บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 16

ตอนที่ 16

ศศิภาดิ้นปัดๆ เกิดจะไม่ยอมเดินตามขึ้นมาอีก ธีรดาถอนใจพรืด ถ้าไม่เมาอยู่ล่ะก็ยัยนี่ได้ถูกเธอทุ่มลงพื้นโทษฐานดื่มของมึนเมาจนประคองสติไม่ได้ไปแล้ว ยังดีที่มีแท็กซี่จอดรอรับคนอยู่พอดี เธอเลยรีบดันศศิภาเข้าไปแล้วตามเข้าไปสมทบ บอกปลายทางเสร็จรถก็เคลื่อนออกไป
“ใครเป็นน้องสาวเธอ” ศศิภาถามเสียงอู้อี้
“ไม่อยากเป็นน้องสาวฉัน แต่อยากเป็นเมียไอ้หื่นนั่นใช่ไหม ได้! เดี๋ยวฉันพาเธอกลับไปส่ง นึกแล้วว่าไม่น่าเข้ามายุ่งเลย”
“จะบ้าเหรอ เธอนี่มัน แน่ล่ะสิ อยากได้พี่ปุ๊หรือไม่ก็พี่สิงห์ใจจะขาดอยู่แล้วนี่”
ธีรดาขี้เกียจเอามาเป็นอารมณ์ ยิ้มกว้างๆ เข้าไว้ยั่วโมโหคนอื่นสนุกกว่า “ก็ดีนะ พี่ปุ๊ของเธอก็น่ารักดี ส่วนพี่ชายเธอก็ไม่เลว”
“หยุดพูดเลยนะ ฉันนึกแล้วว่าคนอย่างเธอ...” มือบางวาดไปคล้ายจะตบแต่กลับถูกจับไปไพล่หลัง “อ๊าย เจ็บนะ”
“เออ เจ็บเสียบ้างจะได้หยุดพูดแย่ๆ ในสมองของเธอมีแต่พี่ปุ๊กับพี่สิงห์หรือไง โลกส่วนตัวสูงหรือไงยะ” ถ้ามีน้องแบบนี้เธอได้ประสาทกินตาย
“ใช่”
เงียบ...
ธีรดาหันไปมองอีกทีก็เห็นคนโวยวายเมื่อครู่ยกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้ไหล่บางสั่นสะท้าน
“อ้าว! เมื่อกี้ยังโวยวาย ทีนี้เป็นอะไรล่ะถึงร้องไห้”
“ถ้าไม่เมาฉันคงไม่กล้าทำแบบนี้ ฟังดีๆ เพราะฉันคงทำแบบนี้กับคนที่เกลียดได้แค่ครั้งเดียว”
ธีรดาขยับตัวตั้งใจฟัง “ก็ว่ามาสิ ฉันง่วงแล้ว กว่าจะไปส่งเธอถึงบ้าน กว่าจะถึงบ้านฉันได้เที่ยงคืนกันพอดี”
“ได้โปรดออกไปจากพี่ปุ๊ จากพี่สิงห์และจากชีวิตของฉัน เธอคงไม่รู้ว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้า ถึงพยายามรักษา แต่มันก็กำเริบทุกครั้งที่ฉันถูกแย่งความรักไป เธอเข้าไหม ฉันยอมรับเธอไม่ได้ ฉันเกลียดเธอจนไม่อยากเห็นหน้า ต่อให้เธอไม่ได้แย่งพี่ปุ๊ไปแล้ว แต่ได้พี่สิงห์ไปแทน ฉันก็ยอมไม่ได้”
“เวอร์ไปปะ” หวงพี่ชายขนาดนี้มีโล่จะแจกให้ ทำไมเธอไม่เคยหวงนายเสือแบบนี้เลยแฮะ
“ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ เพราะฉะนั้นเธอช่วยทำตามที่ฉันขอร้องด้วย หลังจากพ่อตายฉันก็มีแต่พี่สิงห์ และคนที่ทำให้ฉันมีความสุขขึ้นมาใหม่ก็คือพี่ปุ๊ เพราะฉะนั้นฉันไม่พร้อมจะเสียความรักของใครไป”
ความรักมีหลายรูปแบบ แต่รักจนทำร้ายคนอื่นอย่างที่ศศิภากำลังทำอยู่นี่เธอเพิ่งเคยเห็น นึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลหรือไง อย่างนี้เรียกว่าเห็นแก่ตัวน่าจะตรงกว่าละมั้ง
“แล้วหลังจากเธอแต่งงานไปแล้ว พี่ชายเธอล่ะจะปล่อยให้เหงาไปวันๆ เอาแต่คุยกับหมาหรือไง”
“ไม่รู้หรือแกล้งโง่ พี่พิชเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับพี่สิงห์ที่สุด การมาของเธอจะทำให้สองครอบครัวมีปัญหากัน เข้าใจหรือยังว่าการมีเธอก็เท่ากับการมีปัญหาไม่จบสิ้น” คนเริ่มสร่างเมาชักโมโหเธอทำถึงขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่ยอมฟังกันอีก
“อย่ามาเอาแต่ใจกับฉัน” ธีรดาบอกเสียงต่ำ ถ้าเธอหมดความอดทนยัยนี่แหละจะลำบาก
ใจจริงศศิภาก็อยากจะตอแยต่อ แต่พอเห็นธีรดาจ้องมาแบบนั้นเลยไม่กล้า ทำได้เพียงนั่งเงียบๆ ไปจนถึงบ้านของเธอ เมื่อมองไปในบ้านไฟหลายดวงยังเปิดอยู่ ทุกคนคงรู้ว่าเธอหายออกมา พี่ชายจะร้อนใจจนเห็นแก่น้องสาวจนยอมเลือกเธอแทนที่จะเป็นคนอื่นหรือเปล่านะ
“ส่งแค่นี้แหละ ฉันเดินต่อไปเอง” ศศิภาหันมาบอกก่อนจะเดินลงจากรถไปไร้ซึ้งคำขอบคุณ
