กลิ่นตองหอมรัก
น้ำไท ใช้ชีวิตสงบๆ มาตลอดยี่สิบแปดปี
จู่ๆ ยายก็ขุดเรื่องเก่าก่อนในเหตุการณ์ที่ตาเสียมารื้อฟื้น
เขาไม่เคยลืม และก็ยังต้องการเห็นน้ำหน้าของเด็กหญิงที่คงจะโตขึ้นมาแล้วอีกครั้ง!

นภิสาช่างเป็นผู้หญิงที่นิสัยเสีย หยิ่ง เชิด ไม่เห็นหัวใคร ที่สำคัญสุดคือ เจ้าหล่อนฉลาดมาก!
เขาพยายามที่จะสั่งสอน และลบความเย่อหยิ่งที่เจ้าตัวสร้างมา
แต่ดูท่าสุดท้ายก็เหมือนจะเข้าตัว คนร้ายๆ อย่างนั้น กลับมาสั่นหัวใจเขาเสียได้

นภิสาคิดอย่างไรนั้นคงต้องไปถามอับดุลเอ้ยอย่างเดียว

Tags: น้ำไท หอมเล็ก นภิสา จอมฟ้า

ตอน: บทที่ 1 ตามหาลูกหนี้

พยาบาลส่วนตัวในชุดกระโปรงสะอาดสีเรียบพยุงร่างหญิงสูงวัยล่วงเลยเลขเจ็ดลงจากรถกระบะกึ่งเก่ากึ่งใหม่ตอนหลังไร้หลังคาปิดลงมายืนมองอาณาบริเวณของบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ ซึ่งส่วนปูนส่วนล่างของบ้านทาสีเขียวอ่อน พื้นปูกระเบื้องสีน้ำตาลเงาวับคล้ายถูกเช็ดถูให้เลี่ยมอยู่ตลอดเวลา

ปทุมมาลย์ย่างกรายอย่างเชื่องช้า มือจับไม้เท้าพยุงกายไว้ อีกข้างมีพยาบาลหน้าแฉล้มอายุไม่มากจับจูง หน้าตาอ่อนล้าของหญิงสูงวัยมีริ้วรอยบนใบหน้าไม่น้อยมองตรงไปยังร่างที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับการเด็ดพริก เก็บผักอยู่ตรงแปลงผักสวนครัวข้างบ้านที่ล้อมรั้วไม่ไผ่ไว้สูงไม่ถึงเอว ร่างเจ้าเนื้อผิวขาวราวหยวกกล้วยสวมเสื้อคอกระเช้าอย่างง่ายๆ เอวคาดผ้าถุง

“แม่ทิพ”

‘แม่ทิพ’ ที่กำลังก้มเก็บพริกขี้หนูแดงผละจากพืชผล ยืดกายสูงอย่างคนที่สุขภาพยังดีอยู่หันกลับมาหาเสียงเรียก ทิพรสเลิกคิ้วแปลกใจที่วันนี้ปทุมมาลย์มาที่นี่ด้วยตัวเองได้ ทั้งที่ปกติแล้วนั้นจะเป็นคนชอบความสงบ ไม่ค่อยยุ่งกับใคร และนานๆ จะได้พบปะกันตามงานวัดงานบุญเสียมากกว่า

“แม่บัวเรอะ มีอะไรกับฉันล่ะ” หญิงสองวัยที่มีวัยไล่เลี่ยกันจ้องตากันอย่างคุมเชิง พวกหล่อนเคยเป็นเพื่อนรักกันมานาน เพราะพบเจอกันมาแต่เด็ก เกิดและเติบโตอยู่ในละแวกนี้ แต่ทุกอย่างก็สูญสลายไป เหตุการณ์หนึ่งในอดีตทำให้ทิพรสไม่เคยลืม

ปทุมมาลย์ขยับตัวอย่างมั่นคงที่สุด เธอคร่ำครวญมานาน และคิดว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้น คุ้มค่าที่สุด

“ฉันอยากชดใช้หนี้เรื่องยี่สิบปีที่แล้ว แม่ทิพจะอนุญาตไหม”

ทิพรสหรี่ตามองผู้หญิงที่วางตัวดูดีมาตลอดอย่างไม่เข้าใจ ไม่ว่าอย่างไรแม้จะพูดว่าเรื่องหนี้ในครั้งนั้นจะยาวนานถึงยี่สิบปี แต่สำหรับคนที่นี่นั้น ความรู้สึกต่อเรื่องในอดีตจะยังชัดเจนไม่มีวันลืม และคนที่ตัดขาดการสนทนาต่อกันในครานั้น ไม่สานต่อด้วยทุกกรณีไม่ใช่คนจากทางปทุมมาลย์หรอกหรือ

