เลศลายดาว
ไม่มีอะไรมากค่า คนเขียนอยากมีพระเอกเป็นดารา เท่านั้นเอง...จริง ๆ นะ...
Tags: ลายดาว ยิ่งกว่า รักจริง อัสกัณ อั๊ต รัมย์

ตอน: เลศที่ 2

เลศลายดาว

2


อัสกัณยืนอึ้งอยู่หลายวินาทีก่อนจะหันไปมองกังวานอย่างขอความช่วยเหลือซึ่งอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะรับคำร้องขออย่างรวดเร็ว เห็นได้จากการปราดเข้ามาดึงแขนของหญิงสาวซึ่งยังมองจ้องพระเอกหนุ่ม ‘ตัวเป็น ๆ’ และยังคงยืนนิ่งหน้าเกลื่อนยิ้มหลังเอ่ยคำนั้น

“ยิ่ง...ยิ่ง...น้องยิ่ง !” กังวานเรียกพลางเขย่าแขนเบา ๆ หญิงสาวกะพริบตาปริบหันไปมองคนเรียกแต่มือยังจับแขนเสื้อชายหนุ่มแน่น

“อะไรพี่หวาน ?”

“ปล่อยคุณอั๊ตได้แล้ว” กังวานบอกเสียงกระซิบ การขึงตาบอกเป็นนัยพลอยทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว สะดุ้งน้อย ๆ ปล่อยมือจากแขนเสื้อชักมือไปกุมแก้มทำหน้าเหวอ

“ขอโทษค่ะ...ยิ่งลืมตัวไปหน่อย” ยิ่งกว่าว่าพร้อมหัวเราะแหย ๆ ให้กังวานก่อนหันกลับมาส่งยิ้มตาใสให้กับอัสกัณ “ยิ่งขอโทษนะคะ...คือ...ยิ่งเป็นแฟนละครของคุณอัสกัณค่ะ พอเจอตัวจริงดิ้นได้แบบนี้เลยตื่นเต้น”

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณยิ่ง เรียกผมอั๊ตดีกว่าครับ” อัสกัณออกตัว เห็นรอยยิ้มรับกว้างขวางของหญิงสาวแล้วเขาก็ส่งคำถามต่อ “ว่าแต่ คุณทราบเรื่องที่ผมต้องการพบคุณลายดาวหรือยังครับ ?”

“โอ๊ย ! โปรดเรียกยิ่งว่ายิ่งเถอะค่ะ อย่าเรียกว่าคุณเลย ฟังแล้วห่างเหินพานผื่นขึ้นหน้าด้วย” หญิงสาวว่ากลั้วหัวเราะ “เรื่องที่คุณอั๊ตอยากพบคุณป้าลายดาวตัวเป็น ๆ น่ะ ยิ่งทราบจากพี่หวานแล้วค่ะ...แต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไรครับ ?” อัสกัณถามตื่นเต้น

“คุณป้าลายดาวแกเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวค่ะ กล่อมยากมาก” ยิ่งกว่าพูดพลางถอนหายใจหนักหน่วง อัสกัณชักสีหน้าทันทีที่ฟังจบ เขาเบือนสายตาเริ่มขุ่นไปมองกังวานซึ่งเมื่อเห็นสายตานั้นก็สะดุ้งโหยงรีบเขย่าแขนยิ่งกว่าพร้อมคำร้องขอ

“สักนิดก็ไม่ได้เหรอยิ่ง” สัญญาณขอความช่วยเหลือจากการขยิบตาและเขย่าแขน ยิ่งกว่าพยักหน้ารับเนือย ๆ สีหน้าแววตาแสดงความหนักใจ ครุ่นคิดครู่ใหญ่หญิงสาวก็เอ่ยว่า

“เอาอย่างนี้ดีไหมคะคุณอั๊ต ยิ่งขอใช้ความพยายามส่วนตัวอีกสักหน่อย รับรองด้วยเกียรติของยิ่งกว่าว่าไม่ช้าก็เร็วคุณป้าใจอ่อนแน่ ๆ ค่ะ” กังวานพยักหน้ารับทันทีที่ฟังจบ

“นะฮะคุณอั๊ต น้องยิ่งสัญญาอะไรไม่เคยผิดคำพูดหรอกฮ่ะ” กังวานสำทับอีกแรง

“รออีกสักหน่อยนะคะ...พี่อั๊ต” อัสกัณรู้สึกขนลุกโดยอัตโนมัติ...ไม่เพียงถ้อยลงท้ายเสียงหวานแปลก ๆ คำเรียกขาน ‘พี่อั๊ต’ ซึ่งแปรเปลี่ยนการเรียกรวดเร็วจนเขารับไม่ทันจากหญิงสาวยิ่งทำให้เขาขนลุกยิ่งขึ้น...หล่อนกล้าเรียกเขา ‘พี่’ ทั้ง ๆ ที่ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วอายุน่าจะใกล้เคียงกันเนี่ยนะ !

“นะฮ้าคุณอั๊ต...รออีกหน่อยนะฮ้า” คำสำทับจากกังวาน ฉุดอัสกัณจากการขนลุก เขากะพริบตาปริบหันมองหน้ากังวานที่เต็มไปด้วยแววร้องขอก่อนหันไปมองหญิงสาวตัวเล็กนามยิ่งกว่า...แล้วต้องรีบเบือนสายตากลับมามองกังวานอีกครั้งเมื่อพบว่า...สีหน้าแววตาของหญิงสาวคนนั้น...ชวนขนลุกยิ่งกว่าเสียงหวานเมื่อครู่หลายเท่า !

“แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าจะไม่โดนหลอก” เอ่ยพลางอัสกัณก็ยกมือขึ้นกอดอก กิริยานั้นคนมองอาจจะคิดว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์อยากหาเรื่อง คงมีเพียงเขาที่รู้ว่าการยกมือขึ้นกอดอกก็เพื่อ...ลดอาการขนลุกที่เป็นอยู่ !

“โอ๊ย คุณอั๊ต พี่ไม่หลอกคุณอั๊ตแน่ ๆ ฮ่ะ” กังวานรีบละล่ำละลัก

“ผมไม่ได้หมายความถึงพี่หวานนะครับ” อัสกัณบอกเรียบ ๆ สายตาปรายไปมองหญิงสาวผมมวยเหมือนจะแทนคามหมายของคนที่เขากล่าวถึง และดูเหมือนว่ายิ่งกว่าจะรับสื่อทางสายตาของพระเอกหนุ่มได้ทันท่วงที ทว่า นอกจากหญิงสาวจะไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำกล่าวหานั้นแล้ว การหัวเราะเบา ๆ ตอบรับยิ่งทำให้อัสกัณรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

“ถ้าพี่อั๊ตหมายถึงยิ่ง ยิ่งขอบอกเลยว่าไม่ชอบหลอกใครหรอกค่ะ...เอาอย่างนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจ เดี๋ยวยิ่งให้พี่อั๊ตคุยกับคุณป้าดีกว่า...รอสักครู่นะคะ” ยิ่งกว่าเอ่ยกลั้วหัวเราะ และเมื่อพูตจบหล่อนก็ไม่รอให้ใครได้เอ่ยทัดทานหรือตอบรับ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์โทรออก ระหว่างรอการเชื่อมต่อยังส่งยิ้มหวานชวนขนลุกมาให้อัสกัณจนเขาต้องขยับแขนกอดอกแน่นขึ้น กระนั้นก็อดใจเต้นแรงกับการขยับเข้าใกล้ลายดาวอีกนิดไม่ได้

“ป้าดาวจ๋า นี่ยิ่งกว่าเองจ้ะ...คือ...เรื่องที่พี่หวานขอร้องเมื่อหลายวันก่อนน่ะจ้ะ...ที่ยิ่งขอร้องป้าดาวต่ออีกที...” ประโยคสนทนาหลังจากปลายสายตอบรับของยิ่งกว่า พาให้คนฟังใจชื้นยิ่งขึ้น ทว่าสีหน้าจืดเจื่อนเหยเก และการตวัดสายตาหลังกรอบแว่นมามอง กลับทำให้อัสกัณใจฟุบแฟบ ยิ่งกว่ายกโทรศัพท์ออกห่างจากหูหันมากระซิบกระซาบ “ขอตัวแป๊บนะคะ...ขอไปกล่อมก่อน...” พูดจบหญิงสาวก็ผละเดินออกห่างแยกไปคุยอยู่ไกลจนเกินกว่าจะได้ยินบทสนทนา

อัสกัณเผลอคลายมือซึ่งยกขึ้นกอดอกก่อนหน้านั้น สายตาเขายังจับจ้องกิริรยาของหญิงสาวอย่างกังวลและลุ้นระทึก สีหน้ายามคุยโทรศัพท์ของหญิงสาวยิ่งชวนให้กังวล ไม่วาจะเป็นหัวคิ้วขมวดแทบชนกัน ริมฝีปากขยับเจรจาไม่เจือรอยยิ้มเหมือนเมื่อคุยกับเขา กิริยาเหล่านั้นทำให้อัสกัณถอนหายใจอย่างหมดหวัง ได้แต่ก้มหน้าเอามือซุกกระเป๋ากางเกง...ท่วงท่าที่คนคุ้นเคยรู้ดีกว่าเขากำลังท้อแท้กับบางอย่าง

“เหมือนจะมีข่าวดีนะฮะคุณอั๊ต !” น้ำเสียงตื่นเต้นจากกังวานซึ่งก่อนหน้านั้นคอยจับจ้องมองตามยิ่งกว่า เอ่ยฉุดท่าสิ้นหวังของอัสกัณให้สะดุ้ง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นพร้อม ๆ กับที่หญิงสาวซึ่งเดินตรงมายื่นโทรศัพท์ส่งให้ รอยยิ้มกว้างขวางจนเห็นรอยบุ๋มเล็ก ๆ ข้างแก้มและการยักคิ้วหลิ่วตาของหญิงสาวมาพร้อมกับคำยืนยันความเข้าใจของกังวาน

“เรียกน้ำย่อยด้วยเสียงก่อนนะคะ” ยิ่งกว่าบอกเสียงใส แกว่งโทรศัพท์เป็นเชิงบอกให้ชายหนุ่มยื่นรับซึ่งอัสกัณรีบคว้ามาทันที...ก่อนโทรศัพท์จะทันได้แนบหู ชายหนุ่มอดขมวดคิ้วนิด ๆ ไม่ได้...กลิ่นหอมเย็นแปลก ๆ โชยรื่นเข้าจมูกจนเผลอสูดหา จนเมื่อโทรศัพท์แนบหูและกลิ่นหอมนั้นรุนแรงขึ้น เขาจึงได้แน่ใจว่า...น่าจะเป็นกลิ่นน้ำหอมของคนใช้โทรศัพท์ก่อนหน้านี้...อดเหลือบมองหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าที่ยังคงยิ้มรื่นตาใสอยู่ไม่ได้...แปลกที่เขารู้สึกว่ากลิ่นหอมนั้นเข้ากับเจ้าหล่อนได้ดีพิลึก !

