กลร้าย สะใภ้นิรนาม (ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์บลูมูน)
เธอมาพร้อมตำแหน่ง"สะใภ้นิรนาม"
เธอบอกกับทุกคนในบ้านว่าเป็นภรรยาของเขา ทั้งๆที่ไม่ใช่ความจริง
เพราะอยากรู้ว่าเธอมีแผนการณ์อะไรอยู่ในใจ เขาจึงใช้ความ "เสน่หา" และ "บทพิศวาส" บีบบังคับให้เธอยอมเผยความจริง
แม้สุดท้ายแล้ว...เขาจะต้องสูญเสียหัวใจให้เธอไปก็ตาม
Tags: นักสืบ , เซ็กซี่ , ขำขัน , น่ารัก , โรแมนติก

ตอน: พาฉันเข้าห้องนอนหน่อยสิคะคุณสามี (ที่รัก)

บทที่ 2
พาฉันเข้าห้องนอนหน่อยสิคะคุณสามี (ที่รัก)

“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะคะ เบาๆหน่อยสิคุณสามี” เสียงสูดปากดังขึ้น ใบหน้ารูปไข่เริ่มเหยเกด้วยความเจ็บ พยายามบิดข้อมือออกจากมือแข็งๆของเขา

“เจ็บๆน่ะดีแล้ว เผื่อคุณจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป หนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้าเหรอไงยัยสิบแปดมงกุฎ”

“ตกลงจะให้ฉันเป็นสิบแปดมงกุฎหรือว่าคนบ้ากันแน่ เลือกเอาสักอย่าง” เสียงเล็กๆที่ชอบดัดให้สูงๆใสๆคิกขุเหมือนเสียงเด็กม.ต้นเริ่มแข็งขึ้น ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับอย่างไม่พอใจ

“เป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละ บอกมานะว่าคุณทำแบบนี้ทำไม” ชายหนุ่มจ้องมองอย่างคาดคั้น แต่มีหรือที่คนอย่างเมธาวีจะเกรงกลัว…คอระหงเชิดขึ้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวพลางพูดด้วยกิริยาที่ชวนให้ชยากรนึกหมั่นไส้

“ทำไมล่ะคะ ฉันเป็นเมียคุณ ทำไมฉันจะมาอยู่กับคุณที่นี่ไม่ได้”

“เมียบ้าบออะไร ตอนสายๆผมเจอคุณที่บันได ตอนบ่ายๆผมเจอคุณที่นอกหน้าต่าง พอตกเย็น ผมเจอคุณอยู่ที่บ้านผม แล้วยังบอกว่าท้องกับผมอีกต่างหาก คนนะไม่ใช่ปลากัด จะได้แค่สบตากันก็ท้องได้น่ะ” เสียงขุ่นๆตะคอกใส่หน้าเธออย่างไม่เกรงใจ

“คุณพูดแบบนี้ คุณคิดจะปัดความรับผิดชอบเหรอไง”

“รับผิดชอบบ้าบออะไร” มือใหญ่ยีผมตัวเองจนยุ่งเหยิง นัยน์ตาแข็งกร้าวตวัดมาทางเมธาวีอย่างเครียดๆ…จากชีวิตเรียบเรื่อยไร้รสชาติ เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน แต่แล้ววันหนึ่ง…เมื่อกลับถึงบ้านกลับพบว่าตัวเองมีภรรยาแล้ว แถมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เขาจะได้เป็นพ่อคน ใครบ้างล่ะจะไม่ช็อก

“คุณพูดแบบนี้กับภรรยาสุดที่รักได้ยังไงกัน” ตากลมโตกระพริบวิบวับ พลางยื่นปากจู๋ใส่เขาอย่างงอนๆ เธอคงพยายามทำให้ดูน่ารัก แต่ในความคิดของเขาแล้ว…ท่าทางของเธอช่างดูขัดตาขัดใจเขาอย่างบอกไม่ถูก นอกจากเธอจะโกหกเก่งแล้ว ยังมารยาเสแสร้งจนนางร้ายในละครยังยกนิ้วให้

