เอาแต่มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะหน้าตาเฉย


“นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขำนะคะโลแกน คุณฟอสเตอร์...”

“เรียกผมว่าเจสัน หรือจะเรียกเจแบบโลแกนก็ได้ครับ”


“เรื่องของคริสตัล...”


“วางใจเถอะไอรา เจสันจัดการได้น่า” เจ้านายหนุ่มหล่อโอบบ่าพยาบาลสาวสวยด้วยท่าทีชนิดชิดเชื้อเกินจริง แต่สาวเจ้าก็ไม่ได้ปัดป้องเพราะเอาแต่ห่วง ‘สาวสติไม่ดี’ ตรงหน้า


“แต่ถ้าเธอเป็นอะไรร้ายแรงล่ะคะ”


“เชื่อผมเถอะไอรา ผมทำงานข่าวกรองมานาน” นายทหารเรือหนุ่มยกยิ้ม พลางนึกไปถึงดวงตาใสซื่อแต่แฝงแววดื้อรั้นตลอดเวลา คนที่สติไม่ดีจริงจะมีอาการแบบนี้หรือ


เจสันจ้องมองไปที่ผู้ร่วมบ้านคนใหม่ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ไม่สนใจแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของไอราเลยด้วย


พยาบาลสาวลูกครึ่งอินเดียมองพฤติกรรมแปลกๆ ของเจสันแล้วก็ได้แต่สงสัย ในเมื่อเขาทำเหมือนระแวงสาวไม่สติไม่ดี ทำไมเขาไม่พาไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรก ทำไมไม่พาส่งตำรวจไปเสีย แต่ก็ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะอ้าปากถาม เจ้านายหนุ่มหล่อก็ขัดขึ้น


“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันกลับแล้วกัน คืนนี้นายจะมาที่บาร์ไหม”

“เดี๋ยวเข้าไป” นายทหารเรือหนุ่มพยักหน้า

“แต่ว่าอาการของคริสตัล...มิสเตอร์ฟอสเตอร์คะ เราต้องพาเธอไปหาหมอนะคะ”


“สบายใจได้ครับไอรา เธอไม่เป็นอะไรแน่นอน”

“แต่ฉันว่า...”

“เรากลับบ้านกันเถอะน่าไอรา อย่าไปยุ่งเรื่องของมันเลย” โลแกน
พยายามดึงมือพยาบาลสาวสวยออก แต่เธอก็ดื้อดึงจะพูดกับเจสันให้รู้เรื่อง


“ฉัน...”


“ถ้าไม่กลับก็ไม่ต้องมาทำงานกับฉันอีก!” คราวนี้ได้ผลชะงัด ไอราแทบไม่กล้าอ้าปากเลยด้วยซ้ำ ได้แต่แอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้แล้วก็ฉวยกระเป๋าเดินออกนอกบ้านไปทันที


“เฮ้อ...พยาบาลหรือว่าแม่กันแน่วะ”

“ก็นายทำตัวเอง” เจ้าของบ้านแย้ง มองเพื่อนรักที่ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยท่าทีสงสัย “มีอะไรกับไอราหรือเปล่า”


“ใครจะกล้า”

“ทำไม”

“ย่าตามติดไอราจะตาย อย่าว่าแต่ทำอะไรเลย แค่มองย่าฉันก็ทำตาเขียวใส่แล้ว”


“แสดงว่านายคิดไม่ซื่อกับลูกจ้าง”

“ก็ไม่เชิงนะ” โลแกนเกาปลายคาง มองตามแผ่นหลังเล็กๆ บอบบางของพยาบาลสาวอย่างครุ่นคิด “ก็แค่สวยดี ลูกครึ่งอินเดีย สวยแปลกๆ ดีออก”

“ไหนว่าไม่คว้าเด็กในสังกัด”

“นั่นฉันหมายถึงพวกผู้หญิงที่บาร์โว้ย แต่ไอราเธออยู่ที่บ้าน ไม่ได้เด็กในสังกัดฉันเสียหน่อย เด็กย่าฉันต่างหาก”

“ไอ้หมาป่าเจ้าเล่ห์”

“ทำเหมือนนายไม่ได้คิดอะไรกับคริสตัลอย่างนั้นแหละ!” โลแกนหัวเราะเสียงดังไปจนถึงหน้าบ้าน เขารู้จัก เจสัน ฟอสเตอร์ มาทั้งชีวิต ถ้าไม่มีผลประโยชน์แล้วล่ะก็ มันไม่มีทางเอามาเป็นภาระขัดขวางชีวิตหนุ่มโสดของมันแน่ๆ ดีไม่ดีก็เก็บคริสตัลไว้ช่วยอบอุ่นเตียงเวลาหาผู้หญิงอกโตไม่ได้เสียมากกว่า


เจสันไม่ตอบ การที่เขาเก็บหญิงสาวสติไม่ดีคนนั้นไว้นั่นไม่ใช่เพราะสนใจผู้หญิงอกแฟบอย่างยายนั่นแน่นอน มันอยากจะคิดอะไรก็ให้มันคิดไป เขาไม่ได้มีเวลามากพอจะมานั่งจาระไนสิ่งที่ตัวเองคิดให้เพื่อนฟัง ปล่อยให้มันคิดไปอย่างนั้นก็ดีแล้ว


“ช่างเถอะ เจอกกันที่บาร์คืนนี้”

“ไม่พาคริสตัลไปด้วยหรือ”

“ไม่ล่ะ ทิ้งไว้ที่นี่แหละ” พูดพลางกระตุกรอยยิ้มชั่วร้าย จนโลแกนยังนึกขยาด จะว่าไปผู้หญิงที่อยู่ในบ้านเจสันก็น่าสงสารไม่น้อย จะถูกเสือเขมือบแล้วยังไม่รู้ตัว งานนี้คงต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรม





.........................................

อัพเลี้ยววววววววววววววววว
รอนานกันไหมเอ่ย แหะๆๆ
เรื่องนี้ยังเขียนไปด้วยอัพไปด้วยน่ะค่ะ เลยช้าไปมาก ต้องขอโทษด้วยนะคะ

เอาล่ะ พี่เจของเราเริ่มคิดจะทำอะไรแผลงๆ อีกแล้ว ต้องมาเอาใจช่วยหนูแองของเราด้วยว่าจะรอดม้ายยยยยยยยยยยยยยยย


รักคนอ่านเสมอมาค่ะ

กรรัมภา (กนิษวิญา)




กนิษวิญากรรัมภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2557, 12:41:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2557, 12:41:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1366





<< บทที่ 2 ที่พึ่งยามยาก 100%   บทที่ 3 ผู้ชายปากเสีย 100% >>
nasa 4 ก.ค. 2557, 16:17:14 น.
พูดจาหยาบคายจริงๆ ตานี่ ย้ำอยู่นั่นแหละเรื่องนมแบน เดี๋ยวรอเห็นของจริงแล้วอย่ามาเรียกร้องละกัน


แว่นใส 4 ก.ค. 2557, 20:44:31 น.
นายวางแผนอะไรอีกเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account