เลศลายดาว
ไม่มีอะไรมากค่า คนเขียนอยากมีพระเอกเป็นดารา เท่านั้นเอง...จริง ๆ นะ...
Tags: ลายดาว ยิ่งกว่า รักจริง อัสกัณ อั๊ต รัมย์

ตอน: เลศที่ 1

เลศลายดาว

1


สุรพลวางกล่องกระดาษใบใหญ่ลงบนโต๊ะตัวเล็กในห้องทำงาน ในกล่องเต็มไปด้วยกล่องของขวัญ ถุงขนม กล่องนม ตุ๊กตาหมี รูปถ่ายใส่กรอบสวยงาม รวมไปถึงจดหมาย ทุกอย่างถูกส่งผ่านตู้ ปณ. ที่อัสกัณเปิดไว้สำหรับรับของขวัญจากแฟนคลับโดยเฉพาะ ก่อนนั้นเขาจะไปรับของสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ทว่าตั้งแต่อัสกัณโด่งดังเป็นพลุแตก เขาต้องไปรับของวันเว้นวันเลยทีเดียว

“พี่แยกจดหมายไว้แล้วนะ ของขวัญก็แยกแล้วเดี๋ยวเอาไปเก็บให้” สุรพลหมายถึงห้องเก็บของที่คุณหญิงอณาดัดแปลงจากห้องรับรองแขกซึ่งต้องเพิ่มจำนวนห้องจากเดิมใช้เพียงหนึ่งห้องเป็นสองห้องเนื่องจากของขวัญจากบรรดาแฟนคลับของอัสกัณนับวันยิ่งเพิ่มปริมาณจนน่าตกใจ นอกจากนั้นมุมหนึ่งยังถูกกันไว้เป็นมุมสงบของอัสกัณ เขามักใช้มุมนั้นนั่งอ่านบท

“ผมว่าเราน่าจะบริจาคได้แล้วนะ” อัสกัณออกความคิดเห็นเมื่อเหลือบมองไปยังเหล่าของขวัญในมือของผู้จัดการส่วนตัว

“มันยังไม่ครบกำหนดบริจาคนี่ ปกติเราไปช่วงปลายปีนะอั๊ต” สุรพลหมายถึงการบริจาคของขวัญจากแฟนคลับของอัสกัณซึ่งหนึ่งปีมีหนึ่งครั้ง รวบรวมเอาเหล่าของขวัญซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นมากกว่า ไปส่งมอบให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือมูลนิธิต่าง ๆ ที่ติดต่อเข้ามา แม้จะรู้ว่าพระเอกหนุ่มไม่ได้เก็บของขวัญไว้ชื่นชม แต่การกระทำของอัสกัณกลับส่งผลให้จำนวนผู้ส่งของขวัญมามากกว่าเดิมหลายเท่า และรวมถึงจำนวนแฟนคลับที่เพิ่มขึ้นด้วย

“แต่พี่เอสก็เห็นนี่ฮะ ว่าห้องมันเต็มแล้ว ปีนี้เราบริจาคสองรอบก็ได้นี่ฮะ” ชายหนุ่มแย้ง สุรพลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“เดี๋ยวพี่จะติดต่อหาที่รับบริจาคให้” เขารับคำก่อนเดินจากไป

อัสกัณถอนหายใจเบา ๆ มือก็หยิบบทละครขึ้นมาพลิกอ่าน...เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับ ยิ่งเห็นบทละคร ยิ่งอ่านทวน ความรู้สึกอยากเห็นหน้าคนเขียนก็ยิ่งหลั่งไหลท่วมท้น ชายหนุ่มมองตัวอักษรเรียงรายก่อนหันไปมองโทรศัพท์มือถืออย่างชั่งใจ...จะกลายเป็นคนจู้จี้จุกจิกเกินไปไหมนะ หากจะยื่นข้อเสนอพิลึก ๆ ให้ผู้จัดละคร...ชายหนุ่มคิด ความคิดของเขายังคงอยู่ในภาวะลังเลเมื่อถูกขัดขวางด้วยเสียงเคาะประตูเบา ๆ พร้อมกับการโผล่หน้าผ่านรอยแยกของประตูเข้ามาส่งยิ้มนำ...รอยยิ้มที่ทับความคิดเขาเสียจมมิด

“ว่าไงจ๊ะลูกชาย...ตัดสินใจหรือยังว่าจะเลือกเรื่องไหน ?” คุณหญิงอณาส่งคำถามพร้อมกับก้าวเข้ามาทรุดนั่งเก้าอี้ใกล้ ๆ ลูกชาย

“แม่ฮะ...ผมเพิ่งอ่านบทละครจบ ยังไม่ได้พิจารณารายละเอียดอะไรเลยนะฮะ ให้เวลาผมบ้างสิ” เขาต่อว่าเสียงเนือย

“โอ๊ย...หนอนหนังสืออย่างอั๊ตน่ะอ่านและทำความเข้าใจกับบทละครแค่นี้ จะใช้เวลาแค่ไหนเชียว...สองวันที่ผ่านมานี่พวกผู้จัดเขาโทรมาเร่งแม่ตลอดเลยนะคะลูก” ท้ายประโยคคุณหญิงอณาเสียงหวานอ่อน นั่นทำให้อัสกัณถอนหายใจหนักหน่วง