“ออกไปจากบ้านผมซะ แล้วผมจะไม่เอาเรื่อง” พยายามข่มใจพูดเสียงขรึม

“ไม่ได้นะ ฉันท้องอยู่ คุณต้องรับผิดชอบสิ” ว่าพลางก็ลูบท้องตัวเองป้อยๆ

“คนท้องบ้าอะไร ท้องแบนขนาดนี้” เขาชี้นิ้วไปที่หน้าท้องของเธอ ในขณะที่หญิงสาวส่ายหัวด๊อกแด๊กราวกับว่า…เขานี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

“ท้องแรกก็งี้แหละ ท้องสาวมันเลยดูยาก ฉันเพิ่งท้องได้แค่3เดือน มันเลยยังไม่ป่อง”

“งั้นไปกับผม” มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเธออีกครั้ง

“ไปไหน?”

“ไปหาหมอตรวจว่าคุณท้องจริงหรือเปล่า”

“เอ๊ะ! ฉันไม่ไปนะ ฉันเคยไปมาแล้ว” เมธาวีพยายามขืนตัวเอาไว้สุดแรงก่อนจะกระชากมือตัวเองออกจนเป็นอิสระ

“จะไปหรือไม่ไป” ดวงตาคู่คมเริ่มสว่างวาบ แต่เธอก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

“ฉันไม่ไป”

มือเรียวควานหาอะไรในถุงย่ามสักพักก่อนจะหยิบมายัดใส่มือของเขาอย่างรวดเร็ว

“นี่ไง ยา เห็นมั้ยว่าฉันท้องจริงๆ”

คิ้วเข้มสองข้างขมวดเข้าหากันเป็นปม จ้องมองสิ่งในมือพักหนึ่งแล้วยัดมันคืนใส่มือหญิงสาว

“แต่คุณอาจท้องกับคนอื่นแล้วคิดจะจับผม”

“คุณเป็นปลาเหรอไง ฉันถึงต้องอยากจับคุณ”

“อย่ามาเฉไฉ ผมไม่ชอบ” มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ไหล่บางทั้งสองข้างพร้อมออกแรงบีบอย่างแรงจนเมธาวีชักจะโมโห

“ฉันไม่ได้เฉไฉนะ พอฉันคลอดลูกออกมา ก็เอาลูกฉันไปตรวจหาดีเอ็นเอเข้าสิ แค่นี้ความจริงก็กระจ่าง”

ได้ฟังคนปากดีพูดจ๋อยๆแล้ว ชายหนุ่มก็ถึงกับหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด และโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว…ริมฝีปากร้อนๆก็กระแทกลงปิดเรียวปากนุ่มอย่างรุนแรงและดุดัน

จุ๊บ

ตากลมโตเบิกค้างอย่างตกตะลึง เมื่อแก้มนุ่มถูกบีบด้วยมือใหญ่ที่บังคับให้หล่อนเผยอเรียวปาก ก่อนที่ลิ้นร้อนๆจะสอดแทรกเข้าสู่โพรงปากนุ่มอย่างชำนาญทาง

ขาเรียวเริ่มสั่นพาลจะอ่อนแรงเอาเสียดื้อๆ ไหล่บางถูกมือหนายึดไว้แน่น ในขณะที่ปากอุ่นยังคงบดเคล้าคลึงขยี้ปากอิ่มอย่างดุเดือด

คราแรกเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่จากนั้นอารมณ์หวามเริ่มเข้าแทนที่อารมณ์หงุดหงิด ชายหนุ่มเลื่อนฝ่ามือลงมาที่เอวเล็กอย่างลืมตัว พร้อมกดสะโพกผายตึงให้ส่วนหน้าของเธอเสียดสีแนบชิดกับกำแพงกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนของเขา

