...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทนำ





ณ คาสบลังก้า (Casablanca) เมืองท่าที่มีชื่อเสียงระดับโลก
อยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศโมร็อกโก
ตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากกรุงราบัด
ซึ่งเป็นเมืองหลวงไปทางทิศใต้ประมาณ 80 กิโลเมตร
เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและธุรกิจของประเทศ
โดยเมืองนี้ยังมีอีกชื่อซึ่งสุลต่านแห่งโมร็อกโกตั้งขึ้น
โดยแปลจากชื่อเมืองในภาษาสเปนจาก กาซาบล็องกา

ให้เป็นภาษาอาหรับว่า อัดดารัลบัยฎออ์ ซึ่งมีความหมายเหมือนกันว่า
‘บ้านสีขาว’






อายุไม่ใช่อุปสรรค สุขภาพต่างหากที่เป็นตัวแปรสำคัญ
เพราะแม้จะอายุแปดสิบกว่าแล้วก็ตาม แต่อะมานีก็ยังคงสามารถ
พาสมาชิกในครอบครัวเดินทางไปท่องเที่ยวพร้อมเพรียงกัน
ยังคาสบลังก้าตามคำขอของเด็กๆที่รบเร้าให้พามาดูมนต์เสน่หของดินแดนนี้…


“นี่คือรีสอร์ท แอนด์ สปาของตระกูลอัลดินเพื่อนรักของย่าจ๊ะ…

เราจะเข้าพักกันที่นี่…”อะมานีแนะนำสถานที่ที่นำทุกคนมาพักผ่อน…


“และย่าขอแนะนำให้รู้จักไกด์ที่จะนำพาพวกเราท่องเที่ยวในคาสบลังก้า
คุณฟาเดล อัลดิน หลานชายของเพื่อนสนิทของย่าเองจ๊ะ…”


หนุ่มนัยน์ตาคมหวานสีน้ำตาลอมฟ้าน่าหลงใหลใต้คิ้วโค้งสวยดกดำ
จมูกโด่งเป็นสันรับกับเรียวปากหยักสวยได้รูปราวกับอิสตรี
มีไรหนวดเคราที่ได้รับการตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบบนใบหน้ารูปไข่
ชวนให้น่ามอง ผมเส้นเล็กบางสีน้ำตาลเข้มเหยียดตรงน่าสัมผัสถูกตัดเป็นทรงตามสมัยนิยม
องค์ประกอบทุกอย่างบนใบหน้าได้สัดส่วนลงตัว
ส่วนรูปร่างราวกับนายแบบบนเวทีแบบระดับโลก ดูแข็งแกร่ง ลำคอระหง อกผึงผาย
นิ้วมือเรียวยาวบ่งบอกความเป็นศิลปินด้านการวาด

ดีกรีความหล่อบวกกับรูปร่างแล้วดูจะเทียบเท่ากับ
สามหนุ่มชาวอาหรับที่เคยมีข่าวดัง ซึ่งถูกทางซาอุดิอารเบียได้เนรเทศออกนอกประเทศ
ในข้อหาหล่อและมีเสน่ห์เกินไป…จนเกรงว่าสาวๆจะหวั่นไหว
ไม่ให้ตกหลุมรักได้เลยก็ว่าได้...




เขาเดินออกมาจากลอบบี้เพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนในชุดสบายๆ
ด้วยกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มธรรมดาๆ
ที่ไม่อาจลดระดับความหล่อเหลาของเขาลงได้


เรียกสายตาให้แขกผู้มาเยือนให้หันไปมองและพิจารณาเป็นตาเดียวกัน
ไม่เว้นแม้แต่ดานีสเองที่เฝ้าจับจ้องหนุ่มผู้นี้มาตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรกที่ญี่ปุ่น
ตอนวันที่ลูกของเขารับปริญญา…


ทว่า ตอนนั้น มารดาของเขามิได้แนะนำหนุ่มผู้นี้ให้ทุกคนได้รู้จัก
มีเพียงเขากับนาดาเท่านั้นที่ได้พบปะและพูดคุยด้วย




“ยินดีที่ได้รู้จักครับ…ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน”
ฟาเดลพูดภาษาไทยได้ชัดถ้อยชัดคำทำเอาคนฟังถึงกับแปลกใจ


“ผมเป็นลูกผสมระหว่างไทย-โมร็อคโกและก็ปากีสถานครับ…พูดไทยได้…”
ชายหนุ่มกล่าวแนะนำตัวเพิ่มเติมแล้วทำความรู้จักกับทุกคน
ก่อนจะพาทุกคนเข้าที่พัก…



“เป็นไงบ้างว่าที่หลานเขยของแม่…”อะมานีกระซิบกระซาบข้างๆดานีส
ผู้เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวน


“ก็งั้นๆแหล่ะครับแม่…”น้ำเสียงฟังดูแห้งแล้งเหลือเกินสำหรับนาดาที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ


“แต่น้ำค้างว่า หล่อมากๆเลยนะคะ…”


“สำรวมหน่อยคนสวย…อย่าลืมว่าสามีมาด้วย…และหูสามียังไม่ได้ตึงอย่างใบหน้านะ”
ดานีสหันไปกระซิบข้างๆหูนาดาด้วยแววตาแวววาว…


“ค่ะ…หูคุณหมอยังไม่ตึง…แต่น้ำค้างว่าสายตาคุณหมอน่าจะมีปัญหา…
นั่นน่ะหล่อระดับพระกาฬเลยทีเดียวนะ…”


“ความหล่อน่ะกินไม่ได้หรอกนะ…”


“แต่ดูแล้วเพลินตาดีนะคะ…”นาดายังไม่เลิกแหย่อีกคนเล่นแก้เซ็ง


“กลัวว่าจะมีดีแค่หน้าตาน่ะสิ…ห้ามให้เขาเห็นหน้าลูกเราเด็ดขาด…
กำชับลูกให้สวมผ้าปิดหน้าไว้ตลอดนะน้ำค้าง”ดานีสออกคำสั่งเสียงเข้ม
ทำเอาผู้เป็นมารดาถึงกับตกอกตกใจ


“อ้าว…ทำไมล่ะดานีส…ที่แม่พาน้องรัลมาก็เพื่อจะให้ทำความรู้จักกับพี่เขานี่แหล่ะ…
นั่่นน่ะอนาคตลูกเขยของเจ้านะรู้มั้ย…”อะมานีท้วงติง


