{{{ จันทร์ผลาญใจ }}}
แสงจันทร์ดูนุ่มนวลละมุนตากว่าแสงอาทิตย์
แต่หากเผลอแม้เพียงนิด อาจผลาญใจได้ไม่ต่างจากฤทธิ์ดวงตะวัน



Tags: รักแรกแค้น, บุลินทร, คามิน, อุรัสยา, สวิช, นิษฐา, ภัคพล, กนกนัดดา, วีรปรียา, ลลิต, ปราบ, สารภี

ตอน: บทที่ 5 ความรู้สึกที่แปลกไป



ความรู้สึกที่แปลกไป





คามินกลับเข้ามายังบริษัทเดอะวันโฮมดีไซน์แอนด์เคดคอร์อีกครั้งตอนบ่ายโมงหลังไปนั่งกินข้าวเที่ยงคนเดียวอย่างเหงาหงอย

บริษัทของเขาเป็นอาคารสามชั้นหลังใหญ่ทาสีขาวเทา ตัวตึกกรุกระจกสีเข้มสองชั้นเพื่อกันความร้อนจากภายนอกไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักจนเกินไป ก้าวแรกที่เปิดประตูเดินเข้าไปจะพบเคาน์เตอร์ดีไซน์สะดุดตาเป็นรูปเครื่องบินที่ดูราวจะพุ่งทะยานขึ้นบนฟ้า

‘สวัสดีค่ะคุณหนึ่ง’ พนักงานต้อนรับส่วนหน้ายืนขึ้นและเอ่ยทักทายยิ้มแย้ม

‘สวัสดีครับคุณแหม่ม’ เจ้าของบริษัททักทายกลับอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเปิดประตูกระจกเดินเข้าไปภายในตัวอาคารชั้นในซึ่งเป็นส่วนต้อนรับลูกค้า พื้นที่ส่วนนี้ตกแต่งแบบอินดัสเทรียล ลอฟต์ นั่นคือใช้ปูนเปลือยกับเหล็กเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเฟอร์นิเจอร์เป็นสไตล์สแกนดิเนเวียนและไทยจัดวางอย่างลงตัว

ชั้นสองของตึกเป็นโซนของฝ่ายบริหารและห้องประชุมที่ใช้เพดานกับผนังสีเข้มขรึม แต่ใช้เฟอร์นิเจอร์สีสันสดใสตัดกัน ส่วนชั้นสามคือโซนครีเอทีฟสำหรับพนักงานฝ่ายออกแบบซึ่งเป็นห้องโถงกว้างไม่มีการกั้น ทำให้พูดคุยกันได้อย่างทั่วถึง เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งเน้นสีขาวและสีสว่าง เมื่อมองผ่านกระจกออกไปสามารถเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้โดยรอบ เพื่อให้คนทำงานรู้สึกผ่อนคลายและมีพลังในการขับเคลื่อนไอเดีย นอกจากนั้นบนชั้นลอยยังมีห้องให้ร้องคาราโอเกะเมื่อคิดงานไม่ออก

ส่วนโซนสุดท้ายคือสวนหลังออฟฟิศซึ่งเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนแสนร่มรื่น มีร้านจำหน่ายกาแฟและเบเกอรี่ราคาย่อมเยา และไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะพบเหล่าสถาปนิกมานั่งรวมกลุ่มกันตามมุมต่างๆในสวนในเวลางาน เพราะสไตล์การทำงานของที่นี่เป็นแบบไม่เป็นทางการ คือนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ ขอให้งานเสร็จเป็นพอ

ระหว่างทางเดินขึ้นบันไดเหล็กสีดำมายังชั้นสอง คามินทักทายพนักงานเป็นระยะ เมื่อเห็นทุกคนมีรอยยิ้มและแววตาสดใส เขาก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย เพราะอยากให้ออฟฟิศน่าอยู่เหมือนบ้าน สร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินให้คนทำงาน และดึงดูดให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมาโดยไม่หยุดยั้ง

ช่วงบ่ายสอง ชายหนุ่มเข้าประชุมกับฝ่ายการตลาดที่เข้ามานำเสนอแผนงานของปีหน้า กว่าจะแล้วเสร็จก็ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง จากนั้นเขาก็มานั่งพักผ่อนพลางเช็กอีเมลในห้องทำงานส่วนตัวซึ่งไม่ได้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เพราะอยากให้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของพนักงาน

เกือบหกโมงเย็น คามินจึงออกจากบริษัท เขาตัดสินใจไม่มุ่งหน้ากลับบ้านย่านสุขุมวิท แต่ขึ้นรถไฟฟ้าไปหาภัคพลที่อ่อนนุชเพื่อจะพูดคุยและกินอาหารเย็นด้วย แล้วค่อยนั่งย้อนกลับมาเอามอเตอร์ไซค์ที่นี่

เมื่อไปถึง เพื่อนของเขากำลังสอนนักเรียนอยู่พอดี คามินไม่ได้รีบร้อนอะไรจึงไปนั่งรอในห้องนั่งเล่น ชงกาแฟบริการตัวเองพลางนั่งดูข่าวจากทีวี ประมาณหนึ่งทุ่มเศษ นักวาดภาพหนุ่มจึงเดินเข้ามา