ท่าทางไม่ประสีประสาของเธอ ทำให้ชายหนุ่มเจียนคลั่ง จุมพิตซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนถอนจูบออก เลื่อนปลายจมูกโด่งลงซุกไซร้ซอกคอขาวผ่อง ขบกัดเบาๆที่แอ่งชีพจร รับรู้ได้ถึงอาการสั่นระริกของร่างที่เขากอดแนบแน่น วินาทีนั้นเองที่ชยากรเริ่มกลับมามีสติอีกครั้ง มือใหญ่ปลดปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ พร้อมกับผลักร่างงามอย่างแรงจนเธอเซ และด้วยความที่ขายังคงไร้เรี่ยวแรงอยู่ เธอจึงทรุดลงนั่งกองบนพื้นอย่างง่ายดาย ริมฝีปากอิ่มบวมแดงจากรสจุมพิตที่เขาป้อนให้เมื่อครู่ ก้อนเนื้อที่อกซ้ายเต้นระรัวราวจะปะทุออกมาโลดแล่นข้างนอกได้ทุกเมื่อ
สายตาคมเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง มุมปากยกขึ้นสูงอย่างเยาะหยันยามที่คำพูดประโยคหนึ่งถูกเปล่งออกมาว่า
“แน่ใจเหรอว่าคุณเคยมีอะไรกับผมมาแล้ว”

“นะ แน่ใจ…” หญิงสาวตอบเสียงตะกุกตะกัก ริมฝีปากสั่นระริก พวงแก้มฉีดสีแดงระเรื่อ นัยน์ตาตกลงมองที่พื้นนิ่งเหมือนกลัวจะโดนเขาจับได้

“ขนาดเคยมีอะไรกับผู้ชายแล้ว แต่ยังจูบไม่เป็นเลยนะ แสดงว่าตอนอยู่บนเตียงกับคุณ ผมคงสอนคุณไม่ได้เรื่องสินะ” เขาพูดลอยๆ เล่นเอาเมธาวีถึงกับสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเบิกตาค้างเมื่อเห็นร่างสูงผลุนผลันกลับเข้าไปในห้องของคุณวิศาลแล้วเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว

“พ่อครับ ผมจะไล่ยัยสิบแปดมงกุฎนี่ออกไปจากบ้าน”

“นี่คุณจะทิ้งฉันง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะ” หญิงสาวรีบผุดลุกขึ้นแล้วไปเกาะแขนชายหนุ่มไว้อย่างอ้อนวอน สร้างความลำบากใจให้คุณวิศาลอยู่ไม่น้อย

หากจะถามว่าทำไมเขาถึงอยากจะให้เมธาวีอยู่ที่นี่นัก คำตอบก็คือ…เขาเหงา บ้านหลังนี้ดูอึมครึมแห้งแล้งมาหลายปีดีดัก หากชยากรมีแฟนสักคน ที่นี่คงมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ชยากรก็ให้การปฏิเสธเรื่องแต่งงานใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนมาโดยตลอด จนอายุล่วงเข้าวัย32ปีแล้ว ลูกชายของเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะชอบผู้หญิงคนไหนแบบจริงจังเสียที

และเมื่อเมธาวีมาปรากฏตัวขึ้นพร้อมบอกว่าตั้งท้องลูกของชยากร เขาจึงรู้สึกยินดีอยู่ไม่น้อย ยังไงซะเขาก็จะต้องให้เธออยู่ที่นี่ด้วยให้ได้ แม้ว่าชยากรจะไม่เต็มใจก็ตาม

“แต่พ่อจะให้หนูเมอยู่ด้วย”

“พ่อครับ ผมเหนื่อยนะ และก็ไม่อยากเถียงกับพ่อด้วย เชื่อผมเถอะนะ เอายัยนี่ไปปล่อยวัดเถอะ เป็นใครก็ไม่รู้…”

