{{{ จันทร์ผลาญใจ }}}
แสงจันทร์ดูนุ่มนวลละมุนตากว่าแสงอาทิตย์
แต่หากเผลอแม้เพียงนิด อาจผลาญใจได้ไม่ต่างจากฤทธิ์ดวงตะวัน



Tags: รักแรกแค้น, บุลินทร, คามิน, อุรัสยา, สวิช, นิษฐา, ภัคพล, กนกนัดดา, วีรปรียา, ลลิต, ปราบ, สารภี

ตอน: บทที่ 4 เปิดใจอีกครั้ง



เปิดใจอีกครั้ง




เช้าวันนี้อุรัสยาแวะไปอุดหนุนกาแฟและเบเกอรี่จากร้านของนิษฐา ก่อนมายังร้านเสื้อผ้าของตนที่อยู่ภายในซอยเล็กๆ ในละแวกเดียวกันเหมือนทุกวัน

แม้จะสนิทสนมกันมายาวนานหลายสิบปี แถมตอนเด็กๆยังสัญญาว่าจะทำงานด้วยกัน แต่เมื่อเติบโตต่างคนต่างมีความสนใจไปคนละด้าน สุดท้ายจึงแยกย้ายกันเดินตามความฝัน ทว่าเจอกันเมื่อไร ความเป็นเพื่อนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

อุรัสยาจอดรถซีดานสีขาวลงหน้าร้านที่เป็นตึกสีครีมสองชั้นทรงทันสมัย ด้านหน้าเป็นกระจกใสมองเห็นหุ่นยืนเรียงรายกันในชุดที่เธอออกแบบซึ่งแต่ละชุดล้วนสะดุดตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะ

เจ้าของร้านในชุดเสื้อเกาะอกสีเหลืองมะนาวตัวสั้นอวดเอวคอดที่รับกับสะโพกผายในกางเกงผ้าขายาวสีขาว ก้าวลงจากรถพร้อมแก้วกาแฟไซส์กลางและถุงเครปเค้กชาเขียวหนึ่งชิ้นในมือ ริมฝีปากอิ่มเต็มนั้นเคลือบด้วยลิปสติกสีนู้ดเข้ากับโทนการแต่งตัวและกระเป๋าสะพายสีไข่ไก่ดีไซน์เก๋บนไหล่บาง

เมื่อเข้ามาถึงข้างใน อุรัสยาก็ไปนั่งที่มุมรับแขกซึ่งเป็นชุดโซฟาสีครีมเข้ากับโทนสว่างของร้าน ใช้แท็บเลตรูปทรงบางเฉียบอ่านข่าวประจำวันทั่วไปและอัพเดทข่าวแฟชั่น ระหว่างนั้นก็ละเลียดเครื่องดื่มแสนอร่อยและขนมหวานรสเยี่ยมไปด้วย

นอกจากเธอซึ่งทำทั้งการออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้าแล้ว ร้าน Urassaya’s ยังมีช่างตัดเย็บ คนต้อนรับลูกค้า และแม่บ้านอีกอย่างละหนึ่งคน แต่ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง ยังไม่ถึงเวลาเริ่มงานนั่นคือเก้าโมง ทุกคนจึงยังมาไม่ถึง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในความรู้สึกของอุรัสยา เมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตูกระจกเรียก เธอจึงรู้ว่าตอนนี้จะเก้าโมงแล้ว หญิงสาวรีบลุกไปไขกุญแจที่ล็อกไว้เพื่อความปลอดภัยด้วยอยู่คนเดียวในร้าน แล้วก็เปิดประตูทักทายพนักงานอย่างเป็นกันเอง

‘วันนี้แต่งตัวสวยมาเลยนะคะป้าดวง’

‘แหม คุณเอิงก็ ชมป้าแต่เช้าแบบนี้ ป้าคงมีแรงทำงานไปทั้งวันแบบไม่ต้องพักเลย’ หญิงวัยกลางคนร่างท้วมซึ่งเป็นแม่บ้านของร้านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