“รอไปก่อนเถอะครับแม่…ผมไม่คิดจะมอบลูกสาวให้หนุ่มที่ไหนง่ายๆแน่…
น้องรัลยังเด็กอยู่เลย”


“เด็กที่ไหน นั่นน่ะจวนเจียนจะสามสิบแล้วนะ…”อะมานีเถึยง


“แล้วเจ้าฟาเดลของแม่ล่ะครับเท่าไหร่แล้ว…”


“รุ่นราวคราวเดียวกับเจ้ารุส ลูกชายคนโตของเจ้านั่นแหล่ะ…”อะมานีเฉลย

“ไม่รู้แหล่ะ…แม่ชอบฟาเดล…อยากได้เป็นหลานเขย
ใครก็ห้ามทำร้ายเขาไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ…เด็ดๆ”


“ถ้าผมเผลอเตะเขาขึ้นมาแม่จะทำไงครับ…”


“ก็จะเตะโด่งเจ้ากลับญี่ปุ่นไปเลยไงล่ะ…โทษฐานเป็นก้างชิ้นโต…”


“ถ้าผมกลับผมก็จะเอาลูกสาวทั้งสี่กลับด้วย…เอ๊ะ…หรือจะกลับพรุ่งนี้ซะเลยดีมั้ย…
กลัวว่าจะเผลอไปเตะคนหล่อเข้า…”ดานีสพูดด้วยสีหน้าทีเล่นทีจริง

“แหม…พ่อหวงลูกสาว…”อะมานีแขวะ


“คุณหมอเขาชอบสร้างคานทองไว้ให้ลูกๆอยู่ค่ะคุณแม่…”นาดาเสริม


“เข้าขากันดีเหลือเกินนะครับ…”ดานีสกัดฟันหันไปมองนาดาด้วยแววตาเรืองรอง…


“งั้นคืนนี้น้ำค้างขอนอนกอดแม่นะคะ…ไม่ได้นอนกอดแม่ตั้งนานแน่ะ…”


นาดาหันไปกอดแขนมารดาของตนก่อนจะส่งเสียงอ้อนมารดา

แล้วเหลือบมามองดานีสก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินหิ้วกระเป๋า

เดินทางตามคนอื่นๆไปด้วยสีหน้างอง้ำ


“สมน้ำหน้ามัน…อยากหาเรื่องคนอื่นดีนัก ให้นอนกอดหมอนข้างไป

นั่นแหล่ะดีแล้วล่ะน้ำค้าง…แม่เห็นชอบด้วยประการทั้งปวง”


“ว่าแต่ชอบรึเปล่า…”อะมานีกระซิบถามนาดา


“เรื่องหน้าตาผ่านค่ะคุณแม่ แต่เรื่องอื่นรอคุณหมอคอนเฟิร์มก่อนนะคะ

น้ำค้างเชื่อใจเขาค่ะ…ว่าเขาจะเลือกหาคนดีๆให้ลูกสาวได้…”


“อ้าว…แล้วสายตาของฉันล่ะ…มันไม่น่าเชื่อถือหรอกรึ

ถึงฉันจะแก่แต่หูตาฉันยังไม่ได้ฝ้าฟางนะ…”อะมานีประท้วง…


“เปล่าค่ะ…เพียงแต่พ่อของน้องรัลเขาหวงลูกสาวมาก…คุณแม่ก็ทราบนี่คะ”

“เอาเถอะๆ เอาไว้ฉันจะจัดการเอง…เจ้าดานีสน่ะไม่เท่าไหร่หรอก
แต่น้องรัลนี่สิแสบใช่เล่นอยู่…ลูกเล่นก็แพรวพราวเหมือนพ่อไม่มีผิด
นึกว่าจะคัดลอกหน้าตามาอย่างเดียว ที่ไหนได้ก็อปปี้มาทั้งฉบับ…
ยกเว้นเพศ…เฮ้อ…”อะมานีถอนใจยาวเมื่อนึกถึงวีรกรรมของหลานสาวคนโตก่อนหน้านี้…
ถ้าเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายเหมือนอย่างพี่ชายก็คงจะดีอยู่หรอก…






ดารัลมองอาคารรูปทรงแปลกตาและสวนสวยที่เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ด้วยแววตาตื่นตาตื่นใจตรงสวนดอกไม้หลากสีสัน…
จนถึงกับเปรยกับน้องสาวที่มาชมสวนด้วยกันว่า


“สวยเนอะนีลเนอะ…”


“ชอบเหรอครับ…”เสียงทุ้มดังกังวานดูน่าฟังที่ถามกลับทำเอาคนฟังถึงกับเย็นวาบ
จนต้องหันกลับมามองทางด้านหลังซึ่งเป็นทิศทางของเสียง
ทำให้รู้ว่าน้องสาวไม่ได้ยืนใกล้ๆกับเธออย่างที่คิดไว้
หากอยู่ห่างออกไปตรงสระน้ำที่มีพันธุ์ปลาสวยงามแหวกว่ายอยู่


“อย่าเพิ่งไปสิครับ…เรายังไม่เคยพูดกันเลยนะครับ แม้แต่เสียงของน้องรัล
พี่ก็เพิ่งจะได้ยินเมื่อกี้นี้เอง เห็นแต่ดวงตาดุๆ…”ดารัลไม่พูดอะไร
นอกจากพยายามเลี่ยงเพื่อเดินไปหาน้องสาว


“ไม่ยุติธรรมสักนิด…”เสียงตัดพ้อนั้นทำเอาขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก

“น้องรัลเห็นหน้าพี่อยู่ฝ่ายเดียว แต่พี่กลับไม่เคยเห็นหน้าน้องรัลเลย…
ทำไมล่ะครับ…หรือว่าอายที่จะให้พี่ดูหน้า…แต่คงไม่ใช่
เพราะเท่าที่รู้กิตติศัพท์มา น้องรัลไม่ใช่คนขี้อาย…ซ้ำยังเป็นคนสวย”


ฟาเดลพูดขณะมองแผ่นหลังของหญิงสาวในชุดสีดำทั้งชุด
แม้แต่มือก็ยังสวมถุงมือ ไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดออกมาให้เขาได้เห็น
นอกจากดวงตาดุๆของเธอเท่่านั้น


“เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล น่าจะทักทายทำความรู้จักกันบ้าง
พี่ก็แค่อยากมีมิตรไมตรี ทำไม่รู้ทำไม่เห็นทุกที…แบบนี้พี่น้อยใจนะ…”


เสียงตัดพ้อยังถูกส่งมารบกวนจิตใจของหญิงสาวให้กระวนกระวายใจเล่น

“ยิ้มให้พี่ชื่นใจบ้างสักนิดก็ยังดี…จะหยิ่งกับพี่ไปถึงไหน…”


“นีล…เรากลับห้องกันเถอะ…”ดารัลเลี่ยงที่จะสนทนากับอีกฝ่าย

ด้วยการตะโกนเรียกน้องสาวขณะที่เท้าก็รีบสาวไปหาน้องที่อยู่ห่างออกไป


“คุณพ่อบอกว่าให้นีลอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ…”


“ก็นีลไม่ได้ทิ้งพี่รัลสักหน่อย…เห็นพี่ฟาเดลอยากคุยกับพี่ นีลก็เลยหลีกทางให้นิดนึง…”


“แต่พี่ไม่อยากคุยกับเขา เรากลับไปรวมกับคนอื่นๆกันเถอะ…”
ดารัลแกล้งพูดให้อีกฝ่ายที่เดินตามมาได้ยิน…


“ไม่อยากชมสวนแล้วเหรอ…”


“ไม่แล้วนีล…”ว่าแล้วดารัลก็รีบคว้าข้อมือของน้องสาวให้เดินตามตน
ไปยังด้านในทันที ทว่าฟาเดลกลับเดินมาขวางเอาไว้


“ทำไม…รังเกียจพี่มากนักรึไง…ถึงกับไม่อยากเสวนาด้วยแบบนี้…
พี่ทำอะไรให้เธอไม่พอใจก็บอกพี่สิ...พี่จะได้แก้ไข...”

ดารัลเลือกที่จะเลี่ยงไปอีกทางแล้วลากน้องสาวไปด้วย
สร้างสีหน้าเหนื่อยอ่อนให้กับคนที่เฝ้าติดตามหญิงสาวมาตลอดสามวัน…“
คิดว่าจะหนีไปได้ตลอดก็หนีต่อไป…”ฟาเดลจงใจตะโกนให้หญิงสาว
ที่ตั้งหน้าตั้งตาโกยให้ได้ยิน…


“คอยดูเถอะ…พี่นี่แหล่ะที่จะทำให้เธอลืมคาสบลังก้าไม่ลง…ดารัล”










เช้าวันต่อมา ฟาเดลเดินลงมายังลอบบี้ก็ได้ยินเสียงทุกคน
กำลังส่งเสียงเอะอะกันอยู่ “มีอะไรกันเหรอครับ…”


“ก็น้องรัลน่ะสิหายไปไหนก็ไม่รู้…”อะมานีตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้ากังวล

“หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ…”


“ตั้งแต่ละหมาดเสร็จ…ก็ไม่เห็นแล้ว…”เป็นนาดาที่ตอบ


“คุณหมอคะ…ลูกเราจะเป็นไรมั้ยคะ…”


“ลูกอาจจะไปเดินเล่นแถวนี้ก็ได้…ใจเย็นๆ”ดานีสปลอบภรรยา


“พี่จาลัลก็หายไปด้วยค่ะ…บีบี้ไม่เจอพี่จาลัลตั้งแต่ละหมาดเสร็จแล้วเหมือนกัน”


“หรือจะเข้าไปเที่ยวที่ตลาดคะ…เห็นเมื่อวานพี่จาลัลบ่นๆ
ว่าอยากลองฝึกทำอาหารพื้นเมืองของที่นี่ดู…”หะบีบี้เอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงพี่ชาย
ที่ชอบการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ


“ก็เป็นไปได้นะครับ…งั้นเดี๋ยวผมจะลองตามไปดูที่ตลาดสด…”
ฟาเดลขันอาสา…ทว่าเพียงแค่เดินไปไม่กี่ก้าวก็เห็นจาลัลเดินหิ้วข้าวของ
กลับเข้ามาเพียงลำพัง


“อ้าว…แล้วพี่รัลล่ะลูก…”ดานีสรีบเดินไปหาจาลัลทันทีด้วยสีหน้าร้อนรน
นาดาก็เช่นกัน


“พี่รัลล่ะจาลัล…”


“พี่รัลไม่ได้กลับมาที่นี่หรอกเหรอครับ…”จาลัลถามทุกคนด้วยแววตากังว

“ไหน…เรื่องเป็นยังไงเล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้เลยจาลัล…”
นาดาถามด้วยเสียงร้อนรน นึกเป็นห่วงลูกสาวคนโตขึ้นมา


“ก็พี่รัลเขาชวนผมออกไปเดินเล่นที่ตลาด เราเดินเลือกซื้อของด้วยกัน
แต่พี่รัลบอกว่าจะแวะไปดูของฝากอีกฟากนึง…ให้ผมซื้อของสดไปพลางๆ
ผมก็รอพี่รัลอยู่พักใหญ่ เดินไปดูอีกฟากนึงก็ไม่พบ
ถามคนแถวนั้น เขาก็บอกว่าเห็นพี่รัลเดินไปที่ฟากตลาดสด…
ผมก็เลยกลับไปหาพี่เขาดูก็ไม่พบก็เลยคิดว่า เราคงคลาดกัน
พี่รัลเองหาผมไม่เจอก็คงกลับมาที่นี่”


“เปล่าเลยลูก พี่เค้ายังไม่กลับมาเลย…”


“งั้นเดี๋ยวผมจะออกไปตามหาเองครับ คิดว่าคงยังหลงอยู่แถวๆนั้น…
เพราะมันมีเส้นนึงที่หากพลัดหลงเข้าไปจะออกไปอีกทางนึง…
น้องรัลอาจจะเผลอเดินไปทางฝั่งนั้นเข้า”ฟาเดลคาคคะเนความเป็นไปได้

