รักแท้...เคียงใจ
รักแท้...เคียงใจ

โดย ต้นเรื่อง(ภูเพชร)

อารัมภบท

ณหทัย ‘ฉันจะเชื่อเขาได้ไหม ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา จะมาสนใจใยดีอะไรกับฉัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องจดจำ ขนาดแฟนหนุ่มที่คิดว่าดี คบกันมา กว่า 4 ปี ยังใช้เวลาแค่สิบนาที มาบอกเลิกได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย’

นราภพ ‘อย่าถามผมได้ไหม ว่ารักคุณเพราะอะไร ผมรู้แค่ว่าอยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ อยากมีคุณอยู่เคียงข้างใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็สามารถบอกกับคุณได้อย่างมั่นใจ ว่าผู้ชายอย่างผมคนนี้ จะรักคุณคนเดียวตลอดไป’

มาพิสูจน์ รักแท้ ที่ไม่จำกัดนิยาม ของ ผู้ชายที่ชีวิตนี้มีเพียง หนึ่งใจ

-------------------------------------------------------------

ข้อความเล็ก ๆ ของคนต้นเรื่อง/ภูเพชร/ปีบเพชร

ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่หายไปนานแสนนานมาก
ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้จบ ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ไปอ่านตอนที่หนึ่งกันเลยเนอะ
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ติชมวิพากษ์วิจารณ์กันได้นะคะ หรือจะต่อว่าต้นเรื่อง(ภูเพชร)ที่หายไปก็จัดมาได้เลยจ้า จังหวะนี้ยอมทู้กอย่าง :)

--------------------------------------------------

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเป็นสำคัญ ทั้งพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครและคาแร็คเตอร์ตัวละครล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และเนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิต หากมีจุดบกพร่อมประการใด ต้นเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)

Tags: หวานซึ้ง อบอุ่นใจ

ตอน: ตอนที่ 1 ต้นเรื่อง

รักแท้...เคียงใจ ตอนที่ 1 โดย ต้นเรื่อง
“นายครับ...พรุ่งนี้ตอนสิบเอ็ดโมงเช้า มีพิธีเปิดห้างสรรพสินค้าในเครือบริษัท นายจะไปเป็นประธานในพิธีเปิดเองรึเปล่าครับ…” สิ้นเสียงเลขาคนสนิท ความเงียบก็คืบคลานเข้ามาปกคลุม

ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นนาย ยังคงยืนนิ่งทอดสายตาไปไกลยังวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า ระหว่างรอคำตอบของนายหนุ่ม ‘เพชร’ บอดี้การ์ดคนสนิท ผู้กล่าวรายงานเมื่อครู่ หันไปสบตากับ ‘ภัคค์’ เพื่อนร่วมงานในตำแหน่งเดียวกันที่ยืนอยู่ไม่ไกล อย่างคาดเดาในคำตอบ

“ไป...” คำตอบของนราภพในอีกชั่วอึดใจ ดึงความสนใจของทั้งสองคนสนิทให้พุ่งสายตาไปยังผู้เป็นนายในทันที

“แต่...ให้ภัคค์ไปทำหน้าที่แทนฉันทีแล้วกัน” นราภพแย้มยิ้มน้อย ๆ นัยน์ตาคมกล้าเปล่งประกายเจ้าเล่ห์

‘นั่นไง เอาอีกแล้วเจ้านายผม เล่นแบบนี้อีกแล้ว เมื่อครั้งที่แล้วเปิดตัวรีสอร์ทที่ลำปางก็ให้เพชรไปเป็นตัวแทน ไม่รู้นายคิดอะไรของนายอยู่ แต่ความจริงพวกผมน่าจะชินได้แล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณนราภพจะทำอะไรแบบนี้’ ภัคค์คิดในใจ พลางหันไปยิ้มให้เพื่อนสนิทกับคำสั่งที่ได้รับ

“พวกนายสองคนยิ้มไรกัน”

“เปล่าครับผม” รอยยิ้มของสองคนสนิทหุบลงทันที เพชรกระแอมเบา ๆ กลบเกลื่อนท่าทางเก้อ ๆ ของตน แน่นอนไม่มีใครอยากให้นายโกรธ ถึงนายจะใจดี แต่เวลาโกรธขึ้นมา ลูกน้องทุกคนรู้กิตติศัพท์ดีว่าเอาเรื่องน้อยเสียเมื่อไหร่

“ทำหน้าที่ของนายให้ดีนะภัคค์ ฉันจะไปร่วมแสดงความยินดีในงานด้วยคน” รอยยิ้มมีนัยน์ปรากฏบนมุมปากได้รูปอีกครั้ง

“อ้อ ! เตรียมตัวด้วย อีกสามสิบนาทีเราจะไป ‘บ้านอัศวเดชา’”

“ครับ”

------------------------------------------

เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาภายในบริเวณบ้านเรือนไทยโบราณไม้สักทอง ที่ผู้สร้างตั้งชื่อว่า ‘บ้านอัศวเดชา’ ตามชื่อนามสกุล ในยามวิกาล เรียกความสนใจจากหญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านและเหล่าสาวใช้ทั้งใหญ่น้อยที่รายล้อมอยู่ได้เป็นอย่างดี

“แม่น้อมไปดูซิว่าใครมาเยือนเอามืด ๆ ค่ำ ๆ ป่านนี้”

