แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 25 ศึกชิงนาง


25
ศึกชิงนาง


รักจิรามองงานแถลงข่าวที่กำลังจบลง วันนี้วีนัส จัดงานแถลงข่าวของภีมะ นักร้องหนุ่มที่ตกเป็นข่าวคดีฆ่าข่มขืนหลังจากมีคลิปหลุดปล่อยออกมาและสาวในคลิปก็โดนฆ่าตายอย่างปริศนา ตอนนี้คดีกำลังจะคลี่คลายเมื่อมีพยานบุคคลมายืนยัน พร้อมกับผู้ชายในคลิปตัวจริงที่มาช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของภีมะอีกคน รวมถึงตำรวจได้หลักฐานการว่าจ้างของคนร้ายที่แท้จริงที่กำลังหลบหนี รวมถึงความคืบหน้าของคดีฆาตกรรมเด็กสาว และยังมีข่าวช็อควงการอย่างภีมะนักร้องหนุ่มขวัญใจมหาชนกลายเป็นเกย์ไปเสียได้ วันนี้งานจึงรวมนักข่าวจากทุกสำนักพิมพ์เยอะมาก ยิ่งการแถลงข่าวของภีมะกำลังจะจบลง นักข่าวก็เตรียมตัวเพื่อขอสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับภีมะ

“ถ้าอย่างนั้นน้องภีมก็พ้นข้อกล่าวผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าข่มขืน รวมทั้งเรื่องภาพในคลิปด้วยใช่ไหมคะ”

“ครับ”

“แล้วคนร้ายตัวจริงเป็นใครคะ แล้วมีจุดประสงค์อะไรถึงต้องทำลายชื่อเสียงน้องภีมคะ”

“ทางเรายังไม่สามารถบอกรายละเอียดตอนนี้ได้ ทางตำรวจกำลังตามจับคนร้าย จึงต้องปิดเรื่องนี้ไว้เพื่อสะดวกต่อการทำงาน แต่หลังจากจับตัวคนร้ายได้ทางเราจะจัดแถลงข่าวแน่นอนครับ”

“แล้วเรื่องที่น้องภีมเป็นเกย์ล่ะคะ ที่ยอมออกมาแถลงข่าวเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด หรือเพราะอะไรคะ” ทุกคนเงียบและมองไปที่ภีมะที่นั่งกุมมือตัวเองอยู่ ข้าง ๆ ภีมะคือ เลอสรร แฟนหนุ่มของภีมะที่มาเป็นพยานให้กับภีมะ ข้าง ๆ ภีมะคือเพทายที่นั่งเงียบรอให้ภีมะเป็นผู้ตอบด้วยตัวเอง

“ทุกอย่างเป็นอย่างที่เราได้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ครับ ผมเป็นเกย์ ผมต้องขอโทษแฟนคลับทุกคน ผมขอโทษที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนต้องผิดหวัง แต่ก่อนผมอายที่จะยอมรับสิ่งที่ผมเป็น ผมกลัวว่าทุกคนจะรับไม่ได้ และจะไม่มีใครเชื่อ และศรัทธาในผลงานของผม แต่ในวันนี้ที่ผมออกมายอมรับไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องคดีที่เกิดขึ้นหรือเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด แต่ผมไม่อยากจะโกหกตัวเอง ไม่อยากโกหกครอบครัว หรือใคร ๆ อีก ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่านี่คือสิ่งที่ผมเป็น ผมขอให้ทุกคนยอมรับในผลงานมากกว่าเพศที่ผมเป็น เพราะเพศไม่ใช่ปัญหาในการทำงาน ผมยังคงทำผลงานให้มีคุณภาพ ยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สังคมได้ ยังเป็นความภาคภูมในให้กับทุกคนได้ ยังเป็นภีมะคนเดิม ผมเลือกเกิดไม่ได้ว่าตัวเองจะเป็นอะไร แต่ในวันนี้ตอนนี้ผมภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น หวังว่าทุกคนจะยังสนับสนุนผลงานของผมแบบนี้ตลอดไปนะครับ ขอบคุณครับ”

“พวกเรารักภีม รักภีม รักภีม” เสียงแฟนคลับที่เข้ามาฟังการแถลงข่าวเอ่ยขึ้น รักจิรามองแก้วกัลยาที่กำลังยิ้มอย่างภูมิใจในผลงานของตัวเอง นี่พี่สาวเธอทุ่มเกินตัวไปไหม เกิดไม่ได้อะไรมาจะทำยังไง

“ผมขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกคนที่มาเข้ามาฟังการแถลงข่าวในวันนี้ ถ้าคดีนี้มีความคืบหน้าพวกเราจะจัดแถลงข่าวอีกแน่นอน แม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับภีมแล้ว แต่เราจะช่วยเหลือทางตำรวจในการจับกุมคนร้ายมารับโทษให้ได้ วันนี้ขอบคุณมากครับ” เพทายลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปหลังเวที การ์ดช่วยกันกันนักข่าวให้กับภีมและเพทาย ผู้จัดการส่วนตัวของภีมะเอ่ยขอตัวและพาภีมะออกจากงานแถลงข่าว โดยเอ่ยว่าจะให้สัมภาษณ์ส่วนตัวอีกครั้ง แต่ตอนนี้ขอให้ภีมะกลับไปทำงานก่อน นักข่าวพากันเดินตามออกไป รักจิรามองความวุ่นวายในห้องที่จบลง

“ดูภูมิใจมากเลยนะเจ๊แก้ว”

“แน่สิ สร้างคะแนนนำโด่งยัยหนูตาหวานนั่นจะไม่ภูมิใจได้ยังไง อีกไม่นานคุณเพชรต้องเป็นของฉันแน่นอน”

“เฝือกเอาออกได้แล้วมั้ง ตอนนี้คุณเพชรเขาก็อ่อนให้ตัวเยอะแล้วนะ เกิดรู้ว่าตัวหลอกเขาจะไม่มองหน้าเอานะ คุณเพชรเขาไม่ชอบคนโกหกไม่ใช่หรอ”

“อีกแป๊บ แกไม่รู้หรอกเวลาคุณเพชรมารับมาส่ง พาฉันไปกินข้าวมันฟินแค่ไหน”

“รู้ว่าฟิน แต่ถ้าโดนจับได้จะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะ”

“แกเอาเวลาไปจัดการปัญหาตัวเองดีกว่าไอ้รัก จริงสิวันนี้...เฮ้ย!!! นั่นมันยัยหนูดาหวันนี่ คิดจะปาดหน้าเค้กแย่งความดีความชอบฉันหรอ เดี๋ยวโทรไปนะไอ้รัก” แก้วกัลยารีบวิ่งไปพาเพทายทันที รักจิราส่ายหน้า และเดินออกจากบริษัทเพื่อตรงกับไปทำงาน เธอขออัสนีออกมา ถ้าเกิดเธอกลับไปช้าเขาต้องโทรมาตามจิกเธอแน่ รักจิรารีบวิ่งออกไป ทั้งสองไม่รู้เลยว่าระหว่างที่ทั้งสองคุยกันมีใครคนหนึ่งยืนอยู่หลังประตู เมื่อไม่เห็นใครแล้วเธอคนนั้นก็เดินออกมา ใบหน้ากำลังยิ้มเหมือนกำชัยชนะไว้

“แกเสร็จแน่นังแก้วอสรพิษ”





รักจิรากลับมาถึงสำนักงานซึ่งอัสนีโทรจิกเธอดังคาดถ้าเธอถึงช้ากว่านี้เขาต้องถ่อไปรับเธอถึงที่บริษัทแน่ เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะห่วงอะไรนักหนา คนพลุกพล่าน แถมยังกลางเมืองใครจะกล้ามาทำอะไรเธอ รักจิราที่เดินผ่านประตุสำนักงานเข้ามา กำลังจะเดินผ่านห้องรับแขก พลันสายตากลับหันไปเห็นใครคนหนึ่ง ผู้ชายรูปร่างท้วมตัวเตี้ย ใส่เสื้อสีแดง กางเกงสีเหลือง รองเท้าผ้าใบสีเขียวที่ยืนหันหลังอยู่ เธอรู้สึกคุ้น ๆ แต่ยังไม่เดินไปเพราะเธอกำลังตะขิดตะขวงใจแปลก ๆ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเธอว่าเธอรู้จักไอ้ผู้ชายแต่งตัวเป็นสัญญาณไฟจราจรที่มีรสนิยมบ้าบอคอแตกนี่ ในที่สุดผู้ชายคนนั้นก็หันหน้ามา รักจิราตาโตรีบหลบผลุบไปที่หลังประตูทันที