“งั้นเดี๋ยวฉันไปด้วย…”ดานีสอาสา


“ผมว่าแบ่งกันไปคนละที่ที่คาดว่าน้องเขาจะไปดีกว่าครับ…”ฟาเดลแนะนำ

“งั้นเอาตามนี้…”ดานีสสรุป


“พวกสาวๆรอดารัลอยู่ที่นี่…ส่วนพวกผู้ชายให้แยกย้ายกันตามหา…
จาลัลมากับพ่อ ส่วนรุสกับนาบีลลองสำรวจรอบๆรีสอร์ทเผื่อจะเจอ”

แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันออกตามหา…







ฟาเดลไปตามเส้นทางที่เขาคาดไว้ว่าเธออาจจะพลัดหลงเข้าไป…
แล้วเขาก็พบเข้ากับหญิงสาวที่มีรูปร่างคล้ายดารัล
ชายหนุ่มรีบลงจากรถแล้วเดินไปหาทันที
เธอคนนั้นกำลังหิ้วของพะรุงพะรังมองไปรอบๆ
ราวกับคนหลงทาง เขามั่นใจว่าหญิงสาวผู้นั้นคือดารัลแน่นอน…


“น้องรัล…”ชายหนุ่มเรียกหวังให้หญิงสาวผู้นั้นหันมา
ทว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาใดจากเธอ…เขาเลยเดินไปดักหน้าเธอ
แล้วก็ต้องรีบเอ่ยปากขอโทษหญิงสาวผู้นั้นทันที…
เพราะดวงตาของเธอผิดแผกไปจากดารัลที่เขาเริ่มคุ้นชิน
กับตาดุๆของเธอไปแล้ว…

เพราะนั่นคือสัญลักษณ์เดียวที่ทำให้เขาจดจำเธอได้…


“ขอโทษครับ”

แล้วชายหนุ่มก็หันไปรอบๆบริเวณนั้น
เดินไปเรื่อยๆเผื่อจะเจอคนที่ตามหา จนไปพบกับหญิงสาวคนนึงที่ในมือมีถุงกระดาษสองใบ
เธอกำลังหยุดยืนอยู่ตรงเนินสูงที่สามารถใช้เป็นจุดชมวิว
เพื่อมองไปยังหมู่บ้านด้านล่างได้…


ลมพัดโบกสะพัดทำให้ชุดสีดำตัวโคร่งที่เธอส่วมใส่อยู่พัดปลิว
ฟาเดลรีบสาวเท้าเข้าไปหาทันที
คราวนี้เขามั่นอกมั่นใจว่าเธอต้องใช่ดารัล…


“น้องรัล…”เสียงนั้นเรียกให้หญิงสาวที่กำลังมองไปยังเมืองด้านล่าง

ถึงกับหันกลับมามองเขาทันที…ก่อนจะรีบก้มหน้าเมื่อเผลอไปสบตา
ที่ดูจะจับจ้องมาที่เธออย่างพิจารณา...
แววตาที่ดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจนั้นเธอไม่กล้าแม้แต่จะมอง

เพราะกลัว...กลัวอะไรก็ไม่แน่ใจ
รู้แค่ว่า...หากมองนานๆเธออาจจะต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปก็ได้...


“น้องรัลจริงๆด้วย…”เขาเอ่ยออกมาด้วยแววตาดีใจและตื่นเต้น


“ฉันไม่ใช่…”


“ทำไมจะไม่ใช่…”ฟาเดลเถึยง


“คุณพูดไทยได้…แววตาดุๆแบบนี้ทำไมจะไม่ใช่”ชายหนุ่มเสริม
ทำเอาหญิงสาวถึงกับนิ่งงันไป


“มายืนทำอะไรตรงนี้ รู้มั้ยว่ามันอันตราย…”


“ไหนคุณเป็นคนบอกเองว่าคาสบลังก้าเป็นเมืองที่ปลอดภัย”
หญิงสาวเถียงด้วยน้ำเสียงยอกย้อน


“แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะทำอะไรก็ทำ…โดยไม่บอกใคร…เธอไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ…
ที่คิดจะทำอะไรโดยไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นห่วงยังไง”ชายหนุ่มเริ่มตำหนิ


“ฉันพลัดหลงกับจาลัล เดินไปเดินมาก็มาโผล่ที่นี่…โอเคมั้ย…”
หญิงสาวชี้แจง รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเลยที่อีกฝ่ายเอาแต่ตำหนิเธอ
โดยไม่ยอมฟังเหตุผลก่อน ราวกับเธอทำผิดมหันต์อย่างนั้นแหล่ะ
กับอีแค่เดินมาเที่ยวเล่นในตลาดที่ไม่ได้ห่างไกลจากรีสอร์ทนัก
ทำไมมันถึงดูร้ายแรงจนเขาถึงกับมองเธอด้วยสายตาตำหนิแบบนี้ด้วย
เธอไม่ชอบเลยสักนิด...


“แล้วทำไมถึงไม่ยอมถอยหลังกลับไปยังทิศทางเดิม…”


“ก็หลงไง…คุณไม่เข้าใจเหรอว่าฉันกำลังหลงทางก็เลยไม่อยากเดินต่อ
เพราะยิ่งเดินต่อไปก็ยิ่งหลง…ก็เลยหยุดอยู่ตรงนี้…
โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามา”หญิงสาวพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียง
ที่ไม่ค่อยพอใจอีกฝ่ายนัก

แล้วอยู่ๆสายลมก็พัดแรงทำเอาผ้าคลุมปิดหน้าของเธอพัดโบกสะบัด
จนปลิวหลุดไปในที่สุด ทว่าฟาเดลกลับช่วยคว้าผ้าผืนเล็กนั้นเอาไว้ได้ทัน
พอหันกลับมาอีกทีก็ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าที่ใครๆที่ได้พบเห็นแล้ว
ต่างก็ลือกันว่างดงามยิ่งนักในทันที…ทำเอาสายตาของเขา
หยุดอยู่กับภาพความงดงามไร้ที่ติตรงหน้าอย่างไม่อาจทอดถอน
สายตาจากไปได้แม้เสี้ยววินาทีเดียว…