“ใครหรือนี่ ?” เสียกทักเนือย ๆ จากปลายสายฉุดอัสกัณให้กลับจากภวังค์คิด

“สวัสดีครับ คุณลายดาวหรือเปล่าครับ ? ผมอัสกัณครับ” อัสกัณละล่ำละลักทั้งส่งคำถาม ทั้งตอบคำถาม มีเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปลายสาย ก่อนน้ำเสียงเนือย ๆ จะเอ่ยกลับมา

“ฉันเองแหละลายดาว เห็นเจ้ายิ่งมันบอกว่าอยากพบฉันรึ ?” อัสกัณอดรู้สึกวูบวาบกับคำยอมรับนั้นไม่ได้ ไม่ต้องถามเลยว่าหัวใจเขาเต้นแรงแค่ไหน...มันกระหน่ำรัวราวกับอ่านเพชรพระอุมาถึงตอนเข้าดงมรณะเผชิญหน้ากับงูยักษ์นั่นเลยเชียว อัสกัณสูดลมหายใจลึก สยบความตื่นเต้นก่อนเอ่ยตอบ

“ครับ...ผมอ่านบทละครแล้วประทับใจมากครับ ไม่ทราบว่าคุณลายดาวจะกรุณาให้ผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยบ้างไหมครับ ?” เขาเสี่ยงส่งคำขอออกไปดื้อ ๆ แม้จะนึกรู้ว่าน่าจะผิดหวัง เสียงหัวเราะเบา ๆ ส่งกลับมาอีกครั้งตามมาด้วยเสียงถอนหายใจหนัก ๆ

“อย่าเพิ่งใจร้อนสิพ่อหนุ่ม ตอนนี้ตารางงานของฉันยุ่งมากจนหาเวลาว่างไม่ได้ ถ้าเธออดทนพอ สักวันเราคงได้พบกัน” น้ำเสียงเรียบเอื่อยแทรกแววปราณีทำให้คำปฏิเสธดูนุ่มนวลจนอัสกัณต้องถอนใจ

“ถ้าคุณลายดาวไม่รังเกียจหรือไม่สะดวกออกนอกสถานที่ จะอนุญาตให้ผมไปเยี่ยมที่บ้านก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างดื้อดึง คราวนี้เสียงหัวเราะพออกพอใจดังกว่าทุกครั้งจนคนฟังใจชื้น

“พวกหนอนหนังสือนี่ เวลาบ้างคลั่งคนเขียนเป็นเหมือนกันทุกคนหรือไงนี่” แม้จะอยู่ในภาวะตื่นเต้น แต่อัสกัณก็อดสงสัยไม่ได้ว่า คุณลายดาวรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นหนอนหนังสือ ? จะว่ารู้จากสื่อเขาก็ไม่เคยแสดงออกหรือให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความชอบส่วนตัวสักครั้ง “เอาเถอะ...ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ อย่าใจร้อน ไม่ช้าก็เร็วเราคงได้พบกัน...ถ้ายังไงก็...หมั่นถามไถ่เจ้ายิ่งกว่าเข้าเถอะ จะฝากถ้อยฝากถามก็ผ่านเจ้ายิ่งนั่นแหละ ตั้งใจทำงานดี ๆ ล่ะ...บทละครเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อเธอนะพ่อหนุ่ม”

โทรศัพท์ถูกตัดสัญญาณการติดต่อไปแล้ว แต่อัสกัณยังคงแนบโทรศัพท์นิ่งติดหูอย่างเหม่อลอย คำสุดท้ายของคุณลายดาวคือตัวสะกดให้เขาตกอยู่ในอาการนั้น บทละครเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อเขาอย่างนั้นหรือ ? เพียงคิด รอยยิ้มก็หวนกลับมาสู่ริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ความสุขใจลอยวนเหมือนลมลูกเล็ก ๆ พัดชื่นแทรกสู่หัวใจ มือของอัสกัณยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้กับหญิงสาวที่นิ่วหน้า ขยับแว่นตามองเขาอย่างสนใจ กลิ่นหอมเย็นแปลก ๆ จากโทรศัพท์ลอยห่างพาให้รู้สึกใจหายอย่างประหลาด

“ป้าดาวว่ายังไงบ้างคะพี่อั๊ต ? ตกลงหรือเปล่า ?” คำถามของยิ่งกว่าพร้อมการหยิบโทรศัพท์กลับไปเก็บฉุดอัสกัณให้พ้นจากภวังค์

“เอ่อ...ก็...ไม่รู้ว่าตกลงไหม เห็นบอกแค่ว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมจะพบ” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย ทว่ากลับทำให้คนฟังยิ้มใสยิ่งกว่าเดิม

“โห ยิ่งกล่อมแทบตายกว่าคุณป้าจะยอมคุยกับพี่อั๊ต แต่พอได้คุยจริง ๆ กลับให้คำตอบแบบนั้น แหม ๆ เย็นนี้ต้องมีต่อว่ากันหน่อยแล้ว” คำพูดของหญิงสาวสวนทางกับกิริยาเริงรื่นสดใสของตัวเองยิ่งนัก

“คุณลายดาวบอกว่า หากมีอะไรจะติดต่อผ่านคุณ...” อัสกัณเอ่ยตัดบท หญิงสาวชะงักท่าทีเริงรื่นทันควันส่งตามองค้อนชายหนุ่ม

