บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 17

ตอนที่ 17



รวดเดียว 2 ชั่วโมงปารินทร์ก็เดินทางกลับมาถึงบ้าน น่าแปลกที่เขาเห็นรถของพิชชาจอดอยู่ในช่องจอดในเวลานี้ พอเข้าไปในบ้านจึงได้ยินเสียงพูดของศศิภา เขาเดินตามเสียงไปจนถึงห้องอาหาร บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวที่คงเพิ่งอุ่นเพราะเห็นควันฉุยๆ ส่วนข้าวอยู่ในโถรอตัก ศศิภาหันมาเห็นพอดีรีบลุกขึ้นแล้วมากอดแขนพี่ชายไว้

“เราสองคนรอทานอาหารค่ำที่กลายเป็นดึกกับพี่สิงห์อยู่ค่ะ” เธอยิ้มเอาใจพี่ชายราวกับก่อนหน้านี้เราไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน

ปารินทร์ยิ้มตอบและเผื่อไปถึงพิชชาที่มารอเขาอยู่ด้วย “พี่เรียบร้อยมาแล้ว สองคนทานกันเถอะ ไม่ต้องรอพี่”

“ถ้างั้นทานขนมเป็นเพื่อนเราสองคนได้ไหมคะ ไหนๆ รอก็รอมาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว พี่พิชบอกว่าโทรหาแต่พี่สิงห์ปิดเครื่อง อยู่เป็นเพื่อนเราบ้างไม่ได้หรือคะ หรือว่าพี่สิงห์ยังโกรธศศิอยู่”

เพื่อไม่ให้บรรยากาศดีๆ ดูแย่ปารินทร์เลยยอมนั่งลง อย่างน้อยกินเค้กสักชิ้นก็คงไม่เสียน้ำใจกันมากนัก

“ก็ได้ ขอโทษนะพิช โทรศัพท์ของพี่แบตหมดน่ะ”

พิชชายิ้มหวานพลางแบ่งเค้กมาใส่จานให้ว่าที่คู่หมั้นที่เธอไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนมาฉกเขาไปต่อหน้าต่อตาเป็นอันขาด

“ไม่เป็นค่ะพี่สิงห์ นี่ค่ะ พิชทำมาให้สิงห์ชิม เผื่อว่าต่อไปเรามีข่าวดี พิชจะได้รู้ว่าพี่สิงห์ชอบทานอะไรอีกบ้าง ยิ่งตอนนี้อาหารข้างทางเหมือนจะเกลื่อนไปหมด”

ใบหน้าปารินทร์เรียบเฉยแม้เข้าใจความนัยที่พิชชาพูดมา ถ้ามองจากภายนอกพิชชาดูเลอเลิศและคู่ควรกับเขาอย่างที่ใครต่อใครคิดให้ แต่ถ้ามองลึกถึงการคิดและรูปแบบการใช้ชีวิต พิชชาไม่อะไรที่เข้ากับเขาได้เลยในฐานะคนรัก

“รสนิยมของพี่ไม่ได้เลอเลิศนักหรอก” เขาเอ่ยพลางตักขนมเค้กมากินให้หมดชิ้นไม่ได้ละเลียดเพื่อดื่มด่ำกับความอร่อย แต่รีบๆ เหมือนอยากให้มันหมดไป “พี่กินหมดชิ้นแล้ว อร่อยดีนะ”

“ดีใจนะคะที่พี่สิงห์ชอบ” พิชชายิ้มแม้หัวจิตใจหัวใจเจ็บแปลบ

“พี่ขอตัวก่อนแล้วกัน”

ปารินทร์ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นบันไปชั้นสองของบ้าน แล้วเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องนอนของเขา ในขณะที่ด้านล่างภายในห้องอาหารเงียบกริบราวกับรอบางอย่าง 5 นาทีผ่านไป ยังคงไม่ใครพูดอะไรออกมาจนกระทั่งผ่านไปอีก 5 นาที คนใจร้อนกว่าจึงเอ่ยขึ้น

“ไปกันเถอะ ป่านนี้พี่สิงห์คงหลับสนิทแล้ว”

สีหน้าของพิชชาดูเป็นกังวลแม้จะยอมเดินตามศศิภาขึ้นชั้นสองไปปลายทางคือประตูห้องนอนของปารินทร์ “นี่เธอจะทำแบบนี้จริงๆ เหรอ ถ้าพี่สิงห์ตื่นขึ้นมาเขาอาจไม่เชื่อแล้วไม่ยอมรับฉัน แล้วพาลโกรธฉันก็ได้”

“คนอย่างพี่สิงห์มีความรับผิดชอบมากพอ เธอไม่ต้องห่วงหรอกน่า หรือว่าเปลี่ยนใจไม่ได้อยากเป็นพี่สะใภ้ของฉันแล้ว” ศศิภาถามน้ำเสียงหยันๆ ยัยนี่อยากเป็นพี่สะใภ้ของเธอจนตัวสั่นสิไม่ว่า