“แม่ฮะ...ผู้จัดละครเขาจะโทรหาแม่ทำไมละฮะ ในเมื่อพี่เอสเป็นเพียงคนเดียวที่รับงานให้ผม แม่ลืมเหรอฮะว่าเคยแถลงข่าวว่าจะไม่รับงานให้ผมโดยเด็ดขาด” คำย้อนถามของลูกชาย คุณหญิงอณาได้แต่ชักสีหน้าทันที

“เอ๊ะอั๊ตนี่ยังไงกัน เรื่องที่มันผ่านมานานนมสังคมเขาก็ลืม ๆ กันไปหมดแล้วล่ะ ยิ่งวงการมายาบ้านเรายิ่งหายเร็วกว่ากะพริบตาอีก...ไม่รู้ล่ะยังไงวันนี้อั๊ตต้องเลือกว่าจะเล่นเรื่องไหน ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องแน่ !” คำขาดท้ายประโยคฟังดูรุนแรงเอาแต่ใจ ทว่าอัสกัณรู้ดีว่าไม่ใช่อารมณ์โกรธแท้จริงของผู้เป็นมารดา เขาจึงทำเพียงถอนหายใจหนักหน่วง

“ถ้าอย่างนั้น ผมขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมฮะ” คำขอด้วยเสียงราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกของชายหนุ่มกลับทำให้ผู้เป็นมารดาลดกิริยาขึ้งขุ่นลงอย่างเห็นได้ชัดรอยยิ้มสมใจผุดพรายเต็มสีหน้า ก่อนเอ่ยเสียงหวานผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ

“อะไรจ๊ะ ?”

“ถ้าผู้จัดคนไหนสามารถทำตามคำขอของผมได้...ผมตกลงเล่นเรื่องนั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ฮะ !”




สุรพลหัวเราะลงลูกคออย่างพอใจหลังจากพระเอกหนุ่มลูกพี่ลูกน้องเดินหน้านิ่งแต่ตาขุ่นเข้ามาหาในห้องเก็บของซึ่งเขากำลังเรียงของขวัญจากเหล่าแฟนคลับลงกล่องเตรียมบริจาค หลังถามไถ่ที่มาอาการตาขุ่นแล้วเขาก็ได้แต่หัวเราะอย่างสุดกลั้น

“แกกับคุณหญิงป้านี่...เรียกว่าขนมพอสมน้ำยาจริง ๆ ว่ะ ทันกันเหลือเกิน” เขาว่ากลั้วหัวเราะ

“ไม่เห็นตลกเลยพี่เอส แม่น่ะชอบบังคับ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็บังคับขู่เข็ญ ไม่รู้จะอะไรหนักหนากับแค่โฆษณาแอบแฝงในละคร พี่เอกคิดโฆษณาเองยังเจ๋งกว่าตั้งเยอะ” อัสกัณบอกเสียงขุ่น

“แต่นายเอกคิดเอง มันคุยโอ่ไม่ได้เหมือนได้ใช้ในละครนี่หว่า...เอาน่า...ทำเพื่อแม่แค่นี้นายทำได้อยู่แล้วล่ะ” สุรพลว่าอย่างเอาใจ ตบไหล่อัสกัณที่กำลังทำหน้ามุ่ยเบา ๆ “ว่าแต่...ข้อเสนอที่นายยื่นให้ผู้จัดน่ะ คืออะไรวะ ?” เพียงสุรพลเอ่ยถึงตรงนี้ สีหน้าขุ่น ๆ ของอัสกัณก็เลือนหาย ใบหน้าของหนุ่มน้อยนักอ่านก้าวเข้ามาแทนที่

“ใครตามลายดาวตัวเป็น ๆ มาให้ผมพบปะพูดคุยได้...ผมเล่นเรื่องนั้นแหละ” คำตอบของเขาสุรพลต้องทำความเข้าใจครู่ใหญ่กว่าจะหัวเราะอย่างขบขัน

“เจ้าอั๊ตเอ๊ย...เอาอีกแล้วนะ แฟนคลับแกจะรู้บ้างหรือเปล่านะว่า ดาราหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวที่พวกเขาคลั่งไคล้ จะมีนิสัยส่วนตัวหงุงหงิงแบบนี้น่ะ” สุรพลว่าพลางโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจก่อนจะก้มหน้าลงจัดของต่อ “อ้อ...จดหมายจากขาประจำมาแล้วนะ” เขาพูดเหมือนนึกขึ้นได้พร้อมกับหยิบซองจดหมายจากลิ้นชักโต๊ะเล็กใกล้ตัวส่งให้ สีหน้าชื่นมื่นของอัสกัณยิ่งสดใสมาขึ้นเมื่อรับซองสีฟ้าจากมือสุรพล “แหม ๆ ยิ้มแป้นเชียว...แกช่วยรักษาภาพพจน์หนุ่มหล่อ มาดนุ่ม สุขุม สุดเท่ไว้หน่อยโว้ย ถึงจะอยู่ในบ้านก็ควรฝึกให้ชินไว้ อย่าเอาไอ้หนุ่มเอ๋อ เซ่อซ่า บ้าอ่านนิยายคนนั้นกลับมาบ่อยนัก” สุรพลแขวะกลั้วหัวเราะ

“อุปรากรจีนเขายังมีเวลาถอดองค์ทรงเครื่องเลยพี่เอส นับประสาอะไรกับผมล่ะ” อัสกัณว่าพลางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ถึงยังไงผมก็ทิ้งตัวตนนายอั๊ตไปไม่ได้หรอกฮะ”