“แหม ยิ่งบอกแล้วว่าอย่าเรียกคุณ ถ้ายิ่งผื่นขึ้นพี่อั๊ตจะรับผิดชอบทายาให้หรือเปล่าคะเนี่ย” พูดจบหญิงสาวก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ...อัสกัณเผลอยกมือขึ้นกอดอกโดยไม่รู้ตัว “แต่เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณป้าบอกพี่อั๊ตอย่างนั้น ก็คงหมายความอย่างนั้น...ยิ่งรู้สึกดีใจม้าก มากที่นับแต่นี้ต่อไปจะได้ติดต่อกับพี่อั๊ตตัวเป็น ๆ บ่อยขึ้น...เอาเป็นว่าถ้าคุณป้าพร้อมเมื่อไหร่ ยิ่งจะส่งข่าวอีกทีนะคะ” สายตาแวววามหลังกรอบแว่นพร้อมรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยทำให้อัสกัณรีบตอบรับ

“ก...ก็ได้ครับ ผมจะรอ...แต่หวังว่าจะไม่นานนักนะครับ” เขาตอบรับหวังว่าบทสนทนานี้จะจบลงพร้อมกับการจากไปของหญิงสาวต้นเหตุแห่งการขนลุก กังวานและยิ่งกว่าหันไปมองสบตาส่งยิ้มพร่างพราวให้แก่กันแถมมีพยักหน้าให้กันน้อย ๆ จนอัสกัณอดสงสัยไม่ได้...กิริยาแบบนี้เขาเคยอ่านเจอในนิยายหลายเรื่อง...เป็นกิริยาที่บ่งบอกว่าตัวละครที่ทำแบบนี้มีการ ‘รู้กัน’ แล้ว...สองคนนี้รู้อะไรกันนะ ?

“เป็นอันตกลงแล้วนะพี่หวาน...งั้นน้องยิ่งขอตัวไปลั้นลาก่อนนะคะ” ยิ่งกว่าบอกยิ้ม ๆ เหลือบมองพระเอกหนุ่มอมยิ้มกับตัวเองก่อนเดินจากไป





มั่นใจว่าหญิงสาวนามยิ่งกว่าเดินห่างไปพอสมควรแล้วและกังวานก็ขอตัวไปดูแลงานอย่างอื่น เมื่ออยู่คนเดียวพระเอกหนุ่มแสร้งอ่านบทในมือแต่สายตาค่อย ๆ เหลือบมองหาเป้าหมาย ไม่นานก็เห็นผมจุกมวยกลางศีรษะเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่วท่ามกลางกลุ่มคนในกองถ่าย จะว่ามองอย่างระแวงก็ได้เพราะเขาชักไม่แน่ใจว่า...ผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นจะปกติเหมือนคนอื่น ยิ่งมองเขาก็ยิ่งสงสัย หนักเข้าจึงเอ่ยถามเอากับกังวานซึ่งมาตรวจสอบความเรียบร้อยเสื้อผ้าหน้าผมเขาพอดี

“พี่หวาน...นั่นทำงานในกองด้วยหรือครับ” ยามเอ่ยถึง ‘นั่น’ อัสกัณพยักพเยิดก่อนรีบหันกลับมามองคู่สนทนาโดยเร็วกังวานขมวดคิ้วหันมองตามทิศที่ชายหนุ่มบุ้ยใบ้ ที่นั่นมีเพียงร่างเล็กของยิ่งกว่ากำลังเก็บเสื้อผ้าใส่ไม้แขวนอย่างคล่องแคล่ว

“ถ้าคุณอั๊ตหมายถึงน้องยิ่งล่ะก็ น้องยิ่งไม่ได้ทำงานในกองหรอกฮ่ะ เพียงแต่ว่าน้องยิ่งเป็นคนมีน้ำใจ พี่เคยร่วมงานกับน้องยิ่งหลายเรื่องแล้วฮ่ะ น้องเขาก็ช่วยทำโน่นทำนี่แบบนี้แหละ จนกว่าละครจะปิดกล้องนู่น”

“รายได้คงดีนะครับ” อัสกัณไม่แน่ใจว่าเพราะน้ำเสียงของเขาออกแววดูแคลน หรือเพราะคำถามของเขาไม่เหมาะสม กังวานซึ่งมีสีหน้าแย้มยิ้มเมื่อครู่จึงเลือนรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว มีร่องรอยไม่พอใจในสีหน้านั้นจนอัสกัณชักใจเสีย

“น้องยิ่งเป็นเด็กดีฮ่ะ ทำงานทุกอย่างที่มีคนไหว้วาน อาสาทำในสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทำอย่างล้างจานชามที่คนในกองกินทิ้งไว้ ทำทุกอย่าง ทำทุกครั้งไม่เคยเรียกร้องเงินทอง และแม้จะมีใครยัดเยียดให้น้องยิ่งก็ไม่เอา ไม่ได้เป็นเฉพาะกองของพี่หรอกนะคะ ทุกกอง ทุกค่ายที่รับซื้อบทละครของคุณลายดาวน้องยิ่งตามไปดูแลอย่างนี้เสมอฮ่ะ” น้ำเสียงมีแววประชดประชันเล็กน้อยนั้น อัสกัณไม่ติดใจเท่าถ้อยอธิบายซึ่งเมื่อฟังจบเขาก็ได้แต่หันไปมองผู้หญิงตัวเล็กผมจุกที่ตอนนี้กำลังรีดเสื้อผ้าอย่างตั้งอกตั้งใจ...เขาได้แต่มองอย่างทึ่งจัด

“หรือครับ” เขาพึมพำตอบรับ สายตายังจับอยู่ที่ร่างเล็ก ความรู้สึกแง่ลบก่อนหน้านั้นเริ่มเลือนไป