“ไอ้เปา มาได้ไงวะ” รักจิราเอ่ย ผู้ชายที่รักจิราเอ่ยถึงคือปรัชญา หรือเฮียเปา หลานชายคนที่สี่ของเสี่ยกร คนที่ถูกวางตัวไว้ให้เป็นว่าที่คู่หมั้นของเธอในอีกสามเดือนข้างหน้า เธอไม่มีวันจำผิดหรือตาฝาดแน่ หน้าขาว ตาตี่ ตัวเตี้ย มีแค่คนเดียว ไอ้เฮียเปา ไอ้หมอนี่ไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวอะไรหรอกนะ เพียงแต่นิสัยของไอ้หมอนี่มันเหลือรับประทานจริง ๆ คิดจะจีบเธอแต่โคตรขี้งก เธอจำได้ว่าเรื่องเกิดขึ้นประมาณสามปีก่อน ตอนนั้นปรัชญามาชวนเธอไปกินข้าว แต่เธอปฏิเสธแต่กลับโดยอากงบังคับเธอจึงยอมไป แต่ไอ้หมอนี่มันกลับให้เธอจ่ายค่าอาหารราคาเกือบพัน และยังอ้างว่าอากงเป็นคนให้เธอพาเขามาร้านนี้ดังนั้นเธอต้องเลี้ยง เธอโมโหมากจนแทบจะลุกขึ้นไปต่อยไอ้หมอนี่ ถ้าไม่ติดขวัญชีวันที่มาด้วยและห้ามทัพเธอไว้ละก็ไอ้หมอนี่ต้องตายคาเท้าเธอแน่ แถมเธอกลับไปฟ้องอากง อากงเธอยังเห็นดีเห็นงามว่าดีรู้จักประหยัดจะได้รวยในอนาคต เธออยากบอกเหลือเกินว่ารวยกระเป๋ามัน แต่จนกระเป๋าเธอไง นอกจากเรื่องความงกที่เธอรังเกียจมากแล้ว ก็เรื่องความขี้โวยวาย ไอ้หมอนี่ทำเธออายแทบแทรกแผ่นดิน ต่อราคาของทุกร้าน พอเขาไม่ลดให้ก็ด่าเขา พูดไม่หยุดจนเธออยากจะเอาผ้าขี้ริ้วอุดปาก ไอ้จะความขี้ฟ้องที่เอาเรื่องเธอไปฟ้องอากงว่าเธอไม่ยอมไปโน่นด้วยไปนี่ด้วย สุดท้ายเรื่องการแต่งตัว นี่เขาไม่รู้ตัว หรือไม่เคยส่องกระจกมองตัวเองกันแน่ ดูอย่างไอ้ชุดสัญญาณไฟจราจรนี่สิ คนปกติจะกล้าใส่ไหม เรื่องของนายปรัชญาเธอสาธยายวันเดียวก็ไม่หมด และถ้าชีวิตเธอต้องแต่งงานหรือผูกติดกับหมอนี่ทั้งชีวิต เธอต้องตายแน่ ๆ

“เอาไงดี เจ๊แก้วต้องรู้แน่ ๆ” รักจิราถอยหลังออกห่างจากประตูกดโทรออกหาแก้วกัลยาทันที เสียงดังอยู่นานมากในที่สุดปลายสายก็กดรับ

(มีอะไรของแกอีก) ปลายสายเอ่ยเหมือนหงุดหงิดมาก

“เจ๊แก้ว ตัวใช่ไหมที่เป็นคนบอกที่ทำงานของเค้าให้ไอ้เปารู้อ่ะ”

(ฉันไม่ได้บอกไอ้เปานะ...)

“แล้วตัวบอกใครเจ๊แก้ว”

(อากง อากงโทรมาฉันไม่รู้นี่ อยู่ ๆ ก็โทรมาถามว่าแกทำงานที่ไหนฉันก็ตอบไป)

“แล้วตัวไปเอะใจเลยหรอว่ามันแปลก ตัวรู้ไหมตอนนี้ไอ้เปามันอยู่ในสำนักงานเค้าแล้ว แล้วเค้าจะเข้าไปทำงานได้ยังไง เจ๊แก้ว”
(ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยไอ้รัก ฉันก็บอกแกไปแล้วว่าอีกสองวันไอ้เปามันจะมาชวนแกกินข้าว แล้ววันนี้ฉันก็กำลังจะบอกแกว่าไอ้เปามันอาจจะมาดักรอแกที่สำนักงาน แต่...)