“เอาเถอะ ๆ อิ่มเอมกับ ‘น้องจริง’ แล้วก็อย่าลืมเช็คเว็บแฟนคลับด้วยล่ะ มีอะไรพอตอบ ๆ ได้ก็ตอบไป แล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจน้อง ๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบด้วยนะ” สุรพลบอกกลั้วหัวเราะก่อนเดินโคลงศีรษะออกจากห้องไป

อัสกัณหันมามองซองจดหมายสีฟ้า ใบหน้ายังเกลื่อนยิ้มเมื่อหยิบกรรไกรมาตัดซองหยิบกระดาษเขียนจดหมายขึ้นมาคลี่ออก สายตาไล่อ่านตามเรื่องราวจากตัวอักษรเรียงเป็นระเบียบสวย

ตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงมา เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น ของขวัญและจดหมายจากเหล่าแฟนคลับผู้ชื่นชอบ ชื่นชมหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย ในบรรดาจดหมายทั้งหมด มีจดหมายซองสีฟ้าเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกพบ เป็นซองแรก ๆ ที่อัสกัณหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน และเนื้อถ้อยใจความจดหมายซองสีฟ้าานั้น...ไม่เคยเหมือนใคร...

โดยส่วนใหญ่จดหมายมากมายมักเต็มไปด้วยความชื่นชมบทบาทการแสดงของเขา แต่จดหมายสีฟ้ากลับตรงกันข้าม ลายมือสวยเป็นระเบียบล้วนบรรจุถ้อยคำชี้ชัดถึงจุดอ่อนการแสดงของเขาประหนึ่งว่าไปนั่งร่วมดูการแสดงฉากนั้น ๆ นอกเหนือจากการชี้จุดบกพร่อง ยังมีการแนะนำแนวทางการแก้ไขอีกต่างหาก อัสกัณยอมรับว่าแรกที่อ่านเขาหัวเสียอยู่หลายวัน กระทั่งสุรพลแนะให้ลองปรับการแสดงตามคำแนะนำจากจดหมายสีฟ้า...และนั่นทำให้เขาได้รับคำชมจากเหล่าผู้กำกับไม่ขาดสายจนทำให้เขาต้องย้อนกลับมาหยิบจดหมายสีฟ้าขึ้นมาอ่านทบทวนใหม่...และจารึกนามลงท้ายจดหมายไว้ในใจ ‘น้องจริง’

จดหมายซองสีฟ้าจาก ‘น้องจริง’ ถูกส่งมาถึงเขาอย่างสม่ำเสมอ เนื้อถ้อยใจความในจดหมายแต่ละฉบับล้วนเป็นคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับเขาทั้งสิ้น โดยเฉพาะพักหลัง ‘น้องจริง’ มักจะแนะนำชนิดเจาะลึกตัวละครที่เขาเข้ารับบทบาทการแสดง นั่นยิ่งทำให้คำชมทยอยมาไม่ขาดสาย อัสกัณเคยคิดจะตอบจดหมาย แต่ก็จนใจ เพราะ ‘น้องจริง’ ไม่เคยทิ้งที่อยู่ไว้หน้าซองจดหมาย เมื่อคิดอยากลองสืบหาจากตราประทับไปรษณีย์ต้นทาง เขาก็ยิ่งพบกับความแปลกใจ...ตราประทับของจดหมายสีฟ้าแต่ละฉบับ ไม่เคยซ้ำจังหวัด บางครั้งเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ บางครั้งเป็นจังหวัดทางภาคอีสาน บ่อยครั้งส่งตรงมาจากจังหวัดทางภาคใต้ สิ่งที่เหมือนกันของตราประทับมีเพียง...แต่ละสถานที่ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งสิ้น จึงพออนุมานได้ว่า ‘น้องจริง’ น่าจะเป็นแฟนคลับที่เป็นนักท่องเที่ยวตัวยง

เหมือนเช่นฉบับในมือเขาตอนนี้ที่ประทับตราจังหวัดภาคตะวันออก อ่านจดหมายจบแล้วอัสกัณก็ได้แต่อมยิ้ม ฉบับนี้ ‘น้องจริง’ เขียนชมการแสดงเรื่องล่าสุดของเขาเสียจนอดตัวลอยไม่ได้ กระนั้นก็ยังทิ้งท้ายด้วยประโยคชวนขบคิด

‘...พี่อั๊ตเก่งขึ้นมากแล้ว แต่อย่าเหลิงกับคำชมมากนัก ความเก่งมันไม่คงทนหรอกค่ะถ้าไม่หมั่นฝึกฝน ไม่หมั่นพัฒนา ความพยายามของพี่อั๊ตน้องจริงขอชื่นชมค่ะ รับรองว่าปิดกล้องเรื่องนี้ คงมีผู้จัดจากหลายค่ายยื่นบทน่าสนใจให้พี่อั๊ตเลือกเยอะแยะแน่ ๆ อย่างไรก็ตามอย่าลืมพิจารณาบทเรียบง่าย แสดงความเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่นะคะ น้องจริงอยากเห็นพี่อั๊ตในบทแบบนั้นบ้าง แล้วจะรอชมค่ะ...’