ไม่มีคำใดที่บ่งบอกว่าพิชชาปฏิเสธออกมา ศศิภาใช้กุญแจสำรองไขลูกบิดประตูห้องนอนของพี่ชายแล้วค่อยๆ เปิดเข้าไปอย่างระแวดระวังเผื่อว่าพี่ชายจะยังไม่หลับสนิทเพราะฤทธิ์ยานอนหลับที่เธอกับพิชชาผสมในขนมเค้ก ทว่าภายในห้องนอนกลับว่างเปล่า ผ้าห่มยังคงเรียบกริบไม่มีร่องรอยการใช้

“พี่สิงห์ไม่อยู่ เป็นไปได้ยังไง”

พิชชาเดินเร็วๆ ไปที่ระเบียงและห้องน้ำซึ่งได้ผลไม่ต่างกัน ปารินทร์หายไปไม่อยู่ในห้อง สองสาวเดินหาผู้ชายคนเดียวในบ้านทั้งห้องทำงานและห้องสมุดแต่ยังคงไม่พบเช่นเดิม เมื่อลองโทรเข้าเครื่องก็พบว่าเครื่องปิดอยู่ แน่ล่ะสิปารินทร์เพิ่งบอกว่าแบตหมด แล้วเขาหายไปอยู่ที่ไหนกันล่ะในตอนนี้



ปุราณกับนุชรีเพิ่งออกมาจากลิฟต์ของตึกสำนักงานที่เขาเช่าชั้น 12 ไว้เป็นออฟฟิศ ความที่ลูกค้ารายนี้สำคัญทำให้เขาต้องอยู่ประชุมกับทีมงานและตรวจงานจนดึก นุชรีเลยต้องอยู่ดึกตามไปด้วยเพราะไม่มีใครรู้ดีเรื่องเอกสารเท่ากับเลขา เขาเลยอาสาขับรถไปส่งเธอ บ้านของนุชรีอยู่ค่อนข้างไกลจากออฟฟิศ แต่เธอไม่เคยคิดจะย้ายที่อยู่เพราะไม่ได้มีเงินมากมายขนาดที่จะฟุ่มเฟือยได้ การเป็นเด็กกำพร้าทำให้เธอชอบการเก็บเงินไว้เป็นหลักประกันในชีวิตมากกว่าการบ้านซื้อของราคาแพงอย่างที่ศศิภาทำ

ยิ่งดึกทางก็ยิ่งโล่งทำให้ใช้เวลาไม่นานักปุราณก็ขับรถมาถึงหมู่บ้านที่นุชรีอาศัยอยู่ จะว่าไปแล้วเขาเพิ่งเคยมาครั้งแรก ก่อนหน้านี้อาจมีขับรถมาส่งที่ห้างใกล้บ้านบ้างเพราะเธอบอกว่าต้องซื้อของเข้าบ้าน บ้านชั้นเดียวกลางซอยเงียบๆ ดูน่ารักสมกับสาวโสดที่อยู่เพียงลำพัง เท่าที่รู้ว่าเธอยังไม่มีแฟน แม้ว่าหนุ่มๆ ในออฟฟิศจะมาขายขนมจีบใส่อยู่บ่อยๆ

“ขอบคุณนะคะที่ขับรถมาส่ง” นุชรีลงจากรถแล้วก้มหน้ามายิ้มให้เจ้านาย

“คุณทำงานล่วงเวลาให้ผม แล้วตอนนี้มันก็อันตรายที่จะนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านคนเดียว ผมมาส่งคุณที่บ้านก็ถูกต้องแล้วนุชรี” ปุราณเอ่ยพลางมองเข้าไปในบ้าน จู่ๆ เสียงบางอย่างก็ดังขึ้น

“โครม!”

“คุณอยู่คนเดียวหรือว่ามีใครอีกหรือเปล่า” ปุราณถามพร้อมกับเปิดประตูลงมาจากรถ

“คนเดียวค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นอย่าเพิ่งเข้าไป บางทีโจรอาจเข้าบ้านของคุณแล้วก็ได้ อยู่ข้างหลังผมก่อน เอาโทรศัพท์มาเตรียมไว้ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลรีบโทรหาตำรวจเลยนะ” เขาสั่งก่อนจะแบมือของกุญแจบ้านมาจากนุชรี

หญิงสาวส่งกุญแจบ้านให้เขา ทว่ายามปุราณหันหน้าไปเธอกลับลอบยิ้ม ไม่พูดอะไรทำตามที่เขาสั่งไว้ว่าให้อยู่ข้างหลังไว้ รั้วถูกเลื่อนเปิด ขายาวก้าวต่อไปยังประตูบ้าน ความสลัวลางจากหลอดไฟสาธารณะทำให้ไขกุญแจลูกบิดไม่ถนัดนัก แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะเปิดเข้าไป ไม่มีเสียงโครมครามตามมาอีก

เขาสั่งให้นุชรีเปิดไฟ พอแสงสว่างเข้ามาแทนที่ความมืดจึงเห็นกรอบรูปที่อยู่บนชั้นวางหล่นลงมา เศษกระจกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาเดินสำรวจไปทั่วบ้านก็ไม่เห็นความปกติอื่นใด อีกทั้งประตูหลังบ้านก็ยังคงปิดสนิทดีไม่มีรอยงัด