“เจ้าค่ะ คุณหญิงย่า” เสียงคุณน้อม แม่บ้านใหญ่รับคำ แต่ก่อนที่นางจะทันได้ก้าวออกจากบริเวณนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

“ไม่ต้องดูหรอกครับป้าน้อม ผมเองครับ” ร่างสูงใหญ่ไร้ไขมันส่วนเกินก้าวผ่านบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเรือนไทยเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย ใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่ถูกแต่งแต้มด้วยหนวดเครารกครึ้มแย้มยิ้มน้อย ๆ มาแต่ไกล ตามมาด้วยคุณเลขาคนสนิทอย่าง เพชร และ ภัคค์ ที่ติดสอยห้อยตามมาเช่นเคย

“คุณหญิงย่าเจ้าคะ นายน้อยมาค่ะ นายน้อยมา!!!” คุณน้อมแม่บ้านใหญ่ประจำเรือนไทยหลังนี้กล่าวออกมาอย่างดีใจ

“เพลา ๆ ซะบ้าง แม่น้อม แก่แล้ว เดี๋ยวจะพาลเป็นลมเป็นแล้งไป...ฉันเห็นแล้ว” คุณหญิงนภาหัวเราะขบขันท่าทางของคนสนิท เป็นเหตุให้สาวใช้ที่นั่งอยู่ด้วยหลุดเสียงหัวเราะในกิริยาของแม่บ้านใหญ่กันทั่วหน้า

“ก็มันดีใจนี่เจ้าคะ” ป้าน้อมบ่นพึมพำ ๆ ก่อนที่จะหันไปสั่งสาว ๆ ที่นั่งอยู่ “เอ๊ะ ! แล้วแม่พวกนี้มานั่งขันอะไร ทำไมไม่ไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับนายน้อยล่ะย๊ะ”

“แน้! ว่าแล้วยังไม่หยุดอีก แม่คนนี้นี่” หญิงชราดุด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางหันไปมองหลานชายที่เดินมานั่งข้าง ๆ

“สวัสดีครับคุณย่า” นราภพยกมือไหว้ทำความเคารพผู้สูงวัย เพชรและภัคค์ปฏิบัติไม่ต่างกัน

“บุญรักษาลูก ลมอะไรหอบมาล่ะเจ้าภพ ถึงมาหาย่าเอามืด ๆ ค่ำ ๆ ป่านนี้” หญิงชราเอ่ยถามหลานชาย

“ลมแห่งความคิดถึงครับคุณย่า”

“แหม ! เดี๋ยวนี้เจ้านายเราปากหวานถึงเพียงนี้เชียวรึ เจ้าเพชร เจ้าภัคค์” เสียงคุณย่าเอ่ยแซวกับสองหนุ่มที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า พลางชะเง้อมองไปทางประตู

“คุณย่ามองหาอะไรครับ” นราภพเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยในกิริยาของผู้เป็นย่า

“ก็มองหาว่า มาคราวนี้หลานย่าได้พาว่าที่หลานสะใภ้มาฝากย่ารึเปล่าน่ะสิ ตาภพ”

“โอ้ย!! เห็นทีคุณหญิงย่าจะต้องผิดหวังกระมังครับ เพราะเจ้านายผมไม่เคยใช้สองตาแลผู้หญิงคนไหนเลยครับ จนพวกผมคิดว่าอีกหน่อยเจ้านายคงจะแต่งกับงานเป็นแน่แท้ครับผม”

สิ้นเสียงแซวจากเพชร รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากสาวเล็กสาวน้อยไปจนถึงบอดี้การ์ดตัวโตกล้ามเป็นมัด ๆ ดังขึ้นมาทันที บางคนก็ไม่กล้าจะหัวเราะออกมามาก ต้องเอามือป้องปากแอบขำอยู่อย่างนั้น สายตาคมกริบของนราภพกวาดมองเพียงรอบเดียว เสียงหัวเราะเงียบกริบลงในทันที

“เงียบไปเลยเพชร แกไม่พูด ไม่มีใครเค้าว่าเป็นใบ้หรอกนะ ส่วนนายก็หยุดหัวเราะสักทีภัคค์” นราภพเอ่ยกับคนสนิททีเล่นทีจริง เพชรและภัคค์ต้องเก็บอาการหน้าทะเล้นเมื่อครู่ ก่อนที่บาทาจะลอยมาหา แต่ใบหน้าของสองหนุ่มคู่หูก็ยังคงแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

“เอ...แต่ย่ามีความรู้สึกว่า หลานย่าจะได้พบเนื้อคู่เร็ว ๆ นี้ซะล่ะมั้ง ยี่สิบแปดแล้วไม่ใช่เหรอเราน่ะ” คุณหญิงนภากระเซ้าหลานชายเล่นอย่างนึกสนุก

“มันคงไม่เร็วถึงขนาดวันสองวันนี้หรอกมั้งครับคุณย่า”

“แต่ผมเชื่อคุณหญิงย่าครับ” สองหนุ่มส่งเสียงขึ้นพร้อมกัน แถมด้วยการหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้กับนายหนุ่ม
นราภพหันขวับมาแยกเขี้ยวยิงฟันใส่สองคู่หูตัวแสบ สร้างเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจให้เพชรและภัคค์ได้ทันที จนคุณหญิงนภาที่นั่งอมยิ้มอยู่ต้องเอ่ยแทรก ก่อนที่จะเกิดสงครามเด็กน้อยขึ้นมาเสียก่อน

