...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 1 สวยแล้วหยิ่ง


หนึ่งปีผ่านไปอย่างคืบคลาน…

ดารัลที่ได้ย่างเข้าสู่การเป็นนักบริหารในตำแหน่งรองประธาน
ให้กับบริษัทยาของตระกูล โดยมีผู้เป็นพี่ชายดำรงตำแหน่งประธานบริษัท

ทั้งสองได้บริหารงานให้เป็นไปตามระบบที่อะมานีและดานีสวางรากฐานเอาไว้
แล้วหนึ่งปีที่ผ่านพ้นไปทำให้ผู้เป็นบิดาที่ได้กลายเป็นที่ปรึกษา
สามารถจะวางมือลงให้ผู้เป็นลูกได้สืบสานธุรกิจด้านนี้ต่อไปอย่างไร้กังวลใดๆ…

“วันนี้เห็นคุณย่าบอกว่าจะมีแขกมาที่บ้านเรา ให้น้องรัลรีบออกจากบริษัทหน่อย…
ย้ำหนักว่า คนนี้เป็นแขกคนสำคัญมาก…”

ดารุสกระซิบบอกน้องสาวหลังจากการประชุมบอร์ดผู้บริหารจบลง
ซึ่งกินเวลานานร่วมสี่ชั่วโมง ทำให้เธอเองที่ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงถึงกับลอบถอนใจ…

“น้องยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลยพี่รุส…หิวจะแย่”ดารัลหน้าหงอนิดๆ…
รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ…ผู้เป็นพี่เลยยกมือขึ้นลูบหัวทุยๆที่ถูกปกปิด
ด้วยผ้าคลุมศีรษะสีดำอย่างเอ็นดู

“งั้นไปทานข้าวกับพี่ก่อนมั้ย…พี่เองก็หิวเหมือนกัน…”

“แล้วเรื่องแขกของคุณย่าล่ะ…”

และยังไม่ทันที่ใครจะได้กล่าวอะไรต่อเสียงโทรศัพท์มือถือของดารัลก็ส่งเสียงขัดขึ้น
หญิงสาวมองชื่อบนหน้าจอแล้วหันไปยิ้มแหยๆให้พี่ชาย
พร้อมกับบ่นนิดๆว่า

“คุณย่าน่ะพี่รุส…สงสัยเราคงต้องกินแห้วแทนกินข้าวแล้วล่ะ…”

“รับสายสิ เดี๋ยวย่ารอนะ…”ดารัลพยักหน้าก่อนจะกดรับสาย

“อัสสลามุอะลัยกุมค่ะคุณย่า…”ดารัลกล่าวทักทายผู้เป็นย่าเสียงใส

“วะอะลัยกุมมุสลามจ๊ะ…”อะมานีตอบรับคำกล่าวทักทายของหลานสาว
ด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นจนคนฟังออกจะแปลกใจนิดๆ

“มีอะไรน่ายินดีรึเปล่าคะ…ดูเสียงคุณย่าจะสดใสกว่าทุกวันเลย…”

“หนูอยู่ไหน…”

“บริษัทค่ะ…”

“ได้ข่าวว่าประชุมเสร็จแล้วใช่มั้ย…”ดารัลเลิกคิ้วสูง…พลันนึกไปว่า
ย่ารู้ได้อย่างไรว่าเธอประชุมเสร็จแล้ว…สงสัยจะมีม้าเร็วส่งข่าวไปบอกแน่ๆ

“ค่ะ…เพิ่งเสร็จเมื่อกี้นี้เองค่ะ…”

“ตอนนี้แขกของย่ามานั่งรอหนูอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ…
กลับมาหาย่าด่วนเลย…”เสียงนั้นเหมือนจะอ้อนปนสั่งยังไงๆก็ไม่รู้สิ

“แขกของคุณย่าแล้วทำไมต้องรอน้องรัลด้วยล่ะคะ…”

“มาเถอะมา…อาหารก็พร้อมแล้ว…ย่ารู้นะว่าใครบางคนกำลังหิวอยู่
ลากพี่ชายเรามาด้วย…อยู่ข้างๆกันใช่มั้ย…”ดารัลถึงกับตาโต
ที่คนเป็นย่าดูจะมีตาทิพย์…เห็นเหตุการณ์หมดสิ้นทุกอย่าง…

“ค่ะ…เดี๋ยวน้องรัลจะรีบไปหาเลยล่ะค่ะคุณย่าขา…”
หญิงสาวยิ้มใส่โทรศัพท์ก่อนจะกดวางแล้วหันไปควงแขนพ่ีชาย

“เรารีบไปกันเถอะพี่รุส…นี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบน…”

“อะไร ไปไหน…”

“ก็กลับบ้านไง…อย่าบอกนะว่าพี่รุสมีนัดทานข้าวกับสาว…”

“บ้า…สาวที่ไหน…”

“ก็มิรันตีไง…อย่าบอกนะว่าไม่ใช่…”ดารัลพาดพิงถึงคู่หมั้นของพี่ชาย
ที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

“เปล่า…มิรันตีกับครอบครัวเขาเพิ่งกลับไปไทย…”

“งั้นเราก็กลับบ้านพร้อมกันได้สิ…”ดารัลเกาะแขนพี่ชายแน่นราวกับจะประจบ
ทำเอาดารุสถึงกับส่ายหน้ายิ้มขันกับท่่าทางเหมือนลูกลิงนั่น

“เอ้า…กลับก็กลับ…ตอนแรกกะจะไปฟิตเนสนอกสถานที่หน่อย…อายุยิ่งมากพุงยิ่งยื่น…
กลัวจะเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อไม่หมดจด…”

“โห…แค่นี้พี่รุสของน้องก็หล่อจนสาวๆเขาเสียดายกันทั้งบริษัทแล้ว
แต่…ออกกำลังกายก็ดีค่ะ ดูอย่างพ่อเราสิ ยังฟิตและเฟิร์มอยู่เลย…”

“พี่ก็ว่างั้นแหล่ะ…”

“งั้นไปกินข้าวด้วยกันพร้อมหน้้าพร้อมตาเถอะ…
เดี๋ยวก็ต้องออกเรือนแล้วไม่ใช่เหรอ…”ดารัลหยอกเย้าพี่ชาย
ทำให้อีกฝ่ายทำหน้าบึ้งใส่ปนเขินอาย…พี่ชายเธอน่ะ
ถึงแม้จะดูมาดแมนและกล้าหาญชาญชัย กล้าได้กล้าเสียแค่ไหน
แต่ก็เป็นคนขี้อาย โดยเฉพาะเรื่องเพศตรงข้าม…

นี่ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ช่วย พี่ชายเราก็คงยังห้อยต่องแต่งอยู่ตรงคานทองเหมือนเธอนั่นแหล่ะ…

“เธอเองก็ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ…จะโดนดีเข้าสักวัน…”