“ถ้าฉันคิดหนี้ ใครจะเป็นคนใช้หนี้ล่ะ” ทิพรสเดินมาชิดริมรั้วไผ่ ให้รั้วเป็นเขตแบ่งระยะระหว่างหญิงสูงวัยทั้งคู่ “ฉันก็รับที่เกือบร้อยไร่ที่เธอยกให้ฉันมาทำสวนกล้วยเพิ่มแล้วไม่ใช่เหรอ ยังมีหนี้อะไรกับฉันอีก”

ดวงตาเย็นชาของทิพรสไม่ได้บอกให้อภัย และเลิกข้องแวะดังคำพูด หล่อนไม่ใช่แม่ชีที่หนีไปบวชหลังสามีตาย และไม่มีทางเลยที่หล่อนจะปล่อยวางได้ง่ายๆ อย่างน้อยๆ การไม่มีใครมาตอกย้ำให้คิดถึง ยังพอทำเนา และหลอกตัวเองให้ลืมได้ ไม่ใช่เดินเข้ามา และจงใจสะกิดแผลเก่าอย่างที่ปทุมมาลย์ทำ

“แต่เธอยังไม่ได้คิดหนี้กับตัวต้นเรื่อง”

“หลานสาวที่เธอเอาไปซ่อนไว้ในกรุงเทพฯน่ะเหรอ” วาจาเหน็บแนมนั้นไม่ปิดบังความรู้สึก ดวงตาวาบขึ้นมาอย่างรอคอย

“ใช่ เรียกหนี้กับเขาซะ”

“ใช้ทั้งชีวิตของเด็กคนนั้นก็คงไม่หมด”

“อย่างนั้นแม่ทิพก็ให้เขาใช้หนี้ทั้งชีวิตสิ” ปทุมมาลย์ยิ้ม สีหน้ายังคงใจเย็น ต่างจากทิพรสซึ่งกำลังผงะ และอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน

“ไม่ใช่ว่าจะมาก่อความวุ่นวายในสวนตองหอมอีกครั้งหรอกนะ” ทิพรสตั้งสติได้ก็ออกปากค่อนแคะ ยกขาข้ามรั้วไม้ไผ่ออกมา ตั้งใจว่าจะเลิกสนใจข้อเสนออย่างกับเห็นพวกหล่อนเป็นครอบครัวเจ้าคิดเจ้าแค้น เป็นตัวร้ายราวีในทีวี แต่คงแปลกไม่น้อย ที่คนเคืองแค้นไม่ต้องวิ่งไล่เป้าหมาย เป้าหมายก็ตั้งใจนั่งบนพานลอยมาหาถึงที่ทีเดียว

จากผู้เป็นยายแท้ๆ ที่เคยออกโรงกางปีกปกป้องเสียด้วย

“ฉันอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน จอมฟ้าเป็นหลานสาวคนเดียวที่ฉันเป็นห่วง”

ทิพรสย่างก้าวหยุดทันควัน ยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างในใจที่เบาโหวง อย่างน้อยๆ ครั้งหนึ่งเธอกับปทุมมาลย์ก็เป็นเพื่อนรักกัน ถึงจะโกรธกัน แต่ไม่เคยปองร้าย มีแต่ไม่พูด และห่างกันไปมากกว่า

“ฉันขอเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมแม่ทิพ เรียกหนี้ที่หลานฉันเคยมีกับที่นี่ซะ”

ปทุมมาลย์มีสายตาแน่วแน่ มั่นคง แม้ว่าดวงตาดำนั้นจะส่องประกายล้าอยู่บ้าง แต่การตัดสินใจเลิกปกป้องหลาน และให้มารับหนี้ที่เจ้าตัวไม่เคยชดใช้คืนให้กับคนที่นี่นั้นกลับเป็นสิ่งที่หล่อนต้องการมากที่สุดในห้วงเวลาที่อาจจะเหลือไม่มากนี้

“อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”

“ใจร้ายในจุดที่ยังมีความรัก และเอ็นดูจะได้ไหม”

