บ้านวุ่น อุ่นไอรัก
นายโปรดน่ะเหรอ... ขี้เก๊ก ปากจัด สำอาง เรื่องเยอะ! นี่ยังน้อยไปเสียอีกที่เธอจะนิยามความเป็นตัวเขาได้หมด พอกันที! เธอจะไม่ทนกับคนที่มีดีแค่หน้าตากับซิกส์แพ็ก แต่สมองแรมน้อยเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าโขกสับอีกต่อไป!

อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่

นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน

อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย

เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว

http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑๐ ชายผู้มีเวทมนต์

๑๐

เพราะคำท้านั้น ทุกวันหลังเลิกงานและเสร็จจากงานบ้านแล้วอนาวิลาจึงฝืนสังขารออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ที่มี เธอเปิดซีดีสอนเต้นแอโรบิค แล้วก็เต้นตามอยู่ในห้องนอนตนวันเว้นวันสลับกัน

ช่วงสองวันแรก คนที่ไม่ค่อยออกกำลังอย่างเธอถึงกับครั่นเนื้อครั่นตัวทีเดียว แต่ล่วงเข้ากลางสัปดาห์เท่านั้น เธอก็รู้สึกว่าตนหลับสนิทกว่าเคย แล้วยังหายใจทั่วท้องกว่าเดิมทีเดียว หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า วันนี้แล้วสินะที่เธอจะถูกจับวัดสัดส่วนอีกครั้ง

อนาวิลานึกคึกพอที่จะเคาะประตูห้องนอนนายโปรดด้วยความมั่นใจ หรืออีกนัยหนึ่ง เธอต้องการเห็นเขาพ่ายแพ้ตนด้วยความยินดี

"อะไรเนี่ยป้า"

เขายกแขนซึ่งมีมัดกล้ามเนื้อน้อยๆ เท้ากรอบประตู ในปากยังคงอมแปรงสีฟันไว้ แล้วเมื่อเธอเลื่อนสายตาต่ำลงมา เหนือขอบผ้าขนหนูที่พันอยู่รอบเอวบางราวสรีระผู้หญิงนั้นคือซะ...ซิกส์แพ็ก! หน้าท้องซึ่งเป็นร่องกล้ามเนื้อน้อยๆ ที่สาวๆ ทุกคนต้องหวั่นใจ

"ยัยป้าโรคจิต! มองอะไรเนี่ย"

ชายหนุ่มรีบยกมือบังสัดส่วนร่างกายตนเมื่อรู้สึกถึงแสงตาหื่นกระหาย หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อมีสายตาตกตะลึงคู่นั้นโลมเลีย มันต่างจากสายตาของหญิงสาวคนอื่นที่ใช้มองอย่างชื่นชม ซุกซน ยามเห็นร่างกายกึ่งเปลือยของเขาที่สระว่ายน้ำ เพราะดวงตาเบิกโพลงของยัยมนุษย์ป้าทำให้เลือดร้อนแล่นพล่านไปทั่วกาย

เขาผลักไหล่เธอออกไปก่อนรีบดึงประตูปิด นายโปรดแข้งขาอ่อนแรงจนต้องหันหลังพิงบานประตู เขาต้องสูดลมหายใจลึกอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ของตน

ฟากอนาวิลานั้นเธอได้แต่เดินใจลอยลงบันไดมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นมัดกล้ามเนื้อ สรีระสวยงามทว่าแข็งแกร่งของบุรุษเพศอย่างใกล้ชิด ชัดเจนเต็มสองตา มันต่างจากภาพเรียบแบนตามหน้านิตยสาร แล้วเธอก็เกือบทำในสิ่งน่าอายด้วยการเผลอยกมือสัมผัสอย่างลืมตัว

หญิงสาวเดินอย่างใจลอยไปหยุดยังหลังบ้าน เสียงเห่าและเล็บซึ่งตะกุยข่วนต้นขาตนทำให้ได้สติอีกครั้งหนึ่ง เธอทรุดลงกอดสุดหล่อแน่นอย่างกลบเกลื่อนความเขินอายของตนเอง หากเจ้าสุนัขอีกสามตัวที่เหลือคงนึกว่าเธอเล่นกับพวกมัน จึงพากันมะรุมมะตุ้มรอบตัวเธอ

"นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย หมดกัน ภาพพจน์ครูอนุบาลใสซื่อของฉัน" เธอบ่นกับพวกมัน ก่อนดึงเลิฟลี่มากอดอย่างเห็นเป็นเพื่อนสาวด้วยกัน "เลิฟลี่ เธอเข้าใจฉันใช่ไหม ฉันไม่ได้พิศวาสเด็กนั่นนะ ฉันแค่เพิ่งเคยเห็นหุ่นอย่างนายแบบใกล้ๆ เอง"

อนาวิลาหารู้ไม่ว่าตนไม่ได้ระบายต่อสุนัขลำพังเมื่อใครอีกคนหนึ่งเพิ่งลงบันไดมาเห็นและได้ยินทุกถ้อยคำ ชายหนุ่มซึ่งแต่งตัวเรียบร้อยแล้วกลั้นยิ้มขัน ที่แท้เธอก็แค่วางมาดผู้ทรงภูมิข่มเขา ตัวตนอีกด้านของเธอก็แค่ยัยมนุษย์ป้าเปล่าเปลี่ยว ที่คงไม่เคยมีผู้ชายตกถึงท้องสักคน

นายโปรดแสร้งเปิดปิดตู้เย็นและตู้กับข้าวเสียงดังหวังเรียกความสนใจจากเจ้าหล่อน แล้วก็ได้ผลเมื่อเธอหันมองด้วยสีหน้าที่พยายามเกลื่อนความอับอายไม่มิด ร่างอวบรีบลุกไปล้างมือเมื่อเขาโวยว่าไม่มีอะไรกิน

"ฉันต้มเส้นมักกะโรนีไว้ รอนายลงมานี่ล่ะจะผัดร้อนๆ ให้"

ชายหนุ่มจ้องมองผู้ที่ตระเตรียมทุกอย่างไว้แล้วอย่างเหลือเชื่อ เขายังยืนเกะกะอยู่ระหว่างตู้เย็นและเตาไม่ไปไหน แม้แม่ครัวจำเป็นจะดูยุ่งและหลบเลี่ยงสบตาก็ตาม

"อ๋อ ที่ไปตามฉันถึงห้องก็เพราะหิวใช่ป่ะ" เขาแกล้งแหย่

ยิ่งได้รู้ว่าเจ้าหล่อนเขินอาย ประหม่า เขาก็นึกสนุกกับการปั่นหัวเธอ

"เปล่า แต่นายลืมสิท่าว่าวันนี้วันอะไร" หญิงสาวหันไปตอบทั้งที่ถือตะหลิวในมือ

นายโปรดผงะถอยหลังทันทีที่อีกฝ่ายยกแขนเบ่งกล้าม เธอลูบมือข้างหนึ่งไปตามต้นแขนของตนอย่างพอใจ แล้วเขาก็นึกรู้ทันทีว่าเธอหมายถึงเรื่องใด

"เออๆ เดี๋ยวกินเสร็จแล้ววัดก็ได้ แล้ววัดเสร็จฉันจะพาเธอไปแปลงโฉมขั้นต่อไป" เขาตอบส่งไปพลางหรี่ตาหมายมาด

"แปลงโฉม แปลงโฉมอะไรอีก" อนาวิลาถามอย่างตกตะลึง

ชายหนุ่มสั่นศีรษะอย่างสมเพชเต็มที "ก็ถ้าเธอส่องกระจกดูดีๆ น่ะนะ จะเห็นคำตอบว่า 'อีกเยอะ' เลยล่ะ ยัยป้าเอ๊ย"

หญิงสาวเคาะตะหลิวกับกระทะแรงอย่างหมั่นไส้คนที่ผิวปากเดินจากไป ปากคอเราะร้ายแบบนี้มันน่าทำให้กินไหมนี่ เจ้าสี่ตัวนั้นมันยังไม่เคยแว้งกัดเธอเช่นนี้เลยสักตัว

............................