“จริงที่สุดฮ่ะพี่หวานรับรอง น้องยิ่งเป็นคนขยันมาก ๆ สมกับที่มีคุณป้าเป็นคนเขียนบทละครมือดี น้องยิ่งมีร้านหนังสือเล็ก ๆ น่ารักมากมีมุมกาแฟอร่อยในร้านด้วยพี่ยังเคยไปยืมสถานที่ถ่ายละครตั้งหลายเรื่อง ว่าง ๆ คุณอั๊ตก็ไปอุดหนุนน้องยิ่งคนขยันได้นะฮะ ร้าน ‘เป็นปื้ม’ อยู่ปากทางเข้าหมู่บ้านอุษมันวิลล่าน่ะฮ่ะ” กังวานบอกอย่างกระตือรือร้น

“อ๋อ เคยได้ยินพี่เอสพูดถึงเหมือนกันครับ เห็นว่าเคยนัดคุยงานกันที่นั่นบ่อย ๆ แต่ผมไม่เคยไปหรอกครับ แหม...พี่หวานรับรองอย่างนี้เห็นทีต้องแวะไปอ่านไปชิมบ้างแล้ว” เขาบอกยิ้ม ๆ กังวานรีบพยักหน้าสนับสนุนเร็ว

“แวะไปได้เลยฮ่ะ พี่รับรองว่าคุณอั๊ตต้องติดใจ กาแฟน้องยิ่งอร่อยมาก” กังวานยกนิ้วโป้งรับรองคำ ‘อร่อยมาก’ อัสกัณได้แต่หัวเราะเบา ๆ กับคำรับรองนั้น

“แล้ว...เขาเอาเวลาไหนไปเปิดร้านครับ” พระเอกหนุ่มถามอย่างสงสัยจริงจัง เพราะฟังจากที่กังวานเล่าเมื่อครู่ดูเหมือนการช่วยงานในกองถ่ายจะยุ่งยากวุ่นวายจนน่าจะกินเวลาทำงานประจำ

“น้องยิ่งเขามีคนช่วยเยอะฮ่ะ ก็เด็ก ๆ ที่น้องยิ่งเคยช่วยเหลือไว้นั่นแหละ ปกติวันเปิดกองแบบนี้น้องยิ่งจะอยู่นานหน่อย สาย ๆ เกือบเที่ยงนู่นแหละฮ่ะถึงกลับ” อัสกัณตอบรับพลางพยักหน้า สายตายังทอดนิ่งมองไปยังหญิงสาวหัวจุก ความคิดกลับล่องลอยไปไกล

...เป็นไปได้ไหมว่าร้านหนังสือที่ว่าจะเปิดอยู่หน้าบ้าน...

...ถ้าเขาไปที่ร้านอาจจะได้เจอลายดาวก็เป็นได้...คิดเองเออเองเสร็จสรรพ อัสกัณก็ได้แต่พยักหน้าอมยิ้มกับตัวเอง

“คุณอั๊ตชักจะสนใจน้องยิ่งแล้วล่ะสิ” คำถามกลั้วหัวเราะของกังวานพร้อมด้วยใจความคำพูดทำให้อัสกัณสะดุ้งสุดตัว

“เปล่านะครับ !” คำปฏิเสธพร้อมการโบกมือว่อนและสีหน้าตกตื่นของพระเอกหนุ่มยิ่งทำให้กังวานหัวเราะอย่างขบขัน “ผมแค่...แปลกใจที่เขาทำตกตะลึงตอนเจอผม เพราะถ้าฟังจากพี่หวานเล่าเขาก็น่าจะได้พบปะพูดคุยกับดาราหล่อ ๆ กว่าผมตั้งเยอะ” อัสกัณอธิบายต่อ

“แหม...ดาราหนุ่มหล่อ ๆ มันไม่สู้ดาราหนุ่มหล่อ ๆ ถูกใจนี่ฮ้า” การจีบปากจีบคอพูดของกังวานพานทำให้อัสกัณอดขนลุกอีกรอบไม่ได้ “จะว่าไปพี่หวานก็ไม่แปลกใจหรอกนะฮะที่เห็นน้องยิ่งกรี๊ดกร๊าด หรืออึ้งตะลึงจังงังตอนเห็นคุณอั๊ตน่ะ เพราะน้องยิ่งชอบคุณอั๊ตมาก ชอบมากจนทำเว็บแฟนคลับให้ด้วยนะฮะ นี่พอรู้วันเปิดกล้องปุ๊บก็รีบโทรมาดี๊ด๊ากับพี่ปั๊บเลย” คำอธิบายของกังวาน อัสกัณได้ยินเพียง ‘เว็บแฟนคลับ’

“เมื่อกี้...พี่หวานบอกว่าเขา...เอ่อ...น้องยิ่งของพี่หวานเป็นคนทำเว็บแฟนคลับหรือครับ ?”

“ใช่ฮ่ะ พี่จำได้เลา ๆ ว่าน้องยิ่งเคยคุยให้ฟัง เห็นว่ามีหน้าให้คุณอั๊ตคุยกับแฟนคลับด้วย น้องยิ่งดี๊ด๊ามากเลยนะฮะตอนที่คุณอั๊ตตอบรับเข้าเป็นเจ้าของห้องนั้นน่ะ” กังวานบอกกลั้วหัวเราะก่อนขอตัวไปตรวจดูความเรียบร้อยจุดอื่นต่อทิ้งให้อัสกัณยืนงงงวยกับเรื่องใหม่ที่เพิ่งได้รู้อยู่ลำพัง และกว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้ง อัสกัณก็พบว่าเท้าพาก้าวเคลื่อนมาหยุดยืนอยู่หน้าหญิงสาวที่กำลังยืนรีดเสื้อผ้าอย่างขะมักเขม้น