ธีรดาไม่ได้คาดหวังถึงขนาดนั้นอยู่ สิ่งเดียวที่อยากทำมีเพียงกลับบ้านเสียที รถเคลื่อนจากไปพร้อมๆ กับปารินทร์วิ่งมาหาน้องสาวที่รั้วหน้าบ้านพร้อมกับเจนจิราที่ปักหลักรอศศิภามาตั้งแต่ตอนเย็น
“ไปไหนมา ทำไมถึงกลับมาป่านนี้ แล้วริกินเหล้าตั้งแต่เมื่อไหร่ โทรไปทำไมไม่รับโทรศัพท์” ปารินทร์ถามทั้งห่วงทั้งโกรธ เขารู้น้องสาวจงใจทำแบบนี้เพื่อประท้วงในสิ่งที่เขาตัดสินใจไปแล้ว
ศศิภาหน้าบึ้งใส่พี่ชาย แม้จะอุ่นใจนิดๆ ว่าถึงจะโกรธกันแต่เขาก็รอเธอจนถึงตอนนี้ เราคงต้องคุยกันจริงจังเสียที ในเมื่อธีรดาไม่สนใจเธอเลยสักนิด
“กลับบ้านของเธอไปก่อนเจน ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่สิงห์”
เจนจิราอยากจะโวยวายกลับ อุตส่าห์รอพอเห็นหน้ากลับไล่เธอไปเสียนี่ แต่ไม่อยากปวดหัวก่อนนอนเลยเดินกลับเข้าบ้านของตัวเองไป ในขณะที่ศศิภาเดินไปที่บ้านของตัวเองเหมือนกันโดยมีปารินทร์เดินตามไป สาวใช้ถูกสั่งห้ามรบกวน เมื่อเหลือกันแค่สองคนผู้เป็นน้องจึงเอ่ยขึ้นเสียงสั่นๆ ว่า
“ศศิจะทำทุกอย่างที่พี่สิงห์ไม่ชอบ อะไรก็ตามที่ทำแล้วพี่สิงห์เสียใจ ศศิจะทำให้หมด ในเมื่อไม่มีใครรักศศิแล้ว ทั้งพี่ปุ๊ ทั้งพี่สิงห์พากันเข้าข้างผู้หญิงคนนั้นกันหมด”
ปารินทร์นั่งลงฟังอย่างใจเย็น เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ ไม่เริ่มวันนี้ ต่อไปการมีครอบครัวจะเป็นเรื่องยากสำหรับศศิภา
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะศศิ การที่น้องทำผิด พี่ก็ต้องสั่งสอนตักเตือน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเกลียดกันไม่ใช่หรือ” เขาเอ่ยและรอฟัง
ศศิภานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม คราวนี้เธอประท้วงยิ่งกว่าทุกครั้งที่พี่ชายขัดใจ หลายครั้งพี่ชายยอมตามใจและอีกหลายครั้งที่เธอจนมุมด้วยเหตุผล แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ที่พี่ชายจงใจไม่ฟังเหตุผลของเธอ เพราะฉะนั้นคงมีวิธีเดียวเท่านั้น
“พี่สิงห์จำคำสั่งเสียของพ่อได้ไหมคะ”
“อืม...”
เขาสมควรจำทุกอย่างได้มากกว่าศศิภาด้วยซ้ำ ตอนนั้นศศิภาเพิ่งอายุ 20 ในขณะที่เขา 25 เต็ม เธอถูกพามาที่โรงพยาบาลในวันสุดท้ายของการสอบ พ่อนอนรอเราสองคนจนกระทั่งลูกๆ ไปถึง โรคหัวใจได้พรากพ่อของเราสองคนไป แต่ถึงกระนั้นก่อนการจากไปคำสั่งเสียของพ่อก็ยังตรึงแน่นอยู่ในความทรงจำนอกจากเรื่องธุรกิจที่ต้องรักษาไว้แล้วยังมีเรื่องของศศิภา
‘สิงห์อย่าทิ้งน้องนะลูก ไม่ว่าอะไรที่น้องทำผิดก็ต้องให้อภัย ต้องรักน้องและทำทุกอย่างเพื่อน้องอย่างที่พ่อรักและทำให้ศศิมาตลอด’
ปารินทร์รับปากอย่างไม่ลังเล เขารักน้องเสมอจากวันนั้นจนถึงตอนนี้ ความรู้สึกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทว่าการรักจนไม่แยกแยะสิ่งถูกสิ่งผิดนอกจากทำร้ายน้องสาวทางอ้อมแล้วยังส่งผลให้ทุกคนรอบตัวศศิภาต้องพากันตามใจเธอไปเสียทุกเรื่อง จนกลายเป็นการเสพติด หากวันใดผิดหวังเธอจะทำอย่างนี้หรือไม่อาจทำร้ายตัวเองไปเลย ก่อนถึงเวลานั้นเขาต้องปรับเปลี่ยนตัวเองและศศิด้วย
ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งเกิดเรื่องหวาดระแวงว่าปุราณจะมีผู้หญิงอื่นเข้ามา สิ่งแรกของความรักต้องเชื่อใจและยอมรับการตัดสินใจของคนอื่นบ้าง
ศศิภายิ้มเมื่อเริ่มเห็นชัยชนะอยู่รำไร พ่อรักเธอ พี่ชายรักเธอ การทำให้ผิดหวังถือว่าเป็นการทำร้ายเธอ ถ้าพี่ชายไม่อยากทำร้ายเธอก็ต้องทำตามทุกอย่างที่เธอขอ
“พี่สิงห์ทำเพื่อศศิสักอย่างได้ไหมคะ”