อนาวิลาพับแขนเสื้อยืดตัวโคร่งขึ้นมาถึงหัวไหล่พร้อมกับเหยียดแขนออกไปจนสุดเพื่อให้เขาวัดรอบต้นแขนตนได้สะดวก รอยยิ้มเปี่ยมความมั่นใจคราแรกค่อยจืดเจื่อนลงเมื่ออีกฝ่ายทาบสายวัดมา เธอเบือนหน้าหนีอย่างลุ้นระทึกในใจ

"เป็นไง เท่าไร"

"ลดไปแค่ครึ่ง..." นายโปรดตอบปลงๆ

"ตั้งครึ่งนิ้วในเวลาไม่กี่วัน นายจะเอาอะไรกับฉันอีก"

"ใครบอกเธอว่าครึ่งนิ้ว" เขามองเธอเหยียดๆ "ครึ่งเซ็นต์ต่างหากป้า"

"เอ๋"

อนาวิลาก้มมองตามสายวัดที่พันอยู่รอบแขนตน สลับกับตัวเลขซึ่งได้จดลงสมุดบันทึกในมือเขา แล้วเธอก็เดินไปทรุดนั่งยังเก้าอี้ยาวด้วยแข้งขาอ่อนแรง

ชายหนุ่มมองท่าทางทดท้อ หมดหวังนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ในใจ เขารู้ว่าเธอตั้งใจจริงจากเสียงเพลงในซีดีออกกำลังกายที่ดังออกมาจากห้องช่วงหัวค่ำ การที่ผู้หญิงคนหนึ่งพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรักเช่นนี้นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์สำหรับเขา และเขาจะต้องช่วยเธอให้ชนะใจชายคนนั้นให้ได้

"เอาเถอะ ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ตอนนี้ไปข้างนอกกับฉันก่อน" เขาพยายามกระตุ้น หากอีกฝ่ายยังคงนั่งพิงพนักอย่างเกียจคร้าน

"ไปไหนอีกล่ะ" หญิงสาวถามเสียงอ่อย

นายโปรดไม่ตอบทว่าฉุดแขนเธอลุกขึ้นมาจากโซฟา ครั้นยืนเผชิญหน้ากัน เขาก็ชี้นิ้วหมุนวนราวพ่อมดเสกคาถา ท่าทางเหมือนเด็กไม่รู้จักโตเช่นนั้นทำให้เธอเผลอคลี่ยิ้มออกมาอย่างลืมตัว

"ไปแปลงโฉมยัยฟักทองอย่างเธอกัน"

อนาวิลาเท้าเอวฉุนๆ ความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีต่อเขาเป็นต้องพังลงเพราะความปากร้ายทุกครั้งสิน่า ก่อนตนจะถูกเขาบังคับพาเดินออกไปด้วยกัน เธอรีบขืนกายไว้เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูรถและพยายามดันเธอขึ้นไป

"เดี๋ยวๆ แล้วใครจะเปิดปิดรั้ว" เธอเตือนสติเขา

"เออใช่"

นายโปรดรีบปล่อยมือจากเธอทันทีราวถูกของร้อน เขาหลิ่วตาล้อเลียนด้วยมาดคุณชายมาจากบนรถ ขณะเธอออกแรงแทบตายเพื่อดันรั้วซึ่งสนิมจับเขรอะให้เปิดออกพอรถผ่านไป

.............................

กว่าสองชั่วโมงแล้วที่หญิงสาวรู้สึกว่าเสียเวลาไปอย่างไร้ค่าที่สุดอยู่ในร้านทำผม เธอมองเงาสะท้อนของตนผ่านกระจกบานใหญ่ จากที่ดูไม่ได้อยู่แล้ว พอมีเครื่องมือต่างๆ ประดังลงมาเต็มศีรษะ อนาวิลาก็แทบไม่อยากมองสภาพตัวเองตอนนี้เอาเสียเลย

แล้วดูเถอะ คนที่เจ้ากี้เจ้าการจัดการทุกอย่างโดยไม่ถามความเห็นเธอสักคำกลับนั่งเสียบหูฟัง สายตาก็จ้องมองหน้าจอแท็บเล็ตสบายใจเฉิบ เมื่อใดที่เขาปรายตามองมา เธอก็แทบแยกเขี้ยวใส่ ทว่านายโปรดหาได้สนใจ