“ไม่มีทาง…คนอย่างดารัลซะอย่าง ไม่ยอมให้ใครเอาถุงมาคลุมได้ง่ายๆแน่…
อยู่บนคานทองที่พ่อสร้างไว้ให้สบายใจและกายจะตายไป
พองานที่บริษัทลงตัวกว่านี้ น้องก็กะจะขออนุญาตพ่อเรียนต่อเอก”
สีหน้าคนพูดดูระรื่นยิ่งนัก

“แล้วพี่จะคอยดู…แม่ลิงน้อยบนคานทองของพ่อ…
อย่าซนให้มากก็แล้วกัน เดี๋ยวจะตกลงจากคานโดยไม่ทันระวังตัว…”
ดารุสผลักหัวน้องสาวนิดๆด้วยความเอ็นดู…



แล้วเหมือนจะสมพรปากพี่ชาย เมื่อดารัลเดินควงแขนพี่ชาย
เดินผ่านประตูบ้านเท่านั้น แรงปะทะบางอย่างก็จู่โจมเธอ
เสียงทุ้มๆที่ได้ยินมาจากห้องรับแขกนั้นทำเอาหัวใจของหญิงสาวถึงกับกระตุก…
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชาหนึบ

“เป็นอะไรน้องรัล…”ดารุสหันมามองหน้าน้องสาวเมื่อรู้สึกว่ามือ
ของน้องสาวจะกำลำแขนของเขาแน่นกว่าปกติ…

“เอ่อ…พี่รุสเข้าไปหาคุณย่าก่อนนะคะ…เดี๋ยวน้องขอข้ึนไปอาบน้ำก่อน…”
ดารัลเลี่ยงเดินไปอีกทางเพื่อขึ้นไปยังห้องนอนของตน
ทำเอาพี่ชายถึงกับอมยิ้มก่อนจะส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูปนสงสาร...



“อัสสลามุอะลัยกุม…”ดารุสกล่าวทักทายทุกคนในห้องรับแขก…
ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้้างๆมารดา

“วะอะลัยกุมมุสลาม…”ทุกคนกล่าวรับคำทักทายอย่างพร้อมเพรียงกัน

“อ้าว…น้องล่ะเจ้ารุส…”อะมานีเป็นฝ่ายทวงถามขึ้นทันที
เมื่อไม่พบร่างของหลานสาวคนโตที่ปกติจะกลับมาด้วยกัน

“น้องขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนน่ะครับ…”พูดพลางก็หันไปยิ้มให้แขก
คนสำคัญที่คุณย่าของเขาบอก…ก่อนจะเลิกคิ้วให้นิดนึง

“สบายดีนะรุส…”เสียงจากแขกไถ่ถามด้วยรอยยิ้มซ่อนนัยน์

“สบายดี…ว่าแต่ไม่ได้ข่าวคราวเสียนาน…แต่งงานไปรึยังเนี่ย…”

“ก็กำลังรอน้องสาวของนายอยู่เนี่ยแหล่ะ…”คำตอบนั้นทำเอาคนเฒ่า
คนแก่ที่นั่งร่วมวงสนทนาอยู่ก่อนหน้าถึงกับอมยิ้มแล้วหันมามองหน้ากัน
ยกเว้นเฉพาะดานีสผู้เป็นบิดาของหญิงสาวที่ถูกกล่าวถึง…

“น้องสาวฉันมีสี่คนนะ…ถ้าเป็นหะบีบี้ นายคงต้องรอนานหน่อย
เพราะรายนั้นยังเรียนม.สี่อยู่เลย…กว่าจะเรียนจบเอกนายคงต้องรอจนแก่”
ดารุสได้ทีแกล้งอีกฝ่ายเล่น

“หวังว่าคงมีน้องสาวนายสักคนที่ไม่ทำให้ฉันต้องรอนานขนาดนั้น…”
คำตอบนั่นอีกเช่นกันที่สร้างรอยย้ิมให้อะมานีและนาดา…

“งั้นเดี๋ยวน้ำค้างขอไปดูลูกก่อนนะคะ…”นาดาขอตัวเพื่อขึ้นไปดูลูกสาว
เนื่องจากเกรงว่าอีกฝ่ายจะยึกยัก ทำให้ผู้ใหญ่เสียหน้า…
ด้วยเพราะรู้จักนิสัยลูกสาวคนโตดีว่าเป็นเช่นไร…

“หวังว่าผมคงได้เจอเธอนะครับ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานถึงหนึ่งปี”
แขกคนดังกล่าวหันไปถามย้ำกับอะมานีที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับขึ้นมา
เมื่อนึกไปถึงหลานสาวคนโต ผู้ที่คนทั้งบ้านต่างรู้ดีว่าดื้อรั้นแค่ไหน…

“ย่าก็ไม่ค่อยกล้ารับปากเลย…เขาดื้อน่ะ…เจ้าก็รู้ไม่ใช่เหรอ
เคยเจอฤทธิ์เดชกันมาแล้วนี่…”อะมานีแบ่งรับแบ่งสู้ก่อนจะหันไปทาง
ลูกชายตัวดีที่คอยยุยงส่งเสริมลูกสาวคนโตให้หวงแหนคานทอง
ที่คนเป็นพ่อพยายามสร้างเอาไว้ให้ลูกอยู่อย่างสบาย…

“เรื่องนี้ผมแล้วแต่ลูกนะครับแม่…ถ้าเขาพอใจผมก็พอใจ…
แต่ถ้าไม่ ผมก็ไม่ครับ…”ดานีสบ่ายเบี่ยงที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย
ที่พยายามส่งสายตาขอร้องปนข่มขู่มาให้ ทำเอาอะมานีถึงกับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน…

“น้องยังไม่ได้กินอะไรมาเลยตั้งแต่เช้า คงหิว เดี๋ยวก็ลงมาครับ”
ดารุสเปิดทางให้ทุกฝ่ายได้สบายใจขึ้น…

“แล้วทำไมไม่หาอะไรให้น้องกินล่ะ…เรานี่เป็นพี่ประสาอะไร”
อะมานีกล่าวตำหนิหลานชายคนโต

“ก็เรามีประชุมบอร์ด ไหนจะเตรียมเรื่องโน้นเรื่องนี้…
เมื่อเช้าก็รีบออกกันไป เลยไม่มีเวลาน่ะครับคุณย่า”ดารุสอธิบาย

“เฮ้อ…ให้มันได้อย่างนี้สิ…คราวหน้าคราวหลัง…ห้ามอดอาหารแบบนี้อีกรู้มั้ย…
งานก็งาน เรื่องกินก็เรื่องกิน ต้องรู้จักแยกแยะนะรู้มั้ย…ถ้าถือศีลอดเหมือน
ใครบางคนแถวนี้ก็ว่าไปอย่าง”อะมานีได้ทีตักเตือนสอนสั่งหลานชาย
ก่อนจะหันไปยิ้มให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหนที่ยิ่งอายุมากก็ดูจะยิ่งเคร่งในศาสนา
น่าภูมิใจแท้ๆ..