หลังจากป้าดวงมาถึง รุจีช่างตัดเย็บและมนชยาฝ่ายต้อนรับลูกค้าก็ตามกันมาติดๆ เมื่อครบองค์ประชุมก็เริ่มเมาท์ตามประสาผู้หญิง แต่แค่พอหอมปากหอมคอเท่านั้น ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายทำงานของตน

ลูกค้าคนแรกมาถึงตอนสิบโมงเศษ มนชยากล่าวต้อนรับอย่างเป็นมิตรและจริงใจ แล้วพาหญิงวัยกลางคนมานั่งยังมุมโซฟารับแขก ระหว่างทางก็พูดคุยถามไถ่ชื่อกันไปด้วย

‘ไม่ทราบว่าจะรับเป็นชา กาแฟ น้ำผลไม้ หรือว่าน้ำเปล่าดีคะคุณวีรปรียา’ มนชยาถามเมื่อลูกค้านั่งลงบนโซฟาตัวยาวแล้ว

‘ขอเป็นน้ำผลไม้แล้วกันจ้ะ’

‘ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ’ หญิงสาวเอ่ยอย่างสุภาพ แล้วเดินไปแจ้งอุรัสยาในห้องตัดเย็บ ก่อนจะเข้าไปเตรียมเครื่องดื่มในครัวหลังร้าน

ไม่นานอุรัสยาก็เดินออกมาพร้อมกับสมุดโน้ตปกกำมะหยี่สีแดงเล่มใหญ่ วงหน้าสวยที่ล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีดำยาวดัดลอนอ่อนๆเต็มไปด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรเมื่อกล่าวทักทายลูกค้า ‘สวัสดีค่ะคุณวีรปรียา’ มือเรียวสองข้างยกขึ้นไหว้นุ่มนวล

หญิงวัยกลางคนเงยหน้าขึ้น แต่แล้ววินาทีแรกที่เห็นหน้าเจ้าของเสียงก็นิ่งงันไป ดวงตาเบิ่งค้างอย่างตกตะลึง จนกระทั่งอุรัสยาเอ่ยขึ้นอีกครั้งจึงหลุดจากภวังค์

‘คุณวีรปรียาคะ?’ หญิงสาวแปลกใจไม่น้อยกับอาการของลูกค้าที่จู่ๆก็ตกใจเมื่อเห็นเธอ ทั้งที่มั่นใจว่าวันนี้เสื้อผ้าหน้าผมตัวเองไม่ได้มีอะไรผิดปกติ

‘ค่ะๆ’ วีรปรียารับคำและยิ้มตอบ แต่ยังอดพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ตาฝาด!

‘ดิฉันเอิงนะคะ ยินดีที่ได้ต้อนรับคุณวีรปรียาค่ะ’ อุรัสยาปัดความสงสัยทิ้งไป และแอบคิดเข้าข้างตัวเองแบบขำๆว่าลูกค้าอาจตะลึงที่ดีไซน์เนอร์สวยมากล่ะมั้ง

‘เรียกพี่ว่าพี่ปรียาก็ได้ค่ะ’ แววตาของหญิงวัยกลางคนยังเจือความสงสัยเล็กๆ ‘พอดีจงจิตรเพื่อนพี่แนะนำร้านน้องเอิงมาน่ะค่ะ บอกว่าออกแบบชุดได้ตรงตามที่ต้องการ และตัดออกมาใกล้เคียงกับแบบด้วย ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป แถมยังอัธยาศัยดี เอาใจใส่ลูกค้า พี่ก็เลยอยากลองมาตัดชุดที่นี่บ้าง’

‘อ๋อ พี่จงนั่นเอง หืม ต้องขอบคุณพี่จงมากๆเลยนะคะเนี่ยที่ช่วยแนะนำเพื่อนให้เอิงด้วย’ เจ้าของร้านยิ้มหน้าบาน ระหว่างนั้นมนชยาก็นำน้ำผลไม้รวมและคุ้กกี้มาเสิร์ฟลูกค้า พูดคุยกันสักพักอุรัสยาจึงเข้าเรื่อง ‘วันนี้พี่ปรียาอยากให้ทางร้านออกแบบชุดแบบไหนให้ดีคะ’ พร้อมกับถาม หญิงสาวก็เปิดสมุดโน้ตปกแดงเตรียมจดรายละเอียด