สายตาของอีกฝ่ายที่จับจ้องมานั้นทำเอาดารัลถึงกับเขินอาย
รีบคว้าผ้าปิดหน้าในมือของเขามาไว้แล้วรีบนำมาปิดหน้าตัวเองทันที
ด้วยมือที่เริ่มสั่นขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้…
กว่าจะปิดหน้าตัวเองได้สำเร็จก็เล่นหญิงสาวหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม...
เพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้า โดยเฉพาะตอนนี้...
เขาจะได้ไม่รู้ไม่เห็นว่าเธอหน้าแดงขนาดไหน
เธอรู้ว่ามันแดงเพราะแววตาโลมไล้ของเขาที่มองมาเมื่อครู่
มันทำให้หัวใจเธอสั่น เต้นด้วยจังหวะที่ต่างไปจากเดิมๆที่ผ่านมา…

แม้แรกพบเขาจะทำให้หัวใจเธอกระตุกมาแล้วก็ตาม

ทว่าเมื่อครู่ สายตาของเขาที่จับจ้องมาแม้เพียงไม่กี่วินาที
ทว่ามันกลับสร้างแรงสั่นสะเทือนในหัวใจเธอไม่น้อยเลย

หญิงสาวจึงรีบหุนหันพยายามหาทางออกไปจากสถานการณ์นี้
เพราะถ้าอยู่ต่ออีกเพียงนิด...เธอไม่อาจรู้ได้เลยว่า
เธอจะรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้อีกหรือไม่...



“ฉันจะกลับแล้ว…”ดารัลกล่าวพร้อมกับถอยหลังหนึ่งก้าว
เพื่อให้ออกห่างจากเขา โดยไม่รู้ว่าด้านหลังนั้นมีก้อนหินอยู่
ทำให้เธอเสียหลักเกือบจะล้มหายหลัง
ทว่าฟาเดลคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ได้ก่อนจะดึงเข้าหา
แล้วตวัดแขนอีกข้างรัดเอวของหญิงสาวไว้
และด้วยแรงที่ดึงเข้าหาทำให้ทั้งสองเสียหลัก
ฟาเดลจึงรัดร่างบางแน่นขึ้นเพื่อถ่วงสมดุลเอาไว้จนทำให้ริมฝีปากหยัก
ได้รูปชวนมองของเขาเผลอประกบเข้ากับริมฝีปากของอีกฝ่ายเต็มๆ


แม้จะมีผ้าปิดหน้าของหญิงสาวเป็นม่านกั้นกลางเอาไว้
ทว่าแรงสัมผัสนั้นได้แทรกซึมไปถึงหัวใจทำให้เลือดในกายของหญิงสาว
สูบฉีดแรงขึ้นเท่าทวีคูณ



“ปล่อย…”ดารัลรีบผลักอีกฝ่ายออกห่างทันทีเมื่อตั้งหลักได้
ราวกับว่าเขาคือของร้อนก่อนจะใช้ฝ่ามือฟาดหน้าอีกฝ่ายเต็มๆ
ด้วยแรงโกรธและด้วยความอับอายจนรู้สึกใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว
พร้อมกับผรุสวาทฟาเดลด้วยน้ำตาคลอเบ้า


“คนฉวยโอกาส…หน้าด้านที่สุดเลย”ฟาเดลใช้มือลูบใบหน้าตนที่ชาหนึบ
ก่อนจะรีบวิ่งตามร่างบางนั้นไปก่อนจะพยายามเรียกหาสติสัมปชัญญะของตนเองไปด้วย
เนื่องจากเขาเองก็ยังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย

“กลับขึ้นรถกับพี่เดี๋ยวนี้นะน้องรัล…”เขารีบออกคำสั่งเมื่อเห็นอีกฝ่าย
รีบเดินโดยไม่มองหนทางเลย…


“ไม่…ไม่มีทาง…”ดารัลปฏิเสธเสียงแข็ง


“เดี๋ยวก็ได้หลงอีกรอบหรอก…คราวนี้จะปล่อยให้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง
อยู่แถวนี้เลยคอยดูสิ…”ชายหนุ่มขู่


“ช่างสิ…ใครจะไปสน…”


“เด็กดื้อ…”


“ฉันไม่ใช่เด็ก…”หญิงสาวหันมาพร้อมกับตวัดสายตาดุๆใส่อีกฝ่ายทันที

“แต่ดูจากนิสัยแล้ว ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเด็ก…
อยากจะกระทืบเท้าตอนนี้ด้วยก็ได้นะ พี่ไม่ถือสา…”

หญิงสาวเงื้อมือหมายจะทำร้ายอีกฝ่ายให้หายแค้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ชายหนุ่มรู้ทัน


“อย่าแม้แต่จะคิดทำร้ายพี่อีกครั้งในดินแดนนี้นะดารัล
เพราะเธอจะหาความปลอดภัยไม่ได้อีก…จะขึ้นรถไปดีๆ
หรืออยากจะอยู่ให้อายขายขี้หน้าคนแถวนี้ต่อก็ได้นะ…”


หญิงสาวโกรธจนตัวสั่น หันไปรอบๆก็พบว่ามีสายตาของผู้คน
จับจ้องมาที่เธอและเขา…


ในชีวิตไม่เคยมีใครยั่วโมโหเธอให้อารมณ์เดือดดาลได้มากเท่าคนๆนี้มาก่อนเลย…
และเมื่อไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านี้

ดารัลจึงยอมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายทันทีด้วยน้ำตาอาบแก้ม




ระหว่างอยู่ในรถดารัลจึงได้แต่นั่งหันหน้าไปอีกทางไม่พูดไม่จา


“พี่ไม่ได้ตั้งใจ เธอก็รู้นี่…มันเป็นอุบัติเหตุ…พี่ก็แค่อยากช่วยเธอ
เธอควรจะขอบคุณพี่มากกว่าจะโกรธพี่นะน้องรัล…”ฟาเดลเริ่มอธิบาย
เพราะรู้ดีว่าเหตุการณ์ระทึกใจเมื่อครู่นี้นั้นมันเป็นอุบัติเหตุ
แต่เขาก็อดรู้สึกดีไปกับมันไม่ได้…หากกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆจากอีกคน
หญิงสาวนั่งปิดปากเงียบมาตลอดทาง…



เพราะระหว่างสะดุดหินจนล้มหายหลังสักกี่ตลบ
เธอก็ยังรู้สึกยินดีกว่าจะต้องโดนเขาโอบกอดแล้วจูบเอาอย่างเมื่อครู่…
แม้จะไม่ตั้งใจก็เถอะ...

เขาบอกว่าเขาหวังดี…ความหวังดีอย่างนั้นหรือ…เธอไม่ต้องการสักนิด!