เกือบสี่ชั่วโมงที่หญิงสาวนั่งสัปผงกคาเก้าอี้เสริมสวยนั้น เวลาอันยาวนานก็สิ้นสุดลงเมื่อพนักงานสาวประเภทสองคนหนึ่งมาปลุกเธอ อนาวิลาแอบเห็นผู้ที่พาตนมาส่ายหน้า เขาแทบจะยกแท็บเล็ตปิดบังใบหน้าตนด้วยความอับอาย

เธอถูกพาตัวเข้าไปด้านในของร้านเพื่อล้างครีมหมักต่างๆ ซึ่งพอกเรือนผมตน และเมื่อถึงเวลาใช้ความร้อนเป่าจัดแต่งทรงผม เธอก็แทบไม่เชื่อสายตาตนเองยามจ้องมองภาพสะท้อนในกระจกเอาเสียเลย

ผู้หญิงซึ่งมีใบหน้ารูปไข่ค่อนไปทางกลมนั้นดูผิดแผกไปจากภาพที่คุ้นตาทุกวัน เมื่อเรือนผมสีดำแห้งหยาบกลายเป็นผมหยักศกเป็นลอนเล็กราวซี่ฟันปลา ซ้ำมันยังทอประกายอ่อนด้วยสีน้ำตาลที่แต่งแต้มแซมมา อนาวิลาจับสองข้างแก้มของตนเสมือนค้นพบตัวตนใหม่ที่ทำให้เธอดูอ่อนเยาว์และสดใสกว่าเดิม

หญิงสาวหันมองหาพ่อมดน้อยที่เสกสรรโฉมใหม่ของเธอ แต่แล้วก็เห็นว่าเขาไม่ใช่ผู้วิเศษสักนิด นอกจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่หลับคอพับพิงพนักเก้าอี้นวม ทั้งที่หูยังคงมีสายหูฟังเสียบค้างอยู่

เธอยกมือเชิงขอเวลากับพนักงาน ก่อนจะค่อยหย่อนตัวนั่งลงข้างเขา แกล้งดึงสายหูฟังออกแผ่วเบา หากนายโปรดดูจะหลับลึกพอควร พอที่เธอจะโน้มศีรษะไปใกล้เพื่อเสียบสายหูฟังนั้นกับตน

ทว่าแค่เพียงทำนองเพลงบรรเลงผ่านโสตประสาท เธอก็ต้องหันขวับไปมองคนข้างๆ อย่างนึกทึ่ง คนคนนี้น่ะหรือฟังเพลงคลาสสิกยุคกลางเสียด้วย แต่แล้วเส้นผมหยิกหย็องของตนก็ป่ายไปรบกวนการนอนของอีกฝ่ายจนชายหนุ่มค่อยปรือตาขึ้นมอง แล้วก็ต้องนิ่งงันไปเมื่อใบหน้ากลมนั้นลอยเด่นชัดอยู่ใกล้เพียงปลายจมูกแทบสัมผัสกัน

อนาวิลาถอดสายหูฟังคืนพร้อมรอยยิ้มแหยอย่างลุแก่โทษ ก่อนจะขยับถอยห่างออกมาพลางลูบปลายผมด้วยความประหม่า เสียความมั่นใจอยู่เหมือนกันที่ถูกอีกฝ่ายจ้องเอาๆ โดยไม่เอ่ยคำใด

"ตกลงยังไงล่ะ นายเป็นคนเลือกทรงนี้สีนี้เองนะ ถ้าไม่เวิร์คก็ตัดหัวฉันทิ้งง่ายกว่าไหม"

นายโปรดนิ่วหน้าพลางเอื้อมไปจับมือเจ้าหล่อนให้อยู่เฉย เธอยังคงเชิดหน้ามองเขาอย่างท้าทาย จนคนถูกมองต้องตอบให้ความมั่นใจ

"สวยแล้ว"

มันเป็นคำพูดที่อ่อนโยนที่สุด จนแม้แต่ตัวเขายังไม่คาดคิดว่าจะพูดกับใครด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ได้

"ถามจริง" อนาวิลาเลิกคิ้ว ถามกลับด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง "ฉันก็ว่ามันใช้ได้อยู่นะ นายไม่น่าต้องคิดนาน"

