แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 26 พายุเฮอริเคน


26
พายุเฮอริเคน

แก้วกัลยาเปิดเมนูเลือกสั่งเมนูโปรดอย่างสบายอารมณ์ ในที่สุดเธอก็เขี่ยดารินทิพย์ออกไปได้สำเร็จและได้มาดินเนอร์กับเพทายสองต่อสองตามความต้องการของเธอที่เขาเองก็ไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย เพทายที่รับโทรศัพท์เสร็จก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ทุกอย่างกำลังจะไปได้สวยขอเวลาอีกไม่ถึงเดือนเพทายจะเป็นของเธออย่างแน่นอน แก้วกัลยาคิดอย่างมั่นใจ เพทายมองแก้วกัลยาอย่างสงสัย ผู้หญิงคนนี้ชอบยิ้มคนเดียว นี่ถ้าไม่รู้จักกันเขาต้องคิดว่าเธอเป็นพวกมีปัญหาทางจิตแน่นอน

“คุณยิ้มอะไรของคุณ..แก้วกัลยา” แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นเมื่อถูกเสียงของเขาทักขึ้น เธอยังคงยิ้มให้เขา

“เปล่าค่ะ ฉันแค่ดีใจที่วันนี้คุณเลือกฉันไม่ใช่คุณหนูดาหวัน”

“ตามหน้าที่ครับ” ใบหน้าที่ยิ้มอยู่หุบฉับลงทันที

“บางทีคุณจะช่วยพูดให้ฉันรู้สึกดีบ้างก็ไม่เป็นไรนะคะ ไม่ต้องพูดตามอะไรที่ใจคิดก็ได้ เพราะมันทำให้ฉันเฟลมาก” แก้วกัลยาปิดเมนูลงอย่างเสียอารมณ์

“เอาแค่เท่าที่สั่งนั่นแหละ” แก้วกัลยารู้สึกหายอยากอาหาร

“อุ้ยตาย คุณเพชร” แก้วกัลยาหันไปมองคนที่เดินเข้ามา สุจิราเดินขนาบข้างมากับดารินทิพย์ ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญแต่มันไม่บังเอิญแน่นอนเธอมั่นใจ

“ฉันกับดาหวันแวะมาทานอาหารกันค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณเพชรกับเธอที่นี่นะ” สุจิราปลายตามองมาที่เธอก่อนจะหันกลับไปสนใจเพทาย

“หรอ ฉันไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนั้นนะ พึ่งแยกกันเมื่อกี้เนี่ยเอง ขับรถตามมาก็บอกมาเถอะ คำโกหกเธอมันไม่เนียนซูซี่” แก้วกัลยาเอ่ย สุจิรามองจิกตามองแก้วกัลยาก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มหวานให้เพทายแทนอีกครั้ง

“ร้านนี้ร้านโปรดของเพื่อนซูซี่ แล้ววันนี้คุณแม่ของดาหวันก็ไม่อยู่ ซูซี่เลยพาดาหวันมาทานอาหารนอกบ้านเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง มันจะบังเอิญก็ไม่แปลกใช่ไหมคะคุณเพชร” เพทายยิ้มรับนิด ๆ เหมือนพยายามจะไม่เข้ากับฝ่ายไหน เขาควรจะเป็นกลางจะดีที่สุดในสถานการณ์นี้

“เอ่อ...ซูซี่...เราไปนั่งเถอะ”

“นั่ง...แย่จังนะคะ โต๊ะเต็มแทบทุกโต๊ะแบบนี้พวกเราจะไปนั่งตรงไหนล่ะ” แก้วกัลป์ยากวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน เธอยังมองเห็นโต๊ะที่วางอยู่อีกฝั่งของร้าน และว่างหลายโต๊ะด้วย เธอคิดว่าสุจิราอาจจะใช้ตาตุ่มมองถึงมองไม่เห็นโต๊ะที่ว่างเหล่านั้น

“เปลี่ยนร้านไปสิ” แก้วกัลยาเอ่ยตัดบทขึ้นมาทันควันไม่รอให้สุจิราเอ่ยอย่างที่ใจคิด สุจิราทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของแก้วกัลยา และหันไปยิ้มให้กับเพทาย

“พวกเราขับรถมาตั้งไกล แล้วตอนนี้ดาหวันคงจะหิวแล้ว ดาหวันเป็นโรคกระเพาะกินอาหารไม่ตรงเวลาจะต้องปวดท้องแน่ ๆ คุณเพชรเข้าใจใช่ไหมคะ พวกเราขอนั่งด้วยนะคะคุณเพชร” เพทายหันไปสบตากับแก้วกัลยาที่กำลังมองเขาเหมือนสั่งว่าให้ปฏิเสธ เขาปรายตามองสุจิราและมองไปที่ดารินทิพย์ที่เกาะแขนเพื่อนไว้

“เอ่อ...นั่งด้วยกันก็ได้ครับ คุณแก้ว...” เขามองมาที่เธอ แก้วกัลยาเกิดอาการฉุนขาดขึ้นมาทันที แต่เพราะสายตาของเพทายที่มองเธอเหมือนขอร้องนิด ๆ ทำให้เธอยอมใจอ่อน ขอให้สองคนอย่าทำให้เธอฟิวส์ขาดแล้วกัน เธอรับรองเลยว่าเธอจะคว่ำชามอาหารใส่หัวคนที่ทำให้เธอหมดความอดทนแน่นอน

“ตามใจคุณเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็อุตส่าห์ขับรถตามมากันแล้ว อยากทาน หิวจนทนไม่ไหวก็นั่งด้วยกันเถอะค่ะ” ดารินทิพย์มองอย่างไม่สบายใจ เธอจับแขนสุจิรา แต่สุจิรากับจัดแจงเดินไปดึงเก้าอี้และดันเธอนั่งลงข้าง ๆ เพทาย ในขณะที่ตนเธอมานั่งข้าง ๆ แก้วกัลยา ซึ่งแก้วกัลยาเริ่มใช้มือจิกเก้าอี้แน่น