“อาหารพร้อมแล้วครับ…”เสียงนั้นดังมาจากจาลัล พ่อครัวหัวเห็ดของบ้าน
ทำให้ทุกคนหันไปมองพ่อครัวเป็นตาเดียวกัน

“วันนี้มีของโปรดของทุกๆคนขึ้นโต๊ะ…รวมทั้งของโปรดของแขกคนสำคัญ
ของบ้านเราด้วยครับ…”จาลัลพูดพลางหันไปทางแขกคนดังกล่าว
สร้างแววตาประหลาดใจให้กับอีกฝ่ายไม่น้อย

“นี่เราอย่าบอกนะว่า ไปหัดทำอาหารโปรดของพี่เขามาน่ะ…”
อะมานีถามย้ำหลานชายด้วยแววตาพออกพอใจ

ในบ้านหลังนี้จะหาชายใดที่เก่งกาจเรื่องปากท้องชาวบ้านได้เท่า
หลานชายคนเล็กไม่มีอีกแล้ว…ช่างเป็นความภาคภูมิใจของย่าเสียจริง…
ไม่เสียแรงที่สู้ตกแต่งห้องครัวใหม่ให้…

“ครับคุณย่า…เดี๋ยวให้พี่เขาลองชิมดูได้ครับ ไม่อร่อยยังไงบอกได้
รอบหน้าผมจะได้ปรับปรุง…”พ่อครัวชวนชิมพร้อมขันอาสา
ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บ่งบอกถึงภาวะอารมณ์และอุปนิสัยใจคอของเจ้าตัวได้ดี
ว่าเป็นคนใจดีและอบอุ่น…เห็นอกเห็นใจและรู้จักเอาใจใส่ผู้อื่น…

“ขอบคุณมากๆนะครับ…”เสียงขอบคุณดังมาจากแขกของบ้าน

“งั้นเราไปกันเถอะ…”อะมานีเชื้อเชิญทุกคนไปยังห้องรับรองแขกของบ้าน
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านแล้วพึมพำเบาๆว่า

“น้ำค้างหายไปนานเชียว ไปตามลูกถึงไหนกันนะ…”สีหน้าอะมานีไม่สู้ดีนัก
กลัวว่าหลานสาวคนโตจะทำเสียแผนอีกรอบ…



แล้วไม่นานนัก…ทุกคนในบ้านก็มารวมตัวกันในห้องอาหาร
ทำให้แขกคนสำคัญได้เห็นใบหน้าของลูกสาวของบ้านหลังนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้ที่พบกันที่คาสบลังก้านั้นทุกคนจะปิดหน้าปิดตากัน

ทำให้วันนี้เขาได้รู้ว่าลูกสาวบ้านนี้สวยไม่ธรรมดากันหมดทุกคน
ไม่เพียงแต่ดารัลเท่านั้นที่สวยสดงดงาม…

เพราะตั้งแต่นาดีญากับดารีญ่าซึ่งเป็นฝาแฝดกัน
สองสาวเดินลงมาพร้อมกันในชุดตัวยาวสีฟ้าผ้าคลุมศีรษะสีเดียวกัน
สวยใสในแบบสาวหวาน

ส่วนหะบีบี้นั้นจะเดินตามหลังพี่สาวฝาแฝดมาในชุดลำลอง
ด้วยเสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองอ่อนกับกระโปรงตัวยาวสีเดียวกัน
ผ้าคลุมศีรษะสีดำทำให้ขับดวงหน้าสดใสของวัยแรกรุ่นให้ดูน่ามอง
และดูน่ารักน่าเอ็นดู…

แล้วมีน้าสาวอีกสองคนทะยอยกันเดินลงมาจากด้านบนของบ้าน
ทำให้ได้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว
จนทำให้คนที่เป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลอย่างแขกผู้มาเยือนอย่างเขา
ถึงกับอิจฉานิดๆไม่ได้กับภาพความรักใคร่หยอกล้อกันของทุกคนในบ้านหลังนี้…

มันจะอบอุ่นและดีแค่ไหนหากเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้บ้าง…

“แล้วแม่กับพี่รัลล่ะนีล…”ดานีสหันไปถามลูกสาวซึ่งจะสนิทสนม
กับพี่สาวคนโตที่สุดในบ้าน

“พี่รัลบ่นๆว่าไม่ค่อยสบายค่ะพ่อ…แม่ก็เลยหาข้าวปลาและหยูกยาขึ้นไปให้เมื่อกี้…
สงสัยคงจะไม่ลงมาแล้วล่ะค่ะ…”นาดีญาก้มหน้าอธิบาย
ขณะที่พยายามซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่ให้แขกเห็น…

แต่ก็ไม่มิดชิดพอจะรอดพ้นสายตาของแขกผู้มาเยือนอยู่ดี

และประโยคที่ว่า ‘คงจะไม่ลงมาแล้ว’ ของหญิงสาวที่บอกมา
ทำเอาแขกคนสำคัญถึงกับอมยิ้ม…หาได้ขุ่นเคืองใดๆหญิงสาวที่กำลังป่วยอยู่บนห้องไม่…

ส่วนดารุสที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไรก็ถึงกับซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่…
จริงๆแล้วเขาอยากจะขำออกมาด้วยซ้ำไป
แต่เมื่อหันไปสบตาคมกริบของคุณย่าที่นั่งตรงหัวโต๊ะเข้า
เขาก็ต้องรีบหุบยิ้มลงทันที…

“พี่ฟาเดลอย่าไปถือสาพี่รัลเลยนะคะ พี่รัลน่ะเขาเป็นสาวมั่นก็จริง
แต่มีอยู่เรื่องเดียวค่ะ ที่ทำให้พี่รัลเสียความมั่นใจแล้วกลายเป็นคนขี้อาย…”

“ฮึฮื้อ…”เสียงกระแอมไอของบิดา ทำเอาหะบีบี้ถึงกับต้องหยุดคำพูด
แล้วฉีกยิ้มแหยๆออกมาแทน…

“บีบี้ขอโทษค่ะพ่อ…”เด็กสาวขอโทษบิดาเสียงอ่อยก่อนจะหันไปยิ้มให้แขกของบ้าน…

“งั้นเรามาทานข้าวกันเถอะ…เดี๋ยวจะเย็นหมด…”ดานีสถือโอกาส
เชื้อเชิญทุกคนให้ร่วมรับประทานอาหารเย็นพร้อมกัน…



ฟาเดลเดินไปเดินมาในห้องนอน เพราะไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้
เนื่องจากเรื่องของหญิงสาวที่พยายามหลบหน้าหลบตาเขามาหลายต่อหลายครั้ง
นี่ก็หลายวันแล้วที่เขามาอยู่ที่นี่แต่กลับไม่เคยพบเธอเลย แม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยิน
มันทำให้เขาร้อนรนจนต้องลุกขึ้นมาคิดหาอุบายที่จะล่อเธอออกมา…
แล้วอยู่ๆรอยยิ้มที่มุมปากก็ผุดขึ้น…