ชายหนุ่มลุกขึ้นยีผมทรงใหม่ของคนที่แสดงออกอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยมด้วยความหมั่นไส้ แล้วก็ต้องหัวเราะขันที่ยัยมนุษย์ป้าได้แต่ฮึดฮัดไม่พอใจ ยิ่งเจ้าหล่อนถือตัวว่าอาวุโสกว่าอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้เขาสนุกที่ได้แกล้งเธอ

"แล้วตกลงค่าทำผมเท่าไร" หญิงสาวถามอย่างนึกได้หลังออกจากร้านมาด้วยกัน

"อย่ารู้เลย เดี๋ยวเธอหัวโกร๋นเปล่าๆ"

นายโปรดปรายตามองคนที่อ้าปากค้างอย่างเห็นขัน เงินหลักพันแค่นั้นเขาจ่ายได้โดยไม่ติดใจสักนิด เพื่อความสนุกและชัยชนะเล็กๆ ของตน

อนาวิลารั้งแขนชายหนุ่มไว้ ยิ่งเขาพูดแบบนี้เธอยิ่งอยากรู้ และจะไม่ยอมใช้เงินของเขาทุกบาททุกสตางค์ไปในการส่วนตัวเช่นนี้แน่

"นายบอกมาเถอะ ตอนนี้ฉัน...ฉันพอมีเงินส่วนที่คุณตาทำพินัยกรรมอยู่ คงพอจ่ายนายได้ตอนสิ้นเดือน"

เขาหรี่ตาลงอย่างพิจารณาความใจป้ำอันผิดวิสัยเธอ ก่อนจะโน้มตัวลงมาตอบช้าชัดแทบชิดใบหน้าเจ้าหล่อน

"เธอจะเอาเงินที่ตาฉันระบุไว้เป็นเงินเดือนมาจับผู้ชายนี่นะ คิดดีแล้วเหรอ"

"ก็...ก็มันเป็นสิทธิ์ของฉันไม่ใช่หรือ"

เธอเองก็ไม่มั่นใจนักว่าการใช้เงินฟุ่มเฟือยเช่นนี้จะเกิดประโยชน์อันใด แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องเกาะคนที่ไม่มีแม้แต่การงานทำและยังแบมือขอเงินจากพ่อแบบนี้ไปตลอด มันน่าละอายเกินไป

"ดูลงทุนเนอะ ไม่สมกับนิสัยขี้งกของเธอเลย" เขาว่าเหยียดๆ

อนาวิลาคร้านจะเก็บคำพูดร้ายกาจนั้นมาเป็นอารมณ์ เธอยังคงมุ่งมั่นที่จะเจรจาเรื่องนี้ต่อไป แม้ร่างสูงจะออกเดินนำอีกครั้งก็ตาม

"จริงๆ นะนายโปรด นายจะเที่ยวหว่านเงินแบบนี้ไม่ได้ นายเองก็ยังขอเงินพ่อใช้อยู่เลย ต่อไปนี้ค่ากินค่าอะไรฉันก็จะหารกับนาย"

ชายหนุ่มชะงักกึก เขาหันมากวาดตามองทั่วดวงหน้าเธออย่างค้นคว้า

"อยากกินบุฟเฟต์อาหารนานาชาติอยู่พอดี หัวละพันเก้า เธอมีปัญญาหารป่ะ" เขาเอ่ยยียวน

"บ้าเหรอ งั้นนายไปกินคนเดียวเถอะ"

อนาวิลาทำท่าจะเดินหนีไปอีกทาง ทว่าต้นแขนอวบภายใต้เสื้อยืดตัวหลวมโพรกกลับถูกรั้งไว้เสียก่อน

"เดี๋ยว... อย่ามาเฉไฉ ภารกิจแปลงโฉมเธอยังไม่หมดแค่นี้"

นายโปรดกวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอีกฝ่าย ก่อนเขาจะโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ

"เอาเป็นว่าฉันจะหักจากเงินเดือนครึ่งเดือนนี้ของเธอแล้วกันนะ"

"ฮะ! เป็นหมื่นเลยเหรอ ฉันว่าลองดูพวกเสื้อผ้าที่ตลาดนัดก่อนก็ได้" หญิงสาวรีบขืนกายไว้

"นี่ไง ดูแล้วก็เป็นอย่างนี้นี่ไง"

เขาวาดมือขึ้นลงต่อหน้าเธอ อนาวิลาไม่ทันคิดหาข้อโต้แย้งก็ถูกฉุดกระชากข้อมือแรงให้ตามไป

.............................