“สงสัยแมวข้างบ้านแน่ๆ เลยค่ะ” นุชบอกพร้อมกับเดินไปวางกระเป๋าแล้วหยิบไม้กวาดกับที่โกยออกมาจัดการกวาดกระจกที่แตกให้เรียบร้อย

ปุราณเดินสำรวจจนแน่ใจจึงเดินกลับมาหานุชรี กรอบรูปที่ไร้กระจกอยู่นำไปวางที่เดิมแล้ว

“เดี๋ยวนุชชงกาแฟให้ก่อนดีกว่า ขับรถกลับไปสภาพนี้ได้หลับในแน่เลย” หญิงสาวเสนอสีหน้าเกรงใจ

“ก็ดีเหมือนกัน”

ปุราณนั่งรอที่โซฟารับแขก เนคไทถูกรูดลงให้หลวม หลายวันมานี้เขาเหนื่อยทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวทำให้แทบไม่มีเวลาพักผ่อน แค่ตอนนี้เอาท้ายทอยซบกับหมอนนุ่มก็แทบหลับแล้ว

น้ำเดือดแล้ว นุชรีกดน้ำร้อนลงมาในถ้วยที่ใส่กาแฟกับน้ำตาลไว้รอ ปุราณไม่ชอบครีมเทียมเธอจำได้ดี หญิงสาวใช้ช้อนเล็กๆ คนจนกาแฟและน้ำตาลละลายดีจึงเดินมาหาคนนอนหลับซบอยู่กับโซฟา หญิงสาวนั่งลงข้างๆ แล้ววางถ้วยกาแฟไว้บนโต๊ะก่อนจะยื่นมือไปจับไหล่หนาแล้วเขย่าปลุกเบาๆ ปุราณลืมตาตื่นขยับตัวนั่งตรง ไม่นึกเลยว่าชั่วเวลาชงกาแฟเขาจะหลับไปจนได้

นุชรียิ้มให้เขาพลางส่งถ้วยกาแฟมาให้ มือหนายื่นไปรับทว่าจู่ๆ กาแฟที่เริ่มอุ่นแล้วกลับถูกกระแทกเมื่อคนหนึ่งอยากส่งให้อีกคนอยากรับ ทำให้เลอะกาแฟกันทั้งคู่

“อุ้ย! ขอโทษค่ะ” นุชรีรีบดึงกระดาษทิชชูมาซับเสื้อฉ่ำกาแฟที่อกของปุราณ ชายหนุ่มจับข้อมือของเธอออกอย่างเกรงใจพลางเอ่ยขึ้นว่า

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมขอเข้าห้องน้ำล้างคราบกาแฟหน่อยแล้วกัน คุณเองก็เลอะเหมือนกันรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”

นุชรีเดินไปที่เปิดประตูห้องน้ำให้ปุราณ

“ทางนี้ค่ะ”

ประตูห้องน้ำปิดลง หญิงสาวเดินไปปิดประตูบ้าน ใส่กลอนและล็อคอย่างแน่นหนาก่อนจะเข้าห้องนอนของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

ไม่ถึง 5 ปุราณเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมา เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกไปเกือบครึ่ง น่าแปลกที่บ้านเงียบ นุชรีน่าจะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อมองไปที่ประตูบ้านกลับยิ่งแปลกที่มันปิดลงแล้วทั้งที่เขายังไม่ได้กลับออกไป จู่ๆ ไฟในบ้านทั้งหลังก็ดังพรึบ

“ไฟดับหรือนุชรี” ชายหนุ่มส่งเสียงถามพลางหาโทรศัพท์เผื่อว่าจะเห็นอะไรบ้าง ไม่เสียงตอบจากเจ้าของบ้าน

ปุราณสาวเท้าเดินมาที่โต๊ะตรงโซฟา ทว่ากลับถูกกอดไว้จากด้านหลัง เขาจับข้อมือที่เข้ามากอดกำลังจะกระชากออกเพราะคิดว่าอาจเป็นคนร้าย ทว่าความนุ่มหยุ่นที่แผ่นหลังสัมผัสได้ทำให้เขารู้ได้เองว่าคนที่กอดขาไม่ใช่คนร้าย แต่เป็นนุชรีต่างหาก

“นี่คุณ...ทำอะไร” เขาถามเสียงห้วน

นุชรีใจเต้นแรงไม่ว่าอะไรก็ตามที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่กักเก็บไว้ในใจของเธอเสมอมา ผู้ชายที่แสนดี ทำงานเก่ง เป็นผู้นำ นี่แหละคนที่เธอต้องการมาตลอดชีวิต แขนทั้งสองข้างกอดเอวของปุราณเอาไว้แน่น ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยแสดงออกถึงความรู้สึกในใจเพราะศศิภาแสดงสิ่งเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา

“นุชชอบพี่ปุ๊มานานแล้ว คงจะดีกว่าไม่ใช่หรือคะถ้าเราจะอยู่กับคนที่เข้าใจเรามากที่สุด ศศิไม่เข้าใจพี่ปุ๊ แต่นุชเข้าใจ พี่ปุ๊ก็ชอบนุชเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ”