เสียงถอนหายใจจากสตรีสูงวัยร่างท้วมดังเฮ้อ ก่อนจะหันกลับมาด้วยใบหน้าที่เป็นมิตรกับปทุมมาลย์มากขึ้น พวกหล่อนหันหลังใส่กันมานานมากเกินไป ยี่สิบปีได้เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยกระฉับกระเฉงเป็นผู้หญิงผมสีดอกเลาทั้งหัว มือต้องใช้ไม้เท้าพยุง และคงจะเงียบเหงากับชีวิตที่ไร้ญาติมิตรสหาย

“รู้ไหมว่าฉันรอวันที่แม่บัวจะกล้าเผชิญหน้ากับฉันอีกครั้ง”

“ฉันขอโทษที่ฉันคิดนานถึงยี่สิบปี” ปทุมมาลย์บอกยิ้มๆ และยิ่งยิ้มกว้างขวางเมื่อมือขาวของทิพรสยื่นมาประคองนางแทนที่พยาบาลส่วนตัวรุ่นหลาน

“เรื่องเด็กๆ ฉันยกให้เด็กๆ เป็นคนเรียกหนี้คืนเอง ฉันจะขอดูอยู่ห่างๆ”

ปทุมมาลย์ไม่เอ่ยขัด เพราะรู้ดีว่า ‘เด็ก’ ในอดีตคนหนึ่งที่เติบโตมาด้วยความไม่พอใจในตัวของนภิสายังมี และคงจะลิงโลดกับการที่ผู้ใหญ่ไฟเขียวให้ไปจัดการ ‘ตัวต้นเหตุ’ ที่ทำให้นายตอง ผู้บุกเบิกสวนตองหอม และยังเป็นตาต้องตาย

แม้ว่าเรื่องในคราวนั้นจะเรียกว่าเกิดจากอุบัติเหตุของคนอื่น แต่ปทุมมาลย์ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องร้ายในตอนนั้น นภิสาก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ตองหนีออกมาจากกองไฟไม่ทัน


กลิ่นไหม้ และควันที่มีสาเหตุมาจากกองไฟที่ใช้ย่างปลาที่คนงานในสวนกล้วยนั่งปิ้งจนผล็อยหลับไปนั้นลุกลามไปตามใบตองแห้งที่มีมากมายในกลางฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงจัด และไฟลามไปทั่วสวนกล้วยอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงชั่วโมง พวกคนงานที่ตื่นมาพบ พยายามใช้น้ำดับไฟ ก็ไม่สามารถต้านทานไฟที่โหมกระพือแรงนั้นได้เลย

ปทุมมาลย์ในวัยต้นห้าสิบปีกึ่งเดินกึ่งวิ่งมายืนสุดปลายไฟที่โหมแรง ความร้อนแผ่ออกมาจนไม่กล้าเข้าใกล้ หล่อนพยายามดึงรั้งร่างของลูกสาวที่กำลังร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่หน้ากองไฟสุดกำลัง

‘จอมฟ้า ลูกไม่ได้อยู่ในนั้นใช่ไหมลูก’ เสียงเครือราวสิ้นหวังของน้ำตาพรวนัชที่ต้องใช้แรงชายฉกรรจ์ถึงสองคนมาดึงกางกั้นไว้ไม่ให้ผู้หญิงวัยสามสิบร่างบอบบางนี้ใช้เรี่ยวแรงมหาศาลที่มีมากมายทลายกำแพงมนุษย์ฝ่าเข้าไปในกองเพลิงที่ดูอย่างไรก็ไร้วี่แววว่าหากเข้าไปแล้วจะยังมีลมหายใจรอดกลับมา ไฟที่สูงท่วมหัว กับเสียงเปรี๊ยะจากการไหม้สวนกล้วยนี้ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าเพลิงครั้งนี้จะมอดลงง่ายๆ

‘จอมฟ้าอาจไม่ได้อยู่ในนั้นก็ได้นก’

ลูกสาวที่หน้าตาโกรธเคือง ดวงตายังคงส่งหยาดน้ำหยดแล้วหยดเล่าออกมาไม่ขาดพยายามสะบัดตัวออกจากการรั้งของคนหลายชีวิต ‘มีคนชวนจอมฟ้าเล่นซ่อนหา นกเห็นเขาวิ่งมาที่นี่ นกเห็นกับตานะแม่!’