ข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือของหนุ่มสาวถูกหิ้วมาวางกองไว้กลางบ้าน นอกจากจะหมดแรงเพราะเดินมาทั้งวันแล้ว อนาวิลารู้สึกเหมือนตนกำลังจะปลิวตามกระเป๋าซึ่งเบาวูบลงไป

หากผู้ที่ยังคงมีเรี่ยวแรงเล็คเชอร์เธอต่อไปกลับเป็นนายโปรด ร่างสูงยืนกอดอกค้ำตระหง่านเหนือร่างของเธอที่นั่งจุ้มปุ๊กบนเก้าอี้ยาว

"จะมาทำท่าเสียดายตอนนี้แล้วได้อะไร ที่สำคัญคือซื้อมาแล้วเธอต้องใส่ แล้วพวกเสื้อผ้าเก่าเก็บของเธอน่ะโละๆ ไปขายบ้างก็ได้" เขาเว้นวรรคนิดหนึ่งก่อนเอ่ยสำทับกลั้วหัวเราะ "ถ้าขายออกนะ"

เธอปรายตามองเขาอย่างขุ่นเคือง เขาเป็นถึงนักออกแบบเสื้อผ้าก็น่าจะเข้าใจสิว่ารสนิยมแต่ละคนไม่เหมือนกัน

"มันเป็นสไตล์ของฉัน" เธอตอบเสียงเรียบ

"เสื้อยืดตัวโคร่งอย่างกับยายเพิ้ง กับชุดเดรสยาวกรอมเท้าเหมือนคุณครูวัยป้านี่นะ" ชายหนุ่มเถียงกลับอย่างดูแคลนโดยหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายจวนเจียนจะหมดความอดทน

อนาวิลาลุกยืนพลางชี้นิ้วจิ้มอกเสื้อเขา แน่สิ คุณชายที่วันๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างเขา จะทรงเครื่องอะไรก็ย่อมได้

"เสื้อนายสวยดีนะ สีดำซะด้วย ถ้าใส่ทำงานบ้าน อาบน้ำหมา ขัดส้วม อืม ขี้เกลือคงขึ้นเป็นดอกดวงสวยดี"

นายโปรดก้าวถอยหลัง เขาปัดมือเธอออกพลางกอดอกแน่น ดวงตาเรียวสวยวูบไหวอย่างคาดเดาอารมณ์คนตรงหน้าไม่ถูก

"แล้วชุดทำงานของฉันน่ะ เขาเรียกชุดแนววินเทจย่ะ ฉันชอบของฉัน ต่อให้มีคนมาซื้อฉันก็ไม่ขาย"

"แต่เธอก็ต้องดูตัวเองบ้าง" เขาเอ่ยเสียงสูงอย่างหวาดๆ "เสื้อผ้าบางชุดมันก็สวยแค่บนหุ่นนั่นแหละ เธอเตี้ยกว่า อ้วนกว่า ใส่ชุดอย่างนั้นมันยิ่งตันไปหมด นึกภาพตามนะ โดเรมีสวมชุดชิซูกะ จะบอกให้ นี่ฉันไม่เคยยุ่งกับการแต่งตัวใครแบบนี้มาก่อนเลยนะ เห็นเป็นเธอเฉยๆ"

หญิงสาวลืมตัวย่นจมูกใส่ นี่เธอต้องขอบคุณเขาด้วยสินะที่กรุณาวิพากษ์วิจารณ์รูปลักษณ์เธออย่างตรงไปตรงมา

"แต่ละชุดที่ฉันเลือกวันนี้มันเหมาะกับเธอมาก เชื่อสายตาฉันเถอะน่า" เขายืนยันด้วยความมั่นใจ

เธอไม่มีทางเลือกนี่นะ ราคาเสื้อผ้าที่ขนซื้อมาก็แพงระยับ นอกจากเธอจะต้องสวมใส่มันให้คุ้มค่าที่สุดแล้ว ลึกลงไปในใจโดยปราศจากอคติ เธอก็ถูกใจมันไม่น้อยเช่นกัน