“มัวแต่สนใจผู้ชายจนต้องรีบแจ้นไปใช่ไหม”

(จะแรงไปไหนไอ้รัก ฉันพี่แกนะ เอาล่ะ โทรมาแค่นี้ใช่ไหม ...แค่นี้ก่อนนะ สงสัยจะมีเรื่องแต่หัววันเลย แล้วค่อยคุยกันใหม่...) แล้วสายก็ตัดไป รักจิราเหมือนได้ยินเสียงพูดกลับแก้วกัลยาปลายสาย และมันไม่ใช่เสียงที่ดีด้วย ตอนนี้เธอควรเลิกสนใจแก้วกัลยา และสนใจตัวเองดีกว่าว่าจะจัดการปรัชญายังไง มาแบบนี้ไม่มีทางกลับแน่จนกว่าจะเจอเธอ และแน่นอนถ้าไม่ได้เจอไอ้หมอนี่ต้องโทรไปฟ้องอากง ให้อากงโทรมาอาละวาดใส่เธอแน่

“เอาไงดีวะ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รักจิรารีบกดตัดสายทิ้ง

“ใครน่ะ” รักจิราที่ยืนอยู่หลังบานประตูที่เปิดอยู่สะดุ้ง เสียงเท้ากำลังก้าวออกมาทำให้รักจิรากระสับกระส่ายเธอไม่ยอมเจอหน้าไอ้ไฟจราจรนี่แน่ ทำไงดี รักจิราวิ่งย้อนกลับไปเธอวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

“น้องรัก!!!” เสียงที่ดังขึ้นทำให้รักจิราสะดุ้งเผลอหันกลับไปมอง พลันเท้าของรักจิราก็โกยอ้าวเลี้ยงเข้าไปในห้องน้ำในอาคารทันที โดยมีปรัชญาวิ่งตามมา รักจิรากดล็อคประตูและถอยหลังพิงกำแพง

“งานเข้าแล้วไงไอ้รัก ทำไงดีวะ ทำไงดี”

“ทำอะไรของเธอรัก ฉันโทรไปทำไมไม่รับ” รักจิราหันหลังไปมองอัสนีที่เปิดประตูห้องน้ำเดินออกมา

“นี่นายเข้ามาได้ยัไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ” รักจิราถาม อัสนีชี้ไปที่โถฉี่ที่มุมห้องน้ำตรงข้ามกับอ้างล้างมือ รักจิราทำหน้าไม่ถูกแต่ก็ตีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ และมองไปรอบ ๆ ก็รู้ว่าในห้องน้ำนี้มีแค่เธอกับเขาเท่านั้น

“ตกลงเธอ...”

ปัง

ปัง

ปัง

อัสนีขมวดคิ้วพลางคิดว่าคงมีคนจะเข้าห้องน้ำจึงทำท่าจะเดินไปเปิด แต่รักจิราเข้าไปคว้าแขนเข้าไว้ก่อน อัสนีหันมามองรักจิราที่ทำหน้าตื่น และส่ายหน้ารัว

“เขาจะเข้าห้องน้ำ ปล่อยฉันสิ เค้าอาจจะปวกท้องหนัก”

“น้องรักออกมานะ ถ้าไม่ออกเฮียจะฟ้องอากง อากงหน้าจะโทรมาบอกน้องรักแล้วว่าเฮียจะมากรุงเทพมารับน้องรักไปทานอาหาร น้องรัก” รักจิรากำมือแน่น คำว่า ‘น้องรัก’ ทำให้เธออยากจะอ้วกเหลือเกิน มันอายุมากกว่าเธอแค่ไม่กี่เดือน แล้วมาเรียกนับพี่นับน้องเธอ ถ้าเธอไม่กลัวอากงเล่นงานเธอแทนที่จะเป็นนายปรัชญาล่ะก็เธอต้องกระทืบเขาให้จมพื้นแน่ แค่เพราะเป็นหลานชายเพื่อนรักที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยกัน ถึงกับเห็นดีเห็นงามไม่สนใจว่าเธอเป็นหลานสาว แล้วนี่คิดจะให้เธอแต่งงานกับเขา เธอขอตายดีกว่า