“กินอะไรกันมาหรือยังล่ะลูก ย่าทำแกงส้มมะรุม แกงจืดตำลึง น้ำพริกปลาทู แล้วก็ปลานิลทอด สนใจจะกินไหมพ่อหนุ่มทั้งสาม” เสียงกลืนน้ำลายดังเอื้อก ก่อนทั้งสามจะตอบโดยพร้อมเพรียงกัน

“สนครับ” สามเสียงตอบโดยพร้อมเพรียงกัน

“เจ้านายผมนะคุณหญิงย่า ใช้งานหนักมหาหฤโหด ป่านนี้ข้าวปลายังไม่ตกถึงท้องเลย ต้องฝากท้องกับคุณหญิงย่าแล้วล่ะครับ”

“นี่ให้มันน้อย ๆ หน่อย ออกจากที่นี่เจอหนักแน่”

“เห้ย อย่านะเว้ย คุณหญิงย่าอยู่นะ มาเถื่อนแถวนี้ไม่ดีแน่ ๆ จริงปะเพชร” พูดจบภัคค์และเพชรก็ประสานเสียงหัวเราะดังลั่น นราภพชี้หน้าสองแสบ แล้วชี้มาที่ริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะทำปากให้เห็นกันชัด ๆ

“ฝาก ไว้ ก่อน ไอ้ ตัว แสบ”

ภาพที่หลานชายต่อล้อต่อเถียงกับคนสนิท คุณนภาคิดว่าคงมีแต่นางเท่านั้นที่ได้เห็นพวกเขาในมุมเหล่านี้ เพราะเมื่ออยู่ในหน้าสังคม นราภพ คือ นักธุรกิจที่แสนจะเย็นชาและทำตนลึกลับ ซึ่งทุกคนต่างกำลังจับตามองในฐานะซีอีโอคลื่นลูกใหม่ที่เข้ามาบริหารอัศวเดชาแทนคลื่นลูกเก่า ส่วนเพชรและภัคค์ก็เป็นทั้งบอดี้การ์ดคู่กายและเลขาคู่ใจของนราภพ ที่ไม่เคยมีรอยยิ้มให้ใครเห็นเช่นกัน

“เอาเข้าไป ๆ ฮ่า ๆ ไปกินข้าวกันดีกว่าปะ แม่น้อมสั่งตั้งสำรับเลย”

“เจ้าค่ะคุณหญิง” ป้าน้อมยิ้มแป้น กระวีกระวาดลุกขึ้นไปดูแลสำรับกับข้าวด้วยความเต็มใจ

“กับข้าวฝีมือคุณย่า ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะครับ”

“คนหนุ่มนี่ปากหวานเนาะ” ผู้สูงวัยกล่าวยิ้ม ๆ

“ผมไม่ได้แกล้งชม คุณย่าก็รู้ ถามเพชรกับภัคค์สิครับ” นราภพหันไปพยักพเยิดกับคนสนิท สองคนนั้นไม่สนใจอะไร ตั้งหน้าตั้งตากิน
จนนราภพต้องใช้ศอกสะกิด ทั้งสองจึงประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน

“จริงครับผม” คุณหญิงนภาหัวเราะร่า แล้วนึกขึ้นได้

“ความรู้สึกมันชัดจริง ๆ นะ ย่าว่าย่าจะได้เห็นหลานสะใภ้ในเร็ว ๆ นี้” จู่ ๆ คุณหญิงย่าก็กล่าวขึ้น หลังจากมองหน้าหลานชายตนเองนิ่งได้พักหนึ่ง

“ว่าที่นายหญิงของผมจะสวยปะครับคุณหญิงย่า” เพชรต่อด้วยความรวดเร็ว ภัคค์ขยับเข้ามาอย่างอยากรู้เช่นกัน นราภพมองภาพสองคนสนิทอย่างหมันไส้

“ถึงย่าจะไม่มีตาทิพย์แต่ย่าก็พอบอกได้นะ สวยกายหรือเปล่าย่าไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ต้องสวยใจแน่นอน ใช่ไหมเจ้าภพ”

“วะ..วะ..ว้าวว” เพชร ภัคค์ ประสานเสียงมาชุดใหญ่ คุณหญิงนภาอมยิ้มอย่างมั่นใจในความรู้สึก
นราภพนั่งหน้าแดงอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี นี่ขนาดเขายังไม่มีผู้หญิงคนไหนนะ ยังแซวกันได้ขนาดนี้ ถ้าเขามีขึ้นมาจริง ๆ มีหวังได้ล้อกันทั้งวันแน่ ๆ ทั้งคุณย่าทั้งไอ้สองแสบ

“นายสองคนไปพักผ่อนเลยไป ถ้างานพรุ่งนี้ออกมาไม่ดีนะ พวกนาย ตาย !!!”
นราภพต้องรีบสกัดทัพ ก่อนที่ตนและว่าที่ภรรยาในอนาคตที่ยังไม่มีวี่แววเฉียดใกล้เข้ามาเลยแม้แต่น้อยจะกลายเป็นหัวข้อในการสนทนามากไปกว่านี้