‘ไงวะ วันนี้ไม่มีคิวไปไหนกับสาวๆเหรอ’ ภัคพลทักและทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มตัวเยื้องกัน

‘ไม่มี แกก็รู้ว่าฉันกำลังจีบคุณเอิง แล้วจะไปไหนมาไหนกับใครได้ไง’

‘แหม คุณเอิงไม่รู้หรอกน่า’ ชายหนุ่มยกมือสองข้างขึ้นประสานกันที่ท้ายทอยและเหยียดขาเต็มที่เพื่อความผ่อนคลาย หลังเมื่อยล้ากับงานมาทั้งวัน

‘ไม่ได้หรอก ถ้าตั้งใจจะจีบใครแล้ว ก็ต้องจริงใจทั้งต่อหน้าและลับหลังสิวะ ฉันไม่ใช่พวกคบเผื่อเลือกนะเว้ย’ คามินประกาศคติของตนด้วยเสียงหนักแน่น ‘อีกอย่างเธอก็ไม่ค่อยเชื่อใจฉันอยู่ด้วย ขืนยังคบผู้หญิงคนอื่นไปพร้อมๆกัน เธอคงยิ่งถอยห่างออกไปอีก’

‘ท่าทางจะจริงจังกับคนนี้จริงๆ นึกว่าจะหน้ามืดตามัวหลงใหลแค่ชั่วคราว’ เจ้าตัวพูดพลางยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นพาดบนโต๊ะรับแขก

‘แกนี่ปากเสียจริงๆ สำหรับคุณเอิงไม่มีคำว่าหน้ามืดตามัว ฉันชอบเธอมากก็จริง แต่สติฉันยังอยู่ครบ รู้ว่าทำอะไรอยู่เว้ย’ ใบหน้ายียวนของมันทำให้เขาอยากลุกไปเตะจริงๆ

‘แล้วจีบไปถึงไหนแล้ววะ’ ภัคพลละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์หันมาถาม

คามินที่รอเล่าอยู่แล้วจึงตอบทันที ‘วันนี้ไปหาที่ร้าน’

‘ร้านเสื้อผ้าตามที่ได้ข้อมูลมาจากคุณกุดจี่น่ะเหรอ’ ภัคพลหมายถึงนักสืบหนุ่มที่ดูแลเรื่องนี้

‘อือ’ ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอ ก่อนเล่าต่อ ‘ตั้งใจจะชวนเธอไปกินข้าวกลางวัน’

‘แต่แห้วใช่ไหม’ นักวาดภาพหนุ่มเดาได้โดยไม่ต้องรอฟัง ท่าทางหญิงสาวใจแข็งขนาดนั้น ไม่มีวันจะยอมไปตามคำชักชวนของเพื่อนเขาง่ายๆเป็นแน่

‘รู้ได้ไง’ คิ้วหนาเลิกขึ้น

‘ยังมีหน้ามาถามอีก เด็กเกิดใหม่ยังเดาออกเลยว่าแห้วแหงๆ’ นอกจากจะไม่ปลอบใจแล้ว ภัคพลยังซ้ำเติมไปอีกดอก แต่ก็เพื่อให้เพื่อนฮึดสู้ล้วนๆ เพราะคนเราถ้าโดนหยามมากเข้า ก็จะสามารถดึงพลังมหาศาลในส่วนลึกออกมาใช้เพื่อจะลบคำสบประมาทของคนอื่นได้อย่างน่าทึ่ง

‘โคตรดูถูกฉันเลยว่ะ ทำไม ฉันมันแย่นักเหรอ’ คามินตัดพ้อเล็กๆ

‘ไม่ได้แย่ แต่ต้องพยายามให้มากกว่านี้’ ปลอบหน่อยก็ได้ เดี๋ยวมันน้อยใจไปแขวนคอตายใต้ต้นกะหล่ำปลีก่อนจะจีบสาวสำเร็จ

‘ที่ฉันถอยก็แค่มาตั้งหลัก ไม่ได้ถอดใจสักหน่อย ยังไงฉันก็ต้องไปเจอคุณเอิงอีก’ ดวงตาสีเข้มเป็นประกายคมกล้ายืนยันคำพูด

‘ดีแล้ว ขอให้คุณเอิงใจอ่อนเร็วๆแล้วกัน แต่ถ้าจีบไม่ติด ฉันรอทับถมอยู่นะ’ ภัคพลมิวายปิดท้ายด้วยประโยคยียวนกวนโทสะ

‘ว่าแต่แกเถอะ เริ่มจีบคุณนิษหรือยัง ยังไม่เห็นทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนี่’ คามินเชื่อว่าเรื่องของตนกับอุรัสยาน่าจะคืบหน้ามากกว่าเพื่อนหนุ่ม

‘ยัง แต่จองไว้แล้ว’

‘จองแบบที่เธอไม่รู้ตัวนี่นะ’ คามินทำหน้าทึ่งๆพร้อมแบมือสองข้าง

‘ฉันไม่รีบหรอก ถ้าฉันกับคุณนิษเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ ยังไงก็ไม่แคล้วกันหรอก’ ภัคพลเชื่อในปรัชญาข้อนี้