“บอกมาก่อน แล้วพี่จะคิดเองว่าควรทำไหม” ปารินทร์เอ่ย เดาได้ว่าคงมีเรื่องเดียวเท่านั้นศศิภาต้องการขอ
“เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น พี่สิงห์ก็รู้ว่ายังไงศศิก็ยอมรับผู้หญิงคนนั้นให้มาเป็นสมาชิกครอบครัวของเราไม่ได้ ความสงบสุขในครอบครัวที่เรามีมาโดยตลอดจะหายไป พี่สิงห์ต้องการให้เป็นอย่างนั้นหรือคะ” ถึงจะเริ่มเชื่อแล้วว่าธีรดาไม่ใช่ผู้หญิงที่จ้องแย่งปุราณ แต่อย่างไรเสียศศิภาก็ยังระแวง ถ้าธีรดาไม่ใช่แฟนเก่าของปุราณเรื่องคงไม่ยุ่งเหยิงแบบนี้
ถ้าฟังแล้วคิดตามโดยใช้ความรักที่มีต่อศศิภาเป็นหลักก็คงเป็นไปตามนั้น ทว่าหากยอมทำตามก็คงเข้าอีหรอบเดิม ต่อไปคงขัดใจอะไรไม่ได้อีก ปุราณคงกลายเป็นสามีที่ต้องฟังภรรยาทุกอย่าง ปารินทร์ประเมินได้ไม่เกิน 1 ปีการหย่าร้างจะเกิดขึ้น
“แล้วถ้าพี่บอกให้ศศิตัดความสัมพันธ์กับปุราณบ้าง ศศิจะรู้สึกยังไง” ปารินทร์ถามกลับ
ศศิภาหน้าซีดเผือดแค่คิดว่าต้องเลิกกับปุราณ เมื่อตอนสายที่เธอพูดว่าจะเลิกกับเขาก็แค่ความโมโหชั่ววูบเท่านั้น เธอรักเขาจนแค่คิดว่าหากเลิกกันคงทนไม่ได้อย่างแน่นอน
“การรู้สึกดีๆ กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าวันนี้ศศิคิดถึงแต่ตัวเอง แล้วปุราณล่ะต้องทำเพื่อศศิ โดยลืมความต้องการของตัวเองไปตลอดชีวิตหรือเปล่า พี่ก็เหมือนกัน เราทุกคนต่างมีมุมหนึ่งที่เป็นมุมส่วนตัว การรัก การเกลียดของเราไม่อาจไปบังคับให้ใครต่อใครคิดเหมือนกับเราได้ พี่ไม่ทำตามที่ศศิต้องการ แต่พี่จะทำให้ความเกลียดที่ศศิมีต่อธีรดาค่อยๆ หายไป”
ศศิภาร้องไห้น้ำตาพราวไม่คิดว่าพี่ชายจะทำแบบนี้ ทุกครั้งที่เอ่ยถึงคำสั่งเสียของพ่อ ไม่ว่าเรื่องอะไรเธอจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ ทว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ธีรดากลายเป็นคนที่สำคัญกว่าเธอไปแล้วใช่ไหม
“พี่สิงห์เข้าข้างคนอื่นอีกแล้ว”
“พี่ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่สิ่งที่ศศิขอมันไม่มีเหตุผล” เขาประกาศกร้าว การเปลี่ยนนิสัยเอาแต่ใจต้องเริ่มจากขัดใจโดยขึ้นอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล
“พี่สิงห์!” ศศิภากรีดร้องโวยวายและมองพี่ชายอย่างผิดหวัง มือบางคว้าแจกันในสวยมากำลังจะขวางออกไปกระแทกผนัง
“อย่าทำแบบนี้ศศิ มันไม่มีประโยชน์ คนที่รับผลของความโกรธไม่ใช่พี่ แต่เป็นตัวศศิเอง ถ้าอยากได้ความรักก็ต้องมอบความรัก ไม่มีใครเปลี่ยนไป นอกจากเวลาที่ผ่านไป ถามตัวเองดูว่าศศิเอาแต่ใจเกินไป หรือว่าพี่ไม่มีเหตุผล”
แจกันร่วงลงพื้นเมื่อมือบางปล่อยมันอย่างหมดหวัง พี่ชายไม่เข้าข้างเธอเพราะผู้หญิงคนนั้น ศศิภาวิ่งขึ้นชั้นสองไปยังห้องนอนของตัวเอง ปารินทร์ได้ยินเสียงปิดประตูดังโครมใหญ่ เขานั่งถอนใจ ถามตัวเองอีกครั้งว่าทำถูกแล้วใช่ไหม คำตอบที่ได้เหมือนเดิมว่าถูกแล้ว
‘พ่อเข้าใจใช่ไหมครับว่าผมกำลังทำอะไรอยู่”
ไม่มีเสียงตอบจากคำถามที่ดังขึ้นในสมองเขาเอง จากนี้ไปหลายๆ สิ่งในชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะสายตาของน้องสาวที่มองมา ต้องแข็งใจ ไม่ใจอ่อน ไม่เช่นนั้นศศิภาจะกลายเป็นคนที่รับความผิดหวังไม่ได้ โรคซึมเศร้าอาจรักษาหาย แต่นิสัยนี้จะกลายเป็นสิ่งติดตัวไปจนชีวิตพบกับความล้มเหลวเมื่อไหร่ตายเมื่อนั้น

ธีรดาขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า เธอจะไม่เข้าออฟฟิศ 2 วันเพราะใบสมัครที่เคยได้รับนั่นแหละ เธอได้กรอกรายละเอียดและส่งไป เมื่อสัปดาห์ก่อนมีการติดต่อกลับมา อย่างน้อยได้มีโอกาสแสดงฝีมือบ้างก็ยังดี ถึงไม่ติดอันดับเลยก็ช่างมัน การเปลี่ยนบรรยากาศเสียบ้างอาจทำให้หมอกทึบๆ ในหัวจางลงไป เช่นเดียวกับคำพูดของปารินทร์ที่บอกว่าก่อนส่งเธอขึ้นรถว่า
‘ผมให้คุณคิดว่าจะยอมให้ผมคบกับคุณ หรือว่าจะยอมให้คุณคบกับผม อีก 3 วันผมจะมารับคำตอบ’
ถ้าเธออายุเพิ่งจะ 20 คงไม่ต้องคิดเรื่องที่เขามาขอคบด้วยจนเหมือนเล่นตัวทั้งที่ใกล้ 30 แบบนี้หรอก อายุขนาดนี้แล้วหากเธอจะคบใครหมายถึงการคบจริงจัง ไม่ใช่คบเพื่อกันใครเข้าใจผิดอย่างที่เขาทำให้คิดว่ากำลังทำแบบนั้น ป่านนี้ยัยพิชชาอาจจะกำลังหาซื้อน้ำเดือดมารอพรมเธออยู่ก็ได้ เฮ้อ
ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็มาถึงวังน้ำเขียว ไม่นานก็พบรีสอร์ตตามแผนที่ เธอหาที่จอดรถแล้วรีบเข้าไปลงทะเบียน ทีมงานของวิลเลสมาตั้งโต๊ะรอตั้งแต่ 15 นาทีก่อน พอลงทะเบียนเสร็จเธอเดินกลับมาที่รถเพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางไปเก็บที่บ้านพักซึ่งทางทีมงานเตรียมไว้ พอเดินออกมาจะไปห้องอบรมใครบางคนก็ยกมือทักทายแล้วเดินมาสมทบ
“นึกแล้วว่าเชียวว่าต้องใช่ บังเอิญจริงๆ ที่เรามาเจอกันที่นี่”
“บริษัทของตริณก็ได้สมัครโครงการนี้ด้วยเหรอ ดีจัง นึกว่าจะน้ำลายบูดแล้วนะเนี่ย” ธีรดายิ้มกว้างดีใจที่ได้เพื่อน ว่าแต่เขาเป็นคนส่งใบสมัครมาให้เธอหรือเปล่าเนี่ย
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวรับกาแฟเสร็จ ทางวิลเลสจะเริ่มการอบรมเลย ส่วนวันพรุ่งนี้เราต้องออกแบบตามโจทย์ โหดชะมัด แล้วเกิดคิดไม่ออกวันนั้นพอดีจะทำยังไงกันนี่” ตริณบ่นพึม
ธีรดานิ่วหน้าเพราะไม่ชอบอะไรที่มันจวนตัวหรือบังคับเวลาเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจว่าถ้าไม่ทำแบบนี้จะพบคนที่เก่งสุดๆ ได้ยังไง
“นั่นสินะ ถ้าประกาศผลเลยก็ดีสิ อีกตั้งหลายสัปดาห์ ลุ้นจนหายตื่นเต้นหมดแล้วมั้ง”
ตริณหัวเราะชอบใจเพราะมันคงเป็นอย่างนั้นแหละ หลายครั้งที่เขามาประกวดผลงานแล้วเงียบไปเกือบปีจู่ๆ ก็ได้รับจดหมายว่าการออกแบบเข้าตาได้รางวัล ธีรดาสอดส่ายสายตาเผื่อว่าจะเจอกวินตาหรือไม่ก็ทีมงานจากกาวิต้า แต่กลับไม่เจอสักคน แสดงว่าบริษัทของยัยนั่นไม่ได้ใบสมัครละสิท่า
ทั้งสองทานกาแฟเสร็จก็เข้าไปในห้องอบรมโดยนั่งด้วยกันเพราะไม่รู้จักใคร อีกสักเดี๋ยวถ้าต้องทำกิจกรรมคงต้องแยกกันเองอยู่ดี เสียงโทรศัพท์ของธีรดาดังทำให้เพิ่งรู้ว่ายังไม่ได้ปิดเสียงแล้วเปิดเป็นสั่น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากำลังจะกดรับแต่กลับเปลี่ยนใจเมื่อคนที่โทรมาไม่ใช่คนจากบริษัทแต่เป็นปารินทร์
“ทำไมไม่รับล่ะ” ตริณถาม
“เอาไว้ก่อน ฉันไม่อยากเสียสมาธิน่ะ” เธอบอกแล้วรอจนปลายสายเหนื่อยในการจนวางสายไปจึงปิดเสียงโทรศัพท์แล้วเปิดให้สั่นแทน
ตลอดทั้งวันไม่มีปลายสายจากปารินทร์โทรมาอีก ธีรดาอยากจะโล่งใจ ทว่าหัวใจกับหน่วงหนัก เขาจะเข้าใจไหมว่าเธอไม่ได้เล่นตัว แต่มันยังไม่ครบเวลาที่เขาให้ไว้สักหน่อย เพราะฉะนั้นห้ามเร่งรัดคำตอบที่ดูเหมือนเขาได้คำตอบไปแล้วจะได้ไหม

การอบรมในวันนี้ส่วนใหญ่เน้นการแสดงความคิดเห็นและรวมกลุ่มออกแบบตามโจทย์ เป็นไปตามคาดว่าการจัดกลุ่มใหม่ตริณกับธีรดาไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ผู้เข้ามาอบรมเพื่อแข่งขันกันออกแบบส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน ซึ่งทำงานด้านออกแบบโดยตรงแบบตริณ มีแต่เธอเท่านั้นที่ไม่ได้ทำงานด้านนี้โดยตรง แต่ได้ใบสมัครมาแบบงงๆ เพราะพอถามตริณเขากลับบอกว่าไม่ได้ส่งใบสมัครให้เธอ