ใจคนเป็นยายหล่นวูบ แต่หล่อนยังไม่กล้าเสี่ยงให้ลูกสาวเข้าไปด้านใน ใครจะคาดคิดว่าการที่หล่อนพาหลานมาเที่ยวเล่นในสวนตองหอมนี้ครั้งแรก แม้อีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ได้เต็มใจมา จะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น

น้ำจากรถดับเพลิงฉีดพวยพุ่งไปในกองเพลิงตลอดเวลา ข้างๆ กันกับปทุมมาลย์ และพรวนัชมีร่างของเด็กชายผมเกรียนสั้นวัยแปดขวบกุมมือ เขย่งเท้า และทำตัวร่ำๆ จะพุ่งไปข้างในบริเวณร้อนระอุอยู่หลายครั้ง ติดที่ว่าผู้ใหญ่ทุกคนต่างก็คอยกันไว้

ไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นจะมีใครอยู่ และเกิดอะไรขึ้นบ้าง กระทั่งกองเพลิงเริ่มมอด และบางส่วนเบาลงเพราะน้ำที่นักดับเพลิงฉีดใส่ เสียงร้องไห้ของเด็กหญิงดังชัด และเผยร่างที่ทั้งตัวมีเขม่าดำกำลังเขย่าร่างของชายวัยกลางคนอยู่ตรงหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ภาพนั้นทำให้ผู้พบเห็นทั้งสลด และตกใจ

ในมุมนั้นเป็นทิศเหนือลม ควันไฟจึงทำอะไรไม่ได้ แต่กว่าที่คนทั้งสองจะฝ่ากองเพลิงมาถึงในจุดนี้ได้นั้นบาดแผลไฟลวกตามร่างของชายที่นอนสิ้นสติอยู่เหนือร่างของเด็กหญิงที่สะอื้นไห้อย่างหนักคงเป็นคำตอบได้ดี

‘ตา’ ร่างเล็กของเด็กชายวิ่งลุยสวนกล้วยที่เหลือเพียงกองฟืนขนาดใหญ่ไปยังร่างของตอง ชาวบ้านหลายชีวิตต่างรีบกรูไปช่วยหลังเอาน้ำราดตัวให้เย็น และตรงไปประคองร่างของตองไว้เพื่อพาไปหาหมอ

‘ถ้าตาเป็นอะไร ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่’

เสียงตะโกนของเด็กชายที่โกรธจัดทำให้ร่างเล็กสั่นเทิ้ม พรวนัชรีบดึงร่างของลูกสาวที่เธอเป็นห่วงมากอดไว้อย่างทะนุถนอม ไม่กล้ากอดแรงเพราะไม่รู้ว่าลูกสาวมีส่วนใดที่ถูกไฟลวกมาหรือไม่

‘ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหมจอมฟ้า’

เด็กหญิงสะอื้นหนัก ไม่ยอมนึกถึงตัวเอง แต่กลับชี้นิ้วสั้นไปยังอีกจุดที่ไฟยังไม่มอดลงง่ายๆ ‘มีคุณลุงอีกคนอยู่ในนั้นค่ะ’

ปทุมมาลย์เดินเข้ามาถึงตัวหลานสาว และหลานชายของเพื่อน มองสิ่งที่เสียหายเบื้องหน้า รวมทั้งบาดแผลที่คงเหลือทิ้งไว้ในใจใครอีกหลายคนอย่างสงสาร

เสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงอีกคนดังขึ้นเมื่อรู้ว่า ‘ใคร’ ที่ยังอยู่ในกองเพลิงนั้น เป็นพ่อของตัวเอง ปทุมมาลย์ยังจดจำสายตาเคืองแค้นของเด็กหญิงอายุสิบสองปีที่ตวัดมองหลานสาวของหล่อนอย่างมุ่งร้าย และเกลียดชังทั้งน้ำตา


ตลอดสองสัปดาห์มานี้น้ำไทค้นพบว่าตัวเองย้อนเวลากลับสู่ความทรงจำเก่าๆ อีกครั้ง เขายังจำได้ถึงช่วงเวลาเมื่ออาทิตย์ก่อนที่กำลังคร่ำเคร่งกับการตรวจดูสินค้าในสวนที่ต้องส่งโรงงานที่เขาเพิ่มธุรกิจในการแปรรูปวัตถุดิบกล้วยที่มีกว่าร้อยไร่ของครอบครัวขึ้นมาได้หลายปีแล้ว แต่เขาก็เกือบจะลืมงานที่ทำอยู่ทุกวันเมื่อยายเดินเข้ามาบอกเขาด้วยหน้าตาเรียบนิ่ง

‘เล็กยังจำวันที่ตาเราเสียได้ไหม’

