กลร้าย สะใภ้นิรนาม (ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์บลูมูน)
เธอมาพร้อมตำแหน่ง"สะใภ้นิรนาม"
เธอบอกกับทุกคนในบ้านว่าเป็นภรรยาของเขา ทั้งๆที่ไม่ใช่ความจริง
เพราะอยากรู้ว่าเธอมีแผนการณ์อะไรอยู่ในใจ เขาจึงใช้ความ "เสน่หา" และ "บทพิศวาส" บีบบังคับให้เธอยอมเผยความจริง
แม้สุดท้ายแล้ว...เขาจะต้องสูญเสียหัวใจให้เธอไปก็ตาม
เธอบอกกับทุกคนในบ้านว่าเป็นภรรยาของเขา ทั้งๆที่ไม่ใช่ความจริง
เพราะอยากรู้ว่าเธอมีแผนการณ์อะไรอยู่ในใจ เขาจึงใช้ความ "เสน่หา" และ "บทพิศวาส" บีบบังคับให้เธอยอมเผยความจริง
แม้สุดท้ายแล้ว...เขาจะต้องสูญเสียหัวใจให้เธอไปก็ตาม
Tags: นักสืบ , เซ็กซี่ , ขำขัน , น่ารัก , โรแมนติก
ตอน: เธอมาในฐานะเมีย !
บทที่ 3
เธอมาในฐานะเมีย !
“ทะลึ่ง ทะลึ่ง ทะลึ่งที่สุด ผู้หญิงอะไร” เขาโวยวายลั่น สองมือหนาเลื่อนปกปิดสิ่งพึงสงวนส่วนล่างของตัวเองโดยอัตโนมัติ ในขณะที่หญิงสาวเอาแต่ปิดตาด้วยท่าทางรับไม่ได้สุดๆ
“คุณนั่นแหละทะลึ่ง ผู้ชายอะไร…หน้าไม่อาย” หญิงสาวเถียงฉอดๆ ก่อนจะค่อยๆถ่างนิ้วแอบดูเขาสักเล็กน้อยว่าเขาหาอะไรมาปกปิดร่างกายแล้วหรือยัง
“แอบมองอะไร อยากดูก็ไม่บอก” เสียงเข้มๆดังขึ้น แต่เธอกลับรีบปิดตาแน่นกว่าเดิม แล้วตะโกนเสียงดังด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ไอ้บ้าๆๆ ทุเรศๆๆ ทุเรศที่สุด”
“บ้าอะไร พูดให้ดีๆนะ ถ้าพูดไม่เข้าหู เดี๋ยวคุณจะโดนเนรเทศออกไปจากห้องอีก”
“ก็ๆๆ ก็ดูคุณสิ แก้ผ้าออกจากห้องน้ำ เดินโทงๆ ไม่อายฟ้าอายดิน ยี้ๆๆๆ ฉันต้องมาเห็นอะไรแบบนั้น แหวะๆ” เธอพูดเสียงสั่น เล่นเอาชายหนุ่มต้องก้มลงมองที่‘ส่วนล่าง’ของตัวเอง แล้วความคิดบางอย่างก็แล่นวูบเข้ามาในหัว
ชยากรเดินอย่างมั่นใจเข้าหาร่างบางที่นั่งกอดเข่าหลับตาปี๋อยู่บนเตียงพร้อมกระชากมือเธอออกจากหน้าตัวเอง พลางพูดเสียงกริ่มๆว่า
“เอ้า…เราเป็นผัวเมียกันไม่ใช่เหรอ มองของผมนิดๆหน่อยๆไม่น่าจะตกใจขนาดนี้นะ”
“กรี๊ดดดดดดด ไอ้บ้า โรคจิต” หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนี ในขณะที่เขาปล่อยมือเธอออกแล้วหันหลังเดินไปทางตู้เสื้อผ้า
“คุณเข้ามาได้ไง”
“ไม่บอก” เธอตอบ ทั้งๆที่หน้ายังไม่ยอมหันไปทางเขา…บ้าชะมัด หน้าของเธอมันร้อนไม่ยอมหยุดเลยจริงๆ…อะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น น่ากลัวจริงๆ
“เหรอ ไม่บอกเหรอ” แล้วเขาก็เงียบเสียงไป ทำให้เธอพลอยหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น แต่เวลาผ่านไปได้ไม่ถึงห้านาที ร่างบางก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเตียงนอนด้านหลังของเธอยุบตัวลงอย่างแรงเหมือนมีคนมาทิ้งตัวลงนั่ง
“คุณ !” หญิงสาวหันขวับมามอง ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจไปทั่วร่างสูงเพรียวหุ่นนักกีฬาซึ่งสวมชุดนอนสีฟ้าลายทางแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“มองผมแบบนี้หมายความว่าไง”
“ไม่มีอะไร” ตอบพลางเมินหน้าหนีไปทางอื่น
“แต่สายตาคุณมันฟ้องว่าคุณกำลังเสียดาย” เขาแซวด้วยน้ำเสียงขันๆ
“สะ เสียดายอะไร”
“เสียดายที่ผมใส่ชุดเรียบร้อยแล้วไง อยากดูใหม่ก็ได้นะ อ้ะ…มาถอดให้ผมสิ แต่เราควรแลกกันนะ คุณก็ควรจะถอดชุดของคุณบ้าง อย่าเอาเปรียบผม” เขาเสนอความคิดที่สุดแสนจะบรรเจิด เล่นเอาเหงื่อของหญิงสาวเริ่มแตกพลั่กๆทั้งที่ในห้องมีเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบอยู่แท้ๆ