“นี่ฉันเป็นคนนะคะ ไม่ใช่หมาใช่แมวจะได้เอาไปปล่อยวัดกันได้ง่ายๆ” หญิงสาวค้อนควับ ในขณะที่คุณวิศาลพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย
“นั่นสิ นี่เมียแกทั้งคนนะ”

“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่มีเมีย”

“แล้วที่ยืนหัวโด่อยู่นี่เป็นใครกัน” ชายสูงวัยชี้นิ้วมาทางเมธาวี ในขณะที่ชายหนุ่มยักไหล่สั้นๆพลางตอบว่า

“เป็นใครก็ไม่รู้ครับ”

“นี่! หลายครั้งแล้วนะที่คุณพูดจาแบบนี้กับฉัน ทำเหมือนจำคนชื่อน้องเมไม่ได้ ทั้งๆที่สามเดือนก่อน คุณยังบอกว่ารักฉันอยู่เลย” หญิงสาวตัดพ้อเสียงเครือ ในขณะที่จิราซึ่งยืนมองเหตุการณ์มานานได้เอ่ยขอตัวเงียบๆว่า

“ดิฉันขอตัวไปดูเด็กจัดโต๊ะอาหารก่อนนะคะ”

หลังจากลับร่างของแม่บ้านสาวแล้ว ชยากรก็หันมาโวยวายใส่หญิงสาวเสียงลั่นทันที

“คนบ้าอะไร แก่ป่านนี้แล้วยังเรียกตัวเองว่าน้อง”

“ฉันยังไม่แก่นะ อย่ามาว่าเมียตัวเองแบบนี้สิ” พูดแล้วก็ทำปากยื่นอย่างแง่งอน

“ผมยังไม่มีเมีย”

“ทำแล้วจะไม่รับผิดชอบเหรอ” มือเรียวท้าวเอวฉับ เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับฟิวส์ขาด

“ทำอะไร ห๊ะ! ผมไปทำอะไรคุณตอนไหน”

“ทำเป็นจำไม่ได้นะ ตอนนั้นคุณฉีกเสื้อผ้าฉันกระจุยกระจาย บอกว่าต้องการฉันมากจนทนไม่ไหว พอได้ฉันแล้วก็มาทำความจำเสื่อม คิดจะปัดความรับผิดชอบล่ะสิ”

“ผมไม่ได้ซาดิสม์ขนาดจะไปฉีกเสื้อผ้าใครกระจุยแบบนั้นนะ” เขาพูดลอดไรฟัน

“แต่คุณก็ทำมาแล้ว ฉันต้องเสียตัวให้คุณ แถมอุ้มท้องอีก” คราวนี้ไม่พูดเปล่า หยาดน้ำตายังเอ่อคลอหน่วยราวกับว่าเจ้าตัวกำลังเจ็บปวดอย่างเหลือแสน แต่ทว่า…ให้ตายเถอะ ถ้าชยากรตาไม่ฝาด เขารู้สึกว่าจะเห็นแววเจ้าเล่ห์แฝงอยู่ในดวงตาเศร้าๆของเธอนะ !

“นางมาร! เธอมันเจ้าเล่ห์ สิบแปดมงกุฎ” เขาตะคอกใส่หน้าเธอเสียงกร้าว ตาคมลุกวาบอย่างโกรธจัด แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงกลับหัวเราะด้วยท่าทางชอบอกชอบใจ

นานเท่าไหร่แล้วนะ…ที่คุณวิศาลได้เห็นแต่ใบหน้าที่เฉยชาของลูกชาย เพิ่งมีวันนี้นี่แหละ…ที่เขารู้ว่าชยากรเองก็มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ทั่วๆไป ถึงแม้จะเป็นความรู้สึกโกรธโมโหก็ตาม

“หัวเราะอะไรครับพ่อ” ชายหนุ่มหันไปถามเสียงห้วน

“จะไม่ให้หัวเราะได้ไงกันเล่า ดูแกสองคนสนิทสนมกันดีนี่นา พ่อเองก็ดีใจ ไม่ได้ยินเสียงแกโวยวายลั่นบ้านแบบนี้มานานมากแล้ว”