ใครจะไปลืมลง น้ำไทจำได้ว่าเขาเฝ้าตามหาเด็กหญิงที่ทำให้ตาของเขาปกป้องในเวลานั้นด้วยการกอดร่างเล็กวิ่งฝ่าไฟออกมาได้รับบาดแผลจากไฟสาหัส จนทนพิษบาดแผลไม่ไหว และสิ้นใจในเวลาต่อมา และไม่ใช่แค่ตา ยังมีคนงานคนสนิทของตา ที่เสียสละตัวเองด้วยการถอดเสื้อ และสละน้ำถังสุดท้ายราดร่างของผู้เป็นนาย และเด็กหญิงให้ฝ่าออกมาจากกองเพลิงสำเร็จ

‘ผมไม่มีวันลืม’

เขาในวันนั้นเฝ้าตามหาเด็กหญิงตัวต้นเรื่องอย่างบ้าคลั่ง เพราะในวันรุ่งขึ้นคนทั้งสวนตองหอมก็ไม่มีใครได้พบเจอนภิสาอีก เด็กคนนั้นไม่มาแม้แต่ร่วมงานศพของตาเขา

เขาซึ่งยังเป็นเด็กชายได้แต่เคืองแค้น และพยายามปล่อยวางอย่างที่ทุกคนในบ้านเวลานั้นแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงจิตใจเขามากที่สุด เพราะรู้ว่าเขากับตาสนิทกันมาก ไม่มีใครให้ข้อมูลของเด็กหญิงคนนั้นเพิ่มเติมกับเขา เพราะกลัวว่าเขาจะล้างแค้น

แต่ยี่สิบปีผ่านมา จู่ๆ ยายก็เข้ามาหาเขา ‘ตาเล็ก จำหนูจอมฟ้าได้ไหม พอดีว่ายายบัวที่อยู่บ้านริมน้ำเป็นยายของจอมฟ้า เขากำลังติดหนี้เราอยู่ แล้วเขาก็ต้องการให้หลานเขาเป็นตัวขัดดอกที่นี่ ก่อนที่จะหาเงินมาใช้คืนได้ครบ’

น้ำไทไม่ค่อยใส่ใจสาเหตุที่เขาต้องมาล่าตัวขัดดอกนี้นักหรอก ชายหนุ่มสนแค่ว่าจะทำอย่างไรให้เขาสั่งสอนผู้หญิงคนหนึ่งที่คงจะไร้สำนึกต่อเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นด้วยวิธีไหนดี เพราะเธอไม่เคยย้อนกลับมารับผิดชอบเลยสักครั้งเดียว

เขาใช้เวลาไม่นานก็ไล่ประวัติของผู้หญิงคนนั้นจนครบ เธอชื่อนภิสา เทพกำพล มีพี่ชายหนึ่งคนซึ่งเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงชื่อ นภธีป์ และพ่อที่เป็นทายาทเศรษฐีพันล้านอย่างธีปต์ สองพ่อลูกกำลังสาละวนหัวหมุนอยู่กับการประคับประคองเศรษฐกิจการเงินของครอบครัว ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤตเงินตราของประเทศ และทั่วโลกอยู่

และคงไม่ได้สนใจลูกสาวหรือน้องสาวที่ใช้ชีวิตอย่างไม่สนใจใคร นภิสาจะต้องมาร้านทำเล็บทุกอาทิตย์ ร้านทำผมสามวันครั้งหนึ่ง ต้องช็อปเสื้อผ้า ช็อปกระเป๋าทุกครั้งเมื่อมีของถูกใจ น้ำไทมุมปากกระตุกเมื่อพบว่านภิสากำลังเข้ามานั่งในร้านกาแฟที่เขาไว้ใช้ส่องเจ้าหล่อน วางถุงแบรนด์เต็มเก้าอี้ข้างๆ กัน เธอชะโงกหน้ามามองเขา เหลือบมองเก้าอี้ว่างที่ตั้งอยู่อย่างสนใจ

“ไม่มีใครนั่งใช่ไหมคะ”

ขายาวสวมกางเกงยีนส์ขาดๆ ยกวางพาดจากที่นั่งของตัวเองไปยังเก้าอี้ว่างที่นภิสาสนใจ น้ำไทเลิกคิ้วใส่อย่างท้าทาย “ขอโทษนะครับที่ผมต้องบอกว่าไม่ว่าง”