‘แล้ววันนั้นทำเป็นขู่ฉันว่าห้ามจีบ มาวันนี้บอกไม่รีบ’

‘ไม่รีบ แต่ไม่อยู่เฉยเว้ย เมื่อวานฉันไปซื้อกาแฟร้านคุณนิษมาแล้ว’ นักวาดภาพหนุ่มกอดอกและหัวเราะหึๆพลางยิ้มย่อง

‘นี่นะไม่ได้จีบ ไปหาถึงร้าน ต่างจากฉันตรงไหนวะ’

‘ไปพบปะพูดคุยเรื่องทั่วไป ไม่ได้พูดเรื่องความรักเลยสักนิด ฉันว่าถ้าฉันใช่สำหรับเธอ และเธอใช่สำหรับฉันจริงๆ ทุกอย่างมันจะดำเนินไปของมันเองโดยธรรมชาติ’ ภัคพลเองก็แอบใช้บริการคุณกุดจี่ให้ช่วยสืบหาที่ทำงานของนิษฐาเช่นกัน

‘แกนี่สมกับเป็นพวกอารมณ์ศิลปินจริงๆ แต่ฉันไม่ถนัดแนวนี้ว่ะ’

‘แกเป็นพวกเป้าหมายมีไว้พุ่งชนนี่หว่า แต่แนวทางของแกก็ไม่ผิดหรอก วิธีเดินทางไปถึงเส้นชัยของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกันสักหน่อย เชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำดีที่สุดเพื่อน!’ ภัคพลตบบ่าเพื่อนรักเพื่อให้กำลังใจหลังจากตอนแรกหยามไปหลายดอกแล้ว

คามินพยักหน้าหนักแน่น ‘หวังว่าสิ่งที่ฉันทำ มันจะทำให้คุณเอิงเชื่อใจและยอมให้โอกาส’




สามวันแล้วที่คามินไม่ได้โผล่หน้ามาก่อกวน แต่แทนที่อุรัสยาจะสบายใจ ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่รู้ว่าคืออะไรกลับก่อตัวขึ้นเสียนี่

ทุกครั้งที่มนชยาเข้ามาหายังห้องตัดเย็บ หญิงสาวจะแอบก่นด่าคามินในใจล่วงหน้าไว้ก่อนว่ามารบกวนเวลาทำงาน แต่พอพนักงานสาวบอกว่าเป็นลูกค้า ไม่ใช่คนที่เธอคิด ใจที่เต้นแรงกลับเต้นช้าลง…ราวกับผิดหวัง

บ้าเหรอ เธอนี่นะจะผิดหวังเพราะผู้มาเยือนไม่ใช่คามิน ทำไมต้องผิดหวังด้วยล่ะ ในเมื่อนายนั่นไม่ได้มีอิทธิพลต่อชีวิตสักหน่อย คามินไม่มาก็ดีแล้ว เธอจะได้ไม่เสียอารมณ์เมื่อเห็นดวงตาวิบวับคู่นั้นที่เฝ้าคอยแต่ยั่วเย้า

หลังจากเขามาวันนั้น ตอนเลิกงานเธอก็ตรงไปหานิษฐายังร้านกาแฟและถามเรื่องที่สงสัยว่าเจ้าตัวอาจเป็นคนบอกที่อยู่ร้าน Urassaya’s ให้คามินรู้ แต่นิษฐายืนยันว่าจากวันที่เจอกันในร้านอาหารจีน เธอก็ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับคามินเลย นอกจากเจอภัคพลที่มาคุยกับลูกค้าแถวเอกมัยและบังเอิญมาซื้อกาแฟที่ร้านเลยได้พูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันซึ่งฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ถามเรื่องอุรัสยาเลย และไม่น่าจะมีส่วนไหนของบทสนทนาบอกใบ้ได้ว่าร้านเสื้อผ้าของอุรัสยาอยู่ที่ไหน

‘เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ’ หญิงสาวมองเพื่อนด้วยสายตาคาดคั้น

‘ไม่ได้โกหกจริงจริ๊ง-ง-ง’

‘แล้วทำไมต้องเสียงสูงด้วย เขาว่าคนโกหกมักจะเสียงสูง’ หญิงสาวยังคงจับผิดต่อ ไม่ยอมเชื่ออีกฝ่ายง่ายๆ

‘ฉันเสียงสูง แต่ฉันไม่ได้โกหกจริงๆนะ ทำไมถึงคิดว่าคุณหนึ่งรู้จากฉันล่ะ เขาอาจจะมีวิธีของเขาก็ได้’

‘สะกดรอยตามงั้นเหรอ’ อุรัสยาคิดว่าชายหนุ่มคงไม่ลงทุนขนาดนั้น

‘ก็ไม่แน่นะ ท่าทางเขาชอบเธอจะตาย’