“ใครน่ะ เขาเรียกเธอ ออกไปก่อนเขาจะพังทรัพย์สินของตึกนี้ดีไหม ฉันไม่จ่ายให้หรอกนะ” อัสนีเอ่ยและพยายามจะเดินไปเปิดเมื่อเห็นประตูสะเทือนตามแรงทุบ รักจิรากอดเขาแน่นและยื้อไว้ไม่ให้เดินไปเปิด

“ไอ้เปา!!!” อัสนีนิ่งไปพักหนึ่ง เหมือนความทรงจำจะไหลย้อนกลับเข้ามา

“ไอ้ตี๋หลักกิโลนั่นอ่ะนะ” รักจิราพยักหน้า เมื่อหลายปีก่อนอัสนีก็เรียนปรัชญาแบบนี้

“ใช่ไอ้เปา” รักจิราตะโกน

“มันมาทำอะไรที่นี่ เธอนัดมันมาหรอ”

“นัดบ้าอะไร ถ้านัดจะหนีแบบหนีหรอ มันมาหาฉันจะพาฉันไปกินข้าว จะเที่ยว ฉันไม่มีวันไปกับตัวน่าอายแบบมันแน่ นายอย่าเปิดนะ”

“ไม่เปิดได้ไงถ้ามันพังประตูล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ช่วยฉันสิ หาทางให้มันไปให้ไกลฉัน อย่าให้มันมายุ่งกับฉันไม่อย่างนั้นฉันไม่ให้นายออกไปจริง ๆ นะ” รักจิราเกาะแขนเขาแน่น อัสนีทำหน้าเหนื่อยและพยายามเอาแขนออก รักจิราเปลี่ยนมาโอบเขาแทนและรัดแน่น

“เธอทำบ้าอะไรเนี่ยรักจิรา ปล่อย เธอเป็นผู้หญิงนะรัก”

“ใช่เป็นผู้หญิง แต่แล้วไง ถ้าอยากให้ปล่อยก็ช่วยฉันสิ”

“ช่วยอะไร...”

“ก็ช่วย...ช่วยแกล้งเป็นแฟนฉันหลอกมันไง”

“ไม่!!!” อัสนีเอ่ยขึ้นทันควัน ทำเอารักจิรารู้สึกโหวงไปในใจ แต่ก็เสียเซลฟ์ไปวูบหนึ่งที่โดนปฏิเสธแบบไม่คิดเลย นี่แค่ให้แกล้งเธอยังโดนปฏิเสธขนาดนี้

“แค่แกล้งเอง นะฟ้า นะฟ้า ฟ้า” รักจิราข่มความโกรธลงและพยายามใช้ไม้อ่อน ดวงตากลม ๆ มองเขาแบบอ้อนสุดชีวิต อัสนีพยายามหันหน้าหนีแต่สายตาที่กำลังขอร้องเขาทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง

“มันยังไม่เลิกหวังในตัวเธออีกหรอ”

“จะเลิกได้ไงล่ะ ก็อากงไปประกาศกร้าวแล้วว่าจะให้ฉันแต่งงานกับมัน ชีวิตฉันถึงกาลปวสารแน่ถ้าต้องไปลงเอยกับมัน ฉันเกลียดมันยิ่งกว่าขี้อีกนายก็รู้ ช่วยฉันนะ”

“จำเป็นหรอ”

“นี่ใช่เวลามาใจร้ายไหม”

“แล้วทีเธอยังใจร้ายกับฉัน บอกเลิกฉันไปได้เลย นี่ไม่เรียกว่าใจร้ายกว่าหรอ” เงียบกริบทุกอย่างเงียบกริบลงทันที รักจิราเองก็นิ่งมือที่โอบอยู่ค่อย ๆ คลายความแน่นลง อัสนีเองก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดโพล่งออกไป

ผลัวะ!!!