“ถ้าอย่างนั้นซูซี่ขอสั่งอาหารเพิ่มนะคะ น้องคะ” แล้วบริกรก็มานำเมนูมาให้

“น้องดาอยากทานอะไรไหมครับ”

“พี่เพชรสั่งเลยค่ะ น้องดาทานอะไรก็ได้” แก้วกัลยาเบะปากใส่อย่างไม่ชอบใจ เพทายรับเมนูอีกเล่มมาและเปิดดู

“เอาต้มจืดเต้าหู้ ไข่เจียวทรงเครื่อง แล้วก็ยำผักรวมครับ” เพทายสั่งอาหารง่าย ๆ ให้กับดารินทิพย์

“คุณเพชรนี่น่ารักจังนะคะจำเมนูโปรดของยัยดาหวันได้ด้วย น่าอิจฉาจริง ๆ ว่าไหมคุณแก้ว ไม่สิเรารู้จักกันมานานแต่ก็ไม่สนิทกันเท่าไหร่ คุณแก้วอายุก็เกือบจะสามสิบแล้ว อายุมากกว่าพวกเรา ฉันกับดาหวันขอเรียกพี่แก้วได้ไหม จะได้สนิทกันมากขึ้น” แก้วกัลยากัดริมฝีปากแน่น มือจิกเก้าอี้แรงขึ้น อย่างที่สุจิราพูดเธออายุเกือบจะสามสิบแล้วปีหน้าเธอจะสามสิบแล้ว ส่วนดารินทิพย์พึ่งจะยี่สิบสาม แต่กับยัยสุจิราอายุไม่ได้อ่อนไปกว่าเธอมากขนาดนั้น แต่มาทำตีเนียนเพราะตัวเองคบกับดารินทิพย์ไฮโซสาวอายุน้อยจึงคิดตัวเองก็อายุน้อยตามไปด้วย

“ฉันว่าคงไม่ดีนะ ฉันไม่ค่อยชอบนับญาติกับใครเท่าไหร่ ต่อให้ฉันแก่จนเป็นป้า ฉันก็ไม่ชอบนับญาติกับพวกคนแปลกหน้าหรอก ยิ่งพวกจอมปลอมเสแสร้ง พวกบุญกำลังตกเลยต้องมาคบกับเพื่อนที่มีหน้าตาทางสังคมเพื่อดันตัวเองน่ะ ฉันก็ไม่อยากให้ใครมาเกาะฉันเพื่อมีหน้าในสังคมด้วย”

“แก!!!...เอ่อ...หรอคะ แต่คุณเป็นผู้อาวุโสในสังคม พวกเราเรียกพี่แก้วเหมาะกว่านะคะ จริงไหมคะคุณเพชร” เพทายไม่รู้จะตอบอย่างไร

“แต่เธออายุน้อยกว่าฉันแค่ไม่กี่ปีคงไม่ต้องเรียกพี่หรอก ที่สำคัญฉันไม่ชอบให้ลูกจ้างที่รับงานเดินแบบกับฉันเรียกฉันแบบสนิทสนม เพราะเดี๋ยวจะปืนเกลียว แล้วหิวไม่ใช่หรอ มัวแต่พูดมากแล้วจะได้สั่งไหมอาหารน่ะ รีบสั่งจะได้รีบกินจะได้รีบไป”

“โธ่...ฉันสั่งเสร็จแล้วล่ะค่ะ แต่ระหว่างรออาหารบรรยากาศจะได้ไม่กร่อยก็ต้องคุยกันสิคะ ว่าแต่แขนพี่แก้วยังไม่หายอีกหรอคะ หมอนัดตัดเฝือกเมื่อไหร่คะ” คำว่าพี่แก้วยิ่งทำให้อารมณ์ของแก้วกัลยาเดือด

“อาทิตย์หน้า” แก้วกัลยาตอบกลับไป ดีเหมือนกันเธอควรจะเอาเฝือกเจ้าปัญหานี่ออกก่อนมันจะมาเป็นปัญหาของเธอในภายหลัง เธอรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด

“แขนพี่แก้วเป็นหนักขนาดนั้นเลยหรอคะ ใส่เฝือกนานเกือบเดือน แขนพี่แก้วไม่น่าจะเป็นอะไรมากนะคะ” แก้วกัลยาเริ่มรู้สึกหนังตาเธอจะกระตุกอย่างประหลาด

“ฉันเป็นพวกกระดูกเปราะ โดนกระแทกแรง ๆ มันจะหักก็ไม่แปลกหรอก”

“หรอคะ แต่วันนั้นวันที่พี่แก้วโดนรถชน มีคนเห็นว่าพี่แก้วไม่ได้แขนหักนะคะ แต่พออีกวันพี่แก้วมีเฝือกจริงไหมคะ” แก้วกัลยารู้สึกเหมือนกำลังโดนต้อนให้จนมุม เธอมองสายตาของสุจิราออก

“คงตาฝาดแล้วล่ะ คนแขนหักก็ต้องดามเฝือกทันทีสิ จะมาทิ้งไว้ได้ยังไง”

“นั่นสิ ถ้าแขนหักจริง ๆ ล่ะนะ”

“อาหารมาแล้วครับ” เพทายตัดบทเพื่อไม่ให้สองสาวทะเลาะกันกลางวง พนักงานเอามาหารมาวาง แก้วกัลยาแทบจะกินไม่ลง ตักช้อนเพียงแตะ ๆ เท่านั้น ตอนนี้สายตาแก้วกัลยากำลังจ้องมองภาพที่ไม่ต่างจากคู่รักที่ตักอาหารใส่จานให้กัน มันควรจะเป็นเธอไม่ใช่หรอที่ได้รับสิทธิ์นั้น

“คุณเพชรเทคแคร์ดูแลดาดีแบบนี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีคบกันเสียทีล่ะคะ เพื่อนซูซี่เนี่ยรอคุณเพชรนานแล้วนะคะ คุณเพชรให้เพื่อนดาไม่มีหนุ่มมาจีบเพราะคิดว่ามีเจ้าของแล้ว คุณเพชรต้องรับผิดชอบนะคะ” เพทายเงยหน้ามองสุจิราและหันไปมองแก้วกัลยาที่กำช้อนจนมันเริ่มผิดรูป