“เวรกรรม ดูสิ ไล่พวกผมซะแล้วครับคุณหญิงย่า” ภัคค์ตัดพ้อด้วยน้ำเสียงร่าเริงที่สุดในชีวิต เรียกเสียงหัวเราะจากผู้สูงวัยได้อีกครั้ง แต่ก่อนจะแยกย้ายเพชรยังแอบกระซิบด้วยความอยากรู้

“พวกผมจะมีนายหญิงเร็ว ๆ นี้ จริงหรอครับ” คุณนปภาป้องปากพูด ให้เข้าใจกันเพียงสามคน

“ย่าก็ทักไปงั้นล่ะ เผื่อจะได้มาจริง ๆ”

จบประโยคของผู้สูงวัยเสียงหัวเราะก็ดังมาอีกระลอก เพชรและภัคค์ลุกหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้เจ้านายหนุ่มได้คาดคั้นเอาคำตอบใด ๆ ทั้งสิ้น

นราภพส่ายหน้ายิ้ม ๆ กับความคิดเรื่องชีวิตคู่ ที่ตนไม่เคยคิดจะสนใจเลยจนกระทั่งตอนนี้ที่กำลังกลายเป็นหัวข้อสนทนาของคนในครอบครัว ถ้าแม่ของลูกมันหาได้ง่ายจริง ๆ ป่านนี้นราภพคนนี้คงมีลูกสักครึ่งโหลให้คุณย่าได้อุ้มแล้วล่ะมั้ง

-------------------------------------------

บรรยากาศภายในงานเปิดตัวห้างสรรพสินค้า ‘Siam World’ ในเครืออัศวเดชากรุ๊ป คึกคักไปด้วยบรรดาสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวจากหลายแขนง รวมไปถึงแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมเป็นสักขีพยานกับความอลังการจากหลากหลายวงการ นราภพเดินปะปนไปกับผู้คนที่แห่แหนกันเข้ามาร่วมในพิธีเปิดอย่างคับคั่ง ด้วยหนวดเคราที่ไม่ได้กำจัดออก ช่วยอำพรางใบหน้าของชายหนุ่มให้ไม่เป็นที่น่าสนใจได้เป็นอย่างดี

ระหว่างที่นราภพกำลังเดินดูงานอย่างสบายใจ น้ำสีสวยจากแก้วน้ำของบริกรหญิงคนหนึ่งก็กระฉอกออกมาเลอะเสื้อเชิ้ตสีอ่อนจนเป็นด่างดวง

“ขอโทษค่ะท่าน ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ...เดี๋ยวดิฉันเช็ดให้นะคะ” บริกรสาวกุลีกุจอหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนมาเช็ดคราบที่เลอะเสื้อให้ชายหนุ่มมือไม้สั่น

นราภพมองเสื้อตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองตัวต้นเหตุที่กำลังขะมักเขม้นกับการเช็ดรอยเปื้อน ที่ดูเหมือนยิ่ง
เช็ดจะยิ่งเปื้อนซะมากกว่าอยู่ครู่หนึ่ง

“พอ ๆ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอตัวนะ” นราภพบอกเสียงขรึม ก่อนที่จะเดินจากไป

‘โอ้ย ตายละฉัน ณหทัย ทำไมเธอถึงซวยอย่างนี้นะ ดีที่แขกไม่เอาเรื่อง ไม่งั้นตายเลย ยังจะมีอะไรซวยกว่านี้อีกไหม หมดหน้าที่แล้วรีบไปเปลี่ยนชุดดีกว่า จะได้ไปหาพี่พล’

หญิงสาวยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงคนรักของตน วัชพลคือคนรักของเธอที่คบกันมาตั้งแต่เธอเข้ามหาวิทยาลัย จนตอนนี้เธอเป็นบัณฑิตป้ายแดงเสียแล้ว วันนั้นเขาเป็นวิทยากรพิเศษที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องกลยุทธ์การจัดซื้อและเทคนิคการเจรจาต่อรองในมหาวิทยาลัยที่เธอเรียน เธอประทับใจเขามาก จนเพื่อน ๆ นำมาล้อ แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อวัชพลใจตรงกับเธอเหมือนกัน ภวังค์ความคิดหยุดลง ณหทัยก้าวออกไปเพื่อไปทำในสิ่งที่ตนคิดไว้อย่างสุขใจ

------------------------------------------------------

เสียงกรีดร้องจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กในกระเป๋าที่ดังเล็ดลอดออกมา ส่งสัญญาณให้ร่างบางที่กำลังเดินไปห้องน้ำอย่างเร่งรีบต้องหยิบมันขึ้นมาดู

‘พี่พล โทรมา’ มือบางกดรับสายด้วยความดีใจ

“สวัสดีค่ะ พี่พล”

“สวัสดีครับน้องตรี เอ่อ..น้องตรีไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้ามาหาพี่ในงานแล้วนะครับ พอดีพี่ต้องออกไปทำธุระด่วนข้างนอก แค่นี้ก่อนนะครับ ตู้ด ๆ ๆ!”