ปุราณดีกับเธอเสมอ จำได้แม้กระทั่งวันเกิด คอยดูแล คอยถามไถ่ เขาใส่ใจคอยถามเวลาเธอไม่สบาย คอยให้คำแนะนำ แล้วยังเป็นห่วงเธอมาโดยตลอด ที่ทำมาทั้งหมดเพราะว่าเขาชอบเธอ เหมือนกับที่เธอชอบเขาอย่างไรล่ะ

ปุราณถอนใจยืนนิ่ง นี่เองสินะเหตุผลของสายตาอ่อนโยนและโหยหาที่นุชรีมองเขามาตลอดเวลา ร่างหนาหมุนกายหันหลับไป แม้จะสลัวลางจนมองแทบไม่เห็นหน้า แต่ว่าเขาจำเป็นต้องพูดบางอย่างกับนุชรี ทว่าเรียวปากบางเย็นชื่นกลับโผเข้ามาแล้วจูบเขาในทันทีที่หันไป...



เจนจิราเพิ่งวิ่งเสร็จ ยามเดินเข้ามาในบ้านก็แอบเหล่ไปที่บ้านศศิภานิดหนึ่ง รถของพิชชาไม่อยู่แล้ว ส่วนเจ้าของบ้านตื่นเช้ากว่าปกติ หรือยังไม่ได้นอนก็ไม่รู้ล่ะ พอเข้ามาในบ้านประตูห้องรับแขกเปิดออกพร้อมๆ กับปารินทร์เดินออกมาด้วยใบหน้าค่อนข้างมึน แน่ล่ะสิไม่รู้โดนยานอนหลับขนานไหนไป ตอนที่พามาที่บ้านยังพอมีสติ แต่ตอนจะพาไปนอนนี่สิดันหลับสนิทไปแล้ว เธอลากแทบตายกว่าจะพาพี่ชายไปนอนที่เตียงได้

“ตื่นแล้วหรือคะ เจนนึกว่าพี่สิงห์จะตื่นซักเที่ยงๆ”

“ขอบใจนะเจนที่มาบอกพี่ ไม่อย่างนั้นเช้าวันนี้คงเป็นฝันร้ายของพี่แน่ๆ สองคนนั้นไปญาติดีกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ปารินทร์นึกอยู่แล้วว่าต้องมีอะไร แต่ไม่คิดว่าศศิภาจะทำแบบนี้เลย น้องสาวที่เคยน่ารักทำไมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ไปได้ ถ้าเจนจิราไม่แอบขึ้นมาบอกเขาคงได้หมั้นกับพิชชาในเร็ววันนี้สมความตั้งใจของหลายๆ คนเป็นแน่

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พี่ศศิบ้าไปแล้ว อยากได้ยัยพิชเป็นพี่สะใภ้เนี่ยนะ เจนว่าคุณกวางดีกว่าตั้งเยอะ” ถ้าเธอไม่บังเอิญได้ยินสองสาวคุยกัน คงไม่รู้หรอก แถมพอโทรหาปารินทร์กลับติดต่อไม่ได้ เลยต้องแอบย่องไปรอที่ห้องจนเขากลับมานั่นแหละ

“ขอโทรศัพท์หน่อยสิ ป่านนี้โกรธไปแล้วมั้ง”

เจนจิรายื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้พี่ชายไป แต่ไม่วายสงสัย ขนาดยังไม่หายมึนยังต้องโทรหา ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็น่าสนใจไม่น้อย

“จะโทรหาใครหรือคะ”

“โทรหาแฟนน่ะสิ” ปารินทร์หันมาตอบเน้นๆ เจนจิราตาโตตื่นเต้นขยับมานั่งใกล้ๆ อยากรู้ว่าใคร “คนที่เจนว่าดีกว่ายัยพิชนั่นแหละ รู้แล้วก็ไปหากาแฟมาให้พี่กินได้แล้ว”

เจนจิราหลิ่วตาส่งเสียงกรี๊ดเบาๆ ราวกับเป็นแฟนของธีรดาเสียเอง ก่อนกระวีกระวาดไปชงกาแฟให้พี่ชาย เธอกลัวแทบแย่นึกว่าจะได้พิชชามาเป็นพี่สะใภ้ เธอไม่ได้เกลียดพิชชา แต่มองยังไงก็เข้ากับปารินทร์ไม่ได้ทั้งนิสัยและไลฟ์สไตล์

ปารินทร์กดเบอร์ของธีรดาทั้งที่ไม่ได้จำ แต่ก็จำได้เอง พอเธอรับสายก็ถามเสียงสุภาพว่าใครคะ แต่พอได้ยินว่าเป็นเสียงของเขาเท่านั้นแหละเสียงเปลี่ยนเชียว

“อีตาบ้า ฉันรอโทรศัพท์คุณทั้งคืน ทำไมเพิ่งโทรมา”

“ถ้ารีบโทรหาจะได้รู้หรือว่าคุณเป็นห่วง” ปารินทร์ล้อใส่จริงๆ น่ะไม่อยากเล่าเรื่องที่ทำให้หลับลืมโลกต่างหาก