ครืด

“ฉันขอตัวนะคะ” แล้วแก้วกัลยาก็เดินหนีไป ขืนเธอนั่งอยู่ต่ออีกนิดเดียวเธอต้องพังโต๊ะแน่ ๆ แผนของเธอกำลังจะไปได้สวยต้องมาพังเพราะยัยคุณหนูตาแบ๊วนั้นคนเดียว แก้วกัลยาเข่นเขี้ยวในใจ เมื่อวิ่งเข้ามาถึงในห้องน้ำสิ่งแรกที่แก้วกัลยาทำก็คือ

“กรี๊ด!!! มารความสุขฉันจริง ๆ เลยนังคุณหนูตาแบ๊ว นังนางแบบตกอับ ทำไมส่งฉันมาต้องส่งเธอสองคนมาด้วย กรี๊ด!!!” แก้วกัลยากรีดเสียงประตุห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับผู้หญิงสองคนที่เดินออกมาใบหน้ามองแก้วกัลยาที่กำลังร้องเหมือนคนบ้า แก้วกัลยาหันหลังไปมอง

“ไม่เคยเห็นคนกรี๊ดหรือไง เสร็จแล้วก็ออกไปสิ” ทั้งสองรีบวิ่งออกไป แก้วกัลยาหันกลับไปมองภาพตัวเองในกระจก ตอนนี้ใบหน้าสวยกำลังยับยู่ยี่

“ไม่ได้ โกรธมากตีนกาขึ้น แบบนี้ยัยคุณหนูตาหวานนั่นก็สวยกว่าสิ ใจเย็นแก้ว ใจเย็น ดีมาก...” แก้วกัลยาเอ่ย พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แก้วกัลยามองเบอร์ที่โทรมา โทรมาได้จังหวะจริง ๆ นะ แก้วกัลยากดรับ

(มีอะไรของแกอีก) แก้วกัลยากรอกเสียงลงไป อารมณ์ที่สูงขึ้นเริ่มสงบลง

“เจ๊แก้ว ตัวใช่ไหมที่เป็นคนบอกที่ทำงานของเค้าให้ไอ้เปารู้อ่ะ” แก้วกัลยานิ่งไป เหมือนจะเริ่มนึกบางอย่างออก ใช่สิ เธอยังไม่ได้บอกรักจิรามาวันนี้ปรัชญาจะไปดักรอพบรักจิราที่สำนักงาน

(ฉันไม่ได้บอกไอ้เปานะ...)

“แล้วตัวบอกใครเจ๊แก้ว”

(อากง อากงโทรมาฉันไม่รู้นี่ อยู่ ๆ ก็โทรมาถามว่าแกทำงานที่ไหนฉันก็ตอบไป)

“แล้วตัวไปเอะใจเลยหรอว่ามันแปลก ตัวรู้ไหมตอนนี้ไอ้เปามันอยู่ในสำนักงานเค้าแล้ว แล้วเค้าจะเข้าไปทำงานได้ยังไง เจ๊แก้ว” ใครว่าไม่เอะใจ เธอเอะใจแต่ถ้าเธอไม่ตอบอากงจะส่งนายจิรเมธหรือเฮียจิว ผู้ชายที่ถูกวางตัวไว้เป็นคู่หมั้นเธอมาแทนน่ะสิ ยังไงเธอก็ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน รักจิราเก่งเดี๋ยวก็เอาตัวรอดได้

(ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยไอ้รัก ฉันก็บอกแกไปแล้วว่าอีกสองวันไอ้เปามันจะมาชวนแกกินข้าว แล้ววันนี้ฉันก็กำลังจะบอกแกว่าไอ้เปามันอาจจะมาดักรอแกที่สำนักงาน แต่...)

“มัวแต่สนใจผู้ชายจนต้องรีบแจ้นไปใช่ไหม” แก้วกัลป์ยารู้สึกเหมือนโดนชกอย่างแรง

(จะแรงไปไหนไอ้รัก ฉันพี่แกนะ เอาล่ะ โทรมาแค่นี้ใช่ไหม ...แค่นี้ก่อนนะ สงสัยจะมีเรื่องแต่หัววันเลย แล้วค่อยคุยกันใหม่...) แก้วกัลยากดตัดสายไปเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเธอจากภาพบานกระจก ไม่ใช่ผี วิญญาณร้าย แต่เป็นตัวมาร แก้วกัลยาหันกลับไปมองผู้หญิงที่ยืนมองเธอผ่านกระจกอยู่ข้างหลัง ใบหน้าที่แสนจะเย่อหยิ่งปรากฏรอยยิ้มเหมือนเย้ยหยันเธอ แก้วกัลยาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า วันนี้เธอไม่อยากมีเรื่องทั้งที่อยากจะเอาเล็บสวย ๆ ของเธอข่วนหน้าใครสักคนในสองตัวมารที่มาจัดขวางเธอ แต่ทางที่ดีเธอควรรอบคอบไว้ก่อนเผื่อยัยนี่จะมีแผน แก้วกัลยาหยิบกระเป๋าทำท่าจะเดินไป แต่สุจิรากลับมายืนขวางหน้าเธอไว้

“ถอยไป”

“เธอนี่ร้ายกว่าที่คิดนะ โกหกหน้าตาย สมกับเป็นมารร้ายอสรพิษ” แก้วกัลยามองคนที่พยายามหาเรื่องเธอ

“ฉันไม่ว่าง ถอยไป อย่าทำให้ฉันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้นะซูซี่” สุจิราไม่ยอมถอยหนี แต่เดินหน้าเข้ามา แก้วกัลยาที่วิสัยไม่ใช่คนกลัวยืนนิ่งรอดูว่าสุจิราคิดจะทำอะไร พลันสุจิราก็ก้าวเข้ามากระชากผ้าคล้องแขนเธอออกและโยนทิ้ง แรงกระตุกที่สุจิราดึงผ้าจนขาดทำให้แก้วกัลยาเจ็บเล็กน้อย