“เดี๋ยวค่ะพี่พล...พี่... เฮ้อ วางสายไปซะแล้ว”

‘อะไรของเขานะ ธุระอะไรจะรีบซะขนาดนั้น แถมไปธุระด่วนตอนที่จะมีพิธีสำคัญของที่ทำงานตัวเองเนี่ยนะ แปลกคน เอาเถอะคงจะเป็นธุระสำคัญจริง ๆ ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องแหวกฝูงชนเข้าไป ทำงานมาเหนื่อย ๆ ไปล้างหน้าล้างตาให้หายเหนื่อยหน่อยดีกว่า’

ณหทัย เดินไปเรื่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร เมื่อเธอไม่มีนัดสำคัญเสียแล้ว ดวงตาคู่งามกวาดสายตาไปทุกที่ที่เดินผ่าน เพื่อชมความหรูหราของห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่อย่างสบายอารมณ์ ตนได้มีโอกาสเข้ามาร่วมงาน เอ้ยไม่สิ เข้ามาทำงานต่างหาก ในช่วงวันสำคัญของสถานที่แห่งนี้จากการชักชวนของเพื่อนร่วมสถาบันที่ตอนนี้คงกำลังทำหน้าที่อยู่
‘พอมันเปิดแล้ว เราจะมีปัญญามาเดินไหมนะ ยามจะให้เข้ารึเปล่าเถอะ’ ขาเรียวยาวก้าวไปเรื่อย ๆ พร้อมกับปล่อยความคิดให้ล่องลอย แต่ความคิดก็พลันสะดุดลง ร่างโปร่งระหงชะงักอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ

ณหทัย เบิกตากว้าง

ความรู้สึกเหมือนชาไปทั้งร่าง...อารมณ์ที่ดีอยู่เมื่อครู่ถูกกลืนหายไปในพริบตากับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนแลกจูบ พลอดรักกันอย่างเมามัน โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ผู้ชายคนนี้มองจากด้านหลัง ช่างเหมือนชายหนุ่มผู้เป็นคนรักของเธอเหลือเกิน

‘ขออย่าให้เป็น ขออย่าให้ใช่’ ณหทัยภาวนาในใจ หลับตาแน่น ก่อนจะค่อย ๆ ขยับเท้าเข้าไปใกล้สองหนุ่มสาวแล้วเปล่งเสียงไม่ดังมากนัก แต่ก็คงพอจะทำให้สองคนนั้นหยุดภารกิจหันมาทางเธอชั่วคราว

“ว้าย!!”

ดวงตาที่หลับแน่นตอนส่งเสียง ค่อย ๆ ลืมขึ้นมาช้า ๆ แล้วก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อสองร่างที่ผละออกจากกันนั้น ไม่ใช่คนที่เธอรู้จักสักคนเดียว แต่ครู่เดียวความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจก็มลายหายไป เมื่อความเก้อกระดากเข้ามาแทนที่ ณหทัยส่งยิ้มแหย ๆ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
อีกมุมหนึ่ง นราภพมองเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างสนใจ อดหัวเราะไม่ได้กับท่าทางรั่ว ๆ ของพนักงานเสิร์ฟจอมซุ่มซ่าม ก่อนที่รอยยิ้มจะจางหายในทันทีเมื่อได้ยินเสียงทัก

“อะไรทำให้คุณนราภพยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวได้ครับเนี่ย”

“ก็...ไม่มีอะไรนี่”

นราภพสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะหันมาตอบสีหน้าเรียบเฉย หากไม่สนิทไม่และไม่สังเกตให้ดีก็อาจจะไม่เห็นความผิดปกติ แต่พอดีว่าเป็นเพชร ที่จับสังเกตได้ทันทีเช่นกัน

“นายมีอะไร”

เพชรเก็บความสงสัยเรื่องรอยยิ้มของเจ้านายไว้ในใจ ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น

“กลิ่นไม่ดีครับ”

เพียงเท่านี้ นราภพออกตัวเดินนำหน้าไปทันที ร่างสูงใหญ่ในลุคซ์หนวดเคราอำพรางหน้าตา มุ่งหน้าสู่ลานจอดรถด้านหลังห้าง ซึ่งมีคนของเขารออยู่ ยานพาหนะสีดำทะยานออกจากห้าง Siam world ด้วยความรวดเร็ว

ลิฟต์ผู้บริหารเปิดออก ณ ชั้นสูงสุดตึกอัศวเดชา สำนักงานใหญ่เครืออัศวเดชา ภายในชั้นนี้มีเพียงห้องของท่านประธาน รองประธาน ห้องประชุมลับ และห้องรับรองบุคคลระดับวีไอพีเท่านั้น

“ว่ามา”

ทันทีที่ประตูบานใหญ่ปิดลง นราภพก็เริ่มเรื่องในทันที เพชรหยิบแฟ้มข้อมูลลับที่ได้มาส่งให้เจ้านายหนุ่ม

“พบรอยรั่วในหลาย ๆ จุด จากข้อมูลที่ได้มาเริ่มจะมีการทุจริตเกิดขึ้นในบริษัท แต่เป็นเพราะอัตราการเจริญเติบโตของอัศวเดชากรุ๊ปยังคงสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยรั่วตรงนี้ครับ”

“คนพวกนั้นเอาเปรียบพนักงานคนอื่น ๆ มานานเท่าไหร่แล้ว”

“สองไตรมาสที่แล้วครับ เป็นช่วงรอยต่อระหว่างท่านประธานณรัตน์กับเจ้านายพอดี”