การอบรมจบลงตอน 6 โมงครึ่ง ผู้อบรมทยอยเดินกลับที่พัก ธีรดาลืมของที่รถเลยต้องเดินแยกกลุ่มไป ตริณเดินมาเป็นเพื่อนและเดินผ่านสวนไผ่เพื่อไปที่พักด้วยกัน
“ผมว่าโจทย์ต้องเกี่ยวกับโลกร้อนแน่ๆ เลยกวาง”
“ฉันว่าน่าจะเป็นเรื่องการกลับสู่ธรรมชาติมากกว่านะ ไม่งั้นการอบรมคราวนี้จะพามาถึงรีสอร์ตกลางป่าทำไมล่ะ ซ้ายขวาหน้าหลัง ป่าทั้งนั้น”
ตริณพยักหน้าเริ่มเห็นด้วยเพราะรีสอร์ตนี้อยู่กลางป่ากลางเขาจริงๆ เสียด้วยล่ะ ขนาดทางเดินยังเป็นทางธรรมชาติที่โรยหินหยาบก้อนเท่ากำมือไว้แทนที่จะเป็นตัวหนอนหรือเทปูนทับ
“จริงด้วย รีบกลับเข้าที่พักกันเถอะ ใกล้จะมืดแล้ว”
ธีรดารีบเดินให้เร็วขึ้น ทว่าอารามรีบร้อนก้อนหินที่เดินย่ำเลยกลายเป็นอุปสรรค เธอมองหินที่เดินเหยียบจนตาลายและขาพลิกในที่สุด รองเท้าส้นไม่สูงเท่าไหร่ทำพิษเธอเข้าให้แล้ว
“โอ๊ะ!”
ร่างเพรียวล้มลงเข่ากระแทกเจ็บคูณสองจากที่เจ็บข้อเท้าอยู่แล้ว ตริณหันมารีบคุกเขาลงช่วยดูที่ขาพลางถอดรองเท้าส้นสูงของเธอออก พอขยับเท้าข้างที่ดูบวมขึ้นทันตา ธีรดาสูดปากร้องอูยทันที
“สงสัยจะแพลง กวางเดินไหวหรือเปล่า”
“ลองดูก่อนนะ” ธีรดาถอดรองเท้าอีกข้างออก พอยืนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรถ้าไม่ลงน้ำหนักไปยังขาที่เพิ่งเจ็บ “คงพอได้แหละ”
“ผมอุ้มดีกว่า เดินไปกว่าจะถึงขาได้บวมพอดี”
ตริณไม่รอฟังว่าเธอจะเห็นด้วยไหมเขาช้อนร่างนุ่มขึ้นมาไว้ในวงแขนทันที ธีรดาอึ้งครั้นจะดิ้นก็ใช่ที แต่อุ้มกันไปอย่างนี้คงดูไม่ดีอีก จริงๆ แล้วค่อยๆ เดินไปก็ได้ แต่ถ้าปฏิเสธตริณคงเสียใจอีก ทำยังไงดีล่ะนี่
เพราะมัวแต่คิดจึงไม่เห็นใครคนหนึ่งเดินมาชิดแล้วจัดการแย่งเธอมาจากแขนที่กำลังอุ้มเธออยู่ ธีรดาหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น คำต่อว่ามาจุกอยู่ปลายลิ้น ตอนนี้ถ้าทำได้เธออยากเป็นลม ทำไมเธอต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างผู้ชายสองคนที่พากันช้อนร่างของเธอเอาไว้ด้วย มีใครผ่านมาแถวๆ นี้เปล่านะ
“เชิญคุณกลับไปข้างใน ผมจะดูแลธีรดาเอง” ปารินทร์สั่งเสียงเรียบ ตริณหน้าตึงขึ้นมาทันทีพร้อมกับยื้อไว้ไม่ยอมให้ใครแย่งธีรดาไปจากอ้อมแขนของเขาได้ง่ายๆ
“คุณมาได้ยังไง” ธีรดาถามปารินทร์ รองเท้าที่ใช้นิ้วเกี่ยวไว้หล่นกระจาย
“มันสำคัญกว่าที่คุณถูกผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่ผมอุ้มหรือไงธีรดา” เจ้าของใบหน้าบึ้งตึงตอบพร้อมกับมองตริณอย่างประกาศให้รู้ว่าเขาไม่พอใจ
“ผมคิดว่ากวางไม่ได้อยากไปกับคุณ”
ธีรดายกมือขึ้นยันอกผู้ชายตัวโตทั้งสองคนไว้ มีคนกำลังเดินผ่านมาถ้าเธอจัดการสภาพน่าตลกที่เป็นอยู่นี้ไม่ได้ เธอถูกเมาท์มันแน่ๆ ระหว่างตริณกับปารินทร์ เธอต้องเลือกว่าใครจะก่อเรื่องได้มากกว่ากัน คำตอบชัดแจ๋ว ใครล่ะที่ทำเรื่องที่คาดไม่ถึงได้ตลอด
“อย่ามีเรื่องกันเลยนะตริณ” เธอขอร้อง ดูเหมือนตริณน่าจะใจเย็นลง หญิงสาวหันมาหาปารินทร์ “นี่คุณก่อเรื่องแล้วก็รีบๆ จัดการเลย เห็นไหมว่าคนมองกันใหญ่แล้ว”
ปารินทร์กดยิ้มที่มุมปากแล้วกระชากทีเดียวร่างเพรียวในวงแขนของตริณก็เปลี่ยนมาอยู่ในวงแขนของเขา แขกของรีสอร์ตเดินผ่านไป ธีรดายกมือขึ้นมาปิดหน้า หมดกัน ขายหน้าขนาดนี้เพราะใครกันล่ะฮึ ตริณฮึดฮัดจะเข้ามา หญิงสาวรีบยกมือห้าม ไม่งั้นได้ดังพร้อมกับสามคนแน่ๆ เพราะฉะนั้นต้องจัดการคนฟังไม่รู้เรื่องก่อน