“ทะลึ่ง อย่ามาเสนออะไรทะลึ่งๆแบบนี้กับฉันนะ”
“เหอะ !” ชายหนุ่มทำเสียงประหลาดในลำคอพลางเหล่ตามองเธอ “ผมก็ไม่ได้อยากทะลึ่งกับเมียจอมปลอมอย่างคุณนักหรอกนะ แค่เห็นหน้าก็หมดอารมณ์ บอกผมมาได้แล้วว่าคุณมานอนบนเตียงผมได้ยังไง ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมเพิ่งจะหิ้วคุณไปทิ้งที่นอกบ้านมาหยกๆ”
ดูเขาพูดเข้าเถอะ…ทำเหมือนเธอเป็นตัวอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็ถุงขยะเน่าๆที่โดนเขาหยิบไปทิ้ง
“คุณพูดเหมือนฉันเป็นอะไรที่ไม่ใช่คน”
“แล้วคนที่ไหนจะมาประกาศปาวๆว่าตัวเองเป็นเมียชาวบ้านแบบนี้”
“เอ๊ะ !” ตากลมๆเริ่มขุ่นเขียว ในขณะที่เขาขยับสะโพกมานั่งใกล้เธอเรื่อยๆ มือแข็งราวคีมเหล็กตวัดร่างนิ่มขึ้นมานั่งบนตัก
“ปล่อยฉันนะ” เธอเริ่มขู่ฟ่อ ชักสำเหนียกได้ถึงลางร้ายบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้…ลางร้ายที่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนเจ้าของตักที่เธอนั่งอยู่เปี๊ยบ !
ชยากรทำท่าไม่รับรู้อาการไม่พอใจของเธอ ตาคมหรี่ลงอย่างหมายมาดยามก้มลงกระซิบถามข้างๆหูเล็กว่า
“บอกผมมา ว่าคุณเข้ามาได้ยังไง ถ้าไม่บอก…ผมจะปล้ำ” ท้ายๆประโยคทำเสียงหยอดๆอย่างมีเลศนัย
สิ้นคำพูดของเขา เสียงหัวเราะก็ระเบิดออกมาดังลั่นห้องทันทีจนแก้วหูของชยากรลั่นเปรี๊ยะ
“ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“หัวเราะบ้าอะไร หนวกหู หูจะแตก” เขาสบถ ก่อนจะผลักร่างงามออกจากตักทันที
“ก็ใครใช้ให้คุณมากระซิบข้างๆหูฉันกันล่ะ จั๊กจี้เป็นบ้า” พูดพลางก็ลูบหูตัวเองป้อยๆ หน้ายังแดงก่ำเพราะเกิดจากการหัวเราะมากเกินไป
“ห๊ะ !” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มต้องทำหน้าฉงน ผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอมา…มีแต่คนชอบให้เขากระซิบใส่ทั้งนั้น แต่สำหรับเธอคนนี้…กลับบอกว่าจั๊กจี้รูหู
“เลิกโยกโย้ได้แล้ว บอกมาซะโดยดีว่าเข้ามาได้ไง” เริ่มตีเสียงเข้มอย่างจริงจัง หมดเวลาเล่นสนุกกับเธอแล้ว ยังไงเขาก็ต้องหาวิธีไล่ผู้หญิงขี้โกหกแบบเธอออกจากชีวิตให้ได้
“ไม่บอกหรอกว่าฉันขอให้คนสวนช่วยพามา” เผลอพูดออกไปแล้ว ดวงตากลมโตก็ต้องเบิ่งกว้าง ยกมือขึ้นอุดปากตัวเองแน่น ในขณะที่ชายหนุ่มหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วก้าวลงจากเตียง จากนั้นก็…
หมับ
มือใหญ่คว้าเข้าที่คอเสื้อของเธอก่อนจะลากร่างเล็กลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว
“อ๊ายยย ฉันเจ็บนะ ปล่อยๆๆ” มือข้างที่เป็นอิสระถูกยกมาฟาดแขนแข็งแรงพั่บๆ
“โว๊ยยย ! ปวดหัวจริงๆ” เขาสบถอย่างงุ่นง่าน ก่อนจะผลักคนตัวเล็กออกจากห้องนอนแล้วชี้หน้าพูดเสียงเข้มว่า
“ออกไปซะ ออกไปจากบ้านของผม แล้วอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก ไม่งั้น…เจอดีแน่” ขู่เสร็จ เขาก็ปิดประตูใส่หน้าเธอเสียงดังสนั่น โดยไม่สนใจสักนิดว่าเมธาวีจะรู้สึกอย่างไร
มือใหญ่ยกมือยีผมตัวเองไปมา พลางเดินกลับมาทรุดลงนั่งตรงขอบเตียงพลางก้มลงซบหน้ากับฝ่ามือ เขานั่งอยู่ท่านั้นเกือบๆครึ่งชั่วโมงก่อนจะเงยหน้าขึ้น ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เห็นว่าได้เวลาลงไปทานอาหารแล้ว เขาจึงลุกยืนขึ้น
ป่านนี้ผู้หญิงคนนั้นคงกระเซอะกระเซิงกลับบ้านตัวเองไปแล้วเรียบร้อย โดนไล่ขนาดนั้น ใครจะไปกล้าอยู่ต่อกันล่ะ…จริงไหม?
ความจริงเขาควรจะยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ทำไมเขากลับถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อเดินไปเปิดประตูห้อง
ทางเดินที่ยาวไกล ปราศจากร่างบางๆที่เขาไล่ออกมา…เธอคงกลับไปแล้วจริงๆ
ท่อนขายาวๆก้าวลงจากบันไดวนเพื่อไปห้องอาหาร แต่เมื่อถึงที่หมายแล้ว คิ้วเข้มก็ถึงกับขมวดเข้าหากันเมื่อพบว่าบนโต๊ะตัวใหญ่ซึ่งถูกจัดอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายเต็มพื้นที่ ส่งกลิ่นหอมเย้ายวน โดยมีคุณวิศาลนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะเป็นประธาน ส่วนฝั่งซ้ายมือของคุณวิศาลก็คือ…เมธาวี!
“เฮ้ย !” ชายหนุ่มอุทานอย่างงุนงง เผลอก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ในขณะที่รอยยิ้มกว้างขวางถูกส่งมาให้เขาเหมือนเคย มือเรียวแกว่งช้อนส้อมไปมายามกล่าวกับเขาเสียงใสว่า
“ฉันมารอคุณตั้งนานแน่ะ คุณลงมาทานข้าวช้านะคะ มามะ…มานั่งข้างๆฉันสิ” พูดจบก็ตบเก้าอี้ข้างกายดังปุๆเป็นเชิงเชิญชวนให้เขานั่ง ในขณะที่ชยากรสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งแล้วเดินไปทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาวไม่ยอมนั่งข้างๆตามคำเชิญ
“ทำไมยังไม่กลับ” ชายหนุ่มถามเสียงลอดไรฟันอย่างหงุดหงิด
“เอ๋?” ทำสีหน้าสงสัยพร้อมเอียงคอเล็กน้อยด้วยท่าทีใสซื่อ
“จะให้ฉันไปที่ไหนล่ะคะ ในเมื่อบ้านฉันอยู่ที่นี่”
คำพูดของเธอ ทำเอาโทสะของชายหนุ่มแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เขาลุกขึ้นยืนแล้วตบโต๊ะดังปังอย่างลืมตัว
“ไม่ใช่ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของคุณ ที่นี่เป็นบ้านของผม”
“ระ เหรอ เหรอคะ” ถามเสียงสั่นๆพลางก้มหน้าลงนิ่งด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ภาพที่เขาเห็นยิ่งทำให้เขาไม่พอใจหนักยิ่งขึ้น…ผู้หญิงคนนี้จอมมารยาชัดๆ !
แต่ในสายตาของคุณวิศาลแล้ว กลับเต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจ ชายสูงวัยจึงเงยหน้าขึ้นมองบุตรชายด้วยสายตาตำหนิ
“นั่งลงก่อนตาชา ทำไมต้องทำกิริยาแบบนั้นใส่หนูเมด้วย”
ชายหนุ่มบดกรามแน่น ยอมนั่งลงตามเดิมด้วยท่าทางฮึดฮัด รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเขาต่อว่าอะไรเมธาวีในตอนนี้ พ่อของเขาคงไม่ยอมแน่ๆ ชยากรจึงเปลี่ยนเรื่องไปว่า
“แล้วยัยชุล่ะครับพ่อ”
“ยังไม่กลับบ้านเลย” คุณวิศาลส่ายหน้าช้าๆอย่างระอาใจ นึกถึงพฤติกรรมของผู้เป็นบุตรสาวที่ชื่อชุลีกรขึ้นมาทีไร ข้างขมับเป็นต้องเต้นตุบๆด้วยความเครียดทุกที
ชุลีกรเป็นน้องสาวของชยากรถึงแม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่นิสัยของคนทั้งสองกลับต่างกันลิบลับ
ชยากรเป็นผู้ชายเงียบขรึม แต่ใจดี ในขณะที่ชุลีกรเป็นคนพูดเก่ง แต่จิตใจนั้น…ร้ายผิดกับหน้าตาสวยๆของเธอเลยทีเดียวล่ะ
ชุลีกรอายุ24ปีแล้ว เคยผ่านการมีสามีมาแล้วเรียบร้อย แต่เพราะนิสัยขี้วีนของเจ้าหล่อนนี่แหละที่ทำให้สมพงษ์ผู้เป็นสามีเกิดอาการทนไม่ไหว ต้องหอบลูกสาววัยสามขวบหนีไปแล้วไม่หวนกลับมาอีก ทิ้งให้ผู้เป็นภรรยาต้องฟูมฟายเป็นโรคซึมเศร้าอยู่นานแรมเดือน ในที่สุด…ชุลีกรก็กลับมาเป็นคนเดิม แต่จะต่างจากเดิมอยู่เล็กน้อยก็ตรงที่เธอเที่ยวหนักกว่าเมื่อก่อน ทั้งผับทั้งบาร์ ดื่มเหล้า มั่วผู้ชาย เธอทำมาแล้วทั้งสิ้น ทำให้คุณวิศาลรู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อย… เขาเองก็เจ็บออดๆแอดๆ กลัวเหลือเกินว่าหากสักวันสังขารของเขาไปต่อไม่ไหว ลมหายใจเกิดดับไปเสียเฉยๆ แล้ววันนั้นชุลีกรจะเป็นอย่างไร…
เขาไม่ค่อยเป็นห่วงชยากรนัก เพราะลูกชายคนนี้โตพอที่จะมีความคิดอ่าน รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก และไม่เคยทำความหนักใจอะไรให้คุณวิศาลเลย ผิดกับชุลีกรที่ช่างสรรหาแต่เรื่องน่าปวดหัวมาให้ผู้เป็นบิดาไม่เว้นแต่ละวัน