“พวกนั้นเตรียมรับน้องตั้งแต่คุณพ่อยังอยู่เลยหรอ” คนรับฟังรายงานยิ้มบาง ๆ เพชรอดหัวเราะไม่ได้กับคำเปรียบเปรยนั้น แต่รอยยิ้มนั้นของเจ้านายทำให้เพชรรู้สึกกลัวแทนคนพวกนั้นเหลือเกิน ไม่มีใครรู้ว่ากำลังเล่นกับไฟ ไม่ใช่ไฟธรรมดาแต่เป็นไฟเย็น ประกายไฟไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอะไร แต่ทันทีที่วางไฟเย็นลงบนมือผิวหนังโดยรอบอาจจะหลุดลอกล่อนติดแท่งเหล็กเล็ก ๆ มาเลยทีเดียว

“นายสงสัยใคร”

“วัชพล ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อคนใหม่ที่พึ่งเข้ามารับตำแหน่งก่อนท่านประธานณรัตน์จะเสียครับ”

“ขอประวัติหมอนั่นทั้งหมดพรุ่งนี้”

“ครับนาย”

นราภพปิดแฟ้มในมือแล้วโยนลงบนโต๊ะทำงาน ราวกับว่าไม่อยากสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป ร่างหนายืดตัวเต็มความสูง สองมือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ปลายเท้าแกร่งก้าวไปหยุดอยู่มุมหนึ่งของห้อง มุมที่มองเห็นมหานครกรุงเทพได้ชัดเจนราวกับจับเมืองใหญ่มาย่อส่วนไว้ตรงหน้า

“งานที่ห้างเป็นยังไง เรียบร้อยดีไหม”

“เรียบร้อยครับผม”

เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานและเป็นตัวแทนในพิธีเปิดนั่นเอง ภัคค์เดินมาพร้อมกับแฟ้มในมือ

“รายงานความเคลื่อนไหวของกรรมการแต่ละท่านครับ”

นราภพเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน พลางหยิบแฟ้มมาเปิดดู เพชรหันไปสบตาภัคค์ก่อนจะค่อย ๆ ขยับเดินเข้าไปใกล้

“มีเรื่องอัพเดทว่ะ” เพชรเปิดการสนทนาขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ภัคค์ตาเป็นประกายในทันที พลางสะกิดให้เอ่ยปากว่าเรื่องอัพเดทมาเสียที ยังไม่ทันที่เพชรจะอ้าปากอัพเดทเรื่องราวที่สงสัย เจ้านายหนุ่มก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

“พวกนายไม่มีไรทำกันหรือไง” นราภพจ้องสองแสบเขม็ง สองหนุ่มกลับเข้าสู่โหมดจริงจัง

“เพชร เรื่องนั้น...ใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง...ฉันต้องการรู้คำตอบเร็วที่สุด”

“ครับผม”

“ภัคค์ จับตาดูพวกบอร์ดต่อไป ใครพยายามทำอะไร รายงานให้ฉันรู้ด้วย”

“ครับนาย”

-------------------------------------

เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร
ท่ามกลางความเป็นเมืองที่รุกคืบเข้ามา ดวงตะวันคล้อยลงต่ำ บ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง ยังคงรายล้อมไปด้วยต้นจำปีเขียวชอุ่มอยู่เต็มคันดินเป็นทิวแถว จำปีดอกน้อยโผล่พ้นกลีบดอกออกมาให้เห็นเป็นสีขาวนวลหลายต่อหลายดอก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของพันธุ์ไม้ขจรขจายอบอวลไปทั่วทั้งสวน ส่งผลให้ผู้มาเยือนต้องเก็บอากาศอันแสนสดชื่นเข้าไปเต็มปอด
หญิงสาวตักน้ำในตุ่มขนาดเล็กตรงเชิงบันไดมาชำระล้างคราบดินคราบฝุ่นที่เลอะ ก่อนจะเดินขึ้นเรือนไปอย่างเงียบเชียบ
เสียงขยับประตูตรงบันได เรียกความสนใจจากชายวัยเลยกลางคนรูปร่างสันทัดผมสีดอกเลาที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการสานกระจาดไม้ไผ่ให้เงยหน้าขึ้นมามองในทันที
ผู้มาเยือนยิ้มแหย

“กลับมาแล้วหรอเรา กลับยังไง ใครมาส่ง หรือมาเองอีกตามเคย” ณหทัยหน้าเล็กเหลือสองนิ้วหลังจากจบคำถามไถ่ของผู้เป็นบิดา

“ไอ้หนุ่มผู้จัดการอะไรนั่นมันไม่มาส่งแกหรือไง”

“เอ่อ...ก็เค้าไม่ค่อยว่างอ่ะจ่ะพ่อ”

“ทั้งปี...แบบนี้ทั้งปี...ดีนะมันยังมารับแกบ้างน่ะ” สาวน้อยเดินยิ้มแผล่มาโอบกอดผู้สูงวัยกว่าพลางอ้อดอ้อนเสียงหวาน “พ่อเข้าใจพี่เค้าหน่อยน้า ตอนนี้พี่เค้าต้องทำงานหนัก เค้าบอกจะรีบเก็บเงินมาสู่ขอหนู”