‘พี่อยากได้ชุดราตรีที่เหมาะสำหรับคนวัยประมาณพี่ค่ะ เอาสไตล์ที่ไม่สูงวัยแต่ก็ไม่วัยรุ่นจนเกินไป…’ จากนั้นวีรปรียาก็บอกความต้องการของตนกับดีไซน์เนอร์สาว

หลังอุรัสยาได้ข้อมูลสำหรับการออกแบบก็นัดวันกับลูกค้าว่าร่างแรกจะเสร็จและส่งให้ดูได้เมื่อไหร่ จากนั้นก็พาชมเสื้อผ้าส่วนหนึ่งภายในร้านที่ออกแบบมาตั้งแต่เปิดร้าน Urassaya’s เมื่อสองปีก่อน ซึ่งมากกว่าครึ่งเป็นเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรี ส่วนของผู้ชายโดยมากจะเป็นชุดสูท

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า อุรัสยาสัมผัสได้ว่าลูกค้าสาวใหญ่ลอบมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์เมื่อเธอหันไปพูดถึงผลงานแต่ละชิ้น และเมื่อเธอหันกลับมาสบตาวีรปรียา ฝ่ายนั้นก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่นั่นละ จะให้ถามออกไปก็คงเสียมารยาท จึงต้องเก็บความสงสัยเอาไว้จนกระทั่งลูกค้าออกจากร้าน

เมื่อถึงเวลาสิบเอ็ดโมง ป้าดวงที่เสร็จจากการทำความสะอาดร้านก็มารับออร์เดอร์จากสามสาวเพื่อไปซื้ออาหารเที่ยงให้จากร้านในละแวกนี้

‘เฮ้อ วันนี้จะกินอะไรดีนะ’ รุจี ช่างตัดเย็บวัยสามสิบต้นๆถอนหายใจ

‘นั่นสิพี่รุจี มนก็คิดไม่ออกเหมือนกัน’ มนชยาทำหน้ายู่ ก่อนหันมามองอุรัสยาเพื่อขอความเห็น

‘จะผิดไหมถ้าพี่จะบอกว่า…’ เจ้าของร้านสาวทำท่ากอดอกครุ่นคิด ก่อนเอ่ยกลั้วหัวเราะ ‘นึกไม่ออกเหมือนกัน คงต้องให้ป้าดวงช่วยตัดสินใจแล้วละ’ แล้วสายตาทั้งสามคู่ก็หันไปทางแม่บ้านวัยกลางคน

ปัญหาการเลือกอาหารไม่ได้มักเกิดขึ้นเสมอในตอนเที่ยง แรกๆที่เปิดร้านทุกคนก็สนุกกับการเลือกของกิน เพราะมีหลากร้านหลายสไตล์ แต่สองปีผ่านไป อาหารที่เคยสนุกเลือกก็กลับกลายเป็นของเดิมๆ เพราะลองครบทุกร้านแล้ว ปัจจุบันไอเดียในการเลือกจึงตีบตันเช่นนี้

‘กะเพราไก่ไข่ดาวไหมคะ’ ป้าดวงเสนออาหารสุดเบสิกเป็นเมนูแรก ก่อนจะเพิ่มเติม ‘หรือไม่ก็ข้าวผัดหมู ข้าวผัดไก่ คะน้าหมูกรอบ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ไก่ทอด หมูปิ้ง…’

‘อืม ไม่มีอะไรใหม่เลย เลือกเหอะ เดี๋ยวคิวแน่นจะรอนาน’ อุรัสยาว่า เพราะตอนจะเลือกก็โอดโอยกันแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจเลือกอาหารที่บ่นว่ามัน ‘เดิมๆ’ เหมือนเช่นทุกวัน