“เธอทำบ้าอะไรของเธอ”

“แขนไม่ได้หัก ไอ้นี่ก็ไม่ต้องใช้แล้วมั้ง”

“เธอพูดบ้าอะไรของเธอ” แก้วกัลยาเอ่ย เธอพยายามไม่โมโหแล้วด้วยนะ แต่สุจิรากำลังกระชากอารมณ์โกรธของเธอขึ้นมา และเจ้าตัวดูจะไม่ได้กลัวเกรงเธอเลย

“แขนแกไง หักปลอมไม่ใช่หรอ วันนี้ฉันจะช่วยตัดเฝือกแกเองแล้วพาตัวแกไปหาคุณเพชร พาแกไปให้คุณเพชรดูว่าแกมันโกหก อยากรู้ว่าคุณเพชรรู้เขาจะทำยังไงกับแก” สุจิราหยิบมีดออกมา แก้วกัลยาถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างระมัดระวังนี่เธอคิดว่าเธอบ้าแล้ว แต่มีคนบ้ากว่าเธออีก

“ยัยบ้าเธอจะทำบ้าอะไร”

“ตัดเผือกปลอมไง” แก้วกัลยาถอยหนี เพราะกลัวมีดที่สุจิราถือมันพลาดจากตัดเฝือกเธอมาตัดคอเธอแทนนี่สิ สุจิราเดินเข้ามา แก้วกัลยาถอยหนี และทำท่าจะวิ่งหนี แต่สุจิราคว้าดึงมือเธอไว้ไม่ให้ไปไหน

“ปล่อยนะ”

“ปล่อยให้โง่สิ คุณเพชรจะต้องเกลียดแกแน่ถ้ารู้ความจริงว่าแกโกหก”

“บอกให้ปล่อยไง” สุจิราสะบัดมือออก สุจิรายื่นมีดเข้ามา แก้วกัลยาทำตาโต

“เธอจะเอาไอ้มีดนี่มาตัดเฝือกฉันได้ยังไง ปล่อยนะซูซี่ ฉันไม่ตลกกับเธอหรอกนะ”

“ฉันจะทำให้เธอดูไงล่ะว่ามันตัดยังไง ฉันตัดให้ฟรีไม่เสียเงินมานี่” และซูซี่ก็ดึงมือเธอไปและเอามีดทำท่าจะตัดเฝือก แก้วกัลยาอยากจะบอกเหลือเกินนี่มันแขนคนนะไม่ใช่ทุเรียนจะมาผ่งมาผ่ากันง่าย ๆ ได้ยังไง แก้วกัลยาตัดสินใจใช้แรงที่เยอะกว่าผลักสุจิราล้มลง มีดในมือกระเด็นหลุดลงพื้น แก้วกัลยาหันไปคว้าถังน้ำถูพื้นที่วางอยู่ขึ้นมาและ

ซ่า!!!

“กรี๊ด!!!” สุจิราร้องเสียงดังราวกับโดนน้ำมนต์

“โทษฉันไม่ได้นะ เธอหาเรื่องฉันเองนะ” แล้วแก้วกัลยาก็คว้ากระเป๋ารีบวิ่งออกไปทันทีไม่รอให้สุจิราคว้ามีดวิ่งไล่ตามเธอมา และที่สำคัญเธอต้องรีบพาเพทายออกจากที่นี่ ก่อนที่สุจิราจะมาบอกความจริง

ตุบ!!!

“โอ๊ย...”

“แก้วกัลยา” แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นมอง

“คุณเพชร”

“ครับ ผมเห็นคุณออกมานานแล้ว คุณซูซี่ก็บอกว่าจะมาตามคุณก็หายไป มีอะไรหรือเปล่าครับ แล้วทำไมสภาพคุณเยินแบบนี้ แขนคุณ”

“คนบ้าค่ะ ฉันเจอคนบ้าในห้องน้ำ”

“คุณบอกพนักงานหรือยัง”

“ไม่ต้องแล้วค่ะ คนบ้ามันวิ่งหนีไปแล้ว คือ...ฉันไม่หิวแล้ว ฉันเหนื่อย ฉันอยากกลับบ้านเรากลับบ้านกันนะคะคุณเพชร” แก้วกัลยาเอ่ยรัว

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า คุณพึ่งกินข้าวไปไม่กี่คำเองนะครับ”

“ฉันไม่หิวแล้ว กลับนะคะ นะคะคุณเพชร ฉันรู้สึกปวดหัวยังไงก็ไม่รู้” เพทายพยักหน้า แก้วกัลยาจับมือเขาและลากเขาให้ตามออกไป

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ แกทำฉันแล้วจะหนีหรอ” แก้วกัลยาไม่ยอมหยุด สุจิราที่สภาพเปียกปอนถอดโยนส้นสูงทิ้งและวิ่งมาดักหน้าแก้วกัลยาไว้

“คุณสุจิรา...” เพทายมองสภาพสุจิราที่ดูแย่กว่าแก้วกัลยามาก

“เธอยังไม่ไปไหนไม่ได้จนกว่าฉันจะกระชากหน้ากากเธอ”

“คุณซูซี่ผมว่าคุณกลับบ้านดีไหม” เพทายมองสุจิราที่กำลังจะหาเรื่องแก้วกัลยา

“ซูซี่ไม่กลับจนกว่าจะได้บอกความจริงกับคุณเพชร”

“ซูซี่” ดารินทิพย์ที่วิ่งออกมาจากร้านวิ่งเข้าไปหาเพื่อน เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่หน้าร้าน

“คุณมีอะไรจะบอกผม”

“คุณเพชร...”