“พี่หวานบอกว่า...เว็บ...เว็บแฟนคลับนั่น เธอเป็นคนทำ...” อัสกัณเอ่ยถามอย่างไว้เชิง ยิ่งกว่าเงยหน้าขึ้นมอง อมยิ้มแก้มป่องก่อนพยักนหน้ารับเร็ว ๆ

“พี่อั๊ตรู้แล้วหรือคะ ! ใช่ค่ะ ยิ่งเอง !” สีหน้าดีอกดีใจปลื้มเปรมนั้น ทำให้อัสกัณได้แต่ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ “ยิ่งชอบผลงานพี่อั๊ตมาตังแต่เรื่อง ‘ป่วนรักสาวเป๋อ’ เลยค่ะ พอชอบมาก ๆ ก็อยากให้คนอื่นชอบด้วยก็เลยคิดทำเว็บขึ้นมา พี่อั๊ตชอบเว็บไหมคะ ?”

“ก็...ดีครับ” เขาตอบกลาง ๆ เพราะความรู้สึกยามมองสีหน้าสดใสของหญิงสาว หากคำตอบดีกว่านี้ปฏิกิริยาตอบรับคงท่วมท้นกว่านี้เป็นแน่

“เอาแบบเจาะจงกว่านั้นได้ไหมคะ แบบว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน แล้วรู้สึกยังไงกับเว็บ” ถามพร้อมส่งตาแป๋วจ้องลอดกรอบแว่นตาอย่างอยากรู้จริงจัง

“รู้สึกยังไง ? หมายถึงอะไรบ้างล่ะครับ” อัสกัณถามต่ออย่างใจเย็น

“ก็...หน้าเว็บสวยหรือเปล่า รูปภาพประกอบเว็บหล่อถูกใจไหม ยิ่งหมายถึงภาพรวมของเว็บในสายตาพี่อั๊ตน่ะค่ะ” หญิงสาวอธิบายพร้อมยิ้มเริ่งร่า

“ดีครับ ผมชอบ” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ยิ่งกว่ายกมือขึ้นทาบอกพลางถอนหายใจ

“โล่งอกไปที จะว่าไปตอนแรกที่จะมากองถ่าย ยิ่งก็ตั้งใจแนะนำตัวนะคะ แล้วก็อยากถามความคิดเห็นแบบนี้ล่ะค่ะ ได้คำตอบแล้ว ดีใจจัง จะได้มีแรงพัฒนาเว็บต่อไป”

“เห็นพี่หวานบอกว่า คุณมีร้านหนังสือขายกาแฟด้วย แล้วยังมาช่วยงานกองถ่ายบ่อย ๆ แล้ว...เอาเวลาไหนมาดูแลเว็บ ?” อัสกัณถามอย่างสงสัยจริงจัง เพราะฟังจากที่กังวานเล่าเมื่อครู่ ดูเหมือนหญิงสาวจะมีงานรัดตัวเสียจนน่ากลัวจะหาเวลาว่างไม่ได้

“แหม ถ้าเป็นเรื่องที่เรารักชอบ พอใจจะทำ มีความสุขเมื่อได้ทำ ยังไงก็หาเวลาว่างจนได้แหละค่ะ” พูดพลางหญิงสาวก็เก็บอุปกรณ์การรีดผ้ากลับเข้าที่เมื่อเรียบร้อยดีแล้วจึงเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “ไหน ๆ ก็เจอตัวเป็น ๆ พี่อั๊ตแล้ว ยิ่งขออนุญาตบอกกล่าวเรื่องราวส่วนตัวแบบชีวิตประจำวันในกองถ่ายของพี่อั๊ตไปลงเว็บได้ไหมคะ ?”

“ถ้ามันไม่เกินขอบเขตความพอดีผมก็ยินดีครับ” อัสกัณตอบรับ คนฟังมีสีหน้าครุ่นคิดเมื่อฟังจบ

“ว้า...แล้วยิ่งจะรู้ได้ยังไงว่าแบบไหนพอดี แบบไหนไม่พอดี เพราะความพอดีของคนเรามันไม่เท่ากันเสียด้วย” หญิงสาวพึมพำหน้ามุ่ย ก่อนดีดนิ้วเปาะในเวลาต่อมา ยกมือขยับแว่นตาขยับเท้าก้าวเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม มือกุมประสานอยู่หว่างอกพร้อมกับส่งสายตาเปล่งประกายมาให้ “ยิ่งคิดออกแล้วว่า ต้องทำยังไง...ก่อนข่าวหรืออะไรเกี่ยวกับพี่จะลงเว็บ...ยิ่งจะมาปรึกษาทุกครั้งเลย ดีไหมคะ !” หญิงสาวเอ่ยอย่างตื่นเต้น อัสกัณได้แต่มองอย่างไม่ไว้ใจ เขาเพิ่งรู้จักหญิงสาวตัวเล็กนามยิ่งกว่าก็จริง แต่ทำไมไม่รู้เขาถึงได้รู้สึกว่า สีหน้าแววตาและรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าตอนนี้ ดูเจือแววเจ้าเล่ห์พิกล

“ก็...ฟังแล้วดูดี...” ชายหนุ่มรับคำพลางพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนสะดุ้งโหยงเมื่อหญิงสาวร้องกรี๊ดพลางกระโดดโลดเต้นยกมือชกลมถองศอกอย่างดีใจหนักหนา จนครบทุกกระบวนท่า ยิ่งกว่าจึงได้สงบและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมกดเบอร์

“ถ้าพี่อั๊ตเห็นด้วย ยิ่งขอเบอร์โทรศัพท์เลยค่ะ เวลามีข่าวอยากลงจะได้โทรถามพี่อั๊ตได้ทันท่วงที” น้ำเสียงและสีหน้าจริงจังของหญิงสาว ไม่ทำให้อัสกัณเชื่อถือได้มากนัก

“เดี๋ยวผมให้เบอร์พี่เอสก็แล้วกัน มีอะไรก็คุยกับผู้จัดการผมได้เลย” เขาว่าพลางยื่นมือหมายไปหยิบโทรศัพท์ แต่หญิงสาวชิงชักมือหลบ

“ไม่เอาค่ะ เบอร์พี่เอสยิ่งมีแล้ว ยิ่งอยากได้เบอร์พี่อั๊ต !”