“คงไปเที่ยวกลางคืนอีกแน่ๆ” ชายหนุ่มเปรยขึ้นอย่างคนที่รู้นิสัยผู้เป็นน้องสาวดี ระหว่างที่รอให้จิราตักข้าวสวยร้อนๆจากในโถมาใส่จานให้
“ไม่ไหวเลยลูกคนนี้” คุณวิศาลถอนหายใจพรืด
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในโต๊ะอาหารชักจะอึมครึมจนหญิงสาวชักจะกลืนข้าวไม่ลง เธอจึงเอ่ยขึ้นทำลายความเครียดของสองพ่อลูก
“อะแฮ่ม อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยนะคะ”
“ถ้าชอบก็ทานเยอะๆสิหนูเม หลานในท้องของพ่อจะได้อ้วนๆ”
ได้ยินคำว่า‘พ่อ’หลุดออกจากปากคุณวิศาล ชายหนุ่มก็ถึงกับหูกระดิกขึ้นมาทันควัน เขาหันขวับมามองชายชราก่อนจะถามย้ำเหมือนไม่แน่ใจว่า
“เมื่อกี้นี้พ่อเรียกตัวเองว่าอะไรนะครับ”
“เรียกว่า…พ่อไง แปลกตรงไหน” ถามพลางตักชิ้นเต้าหู้ในแกงจืดใส่เข้าปากด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ผิดกับท่าทางหงุดหงิดของผู้เป็นลูกชายเสียลิบลับ
“ทำไมจะไม่แปลก พ่อเรียกตัวเองว่าพ่อกับยัยสิบแปดมงกุฎนี่ได้ไง”
“เขาไม่ได้เป็นสิบแปดมงกุฎนะลูก เขาเป็นเมียชานะ”
“ไม่จริง ผมไม่ได้มีเมียหน้าตาแบบนี้ ผมพูดจริงๆนะ สาระเลย”
“สิ่งที่แกพูดน่ะมันไร้สาระ ต้องสิ่งที่ออกจากปากพ่อสิ ถึงจะมีสาระ”
“หมายความว่าพ่อไม่เชื่อที่ผมพูด”
“ใช่สิ พ่อไม่เชื่อ…แกน่ะคิดจะฟันเขาแล้วไม่รับผิดชอบ เลยปฏิเสธ โกหกหน้าด้านๆ”
โดนบิดาว่าแบบนี้เข้าไป เลือดโมโหก็พุ่งขึ้นหน้าชายหนุ่มทันที…ทำไมเขาต้องกลายเป็นคนผิดในเรื่องที่เขาไม่ได้ก่อขึ้นมาด้วย !
“ใครกันแน่ครับที่หน้าด้าน ยัยเมนั่นต่างหากที่หน้าด้าน มาตู่หน้าตาเฉยว่าเป็นเมียผม”
“แต่พ่อเชื่อว่าหนูเมเขาไม่ได้โกหก”
“พ่อเชื่อคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง”
“ไม่ใช่แบบนั้น ก็หนูเมเขาเป็นผู้หญิง ถ้าเขาไม่ได้เสียตัวให้แกไปแล้วจริงๆ เขาคงไม่กล้ามาพูดกับพ่อแบบนี้หรอก”
“พ่อ…” เสียงของชยากรอ่อนลงคล้ายจะระอาใจ ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่เขาเถียงกับคุณวิศาลนั้น เมธาวีเอาแต่เงียบ ไม่ได้พูดแทรกอะไรขึ้นมาเลยสักคำเดียว
ตาคมจึงตวัดฉับไปมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะตะคอกเสียงดังลั่น
“นี่คุณ !!”
เสียงดังๆของเขา ทำเอาชิ้นไก่ที่หญิงสาวคาบอยู่แทบจะหลุดออกจากปาก ตากลมๆเหลือบมองเขาอย่างตระหนก ในขณะที่ชายหนุ่มถึงกับคำรามลอดไรฟัน
“ขี้โกงที่สุด ช่วงที่ผมเถียงกับพ่อ คุณเอาแต่กินตุ้ยๆจนไก่ทอดของโปรดผมแทบจะหมดอยู่แล้ว น่าหงุดหงิดจริงเว้ย นี่มันวันอะไรกัน!!”
และหล่อนก็ตอบออกมาทันควันว่า “วันจันทร์ค่ะ !!”
ร่างผอมบางยืนแอบอยู่ข้างๆประตู ดวงรีเล็กแฝงความนัยบางอย่างที่ยากเกินกว่าจะมีใครอ่านออก มือแห้งๆยกขึ้นจับขอบประตู รอยยิ้มเหยียดๆถูกจุดขึ้นที่มุมปาก
ทุกกิริยา ทุกอิริยาบถของหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆล้วนถูกจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
ทีท่าที่แสนน่ารัก ช่างพูด และช่างฉอเลาะ ทำให้เมธาวีกลายเป็น‘คนโปรด’ของคุณวิศาลภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และนั่นก็ยิ่งสร้างความเคียดแค้นให้กับเธออีกเป็นเท่าตัว
จะไม่ให้เธอเครียดได้อย่างไร ในเมื่อวันนี้ผู้หญิงที่ชื่อเมธาวีได้ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ พร้อมประกาศตัวว่าเป็นเมียของชยากร
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกทางจมูกเล็กน้อย ก่อนจะเดินหายลับไปอย่างเงียบๆ รอก่อนเถอะ…ผู้หญิงคนนั้นจะมีเวลาชูคอในบ้านหลังนี้อีกไม่กี่วันหรอก…จะได้ดื่มด่ำรสชาติความสุขที่ได้สามีหล่อๆรวยๆอีกไม่นาน
เพราะ…คนอย่างเธอ ไม่มีวันปล่อยให้เมธาวีอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ในฐานะภรรยาของชยากรได้นานถึงหนึ่งเดือนหรอก ไม่มีวัน และไม่มีวัน !!