"เธออายพี่รู้ แต่ไม่มีใครรู้จักเธอเพราะเธอปิดหน้า
ไม่มีใครที่นี่เขาจำหน้าเธอได้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่พี่กำลัง
ช่วยประคองกอดและเผลอจูบไปเมื่อกี้เป็นใคร...
ลองคิดดูสิว่าคนแถวนี้รู้จักหน้าตาพี่หมด...รู้ด้วยว่าพี่เป็นใคร
พี่ควรจะรู้สึกอายมากกว่าเธอไม่ใช่เหรอ...อย่าโกรธพี่เลยนะ…
มันคืออุบัติเหตุพี่แค่ต้องการปกป้องเธอให้ปลอดภัย...เธอเข้าใจพี่มั้ยดารัล..."
หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่ยกผ้าปิดหน้าขึ้นซับน้ำตาก่อนจะปล่อยให้มันไหลไป
เมื่อไม่ไหวจะเช็ดต่อไปแล้ว...




สำหรับคนอื่นมันจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่หรือไม่เธอไม่รู้
แต่สำหรับเธอ มันคือเรื่องใหญ่!!!


ในชีวิตสาวที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีชายใดเลยสักคนเดียว
ที่จะได้แตะต้องหรือสัมผัสเธอแม้แต่ปลายเล็บก็ไม่เคยมีมาก่อน
ยกเว้นคนในครอบครัวเธอเท่านั้น...แล้วก็ไม่เคยมีชายใดเลยที่จะได้เข้าใกล้
อยู่ใกล้และประชิดตัวเธอมาก่อนเลยด้วย...

นอกจากพ่อ พี่ชาย น้องชาย คุณตาซึ่งเป็นพี่ชายของยายที่อยู่เมืองไทย
และคุณอาดาวิดกับน้าชายแล้ว...เธอไม่คุ้นชินกับการอยู่ตามลำพังกับเพศตรงข้าม...
เธอไม่มีเพื่อนต่างเพศแม้แต่คนเดียว...
ทั้งหมดที่มีเป็นเพื่อนเพศเดียวกันหมด...


ซึ่งพ่อกับแม่เข้าใจเธอทุกอย่างในเรื่องนี้...และเคร่งครัดในเรื่องนี้มาก..
แล้วเขาล่ะเป็นใคร…เราเพิ่งเจอกันได้ไม่กี่วันแท้ๆ...


...เธอไม่ได้ต้องการการปกป้องจากเขาเลย...นี่หรือการปกป้อง...
ผลจากการปกป้องของเขามันออกมาอย่างนี้หรือ...
มันช่างตรงกันข้ามกับเป้าหมายที่เขาบอกเธอเอาไว้...
เธอไม่เห็นจะต้องการมัน...ไม่ต้องการจนนิดเดียว!


"ฉันไม่เคยต้องการ...การปกป้องใดๆจากคุณ..."
ถ้อยคำที่เปล่งออกมานั้นช่างบาดจิตบาดใจของฟาเดลเหลือเกิน…


"พี่จะไม่ยุ่งกับเธอเลยก็ได้ ถ้าเธอไม่ใช่หลานสาวคนโตของคุณย่าอะมานี..."
ฟาเดลกัดฟันพูดออกไปอย่างนั้นด้วยความเจ็บที่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธความตั้งใจดีของเขา
อย่างไม่เหลียวแลหรือเห็นคุณค่ามันแม้แต่นิดเดียว
ราวกับเขาได้ทำความผิดมหันต์ต่อเธอจนไม่น่าให้อภัย...
ถ้าเขากอดและจูบเธอด้วยความตั้งใจอยากจะลวนลาม
หรือเอาเปรียบเธอ ฉวยโอกาสอย่างเธอว่าจริง เขาก็พร้อมจะยอมให้ต่อว่า
ยอมให้เธอโกรธไปจนวันตาย

แต่นี่เขาไม่ได้ต้องการหรือคาดหวังให้มันเป็นแบบนั้นเลย

แม้มันจะทำให้เขารู้สึกแปลกๆในหัวใจก็ตาม
แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่เห็นเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง...

คนอย่างเขาอยากจะทำแบบนี้กับใครก็ได้โดยไม่ยากเย็น
มีผู้หญิงมากมายที่พร้อมและเต็มใจจะให้เขาเชยชม...
แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะทำ ไม่เคยเลยที่จะฉกฉวยโอกาสเหล่านั้น...

เพราะเขารู้ว่าพระเจ้าจะไม่พอใจหากเขากระทำมันกับบุคคล
ที่เขายังไม่มีสิทธิ์หรือยังไม่ได้แต่งงาน...


...เขายอมรับว่าเขายังคาดหวังการให้อภัยจากเธอ...
...แต่ก็คิดว่า...มันคงจะยากเสียแล้ว...

เมื่อเห็นเจ้าตัวเอาแต่ร้องไห้น้ำตาไหลพรากโดยไม่มีเสียงสะอื้นอยู่แบบนี้


...ให้ตายเถอะ...เขาควรต้องทำอย่างไรดี...






เมื่อเขาขับรถมาถึงรีสอร์ท หญิงสาวก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งไปหาบิดาที่เพิ่งลงจากรถ
ก่อนจะโผกอดดานีสเอาไว้แน่นราวกับนกน้อย

ที่บินพลัดหลงแล้วกำลังหาที่พึ่งพิง


“รัลจะกลับญี่ปุ่น เรากลับบ้านกันเลยนะคะพ่อ…”


“ทำไมล่ะน้องรัล มีอะไรเกิดอะไรขึ้น ไหนบอกพ่อซิ…”ดารัลส่ายหน้าไปมา


“รัลจะกลับบ้านและจะไม่กลับมาเหยียบที่คาสบลังก้าอีกค่ะพ่อ…
จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว…”หญิงสาวประกาศเสียงลั่นก่อนจะผละ
จากอ้อมอกพ่อแล้วรีบวิ่งเข้าห้องพักไป…ทิ้งให้ทุกคนถึงกับยืนอึ้ง

คนที่ถูกเพ่งเล็งที่สุดคงหนีไม่พ้นฟาเดล…ชายหนุ่มมิได้พูดอะไร
นอกจากเดินก้มหน้าเข้าห้องพักไปเช่นกัน…