อัสกัณได้แต่ยื่นมือนิ่งค้าง กะพริบตาปริบ ๆ มอง ในชีวิตดาราหนุ่มชื่อดังแห่งยุค เขาผ่านการขอเบอร์โทรศัพท์จากหญิงสาวทั้งในและนอกวงการมานับไม่ถ้วน หลากหลายทั้งรูปแบบและวิธีการ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงขอเบอร์เขาชนิดไม่อ้อมค้อม...แอบอมยิ้มกับจุดกล้าของหญิงสาว...เขานิยมคนพูดตรงและจริงใจเสมอ

“เบอร์โทรศัพท์ของผมเป็นของส่วนตัว ถ้าผมให้คุณไป ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่รั่วกลายเป็นเบอร์สาธารณะ” เขาหยั่งเชิง หญิงสาวเชิดหน้าพร้อมคำตอบ

“เบอร์โทรศัพท์ของยิ่งก็เป็นของส่วนตัวเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เบอร์โทรศัพท์ของพี่อั๊ตกลายเป็นเบอร์สาธารณะเพราะยิ่ง...ยิ่งยินดีมอบเบอร์ของยิ่งให้พี่อั๊ตใช้ค่ะ” คำรับรองของหญิงสาว ไม่ว่าจะทบทวนกี่ครั้งก็ไม่ได้ช่วยให้คนฟังมั่นใจอะไรมากนัก เขาได้แต่โคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ ลำพังนิสัยตัวเองเขาก็ยอมรับว่ามันแปลกระดับหนึ่ง...แต่เมื่อมาเจอหญิงสาวตัวเล็กคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่า เขาอยู่ในข่ายปกติเลยทีเดียว ชายหนุ่มคิดพลางอมยิ้มขำกิริยานั้นทำให้ยิ่งกว่าตาโตอ้าปากค้าง และนั่นทำให้ชายหนุ่มรู้ตัว เขารีบคว้าโทรศัพท์มากดเบอร์ของตัวเองก่อนยื่นส่งกลับให้หญิงสาวที่ยังตะลึงมองอยู่ แต่ก็ยื่นมือมารับโทรศัพท์โดยดี

“อ้าว ยังคุยกับน้องยิ่งอยู่หรือฮะคุณอั๊ต ต๊าย ตาย วันนี้ทำเสน่ห์มาหรือจ๊ะน้องยิ่ง” เสียงทักทายกลั้วหัวเราะพร้อมการปรากฏตัวของกังวาน ทลายบรรยากาศชวนอิหลักอิเหลื่อจนอัสกัณนึกขอบคุณอยู่ในใจ

“คุยธุระกันหรอกพี่หวาน แต่เรียบร้อยสมใจอยาก เอ๊ย...เสร็จสิ้นกระบวนการคุยแล้วล่ะค่ะ วันนี้ยิ่งช่วยได้แค่นี้นะคะ วันนี้เด็ก ๆ ที่ร้านมีสอบต้องรีบไปเฝ้าร้าน” ยิ่งกว่าเอ่ยกลั้วหัวเราะพลางหย่อนโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกง มือก็กุมกระเป๋าไว้ราวกับกลัวโทรศัพท์กระโดดหนี อัสกัณเห็นแล้วได้แต่เบือนหน้าหลบไป...อมยิ้ม...

“ไปเถอะยิ่ง แค่นี้ก็ช่วยพี่ได้เยอะแล้วล่ะ เดี๋ยวเย็น ๆ พี่จะไปนั่งดริ๊งที่ร้านนะแล้วเจอกัน” กังวานบอกยิ้ม ๆ ยิ่งกว่าตอบรับก่อนเดินจากไป ไม่วานหันมาโบกมือเป็นระวิงให้ชายหนุ่มซึ่งเพียงพยักหน้าให้น้อย ๆ ก่อนหันมาทางกังวานเอ่ยเสียเป็นการเป็นงาน

“ผมพร้อมแล้วครับ” กังวานยิ้มแหยรับคำกล่าวนั้น หันมองซ้ายขวาก่อนเอ่ยกระซิบกระซาบ

“พี่ต้องขอโทษคุณอั๊ตนะฮะ คือว่า...นางเอกยังอยู่ระหว่างการเดินทางฮ่ะ ฉากแรกคุณอั๊ตต้องเข้าคู่กับน้องแพนด้าด้วย รออีกนิดหนึ่งนะฮะ” อัสกัณได้แต่ถอนหายใจเมื่อฟังจบ จะว่าไปนี่คือสิ่งที่เขาคาดไว้แล้วหลังจากพิธีบวงสรวงเมื่อเช้าไม่มีแม้เงานางเอกชื่อดัง