“ปล่อยฉันลงสิคุณ”
“ขอโทษที่ทำรุนแรง แต่ถ้าคุณเห็นแฟนถูกผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้อุ้มก็คงของขึ้นไม่ต่างจากผมในตอนนี้” ปารินทร์เอ่ยก่อนจะเดินจากมา
ตริณมองหน้าธีรดาทว่ากลับไม่ได้ช่วยให้คำตอบกระจ่างชัดเมื่อเธอเหมือนช็อคไปแล้ว แถมพอจะเรียกไว้ ‘แฟน’ ของเธอก็อุ้มไปไกลแล้ว ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมาสติที่กะพร่องกะแพร่งของธีรดาก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง เธอดิ้นให้พ้นจากวางแขนของเขา แต่กลับถูกรัดไว้แน่นแนบอกจนแทบกระดิกกระเดี้ยไม่ได้
“ปล่อยฉันลงนะ พามาที่รถทำไม” เธอแหวลั่นไหนๆ ตรงนี้ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว
ปารินทร์หาสนใจไม่ยังคงเดินต่อไปจนถึงแล้วจัดการย่อตัวลงเปิดประตูแล้วดันร่างของธีรดาเข้าไป พอเธอกระโจนออกมาเขาก็ดันเข้าไปใหม่พอครบ 3 รอบ หญิงสาวจึงยอมแพ้ทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บขา เรื่องอะไรจะไล่จับกันอีก พอแน่ใจว่าไม่ต้องไล่จับกันอีกร่างสูงถึงได้มาประตูอีกฝั่งแล้วเข้ามานั่ง
“ผมจะพาคุณไปหาหมอ ส่วนเรื่องอื่น ไว้คุยกันหลังจากนั้น”
เสียงรถครางเบาๆ ธีรดาค้อนใส่คนเอาแต่ใจ ทำอะไรไม่เคยถาม แต่ชอบให้ได้คำตอบที่ต้องการ ถ้าอยากพาไปหาหมอบอกดีๆ แต่แรกก็ได้ ป่านนี้ตริณเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ คงไม่ได้อกหักน้ำตานองหน้าหรอกมั้ง เขากับเธอไม่เคยมีชั่วโมงหวานซึ้งสักครั้งนี่นา
แล้วกับคนที่กำลังตั้งใจขับรถล่ะ แล้วยังน้องสาวเจ้าปัญหาของเขาอีก ไหนๆ เขาก็มาแบบให้เจอตัวแล้ว เวลา 3 วันคงไม่จำเป็น สิ่งที่เธอจะพูดต่อจากนี้เธอคิดดีแล้ว ทั้งต่อเขาและต่อตัวเอง เขาไม่เห็นหรือไงว่าตัวเองหน้านิ้วคิ้วขมวดเพราะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่
“เรื่องที่คุยกันค้างไว้ คุยตอนนี้เลยก็ได้ ฉันคิดว่าถ้าเราคบกันแล้วทำให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่างต่อคุณและฉันตามมา เราก็น่าจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า” หญิงสาวโพล่งออกไป ตามองทางไม่หันหน้าไปมองเขา
ปารินทร์หัวพวงมาลัยพารถจอดลงข้างทางทันที ธีรดาหันมาเหล่ใส่ ไม่ใช่ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรอีกแล้วนะ ร่างเพรียวเขยิบไปชิดประตูมือจับที่ก้านดึงพร้อมกระโจนออกจากรถหากเขาทำอะไรบ้าๆ อีก
ใบหน้าขรึมหันมามองธีรดาเต็มตา จากที่เห็นเธอถูกไอ้หล่อหน้าเกาหลีอุ้ม เขายังไม่ทันหายโกรธ ตอนนี้ยังมาพูดให้เขายิ่งโมโหเข้าไปอีก จูบคราวก่อนไม่ได้บอกอะไรที่เกิดขึ้นระหว่างเราให้เธอรู้ตัวบ้างหรือไง
“ผมไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับคุณ แต่ผมอยากเป็นคนรักของคุณ อย่าตัดปัญหาด้วยการให้เราอยู่ห่างกัน หรือเอาความเป็นเพื่อนมาปิดกั้นผมให้ห่างจากคุณ มันไม่ได้ผล คุณคงรู้แล้วใช่ไหม” เรียวปากหนาจงใจขยับเข้ามาใกล้ มือบางยกขึ้นมายันอกของเขาไว้ แต่เขากลับได้โอกาสจับมือเธอไว้ หมดกันแล้วจะไปหนียังไงล่ะนี่
“คุณไม่เข้าใจที่ฉันพยายามจะบอกหรือไง”
“เข้าใจ แต่ไม่ทำตาม ผมชอบคุณมากจนมั่นใจว่ากำลังพัฒนาเป็นความรัก อะไรก็ตามที่เป็นปัญหาของผม ผมจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นเอง คุณแค่อยู่เฉยๆ ไม่ต้องไปฝ่าฟันอะไร คอยให้กำลังใจ อย่าทิ้งผม เพราะผมไม่มีทางยอมให้คุณจากไปง่ายๆ เหมือนตอนที่เข้ามาในชีวิตเด็ดขาด”
“แต่ว่าน้องสาวของคุณ...”