“พี่รัลคะ…พี่ฟาเดลฝากให้นีลเอาจดหมายมาให้ค่ะ…”
ดารัลรับซองจดหมายสีชมพูจากน้องสาวมาแล้วมองหน้าน้องสาวอย่างคาดคั้น

“ก็พี่รัลหลบหน้าพี่เขา…พี่เขาก็ไม่รู้จะสื่อสารยังไง…ก็เลยให้นีลเอาจดหมายมาให้…”
ดารัลพยักหน้าเข้าใจก่อนจะทำการฉีกจดหมายนั้นแล้วทิ้งถังขยะ
โดยที่ไม่ได้เปิดอ่านต่อหน้าต่อตาน้องสาว…
ทำเอานาดีญาถึงกับตาโต อ้าปากเหวอ…

“พี่รัลทำอะไรน่ะ…”

“เธอก็เห็นอยู่นี่นา ทำไมต้องถามพี่อีก…”นาดีญ่าพ่นลมหายใจออกมา
เมื่อเห็นพี่สาวฉีกยิ้มหวานให้เธอราวกับไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตัวเองเมื่อครู่นี้…

“คนเราน้า…อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ เขาเองก็อุตส่าห์เดินทางข้ามทะเลมาหา
ก็ยังจะหยิ่งไม่ยอมพบหน้าเขาอีก…พี่รัลไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ
ที่วิ่งเล่นซ่อนหากับพี่เขาอยู่แบบนี้…”

“ไม่เหนื่อย…สักนิดเดียว…”ดารัลหันมายิ้มยั่วน้องสาวเล่น

“เธอล่ะ…ไม่เหนื่อยรึไง มัวแต่เล่นเป็นแม่สื่อให้คนอื่นเขาอยู่เนี่ย…”
นาดีญาส่ายหน้าพร้อมทำหน้าสลอนยอกย้อนกลับไปว่า

“ไม่เหนื่อย…สักนิดเดียว…”

“ระวังเถอะ…ชักไม่ชักมาจะเขาหาตัว…”ดารัลเตือนน้อง

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ…พี่ฟาเดลน่ะทั้งหล่อทั้งเก่ง นิสัยก็ดี น่ารักจะตายไป
ถ้าพี่รัลไม่เอา นีลเอาเอง…”คนเป็นน้องยั่วพี่สาว
ซึ่งดูจะได้ผลอยู่ไม่น้อย เพราะสีหน้าของอีกคนเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยิน

“นีลไม่ได้พูดเล่นนะ…คนที่ทั้งหล่อ แสนดี สุภาพบุรุษแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆนะพี่รัล…
ระวังจะเสียใจถ้าโดนคนอื่นปาดหน้าเอาไป…”
น้องสาวหันมาเตือนพี่สาวด้วยสีหน้าแววตายั่วเย้า
ดารัลหมั่นไส้นักก็เลยจิ้มหน้าผากไปหนึ่งที

“นี่แน่ะ…ยั่วนัก…งั้นยกให้เลยเป็นไง…เห็นชื่นชมกันเหลือเกิน”

“พูดแบบนี้ ไม่เจ็บแปล๊บๆบ้างเหรอ…นีลรู้หรอกน่าว่าพี่รัลน่ะคิดอะไรอยู่…”
นาดีญาไม่วายที่จะหาเรื่องควักหัวใจพี่สาวออกมาดู

“คิดอะไร…พูดให้ดีๆนะ…”ดารัลสะบัดหน้าไปอีกทาง

“ใจคอพี่รัลจะหลบอยู่แต่ในห้องอย่างนี้น่ะเหรอ…”

“ใช่…”

“เฮ้อ…”คนเป็นน้องเอาแต่ลอบถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ก่อนจะกระโดดลงไปนอนกางแขนบนเตียงนุ่มๆของพี่สาว

“พี่รัลรู้มั้ย…ว่าตึกหน้าตาแปลกๆกับสวนสวยๆที่คาสบลังก้าที่พี่บอกว่าชอบน่ะ…
พี่ฟาเดลเขาเป็นคนออกแบบและตกแต่งทั้งหมดเลยนะ…
แถมมาคราวนี้ พี่เขายังรับโปรเจคออกแบบและจัดสวนให้บริษัทเราด้วยนะ…
คุณย่าท่านอยากได้สวนสวยๆแบบที่เห็นที่คาสบลังก้ามาไว้ที่บริษัทยาของเรา…
และที่ที่โรงแรมของเราด้วย...ซึ่งพี่เขาก็คงจะพักอยู่ที่นี่กับเราไปอีกหลายเดือน…
เผลอๆอาจเป็นปีๆ...อยากรู้จริงๆว่าคราวนี้พี่รัลจะหนีพี่ฟาเดลไปไหนได้อีก…”
ดารัลถึงกับตกใจในสิ่งที่ได้ฟังจากปากน้องสาว

“นีลว่านะ…พี่รัลน่ะควรจะทำตัวให้สบายๆ เช้าตื่นขึ้นมาก็ลงไปกินข้าวกับพวกเรา
แล้วก็ไปทำงาน เย็นก็กลับมากินข้าวกับพวกเราแล้วก็เข้านอน…
ทำเหมือนเดิมๆที่พี่เคยทำ…อย่าทำแบบนี้เลยนะ
นีลว่ามันชวนให้บรรยากาศในบ้านเรามันดูอึดอัดชอบกล…”
นาดีญาแนะนำพี่สาวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ดารัลจึงทิ้งตัวลงนอนข้างๆน้องสาวแล้วถอนใจยาว

“พี่ก็อยากทำให้ทุกอย่างมันเหมือนเดิม แต่พี่ทำไม่ได้น่ะนีล…”

“ทำไมจะไม่ได้…ก็แค่พี่จะเป็นตัวของพี่เอง…พี่รัลน่ะไม่เคยกลัวใคร
ไม่เคยหวาดหวั่นกับสิ่งใด วิ่งชนมันทุกๆปัญหา…กล้าได้กล้าเสีย
แต่ทำไมเดี๋ยวนี้พี่ถึงยอมให้พี่ฟาเดลมีอิทธิพลเหนือพี่ได้…นีลไม่เข้าใจเลยจริงๆ…”
ดารัลถึงกับคิดได้…ใช่…เธอปล่อยให้เขามามีอิทธิพลต่อเธอได้ยังไงกัน
…นี่เธอต้องบ้าหรือไม่ก็ สติฟั่นเฟือนไปแล้วแน่ๆ

“ขอบใจนะนีลที่เตือนสติพี่…”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่รัล…นีลก็แค่อยากกินข้าวกับพี่…
และไม่อยากเห็นพี่มานั่งกินข้าวคนเดียวในห้องแบบนี้ ไม่อยากเห็นพี่
เอาแต่หลบๆซ่อนๆก็เท่านั้น…นี่มันบ้านของเรานะพี่รัล…”