เธอมาในฐานะเมีย !
“ทะลึ่ง ทะลึ่ง ทะลึ่งที่สุด ผู้หญิงอะไร” เขาโวยวายลั่น สองมือหนาเลื่อนปกปิดสิ่งพึงสงวนส่วนล่างของตัวเองโดยอัตโนมัติ ในขณะที่หญิงสาวเอาแต่ปิดตาด้วยท่าทางรับไม่ได้สุดๆ
“คุณนั่นแหละทะลึ่ง ผู้ชายอะไร…หน้าไม่อาย” หญิงสาวเถียงฉอดๆ ก่อนจะค่อยๆถ่างนิ้วแอบดูเขาสักเล็กน้อยว่าเขาหาอะไรมาปกปิดร่างกายแล้วหรือยัง
“แอบมองอะไร อยากดูก็ไม่บอก” เสียงเข้มๆดังขึ้น แต่เธอกลับรีบปิดตาแน่นกว่าเดิม แล้วตะโกนเสียงดังด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ไอ้บ้าๆๆ ทุเรศๆๆ ทุเรศที่สุด”
“บ้าอะไร พูดให้ดีๆนะ ถ้าพูดไม่เข้าหู เดี๋ยวคุณจะโดนเนรเทศออกไปจากห้องอีก”
“ก็ๆๆ ก็ดูคุณสิ แก้ผ้าออกจากห้องน้ำ เดินโทงๆ ไม่อายฟ้าอายดิน ยี้ๆๆๆ ฉันต้องมาเห็นอะไรแบบนั้น แหวะๆ” เธอพูดเสียงสั่น เล่นเอาชายหนุ่มต้องก้มลงมองที่‘ส่วนล่าง’ของตัวเอง แล้วความคิดบางอย่างก็แล่นวูบเข้ามาในหัว
ชยากรเดินอย่างมั่นใจเข้าหาร่างบางที่นั่งกอดเข่าหลับตาปี๋อยู่บนเตียงพร้อมกระชากมือเธอออกจากหน้าตัวเอง พลางพูดเสียงกริ่มๆว่า
“เอ้า…เราเป็นผัวเมียกันไม่ใช่เหรอ มองของผมนิดๆหน่อยๆไม่น่าจะตกใจขนาดนี้นะ”
“กรี๊ดดดดดดด ไอ้บ้า โรคจิต” หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนี ในขณะที่เขาปล่อยมือเธอออกแล้วหันหลังเดินไปทางตู้เสื้อผ้า
“คุณเข้ามาได้ไง”
“ไม่บอก” เธอตอบ ทั้งๆที่หน้ายังไม่ยอมหันไปทางเขา…บ้าชะมัด หน้าของเธอมันร้อนไม่ยอมหยุดเลยจริงๆ…อะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น น่ากลัวจริงๆ
“เหรอ ไม่บอกเหรอ” แล้วเขาก็เงียบเสียงไป ทำให้เธอพลอยหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น แต่เวลาผ่านไปได้ไม่ถึงห้านาที ร่างบางก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเตียงนอนด้านหลังของเธอยุบตัวลงอย่างแรงเหมือนมีคนมาทิ้งตัวลงนั่ง
“คุณ !” หญิงสาวหันขวับมามอง ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจไปทั่วร่างสูงเพรียวหุ่นนักกีฬาซึ่งสวมชุดนอนสีฟ้าลายทางแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“มองผมแบบนี้หมายความว่าไง”
“ไม่มีอะไร” ตอบพลางเมินหน้าหนีไปทางอื่น
“แต่สายตาคุณมันฟ้องว่าคุณกำลังเสียดาย” เขาแซวด้วยน้ำเสียงขันๆ
“สะ เสียดายอะไร”
“เสียดายที่ผมใส่ชุดเรียบร้อยแล้วไง อยากดูใหม่ก็ได้นะ อ้ะ…มาถอดให้ผมสิ แต่เราควรแลกกันนะ คุณก็ควรจะถอดชุดของคุณบ้าง อย่าเอาเปรียบผม” เขาเสนอความคิดที่สุดแสนจะบรรเจิด เล่นเอาเหงื่อของหญิงสาวเริ่มแตกพลั่กๆทั้งที่ในห้องมีเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบอยู่แท้ๆ
“ทะลึ่ง อย่ามาเสนออะไรทะลึ่งๆแบบนี้กับฉันนะ”
“เหอะ !” ชายหนุ่มทำเสียงประหลาดในลำคอพลางเหล่ตามองเธอ “ผมก็ไม่ได้อยากทะลึ่งกับเมียจอมปลอมอย่างคุณนักหรอกนะ แค่เห็นหน้าก็หมดอารมณ์ บอกผมมาได้แล้วว่าคุณมานอนบนเตียงผมได้ยังไง ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมเพิ่งจะหิ้วคุณไปทิ้งที่นอกบ้านมาหยกๆ”
ดูเขาพูดเข้าเถอะ…ทำเหมือนเธอเป็นตัวอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็ถุงขยะเน่าๆที่โดนเขาหยิบไปทิ้ง
“คุณพูดเหมือนฉันเป็นอะไรที่ไม่ใช่คน”
“แล้วคนที่ไหนจะมาประกาศปาวๆว่าตัวเองเป็นเมียชาวบ้านแบบนี้”
“เอ๊ะ !” ตากลมๆเริ่มขุ่นเขียว ในขณะที่เขาขยับสะโพกมานั่งใกล้เธอเรื่อยๆ มือแข็งราวคีมเหล็กตวัดร่างนิ่มขึ้นมานั่งบนตัก
“ปล่อยฉันนะ” เธอเริ่มขู่ฟ่อ ชักสำเหนียกได้ถึงลางร้ายบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้…ลางร้ายที่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนเจ้าของตักที่เธอนั่งอยู่เปี๊ยบ !