คำพูดหายไปเมื่อริมฝีปากนุ่มถูกปิดกั้นทุกคำพูดที่คิดไว้ในด้วยริมฝีปากหนา ปารินทร์จูบเบาๆ ให้เธอหยุดแล้วถอนริมฝีปากออกมา เขาเดาได้ว่าเธอจะพูดอะไร
“นั่นเป็นปัญหาของผม”
“แล้วคุณพิชชา...”
เรียวปากบางถูกจูบซ้ำ คราวนี้ไม่ได้ฉาบฉวยอย่างจูบแรก มือหนาตรึงไหล่บางไว้ไม่ให้ขยับ มือเย็นกำแน่นทุบอกหนาไปหลายตุ้บ แต่กลับถูกรวบไว้ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะขบเม้มริมฝีปากของเธอ เธออ้าปากกำลังจะกัดริมฝีปากของเขาทว่ากลับพลาดกลายเป็นเปิดโอกาสเรียวลิ้นร้อนรุ่มเข้ามาสำรวจความหอมหวาน เธอหลับตาพยายามฝืน แต่เขายิ่งบดเบียดริมฝีปากของเธอจนหายใจหายคอแทบไม่ออก ราวกับเขาต้องการบางสิ่งที่หากเธอไม่ยอมให้ การจูบจะไม่จบลงง่ายๆ แล้วสิ่งนั้นมันคืออะไร
สมองของธีรดาหมุนคว้างทุกอย่างพร่างพรายไม่รู้ตัวด้วยซ้ำยามริมฝีปากของตัวเองขยับตอบรับแล้วจูบกลับราวกับต้องการสูดลมหายใจที่เขาขโมยไปกลับมา ความร้อนจากเรียวลิ้นทวีคูณเมื่อได้ทักทายความนุ่มลื่นแฉกเดียวกัน ปารินทร์ครางกระหึ่มสาสมใจ เขาลดจังหวะการจูบให้ช้าลงจนเธอตามทันแล้วรอให้เป็นฝ่ายถูกจูบบ้าง ธีรดายั้งริมฝีปากตัวเองไม่ได้จึงกลายเป็นคนจูบเขา นานเนิ่นกว่าจะรู้สึกได้ว่าเขาหยุดแล้ว ดวงหน้าแดงซ่านเห่อร้อน เธอทำอะไรลงไป เพื่อนที่ไหนจูบเพื่อนดูดดื่มแบบนี้
เรียวปากหนายิ้มกว้างก่อนจูบเบาๆ ที่เรียวปากบวมช้ำ แล้วยอมเขยิบกลับไปอิงหลังที่เบาะตัวเอง ไม่ใช่เพียงธีรดาที่หวั่นไหว เขาเองก็แทบทนไม่ได้เช่นกัน เธอคงรู้ตัวแล้วใช่ไหมว่าเรามีบางสิ่งก่อเกิดขึ้นในใจเหมือนกัน
“คุณอยากให้ผมจูบบ่อยๆ ใช่ไหมถึงถามเรื่องที่ผมจัดการเองได้” เขาถามเสียงล้อๆ เผื่อว่าไอหวานชวนให้ตามใจตัวเองจะคลายไป
ธีรดาหันหน้าหนีกระแอมอยู่หลายครั้งกว่าคอจะหายแห้ง ขายหน้าชะมัด เขาคงจับได้แล้วว่าเธอคิดยังไง ทางออกเดียวต้องโวยวายให้หาย...หาย หายอะไรก็ช่างเถอะ
“ไม่ใช่อย่างนั้น เฮ้อ ช่างเหอะ แล้วจะพาฉันไปหาหมอได้หรือยังคะ เห็นไหมว่าขาฉันบวมแล้ว พรุ่งนี้จะเดินยังไงเนี่ย”
ปารินทร์ไม่เซ้าซี้ถาม แค่นี้ก็พอทำให้มั่นใจในตัวเองมากพอ อีกทั้งเรื่องขุ่นมัวในใจของเขาหายไปหมดแล้ว ตอนนี้พาธีรดาไปหาหมอสำคัญกว่า
“คุณนี่น้า คลาดสายตานิดเดียวก็เจ็บตัวจนได้ คุณน่ะเหมาะสมกับผมที่สุดแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนดูแลคุณได้ดีเท่าผมหรอก”
“หลงตัวเอง ป่านนี้ตริณหายงงหรือยังก็ไม่รู้” เธอห่วงเพื่อนจริงๆ นะไม่ใช่เกิดบ้าเลือดอยากยั่วโมโหใคร แต่ปารินทร์คงไม่คิดอย่างนั้น ร่างหนาเขยิบมาใกล้จนเธออยากให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของประตูรถชะมัด
“ถ้าไม่อยากให้ผมอารมณ์เสียห้ามพูดถึงผู้ชายอื่นให้ได้ยินอีก”
“เผด็จการ” เธอว่ากลับพร้อมกำมือรอ คราวนี้ถ้ายื่นหน้ามาจูบเธออีกมีหมัดสวน
ปารินทร์มองหมัดเล็กๆ แล้วหัวเราะชอบใจ เขาไม่กล้าจูบเธอถึง 3 ครั้งในเวลาไม่ถึง 10 นาทีหรอกน่า กลัวใจตัวเองอยู่เหมือนกัน
“ผมหึง ไม่ใช่เผด็จการเข้าใจให้ถูกด้วย”
หน้าผากมนถูกจิ้มเบาๆ ก่อนที่ร่างหนาจะขยับกลับไปแล้วขับรถต่อ ธีรดาลอบถอนใจโล่งอก ถ้าถูกจูบอีกรอบแล้วไม่มีหมัดสวน เธอยอมให้ธีมาเรียกว่าน้อง
“อย่าถอนใจเพราะปัญหาของผม ไม่ว่าปัญหาอะไรผมจะจัดการให้ได้ คุณไม่ใช่ต้นเหตุของความขัดแย้งของผมกับศศิ”