‘งั้นรุจีขอเป็นกะเพราไก่ไข่เจียวค่ะป้า เปลี่ยนจากดาวเป็นเจียวก็น่าจะโอเคขึ้นเนอะ’

‘ส่วนมนขอสุกี้แห้งทะเลค่ะ’

ป้าดวงจดยิกๆลงในกระดาษแผ่นเล็ก ‘ได้ค่า คุณเอิงล่ะคะ’

‘เอาอะไรดีนะ’ หญิงสาวคิดต่ออีกนิด แต่แล้วตอนกำลังจะขยับปากสั่งนั้นเอง ประตูร้านก็เปิดออกเสียก่อน

มนชยาเข้าไปต้อนรับลูกค้าอย่างว่องไว ขณะที่รุจีก็ยิ้มแย้มให้ผู้มาเยือนเช่นกัน ยกเว้นอุรัสยาที่มัวแต่ตกใจอ้าปากค้าง เพราะคนคนนี้ไม่ใช่ลูกค้าทั่วไป

‘คุณ!’

‘สวัสดีครับคุณเอิง’ เจ้าของร่างสูงผึ่งผายเดินเข้ามาหาหญิงสาวและค้อมศีรษะเล็กน้อย

‘คุณมาได้ไง? ห้ามตอบว่าขับรถมานะ’ อุรัสยาถามเมื่อตั้งสติได้และไม่ลืมดักไว้ก่อน เพราะกลัวคามินจะตอบแบบกวนประสาท

ริมฝีปากรูปกระจับสีระเรื่อพราวยิ้ม เอ่ยเสียงเคล้าหัวเราะ ‘ผมไม่ได้จะตอบแบบนั้น แต่ผมไม่ได้ขับรถมาจริงๆครับ’

รุจี มนชยา และป้าดวงมองชายหนุ่มกับหญิงสาวสลับกันไปมาอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าชายหนุ่มรูปหล่อแสนสมาร์ทในชุดเสื้อแจ็กเกตสีดำสวมทับเสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มเป็นใคร และเป็นอะไรกับอุรัสยา เพราะไม่เคยเห็นมาเยือนที่ร้านมาก่อน

‘นี่คุณ ฉันไม่ได้อยากรู้ว่าคุณขับรถมาหรือมาด้วยยานพาหนะอะไร แต่อยากรู้ว่ามาที่ร้านฉันได้ยังไง’ ถามจบแล้ว ใบหน้าของนิษฐาก็ลอยเข้ามาในความคิดหญิงสาวทันที

อดคิดไม่ได้ว่ายายเพื่อนรักตัวแสบอาจแอบบอกที่อยู่ร้านกับคามิน หน็อย ยายนิษนะยายนิษ รู้อยู่ว่าฉันไม่ชอบตานี่ ยังจะให้ข้อมูลอีก ถ้าจริงอย่างที่คิดละก็ ฉันจัดการเธอแน่!

‘แต่ผมอยากตอบทั้งสองข้อได้ไหม’ ดวงตาคมเป็นประกายแพรวพราว

อุรัสยาถอนหายใจและกลอกตาไปทางอื่นอย่าเซ็งๆ เห็นชายหนุ่มแล้วอดคิดถึงภาพน้ำกลิ้งบนใบบัวไม่ได้ คามินช่างกลิ้งไปกลิ้งมาว่องไวอย่างน่าหมั่นไส้

‘ตามใจสิคะ’ อยากตอบทั้งหมดก็เชิญ

‘วันนี้ผมไม่ได้ขับรถ แต่ขี่มอเตอร์ไซค์มา ส่วนที่ถามว่ามาได้ยังไง ผมจะตอบเมื่อคุณออกไปทานอาหารเที่ยงกับผม’ คามินยื่นข้อเสนอที่ทำให้คนฟังอุทานเสียงสูงทันที

‘อะไรนะ?’ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

‘คุณฟังไม่ผิดครับ ออกไปทานข้าวกับผม แล้วผมจะตอบคำถามที่คุณสงสัย’ ชายหนุ่มยิ้มกริ่มอย่างผู้เป็นต่อ

อุรัสยาใคร่ครวญไม่นานก็บอกทันที ‘ช่างเถอะ ฉันไม่อยากรู้แล้ว’

‘จริงเหรอ?’