นภิสาหรี่ตาลงอย่างไม่พอใจชั่วครู่ แต่ยังเก็บอาการไว้ และเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มไม่ถือสา หยิบถุงที่ยังไร้ที่วางไปวางบนโต๊ะว่างอีกตัวที่ห่างไปอีกหน่อย ไม่เหลือบแลไปยังคนที่เสียมารยาทยกขาพาดเก้าอี้อีก

น้ำไทมองผู้หญิงที่ใช้เงินอย่างเบี้ยด้วยความไม่ชอบขึ้นไปอีก เขาสืบทราบมาว่าไม่นานมานี้เจ้าหล่อนเพิ่งจับธุรกิจความสวยความงามกับเพื่อน และก็โดนโกงเงินไป บางธุรกิจก็เจ๊งไม่เป็นท่า ซึ่งดูแล้วผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้สะเทือนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเลย

กาแฟสตีมนมอย่างดีมาวางลงตรงหน้านภิสา หญิงสาวยื่นทิปเพิ่มไปจากค่ากาแฟอีกด้วยแบงค์สีแดง น้ำไทกอดอกมองด้วยความระอาหนัก กาแฟแก้วหนึ่งก็เกือบสองร้อย เจ้าหล่อนยังทิปเพิ่มหนักไปอีก เขาไม่รู้หรอกนะว่าคนรวยเขาใช้ชีวิตอย่างไร แต่คนรวยที่หยิบจับอะไรก็เจ๊ง พ่อและพี่ชายก็ยังทำให้ฐานะการเงินของครอบครัวมีเสถียรภาพไม่ได้ คนไร้อาชีพอย่างนภิสาไม่ควรใช้ชีวิตอย่างนี้เลย

“บ้านคุณรวยมากเหรอครับ” น้ำไทส่งเสียงถามอย่างยียวนเมื่อบริกรในร้านจากไป นภิสาเงยหน้าขึ้นมอง รูปหน้าเรียวสวย และผิวที่ขาวสะอาดอย่างคนที่ดูแลตัวเองดีเยี่ยมมีประกายตาไม่พอใจ แต่ยังเก็บกลั้นไว้

“ฉันขอเงินคุณใช้เหรอคะ”

“พอดีว่าคุณไม่ได้ขอผมใช้หรอกครับ แต่ยายคุณต่างหากที่ขอเงินยายผมใช้ ถ้าคุณมีเงินก็เอาไปใช้แทนยายคุณสิครับ”

นภิสานั่งเกร็ง หลังตรง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ และแสดงออกชัดว่าเธอไม่ไว้ใจชายแปลกหน้าเลย

“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ”

“ยายคุณเป็นหนี้ยายผมร่วมร้อยล้าน”

นภิสาถอนหายใจเสียงดัง ผุดลุกขึ้นด้วยอาการเหลืออด “ฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยมีคุณยายนะคะ คุณคงมารีดไถเงินผิดคนแล้ว ขอตัวนะคะ” ร่างระหงกับส่วนสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบลุกขึ้น ก่อนจะชะงัก และหมุนตัวกลับมา วางแก้วกาแฟที่เธอยังไม่ทันดื่มตั้งไว้ตรงหน้าน้ำไท และยิ้มอย่างคนใจดี

“ฉันให้ เผื่อคุณอยากดื่ม แต่ไม่กล้าขอตรงๆ” สายตาเหลือบมองขนมไม่กี่สิบบาท และน้ำชาที่ราคาไม่ถึงครึ่งเท่าที่นภิสาทานอย่างเข้าใจ แล้วจึงกรีดกรายจากไปพร้อมถุงแพงอีกหลายใบ ปล่อยให้น้ำไทจ้องแก้วกาแฟที่ไม่ต่างจากคำดูถูกเขาแล้วเกิดอาการอยากจะดัดนิสัยเสียของผู้หญิงคนนี้

เธอช่างกล้าโกหกว่าไม่มียายทั้งที่ยายตัวเองยังมีชีวิต และเดือดร้อน ใจดำ! ผู้หญิงคนนี้ยังเหลือส่วนดีอะไรในตัวบ้างไหม

น้ำไทเงยหน้าขึ้นมองหลังบอบบางที่ยืดตรง ย่างก้าวทุกย่างที่ห่างออกไปเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่น่าแปลกที่เขาสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวจากตัวของเจ้าหล่อน