“นี่คุณรู้เหรอว่าฉันกับน้องสาวของคุณคุยอะไรกัน”
ปารินทร์ส่ายหน้า วันก่อนที่ศศิภากลับบ้านดึก ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านทำให้เขารู้ว่าเธอเป็นคนนั่งรถแท็กซี่มาส่ง แล้วที่มารีสอร์ตก็เพราะเรื่องงาน แต่แถมเรื่องส่วนตัว ดีเท่าไหร่ที่มาทัน ไม่งั้นแฟนของเขาจะถูกอุ้มไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้
“ไม่รู้หรอก แค่เดาเอา ผมรู้จักศศิดี วันนั้นมาส่งศศิถึงบ้าน...ขอบใจนะ ทีหลังโทรหาผมแล้วเล่าทุกอย่างมา อย่าแก้ปัญหาด้วยการพาตัวเองออกไปจากผมอีก”
ธีรดานิ่วหน้า เขานี่...พ่อมดชัดๆ
“ศศิเจ้าเล่ห์ก็จริง แต่ไม่เท่าผมหรอก ถ้าบลัฟผมไม่ได้ ศศิก็ต้องบลัฟคุณ ถ้าเรื่องแค่นี้ผมเดาไม่ได้คงเป็นพี่ชายที่ตามใจน้องสาวตะพึดตะพือไปแล้วน่ะสิ”
“ขอบคุณนะ” เธอเอ่ยก็ใครจะเถียงล่ะว่าไม่จริง “ฉันดีใจที่ไม่ต้องเป็นฝ่ายทิ้งคุณ”
“แต่ถ้าผมทิ้งคุณไม่เป็นไรงั้นสิ” เขาถามกลับอย่างอารมณ์ดี พอถูกค้อนใส่เลยรีบพูดต่อ “ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า”
เธอยิ้มให้เขาไม่พูดอะไร เรื่องวันนี้ก็คือวันนี้ ส่วนเรื่องในวันข้างหน้าไม่มีใครรู้ได้หรอก มีแต่เรียนรู้ มีสติและยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ได้เท่านั้น

เรามาถึงคลินิกในที่สุด เธอลงจากรถแต่ขายังไม่ทันก้าวก็ถูกอุ้มเข้าไปหาหมอ เธออยากจะบ้า ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้มั้ง ยังดีที่ไม่มีคนไข้แล้วทำให้ไม่ขายหน้ามากนัก คนก่อเรื่องทำหน้ายิ้มกริ่ม หมอพันผ้าและจัดยาให้ ตอนออกมาจากคลินิกเธอยืนกรานหนักแน่นว่าจะเดินเอง ปารินทร์เลยยอมตามใจ แต่ก็แทบประคองมาถึงรถเลยโดนค้อนใส่ไปหลายที
ขากลับเขาแวะหาอะไรกินง่ายๆ ข้างทางก่อนจะขับรถเรื่อยๆ มาส่งเธอที่รีสอร์ต ถึงจะทำให้หัวใจเต้นจนทำอะไรน่าขายหน้าออกไป แต่การมีปารินทร์อยู่ใกล้ๆ ทำให้เธอรู้สึกถึงความสุขและอุ่นใจ ถ้าอย่างนี้เธอยังโกหกเขาและตัวเองว่าไม่ชอบเขาก็เกินไปล่ะ
รถจอดหน้าที่พักของเธอ ธีรดาขมวดคิ้วมั่นใจว่าไม่เคยบอกว่าพักบ้านหลังไหน ปารินทร์ช่วยเปิดประตูให้แล้วทำตัวเองเป็นไม้เท้าให้จับยามลงมาจากรถจนถึงประตูบ้านหลังเล็กที่เธอมีรูมเมทอีกคน
“รีบไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องเขียนแบบส่งไม่ใช่หรือ คืนนี้นอนให้มากๆ ก็ดี” เขาแนะนำพยายามไม่ยื่นมือไปรั้งร่างเพรียวเข้ามากอด
“คุณรู้ได้ยังไง”
“เอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกัน ยืนนานๆ ขาระบม รีบเข้าห้องได้แล้ว”
ธีรดาพยักหน้าแม้จะสงสัย “ขับรถกลับดีๆ นะ ถึงแล้วโทรมาบอกด้วย ไม่ว่าดึกแค่ไหนก็โทรมา ฉันจะได้สบายใจ”
ปารินทร์รับปากและรอจนกระทั่งธีรดาเข้าห้องไปถึงได้เดินกลับที่รถ เรียวปากหนายิ้มอิ่มสุข ความรักทำให้มีพลังใจที่ก่อให้เกิดพลังกาย ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีประชุมสำคัญเขาไม่ลังเลเลยที่จะอยู่ที่นี่ต่อ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2557, 09:32:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2557, 09:32:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1335





<< ตอนที่ 15   ตอนที่ 17 >>
แว่นใส 17 ก.ค. 2557, 12:08:51 น.
ยังมีเรื่องไม่พอเนอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account