จะว่าไปนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการแสดงความคิดเห็นออกแนวรู้ลึกรู้จริงจากจดหมายสีฟ้า บางครั้งคล้ายรู้ในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา เมื่อลองนึกย้อนทบทวน อัสกัณก็พบว่าหลังจากการวิจารณ์งานแสดงของเขาแล้ว ฉบับหลัง ๆ ของ ‘น้องจริง’ มักเจือแทรกความคิดเห็นซึ่งอัสกัณยอมรับว่าทำให้เขารู้สึกคล้อยตามอย่างช่วยไม่ได้...เหตุผลที่ ‘น้องจริง’ ยกมาอ้างล้วนกระตุ้นความอยากของเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ครั้งนี้ก็เช่นกัน อัสกัณหยิบบทละครทั้งหมดขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง

‘ดั่งดาราในดวงหฤทัย’ ของ ‘ตรีธาร’ ที่เขียนเรื่องเขียนบทเอง และเป็นเรื่องที่คุณหญิงอณาเชียร์จนออกนอกหน้า อัสกัณแยกออกวางต่างหาก เพราะคนเขียนบทไม่ใช่ ลายดาว นั่นหนึ่งล่ะ และอีกหนึ่งเหตุผลที่ไม่เลือกเรื่องนี้...เพราะไม่อยากฝืนความรู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดจากผู้เป็นมารดา...การต่อต้านเล็ก ๆ ที่เขาทำได้

‘วิญญาณลวงรัก’ ของ ‘ฉมบ’ นามปากกาที่เขาต้องเปิดพจนานุกรมเพื่อหาความหมาย และได้แต่ชื่นชมเจ้าของนามปากกาว่าช่างสรรหาชื่อได้ตรงกับแนวนิยายที่เขียนเพราะ ฉมบ แปลว่า ผีผู้หญิง เรื่องนี้แม้จะเขียนบทโดยลายดาว แต่อัสกัณก็ต้องวางไว้ก่อน...เขาไม่ถูกกับผี

‘แชร์ใจยัยตัวยุ่ง’ ของ ‘คำหยอก’ ออกแนวน่ารักกุ๊กกิ๊ก เขาไม่รู้ว่าต้นฉบับนิยายเป็นแบบใด แต่ลายดาวก็ถ่ายทอดออกมาเป็นบทละครได้สดใสชวนติดตาม ทว่าเรื่องนี้อัสกัณก็ต้องตัดออก...หน้าเขาแก่เกินกว่าจะกลับไปแสดงเป็นนักเรียนมัธยมแล้ว...

‘เพียงรักข้ามภพ’ ของ ‘เพียงปลี’ เป็นละครแฟนตาซีเหนือความเป็นจริงมากเสียจนเขาจินตนาการไม่ออกว่าจะแสดงออกมาแบบใด จึงได้แต่แยกบทละครวางรวมกับหลายเรื่องก่อนหน้านั้น

ถอนหายใจหนักหน่วงเมื่อหยิบบทละครเรื่องสุดท้ายขึ้นมาเปิดพิจารณาอีกครั้ง ‘พานดอกรัก’ ของ ‘ประสานดาว’ เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มชื่อ ‘ชมภู’ ซึ่งมีความใฝ่ฝันอยากเป็นอิสระจากกรอบที่พ่อกับแม่ขีดไว้ให้ เขาอยากเป็นนักแข่งรถในขณะที่แม่อยากให้เป็นนักธุรกิจจึงต้องปลอมตัวเพื่อตามความฝัน สลับกับทำตามกรอบโดยมีนางเอกซึ่งทำงานในสนามแข่งรถคอยช่วยเหลือ ละครเรื่องนี้ครบสูตรละครชีวิต แม้บท ‘ชมภู’ ดูจะหนักหนา แต่อัสกัณกลับรู้สึกว่าเขาสามารถรับมือได้อย่างสบาย ๆ

หากคำแนะนำของ ‘น้องจริง’ ที่ว่า ‘บทเรียบง่ายและแสดงความเป็นตัวตนอย่างเต็มที่ พานดอกรัก ก็เข้าข่ายมากกว่าเรื่องอื่น ๆ...อีกอย่าง นามปากกา ‘ประสานดาว’ ก็ดูเหมือนชี้ทางให้เขาเข้าข้างตัวเองว่าละครเรื่องนี้จะประสานให้เขาได้ใกล้ชิดกับ ลายดาว คิดได้ดังนั้นอัสกัณก็พลิกหน้าหาชื่อค่ายละครที่เสนอบท

‘ลั่นฟ้า’ เป็นค่ายละครที่เขาไม่เคยร่วมงานด้วย แต่ชื่อเสียงด้านคุณภาพของงานก็โด่งดังมีคุณภาพสมชื่อ อัสกัณเคยได้ยินนักแสดงอาวุโสที่เขาเคยร่วมงานด้วยพูดถึง ‘กังวาน’ ผู้จัดละครรุ่นใหม่ไฟแรงบ่อยครั้ง และส่วนใหญ่มักเป็นคำชมมากกว่าคำติ คิดมาถึงตรงนี้อัสกัณก็พยักหน้าให้กับตัวเองเบา ๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนหันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์ซึ่งสุรพลเปิดเครื่องไว้รอ

เมื่อเชื่อมต่อเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ตอัสกัณก็กดเรียกหน้าเว็บแฟนคาเฟ่ซึ่งมีแฟนคลับทำให้ ในนั้นรวบรวมเรื่องราวรวมทั้งข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับเขา...นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อัสกัณค่อนข้างทึ่ง เว็บนี้ถือกำเนิดตั้งแต่ละครเรื่องแรกของเขาออกอากาศได้สักพัก เขาไม่เคยรู้จักคนทำเว็บเป็นการส่วนตัว จึงได้แต่แปลกใจว่าเหตุใดข่าวของเขาที่ปรากฏบนเว็บจึงรวดเร็วชนิดที่ว่าทันเหตุการณ์ ทั้งเขาและสุรพลเคยสงสัยว่าคนทำเว็บอาจเป็นคนวงในที่รู้จักคุ้นเคยเขาดี แต่เวลางานค่อนข้างรัดตัวทำให้เขาไม่อาจสืบสาวราวเรื่องได้มากกว่านี้