นั่นน่ะสิ…นี่มันบ้านของเธอ ทำไมเธอต้องหลบๆซ่อนๆด้วย…

“จ๊ะ…เอาเป็นว่าที่ผ่านมาพี่ขอโทษก็แล้วกันนะ…”

“แล้วจะเอายังไงกับพี่ฟาเดล…”

“ถ้าเธอสนใจพี่ยกให้…”ดารัลฉีกยิ้มกว้างขณะบอกน้องสาว

“เรื่องอะไร…พี่ฟาเดลไม่ใช่สิ่งของสักหน่อย…เอาไว้พี่เขา
เปลี่ยนมาจีบนีลเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน…”พูดจบนาดีญาก็ลุกขึ้น

“กลับห้องดีกว่า…ป่านนี้ฟ้าคงนอนรออยู่แล้ว…”

“นอนกับพี่ไม่ได้เหรอ…”ดารัลอ้อนน้อง

“ไม่ได้หรอก…เดี๋ยวฟ้าจะงอนเอา…”

“งั้นก็มานอนด้วยกันสามคนเหมือนเมื่อก่อนสิ…”ดารัลยังไม่เลิกตื๊อ

“ได้ไงล่ะ…อึดอัดแย่…เราน่ะตัวโตกันหมดแล้วนะพี่รัล…”

“ก็ยัดๆกันไป อบอุ่นดีออก…”ดารัลเสนอ

“งั้นขอไปถามฟ้าก่อนนะ…แต่เดี๋ยวก่อน…หะบีบี้ล่ะ…จะเอาไปไว้ที่ไหนดี…
เกิดรู้เข้าบ้านแตกเลยนะ…”เมื่อนึกถึงน้องนุจสุดท้องจอมป่วนขึ้นมา
ทำเอาสองสาวถึงกับสบตากันด้วยใบหน้าสยอง

“ก็เอางี้สิ…คืนนี้เราก็มานอนด้วยกันสี่คนเลยเป็นไง…”ดารัลเสนอความเห็น

“เบาะแค่นี้นอนกันสี่คนจะจุเหรอ…ไม่มั้ง…”

“ก็ตรงพื้นพรมสิ…ห้องพี่กว้างออก…เราเอาผ้านวมมาปูแล้วนอนกอดกันเป็นไง…
หนาวๆอย่างนี้ดีออกนา…”ดารัลเสนอวิธีพร้อมกับเดินไปที่ตู้เปิดหยิบผ้านวม
ออกมาสองผืนแล้วปูลงบนพื้นพรมข้างเตียงนอน…ก่อนจะทดลองนอนลงให้น้องดู

“…เป็นไง…แค่นี้ก็จบ”

“ได้เลย เดี๋ยวนีลไปชวนสองสาวมาให้…นอนรอไปก่อนนะคะ…”


แล้วสี่สาวก็ได้มานอนร่วมห้องกัน มีเสียงดังแว่่วๆออกมาจากห้องตลอดทั้งคืน
บทสนทนาที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของแขกคนสำคัญของบ้านนั่นเอง
กว่าเสียงในห้องจะสงบลงได้ก็เกือบเที่ยงคืน

ผู้เป็นมารดาที่แอบไขกุญแจย่องเข้ามาดูลูกๆถึงกับระบายยิ้มให้กับภาพที่ลูกสาวทั้งสี่
นอนกอดกันกลม…

ดานีสที่แอบย่องตามมาสะกิดภรรยาแล้วกระซิบเบาๆว่า

“หรือว่าเราจะไปนอนกับเขาด้วยดีมั้ย…”

“อยากเหมือนกันค่ะ แต่ดูๆไปแล้ว คงไม่มีที่ให้เราลงแล้วล่ะค่ะ…”
นาดาพูดกลั้วหัวเราะ…ไม่วายหันไปยิ้มให้สามี

“เรากลับไปนอนกันเถอะค่ะ…”ดานีสจึงโอบเอวภรรยาสุดที่รัก
ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาเดินเข้าห้องนอนไป…

โดยไม่รู้ว่าอีกฟากนึงที่เป็นห้องนอนของแขกนั้นมีใครบางคนยืนมองภาพนั้นอยู่…

ฟาเดลได้แต่เก็บความรู้สึกบางอย่างและกดมันเอาไว้ให้ลึกสุดใจ…
สิ่งที่เขาไม่เคยได้รับเลยตั้งแต่จำความได้ และไม่ว่าใครหรืออะไร
ก็ไม่อาจทดแทนหรือชดเชยให้ได้…

“ครับคุณย่า…”ฟาเดลปิดประตูห้องนอนแล้วเดินเข้าไปรับโทรศัพท์

“ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมยังไม่นอนครับ…”

“ตายแล้ว…ย่าลืมไปว่าที่ญี่ปุ่นดึกแล้ว…”เสียงจากปลายสาย
ทำให้ฟาเดลถึงกับอมยิ้ม…

“ว่าไงครับ…คุยได้ครับ…ผมยังไม่นอน…”

“เป็นไงบ้าง บ้านโสภณพสุธ…”

“อบอุ่นดีครับ…”

“ชอบมั้ยล่ะ…”

“ถ้าบอกว่าชอบ…แล้วคุณย่าจะช่วยให้ผมได้อยู่กับพวกเขาไปนานๆได้มั้ยล่ะครับ…”
ฟาเดลแกล้งแซวผู้เป็นย่า

“ย่ากับอะมานีกำลังหาวิธีอยู่…ว่าแต่ถ้าไม่ใช่หนูดารัลเราจะว่าไง…”
ฟาเดลถึงกับขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“หมายความว่าไงครับคุณย่า…”

“ก็บ้านนั้นน่ะ ไม่ได้มีแค่หนูดารัลคนเดียว ย่าอะมานีของเราน่ะ
มีหลานสาวอีกสามคนนะ…”ฟาเดลพอจะเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นย่าพูดแล้ว

“คนเล็กสุดนี่ผมคงรอไม่ไหวหรอกครับ…”ฟาเดลแซวคนเป็นย่าต่อ

“ก็น้องนีลหรือไม่ก็น้องฟ้าไง…เราไม่รู้สึกถูกชะตาบ้างเลยเหรอ…”
ผู้เป็นย่าชี้โพรงให้กระรอก…

“ก็สวยดีนะครับ…นิสัยดี น่ารักกันทั้งคู่…โดยเฉพาะน้องนีล…”

“นั่นไง…”คนเป็นย่าตบเข่าด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

“แต่เขาเป็นแฝด ดูจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด…ตัวก็ออกจะติดกันแจ
ผมไม่อยากไปแยกเขาเลยครับคุณย่า มันรู้สึกผิดยังไงๆก็ไม่รู้สิ”