ธีรดาแยกเขี้ยวใส่โทรศัพท์ ตอนแรกโมโห แต่ตอนนี้รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ ส่วนเหตุผลที่พูดมา ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ควรแจกหมัดสักตุ้บ

“แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องไปเขียนแบบแล้ว”

“เดี๋ยวสิคุณ” ปารินทร์ร้องเสียงหลง พอปลายสายยังอยู่ค่อยโล่งใจนึกว่าจะถูกงอนเสียแล้ว “ผมเป็นกำลังใจให้นะ ทำให้เต็มที่ ผมเชื่อมั่นว่าคุณทำได้”

ถึงจะมาแค่เสียง แต่แค่นี้ก็ทำให้หัวใจพองฟูได้มหาศาล

“ขอบคุณนะ”

ปารินทร์ยิ้มกว้างก่อนวางสายตาธีรดา กาแฟหอมๆ ส่งมาให้ตรงหน้า เจนจิรายิ้มกริ่มงานนี้มีการถามแบบละเอียดยิบ ไหนๆ เธอก็ลุ้นคู่นี้มาตั้งแต่แรก แล้วมันเรื่องอะไรจะยอมพลาดวินาทีขอเป็นแฟนกันล่ะ ใบหน้าคร้ามทำไขสือ พอกินกาแฟหมดถ้วยก็เดินมึนกลับบ้านไปทิ้งให้เจนจิราอดฟังทำหน้าง้ำใส่



ศศิภากระวนกระวายผุดลุกผุดนั่งมาตั้งแต่สาวใช้บอกว่าเห็นปารินทร์อยู่ที่บ้านของเจนจิรา มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าพี่ชายรู้ว่าเธอจะทำอะไรจึงซ้อนแผนออกมาจากห้อง แล้วรอมาชำระความกับเธอในเรื่องนั้นวันนี้แทน ใบหน้าเฉยนิ่งของพี่ชายทำให้เธอไม่แน่ใจ

“พี่สิงห์...ไปนอนที่ไหนมาหรือคะ”

ปารินทร์มองหน้าน้องสาวอย่างผิดหวังเพื่อแสดงให้รู้ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นเกินกว่าที่เราจะพูดกันดีๆ ได้ภายในวันนี้ เวลาบอกอะไรได้หลายอย่าง รวมทั้งบอกได้ว่าอะไรที่เราทำผิดไป “อย่าพูดอะไรที่จะทำให้พี่อภัยในสิ่งที่ศศิทำไม่ได้เลยนะ”

“พี่สิงห์...”

ผู้เป็นพี่เดินผ่านน้องสาวไป ศศิภารู้ได้ด้วยตัวเองว่านี่แหละของจริง เธอถูกโกรธและไม่รู้ว่าจะแก้ตัวได้อย่างไรด้วย เธอเคยถูกปารินทร์โกรธครั้งหนึ่งตอนที่แม่เลิกกับพ่อแล้วไปแต่งงานใหม่ เธอพูดถึงแม่ไม่ดีและไม่ยอมฟังเหตุผลที่พี่ชายอธิบาย เธอถูกโกรธด้วยการไม่พูดด้วยหลายสัปดาห์ การโกรธไม่ได้จบลงที่การง้อ แต่จนกว่าพี่ชายจะคิดว่าพอแล้วสำหรับการลงโทษ คราวนี้จะถูกลงโทษนานแค่ไหน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดออก คนเดียวที่น่าจะเป็นที่ปรึกษาได้มีเพียงเดียวเท่านั้น

“เธออยู่ไหนน่ะนุช”

“มีอะไรหรือเปล่าศศิ ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งมาก ถ้าไม่สำคัญฉันวางสายแล้วนะ” นุชรีไม่ได้โกหกตอนนี้มืออีกข้างของเธอกำลังโอนงานให้ผู้ช่วยในระหว่างที่จะไม่อยู่หลายวัน

“นี่เธอกล้าวางสายฉันเหรอ” ศศิภามถามกลับอย่างไม่พอใจ

นุชรีเบ้ปาก พอกันทีต่อไปนี้เธอจะไม่ยอมเป็นลูกไล่ของใครอีก ในเมื่อเราพบปุราณพร้อมกัน แต่เพราะยัยนี่มันแผนสูงใช้ความมีฐานะของตัวเองเข้ามาช่วยผู้ชายที่หมายตาไว้จนเขารักจนโงหัวไม่ขึ้น

“ใช่ แค่นี้นะ”

สายถูกกดวางทันที แม้ศศิภาจะเพียรโทรกลับมาด้วยความโมโหก็เท่านั้นในเมื่อต่อไปนี้เธอจะไม่รับโทรศัพท์ของผู้หญิงคนนี้อีก งานที่เตรียมไว้ถูกส่งต่อให้ผู้ช่วยในระหว่างที่ปุราณยังไม่เข้าออฟฟิศ