“ก็ยัยแก้วอสรพิษโกหกคุณว่าเข้าเฝือกไงคะ เฝือกที่ใส่อยู่ก็ใส่ไปอย่างนั้น แขนยัยนี่ไม่ได้หักยัยนี่แค่หาเรื่องมากดดันคุณ หาทางเข้าใกล้ชิดคุณ ยัยแก้วอสรพิษนี่มันหลอกคุณค่ะคุณเพชร”

“ไม่จริงนะคะ” แก้วกัลยาเอ่ย “ฉันไม่กล้าเอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่นหรอกค่ะ คุณอย่าไปเชื่อยัยซูซี่นะคะ ใคร ๆ ก็รู้ว่ายัยนี่ไม่ชอบหน้าฉัน หาเรื่องใส่ความฉันตลอด”

“แกกล้าไปผ่าเฝือกออกไหมล่ะ” แก้วกัลยามองสุจิราที่กำลังยิ้มอย่างมีชัย แต่ชัยครั้งนี้มันต้องเป็นของเธอสิ

“กล้าสิ ถ้าเธออยากเห็นฉันจะไปผ่าให้ดู ตอนนี้เลยไหมล่ะ” แก้วกัลยาเอ่ย สุจิราทำหน้าเหมือนข้องใจที่แก้วกัลยากล้าพูดออกมาอย่างไม่กลัวความจริง

“ไปค่ะคุณเพชรไปผ่าเฝือก ซูซี่จะได้เลิกจับผิดฉันสักที” แก้วกัลยาดึงแขนเพทายให้เดินตาม

“ไม่ต้องหรอกครับ คุณอยากกลับบ้านไม่ใช่หรอ ผมจะพาคุณกลับบ้าน”

“คุณเพชรคะ คุณไม่เชื่อฉันหรอ นังแก้วอสรพิษเนี่ยไม่ได้แขนหัก ก็แค่ใส่เฝือกเล่นละคร”

“ผมขอตัวนะครับ ค่าอาหารให้ส่งบิลด์ไปที่บ้านผม ไปครับคุณแก้ว” เพทายเอ่ยและพาแก้วกัลยาไปที่รถ สุจิรามองตามอย่างขุ่นเคืองใจ เธอจะกระชากหน้ากากแก้วกัลยาได้อยู่แล้ว

“ฉันไม่ยอมหรอก ยังไงคุณเพชรก็ต้องรู้ธาตุแท้ของแก”

“ซูซี่” ดารินทิพย์รีบวิ่งตามสุจิราออกไป




“พี่แก้วคะ” แก้วกัลยายืนนิ่งเสียงที่เรียกมันคุ้นหูมาก คุ้นจนเธอไม่อยากหันไปมองแต่เพทายกลับเป็นคนหันไปก่อนทั้งที่เธออยากจะลากเข้าขึ้นรถ ทั้งที่รถอยู่ตรงหน้าเธอแท้ ๆ อีกนิดเดียวเธอก็จะรอดอยู่แล้ว

“พี่แก้ว” แก้วกัลยาค่อย ๆ หันกลับไปฉีกยิ้มกว้างให้กับยิหวาคุณหมอคนสวยผู้เป็นเพื่อนกับวันวิวาห์นั่นเอง

“ถ่ายละครเป็นไงบ้างคะ” เพทายมองผู้หญิงที่บีบมือเขาแน่น เพทายเหมือนกำลังงง แก้วกัลยาพยายามส่งสายตาไปให้ยิหวา แต่ยิหวาดูเหมือนจะไม่รู้ข้อความทางสายตาของแก้วกัลยา

“คุณถ่ายละครด้วยหรอ ผมไม่เห็นรู้”

“ก็...”

“ถ่ายละครนี่ต้องใส่เฝือกไหมคะ” สุจิราเดินออกมา เธอยอมอยู่ในสภาพนี้จนกว่าเธอจะเอาคืนแก้วกัลยาได้

“ดิฉันก็ไม่รู้ แต่พี่แก้วกำลังซ้อมบทอยู่ แล้วเมื่อไหร่จะไปตัดเฝือกออกค่ะ ไหนว่าจะใส่สักอาทิตย์ไงคะ” แก้วกัลยาสัมผัสได้ว่ามือของเพทายหลุดจากการเกาะกุมของเธอแล้ว

“คุณแก้วไม่ได้แขนหักหรอคะ” สุจิราถาม

“ไม่นี่คะ อาการพี่แก้วปกติเกือบทุกอย่างนอกจากรอยช้ำก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ พี่แก้วไม่ได้บอกทุกคนหรอคะว่ากำลังซ้อมบทลองใส่เฝือก” แก้วกัลยารู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังพังลงให้พริบตาเธอมองเห็นแววตาสะใจมาจากสุจิรา มันจะจบอยู่แล้ว ทำไมเธอมาตายตอนจบแบบนี้

“คุณเพชร” แก้วกัลยาหันไปมองเพทายที่ถอยหลังออกห่างจากเธอ

“คุณเพชรคุณฟังฉันก่อนนะคะ ฉันอธิบายได้ คุณเพชร คุณเพชร” แก้วกัลยาไม่ยอมให้เพทายเดินหนีรีบวิ่งมาดักหน้าไว้ เพทายไม่ยอมมองหน้าเธอ ใบหน้าของเขาเฉยชาขึ้นมาอีกครั้งเหมือนช่วงที่เขากับเธอยังไม่สนิทกัน

“คุณเพชร ฉัน...”

“ผมขอตัวนะครับ แขนคุณก็ปกติ ผมคงไม่ต้องดูแลคุณแล้ว แล้วสัญญาของเราทั้งหมดถือเป็นโมฆะ จากนี้ผมกับคุณเราควรจะอยู่ห่าง ๆ กันจะดีที่สุดนะแก้วกัลยา”

“คุณโกรธฉันหรอ”

“ผมไม่ได้โกรธครับ แต่ผมไม่อยากเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้”

“คุณไม่โกรธฉันแล้วทำไมต้องหนี ทำไมไม่มองหน้าฉันล่ะ ฉันไม่ผิดนะ ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้คุณจะยอมให้ฉันเข้าใกล้คุณ ให้ฉันอยู่กับคุณหรอ ที่ฉันทำฉันไม่ได้หวังร้ายอะไรเลยนะคะ” เพทายมองแก้วกัลยาด้วยสายตาที่ผิดหวังมาก