พาดหัวข่าวของเว็บวันนี้คือเรื่องผู้จัดละครต่างพร้อมใจกันยื่นบทเด่น บทดีให้เขาอ่านถึงบ้าน หลากหลายความคิดเห็นจากแฟนคลับต่างเข้ามาสนับสนุนให้เขาเล่นเรื่องโน้นเรื่องนี้ด้วยเหตุผลมากมาย อัสกัณไล่อ่านทุกความคิดเห็นก่อนจะขมวดคำพิมพ์เข้าไปตอบในหน้าพิเศษซึ่งคนทำเว็บแบ่งพื้นที่ไว้ให้เขาโดยเฉพาะ เสร็จสิ้นจากท่องเว็บไซต์ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นบิดตัวอย่างเมื่อยขบก่อนเดินออกจากห้องทำงานไปสมทบกับสุรพลที่ห้องนั่งเล่น

“พี่เอส ผมจะเล่นเรื่องนี้ติดต่อให้ทีสิฮะ” อัสกัณพูดยื่นบทส่งให้สุรพลพลางทรุดลงนั่งใกล้ ๆ หลังก้มอ่านชื่อค่ายละครสุรพลก็เงยหน้าขึ้นมอง

“แน่ใจเหรออั๊ต ? พี่หวานนี่ขึ้นชื่อเรื่องชอบ ‘กินเด็ก’ ในสังกัดมากนะโว้ย” สุรพลออกความคิดเห็นพาดพิงถึง กังวาน ผู้จัดละครหนุ่มร่างใหญ่หัวใจเป็นหญิง

“ผมรับมือไหวน่าพี่เอส โทรติดต่อเหอะเดี๋ยวโดนแม่ตัดหน้ารับเรื่องอื่นก่อน อ้อ อย่าลืมข้อแม้ผมนะ ต้องให้ผมได้พบกับคนเขียนบทด้วย” เขากำชับ

“เอาจริงดิ ?” สุรพลถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ

“เอาจริงสิฮะ” อัสกัณตอบรับทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด คนฟังได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างอ่อนใจกระนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดติดต่อแต่โดยดี อัสกัณไม่มีโอกาสได้ร่วมฟัง เพราะคุณหญิงอณาสั่งให้คนรับใช้มาตามเขาไปพบโดยด่วน ชายหนุ่มได้แต่กลอกตาถอนหายใจหนักหน่วง รู้โดยไม่ต้องเดาว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องละครเป็นแน่

“อั๊ตได้เรื่องหรือยังคะลูก ?” คำถามแรกส่งมาโดยที่เขายังไม่ทันได้หย่อนก้นลงนั่งทำให้อัสกัณได้แต่ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

“ได้แล้วฮะ” เขาตอบเสียงเนือย ตรงกันข้ามกับคุณหญิงอณาที่มีทีท่ารื่นเริงทันทีที่ฟังจบ

“ตกลงว่าอั๊ตเลือก ‘ดั่งดาราในดวงหฤทัย’ ใช่ไหมลูก ! แหม แม่ละดีใจจริง ๆ เชียว”

“ผมเลือก ‘พานดอกรัก’ ของค่ายลั่นฟ้าฮะ เพราะเขาตอบรับข้อเสนอของผม” อัสกัณตอบเรียบ ๆ แถมคำโกหกหน่อย ๆ เรื่องการตอบรับข้อเสนอ

“อะไรนะ...” คุณหญิงอณายิ้มค้าง ถามกลับเสียงแผ่ว สีหน้าอึ้งเหวออย่างไม่อยากเชื่อ

“ดั่งดารา อะไรของแม่น่ะ ผมว่ามันดูเพ้อ ๆ ฝัน ๆ เกินไปฮะ แนวเจ้าชายเจ้าหญิงเสียด้วย ผมไม่ถนัดเพราะไม่เคยเป็นเจ้าชาย ไม่มีเพื่อนเป็นเจ้าชายพอจะรู้ลึกรู้ดีว่าเวลาต้องแสดงออกให้คนรู้ว่าเป็นเจ้าชายต้องทำยังไงบ้าง ผมเลือก พานดอกรัก เพราะมันครบสูตรละครชีวิตดีครับ” อัสกัณอธิบายอย่างใจเย็น

“แต่ตอนเป็นหนังสือขายดีมากนะอั๊ต สองปีพิมพ์ตั้งสิบห้าครั้ง อั๊ตเป็นหนอนหนังสือน่าจะรู้ว่าเรื่องที่ได้พิมพ์ถี่ขนาดนั้นต้องเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ แน่ ๆ” คุณหญิงอณาแย้งเสียงแผ่ว

“ไม่จริงหรอกฮะแม่” ชายหนุ่มพูดพลางส่ายหน้า “หนังสือขายดี ไม่ได้แปลว่าเป็นหนังสือเขียนดีเสมอไปหรอกฮะ หนอนหนังสืออย่างผมรับรอง”

“แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้เราสามารถใช้เครื่องประดับคอลเลคชั่นใหม่ได้นะ” คุณหญิงอณายังเถียงต่ออย่างดื้อดึง สีหน้ายังเจือกังวลอย่างชัดเจน อัสกัณเห็นแล้วได้แต่ถอนหายใจยังไม่ทันตอบคำ สุรพลก็เดินยิ้มเข้ามาสมทบ

“เรียบร้อยแล้วครับคุณป้า พี่หวานตอบรับข้อเสนอของเราทุกอย่าง รวมทั้งยินดีใช้เครื่องประดับของพี่เอกด้วยครับ” ท้ายประโยคของสุรพลนั่นเองที่เรียกสีเลือดให้กลับสู่หน้าซีดเซียวของคุณหญิงอณาได้บ้าง

“อะไรนะเอส ?”