“น้องรัก!!! ทำอะไรกันน่ะ” รักจิราหันไปมองประตูที่โดนกระแทกจนเปิดออก ปรัชญาพุ่งตัวเข้ามาในห้องน้ำ และก็ยืนนิ่งอึ้งเมื่อเห็นรักจิรากอดอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาคุ้นมาก เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

“ไอ้ขี้เหร่” ปรัชญาชี้หน้าอัสนีทันที เขาจำมันได้ มันคือแฟนของรักจิราที่ทำให้เขาพลาดโอกาสจากรักจิรา แต่เขารู้มาว่าอัสนีเลิกกับรักจิรามานานแล้ว แล้วนี่มันอะไร

“ไอ้ตี๋หลักกิโล” อัสนีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วกวนสุด ๆ

“แกนั่นเอง ไหนว่าเลิกกันไปแล้วทำไมมายืนกอดกันแบบนี้ได้” รักจิรายกมือขึ้นปิดปากอัสนีและเอ่ยสวน

“เลิกแล้วก็มาคบกันใหม่ไง สายฟ้าไปเรียนต่อต่างประเทศพึ่งกลับมา ฉันมานั่งนึกนอนนึกฉันไม่เคยลืมสายฟ้า ฉันถึงไม่ยอมมีแฟน และฉันกับเขากำลังปรับความเข้าใจกัน และตกลงกันว่าจะกลับมาคบกัน แกกลับไปได้แล้วไม่เห็นหรอว่าฉันกำลังปรับความเข้าใจกันอยู่”

“มะ...ไม่จริง อากง...”

“อากงไม่ได้บอกหรอว่ามีกติกาอะไรกับพวกฉัน ไสหัวกลับไปเลยนะ ฉันไม่แต่งกับแกแน่ ๆ”

“ทำไมน้องรักพูดกับเฮียอย่างนี้ละคะ ไม่น่ารักเลย”

“อย่ามาพูดเสียงคะขากับฉัน เลิกเรียกฉันว่าน้องรักด้วยฟังแล้วจะอ้วก แล้วถ้าแกยังไม่เลิกยุ่งกับฉันนะ ฉันจะไปกระทืบแกที่หน้าบ้าน แม้แต่อากงก็ยุ่งไม่ได้ ไปสิ”

“เฮียไม่เชื่อ เฮีย...”

“ไม่เชื่ออะไร ไปได้แล้ว”

“เฮียไม่เชื่อ เฮียไม่กลับแน่ เฮียจะกลับมาอีก น้องรักไม่ได้รักมันหรอก ถ้ารักคงไม่เลิกกันนานขนาดนี้ ตลอดหลายปีผู้ชายที่น้องรักไปเดตด้วยก็มีแค่พี่”

“เดตหรอ แกเรียกการไปนั่งถลุงเงินฉันมาเดต ไอ้ตายสิ แล้วที่ฉันไปเลี้ยงข้าวแกเพราะโดนบังคับไม่ได้พิศวาสแก ขอร้องล่ะเลิกยุ่งกับฉันสักทีเถอะ” ปรัชญายืนนิ่งใบหน้ากลมแทบจะรวมเป็นก้อนเดียว

“น้องรัก”

“หยุดนะอย่าเข้ามานะ” รักจิราชี้หน้าทันทีที่ปรัชญาดูท่าจะไม่ยอม

“แกกลับไปเถอะ ฉันกับรักกำลังคบกันอยู่จริง ๆ มันไม่มีประโยชน์หรอก รักเป็นคนขอคืนดีกับฉันเอง ฉันเองตอนนี้ไม่มีใคร เราตัดสินใจว่าจะกลับมาคบกัน อีกสามเดือนเราจะแต่งงานกัน” รักจิรามองอัสนีที่พูดแทรกขึ้นมา แล้วทำไมต้องเป็นเธอที่เป็นคนขอคืนดีล่ะ รักจิราไม่มีเวลาประท้วง และคิดว่าไม่ใช่เวลานี้จึงหันไปมองอัสนี

“ไม่จริง”

“จริงฉันกับรักรู้จักกันมากว่าสิบปี คบกันไปสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ไม่ต้องศึกษาดูใจอีกแล้ว เราตัดสินใจแต่งงานกันเลย เดี๋ยวฉันจะไปคุยกะอากงเอง” ปรัชญาส่ายหน้าไปมาอย่างรับไม่ได้ รักจิราบีบแขนเขาแน่น

“แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชายไอ้ขี้เหร่”

“อะไรของแก” อัสนีมองอย่างไม่ค่อยชอบ

“ก็ถ้าแกเป็นลูกผู้ชายเรามาแข่งกันมาล่ะ” รักจิราส่ายหน้าทันที เธอไม่ยอมเสียเวลาเล่นกับปรัชญาแน่ เธอกำลังจะรอดแล้วเห็น ๆ
“แข่งอะไร”