“สนิท? นี่ผมกับยัยสิบแปดมงกุฎคนนี้ดูสนิทกันมากเลยเหรอครับ สนิทตรงไหน ถ้าสายตาพ่อยังแจ๋มแจ๋ว พ่อคงจะดูออกว่าผมไม่ชอบแม่นี่และก็กำลังโกรธมากๆด้วย” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง พลางทำหน้ากึ่งบึ้งกึ่งยิ้มแต่ค่อนๆไปทางมึนตึงมากกว่าจะเริงร่า

“เอาล่ะๆ เลิกทะเลาะกันซะที พ่อจะพักผ่อนแล้ว ออกไปเคลียร์กันนอกห้องไป” พูดจาตัดบทเหมือนไม่อยากรับฟังคำอุทรณ์จากลูกชายอีก จากนั้นก็สะบัดมือเหี่ยวๆเป็นเชิงไล่ทันที เล่นเอาเมธาวีต้องเม้มปากแน่นก่อนจะเหล่ตามองคนร่างสูงซึ่งกำลังเหลือบตามาทางเธอพอดีอยู่เหมือนกัน

และช่วงที่ชยากรยังไม่ทันระวังตัว มือบางนุ่มนิ่มก็คว้าหมับเข้าที่มือของเขาทันทีทันใด

“เฮ้ย ! ยัยบ้า มาแต๊ะอั๋งทำไม ปล่อยนะ” เขารีบสะบัดมือเธอ ในขณะที่เธอตีหน้ายักษ์ใส่

“ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะค่ะคุณชา”

ชยากรหน้างอหงิก ตาคมกล้าวาวโรจน์ แต่ก็ยอมเดินออกจากห้องคุณวิศาลตามแรงลากของหญิงสาวโดยดี จากนั้นเมธาวีก็หันซ้ายหันขวาล่อกแล่ก พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น เธอก็ปล่อยมือจากเขาแล้วท้าวเอวฉับ

“พาฉันไปที่ห้องคุณด้วย”

“ห๊ะ! อะไรนะ” เขาทำเสียงเหมือนไม่ได้ยิน เธอจึงยื่นปากไปตะโกนใส่หูเขาเสียงดังลั่นว่า

“ฉันบอกว่าให้คุณพาฉันไปห้องของคุณด้วย”

“ห้องอะไร” เขาทำสีหน้างุนงง

“ก็ๆๆๆ” หญิงสาวเอาปลายนิ้วชี้จิ้มเข้าหากันด้วยท่าทีขัดเขิน พลางช้อนสายตาขึ้นมองเขาแล้วกระพริบตาถี่ๆ “ก็….ห้องนอนไง” พูดเสียงเบาหวิวราวกับสาวน้อยวัย18ที่เพิ่งแต่งงานแล้วกำลังจะเข้าห้องหอกับชายคนรัก

“ฝันไปเถอะ” เขาตะคอกใส่หน้า คิ้วเข้มๆขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิด…ทำไมในวันที่แสนตึงเครียดเช่นนี้ เขาต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ที่บ้านด้วยนะ!

“ไม่เอา ฉันไม่อยากฝัน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานอน”

“กวนประสาท” เขาพึมพำในลำคอ

“น่านะ พาฉันไปที่ห้องคุณหน่อย ขออยู่ด้วยคน” แล้วเธอก็เขย่าๆต้นแขนเขาไปมาอย่างอ้อนวอน ในขณะที่ชยากรหรี่ตามองคนข้างๆเล็กน้อย แล้วรอยยิ้มแปลกๆก็ผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่มือหนาจะจับไหล่เธอดันไปด้านหน้าทันที

“อะ อะไรกัน” เธอถามอย่างฉงน พลางกรีดร้องเสียงหลงเมื่อโดนเขาผลักออกนอกตัวบ้าน

“ว้าย!”