“เขายินดีใช้เครื่องประดับของ ‘เพชรพลอยสุวรรณ’ เข้าทุกฉากที่สามารถเข้าได้ครับคุณป้า รับรองอีกด้วยว่าจะพยายามให้นักแสดงโชว์เครื่องประดับกับกล้องด้วย” สุรพลบอกสำทับ หันไปยักคิ้วหลิ่วตากับอัสกัณที่ได้แต่อมยิ้มรับ

...เขาไม่ได้ดีใจที่เครื่องประดับของพี่ชายจะได้ปรากฏโฉม แต่การตอบรับของผู้จัดละครหมายถึง...ข้อตกลงเรื่องของ ‘ลายดาว’ ด้วย...

“อย่างนั้นหรอกหรือเอส...ค่ายไหนนะ ?” คำถามใคร่รู้โยนทิ้งซึ่งความตกใจระคนไม่พอใจก่อนหน้านั้นโดยสิ้นเชิงทำให้อัสกัณยิ้มมากยิ่งขึ้น

“ ค่ายลั่นฟ้า ของพี่กังวานครับคุณป้า” สุรพลบอกยิ้ม ๆ

“ต๊าย ค่ายนี้ละครเขาเลิศ ๆ ทั้งนั้นนี่ ปีที่แล้วก็คว้ารางวัลยอดเยี่ยมตั้งเยอะ ดี ๆ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเรื่องเครื่องประดับเข้าฉากให้เขามาคุยกับป้าโดยตรงเลยนะเอสนะ”

“ครับคุณป้า” สุรพลรับคำกลั้วหัวเราะ

“โอ๊ย งั้นป้าต้องรีบไปบริษัทเลือกเครื่องประดับไว้ก่อนล่ะ แหม ๆ ห่างเหินวงการมานานชักตื่นเต้นผิดปกติ ป้าไปล่ะนะเอส แม่ไปนะคะลูก” พูดจบคุณหญิงอณาก็เดินออกจากห้องอย่างร่าเริง ทิ้งลูกชายและหลานชายให้หันไปมองหน้าพลางโคลงศีรษะให้แก่กัน

“แล้วไปที นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้วพี่เอส” อัสกัณงึมงำพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก สุรพลได้แต่หัวเราะเบา ๆ กับกิริยาของพระเอกหนุ่ม

“อะไรวะ เห็นทำกล้าเสียงแข็งกับคุณป้าอย่างนั้นที่จริงแล้วกลัวหรือนี่” เขาว่ากลั้วหัวเราะ

“ก็ไม่ใช่ว่ากลัวอะไรหรอกฮะ...แต่คุยกับแม่เรื่องละครทีไรหาเหตุผลสู้ไม่ได้จริง ๆ บทอยากได้อะไรคุณแม่ก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน” อัสกัณว่าเสียงระอา

“พอกันแหละว้า” สุรพลว่าพลางโคลงศีรษะ “ว่าแต่ข้อตกลงเรื่องคนเขียนบทลายดาวอะไรนั่นน่ะ...พี่หวานเขาขอโทรติดต่อก่อนนะ แต่เขารับรองด้วยเกียรติของเขาว่าสามารถทำให้สำเร็จได้” เขาพูดต่อ

“อ้าว ไหงอย่างนั้นล่ะ” อัสกัณเสียงรวนตั้งแต่ได้ยินคำอธิบาย

“นายต้องเข้าใจเขาด้วยนะอั๊ต ข้อเสนอประหลาด ๆ ของนายน่ะ พี่หวานก็ว่าพอยอมรับได้...แต่ที่ประหลาดกว่านั้น...พี่หวานบอกว่าลายดาวไม่เคยปรากฏตัวต่อสื่อไหนเลย นายต้องให้เวลาเขาบ้าง” ฟังเหตุผลของสุรพลจบ ทำให้อัสกัณสงบลงได้บ้าง

“ก็ได้ฮะ ผมจะรอคำตอบที่แน่นอน”

“ดี งั้นระหว่างรอนายก็เอาบทไปอ่านทำความเข้าใจกับมันเสีย ท่องเอาไว้ เพื่อลายดาว” สุรพลบอกยิ้ม ๆ ประกายตาสดใสราวกับได้ของล่อถูกใจของลูกพี่ลูกน้องทำให้เขาได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเอง

...สาว ๆ ทั้งประเทศจะรู้ไหมหนอ...พระเอกเบอร์หนึ่งแห่งยุคมีมุมง๊องแง๊งบ๊องแบ๊วอย่างไม่น่าเชื่อ...




พิธีเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ของผู้จัดละครค่าย ‘ลั่นฟ้า’ เป็นข่าวใหญ่ติดหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงหลายวันก่อนวันเปิดกล้องจริง นั่นเพราะเป็นละครที่ถูกเรียกว่าฟอร์มยักษ์แห่งปีด้วยการทุ่มทุนสร้างลานแข่งรถซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำแล้วสามารถเปิดบริการได้จริง และละครถูกดัดแปลงมาจากหนังสือนิยายขายดีจนเป็นที่กล่าวขวัญทั่ววงการน้ำหมึก ที่สำคัญที่สุดคือการหวนกลับมาพบกันของคู่พระนางแสนโด่งดังแห่งยุค ‘อัสกัน – แพนด้า’ พร้อม ๆ กับการเปิดกล้องละคร ข่าวซึ่งแรงพอกันคือการใช้เครื่องประดับของ ‘เพชรพลอยสุวรรณ’ ในเรื่อง แม้หลายเสียงจะค่อนขอดว่ามีนอกมีในแต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

คนที่มีความสุขกับการเปิดกล้องละครเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้นคุณหญิงอณา ซึ่งแม้จะห่างร้างลาจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของลูกชายดาราแล้ว ก็ยังอุตส่าห์สละเวลามาร่วมพิธีเปิดกล้องละครให้เป็นที่ฮือฮาอีกด้วย...ความรู้สึกของคุณหญิงอณา แตกต่างจากลูกชายดาราอย่างสิ้นเชิง

อัสกัณกำลังหงุดหงิด สายตาของเขาเฝ้าสอดส่ายผู้ร่วมงานเปิดกล้องอย่างจับพิรุธ บ่อยครั้งที่เขาตรงรี่เข้าไปหาบุคคลต้องสงสัยยืนจ้องหน้าก่อนหลุดปากถามว่า

“คุณลายดาวหรือเปล่าครับ ?”

และเมื่อคำตอบที่ได้คือคำปฏิเสธ ชายหนุ่มก็ได้แต่พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด...ทำไมถึงได้ลึกลับอย่างนี้นะ...คุณลายดาว !

หลายสัปดาห์ก่อนที่อัสกัณจะตกปากรับคำเล่นละครเรื่องนี้จริงจัง เขายื่นข้อเสนอกับผู้จัดละครว่าขอพบคนเขียนบทเป็นการส่วนตัว โดยไม่ลืมให้เหตุผลว่าหลงใหลในงานเขียนจนอยากพบตัวจริง แต่คำตอบที่ได้คือ

“พี่ก็อยากตามใจคุณอั๊ตนะฮ้า...แต่ว่า คุณลายดาวเป็นคนเก็บตัวฮ่ะ จริง ๆ แล้วพี่ติดต่อคุณลายดาวผ่านทางหลานสาวตลอด หรือถ้ามีเรื่องติดใจสงสัยก็จะใช้การโทรศัพท์ติดต่อกัน บอกตามตรงว่าคุณลายดาวตัวเป็น ๆ ยังไม่เคยมีใครพบเลยฮ่ะ” กังวานอธิบายพลางถอนใจ

“ถ้าอย่างนั้นผมขอทราบได้หรือเปล่าครับว่า คุณลายดาวนี่ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วอายุประมาณเท่าไหร่ครับ ?” สิ้นคำถามกังวานมองหน้าเขาอย่างสงสัย

“เอ...คุณอั๊ตชักจะยังไง ๆ หรือเปล่าฮะเนี่ย” กังวานเย้ายิ้ม ๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเรียบนิ่งที่คนในวงการรู้ดีว่าหากพบสีหน้านี้กับอัสกัณแล้ว...อย่าตอแย เขาจึงตอบคำถาม “คุณลายดาวเป็นผู้หญิงฮ่ะ พี่รับรองได้เพราะเคยคุยกันหลายครั้งแล้ว น่าจะอายุเยอะแล้วนะฮะ...อืม...ฟังจากเสียงพี่คิดว่าประมาณห้าสิบหกสิบนี่ล่ะฮ่ะ” คำตอบของกังวานยิ่งทำให้อัสกัณอยากพบคนเขียนบทนามลายดาวมากขึ้น “วันเปิดกล้องบางที คุณลายดาวอาจจะมานะฮะ เพราะละครเรื่องนี้เห็นคุณลายดาวบอกว่าปลื้มมาก” เพราะประโยคลงท้ายนี่เอง อัสกัณถึงได้ตื่นเต้นกับการเปิดกล้องละครในวันนี้เป็นพิเศษ

หันซ้ายหันขวาหาคนต้องสงสัยแต่ก็ไม่พบ พาลทำให้อัสกัณหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ดีว่าการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวผ่านไปแล้ว เขาจึงไม่กลายเป็นจุดเด่นมากนัก ร่างของกังวานซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับทีมงานคือจุดหมายที่อัสกัณพุ่งตรงไปหา สีหน้าของชายหนุ่มบอกบุญไม่รับจนทีมงานขอตัวทันทีที่เขาเดินไปถึง ทิ้งกังวานให้ยิ้มรับอย่างหวั่นใจเพียงลำพัง

“ผมยอมรับเล่นละครเรื่องนี้ เพราะพี่หวานบอกผมว่าสามารถทำให้ผมพบปะพูดคุยกับคุณลายดาวได้” อัสกัณเอ่ย สีหน้าเรียบนิ่งแต่สายตาคมกริบทำเอากังวานหนาว ๆ ร้อน ๆ กับสายตานั้น

“คุณอั๊ตอย่าบอกพี่นะว่า...ถ้าพี่ไม่อาจทำอย่างที่บอกได้...คุณอั๊ตจะ...” กังวานเว้นช่วงก่อนสีหน้าตระหนกเมื่อสายตาของพระเอกหนุ่มจริงจัง ก่อนตอบคำ

“ผมคงถอนตัว พี่หวานก็หานักแสดงคนอื่นดีกว่าครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบเช่นเคย กังวานมีสีหน้าตระหนก ปราดเข้าจับแขนชายหนุ่มเขย่าอย่างลืมตัว

“คุณอั๊ต อย่าทำกับพี่อย่างนี้สิฮะ ! ถ้าคุณอั๊ตถอนตัวพี่หมดตัวแน่ ๆ เลยฮ่ะ นะฮ้าคุณอั๊ต พี่ขอร้องล่ะ !”