“ผมไม่อยากฟัง ไม่อยากฟังอะไรจากคุณอีก ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา แต่ผมไม่อยากเจอหน้าคุณอีก ถ้าคุณไม่อยากให้ผมเกลียดคุณก็อย่ามายุ่งกับผมอีก”

“คุณเพชร!!!” แก้วกัลยาจับมือเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เธอไม่ปล่อยเขา ไม่ปล่อยเด็ดขาด

“ดา คุณเพชรช่วยดาด้วยค่ะ ดาหวันเป็นลมไปแล้วค่ะ” เพทายปลดมือออก แต่แก้วกัลยาไม่ยอมปล่อยสุดท้ายเขาก็สะบัดออก ร่างของแก้วกัลยาเซถลาถอยไปชนกับรถคันที่จอดอยู่ด้านหลัง เขาหันไปมองเหมือนลังเลอะไรบางอย่าง เขาทำท่าจะเดินไปช่วยแก้วกัลยาที่ดูเหมือนจะเจ็บจากแรงกระแทก แต่

“คุณเพชร ยัยดานิ่งไปแล้วนะคะ” เพทายตัดสินใจหันหลังวิ่งไปอุ้มดารินทิพย์วิ่งขึ้นรถไป แก้วกัลยามองตามเขาไปด้วยสายตาเจ็บปวด เจ็บใจทำไมเธอจะไม่เห็นว่าซูซี่กระซิบสั่งให้ดารินทิพย์แสร้งเป็นลม สุจิรายิ้มเยอะอย่างสะใจสุด ๆ และเดินตามขึ้นรถไป แก้วกัลยากำมือแน่น เธอต้องเอาคืนแน่ หลังจากจัดการปัญหาของเธอได้ แก้วกัลยามองรถของเพทายวิ่งเลี้ยงออกจากร้านอาหารไป แก้วกัลยายืนนิ่ง

“พี่แก้ว...เอ่อ..ยิหวาพูดอะไรพูดไปไหมคะ หวาขอโทษ”

“ช่างเถอะ” ปากบอกช่างเถอะแต่พายุกำลังก่อขึ้น แก้วกัลยากำมือแน่นอยากจะกรีดร้องออกมาแต่หันไปเห็นคนในร้านที่ยืนเกาะระเบียงร้านมองลงมา

“มองอะไร จะกินกันไหมข้าวน่ะ ยุ่งเรื่องของชาวบ้านมีเวลาเยอะนักหรือไง” อารมณ์ที่กำลังปะทุระเบิดออกทำให้คนในบริเวณนั้นโดนแรงพายุไปด้วย แก้วกัลยาเดินดุ่ม ๆ ออกไป แน่นอนว่าจะมีอีกหายคนได้รับผลกระทบกับพายุเฮอริเคนที่กำลังก่อตัวใหญ่ขึ้นอยากเกินควบคุม




“กรี๊ด!!!!” แก้วกัลยากรีดร้องเมื่อรถแท็กซี่จอดลงที่หน้าสปา พนักงานเริ่มอลหม่านอีกครั้ง มงกุฎมองพายุที่ใหญ่กว่าทุกครั้ง แก้วกัลยาที่ก้าวเข้ามาในสปาได้เพียงก้าวเดียวก็เริ่มปัดของโน่นนี่ตกลงมา

เพล้ง!!!

เพล้ง!!!

เพล้ง!!!

เสียงข้าวของแตกกระจายทำเอาพนักงานทุกคนสะดุ้งไม่กล้าเข้าไปห้ามปราม จานที่ใช้ปาในห้องระบายอารมณ์หมดแล้ง ล็อตใหม่จะมาวันพรุ่งนี้ดังนั้นถ้าไม่มีอะไรรับอารมณ์ร้าย ๆ ของแก้วกัลยามีหวังคนที่โดยอาจเป็นพวกเธอ แก้วกัลยาไม่ได้อาละวาดด้วยกันตบตี แต่เธอจะด่า ๆ ๆ ไม่หยุด จนไม่รู้ว่าหายใจทางไหน

“กรี๊ด!!!!” แก้วกัลยาร้องไม่หยุด เธอวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงานและเริ่มมหกรรมปาข้าวของ

“คุณคิดว่าคุณเป็นใครคุณเพชร คุณกล้าปฏิเสธผู้หญิงที่สวย รวย เก่งอย่างฉันหรอ คุณมันโง่ที่สุด โง่ โง่ โง่!!!” เมื่ออาละวาดจบข้าวของก็ปาไปต่อไม่หยุด เธอไม่เคยโกรธขนาดนี้ และคนที่ต้องรับผิดชอบต้องเป็นยัยสุจิรา เธอจะทำให้ยัยนั้นรู้ว่าการมีเรื่องกับคนอย่างเธอมันจะเป็นอย่างไร สงสัยพักนี้ฉายามารร้ายอสรพิษของเธอมันจะเงียบไป เธอจะจัดการยัยนั้น

“กรี๊ด!!! ผมไม่ได้เกลียดคุณงั้นหรอ”

เพล้ง

“ผมไม่อยากจะเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้งั้นหรอ”

เพล้ง!!!

“ผมไม่อยากเจอหน้าคุณอีก ถ้าคุณไม่อยากให้ผมเกลียดคุณก็อย่ามายุ่งกับผมอีก แล้วที่ฉันทุ่มเทให้คุณไม่มีความหมายเลยหรือไงคุณเพชร คุณมองไม่เห็นความจริงใจของฉันเลยหรอ” แก้วกัลยาหันไปมองรูปกรอบใหญ่ของเพทายที่แบนอยู่หลังโต๊ะทำงาน แก้วกัลยาคว้าตุ๊กตาคริสตัลที่ทับกระดาษง้างขึ้นเตรียมจะปาไปที่รูป

“คุณเพชร!!!”

เพล้ง!!!