"เออนี่" นายโปรดเอ่ยขึ้นขณะหญิงสาวก้มเก็บรวบรวมถุง

อนาวิลาเงยหน้ามอง แล้วก็เห็นร่างสูงเดินไปนั่งประสานมือไว้เหนือเข่ายังโซฟา ท่าทางครุ่นคิดนั้นชวนให้เธอนึกหวาดระแวงในใจ

"เธอไปรู้จักมักจี่กับอีตาทนายนั่นได้ไงน่ะ"

คนฟังแทบไม่เชื่อหู ปกติชายหนุ่มผู้นี้เคยสนใจเรื่องรอบตัวเสียที่ไหน

"เอ๋ พี่ภาคย์น่ะเหรอ ก็รู้จักผ่านคุณตากับลุงทนายน่ะ"

ทุกครั้งที่เอ่ยหรือนึกถึงรชตวัน เธอเป็นต้องรู้สึกประหม่าทว่าหัวใจพองโตอยู่ร่ำไป

"แล้วเจอกันบ่อยหรือเปล่า เจอกันที่ไหน อะไร ยังไง"

หญิงสาวนิ่วหน้าทบทวน ไม่ต้องใช้เวลาคิดนานนักเพราะเธอมีทนายหนุ่มอยู่ร่วมในความทรงจำแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ก็ล้วนเป็นความสุขทุกครั้งยามนึกย้อนไป

"ไม่บ่อยหรอก ถ้าไม่เพราะพี่เขามาทำธุระกับคุณตาแทนลุงทนาย ก็เคยเจอพี่เขาขับรถผ่านในซอยบ้าง ไม่กี่ครั้งเอง"

"ซอยนี้น่ะเหรอ มาทำไม" นายโปรดถามด้วยความสนใจ

"เห็นบอกว่ามาคอนโดฯ เพื่อนนะ ทำไมหรือ นี่นายคิดจะทำอะไรแผลงๆ อีกสิท่า"

อนาวิลาชี้นิ้วสั่นระริกไปตรงหน้าคนเจ้าแผนการอย่างหวาดระแวง ทว่าชายหนุ่มหาได้สนใจ เขาหรี่ตาครุ่นคิดพลางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม แม้จะติดใจว่าคอนโดมิเนียมที่บุรุษผู้นั้นแวะเวียนมาบ่อยๆ เป็นของเพื่อนแน่หรือ แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวกับความตั้งใจของตนตอนนี้แต่อย่างใด

"พรุ่งนี้กลางวันฉันไม่อยู่บ้านนะ แล้วสมมติว่าท่อแตก ก๊อกรั่ว เธอรู้ใช่ไหมว่าควรทำยังไง"

"ถึงนายอยู่นายก็ซ่อมไม่เป็นหรอก ไม่ต้องห่วง ฉันมีเบอร์ช่างแถวนี้อยู่"

"ยัยป้าเอ๊ย" นายโปรดยีผมตนแรงอย่างกลัดกลุ้ม "เธอจะมีแฟนเป็นช่างหรือทนายกันแน่เล่า"

ร่างสูงลุกเดินกระแทกไหล่เจ้าหล่อนผ่านไปด้วยไม่ได้ดั่งใจ ทิ้งให้อนาวิลายืนทบทวนบทสนทนาเมื่อครู่นี้อีกครั้งตามลำพัง ก่อนเธอจะเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึงว่าตนต้องงัดกลอุบายเช่นนั้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ชาย

มีแต่ผู้หญิงหน้าไม่อายเท่านั้นล่ะที่ทำ

.......................................

ป้าบอกว่ามีแต่ผู้หญิงน่าไม่อายที่ทำตามแผนนายโปรด
ให้ทายว่าตอนหน้าป้าจะทำไหมคะ 5555
ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมเมนต์หรือโหวตหรือแชร์ให้แพรวด้วยน้าาาา
แต่ถ้ามีอะไรติชมก็ยินดีค่ะ แพรวจะได้นำไปปรับปรุงในเรื่องต่อๆไป
ช่วยๆกันน้าาาา



ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2557, 19:46:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2557, 19:46:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1601





<< บทที่ ๙ (๑๐๐%) ความพยายามอันน่าชื่นชม   
tongthan 25 พ.ย. 2557, 13:30:52 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account