หญิงสาวแบะปาก เขาชอบเธอ แต่เธอไม่ได้ชอบเขานี่

‘เอาน่า มีคนชอบดีกว่ามีคนเกลียดนะ’ นิษฐาปลอบ

อุรัสยาไม่อยากพูดถึงคามินต่อจึงตัดบท ‘ถ้าเธอยืนยันว่าไม่ได้บอกเขา งั้นก็แล้วไป’ เธอคงต้องปลงเสียล่ะมั้ง เพราะยังไงก็ย้ายร้านหนีตานั่นไม่ได้อยู่ดี

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องตัดเย็บดังขึ้น ทำให้อุรัสยาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าตัวเองเผลอลากเส้นในกระดาษสเก็ตช์แบบไร้สติจนเกือบเละเทะ ดีที่ไม่ได้กำลังเย็บผ้า ไม่งั้นป่านนี้นิ้วคงโชกไปด้วยเลือดเพราะโดนเข็มจักรเย็บผ้าตำ

‘ขออนุญาตค่ะพี่เอิง พี่รุจี’ สิ้นเสียงนั้นประตูก็เปิดออก มนชยาเยี่ยมหน้าเข้ามาแจ้งว่า ‘มีลูกค้ามาค่ะพี่เอิง’

‘หวังว่าจะเป็นลูกค้าจริงๆนะ’ อุรัสยาเผลอหลุดปากออกมาตามเสียงในหัว พูดจบแล้วก็เบิกตาโต ยกมือขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทัน

‘แหม ไม่อยากจะคิด แต่อดคิดไม่ได้ว่าน้องเอิงหมายถึงใคร’ รุจีละมือจากงานตรงหน้าชั่วคราวและหันมาแซวพลางอมยิ้ม

‘พี่รุจีหมายความว่า พี่เอิงคิดว่าเป็นคุณหนึ่งเหรอคะ’ มนชยาได้ทีร่วมวงล้อ

‘ไม่ใช่นะ พี่ไม่ได้คิดถึงเขาเลย’ เจ้าของร้านสาวปฏิเสธพัลวัน รีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้า และหยิบสมุดโน้ตปกกำมะหยี่สีแดงประจำตัวเดินออกจากห้องไปราวกับกลัวว่าหากอยู่นานกว่านี้จะเผลอเผยความลับในใจออกมา

มนชยาและรุจีหันมามองกันและยิ้ม ‘ต่อหน้าเขาทำปากแข็งเนอะพี่รุจี จริงๆพี่เอิงอาจกระวนกระวายที่เขาหายไปตั้งสามวัน’

‘นั่นน่ะสิ พี่ว่า…จริงๆถ้าคุณหนึ่งไม่มีท่าทีเจ้าชู้ เอิงอาจไม่ปิดกั้นมากขนาดนี้เวลาเจอกัน แต่ก็นั่นละ พวกเราคงได้แค่เชียร์ เพราะคนที่จะคบกับคุณหนึ่งคือเอิง ดังนั้นเอิงจะตัดสินใจยังไงก็ต้องแล้วแต่เขา เอ๊ะ ว่าแต่เมื่อกี้ลูกค้าจริงๆใช่ไหม ไม่ใช่คุณหนึ่งเหรอ’

‘ใครว่าล่ะ’ มนชยายิ้มอย่างมีลับลมคมใน

‘ใครว่าล่ะนี่คืออะไร เอาชัดๆสิ’ รุจีกำลังเดาบางอย่างในใจ แล้วคำตอบที่ได้รับก็โป๊ะเชะ



เมื่ออุรัสยาเดินมาถึงหน้าร้านก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าคนที่นั่งรออยู่คือคามิน หญิงสาวอึกอักเล็กน้อย เพราะไม่ทันตั้งตัว แล้วก็นึกเข่นเขี้ยวมนชยาที่ไม่ยอมบอกว่าใครมา

ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวพอดีตัวและกางเกงยีนสีดำลุกขึ้นยืน ดวงตาทอประกายลึกซึ้งเมื่อกล่าว ‘นึกว่าคุณจะไม่ยอมออกมาพบผมซะแล้ว’ คามินยิ้ม ‘ขอโทษนะครับที่ผมหายไปตั้งสามวัน พอดีงานยุ่งนิดหน่อยน่ะ แต่เคลียร์งานเสร็จก็มาหาคุณเลย’

‘ฉันไม่ได้ตั้งใจจะออกมาพบคุณ แต่เพราะมนไม่ได้บอกว่าคุณมาต่างหาก อ้อ แล้วก็ไม่ต้องขอโทษด้วย เพราะคุณหายไปสามวันฉันสบายใจมาก ไม่ได้เดือดร้อนเลยสักนิด กรุณาอย่าหลงตัวเอง’ ริมฝีปากอิ่มโค้งขึ้นเล็กน้อย อุตส่าห์จะรีบออกมาต้อนรับลูกค้า แต่ดันเป็นคนที่ไม่อยากพบหน้าเสียนี่ เซ็งชะมัด!