‘ฉันจะโกหกทำไมล่ะคะ’ อุรัสยายักไหล่ ก่อนหันไปบอกแม่บ้านของร้าน ‘ป้าดวงคะ เอิงเอาข้าวผัดทะเลค่ะ’

‘ได้ค่ะ’ ป้าดวงจดตาม เมื่อสอบถามว่าไม่มีใครเอาอะไรเพิ่มเติมอีกจึงออกไปซื้ออาหาร ทั้งที่ยังไม่คลายสงสัยเรื่องผู้ชายปริศนาคนนี้

‘ถ้าไม่มีธุระอะไร เชิญค่ะ’ เจ้าของร้านสาวผายมือไปยังประตูทางออก

‘ครับ ผมไม่มีธุระจริงๆ ที่มาวันนี้ไม่ได้จะมาให้คุณออกแบบชุดให้ แต่ตั้งใจมาชวนไปทานข้าว’ น้ำเสียงของคามินยังเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ ‘วันนี้คุณไม่ไปกับผมไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะมาใหม่ เจอกันครับ’ เอ่ยจบชายหนุ่มก็โบกมือลาและยอมถอยร่นไปง่ายดายกว่าที่อุรัสยาคาด

เมื่อเขาออกจากร้านไปแล้ว รุจีและมนชยาก็แย่งกันพูดใหญ่

‘ใครอะเอิง หล่อมาก!’

‘นั่นสิคะ ลูกเต้าเหล่าใครคะพี่เอิง หล่อระดับพรีเมี่ยม ดูดีมีชาติตระกูลจริงๆ’ มนชยาทำตาเคลิบเคลิ้มราวกับเจอเทพบุตรในฝัน

‘เขาจีบเอิงแบบเปิดเผยมากนะนั่น’

‘ใช่ พี่เอิงไม่น่าใจร้ายปฏิเสธเขาเลยนะคะ ถ้าเป็นมนคงไปด้วยแล้ว นานน้าน-น-น จะมีคนหล่อขนาดนี้เฉียดเข้ามา ถ้าไม่คว้าไว้ตอนนี้ก็ไม่รู้จะเจออีกเมื่อไหร่’

‘เออ ถ้าพี่ยังไม่แต่งงานนะ พี่จะเสนอตัวแทนเอิงเลย’ ช่างตัดเย็บสาวหัวเราะคิกคัก

‘ว้าย พี่รุจี…แรง!’

‘พอแล้ว พี่รุจี มน’ อุรัสยายกมือห้ามเมื่อทั้งรุจีและมนชยาชักจะไปกันใหญ่ ‘นายนั่นชื่อหนึ่งค่ะ เป็นลูกชายเจ้าของวสุนธรารีสอร์ต’

‘โห ไม่ใช่แค่หน้าตาดี แต่ยังรวยมากๆด้วย แบบนี้ถ้าเป็นสินค้าก็เรียกว่าลิมิเต็ดอิดิชั่น อาจจะมีแค่ชิ้นเดียวในโลกก็ได้นะคะ’ มนชยาตาโตกว่าเดิม

‘หืม แบบนี้ยิ่งปล่อยไปไม่ได้ใหญ่เลยน้องเอิง ทั้งเราและเขาฐานะพอๆกัน แถมหน้าตาท่าทางเหมาะสมกันด้วย คบกันไปไม่มีอะไรเสียหาย’ รุจีตัดสินตามที่เห็นด้วยสายตา

‘มนก็ยกยอเขาเกินไปแล้ว ส่วนพี่รุจียังไม่รู้จักเขาดีพอค่ะ ภายนอกเขาดูดีก็จริงนะคะ แต่ท่าทางเจ้าชู้แบบนั้น เอิงไม่เอาด้วยหรอก คบกันไปคงช้ำใจวันละหลายหน’ เธอเบ้ปากน้อยๆ ใครจะว่าอคติก็ช่าง เพราะเธอยอมรับว่าอคติกับคามินจริงๆ