“งั้นก็ทำให้ผมพบคุณลายดาวให้ได้สิครับ” อัสกัณยังคงน้ำเสียงระดับเดิม

“พี่สัญญาฮ่ะคุณอั๊ต รับรองว่า...อ๊ายยยย...น้องยิ๊งงงงงงงงง !” อัสกัณแทบสะดุ้งเมื่อกังวานยังเอ่ยไม่จบประโยคแต่ขึ้นเสียงแหลมปรี๊ดจนเขาต้องยกมือขึ้นอุดหู กังวานผละจากเขาไปแล้วท่าทีดีใจออกนอกหน้ากริยาลุกลี้ลุกลนทำให้ชายหนุ่มมองตาม

ร่างของกังวานค่อนข้างหนาใหญ่ เมื่ออัสกัณหันไปทันได้เห็นเพียงร่างหนึ่งเซถลาตามแรงฉุดของกังวานเข้าสู่อ้อมกอด มวยผมจุกกลางศีรษะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาเห็นชัด ก่อนมือเรียวจะโผล่ออกมาจากอ้อมกอดของกังวานออกอาการแกว่งไกวพร้อมเสียงโวยวาย

“พี่หวาน ! ถึงพี่หวานจะคล้ายผู้หญิงแค่ไหนแต่ก็ยังอยู่ในร่างชายนะ ! ทำอย่างนี้ยิ่งร้องเรียกค่าเสียหายหมดตู้เซฟเลยนะจะบอกให้ !” แม้เสียงนั้นจะเต็มไปด้วยคำข่มขู่ แต่เมื่อพูดกลั้วหัวเราะคนฟังจึงเดาได้ว่าเป็นการล้อเล่น พร้อม ๆ กับเสียงโวยวายร่างในอ้อมกอดของกังวานก็ดิ้นรนจนหลุดพ้นวงแขนรัดแน่น

หญิงสาวร่างกะทัดรัดท่าทางทะมัดทะแมง ใบหน้ากลมมนเด่นชัดดั่งพระจันทร์วันเพ็ญด้วยผมยาวถูกรวบตึงไปกระจุกรวมเป็นมวยอยู่กลางศีรษะ แว่นตากรอบดำบนใบหน้านั้นโดดเด่นเหนือจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มเผยรอยบุ๋มเล็ก ๆ สองข้างแก้ม เสื้อยืดสีเปลือกมังคุดตัวหลวมโคร่งกับกางเกงยีนส์ขาลีบเล็กส่งให้ร่างนั้นดูเล็กยิ่งกว่าเดิม

“อย่าร่ำไรอยู่เลยน้องยิ่ง พี่มีเรื่องขอความช่วยเหลือด่วน !” ขณะที่พูดกังวานก็ไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าดาย หันตัวมาทางอัสกัณคว้าข้อมือหญิงสาวลากปราด ๆ ตรงมาสีหน้าเริงรื่นอย่างเห็นได้ชัด “คุณอั๊ตขา...พี่ขอแนะนำให้รู้จักกับน้องยิ่ง...ยิ่งกว่า หลานสาวคนสวยของคุณลายดาวฮ้า” อัสกัณหูผึ่งทันทีที่ได้ยิน เขาละสายตาจากกังวานไปมองหญิงสาวตัวเล็กซึ่งกำลังยืนจ้องเขาอยู่

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณยิ่ง” อัสกัณเอ่ยทักทาย ก้มศีรษะเล็กน้อยเมื่อประมาณสีหน้าแล้วนึกเดาว่าหญิงสาวน่าจะอายุไล่เลี่ยกับเขา แม้จะตัวเล็กไปหน่อยก็ตามที

“...............”

ความเงียบเป็นสิ่งที่อัสกัณได้รับตอบแทนจากหญิงสาวคนนั้น มันนานจนน่าแปลกใจและทำให้เขาต้องมองซ้ำอีกครั้ง

ใบหน้ากลมดุจพระจันทร์เหมือนถูกสะกดนิ่ง ดวงตาหลังกรอบแว่นตาหนาใสแจ๋ว แน่แน่วมายังใบหน้าเขา ริมฝีปากอิ่มเผยอค้างน้อย ๆ อุปาทานได้ยินเสียงหัวเราะประหลาดจากริมฝีปากคู่นั้น ครู่ใหญ่กว่าจะเกิดการเคลื่อนไหวจากหญิงสาวซึ่งค่อย ๆ ก้าวตรงมาทีละน้อยมือข้างหนึ่งยื่นมาข้างหน้าขณะสายตายังไม่ละจากใบหน้าของชายหนุ่ม กระทั่งมือสัมผัสเข้ากับแขนเสื้อเชิ้ตซึ่งถูกพับเสมอข้อศอกหญิงสาวก็ลูบจับสัมผัสอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากขยายยิ้ม

“ตัวเป็น ๆ !!”



รัมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 เม.ย. 2554, 23:01:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 เม.ย. 2554, 23:01:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1979





<< บทนำ   เลศที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account