เอ๊ะ แต่เมื่อกี้เขาบอกว่างานยุ่งเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าเขาทำงานจริงๆ เธอไม่อยากจะเชื่อ อืม…ไม่แน่หรอก งานที่คามินว่ายุ่งอาจเป็นเพราะต้องจัดสรรคิวให้หญิงสาวแต่ละคนในแต่ละวัน แล้ววันนี้คงเป็นคิวที่เขาต้องมาใช้คารมล่อหลอกให้เธอติดกับกลายเป็นอีกหนึ่งสาวในคอลเลกชั่นของเขา

‘โธ่ คุณเอิง ผมว่าคุณอคติกับผมมากเกินไปแล้วนะครับ ทั้งที่เรายังไม่รู้จักกันดีเลย’ ชายหนุ่มเอ่ยเสียงระโหยดวงตาละห้อยวอนขอความเป็นธรรม

‘ฉันมองปราดเดียวก็รู้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้จักมากกว่านี้หรอกค่ะ’ น้ำเสียงนั้นฉะฉานมั่นใจจนทำให้หัวใจคนฟังท้อไปวูบหนึ่ง แต่ก็ฮึดสู้ต่อ

‘ถามจริงๆเถอะครับ คุณเคยถูกผู้ชายเจ้าชู้หลอกเหรอ ถึงได้กลัวผมนัก’ คามินรู้ดีว่าห้ามหญิงสาวไม่ให้มองว่าเขาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มไม่ได้ เพราะบุคลิกเขาเป็นอย่างนี้ แต่ก็อยากให้อุรัสยาก้าวผ่านเปลือกนอกเข้ามาสัมผัสหัวใจของเขาก่อนตัดสินว่าจะรักหรือเกลียด

‘ไม่เคยหรอกค่ะ แค่เห็นจากรอบๆตัว แต่ก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอคะ ถ้าเรารู้ว่าข้างหน้าเป็นเหวแล้วไม่ก้าวต่อ’ ดวงตาเรียวยาวเจือแววทะนง

‘คุณเอิง’ คามินทำหน้าไม่ถูก เจอคนพูดตรงแบบนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี การคบกับเขามีค่าเท่ากับความวินาศเหรอเนี่ย ความรู้สึกนี้มันเจ็บยิ่งกว่าโดนมีดปักฉึกเข้ากลางอกเสียอีก

‘อย่ามาสนใจฉันเลยค่ะ ฉันเป็นคนที่เมื่อได้ตั้งปณิธานไว้แล้วก็จะไม่เปลี่ยนง่ายๆ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร ขอตัวไปทำงานต่อนะคะ’ อุรัสยาหมุนตัวกลับทันทีโดยไม่รอรี แต่คามินยังมิวายส่งเสียงตามมา

‘ผมจะทำให้คุณเปลี่ยนใจให้ได้!’

ขาเรียวของหญิงสาวชะงัก แต่ไม่ถึงห้าวินาทีอุรัสยาก็เชิดหน้าเดินกลับเข้าไปในห้องตัดเย็บโดยไม่เหลียวหลัง ในห้องนั้นรุจีและมนชยากำลังคุยกันอยู่พอดี เมื่อเห็นเจ้าของร้าน มนชยาก็หันมาถามตาใส

‘อ้าว ลูกค้ากลับแล้วเหรอคะพี่เอิง’

‘ไม่ต้องเลยยายมน เดือนนี้พี่จะตัดเงินเดือนเธอ!’ อุรัสยาขู่อย่างเอาจริง

‘โธ่ พี่เอิง แค่มนไม่ยอมบอกว่าคุณหนึ่งมา พี่เอิงถึงกับตัดเงินเดือนพนักงานตาดำๆหาเช้ากินค่ำอย่างมนเลยเหรอคะ แค่นี้มนก็กินราเมงซองละหกบาทวันเว้นวันแล้ว’ พนักงานต้อนรับสาวทำตาละห้อย

‘นั่นมันมาม่า เรียกซะหรูเลยนะยายมน’ รุจีหัวเราะร่วนพลางส่ายหน้าไปมา

‘งั้นคราวนี้แค่ตักเตือนก่อน แต่คราวหน้าถ้าไม่บอกละก็ พี่จะตัดเงินครั้งละร้อย’ หญิงสาวยิ้มหวาน แต่เป็นยิ้มที่มนชยาเห็นแล้วกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

‘ตกลงค่ะ’ เจ้าตัวรับคำว่องไว แต่ยังแซว ‘คนสวยแบบพี่เอิง ถึงคราวโหดขึ้นมาก็น่ากลัวนะเนี่ย งั้นมนขอตัวไปอยู่หน้าร้านก่อนดีกว่า ขืนโอ้เอ้อยู่ตรงนี้เดี๋ยวโดนตัดเงินอีก’

‘นั่นสิ กำลังนึกหาเรื่องตัดเงินเพิ่มอยู่เลย’ อุรัสยาแกล้งทำเสียงขู่

‘ว้าย ไปแล้วค่ะๆ’ มนชยาแสร้งทำรีบ แม้รู้ว่าหญิงสาวล้อเล่น

อุรัสยาหัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา ก่อนเดินมานั่งลงหน้าโต๊ะตัดเย็บและทำงานที่ค้างต่อ