“จีบน้องรักไง”

“ไม่เห็นจำเป็น ฉันชนะใส ๆ”

“แกแน่จริงไหมล่ะ ถ้าแน่จริงก็มาแข่งถ้าสามเดินน้องรักเลือกแก ฉันจะคืนน้องรักให้แต่ถ้าน้องรักเลือกฉัน แกต้องคืนน้องรักให้ฉัน ว่าไงแกกล้าไหม” อัสนียิ้ม เมื่อกล้าท้าคิดว่าเขาไม่กล้าหรอ เขาลูกผู้ชายพอ ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ รักจิราทำท่าจะเอามือตบปากเขา เธอรู้เธอไม่มีทางรักปรัชญาได้แต่เกิดไอ้หมอนี่มันเล่นลูกไม้เธอก็ซวยสิ

“เอาสิ ถ้านายทำได้ฉันคืนรักให้นาย แต่ถ้าทำไม่ได้นายห้ามมายุ่งกับรักอีก”

“ถ้าอย่างนั้นฉันมันคู่แค่วันคี่”

“คู่คี่อะไร ฉันไม่เอานะ”

“ก็วันคู่ของเฮีย วันคี่ของมันไง เอาล่ะตกลงนะ”

“ได้ แต่แกห้ามให้รักเลี้ยงข้าวแก ทุกมื้อทุกงานแกต้องเลี้ยงรัก”

“ได้อยู่แล้ว ฉันรวย” และทั้งสองก็จับมือกัน รักจิราอยากไปกระชากมือทั้งคู่ออก และอยากตบหน้าทั้งคู่คนละที เมื่อทำอะไรไม่ถูกรักจิราก็เดินลิ่วกลับไปที่ห้องทำงานทันที ตอนนี้เธอกำลังโมโห เธอกำลังจะเป็นบ้า แต่เมื่อเดินออกมาที่หน้าห้องน้ำกลับเจอนักข่าว พนักงานยืนอออยู่หน้าห้องน้ำ แต่ละคนทำหน้าแบบตื่นเต้นสุด ๆ ส่วนเธอกำลังอายสุด ๆ ทั้งตึกใครบ้างไม่รู้ตักเธอ เธอหันไปเจอหฤทัยที่ทำท่าจะพูดกับเธอ

“ไว้คุยกันวันอื่น วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์” พนักงานจากสำนักงานอื่น ๆ บนตึกสลายหายตัวไปทันที ในขณะที่นักข่าวเพื่อนร่วมรุ่นของรักจิราเริ่มจับกลุ่มคุยเดินกลับไปที่สำนักงาน

แอ๊ด

“นายทำบ้าอะไรของนาย” รักจิราหันไปโวยวายใส่คนที่เปิดประตูเข้ามา

“ก็ช่วยไง”

“ช่วยบ้าอะไร นายทำบ้าอะไรของนาย”

“ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ นี่ฉันช่วยเธออยู่นะ อย่าบอกเธอกลัวว่าจะหลงรักไอ้หลักกิโลนั่น”

“กลัวบ้าอะไร ฉันไม่มีวันรักมัน แต่ฉันต้องเจอหน้ามันอีกสามเดือน มันไม่สนุกเลย นายทำบ้าอะไรของนาย โธ่เว้ย ฉันให้นายช่วยไม่ได้ให้เพิ่มเรื่องให้ฉัน”

“เธอคิดว่าฉันจะไม่ช่วยต่อหรือไง เอาน่าเดี๋ยวพอถึงวันของมันฉันจะช่วยเธอเองแหละ ว่าแต่...ที่บอกไม่เคยลืมฉันนี่มัน...จริงไหม” อัสนีเดินเข้ามาหารักจิรา รักจิรานิ่งตัวชาหน้าชามองไม้เริ่มวางไม่ถูก

“จริงบ้าอะไร ฉันแค่พูดเอาตัวรอดไปอย่างนั้นแหละ ฉันไม่มีวันเมาหลงผิดอีกครั้งหรอก ทำไมนายคิดว่าฉันพูดจริงหรือไง คิดอะไรอยู่ล่ะ”