นาดาเดือดร้อนจนต้องรีบไปเคาะห้องลูกสาว
แต่อีกฝ่ายบอกว่าอยากอยู่คนเดียวเสียนี่


“น้ำค้างงงไปหมดแล้วค่ะคุณหมอ…ลูกเรากับฟาเดล…เฮ้อ…”
นาดาถอนใจด้วยความหนักอก…


“น่า…เดี๋ยวลูกก็คงเล่าอะไรๆให้เราฟังเองแหล่ะ…เราไปเตรียมแพ็คกระเป๋า
กลับบ้านกันดีกว่า เพราะดูสภาพลูกตอนนี้แล้ว…คงหมดสนุกแล้วล่ะ…
แผนของแม่ก็คงจะพังไม่เป็นท่า…ไม่รู้เจ้าสุดหล่อของเธอไปทำอะไร
ให้ยัยตัวแสบของเราไม่ชอบใจขึ้นมา…ถึงได้แสดงท่าทางออกมาอย่างนั้น
ฉันไม่เคยเห็นน้องรัลแสดงท่าทีแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ…
สงสัยจะไม่ถูกโฉลกกับสุดหล่อของเธอเหมือนพ่อของเขาล่ะมั้ง…”
ดานีสพูดกลัั้วหัวเราะในตอนท้าย


“ท่าจะจริง…ลูกคงไม่ค่อยชอบฟาเดลแน่ๆเลย…น้ำค้างเห็นลูกพยายาม
หาทางเลี่ยงเขาอยู่ตลอดเวลา…น้องนีลยังมาเล่าให้ฟังเลยว่าพี่สาว
เอาแต่เดินหนีอีกฝ่าย ตอนไปเที่ยวกันก็เกาะน้องสาวแจ
ไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้เกินสองเมตร…
นี่คงจะไม่พอใจที่ต้องนั่งรถมากับฟาเดลแน่ๆ…หรือฟาเดลจะพูดอะไร
ไม่เข้าหูเข้าก็ไม่รู้นะคะ”นาดาสรุป


“แต่ฉันว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นนะน้ำค้าง…
ไม่อย่างนั้นลูกจะแสดงท่าทางและคำพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง…ลูกเราเราเลี้ยงมาเอง
ถึงจะแสบจะซนแต่ก็ไม่เคยเสียมารยาทกับใคร…”


“หวังว่ามันคงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรนะคะ…น้ำค้างเกรงว่ามันจะไป
กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่กับคุณย่าของฟาเดลเขาน่ะสิ”


“ไม่หรอกน่า…เธอก็คิดมากไปได้…ลูกอยากกลับเราก็แค่บอกว่าเราต้องกลับแล้ว…
เอาเถอะเรื่องนี้ฉันจะจัดการให้เอง…”
ดานีสตัดบทเสียแล้วโอบไหล่นาดาเดินไปยังห้องพัก…









ณ สนามบิน



“แล้วอย่าลืมแวะมาเที่ยวอีกนะอะมานี…ฉันน่ะอยากเป็นฝ่ายบินไปหาเธอบ้าง
แต่ติดตรงที่สุขภาพไม่ค่อยเอื้ออำนวย ผิดกับเธอ…
ยังไงก็อย่าลืมพาหลานๆมาเที่ยวอีกนะ…”
อะมานีจึงยิ้มให้เพื่อนสนิทก่อนจะกระซิบว่า


“เร่ืองที่ตกลงกันไว้น่ะ อย่าลืมนะ…”


“จะลืมได้ยังไง…เจ้าหลานชายฉันบุกมาหาฉันตอนกลางดึกเมื่อคืน
บอกว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ต้องแต่งงานกับน้องรัลให้ได้…

ดูฟาเดลจะจริงจังกว่าทุกครั้งเลยทีเดียว…เมื่อก่อนเฉยๆนะ
ซ้ำยังดูต่อต้านนิดๆด้วย ตอนนั้นคงเกรงใจเธอก็เลยยอมๆทำตาม
แต่ตอนนี้ฉันว่าหลานชายของฉันเอาจริงนะอะมานี…ว่าแต่หนูดารัลล่ะ…”
อะมานีลอบถอนใจเมื่อพูดถึงหลานสาว


“หัวรั้นเหมือนพ่อเค้า…คงต้องใช้เวลาหน่อย…แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เพราะถึงจะดูดื้อๆ แต่เอาเข้าจริง ย่าขอให้ทำอะไร เขาก็ยอมย่าเสมอเลย…”
อะมานีพูดไปก็นึกวิธีจะเจรจากับหลานสาวไป


“งั้นฉันคงต้องพึ่งพาเธอแล้วล่ะอะมานี…ฉันเองก็อยากเห็น
หลานชายคนเดียวของฉันเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนที่ฉันจะเป็นอะไรไป…
ฟาเดลไม่มีใครอื่นนอกจากฉันกับปู่ของเขา พ่อแม่เขาเสียตั้งแต่เขายังไม่รู้เดียงสาเลย
ส่วนตายายฝั่งโน้นก็เสียไปนานแล้ว…มีก็เฉพาะน้าสาวเท่านั้น…
ฉันเลยอดห่วงไม่ได้…”อะมานีลูบมือเพื่อนสนิทด้วยแววตาเห็นใจ


“ฉันจะลองพยายามดู…ฟาเดลก็เหมือนกับหลานฉันอีกคน เห็นมาตั้งแต่ยังแบเบาะ…
อย่างไรซะ เขาก็ต้องได้แต่งงานไปกับหลานสาวของฉันสักคนแหล่ะ
หากไม่ใช่ดารัลเธอคงไม่รังเกียจนะ เพราะฉันยังมีหลานสาว
อีกสามคน…สวยไม่แพ้กันสักคนเดียวเชียว…”


“ถ้าได้หนูดารัลก็ดี…เพราะเจ้าตัวเขายืนยันมาอย่างนั้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นหลานสาวของเธอคนไหน ฉันก็ไม่รังเกียจหรอกอะมานี…
เพราะรู้ดีว่า…เธอเป็นคนเลี้ยงเด็กได้ดี…ฉันไว้ใจและเชื่อใจเธอ…”