ตุ๊กตาคริสตัลตัวนั้นไม่ได้ปาใส่ไปที่รูปแต่ปากลับไปที่ผนังห้องเช่นเดิม แม้แต่รูปเธอยังตัดสินใจทำร้ายเขาไม่ลง ทำไมเธอต้องไปหลงรักผู้ชายใจร้ายคนนี้ด้วยนะ

“ฉันอยากเกลียดคุณ อยากเกลียด อยากเกลียด แต่ทำไมถึงไม่เกลียด ทำไมฉันต้องกลายเป็นยัยหน้าโง่ด้วย แล้วคุณจะต้องเสียใจ ฉันจะทำให้คุณเสียใจที่กล้าทำกับฉันแบบนี้ ฉันจะทำให้คุณต้องรู้สึกผิด รู้สึกเสียใจ” แก้วกัลยาเอ่ยเสียงดังและพังทุกอย่าง เธอทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บใจ ทั้งแค้นใจ ทุกอารมณ์มันมะรุมมะตุ้มกันไปหมด

เพล้ง!!!

เพล้ง!!!

โครม!!!



“ทำไงดีคะคุณมงกุฎขืนปล่อยไว้แบบนี้ คุณแก้วเธอพังร้านแน่ ๆ”

“ใช่ค่ะ ถ้าในห้องไม่มีอะไรให้พังเธอต้องออกมาพังในสปาแน่ค่ะ ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยเห็นคุณแก้วโกรธ โมโหขนาดนี้ อย่างมากถ้าโมโหไม่เคยพังของในร้านเลยนะคะ เอาไงดีคะ”

“คุณขวัญไม่อยู่ คุณวันไม่อยู่ โทรตามคุณรัก ยังไงไปดูสถานการณ์ก่อน” มงกุฎหยิบโทรศัพท์โทรหารักจิรา ที่เป็นตัวช่วยสุดท้าย แม้วิธีรักจิราจะห่ามไปบ้างแต่ไม่มีใครสามารถหยุดพายุเฮอริเคนได้นอกจากสามพี่น้องด้วยกันอีกแล้ว



“คุณแก้วอย่านะคะ อย่ากระโดดลงมานะคะ มันอันตรายนะคะคุณแก้ว” พนักงานที่ซุ่มอยู่เผยตัวออกมาเมื่อเห็นแก้วกัลยากำลังจะกระโดดลงจากบันไดที่สูงเกือบยี่สิบขั้น ตกมาแม้ไม่ตายแขนขาก็ต้องหักบ้างแหละ

“ถอยออกไปให้หมด ฉันจะกระโดด”

“คุณแก้ว”

“ตัวทำอะไรน่ะเจ๊แก้ว” เสียงรักจิราที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาดังขึ้น ทั้งหมดถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยก็สายใจไปเปราะหนึ่ง ถ้ารักจิรามาแก้วกัลยาอาจจะปลอดภัยหรือเปล่านะ

“ถอยไปเลย ฉันจะกระโดดลงไป ถ้าฉันเจ็บจริง ๆ คุณเพชรจะต้องรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ฉันต้องเจ็บตัว ทีนี้คุณเพชรจะได้หายโกรธฉันสักที จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันก็แค่อยากให้เขาให้โอกาสฉันบ้างไม่ใช้ปิดประตูหนีแบบนี้”

“ตัวโง่หรือตัวบ้ากันแน่เจ๊แก้ว ตัวนี่มันไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำสุด ๆ ตัวจบปริญญาโทมาได้ยังไง ตัวคิดได้แค่นี้หรอ เค้าเคยคิดว่าตัวฉลาดมาตลอด มารร้ายอสรพิษคนเดิมหายไปไหน ใครเอาวิญญาณยัยโง่มาใส่ร่างของเจ๊แก้วกัน”

“กรี๊ด!!! แกว่าใครไอ้รัก”

“ก็ว่าตัวนั่นแหละ ตัวคิดว่าตัวทำแบบนี้คุณเพชรเขาจะรู้สึกผิด และหายโกรธหรอ เค้าว่าทีนี้คุณเพชรจะเกลียดตัวไปเลย คุณเพชรเธอเกลียดผู้หญิงขี้ตื้อ โกหก แต่ก็เกลียดผู้หญิงโง่มากเหมือนกัน และตัวกำลังจะเป็นยัยโง่ ไอ้ความฉลาดที่ช่วยเขาที่ผ่านมาจะถูกหักล้างหมดในครั้งเดียว”

“แกว่าฉันหรอ”

“ไม่ได้ว่า แต่เค้ากำลังด่าตัว เค้าเตือนตัวแล้วนะว่าให้เลิกแต่ตัวก็ดึงดันจะทำ ทุกอย่างมันเป็นเพราะตัวของตัวนั่นแหละเจ๊แก้ว ไม่เคยเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด คิดตลอดว่าตัวเองถูก แล้วทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดก็มาอาละวาดเป็นยัยบ้าน่าสมเพช ตัวอายุจะสามสิบแล้วนะเจ๊แก้ว ยังทำตัวอาละวาดเป็นเด็ก ๆ ที่สำคัญตอนนี้ตัวเป็นเจ้านาย มีลูกน้องเยอะแยะ ตัวทำแบบนี้ใครจะมาเคารพตัว เอาล่ะ อยากกระโดดเรียกร้องความสนใจใช่ไหม กระโดดลงมาเลยสิเจ๊แก้ว ถ้าตัวไม่กระโดดเค้าจะขึ้นไปพลักตัวลงมาเองเจ๊แก้ว”

“แกท้าฉันหรอ”

“ใช่ กระโดดลงมา แต่กระโดดลงมาแล้วนะตัวคลานไปหารถพยาบาลเองนะ ตอนนี้เค้าไล่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว เค้าจะไม่ช่วยตัวแน่ ๆ เมื่อทำตัวเองก็ช่วยตัวเองเถอะ กระโดดลงมา จะบอกอะไรให้นะ ถ้าพลาดเอาหน้าลง หน้าตัวเละขึ้นมาสวยสู้คุณดาหวันไม่ได้ทีนี้จะมาโอดครวญไม่ได้นะ” แก้วกัลยาชะงักทันที