หน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเยาะขึ้น ก่อนที่เสียงทุ้มๆจะกล่าวออกมาให้เธอเจ็บใจเล่นๆว่า

“ไม่เอาหรอก…ให้คุณนอนด้วย ผมกลัวว่า…จะโดนคุณทำมิดีมิร้ายกลางดึกน่ะ ! ไม่อยากเสียตัวให้ผู้หญิงหน้าแปลกอย่างคุณ”

“ห๊ะ !” หญิงสาวอ้าปากค้าง แต่ยังไม่ทันจะโต้อะไรกลับไป บานประตูก็ปิดใส่หน้าเธอเสียงดังสนั่น

ปัง !

“กรี๊ดดดดด ไอ้บ้าๆๆๆ คอยดูนะ…ฉันไม่มีวันยอมแพ้คุณเด็ดขาด ! ยังไงฉันก็ต้องมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับคุณให้ได้” หญิงสาวกระทืบเท้าเร่าๆ ร้องกรี๊ดๆอยู่หน้าประตูพักใหญ่ ก่อนจะหยุดโวยวายเมื่อสมองคิดแผนการอะไรบางอย่างออก พร้อมๆกับดวงตาเจ้าเล่ห์ที่เหลือบไปพบชายวัยกลางคนซึ่งกำลังตัดแต่งกิ่งกุหลาบอยู่ข้างๆรั้วอัลลอยด์เข้าพอดี !


ร่างสูงเปลือยเปล่ายืนอยู่ใต้สายน้ำฝักบัวที่หลั่งไหลพร่างพรมลงใส่กายกำยำของเขาจนทั่วตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ความเย็นที่เขาได้รับ ทำให้ความเหนื่อยล้าจากการงานเริ่มคลายตัวลงจนใบหน้าเครียดขมึงเริ่มสดใสขึ้น

ชยากรฮัมเพลงในลำคอด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดน้ำแล้วหันมาทางราวที่พาดผ้า แล้วพบว่า…เขาลืมเอาผ้าขนหนูเข้ามาด้วย ! แต่ไม่เป็นไร…ในห้องนี้มีเขาคนเดียว ไม่จำเป็นต้องอายใคร

ป่านนี้ผู้หญิงคนนั้นคงร้องไห้กระเซอะกระเซิงกลับบ้านไปแล้ว

ดี! สมน้ำหน้า…เพิ่งเจอกับเขาได้แค่สองครั้งก็มาขี้ตู่ว่าเป็นเมียเขา โดนไล่ออกนอกบ้านไปแบบนั้นน่ะถูกต้องแล้ว

จะได้รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร…คนอย่างชยากรไม่ใช่คนที่ใครๆจะมาทำล้อเล่นด้วยได้

รอยยิ้มเยาะๆผสมความภูมิใจเล็กๆผุดขึ้นที่มุมปากข้างหนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะตัดสินใจเดินออกจากห้องน้ำในสภาพล่อนจ้อน

ผ่าง !

เมื่อประตูห้องน้ำถูกเปิดออก สติของชายหนุ่มก็แทบจะบินออกจากตัวเลยทีเดียว รอยยิ้มค่อยๆหุบลงในขณะที่เมธาวีซึ่งกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงเขาค่อยๆหันหน้ามาทางเขาอย่างช้าๆ ก่อนจะอ้าปากค้าง ตาโตเบิกกว้างจนแทบจะถลน

หลังจากอึ้งไปประมาณ1นาที ทั้งเขาและเธอก็แหกปากลั่นออกมาพร้อมกันทันที

“ว้ายยยยยยย!!”

“เฮ้ยยยยยยยยย !”



1อังกฤษ2อักษรสีทอง3รามิล4จอมขวัญ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2557, 11:16:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2557, 11:16:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1610





<< เจอกันครั้งที่3... เธอก็บอกว่าเธอเป็นเมียผม   เธอมาในฐานะเมีย ! >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account