ส่วนทางด้านดารัลที่กำลังรวมพลกับพี่ชายและน้องๆ
อยู่ๆฟาเดลก็แทรกฝ่าฝูงชนเข้าไปหาหญิงสาวก่อนจะพูดให้ได้ยิน
กันเพียงสองคนว่า


“เธอจะหนีพี่ก็หนีไปเถอะ…แต่พี่สาบานว่าจะต้องพาเธอ
กลับมาเหยียบที่นี่อีกให้ได้คอยดูสิ…”แววตาของเขาหมายมั่น


“ฝันไปเถอะ…ฉันไม่มีทางมาเหยียบที่นี่อีกแน่ๆ...ฉันขอสาบาน!”
ดารัลกัดฟันพูดด้วยแววตาดุดัน


“แล้วเธอจะต้องกลับคำสาบาน…”ฟาเดลกล่าวด้วยแววตาเยาะหยันในที
ทำเอาหญิงสาวเลือดขึ้นหน้า


“หน้าไม่อาย…”


“ชู่ววววว…พูดไม่เพราะเลยนะคนสวย…สงสัยพี่คงต้องหาเวลาบินไปฝึกฝน
มารยาทในการพูดให้เธอถึงทีี่ญี่ปุ่นบ่อยๆซะแล้วสิ…
เธอจะได้หัดพูดหวานๆกับเขาบ้าง…คนฟังจะได้รื่นหูหน่อย…
ฟังน้ำเสียงก็ดูหวานอยู่หรอก แต่ทำไมถึงพูดหวานไม่เป็นก็ไม่รู้…
เอาไว้ว่างๆแล้วพี่จะบินไปสอนให้ถึงที่เลย…”ชายหนุ่มยักคิ้วเป็นเชิงล้อ

“อย่าคิดว่าจะได้เจอกันอีก…ไม่มีวันนั้นหรอก…”


“ก็คอยดูกันต่อไป…แล้วอย่าเผลอหลงรักพี่หัวปักหัวปำก็แล้วกัน…”
ประโยคหลังฟาเดลกระซิบจงใจให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น


“ใครจะไปรักคุณ ใครจะไปรักลง…”ดารัลกัดฟันพูด
ทว่าฟาเดลกลับยิ้มตอบกลับมาพร้อมวาจายียวนกวนประสาทคนฟังเป็นที่สุด


“ตอนนี้ให้เกลียดไปก่อนก็แล้วกัน…เกลียดให้หมดหัวใจล่ะ…
เวลารักจะได้รักพี่จนหมดหัวใจด้วยเช่นกัน…เพราะพี่ไม่ได้มีดี
แค่หน้าตาหรอกนะครับ…”ฟาเดลหยุดนิดนึงเพื่อสบตาคมดุคู่นั้น
ก่อนจะกระซิบแผ่วเบาว่า


“ส่วนจูบนั้น…ถือว่าเป็นจูบมัดจำก็แล้วกันนะ…แล้ววันนึงพี่จะบินไปทวงถึงที่...
เธอจะไม่มีวันลืมคาสบลังก้าได้หรอก...เจ้าเด็กดื้อจอมซน...”


พูดจบชายหนุ่มก็โบกมืออำลาพร้อมรอยยิ้มที่แฝงความนัยน์บางอย่าง
ที่ทำเอาดารัลถึงกับกัดปากตัวเองจนห้อเลือด…



เธอสัญญากับตัวเองไว้แล้วจะอย่างไรก็จะไม่ขอพบเจอคนๆนี้อีก
ต่อให้เขาบินไปเที่ยวที่บ้านเธอเธอก็จะเก็บตัวไม่ขอพบเขาคอยดูสิ
เขาจะไม่มีวันได้สมใจในสิ่งที่เขาปรารถนาหรอก…


ใครจะมองว่าเธอไม่รู้ แต่เธอไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าการมาคาสบลังก้าในครั้งนี้
มันคือการดูตัวชัดๆ…

เขาแอบไปดูเธอก่อนหน้านี้ที่ญี่ปุ่นเธอก็รู้
แล้วเธอก็ได้ทำให้เขาผิดหวังด้วยการใช้ผ้าปิดหน้าปิดหน้าตัวเอง
ตลอดเวลายกเว้นเฉพาะเวลาอยู่แต่ในห้องนอน

เธอรู้ว่าเขาจะมาจากการได้ยินการสนทนาทางโทรศัพท์ของย่า
แม้ตอนนั้นจะไม่ได้เห็นหน้าเขาแต่เธอก็รู้ว่าเขาเดินทางมาดูหน้าเธอ…
แล้วก็กินแห้วกลับไป…


ไม่คิดเลยว่าสายลมในวันนั้นจะทำให้แผนการของเธอพังลงได้…ไม่น่าเลยจริงๆ…



แต่ช่างเถอะ…ต่อไปเธอจะพยายามไม่พบเขาอีกโดยเด็ดขาด!
เราจะเป็นเส้นขนานกันตลอดไป…แล้วเรื่องราวที่คาสบลังก้าในครั้งนี้
เธอก็จะลืมมัน…แน่นอน…เธอสามารถลืมมันได้ไม่ยาก…



...โปรดติดตามตอนต่อไป......




ตอนนี้เคยโพสต์ไว้ในบทส่งท้ายของเรื่อง "อะรูซาตี...เจ้าสาวของผม"
นักอ่านที่เคยติดตามอ่านผลงานของเต่าโยก่อนหน้านี้ก็จะเคยได้อ่านกันมาแล้ว...

วันนี้มาลงให้ 2 ตอนรวดจ้า ...



ปล.ยังไม่ลืมหมอรังนะคะ...เพราะว่ายังเค้นเอาความหวานออกมาไม่เสร็จ
นักอ่านท่านใดรออยู่ แป้บน้าาาาาาาา ^^






yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ย. 2557, 18:52:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2557, 18:52:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 3935





   บทที่ 1 สวยแล้วหยิ่ง >>
pseudolife 3 ก.ย. 2557, 20:18:32 น.
มาแล้ววววววววววววววววววววววว ขอกรี๊ดก่อนค่า เดี่ยวไปอ่าน


phakarat 3 ก.ย. 2557, 21:56:05 น.
เย้ๆๆได้อ่านต่อแล้ว


แว่นใส 4 ก.ย. 2557, 08:22:05 น.
ดีใจจัง


หนอนฮับ 9 ก.ย. 2557, 12:13:48 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account