“อย่ามาทำเป็นแสนดีไปหน่อยเลย…ย่ารู้หรอกว่าที่แท้น่ะติดใจหนูดารัลใช่มั้ยล่ะ…”
คนเป็นย่ากล่าวอย่างรู้ทัน ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับหูแดง

“ยิ่งยากยิ่งท้าทายครับ…ผมชอบ…”ชายหนุ่มเปิดอกยอมรับ

“คุณย่าคงไม่ว่า ถ้าผมจะบอกว่า ผู้หญิงคนนี้แหล่ะที่ผมตามหามานาน
เธอทำให้หัวใจผมเต้นตูมตาม ขนาดเห็นหน้าแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ผมลืมไม่ลง…
เธอใช่สำหรับผมครับคุณย่า…”

“งั้นก็ใส่เกียร์เหยียบคันเร่งเลยหลานย่า…”คนอีกซีกโลกส่งเสียงเชียร์

“คุณย่าช่วยมากดดันเธอให้ผมหน่อยสิครับ…ผมอยากได้ตัวช่วยมากๆ
เพราะตอนนี้เธอเอาแต่หลบหน้าหลบตาผมตลอดเลย
ถ้าคุณย่ามา เธออาจจะไม่กล้าขัดใจก็ได้นะครับ…
เธอหัวแข็งแถมยังใจแข็งอีกต่างหาก…ผมไม่รู้จะเอาอะไรเข้าสู้…”

คนเป็นย่าถึงกับอดเป็นห่วงหลานชายไม่ได้เมื่อได้ฟังเสียงราวกับคนหมดหวัง
หมดอาลัยตายอยากอย่างนั้น…

“งั้นย่่าจะถ่อสังขารณ์ไปหาก็แล้วกัน แล้วใครจะดูแลคุณปู่ของเราล่ะเน่ีย”

“คุณย่าก็ชวนคุณปู่มาด้วยสิครับ…”

“คงไม่ไหวแล้วล่ะ…เดินทางข้ามขอบฟ้าแบบนั้น ปู่เราคงไม่ชอบแน่”

“ได้โปรดเถิดนะครับคุณย่า อ้อนคุณปู่ให้หน่อย…ผมรับรองว่า
ผมจะไม่ทำให้ผิดหวัง คุณย่ากับคุณปู่จะได้หลานสะใภ้กลับไปด้วย…”

ได้ยินเสียงออดอ้อนของหลานชาย คนเป็นย่าก็ใจอ่อน

“เอาก็เอา แล้วย่าจะอ้อนปู่เราให้…แต่เราต้องสัญญาว่า
งานนี้ห้ามให้ย่ากับปู่กอดแห้วกระป๋องกลับประเทศเด็ดขาด…”

“ครับ…ผมสัญญา…”ฟาเดลรับปากแข็งขัน เพราะเขามั่นใจว่า
หากปู่กับย่ามาช่วยเป็นทัพเสริม แผนการของเขาต้องสำเร็จอย่างแน่นอน




เมื่อเวลาอาหารเช้ามาถึง ทุกคนต่างก็ลงมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร
อย่างพร้อมเพรียงเช่นทุกวัน…ผิดแผกจากวันอื่นก็ตรงที่
วันนี้มีแม่บ้านคนใหม่ที่เขายังไม่เคยเห็นซึ่งอยู่ในชุดยาวสีขาว
มีผ้ากันเปื้อนสีชมพูดคาดอยู่ที่สะเอวกำลังจัดโต๊ะอาหารให้อยู่

ดอกกุหลาบขาวที่ถูกจัดไว้อย่างดีในแจกันใหญ่ลายครามตั้งตระหง่านอยู่กลางโต๊ะ…
หน้าตาอาหารก็ดูน่ากินกว่าทุกๆครั้ง…
ทำเอาแขกคนสำคัญถึงกับอยากเห็นหน้าแม่บ้านคนนั้นให้ชัดๆ…

และเขาก็สมใจเมื่อเธอหันมาจัดแจงตักข้าวให้คนที่อยู่หัวโต๊ะ

“ย่าว่าแล้วเชียวว่าวันนี้โต๊ะอาหารเราช่างแตกต่างจากหลายวันก่อน…”
ผู้เป็นย่าเอ่ยชมหลานสาวคนโตที่ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร
ดูเจริญหูเจริญตากว่าหลายวันก่อนที่ปล่อยให้ผู้ชายเป็นคนจัด

“ยายเห็นตอนแรกก็นึกว่า เอ…ดานีสจ้างแม่บ้านคนใหม่มาช่วยงาน
พ่อครัวหัวเห็ดของเราหรือเปล่า…”คนเป็นยายก็ไม่วายที่จะหยอกหลานสาวเล่น
ยิ่งเห็นรอยยิ้มสดใสจากหลานสาวก็ยิ่งโล่งใจ
เพราะหลานสาวคนโตเล่นหายหน้าหายตาไปจากโต๊ะอาหารหลายวัน

“ผู้หญิงทำมันก็ต้องสวยหวานน่าทานกว่าผู้ชายล่ะครับคุณย่า…”
เสียงจากจาลัลพ่อครัวหัวเห็ดที่วันนี้ดูจะตกกระป๋องไปเลย

“นี่ลูกทำเองหมดเลยรึเปล่าน่ะ…”ดานีสถามลูกสาวสายตาก็มองไปยังอาหารหลากหลาย
ที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ หน้าตาล้วนน่ากินทั้งนั้น

“ไม่หมดหรอกค่ะ…วันนี้น้องรัลช่วยกันกับจาลัลค่ะ…
พ่อทานปุ๊บเดี๋ยวก็รู้ว่าจานไหนน้องรัลเป็นคนทำ…”หญิงสาวเอ่ย
พร้อมกับยิ้มไปให้บิดา ทำให้ดานีสโล่งใจไปหนึ่งเปราะ…

“งั้นต่อไปแม่ก็ไม่ต้องเข้าครัวแล้วล่ะสิ…ว้าว…สบายจัง…”นาดากล่าว
พร้อมรอยยิ้มสดใส…

“แต่ฉันก็ยังอยากทานฝีมือเธออยู่นะน้ำค้าง…อย่าห่างหายไปนานล่ะ”

..นั่นๆ…พ่อเริ่มจีบแม่อีกแล้ว…

“ผมว่าเรามาลองทานดูกันดีกว่าครับ…เดี๋ยวมดจะขึ้นเสียก่อน…”
ดารุสหันมาหยอกบิดาที่นั่งอยู่ข้างๆเล่น ทำเอาแขกของบ้านถึงกับอมยิ้ม…

และต้องใจสั่นเมื่อหญิงสาวที่เขาหมายปองเดินมาตักข้าวให้กับเขา…
กลิ่นหอมอ่อนๆของโลชั่นทาผิวโชยเข้าจมูก…
ทำเอาฟาเดลถึงกับช้อนตาขึ้นมองหญิงสาวนิดนึง นิดนึงเท่านั้น
แล้วก็ต้องหันกลับมาที่อาหาร…เพราะหากมองนานๆเขาคงกลืนข้าวมื้อนี้ไม่ลงแน่ๆ…
หรือเผลอๆอาจจะได้กินโปรตีนจากประมุขของบ้านเป็นสารอาหารหลักของมื้อ
ก็เป็นได้...เพราะแววตาของคุณหมอดานีสนั้นคมยิ่งกว่าดาบของนินจาฮาโตริเป็นไหนๆ