เฮ้อ...ผู้เป็นพ่อถอนหายใจเบา ๆ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็ดี มือสาก ๆ ที่ผ่านงานหนักมามากมายลูบผมลูกสาวสุดที่รัก อย่างอ่อนโยน นึกโกรธตัวเองที่เลี้ยงลูกยังไงถึงมองโลกในแง่ดีได้ขนาดนี้ ลูกสาวตนไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากกว่าตัวเองเสมอ คำว่า ’ยอมไม่ได้’ อาจจะไม่มีในพจนานุกรมฉบับนางสาวณหทัยก็เป็นไปได้ สายตาของผู้ที่ผ่านโลกมากว่าห้าสิบปี ทอดมองไปไกลด้วยความไม่สบายใจนัก เอาเถอะ ถึงยังไงคนเป็นพ่ออย่างตนก็ยังไม่อยากขัดความสุขของลูก

“เรื่องนั้นช่างมัน...มันไม่มาขอพ่อก็เลี้ยงแกได้”

“พ่ออ่ะ” ลูกสาวหน้างอ ส่งเสียงกระเง้ากระงอด จนผู้เป็นพ่อต้องยอมให้

“เอ้า ๆ ไม่ว่าก็ไม่ว่า กินไรมาหรือยังล่ะ...พ่อทำกับข้าวไว้รอหลายอย่างเลย ไปหามาไปจะได้กินข้าวกินปลากัน”

“จ้ะ พ่อ” ณหทัยยิ้มแฉ่งเมื่อพ่อหยุดบ่นถึงแฟนหนุ่มของเธอ สาวเจ้ากระวีกระวาดไปยกกับข้าวกับปลามาอย่างเร็วรี่ อาหารหน้าตาน่าทานค่อย ๆ ถูกลำเลียงออกมา จานแรกเป็นแกงส้มดอกแค ตามด้วยน้ำพริกปลาทู ผักต้ม ปลานิลทอด ตบท้ายด้วยไข่ทอดชะอมกรอบและเกรียมนิด ๆ เล่นเอาคนยกมาน้ำลายสอเลยทีเดียว อาหารเหล่านี้เป็นอาหารพื้น ๆ ธรรมดา แต่ในความรู้สึกของณหทัยมันช่างอร่อยเหาะเหลือเกิน เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

“อิ่มแล้วหรอจ้ะพ่อ”

“อิ่มแล้ว กินเยอะไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ตรงไหน แก่แล้วกินมากก็ใช่ว่าจะดี”

“แหม รู้ตัวด้วยหรอจ๊ะว่าแก่แล้ว วันก่อนหนูเห็นออกแรงยกของอย่างกับวัยรุ่น”
เจอลูกสาวกระแซะเข้าไปผู้เป็นพ่อถึงกับค้อนปะหลับปะเหลือก ”แหม่ เจ้าลูกคนนี้ เอาๆ กินไป พ่อไปงีบสักหน่อย ทุ่มกว่า ๆ นัดคนงานมาเก็บจำปีในสวน”

“จ้ะพ่อ” คล้อยหลังบิดาได้พักนึง ณหทัยก็เก็บสำรับเข้าตู้กับข้าว เก็บจานเก็บชามที่เลอะไปล้าง ต่อด้วยจัดการงานบ้านงานเรือนอย่างที่ทำประจำ

บ้านหลังนี้มีเพียงเธอและบิดาอาศัยอยู่ด้วยกันสองคน เป็นแบบนี้มานานหลังจากสิ้นแม่เธอไปเมื่อครั้งเธอยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลสองเท่านั้น ถึงจะขาดคนที่รักไปหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่นแต่อย่างใด ความรักและความเอาใจใส่ที่พ่อมีให้เธอมันมากมายเสียจนเธอไม่รู้สึกขาดอะไรเลยแม้แต่น้อย

--------------------------------

เช้านี้ที่ตึกอัศวเดชาออกจะวุ่นวายไปสักหน่อย เมื่อพนักงานหลายคนพูดกันปากต่อปากว่าท่านประธานที่เคารพจะมาที่นี่ นราภพ อัศวเดชาเข้ารับตำแหน่งต่อจากผู้เป็นพ่อจะครบสองไตรมาสอยู่รอมร่อ แต่พนักงานหลายต่อหลายคนก็ยังไม่เคยเห็นหน้าคาดตาเลยสักครั้ง ทำให้พื้นที่ด้านล่างอาคารช่วงเวลาก่อนเข้างานแน่นขนัดไปด้วยเหล่าพนักงานที่เดินเตร็ดเตร่กันอย่างเนืองแน่น
รถเก่งสีดำติดฟิล์มทึบยี่ห้อที่มีให้เห็นทั่วไปตามท้องถนนเคลื่อนเข้ามาใกล้ตัวอาคาร มุ่งสู่ลานจอดรถในตัวอาคารตามปกติ แต่ยานพาหนะก็ต้องชะลอลงครู่หนึ่งท่านประธานกับสองคนสนิท สบตากันอย่างแปลกใจ เมื่อมองเข้าไปในตัวอาคารชั้นล่างที่เป็น กระจกใสแล้วพบความผิดปกติ

“นี่มันอะไรกัน” มือแกร่งขยับแว่นสีชาที่ใส่ตั้งแต่ขึ้นรถออก สายตามองลอดแว่นไปยังผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ด้านล่างอาคารที่ดูเหมือนจะเยอะมากเป็นพิเศษ