‘ตกลงคุณหนึ่งเขามาทำไมจ๊ะ’ รุจีที่นั่งอีกโต๊ะข้างกันหันมาถาม

‘เอิงก็ไม่รู้ค่ะ ยังไม่ได้ถาม’ เธอบอกอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

‘นี่ไล่เขากลับอีกสิท่า’ รุ่นพี่สาวเลิกคิ้วขึ้น คาดเดาอย่างมั่นใจ

‘ค่ะ’

‘พี่จะบอกให้นะ ถ้าเขาจริงจัง ไม่ได้แค่จะจีบเราเล่นๆ ยังไงเขาก็ต้องมาอีก ว่ากันว่าผู้ชายชอบเอาชนะผู้หญิงที่ทำท่าไม่ชอบตัวเอง แต่ถ้าคนคนนั้นไม่มีค่ากับเขามากจริงๆ เขาก็จะไม่อดทนนานหรอก อย่างคุณหนึ่งนี่ ถ้ายังกลับมาอีก แสดงว่าเขาคงไม่ได้มองเอิงเป็นเกมที่เขาต้องเอาชนะ แต่เป็นผู้หญิงมีค่าที่เขาต้องใช้ความพยายามคว้ามาให้ได้’

รุจีให้ข้อคิดรุ่นน้อง เพราะกว่าเธอกับสามีจะลงเอยกันได้ก็นานเหมือนกัน ตอนแรกเธอไม่มั่นใจในตัวเขาที่เป็นหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ขวัญใจสาวๆ เรียกว่าจะชี้นิ้วเลือกใคร ทุกคนก็พร้อมจะเป็นคู่ควง แต่เขากลับมาสนใจผู้หญิงหน้าตาธรรมดาๆ รูปร่างอวบไม่ผอมเพรียวตามสมัยนิยมอย่างเธอ ทั้งที่สามารถเลือกผู้หญิงสวยกว่านี้ได้

รุจีไม่เปิดใจให้ฝ่ายนั้นนัก เพราะกลัวว่าเขาอาจมาหลอกคบเพื่อความสนุก จึงพยายามถอยห่าง แต่สุดท้ายความชัดเจน เอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอก็ทำให้เธอใจอ่อนยอมคบหาด้วย และครองคู่กันอย่างมีความสุขมาจนถึงปัจจุบันโดยมีลูกสาวตัวน้อยเป็นพยานรักหนึ่งคน

หากเธอไม่ยอมก้าวข้ามความกลัวในวันนั้น วันนี้คงไม่มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น เมื่อเห็นอุรัสยาเจอสถานการณ์คล้ายๆกัน จึงอดที่จะพูดไม่ได้ เพราะกลัวการปิดกั้นตัวเองจะทำให้หญิงสาวพลาดโอกาสดีๆ

อุรัสยารับฟังเงียบๆ แต่ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก ก่อนจะเปิดออก

‘พี่เอิงคะพี่เอิง’ มนชยาชูเสื้อแจ๊กเกตสีน้ำตาลขึ้น ‘คุณหนึ่งลืมเสื้อค่ะ มนเห็นพาดอยู่บนพนักโซฟา’

‘นึกว่าอะไร ทำเสียงตกอกตกใจเชียว แล้วจะให้พี่ทำยังไง เอาไปคืนเขาเหรอ’ ดีไซน์เนอร์สาวทำเสียงหึ ฝันไปเถอะ!

‘มนว่าพี่เอิงคงไม่ทำขนาดนั้น’

อุรัสยาแบมือสองข้าง ‘แน่นอน พี่ไม่ได้รู้จักเขามากมายเลยนะ มีแต่เขาที่พยายามทำตัวเหมือนคุ้นเคยกับพี่มานาน’

‘งั้นมนเก็บไว้หลังเคาน์เตอร์รอคุณหนึ่งมาเอานะคะ’

‘ตามนั้นละ แล้วตอนเขามาเอาก็ไม่ต้องมาบอกพี่นะ ไม่งั้น…พี่คงต้องใช้มาตรการตามที่เราตกลงกันไว้’ เจ้าของร้านสาวกำชับและแกล้งทำตาดุใส่

‘ค่า ขู่เรื่องอื่นไม่กลัว แต่ตัดเงินนี่มนไม่เอาด้วยหรอก’ ว่าแล้วสาวเจ้าก็โบกมือลาและปิดประตูเบาๆ ทิ้งให้อุรัสยาครุ่นคิดต่อว่าคามินลืมเสื้อจริงหรือแกล้งลืมเพื่อจะหาข้ออ้างในการมาร้านเธออีกกันแน่!