เขาจะสั่งสอนคนนิสัยเสียตรงหน้า ต่อให้ไม่มีหนี้ร้อยล้าน แต่หนี้ในอดีตที่เขาปล่อยวางมานานเวลานี้ก็ถูกกวนให้ขุ่นคลั่กอีกครั้ง

นิสัยเชิด หยิ่งอย่างนั้น จะทนลำบาก ใช้แรงงานในสวนของเขาไปได้สักกี่น้ำ น้ำไทไม่รู้ รู้แต่เพียงว่า การลบรอยหยิ่งไม่เห็นหัวใครของนภิสาได้ และให้เจ้าหล่อนร่ำไห้อย่างทรมานกับการโดนใช้แรงงานอย่างหนัก น่าจะสาแก่ใจเขาที่สุด

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ตวัดขาลงจากเก้าอี้ที่พาดยาวมายืนบนพื้น มือกำรอบแก้วกาแฟและดื่มอย่างไม่สนใจต่อคำดูถูกของผู้ให้ ดวงตาวาววับจดจ้องยังเบื้องหลังของคนที่เดินนำอยู่เบื้องหน้า เขาจะไม่ซ่อนตัวเก็บข้อมูลอีกต่อไป ในเมื่อเขาคิดว่ารู้จักนิสัยเสียหลายๆ ข้อของนภิสาดี และเจ้าหล่อนก็ช่างเหมาะในการขัดดอกในสวนตองหอมอย่างไม่ต้องสงสัย

ร่างสูงผิวสีแทนหยุดยืนห่างจากร่างระหงผู้เป็นเป้าหมายห่างไม่ถึงห้าเมตร เขาหยุดเพราะอีกฝ่ายกำลังหยุด ดวงตาสีเปลือกไม้จ้องไปยังร้านเครื่องประดับที่เป็นแบรนด์จากตะวันตก เขากำลังคิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดพิศวาสเครื่องประดับอะไรอยู่นั้น เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อนภิสาปล่อยถุงที่ถือมาเต็มมือลงบนพื้น ร่างบนส้นเข็มสีแดงก้าวไปข้างหน้าใกล้กรอบประตูร้านที่เป็นบานกระจกใสที่ต้องผลักเข้าไป มือสีขาวยกแตะเสี้ยวหน้าคมของผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักซึ่งเดินออกมาจากในร้าน มือของเขากุมมือผู้หญิงชุดสีเหลืองผ้าชีฟองไว้อยู่ และเสียงเพียะก็ดังมากระทบหูเขา

น้ำไทมองฝ่ามือเรียวยาวนั้นฟาดไปบนซีกแก้มของผู้ชายหน้าขาวอย่างหยวกกล้วยคนนั้นด้วยความสยดสยอง ความมั่นใจ และแรงของผู้ฟาดไปไม่แสดงออกถึงความลังเลเลยสักวินาที นภิสาไม่สนใจสายตาผู้คนที่เริ่มหันมามอง หรือห่วงหน้าตาของตัวเองอีกต่อไป

เพียะ! เสียงเนื้อกระทบดังขึ้นอีกครั้ง น้ำไทพุ่งตัวประคองร่างที่โดนมือใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งที่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเคยมีสถานะพิเศษกับนภิสาฟาดลงมาบนซีกแก้ม ร่างระหงซวนเซไปเพียงนิด ก่อนจะขืนตัวออกจากผู้ช่วยเหลือ กลับมาหยัดยืนอย่างมั่นคงอีกครั้ง

“ฉันโชคดี แต่คุณกำลังโชคร้ายนะคะ” คนถูกตบคืนหันไปบอกอย่างมีเมตตาจิตกับสาวชุดเหลืองที่ยืนอึ้งไม่รู้เรื่องราว นภิสากระตุกยิ้มมุมปากเมื่อกลับมาเผชิญหน้าธนาตย์ เหลือบมองรอบข้างที่ยกโทรศัพท์มาถ่ายเหตุการณ์กันอย่างพึ่บพั่บแล้วรู้สึกถูกใจเป็นที่สุด “การกระทำของฉันเป็นสิ่งไม่ดี ฉันขออภัยนะคะ ส่วนเขา” ดวงตาจิกมองคนรักซึ่งกลายเป็นอดีตไปแล้วในนาทีนี้กำลังก้มหน้าก้มตาเดินฝ่าฝูงชนออกไป “ฉันไม่ขอออกความคิดเห็น แค่รู้สึกว่าตัวเองตาสว่าง”