“ขอให้แม่หายป่วยไวๆ นะคะพี่นุช ถ้าดูแลแม่เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาก็ได้มั้งคะร บอสคงไม่ว่าอะไรหรอก เรื่องแบบนี้ ฉุกละหุกเสียด้วย” ปานตาบอกเสียงซื่อ

นุชรีพยักหน้ายิ้ม “ขอบใจค่ะ พี่ไปก่อนนะ”

เลขาสาวรีบเดินไปที่ประตูทางออก ไม่มีใครรู้เรื่องระหว่างเธอกับปุราณ แต่อีกไม่นานทุกคนจะได้ข่าวอื่นแทน 5 นาทีต่อมาปุราณมาถึงบริษัท เขาเห็นโต๊ะที่ว่างเปล่าไร้คนนั่งของนุชรีก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงไม่นานนักปานตาก็เข้ามาพร้อมใบลาของนุชรี เขารับมาวางไว้บนโต๊ะ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เซ็นอะไรลงไป



การออกแบบเสร็จสิ้นพร้อมการกล่าวอำลาของทีมงาน หลายคนแลกนามบัตรกัน ธีรดาได้รู้จักคนสายอาชีพของการออกแบบมากขึ้น แม้ว่างานของตัวเองจะเป็นการบริหารเสียเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม ตริณกับเธอแยกออกมาแล้วเดินไปที่จอดรถด้วยกัน ถึงจะยังเดินไม่ถนัดนัก แต่ก็ดีกว่าเมื่อวานที่ระบมจนหลับแล้วขยับขายังสะดุ้งตื่น ตริณช่วยถือกระเป๋าเดินทางให้ทำให้เดินสบายขึ้น

“กวางเดาโจทย์ถูกจริงๆ ด้วยสิ งานนี้หมูเลยใช่ไหมล่ะ”

ธีรดายิ้ม ทำได้ กับ ได้ทำ เธอเองยังไม่แน่ใจเลยว่าที่ทำไปแล้วนั้นทำได้หรือได้ทำ การออกแบบไม่ใช่ว่าแค่ทำตามโจทย์ แต่ยังรวมคำว่าถูกใจเข้าไปด้วย

“ไม่รู้สิ ถ้าวิลเลสชอบก็ดี ถ้าไม่ชอบก็เท่านั้น ไม่คิดแล้วขับรถกลับกรุงเทพฯ ดีกว่า เอาไว้ค่อยนัดเจอกันแล้วกันนะ”

“ขับตามๆ กันไปดีไหม มีอะไรจะได้ช่วยกันทัน”

“ดีเหมือนกัน ฉันกลัวตัวเองเป็นอันตรายต่อคนอื่นจริงๆ เลย” ธีรดาหัวเราะตัวเอง

ทว่าพอทั้งสองเดินมาจนถึงรถของธีรดา ดิฐกลับมายืนรออยู่แล้ว เลขาหนุ่มยิ้มกว้างให้คนสำคัญของบอสที่มองมาอย่างแปลกใจ อย่าว่าแต่เธอเลยที่แปลกใจ เขาเองก็เหมือนกัน

“มาแล้วเหรอครับคุณธีรดา มิสเตอร์พอลส่งผมมาช่วยขับรถให้คุณ ฝากมาบอกว่าอย่าปฏิเสธเพราะถ้าปฏิเสธจะไปรอที่บ้าน”

ธีรดาย่นจมูกเมื่อนึกถึงคนสั่ง ตริณหน้าตึงขึ้นมาทันที ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะก้าวหน้าไปมากกว่าเขาแล้ว ธีรดายอมเป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นไปแล้วหรือยังนะ อยากถาม แต่เกรงใจ

“บอสของคุณนี่บงการคนอื่นจนเคยตัวจังนะคะ” เธอเอ่ยอย่างไม่ชอบใจนัก แต่พอคิดว่าการไม่ยอมจะตามมาด้วยอะไร แค่คิดก็เหนื่อยแล้วเลยยื่นมือไปขอกระเป๋าคืนจากตริณ ดิฐเข้ามาช่วยถือให้พร้อมกับขอกุญแจรถ หญิงสาวส่งให้ เลขาหนุ่มเลยจัดแจงเก็บกระเป๋าให้ทันที ก่อนจะมาเปิดประตูด้านหลังคนขับให้

“นั่งรถกลับไปพร้อมกันไหมกวาง”

ธีรดายิ้มเริ่มลำบากใจ “ไม่เป็นไรหรอก คุณดิฐไว้ใจได้ กลับก่อนนะตริณ ขับรถดีๆ ล่ะ แล้วค่อยนัดกัน”

ตริณมองหญิงสาวที่เขาพึงใจก้าวขาเข้าไปในรถ เธอเลือกแล้วว่าจะกลับไปพร้อมคนของมิสเตอร์พอล เขาทำได้เพียงช่วยปิดประตูรถให้และมองเธอจากไป แค่ส่งดอกไม้ให้ทุกสัปดาห์คงไม่พอแล้วกระมัง



ธีรดาหลับมาเกือบตลอด เหตุผลที่ง่วงจัดก็เพราะบอสของดิฐนั่นล่ะ เพิ่งจะมาตื่นเต็มตาก็ตอนเข้ามาในซอยหมู่บ้านแล้ว เขาขับรถดีกว่าเธอจนไม่อยากเทียบเลยแฮะ ช่างเป็นเลขาที่ทำอะไรได้หลายอย่าง