...จริงสิ ถ้ากระโดดลงไปแล้วพลาดหน้าเธอเละพังหมดสวย ต้องทำศัลยกรรม ทำหน้าปลอมเหมือนที่ปรามาสคนอื่นไว้ เธอทำใจไม่ได้แน่ ๆ แล้วคุณเพชรไม่ได้แค่จะโกรธ แต่จะเกลียดเธอไปด้วยเพราะเธอมันโง่และน่าสมเพช

“ปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนก็ไปแก้ที่ตรงนั้น อย่าสร้างปัญหาต่อด้วยปัญหาสิเจ๊แก้ว ผิดก็ยอมรับผิดและขอโทษมันก็จบ ตัวขอโทษคุณเพชรเขาหรือยัง”

“ฉันไม่ผิด” รักจิราส่ายหน้ากับพี่สาวที่โตแต่ตัว แต่นิสัยของเธอไม่เคยโตไปเลย ยังคงเป็นคุณหนูที่เชื่อมั่นใจความคิดของตัวเอง

“นั่นไง แบบนี้ไงคุณเพชรถึงโกรธ ตัวลองนึกสิ นึกดี ๆ ว่าที่ตัวโกหกมันผิดจริงไหม นึกสิ เวลาตัวโดนคนอื่นหลอกตัวรู้สึกยังไง คุณเพชรเขาก็รู้สึกแบบนั้นแหละตอนรู้ความจริงยิ่งตัวไม่รับผิดเขาก็ยิ่งโกรธ เค้าบอกเลยนะเวลาคนเราทำผิดแล้วขอโทษมันไม่น่าอายเลย บางทีวิธีเบสิคด้วยการพูดขอโทษอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็ได้ ตัวไม่ต้องลงทุนกระโดดลงจากบันไดชั้นบนเพื่อพิสูจน์ใจให้ตัวเองเจ็บตัวเล่น ๆ ถ้าไม่ได้ผลมีแต่ตัวนั่นแหละที่จะเจ็บ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ”

“จบหรือยัง”

“นี่ตัวไม่เข้าใจที่ฉันพูดเลยหรอ เอาล่ะอยากกระโดดก็กระโดดลงมาเลย แต่เงื่อนไขเดิม เค้าและพนักงานทุกคนจะไม่ช่วยหามตัวไปส่งโรงพยาบาล ไม่โทรตามให้ด้วย ตัวคลานออกไปเองละกัน”

“ยัยรักแกมันใจดำจริง ๆ ฉันพี่แก และที่ถามว่าจบหรือยังฉันจะกลับแล้ว ฉันไม่โง่ขนาดฟังไม่รู้เรื่อง คิดไม่ได้ และฉันจะไม่ยอมหน้าเละ กลายเป็นคนไอคิว อีคิวต่ำให้คุณเพชรไม่ชอบฉันไปมากกว่านี้หรอก” แก้วกัลยาเอ่ยและหันหลังจะเดินกลับเข้าห้องทำงานแต่เท้ากลับไปเหยียบผ้าผืนหนึ่งที่ตกอยู่ เมื่อเท้าที่ก้าวพรวดพราดเหยียบลงก็ถลาลื่นลงจากชานบันไดกลิ้งลงสู่พื้นเบื้องล่างในทันที

“กรี๊ด!!!”

“เจ๊แก้ว / คุณแก้ว” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกับเมื่อร่างของแก้วกัลยาล่วงลงจากชั้นบนและกลิ้งลงมาหยุดอยู่ที่ยันไดขั้นสุดท้าย รักจิราเรียกสติกลับคืนมาเป็นคนแรก

“คุณมงกุฎคะโทรตามรถพยาบาลสิคะ เจ๊แก้ว ตัวไม่เป็นอะไรใช่ไหม เจ๊แก้ว” รักจิราวิ่งเข้าไปทำท่าจะประคองแต่กลัวว่าถ้าแก้วกัลยากระดูกหักหรือแตกจะแย่จึงได้แต่เดินมานั่งลงข้าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง ดวงตาฉายแววกังวลจังหวะที่แก้วกัลยาล่วงหล่นลงมาเธอรู้สึกใจหายวาบไปทันที เธอไม่อยากจะพูด แต่คงต้องพูดว่านี่มันกรรมตามสนองหรือเปล่า ไปโกหกไว้เลยต้องมาเจอแบบนี้



...ติดตามตอนต่อไป...


ไม่รู้ว่าแบบนี้จะเรียกกรรมตามสนองหรือเปล่านะ
ต้องไปรอติดตามกันต่อในครั้งหน้าว่าแก้วจะทำยังไงต่อ
แล้วตอนหน้าเราจะพบกับใครก็ไปรอลุ้นกันค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ส.ค. 2557, 13:36:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ส.ค. 2557, 13:36:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1228





<< 25 ศึกชิงนาง   27 คนที่หายไป >>
แว่นใส 30 ส.ค. 2557, 16:52:07 น.
ตัดขาดไปเลย ให้โดนหลอกหน่ะดีแล้วเจ้แก้ว จะได้รู้สึก อุตส่าห์ทำดีให้ตลอด


แก้วจินดา 30 ส.ค. 2557, 17:22:57 น.
โห เจ้แก้วเจ็บตัวอีกล่ะ กรรมจริง ๆ
แต่ชอบรักอ่ะ อิอิ


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 ส.ค. 2557, 22:51:13 น.
เอ่อออ แพ้ภัยตัวเองนะ เจ้อสรพิษแก้ว เห้ออ อย่างน้อยเจ้ก็ยังฉลาดอยู่บ้างที่ไม่ไปเหวี่ยงคุณหมอคนนั้น แล้วแบบนี้ รอบนี้ใครจะมาดูแลเจ้แก้วกันละ พี่เพทาย มะเชื่อแล้วแน่ๆ


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 31 ส.ค. 2557, 01:15:19 น.
แก้วกัลยา เป็นผู้หญิงสุดโต่ง จริงๆๆ เกินธรรมชาติมากไป ไม่เหมาะกับเกิดเป็นหญิงไทย ถ้าเป็นลูกครึ่งหรือต่างชาติ ก็ไปอย่าง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account