“ขอบคุณครับ…”ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณแม่บ้านที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน…
วันนี้เธอไม่ได้สวมผ้าปิดหน้า มีเพียงผ้าคลุมศีรษะเท่านั้น

ซึ่งคงต้องเป็นเช่นนั้น เพราะนี่มันเป็นเวลากินข้าว…
จะให้เธอสวมผ้าปิดหน้าเหมือนตอนออกไปข้างนอกได้อย่างไร…

ยิ่งตอนที่แอบมองเธอเมื่อกี้ ตอนที่เธอยิ้มให้คนอื่นๆนั้น เขาแอบเห็นลักยิ้มของเธอ
ที่พิมพ์เข้าไปในใจของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เธอช่างดูอ่อนโยน สวยหวาน ละไม หยุดหัวใจเขาเอาไว้ตรงนั้นได้สนิท
แล้วเธอก็นั่งยังฝั่งตรงข้ามกับเขา…ซึ่งผู้หญิงกับผู้ชายจะนั่งรับประทาน
อาหารกันคนละฝั่ง…โดยมีอาวุโสสุดของบ้านนั่งตรงหัวโต๊ะ…
ซึ่งก็คือท่านหญิงอะมานี…ถัดมาก็เป็นมารดาของนาดา เรียงลำดับตามอาวุโส…
ซึ่งที่นั่งเขากับดารัลนั่งอยู่เยื้องๆกัน…ทำให้เขานึกอยากจะตักอาหารตรงหน้าให้กับเธอ…
แล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น

“ตักอาหารตรงหน้าให้น้องเขาบ้างสิฟาเดล…”อะมานีเปิดไฟเขียว
ฟาเดลเลยไม่รอช้าตักอาหารตรงหน้าให้กับดารัลทันที…

“ขอบคุณค่ะ…”ดารัลกล่าวขอบคุณ ทว่ากลับไม่เตะต้องอาหาร
ที่เขาตักให้เลยแม้แต่ปลายเล็บ ทำเอาคนตักให้ถึงกับน้อยใจ

“ย่าลืมบอกไปว่า น้องรัลเขาไม่กินเนื้อ แต่ชอบกินปลาและอาหารทะเล”
ฟาเดลเลยถึงบางอ้อ…หันไปมองคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาทานข้าวอยู่
เขาจึงตักต้มยำปลาหิมะให้กับหญิงสาว…

“ขอบคุณค่ะ…”ดารัลกล่าวขอบคุณอีกครั้ง แล้วตักอาหารที่เขาตักให้เมื่อครู่เข้าปาก…
ทำให้ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากที่วันนี้อะไรๆก็เข้าทางเขา

“ตักให้พี่เขาบ้างสิน้องรัล…”อะมานีเชียร์ให้หลานสาวคอยปรนนิบัติ
แขกผู้มาเยือนบ้าง ดารัลหันไปยิ้มแหยๆให้ผู้เป็นย่า
ก่อนจะตักอาหารที่อยู่ตรงหน้าให้กับแขก

“ขอบคุณครับ…”ชายหนุ่มตักอาหารดังกล่าวเพื่อลิ้มลองรสชาติดู
ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก…

“อาหารอร่อยถูกปากมั้ยคะ…”นาดาใส่ใจถามแขกของบ้าน

“อร่อยครับ…”

“มีจานไหนพิเศษไหมครับ…”จาลัลหันมาถามบ้าง…

“จานนี้ครับ…ไม่รู้ว่าคืออะไร…แต่ชอบครับ…โดยเฉพาะผักในแกงนี่”
ฟาเดลชี้ไปยังจานที่อยู่ตรงหน้าดารัล ซึ่งเป็นอาหารจานเดียวกับที่เธอตักให้เขาเมื่อครู่

“อ๋อ…อันนี้เขาเรียกว่าแกงส้มกุ้งกับดอกแคค่ะ…เป็นอาหารไทย
จานโปรดของแม่กับพี่รัลค่ะ…”นาดีญาเป็นฝ่ายเฉลยแทนพี่สาว
ก่อนจะก้มหน้าอมยิ้มเมื่อเผลอเห็นแก้มแดงๆของพี่สาวเข้า…

…เพิ่งรู้ว่ามีการจีบข้ามโต๊ะอาหารกันด้วย…

“ของโปรดพ่อด้วย…”ดานีสบอกย้ำ ทำเอานาดาถึงกับระบายยิ้มออกมา
พลันนึกไปถึงความหลังระหว่างเธอกับสามี โดยมีแกงส้มกุ้งกับดอกแคเป็นแม่สื่อ…

“ส่วนผักที่ว่านั้นไม่ใช่ผักหรอกจ๊ะ แต่เป็นดอกไม้ เขาเรียกว่า…ดอกแค…”
นาดาอธิบายให้อีกฝ่ายทราบเพื่อกันการเข้าใจผิด

“ดอกไม้นำมาแกงเนี่ยน่ะเหรอครับ…”ฟาเดลมองไปยังดอกแค
ที่นอนนิ่งอยู่ในถ้วยแกงส้มเคียงข้างกับกุ้งตัวโต…

“ไม่เห็นคุณย่าเคยทำให้กินเลยครับ…ท่านเก่งเรื่องทำอาหารไทยครับ
เพราะเป็นคนไทย…”ฟาเดลเล่า

“ย่าเองก็คนไทยจ๊ะ แต่ทำอาหารไทยไม่เป็น…
เมื่อก่อนก็ให้ย่าเราทำให้กินประจำ…แต่แกงส้มดอกแคนี่ย่าเองก็ไม่ถนัดจ๊ะ…กินไม่เป็น…”
อะมานีจัดไปเต็มๆ

“เจ้าลูกชายย่าเขาติดใจฝีมือการทำแกงส้มดอกแคของภรรยาเขา
ก็เลยเอาพันธุ์ดอกแคร์มาปลูกไว้ที่นี่จนได้…ถ้าอยากรู้จักเดี๋ยวให้น้องๆ
พาไปดูที่สวนเป็นไง…เผื่อมีไอเดียดีๆช่วยย่าแต่งสวนที่นี่ด้วย…”
ฟาเดลพยักหน้า

“ครับ…”

“แล้วนี่ฝีมือเธอรึเปล่าน้ำค้าง…”อะมานีไม่วายหันไปถามลูกสะใภ้

“เปล่าค่ะ…น้ำค้างไม่ได้เข้าครัวมานานแล้ว…แกงส้มดอกแคถ้วยนี้
เป็นรสมือของน้องรัลเขาค่ะ…พ่อเขาชอบไม่แพ้รสมือของน้ำค้าง…”
นาดาอธิบายก่อนจะหันไปทางคุณสามีแล้วยิ้มบาง