หลังเลิกงานตอนหนึ่งทุ่ม รุจี มนชยา และป้าดวงทยอยกันกลับ แต่อุรัสยาตั้งใจจะอยู่แก้แบบชุดราตรีรอบสุดท้ายต่อให้เสร็จ เพราะเหลืออีกนิดเดียว เพื่อส่งให้วีรปรียาดูวันพรุ่งนี้ เสร็จแล้วจะได้นำมาสร้างแพทเทิร์นและขึ้นแบบให้ลูกค้าดูว่าจะปรับส่วนไหนหรือไม่ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนตัดเย็บจริงต่อไป

หญิงสาวปิดไฟด้านนอกและล็อกประตูหน้าร้านให้แน่นหนา ก่อนกลับเข้ามายังห้องตัดเย็บซึ่งรายล้อมด้วยหุ่นโชว์เสื้อ ผ้าหลายประเภทสำหรับตัดชุด และของตกแต่งชุดซึ่งจัดเป็นระเบียบในตู้พลาสติกที่มีลิ้นชักหลายช่อง

มือเรียวจับดินสออย่างทะมัดทะแมงและขีดเขียนลงบนกระดาษสเก็ตช์เพื่อปรับแก้ตามที่ได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้า แต่ขณะที่กำลังใช้สมาธินั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

ไม่ใช่โทรศัพท์ของเธอ เพราะเสียงนั้นดังแว่วผ่านประตูห้องตัดเย็บที่เปิดอยู่เข้ามา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพลางพึมพำ ‘ใครลืมโทรศัพท์นะ’ ว่าแล้วก็ลุกจากโต๊ะออกแบบและเดินออกไปหาที่มาของเสียง ไม่นานก็พบว่าเสียงนั้นดังมาจากเสื้อแจ๊คเกตของคามินตรงหลังเคาน์เตอร์นั่นเอง

นายนั่นนอกจากจะลืมเสื้อแล้ว ในเสื้อเขายังมีโทรศัพท์อีกเหรอเนี่ย!

อุรัสยาส่ายหน้าพลางถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดรับ เพราะทางนั้นก็คงจะร้อนใจมากอยู่ ใครก็รู้ว่าสมัยนี้เครื่องมือสื่อสารเป็นอวัยวะที่สามสิบสามไปแล้ว เธอเองยังนึกไม่ออกว่าหากชีวิตขาดมันจะเป็นอย่างไร เพราะใช้ทั้งโทร. เล่นอินเตอร์เน็ต เปิดแผนที่ดูเส้นทาง ถ่ายรูป และทำกิจกรรมอื่นๆอีกหลายอย่าง

‘สวัสดีค่ะ’

‘นั่น…คุณเอิงใช่ไหมครับ’

‘ค่ะ คุณลืมของไว้ที่ร้าน’ อุรัสยาไม่ได้ใช้น้ำเสียงนุ่มนวล แต่ก็ไม่แข็งกระด้าง

‘ตอนนี้คุณคงกำลังปิดร้านใช่ไหมครับ’ เขาถามด้วยความเกรงใจ

‘ปิดแล้วค่ะ แต่ว่าฉันคงอยู่ที่นี่ต่อสักชั่วโมง ถ้าคุณจะเข้ามาเอาของก็…’ ดวงตาเรียวยาวเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง ‘ขอเป็นไม่เกินสองทุ่มครึ่งนะคะ’

‘ได้ครับๆ ผมจะรีบไป ขอบคุณมากนะครับ’ คามินบอกอย่างซาบซึ้ง

‘ไม่เป็นไร ถ้าคุณถึงแล้วโทร.มาอีกรอบนะ ฉันจะไปนั่งทำงานในห้อง’

‘ครับผม แล้วเจอกัน’ เอ่ยจบชายหนุ่มก็วางสายไป

‘จะมาทันไหมเนี่ย ตอนเย็นรถติดขนาดนี้ ไม่ทันก็ไม่รอนะจะบอกให้’ อุรัสยาบ่นใส่โทรศัพท์ที่คงไม่สามารถส่งสารไปถึงเจ้าของมันได้ แต่ก็ขอบ่นหน่อยเพื่อระบายความหมั่นไส้

ขณะกำลังจะวางเครื่องมือสื่อสารไว้บนเคาน์เตอร์นั้นเอง มันก็กรีดเสียงดังขึ้นอีกรอบ ทว่าคราวนี้หน้าจอขึ้นเป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางเปรี้ยวเข็ดฟันทีเดียว ชื่อของเจ้าหล่อนคือ…อ้อมดาว

อุรัสยาชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับเมื่อเสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้งหลังเงียบไปรอบแรก ถ้าปลายสายจะมีธุระด่วน เธอจะได้แจ้งว่าคามินลืมโทรศัพท์และให้ติดต่อไปยังเบอร์สำรองที่เขาโทร.เข้ามาเมื่อครู่ก่อน

‘สวัสดีค่ะ’

หญิงสาวปลายสายเงียบ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงสงสัย ‘นี่เบอร์หนึ่งใช่ไหมคะ’

‘ใช่ค่ะ…’ ยังไม่ทันที่อุรัสยาจะได้ชี้แจงก็โดนแทรกเสียก่อน

‘แล้วคุณเป็นใครคะ ทำไมถึงมารับสายได้’ แม้ไม่เห็นหน้า แต่รังสีอำมหิตของอีกฝ่ายก็แผ่กระจายผ่านสัญญาณมือถือมาถึงเธอได้อย่างเหลือเชื่อ



บุลินทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2557, 00:06:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2557, 00:06:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1860