“ก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมอ่านบทรอก็แล้วกัน” เขาบอกเรียบ ๆ กังวานได้แต่ยิ้มแหยหันไปส่งการให้คนในกองถ่ายยกเครื่องดื่มของว่างมาบริการพระเอกหนุ่มอย่างเอาใจ มิไยที่อัสกัณจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม จนเมื่ออยู่ลำพังเขาจึงวางบทละครซึ่งแสร้งยกขึ้นอ่านเพื่อกันไม่ให้ใครชวนคุยลงข้างตัว ไม่จำเป็นต้องอ่านซ้ำสำหรับคนชอบอ่านนิยายและชอบจินตนาการอย่างเขา ยิ่งเป็นเรื่องที่ชอบเขาก็แทบจะจดจำทุกถ้อยคำพิมพ์ได้ขึ้นใจ

สายตาเหนื่อยหน่ายจากการรอของอัสกัณแลมองรอบกองถ่ายมีจุดมุ่งหมายเพื่อฆ่าเวลามากกว่าจะใส่ใจจริงจัง งานฉากงานกล้อง ยังคงวุ่นวายเหมือนที่เขาคุ้นเคย เมื่อมองระเรื่อยไปรอบบริเวณซึ่งอยู่นอกเหนือฉากที่กำลังเซ็ต สายตาของชายหนุ่มกลับสะดุดกับงคนยืนอยู่อีกฝากฉาก

หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดเดรทสั้นสายเดี่ยวสีเปลือกมังคุดกำลังยืนอ่านสคริปต์บทอย่างตั้งอกตั้งใจ ใบหน้ารูปไข่สมบูรณ์แบบถูกแตะแต้มตกแต่งโฉบเฉี่ยว กอปรกับเครื่องแต่งตัวพอมองออกว่าบทบาทการแสดงที่หญิงสาวได้รับน่าจะออกแนวนางร้าย ชายหนุ่มเขม้นมองพลางพยายามนึก...เมื่อเช้าตอนพิธีบวงสรวงเขาไม่รู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย...หรือจะเป็นนักแสดงสมทบ ? เขาคิดพร้อมกับพยักหน้ากับตัวเอง

จู่ ๆ หญิงสาวที่ถูกจ้องมองเงยหน้าขึ้นจากบทในมือ สอดส่ายสายตาพร้อมขมวดคิ้วคล้ายกับเพิ่งรู้สึกตัวว่าถูกมอง และกำลังมองหาที่มาของการมอง

หัวใจอัสกัณเริ่มเต้นถี่เมื่อสายตาคมดุของหญิงสาวมาจบลงเมื่อสบสายตากับเขา...หัวใจยิ่งเต้นเร็วขึ้นเมื่ออัสกัณจับสังเกตสีหน้าอันแปรเปลี่ยนของหญิงสาวคนนั้นได้

เริ่มจากหัวคิ้วขมวดคลายคลี่ ตาคมดุจ้องมายังเขาแทบไม่กะพริบ แวตาดุก่อนหน้านั้นเลือนไป ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีเดียวกับชุดคล้ายยกยิ้มเล็กน้อย...สีหน้าโดยรวมแล้ว อัสกัณอดคิดอย่างตื่นเต้นไม่ได้ว่า...หญิงสาวกำลังยินดี...

อัสกัณไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกเพ้อฝันของหนอนนิยายหรือเปล่า...แต่เขาก็คิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วว่าสีหน้าของหญิงสาวคล้ายดั่งคนรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน และรอยยิ้มนั้นทำให้เขาอดยิ้มตอบไม่ได้

“คุณอั๊ตยิ้มให้ใครฮะ ?” คำถามของกังวานฉุดอัสกัณให้สะดุ้งไหว เขาเบือนหน้ากลับมามองกังวานซึ่งกำลังนิ่วหน้ามองพร้อมกับมีแก้วเครื่องดื่มในมือ

“คือ...” ชายหนุ่มตะกุกตะกัก ทว่าสายตายังเบือนไปมองหญิงสาวในชุดสีเปลือกมังคุด “พี่หวาน...นั่นใครครับ ?” อัสกัณถามพลางพยักพเยิดไปยังจุดสงสัย กังวานเลิกคิ้วหันมองตาม ก่อนร้องอ๋อคลายสงสัย

“อ๋อ นั่นน้องรักจริง” กังวานตอบหลังจากมองตามสายตาพระเอกหนุ่ม

“อะไรนะครับ ? ชื่ออะไรนะครับ ?” อัสกัณถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองนัก กังวานหัวเราะคิกคักอย่างมีจริตทิ้งสายตามองค้อน ก่อนตอบด้วยเสียงกระเง้ากระงอด

“แหม ๆ อย่าบอกว่าไม่รู้จักน้องจริงของพี่หวานนะฮะคุณอั๊ต”

“เดี๋ยวครับพี่หวาน...น้องเขาชื่ออะไรนะครับ ?” อัสกัณถามอย่างตระหนก และยิ่งหน้าตื่นมากขึ้นเมื่อกังวานเอ่ยย้ำช้าชัด...

“น้องรักจริง...ชื่อเล่นน้องจริง ฮ่ะคุณอั๊ต”



รัมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 เม.ย. 2554, 23:05:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 เม.ย. 2554, 23:05:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2190





<< เลศที่ 1   
SaiParn 8 เม.ย. 2554, 21:08:56 น.
เจ้.....จ๋า มามะ มาอัพต่อเลยน๊า อยากอ่านต่อแว้วว ตามไปจิกที่ FB ด้วยดีก่า อิอิ


ดุจเดือน 20 ก.ค. 2554, 09:38:49 น.
มาอัพไวไวนะคะ (รักน้องยิ่ง..เชียร์น้องยิ่ง)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account