“แสดงว่าตั้งใจทำให้พ่อกินใช่มั้ย…”ดานีสหันไปถามลูกสาว

“ค่ะพ่อ…”ดารัลพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“งั้นตักให้พ่อบ้างสิ…พ่อเอื้อมไม่ถึง…”นาดาชักรู้สึกหมั่นไส้
ผู้เป็นสามีที่พยายามตีตื้นว่าที่ลูกเขย เพราะอย่างที่เห็นๆกันอยู่
ว่าแกงส้มถ้วยดังกล่าววางอยู่ไม่ไกลจากตัวเองเลย…

เนื่องจากลูกสาวได้จัดวางไว้ที่ตรงหน้าตัวเองกับหน้าที่นั่งของพ่อตัวเองอย่างละถ้วยแล้ว…
แต่ก็ไม่วายหาเรื่องชาวบ้าน…

“ยังอร่อยไม่เปลี่ยน…”ดานีสออกปากชมรสมือของลูกสาว
ทำเอาอะมานีถึงกับยักไหล่ หมั่นไส้ลูกชาย…จึงหันไปสั่งหลานสาวว่า

“ตักให้พี่เขาอีกสิน้องรัล…ตักกุ้งตัวโตๆให้พี่เขาด้วย…ดอกแคนั้นก็ด้วย”
ดารัลหันไปทางแขกแล้วจัดแจงตักแกงส้มดอกแคให้ชายหนุ่มตามคำขอของผู้เป็นย่า
อย่างไม่เกี่ยงงอน สร้างความประทับใจให้กับฟาเดลไม่น้อย
ที่ได้เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของหญิงสาวที่ใครๆต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘หัวดื้อ’

“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ ย่าขอเชิญฟาเดลกับดารัลไปที่สวนด้วยนะจ๊ะ
เราจะช่วยกันปรึกษาเรื่องจัดแต่งสวน…”
อะมานีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหลายๆคนกำลังอิ่มกันแล้ว

“เอ่อ…คุณย่าคะ…พอดีน้องรัลมีธุระต้องไปที่บริษัทค่ะ…”
ดารัลเอ่ยไม่เต็มเสียงนัก ด้วยเพราะเกรงใจ

“วันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ…มีอะไรก็ให้พี่เขาจัดการไปสิ…ว่าไงเจ้ารุส…”
อะมานีโยนงานให้ดารุสหลานชายคนโตทันที ทำเอาเจ้าตัวแทบตั้งรับไม่ทัน

“เอ่อ…อะไรครับคุณย่า…วันนี้ผมไม่ได้เข้าบริษัทนะครับ…”

“ไม่เข้าก็เข้าได้…ไปทำธุระให้น้องด้วย…ย่าจะวานน้องให้ช่วยย่าหน่อย”
ดารุสที่มีแผนการจะไปเที่ยวนอกเมืองกับน้องชายทั้งสองถึงกับลอบถอนใจ…
หันไปมองหน้าน้องชายทั้งสองแล้วก็ได้เห็นทั้งสอง
หยักไหล่แล้วยิ้มแหยๆส่งมาให้แทนคำพูด…

“โอเคก็โอเคครับ…ว่าแต่มีอะไรให้พี่ช่วยบอกมาได้น้องรัล…”
ดารุสแอบผิดหวังน้อยๆเมื่อต้องยกเลิกโปรแกรมเที่ยวนอกเมือง
ซึ่งตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะชวนแขกของคุณย่าไปด้วยกัน
แต่สงสัยจะไม่ได้เสียแล้ว…ส่วนอีกสองหนุ่มก็เซ็งไปตามๆกัน…

“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะพี่รุส ไม่รบกวนพี่รุสดีกว่า
เพราะว่ามันเป็นเรื่องของตัวยา น้องต้องตรวจดูเอง…”

ดารัลเข้าใจพี่ชาย เพราะรู้ว่าพี่ชายแอบวางโปรแกรมเที่ยวนอกเมืองอยู่

“แล้วเอาไว้ทำพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอน้องรัล…”อะมานีถามย้ำ

“เดี๋ยวคุยกับคุณย่าเสร็จแล้วค่อยเข้าบริษัทก็ได้ค่ะ…”ดารัลแบ่งรับแบ่งสู้
ทั้งที่ความจริงแล้ว มันก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร เพียงแต่เธอคิดจะบ่ายเบี่ยง
ที่จะพบปะพูดคุยกับแขกของคุณย่าก็เท่านั้นเอง

“งั้นตามนี้…”อะมานีสรุป…


....โปรดติดตามตอนต่อไป.......


เขาเริ่มจีบกันแล้ว...จีบกันแบบนี้แหล่ะค่ะ...ฮ่่าๆๆๆ


ถ้าเราเกิดโดนจีบแบบนี้บ้าง...ไม่รู้จะเป็นยังไงนะคะ...

จะรู้สึกเฉยๆ...หรือว่า...สั่นไหวกันนะ...อิอิ



ส่วนคุณพ่อ...หวงไม่หวงไม่รู้ แต่คงไม่ต้องการน้อยหน้าใคร
โดยเฉพาะกับผู้ชายคนไหนที่อยากเข้าใกล้ลูกสาว...เหอๆ


มาติดตามต่อกันค่ะ...ว่าจะมีอะไรในสวนบ้าง....

สุภาษิตอาหรับว่าไว้ว่า...

"ในสวนสวย ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องมีงู..."


รักษาสุขภาพนะคะ...เพราะฝนตกบ่อย อากาศก็แปลกๆ





yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ย. 2557, 18:58:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2557, 19:02:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 4644





<< บทนำ   บทที่ 2 ที่เห็นว่าสงบไม่ได้แปลว่ายอมสยบนะ >>
Chii 3 ก.ย. 2557, 21:19:40 น.
ไม่ชอบฟารัล ชึ!!

//ทีมคุณหมอดานีส~


คิมหันตุ์ 3 ก.ย. 2557, 21:28:06 น.
แอบยากนิดๆนะเนี่ยจีบสาวสวยบ้านนี้น่ะ


pseudolife 3 ก.ย. 2557, 22:21:37 น.
ฮ่าๆๆ อาชีพอย่างหนูสนใจที่มีสวนสวยนี่ล่ะค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะค้า
------------------------------------------------------------------------------------
ดารัลหน้าหงอนิดๆ > หน้างอ?
ชักไม่ชักมาจะเขาหาตัว?
น้องนุจสุดท้อง > น้องนุชสุดท้อง


แว่นใส 4 ก.ย. 2557, 16:22:24 น.
น่าสงสารหนุ่มจีบสาว


phakarat 4 ก.ย. 2557, 22:16:55 น.
คนมีฟอร์มทำเอาคนจีบลำบากเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account