“นอกจากเป็นเลขาแล้วคุณดิฐยังเป็นอะไรอีกหรือคะ” เธอถามพลางขยับตัวยื่นหน้ามาใกล้ๆ เบะหน้าจะได้ได้ยินชัดๆ

“มิสเตอร์พอลจ้างผมมาแพงครับให้สมกับหน้าที่เลขา คนขับรถให้บางครั้งและบอดี้การ์ดถ้าจำเป็น” ดิฐหักเลี้ยวเข้าซอยอีกครั้งก่อนเอ่ยต่อไปเมื่อเห็นคิ้วเรียวขมวดจากกระจกหน้า “บอสของผมไม่ได้มีศัตรูที่ไหนหรอกครับ แต่ป้องกันไว้ก่อนย่อมเป็นเรื่องดี”

“ค่ะ” ผู้ชายสองคนใกล้ชิดกัน แถมหล่อทั้งคู่ อืม...น่าคิด หรือว่าเธอคิดมากไปหว่า

ดิฐมองกระจกหน้าอีกครั้งคราวนี้หญิงสาวเม้มปากมองเขาแล้วยังสะบัดหน้าไปมา เขายิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“เอาเป็นว่าผมเดาว่าคุณคิดอะไรแล้วกันนะครับ ผมมีแฟนแล้ว เป็นผู้หญิง สบายใจได้”

ธีรดายิ้มไม่พูดอะไรออกไปเป็นการมัดตัวเองเด็ดขาดว่าเธอกำลังคิดอย่างที่เขาเดานั่นแหละ รถมาจอดหน้ารั้วบ้านพอดี ป้าอรได้ยินเสียงรถรีบกดรีโมทเปิดรั้วให้ เขาขับรถเข้าไปแล้วจอดรถให้อย่างนุ่นนวล หญิงสาวลงจากรถในสภาพขายังเดี้ยงส่วนดิฐช่วยถือกระเป๋าเดินทางมาส่งให้ถึงในบ้าน

“ผมกลับก่อนนะครับคุณธีรดา”

“ขอบคุณมากนะคะ”

ดิฐพยักหน้ายิ้มรับ ช่างเป็นผู้ชายที่ยิ้มง่ายจริงๆ เขาเดินไปที่หน้าบ้านไม่ถึงนาทีรถคนหนึ่งก็ขับมาจอด เห็นจากไกลๆ เป็นผู้หญิงเสียด้วยที่มารับ แต่ยังไม่ทันหันหน้ากลับรถคันหนึ่งก็ขับเข้ามาในบ้าน เธอเดินเขยกออกมาหาแขกคนสำคัญ ไม่นึกว่าเขาจะรู้จักบ้านของเธอด้วย สีหน้าของปุราณยังคงดูเคร่งเครียดแต่พยายามยิ้มให้เธอยามลงมาจากรถแล้วเดินตามกันมายังศาลากลางสวนเล็กๆ

“พี่ปุ๊ มีอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ดีเลย”

“พี่อยากมาขอโทษกวางแทนศศิน่ะ เรื่องเมื่อวันก่อน กวางคงไม่ถือโทษโกรธศศิใช่ไหม” ปุราณถามไม่แน่ใจนัก

ธีรดาหัวเราะหึๆ “ใครว่าไม่โกรธล่ะคะ แต่ไม่อยากยุ่งด้วยต่างหากก็เลยไม่โกรธแล้ว กวางไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าพี่ปุ๊ไม่สบายใจเรื่องนี้ก็อย่าคิดมากเลย กวางไม่เอาเรื่องคู่หมั้นของพี่ปุ๊หรอก”

“ขอบใจนะ” ปุราณยิ้มเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอให้อภัย นานมาแล้วที่เราเลิกกันเธอก็พูดอย่างนี้ ไม่เป็นไร ไม่โกรธ แต่นานแสนนานกว่าเราจะกลับมาคุยกันได้ “กวางอาจจะคิดว่าพี่โง่จริงๆ ที่ไปรักผู้หญิงร้ายกาจ จอมเจ้าเล่ห์แบบศศิได้ยังไง”

“ก็นิดนึง”

ธีรดาหัวเราะ ปุราณเลยหัวเราะตาม เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แต่เราคงไม่ใช่คู่ของกันและกันถึงได้เกิดเรื่องให้แคล้วคลาด แต่ไปๆ มาๆ จะได้เป็นญาติกันกระมัง

“ศศิที่พี่รักเป็นคนน่ารัก มีเหตุผล ใจดี อบอุ่น พี่รักศศิเพราะเธอไม่เคยทอดทิ้งพี่ไม่ว่าพี่จะอยู่ในสภาพไหน หลายเหตุการณ์ทำให้พี่คิดว่าต่อให้ศศิร้ายกาจกว่านี้พี่ก็จะพยายามอภัยให้เพราะสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ตัวศศิ แต่เป็นเพราะอาการของโรคซึมเศร้าต่างหาก”