ชยากรทำท่าไม่รับรู้อาการไม่พอใจของเธอ ตาคมหรี่ลงอย่างหมายมาดยามก้มลงกระซิบถามข้างๆหูเล็กว่า
“บอกผมมา ว่าคุณเข้ามาได้ยังไง ถ้าไม่บอก…ผมจะปล้ำ” ท้ายๆประโยคทำเสียงหยอดๆอย่างมีเลศนัย
สิ้นคำพูดของเขา เสียงหัวเราะก็ระเบิดออกมาดังลั่นห้องทันทีจนแก้วหูของชยากรลั่นเปรี๊ยะ
“ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“หัวเราะบ้าอะไร หนวกหู หูจะแตก” เขาสบถ ก่อนจะผลักร่างงามออกจากตักทันที
“ก็ใครใช้ให้คุณมากระซิบข้างๆหูฉันกันล่ะ จั๊กจี้เป็นบ้า” พูดพลางก็ลูบหูตัวเองป้อยๆ หน้ายังแดงก่ำเพราะเกิดจากการหัวเราะมากเกินไป
“ห๊ะ !” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มต้องทำหน้าฉงน ผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอมา…มีแต่คนชอบให้เขากระซิบใส่ทั้งนั้น แต่สำหรับเธอคนนี้…กลับบอกว่าจั๊กจี้รูหู
“เลิกโยกโย้ได้แล้ว บอกมาซะโดยดีว่าเข้ามาได้ไง” เริ่มตีเสียงเข้มอย่างจริงจัง หมดเวลาเล่นสนุกกับเธอแล้ว ยังไงเขาก็ต้องหาวิธีไล่ผู้หญิงขี้โกหกแบบเธอออกจากชีวิตให้ได้
“ไม่บอกหรอกว่าฉันขอให้คนสวนช่วยพามา” เผลอพูดออกไปแล้ว ดวงตากลมโตก็ต้องเบิ่งกว้าง ยกมือขึ้นอุดปากตัวเองแน่น ในขณะที่ชายหนุ่มหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วก้าวลงจากเตียง จากนั้นก็…
หมับ
มือใหญ่คว้าเข้าที่คอเสื้อของเธอก่อนจะลากร่างเล็กลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว
“อ๊ายยย ฉันเจ็บนะ ปล่อยๆๆ” มือข้างที่เป็นอิสระถูกยกมาฟาดแขนแข็งแรงพั่บๆ
“โว๊ยยย ! ปวดหัวจริงๆ” เขาสบถอย่างงุ่นง่าน ก่อนจะผลักคนตัวเล็กออกจากห้องนอนแล้วชี้หน้าพูดเสียงเข้มว่า
“ออกไปซะ ออกไปจากบ้านของผม แล้วอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก ไม่งั้น…เจอดีแน่” ขู่เสร็จ เขาก็ปิดประตูใส่หน้าเธอเสียงดังสนั่น โดยไม่สนใจสักนิดว่าเมธาวีจะรู้สึกอย่างไร
มือใหญ่ยกมือยีผมตัวเองไปมา พลางเดินกลับมาทรุดลงนั่งตรงขอบเตียงพลางก้มลงซบหน้ากับฝ่ามือ เขานั่งอยู่ท่านั้นเกือบๆครึ่งชั่วโมงก่อนจะเงยหน้าขึ้น ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เห็นว่าได้เวลาลงไปทานอาหารแล้ว เขาจึงลุกยืนขึ้น
ป่านนี้ผู้หญิงคนนั้นคงกระเซอะกระเซิงกลับบ้านตัวเองไปแล้วเรียบร้อย โดนไล่ขนาดนั้น ใครจะไปกล้าอยู่ต่อกันล่ะ…จริงไหม?
ความจริงเขาควรจะยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ทำไมเขากลับถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อเดินไปเปิดประตูห้อง
ทางเดินที่ยาวไกล ปราศจากร่างบางๆที่เขาไล่ออกมา…เธอคงกลับไปแล้วจริงๆ
ท่อนขายาวๆก้าวลงจากบันไดวนเพื่อไปห้องอาหาร แต่เมื่อถึงที่หมายแล้ว คิ้วเข้มก็ถึงกับขมวดเข้าหากันเมื่อพบว่าบนโต๊ะตัวใหญ่ซึ่งถูกจัดอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายเต็มพื้นที่ ส่งกลิ่นหอมเย้ายวน โดยมีคุณวิศาลนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะเป็นประธาน ส่วนฝั่งซ้ายมือของคุณวิศาลก็คือ…เมธาวี!