“ปรากฏการณ์ท่านประธานฟีเวอร์มั้งครับ” ภัคค์กล่าวหน้าตาย มือยังคงบังคับพวงมาลัย ตายังคงมองไปยังถนนเบื้องหน้า
นราภพขมวดคิ้วมุ่น

“ก็คงไม่แปลกมั้งครับ ถ้าพนักงานส่วนใหญ่อยากจะเห็นหน้าท่านประธานคนใหม่ที่รับตำแหน่งมากว่าครึ่งปีสักครั้ง ก็เจ้านายเล่นไม่ไม่ปรากฏตัว ไม่ให้สัมภาษณ์ ไม่ออกสื่อ รับตำแหน่งแบบเงียบ ๆ ทำงานแบบเงียบ ๆ ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของคนเรามันเลยมีมากกว่าปกติไงครับ วันนี้เค้าคงรู้ว่าเจ้านายจะมา มันก็เลยเป็นอย่างที่เห็นน่ะครับ” นราภพยิ้มน้อย ๆ พยักหน้าทำความเข้าใจหลังจากเพชรอธิบายจบ เขาไม่คิดว่าตนเองจะเป็นที่สนใจมากขนาดนี้ เพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบเป็นที่สนใจของใครสักเท่าไหร่ การเป็นคนดังที่ต้องถูกทุกสายตาจับจ้องมันทำอะไรได้ไม่สะดวกเอาเสียเลย คนโลกส่วนตัวสูงอย่างนายนราภพจึงคิดว่ามันเป็นการสูญเสียความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายกาจที่มิอาจยอมได้นั่นเอง “รีบไปกันดีกว่า...ฉันยังไม่พร้อมทำลายความเป็นส่วนตัวของตัวเองที่มีอยู่น้อยนิด”

สองคนสนิทเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำสอง ภัคค์เคลื่อนรถเข้าสู่ตัวอาคารไปยังลานจอดรถพิเศษด้วยความรวดเร็ว

“เรื่องที่ให้ไปจัดการว่าไง” หลังจากก้าวเท้าเข้าห้องทำงาน นราภพก็ถามขึ้นทันที เพชรยื่นแฟ้มที่เตรียมไว้ส่งให้

“ดี...ทำงานรวดเร็วดี” ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิร์ตเนื้อดีสีครีมกับกางเกงสแล็คสีดำ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นชุดลำลองมากกว่าชุดทำงานเสียด้วยซ้ำ นั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานของคนเองพร้อมกับแฟ้มในมือที่เพชรเตรียมให้

ข้อมูลที่ได้รับไม่ได้ทำให้นราภพแปลกใจมากนัก คล้ายกับว่าคาดการณ์ไว้แล้วว่าน่าจะเป็นบุคคลกลุ่มนี้ที่กล้ากระทำการอุกอาจอย่างเหลือหลายในสายตาเขา แต่คิ้วดกดำต้องมีอันขมวดมุ่นเมื่อหน้ากระดาษพลิกมาจนเกือบจะสุดท้าย

“ผู้หญิงคนนี้เกี่ยวอะไรด้วย ?” สายตาคำถามที่พุ่งตรงมาในทันที ทำเอาสองคนสนิทแปลกใจ

“ณหทัย...นางสาวณหทัย ธำรงรักษ์ เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้” กระแสเสียงเริ่มเจือความหงุดหงิด

“หลักฐานที่ได้มาชี้ชัดว่าเธอมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ครับ” เพชรรีบอธิบาย

“ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท แต่เข้ามามีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตอย่างงั้นหรอ ตลกสิ้นดี!” แฟ้มถูกโยนลงบนโต๊ะเสียงไม่เบานัก ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน สองมือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง สายตาทอดมองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า เป็นกิริยาที่เจ้านายทำประจำหากกำลังใช้ความคิด

‘มันต้องมีอะไรผิดปกติ’ คิ้วเข้มยังคงขมวดมุ่น

เพชรและภัคค์หันมามองหน้ากัน ‘ใช่ มันต้องมีอะไรผิดปกติ ท่าทางแบบนี้ไม่ปกติแน่นอน’ เพราะปกติของเจ้านายผมคืออาการนิ่ง ไม่ยินดียินร้าย อย่างดีก็ยิ้มบาง ๆ

ท่ามกลางความสงสัยของคนสนิท ความคิดของนราภพก็ตกตะกอน เสียงทุ้มกล่าวลอดไรฟัน

“เตรียมการไว้นานงั้นหรือ” ใบหน้าเครียดเกร็งเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มและประกายตาเจ้าเล่ห์อีกครั้งหนึ่ง

“ได้...เรามาลองกันสักตั้งว่าใครจะแน่กว่ากัน”
สงสัยจะสนุกแล้วล่ะ สายตาสองคู่ที่เจ้าเล่ห์เหลือร้ายไม่แพ้เจ้านายสบตากันครู่หนึ่งราวกับกำลังแท็คทีมกันระเบิดความมัน

“นายสองคน”

“ครับผม” สองเสียงประสาน

“สมมติว่าเรายังไม่รู้อะไรเลย”

-------------------------------------------------
แล้วพบกันตอนที่ 2 จ้า





ปีบเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ย. 2557, 17:52:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2557, 22:20:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1478





   ตอนที่ 2 เข้าถึงตัว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account