อ้อ ธีรดาพยักหน้าเริ่มเข้าใจ บางทีอาการโกรธสุดโต่งก็อาจจะมาจากโรคซึมเศร้า กลัวไม่มีใครรักก็ด้วยล่ะสินะ แสดงว่าอาจมีปัญหาครอบครัวมาก่อน เธอไม่ค่อยรู้เรื่องในครอบครัวของปารินทร์เท่าไหร่เลย

“รักษาหรือยังคะ”

“รักษาหายไปนานแล้วนะ แต่เพราะมีเรื่องของพี่เหมือนว่านอกใจขึ้นมาก็เลยทำให้ศศิกลับมาเป็นโรคซึมเศร้าอีก ตอนเด็กๆ ศศิต้องทนรับความแตกแยกของครอบครัวก็เลยกลัวไม่ได้รับความรัก กลัวถูกนอกใจ กลัวสารพัด” ปุราณรับรู้เรื่องของคนรักมาโดยตลอด ทำให้ที่ผ่านมาไม่ถือโทษโกรธในเรื่องที่ไม่น่าเป็นเรื่อง ถ้าโกรธก็ไม่นาน แต่ตอนนี้บอกตรงๆ คงเป็นเพราะเขาเหนื่อยใจ แต่ไม่ได้ยอมถอดใจ

ธีรดาจับไหล่บางบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ศศิภาจะรู้ตัวเมื่อสายไปหรือเปล่าว่าได้รับความรักจากผู้ชายที่ดีและรักเธอมาก ถ้ายังหึงหน้ามืดแบบนี้จะมีความสุขไปได้ยังไง

“จากนางมารร้ายกลายเป็นเด็กน่าสงสารไปเลยแฮะ แล้วตอนนี้กลับไปรักษาแล้วหรือยังคะ” ธีรดาถาม คนเรานี่นะดูจากภายนอกไม่มีทางรู้เลยว่าป่วยที่ใจ

“กำลังรักษาอยู่ พี่กับคุณสิงห์กำลังช่วยกัน คนนึงปลอบ คนนึงสั่งสอน หมอแนะนำว่าการโอ๋ไม่ให้ผิดหวังอะไรเลยเป็นทางออกที่แย่ที่สุด”

“แล้วทำไมพี่ปุ๊ถึงมาบอกกวางล่ะคะ”

“พี่อยากให้กวางเข้าใจศศิน่ะเพราะต่อไปเราคงได้เป็นครอบครัวเดียวกัน” เรียวปากหนายิ้มกว้างเมื่อเห็นธีรดาทำหน้าไม่ถูก

“มันยังไม่ใช่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”

มือหนายื่นไปวางบนไหล่บางอย่างพี่ชายที่หวังดีต่อน้องสาวและพูดจากใจจริงที่ไม่เคยพูดมาก่อนว่า “พี่อยากให้กวางได้พบคนดีๆ นะ คุณสิงห์เป็นคนดี พี่รับรองได้ จะว่าพี่ยังรู้สึกผิดก็คงได้ ถ้าตอนนั้นพี่ไม่หูเบา กวางคงไม่เสียใจร้องไห้ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด สิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่ในตอนนี้อาจเป็นกรรมเก่าก็ได้ ศศิหูเบาเหมือนพี่ในตอนนั้นไม่มีผิดเลย”

ถ้าการจากลาเกิดขึ้นเพื่อให้เราได้มีโอกาสพบสิ่งใหม่ๆ คนใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับเราที่สุด เธอคงไม่เสียดายที่ครั้งหนึ่งเคยได้เป็นคนรักของปุราณและจากกันเพื่อที่เราจะได้พบคนที่เป็นของเราจริงๆ

“ขอบคุณนะพี่ปุ๊ กวางไม่เสียใจอีกแล้วล่ะ สบายใจได้”

ปุราณถอนใจโล่งอกราวกับพันธนาการแห่งความรู้สึกผิดได้ปลดออกไปจากบ่าของเขาแล้วเช่นกัน ตอนนี้ก็เหลือเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ป่านนี้นุชรีทำอะไร ไปหาศศิภาหรือเปล่านะ โทรไปก็ปิดเครื่อง

“ถ้างั้นพี่ไปแล้วนะ”

ธีรดาพพยักหน้ายิ้มลุกขึ้นเดินเขยกมาส่งพี่ชายร่วมโลกที่รถ ตั้งแต่ได้พบกันหลังจากไม่ได้พบเขามา 8 ปี ครั้งนี้เป็นการพบที่ทำให้เธอไม่มีอะไรค้างคาใจมากที่สุด ต่อไปหากพบหน้ากันอีก เธอจะยิ้มให้เขาอย่างคนที่มีความสุข เพื่อที่เขาจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อเธอเสียที


นิยายวางแผงแล้วค่ะ 19/08/2014




บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2557, 10:06:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ย. 2557, 22:06:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1493





<< ตอนที่ 16   
แว่นใส 19 ส.ค. 2557, 10:57:46 น.
จะเศร้าหรือว่ายังไงดีนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account