“เฮ้ย !” ชายหนุ่มอุทานอย่างงุนงง เผลอก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ในขณะที่รอยยิ้มกว้างขวางถูกส่งมาให้เขาเหมือนเคย มือเรียวแกว่งช้อนส้อมไปมายามกล่าวกับเขาเสียงใสว่า
“ฉันมารอคุณตั้งนานแน่ะ คุณลงมาทานข้าวช้านะคะ มามะ…มานั่งข้างๆฉันสิ” พูดจบก็ตบเก้าอี้ข้างกายดังปุๆเป็นเชิงเชิญชวนให้เขานั่ง ในขณะที่ชยากรสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งแล้วเดินไปทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาวไม่ยอมนั่งข้างๆตามคำเชิญ
“ทำไมยังไม่กลับ” ชายหนุ่มถามเสียงลอดไรฟันอย่างหงุดหงิด
“เอ๋?” ทำสีหน้าสงสัยพร้อมเอียงคอเล็กน้อยด้วยท่าทีใสซื่อ
“จะให้ฉันไปที่ไหนล่ะคะ ในเมื่อบ้านฉันอยู่ที่นี่”
คำพูดของเธอ ทำเอาโทสะของชายหนุ่มแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เขาลุกขึ้นยืนแล้วตบโต๊ะดังปังอย่างลืมตัว
“ไม่ใช่ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของคุณ ที่นี่เป็นบ้านของผม”
“ระ เหรอ เหรอคะ” ถามเสียงสั่นๆพลางก้มหน้าลงนิ่งด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ภาพที่เขาเห็นยิ่งทำให้เขาไม่พอใจหนักยิ่งขึ้น…ผู้หญิงคนนี้จอมมารยาชัดๆ !
แต่ในสายตาของคุณวิศาลแล้ว กลับเต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจ ชายสูงวัยจึงเงยหน้าขึ้นมองบุตรชายด้วยสายตาตำหนิ
“นั่งลงก่อนตาชา ทำไมต้องทำกิริยาแบบนั้นใส่หนูเมด้วย”
ชายหนุ่มบดกรามแน่น ยอมนั่งลงตามเดิมด้วยท่าทางฮึดฮัด รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเขาต่อว่าอะไรเมธาวีในตอนนี้ พ่อของเขาคงไม่ยอมแน่ๆ ชยากรจึงเปลี่ยนเรื่องไปว่า
“แล้วยัยชุล่ะครับพ่อ”
“ยังไม่กลับบ้านเลย” คุณวิศาลส่ายหน้าช้าๆอย่างระอาใจ นึกถึงพฤติกรรมของผู้เป็นบุตรสาวที่ชื่อชุลีกรขึ้นมาทีไร ข้างขมับเป็นต้องเต้นตุบๆด้วยความเครียดทุกที
ชุลีกรเป็นน้องสาวของชยากรถึงแม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่นิสัยของคนทั้งสองกลับต่างกันลิบลับ
ชยากรเป็นผู้ชายเงียบขรึม แต่ใจดี ในขณะที่ชุลีกรเป็นคนพูดเก่ง แต่จิตใจนั้น…ร้ายผิดกับหน้าตาสวยๆของเธอเลยทีเดียวล่ะ
ชุลีกรอายุ24ปีแล้ว เคยผ่านการมีสามีมาแล้วเรียบร้อย แต่เพราะนิสัยขี้วีนของเจ้าหล่อนนี่แหละที่ทำให้สมพงษ์ผู้เป็นสามีเกิดอาการทนไม่ไหว ต้องหอบลูกสาววัยสามขวบหนีไปแล้วไม่หวนกลับมาอีก ทิ้งให้ผู้เป็นภรรยาต้องฟูมฟายเป็นโรคซึมเศร้าอยู่นานแรมเดือน ในที่สุด…ชุลีกรก็กลับมาเป็นคนเดิม แต่จะต่างจากเดิมอยู่เล็กน้อยก็ตรงที่เธอเที่ยวหนักกว่าเมื่อก่อน ทั้งผับทั้งบาร์ ดื่มเหล้า มั่วผู้ชาย เธอทำมาแล้วทั้งสิ้น ทำให้คุณวิศาลรู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อย… เขาเองก็เจ็บออดๆแอดๆ กลัวเหลือเกินว่าหากสักวันสังขารของเขาไปต่อไม่ไหว ลมหายใจเกิดดับไปเสียเฉยๆ แล้ววันนั้นชุลีกรจะเป็นอย่างไร…
เขาไม่ค่อยเป็นห่วงชยากรนัก เพราะลูกชายคนนี้โตพอที่จะมีความคิดอ่าน รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก และไม่เคยทำความหนักใจอะไรให้คุณวิศาลเลย ผิดกับชุลีกรที่ช่างสรรหาแต่เรื่องน่าปวดหัวมาให้ผู้เป็นบิดาไม่เว้นแต่ละวัน
“คงไปเที่ยวกลางคืนอีกแน่ๆ” ชายหนุ่มเปรยขึ้นอย่างคนที่รู้นิสัยผู้เป็นน้องสาวดี ระหว่างที่รอให้จิราตักข้าวสวยร้อนๆจากในโถมาใส่จานให้
“ไม่ไหวเลยลูกคนนี้” คุณวิศาลถอนหายใจพรืด
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในโต๊ะอาหารชักจะอึมครึมจนหญิงสาวชักจะกลืนข้าวไม่ลง เธอจึงเอ่ยขึ้นทำลายความเครียดของสองพ่อลูก
“อะแฮ่ม อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยนะคะ”