“เปล๊า!!! ก็ดี ฉันแค่ไม่อยากให้เธอผิดหวัง มีคนรอฉันอยู่ แล้วฉันก็รักเค้ามาก ไม่อยากให้เธอต้องฝันลม ๆ แล้ง ๆ และที่ฉันยอมช่วยเพราะรำคาญหรอกนะ ส่วนเรื่องคิดอะไร ฉันเลิกไปนานแล้ว เพราะอะไรที่จบไปแล้วฉันไม่มีวันหวนคืน อะไรที่มันผ่านไปแล้วฉันไม่มีวันหันกลับไปมองหรอก...” รักจิรายืนนิ่ง

“ฉันก็เหมือนกัน แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้กลับไปทำข่าว ใกล้จะครบหนึ่งเดือนแล้ว”

“จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบฉันจะให้เธอกลับไปทำข่าว”

“แล้วเมื่อไหร่”

“ไม่รู้ เอาเป็นว่าเธอเป็นผู้ช่วยฉันไปก่อน”

“แต่ฉันอยากทำข่าว ฉันเบื่อ...”

“เบื่อ...ดีงั้นไปช่วยรีไรท์เตอร์เขาทำงาน ตอนนี้คุณพิมลเธอลาป่วย ไม่มีคนช่วยพี่แวว”

“รีไรท์เตอร์”

“ใช่ ฉันมีประชุมโต๊ะข่าวไปก่อนนะ” แล้วเขาก็เดินออกไป รักจิรามองตามเขาไปด้วยแววตาโกรธสุด ๆ แต่เมื่อเขาพ้นประตูออกไป รักจิราล้มตัวนั่งลงที่เก้าอี้และหลับตาลง ใบหน้าที่โกรธขึงดูเศร้าลงถนัดตา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรักจิรากดรับสายนั้น
(วันนี้พี่รักจะไปงานศพรุจไหมคะ) เสียงของหฤทัยถามขึ้น

“ไปสิ พี่ต้องไปทุกวันอยู่แล้ว เราจะไปด้วยหรอหวาน”

(เอ่อ...ค่ะ เดี๋ยวตอนเย็นหวานแวะไปนะคะ หวานขอติดรถไปด้วย รถหวานเสียค่ะ)

“ได้สิ แค่นี้นะ” แล้วสายก็ตัดไป รักจิราหลบตาลงอีกครั้ง แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก รักจิรากดรับทั้งที่ตายังคงหลับอยู่ เสียงปลายสายดูกระหืดกระหอบมาก

(คุณรักกลับมาด่วนเลยค่ะคุณแก้วกำลังจะพังแล้วร้านค่ะ) รักจิรายังไม่ทันถามอะไรสายก็ถูกตัดไปพร้อมกับเสียงที่ดังเหมือนของข้าวของแตก รักจิราคว้ากระเป๋าย่ามขึ้นมา หยิบกระดาษโน้ตจดยิก ๆ และแปะไว้ที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะวิ่งออกไปทันทีโดยไม่รออะไรอีก เสียงคุณมงกุฎดูจะร้อนรนมาก เธออยากรู้จริงว่าใครไปก่อเฮอริเคนขึ้น



...ติดตามตอนต่อไป...



คดีไม่คืบหน้าเรื่องมากวนใจรักจิราอีกแล้ว แล้วมาดูอาเฮียเปากะสายฟ้าแข่งกันทำคะแนนกับรักจิรากัน
และได้ทิ้งทวนท้ายไว้ก่อนจบเรื่อง ครั้งหน้าแก้วกัลยาจะมาเฉิดฉายในตอนของนางแน่นอน
แต่นางจะแสดงปาฏิหารย์อะไรให้เราได้ชมต้องรอติดตามค่ะ

ขอบคุณกำลังใจจากรีดเดอร์ทุกคน
ไม่มีอะไรจะฝากไปมากกว่าช่วยกันติดตามและช่วยกันคอมเม้นด้วยนะคะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ส.ค. 2557, 13:24:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ส.ค. 2557, 13:26:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1214





<< 24 เอวา นางฟ้าของคาเว่น ...ลบแล้วค่ะ...   26 พายุเฮอริเคน >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 23 ส.ค. 2557, 16:12:32 น.
อยากเห็นอิทธิฤทธิ์ อภินิหารเจ้าแม่แก้วแล้วววววว 555


แว่นใส 23 ส.ค. 2557, 17:10:17 น.
ใครกระตุกหนวดเจ้าแม่เนี่ย


yimyum 29 ส.ค. 2557, 03:59:19 น.
รอร้อรอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account