‘บางทีเขาอาจจะอยากหยุดแล้วก็ได้นะ’ รุจียังเชียร์อย่างต่อเนื่อง เธอรู้ดีว่าที่ผ่านมาอุรัสยาสกรีนผู้ชายแต่ละคนอย่างละเอียด จึงมีคนผ่านด่านมาแบบนับนิ้วได้ แถมผ่านด่านแรกมาแล้วใช่ว่าจะรอดไปถึงด่านสุดท้ายอีกด้วย โดยส่วนใหญ่หญิงสาวใช้เวลาดูใจไม่เกินสามเดือนก็รู้แล้วว่าจะให้ผ่านด่านที่สองหรือไม่ สำหรับผู้ชายคนเมื่อครู่ เธอก็อยากให้อุรัสยาลองให้โอกาสฝ่ายนั้นก่อน เพราะชายหนุ่มท่าทางไม่เลวเลย

‘ไม่จริงหรอกค่ะพี่รุจี เอิงว่าคงอีกนานกว่าเขาจะยอมหยุด’ ในเมื่อตอนนี้คามินอายุยังไม่มาก เขาคงไม่ยอมเอาแขนขาข้างหนึ่งมาผูกติดกับคนอีกคนแล้วปล่อยให้อิสระและความสำราญในชีวิตโบยบินจากไปแน่

‘มนว่าดูๆต่อไปก่อนดีกว่าค่ะ อย่าเพิ่งปฏิเสธเด็ดขาดเลย เมื่อกี้มนว่าเขาก็ชัดเจนดีนะคะ มาชวนไปทานข้าวก็บอกตรงๆ ไม่ใช้ข้ออ้างอื่น แถมพอพี่เอิงบอกว่าไม่ไป ก็ยอมผ่อนปรนเพื่อไม่ให้พี่เอิงรู้สึกอึดอัด แต่ยังไม่ละความพยายามที่จะมาใหม่’ แม้ไม่รู้จักหนุ่มหล่อคนนั้นมาก่อน แต่มนชยากลับรู้สึกชื่นชมเขาอยู่ครามครัน แน่นอนว่าชื่นชมในรูปโฉมเป็นหลัก

‘ก็ลองดูว่าเขาจะขยันมาฟังคำปฏิเสธจากพี่ได้นานแค่ไหน’ เธอไม่ได้มีความหลังอะไรกับคนเจ้าชู้ รู้แต่เพียงว่าการคบผู้ชายเจ้าชู้ก็เหมือนแหย่ขาเข้าไปในกองไฟแล้วข้างหนึ่ง แล้วทำไมเธอจะต้องเสี่ยงให้เปลวไฟผลาญกายและใจด้วยล่ะ

ดังนั้นยิ่งห่างได้เท่าไร…ยิ่งดี!



บุลินทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2557, 17:27:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2557, 17:27:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1414





<< บทที่ 3 เข้าทางเพื่อน   บทที่ 5 ความรู้สึกที่แปลกไป >>
บุลินทร 18 ก.ค. 2557, 17:34:29 น.
น้อง ยิ้มยิ้ม
อุตส่าห์จ้างนักสืบทั้งที ต้องได้ข้อมูลมาให้คุ้มค่า ส่วนภัคพลจะโผล่มากวนอีกเมื่อไหร่รอติดตามน้า

คุณ ดังปัณณ์
พอสืบรู้แล้วก็ใช้ข้อมูลตามมาถึงร้านทันทีด้วยนะ ฮ่าๆๆๆๆ ทำไมรู้สึกว่าตาภัคจี้มันขโมยซีนพระเอกเนี่ย เอาไปเก็บไว้ก่อนดีกว่า ก๊าก

คุณ Zephyr
ตามินไม่มีใครรักเลยเหรอเนี่ย นางเอกก็ไม่รัก น่าสงสารจริง วันนี้ตามินโดนนางเอกไล่กลับไม่ยอมไปกินข้าวด้วย เฟอร์ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ ส่วนปมลูกบุญธรรมมันจะมีอะไรต้องติดตาม