<< บทที่ 4 เปิดใจอีกครั้ง   บทที่ 6 ผู้หญิงของคามิน [1] >>
บุลินทร 21 ก.ค. 2557, 00:13:41 น.
คุณ พันธุ์แตงกวา
ตาภัคออกมาแว้ววว ฉากแรกเลย ฮ่าๆๆๆ ส่วนถ้าหิวก็ต้องไปร้านนางเอก จะได้สั่งข้าวกับป้าดวงนะ

คุณ ดังปัณณ์
ตอนแรกว่าจะให้ภัคจี้หายยาว แต่พอดีคามี่มีเรื่องอยากเล่า ภัคจี้เลยต้องมาออกฉากหน่อย ว่าแต่ฉากนี้คามี่พอจะทำคะแนนตีตื้นได้บ้างรึยังเนี่ย ส่วนนางเอก คามี่ก็ต้องพยามสอยต่อไป ไม่รู้จะสำเร็จเมื่อไหร่ ต้องรอลุ้นกันนน อิอิ

คุณ Zephyr
คามินเด่นยังอะเนี่ย วันนี้อุตส่าห์แต่งตัวดีเป็นพิเศษเพื่อมาทำคะแนนนะ เสื้อยืดกางเกงยีน หรูมั้ย ตอนเขียนแอบรู้สึกอยู่ว่าภัคมันขโมยซีน แต่ภัคมันพูดไปเองนี่ ไม่ได้บังคับมันเลยยย ฮ่าๆๆๆ ส่วนตามินก็เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้บังคับเหมือนกาน แค่คอยควบคุมตัวละครอยู่ห่างๆ ก๊าก มาตอนนี้เอิงจะยิ่งปีนกำแพงสูงอีกมั้ยเนี่ย ส่วนคุณวีรปรียาตกใจอะไรไม่บอกหรอก มาเรียกเค้าป้าอีกนะ อุตส่าห์แทนตัวเองว่าพี่ปรียา น้องเฟอร์จัง

น้อง ยิ้มยิ้ม
วันนี้ก็มาอีกน้า ส่วนป้าตกใจอะไร ปล่อยให้ลุ้นต่อไปก่อน

คุณ lovemuay
นั่นสิครับ เอิงยิ่งหนีอาจยิ่งเจอก็ได้ใช่มั้ย อิอิ


พันธุ์แตงกวา 21 ก.ค. 2557, 02:33:53 น.
ตาภัค พ่ออารมณ์ศิลปิน มีการจองสาวแบบไม่ให้รู้ตัวด้วย
ขำนักสืบชื่อกุดจี่^^


lovemuay 21 ก.ค. 2557, 06:15:10 น.
แหม่ๆๆ คุณหนึ่งพลาดซะแล้ว มีสาวอื่นโทรมาตั้งแต่ยังจีบไม่ติดเนี่ย คะแนนติดลบนะคร้าา +55


yimyum 21 ก.ค. 2557, 07:30:28 น.
อ้าว ญาญ่า เอ๊ย>< เอิงจะซวยมั้ยเนี่ย

ชอบภัคพลอะ ฮาดี ^^ (รู้สึกว่าจะพูดเป็นรอบที่ 100 แล้วนะเนี่ย --)


ดังปัณณ์ 21 ก.ค. 2557, 16:40:08 น.
ไม่รู้จะอธิบายยังไง ภัคจี้เกิดมาแย่งซีนคามี่แท้ๆ 555+ ภัคพูดน้อยแต่ต่อยหนักนะภัคจี้ ตอนแรกกำลังจะบอกว่า คามี่ตบปากภัคจี้สองที ค่าปากเสียบอกให้คามี่ไปจีบสาวอื่น แต่พอเห็นคำตอบ...ภัคจี้ กระโดดถีบคามี่สิ แหม...แปลว่าถ้าน้องนางจีบไม่ยาก คามี่ก็จะลั้นล้าอ่ะเซ่ะ ช่ะ! ตอบมานะคามี่ กร๊ากกกกกกก

ปล.งานเข้าแล้วละ คามี่เอ๊ย โจทก์คนที่เท่าไหร่ล่ะนั่น งานงอกแล้วเจ้าข้า (แอบโสมะน้า คามี่เบาๆ)


nittsmall 22 ก.ค. 2557, 11:11:44 น.
อ้าววววว เอาแล้วไงนายหนึ่งอ่อยเอิงด้วยการลืมเสื้อไว้ที่ร้าน(แทนผ้าเช็ดหน้า) กำลังไปได้ดีดันมีสตรีนางอื่นมาเอี่ยวไม่รู้ว่าเรียกซวยได้มั้ยนะคุณหนึ่ง เหอๆๆๆๆ


Zephyr 22 ก.ค. 2557, 15:08:59 น.
ตอบเล้ยยยยย เมียยยยยย ค่ะ
อิอิ แกล้งสิๆๆๆๆๆ จะได้ทะเลาะกัน อุอุ
มินนี่จะได้หาเรื่องมาเจอได้อีก คริคริ
ยายญ่าตั้งป้อมสูงไปนะ ตอนลงมาีะวังพลาด เจ็บหนักนะ
มีคนอุตส่าห์เอาลิฟท์ไปรับสบายๆ ไม่ยอมเข้ามาอีก เชอะๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account