“ถ้าชอบก็ทานเยอะๆสิหนูเม หลานในท้องของพ่อจะได้อ้วนๆ”
ได้ยินคำว่า‘พ่อ’หลุดออกจากปากคุณวิศาล ชายหนุ่มก็ถึงกับหูกระดิกขึ้นมาทันควัน เขาหันขวับมามองชายชราก่อนจะถามย้ำเหมือนไม่แน่ใจว่า
“เมื่อกี้นี้พ่อเรียกตัวเองว่าอะไรนะครับ”
“เรียกว่า…พ่อไง แปลกตรงไหน” ถามพลางตักชิ้นเต้าหู้ในแกงจืดใส่เข้าปากด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ผิดกับท่าทางหงุดหงิดของผู้เป็นลูกชายเสียลิบลับ
“ทำไมจะไม่แปลก พ่อเรียกตัวเองว่าพ่อกับยัยสิบแปดมงกุฎนี่ได้ไง”
“เขาไม่ได้เป็นสิบแปดมงกุฎนะลูก เขาเป็นเมียชานะ”
“ไม่จริง ผมไม่ได้มีเมียหน้าตาแบบนี้ ผมพูดจริงๆนะ สาระเลย”
“สิ่งที่แกพูดน่ะมันไร้สาระ ต้องสิ่งที่ออกจากปากพ่อสิ ถึงจะมีสาระ”
“หมายความว่าพ่อไม่เชื่อที่ผมพูด”
“ใช่สิ พ่อไม่เชื่อ…แกน่ะคิดจะฟันเขาแล้วไม่รับผิดชอบ เลยปฏิเสธ โกหกหน้าด้านๆ”
โดนบิดาว่าแบบนี้เข้าไป เลือดโมโหก็พุ่งขึ้นหน้าชายหนุ่มทันที…ทำไมเขาต้องกลายเป็นคนผิดในเรื่องที่เขาไม่ได้ก่อขึ้นมาด้วย !
“ใครกันแน่ครับที่หน้าด้าน ยัยเมนั่นต่างหากที่หน้าด้าน มาตู่หน้าตาเฉยว่าเป็นเมียผม”
“แต่พ่อเชื่อว่าหนูเมเขาไม่ได้โกหก”
“พ่อเชื่อคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง”
“ไม่ใช่แบบนั้น ก็หนูเมเขาเป็นผู้หญิง ถ้าเขาไม่ได้เสียตัวให้แกไปแล้วจริงๆ เขาคงไม่กล้ามาพูดกับพ่อแบบนี้หรอก”
“พ่อ…” เสียงของชยากรอ่อนลงคล้ายจะระอาใจ ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่เขาเถียงกับคุณวิศาลนั้น เมธาวีเอาแต่เงียบ ไม่ได้พูดแทรกอะไรขึ้นมาเลยสักคำเดียว
ตาคมจึงตวัดฉับไปมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะตะคอกเสียงดังลั่น
“นี่คุณ !!”
เสียงดังๆของเขา ทำเอาชิ้นไก่ที่หญิงสาวคาบอยู่แทบจะหลุดออกจากปาก ตากลมๆเหลือบมองเขาอย่างตระหนก ในขณะที่ชายหนุ่มถึงกับคำรามลอดไรฟัน
“ขี้โกงที่สุด ช่วงที่ผมเถียงกับพ่อ คุณเอาแต่กินตุ้ยๆจนไก่ทอดของโปรดผมแทบจะหมดอยู่แล้ว น่าหงุดหงิดจริงเว้ย นี่มันวันอะไรกัน!!”
และหล่อนก็ตอบออกมาทันควันว่า “วันจันทร์ค่ะ !!”
ร่างผอมบางยืนแอบอยู่ข้างๆประตู ดวงรีเล็กแฝงความนัยบางอย่างที่ยากเกินกว่าจะมีใครอ่านออก มือแห้งๆยกขึ้นจับขอบประตู รอยยิ้มเหยียดๆถูกจุดขึ้นที่มุมปาก
ทุกกิริยา ทุกอิริยาบถของหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆล้วนถูกจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
ทีท่าที่แสนน่ารัก ช่างพูด และช่างฉอเลาะ ทำให้เมธาวีกลายเป็น‘คนโปรด’ของคุณวิศาลภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และนั่นก็ยิ่งสร้างความเคียดแค้นให้กับเธออีกเป็นเท่าตัว
จะไม่ให้เธอเครียดได้อย่างไร ในเมื่อวันนี้ผู้หญิงที่ชื่อเมธาวีได้ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ พร้อมประกาศตัวว่าเป็นเมียของชยากร
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกทางจมูกเล็กน้อย ก่อนจะเดินหายลับไปอย่างเงียบๆ รอก่อนเถอะ…ผู้หญิงคนนั้นจะมีเวลาชูคอในบ้านหลังนี้อีกไม่กี่วันหรอก…จะได้ดื่มด่ำรสชาติความสุขที่ได้สามีหล่อๆรวยๆอีกไม่นาน
เพราะ…คนอย่างเธอ ไม่มีวันปล่อยให้เมธาวีอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ในฐานะภรรยาของชยากรได้นานถึงหนึ่งเดือนหรอก ไม่มีวัน และไม่มีวัน !!
1อังกฤษ2อักษรสีทอง3รามิล4จอมขวัญ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ค. 2557, 10:16:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ค. 2557, 10:16:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 1176
<< พาฉันเข้าห้องนอนหน่อยสิคะคุณสามี (ที่รัก) |