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ
ใช่แว้ว แต่เพิ่งไปแก้บทนำใหม่มาหมาดๆครับ ให้ดูลึกลับขึ้นอีกนิด ยังไงอย่าลืมมาติดตามต่อเน้อ

คุณ พันธุ์แตงกวา
พี่แตงกวาสนใจรับคนตกรอบไปปลอบใจมั้ย ฮ่าๆๆ ส่วนตาภัคเดี๋ยวกลับมาขโมยซีนใหม่น้า

คุณ goldensun
ตอนนี้พระเอกตามมาถึงร้านเลยครับ แต่โดนทำเฉยใส่เหมือนเดิม ส่วนภัคพลก็เฮฮาไปตามประสาครับ ขอจองไว้ก่อน นิษยังไม่รู้ตัวเลย ฮ่าๆๆๆ


พันธุ์แตงกวา 18 ก.ค. 2557, 17:59:26 น.
รอรับตาภัคอยู่ตรงเน้
ตอนนี้ยังไงเนี่ย หิวน้า ทำลายจิตจายยยย. ขอสุกี้ กับกระเพราไข่เจียวด้วยจ้า


ดังปัณณ์ 18 ก.ค. 2557, 18:37:49 น.
โหดร้ายยยยยยยยยยยมากกกกกกกกกก เอาภัคจี้ของหนอนคืนมา 555+ แต่นางภัคนางโดดเด่นมากเลยนะคุณหมี มานิ่ง แต่ตีเนียนกลืนคามี่จังไปตั้งเยอะแน่ะ อุ้ยต๊ะ! เผลอ คามี่ห้ามโกรธน้า ยังไง้ยังไง คามี่ก็เป็นพระเอกน่า

ปล. อันนี้ยกให้เลย โถ คามี่น่ารักมากกกกกกกกก แต่...แต่ แต่...กำแพงนางเอกนี่สูงเอาการนะคามี่นะ หาไม้ยาวๆค่อยสอยน้องนางลงมาแล้วกัน อิๆ


Zephyr 18 ก.ค. 2557, 19:44:37 น.
ก็มี่อ่ะ ภัคมันเด่นกว่านี่ ตัวเองเขียนเองไม่รู้สึกหราาาาาา
คามินเหมือนหายไปเลย เปิดมาขี้เล่นจริง เจ้าชู้จริง แต่ดูหลงตัวเองไปนิด น่าเตะนิดหน่อย
แต่มันดูมีเสน่ห์น้อยกว่าอีกคนนี่นา
ตาภัคมานิ่งๆมีมาดกั้กๆ ดูน่าค้นหากว่าเป็นไหนๆ นายต้องปรับระดับความน่าดึงดูดและน่าเตะตานะมินนี่
เอิงยังไม่สนเลย คนอ่านก็ทำท่าจะลืมนายแว้ววววว อิอิ
แต่นะ เปิดมารยาพันเล่มชายยยย เร็ว จะสอยเอิงเอยืมันต้องปีนสูงๆๆๆๆๆ
ว่าแต่ยายป้าตกใจอะไร??? หน้ายายเอิงเอยเหมือนใครหราาาาาาา
มินนี่ นายถอดใจเร็วไปนะ ชิชะ นึกว่าจะตื้ออีกหน่อย


yimyum 18 ก.ค. 2557, 22:49:24 น.
อ้าว ตามมาถึงร้านน ป้าคนนั้นตกใจเรื่องไรหว่าาา??


lovemuay 18 ก.ค. 2557, 23:16:46 น.
เค้าว่ากันว่า เกลี่ยดสิ่งไหนจะได้สิ่งนั้นนะคะ อิอิ


nittsmall 22 ก.ค. 2557, 11:05:39 น.
ขุ่นน้าทำหน้าตกใจ(สร้างปัญหาคาใจให้คนอ่านแล้วมั้ยล่ะ) // คุณหนึ่งเนี่ยตื๊อเก่งจริง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account