นภิสายิ้มได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ดวงตาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ขณะที่เดินออกไปตัวเปล่า ไม่สนใจสิ่งของมากมายที่วางทิ้งไว้ น้ำไทถอนหายใจเฮือกใหญ่ ต้องวิ่งโร่โกยถุงแล้วตามคนที่เขาควรจะหาทางเล่นงานพาไปขัดดอก แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงยังทำไม่ลงในเวลานี้ คงไม่อยากตอกย้ำหลังจากที่เจ้าหล่อนเพิ่งโดนตบคืนหรอกมั้ง ผู้ชายคนนั้นก็ช่างกระไร สมควรไปหากระโปรงมาคลุมหัวให้รู้แล้วรู้รอด

“คุณตามฉันมาทำไม” เสียงหวานที่ดักเรียกอยู่ตรงทางเลี้ยวเพื่อไปยังลานจอดรถกอดอกมองด้วยสายตาระแวง “ฉันจำไม่ได้ว่าจ้างคนถือของส่วนตัว แต่ที่คุณทำก็เพราะขาดแคลนเงินใช่ไหม”

มุมปากคนโดนดูถูกกระตุกอีกครั้ง น้ำไทจ้องคนเสี้ยวหน้าแดงที่ยังนิสัยเสียอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เธอเป็นคนมีหน้าเดียว หน้าอันไม่รู้สึกรู้สาว่ากอปรสายตาดูถูกดูแคลนนั้นกวนอารมณ์คนฟังมากแค่ไหน

“เออ ผมมันขาดเงิน แล้วคุณมีเงินให้ไหมล่ะ” น้ำไทพบว่าตนใช้น้ำเสียงกระด้างไม่น่าฟัง แต่อีกฝ่ายกลับใจเย็นเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบแบงก์มาให้ ดูถูกกันเกินไปแล้ว “เงินที่คุณไม่เคยหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง แบมือขอเงินพ่อเป็นอย่างเดียวน่ะเหรอ คุณถึงคิดว่าจะใช้ยังไง ให้ใครง่ายๆ ก็ได้ ถ้าคุณไม่เคยหามาเองยิ่งต้องรอบคอบ ใช้เงินอย่างระวังรู้ไหม คุณ...”

ชายหนุ่มหลับตาเมื่อแบงก์สีเทาสามใบปาอัดใส่หน้า ดวงหน้าเรียบเฉยเรียวเล็กปกปิดประกายไม่พอใจไว้ไม่ได้อีกต่อไป ปากสีโอโรสเม้มแน่นอย่างไม่พอใจ หญิงสาวกัดฟันพูดออกมาอย่างอดทน

“เงินที่ฉันโปรยให้เป็นค่าหุบปาก และไปให้พ้นทางฉันเสียที”

“คุณนิสัยเสีย อย่างกับไม้แก่ที่ดัดไม่ได้เลยรู้ตัวไหม”

นภิสาเดินหน้าขึ้นมา ยกมือแตะเสี้ยวหน้าของน้ำไทขณะที่มั่นใจว่ามือสองข้างของเขาถือสารพัดถุงที่เธอซื้อมาอยู่ คงไม่มีการฟาดมือลงมาบนแก้มให้เธอเจ็บอีกอย่างที่ธนาตย์ทำ

ร่างสูงเกร็ง และเผลอก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อปลายจมูกของเขาสัมผัสกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ มาจากเนื้อตัวของหญิงสาวที่เขย่งตัวขึ้นมาใกล้ ปลายจมูกเชิดรั้นเคลื่อนมาจนลมหายใจอุ่นสัมผัสถึงกันได้ และผ่านไปหยุดอยู่ตรงข้างหู

“คุณก็เหมือนผู้ชายส่วนใหญ่บนโลกนี้ หิวเงิน แล้วก็หิวผู้หญิง ฉันก็แค่โปรยเสน่ห์ทำทาน อย่าคิดอาจเอื้อมเลย เพราะฉันไม่เหลือบตาลงต่ำมองดิน จำไว้”

“แม่เจ้าประคู้น เป็นนางฟ้านางหงส์มาจากไหน ผมก็เห็นขาสองขา มือสองมือ ตาสองดวง ปากหนึ่งปากเหมือนกัน ตาคุณพิการหรือไงถึงได้มองต่ำไม่ได้ ตาเข ตาเหล่ มองฟ้าเป็นอย่างเดียวใช่ไหมฮะ” เมื่อร่างของนภิสาเว้นระยะห่างเท่าเดิม อารมณ์ของน้ำไทก็พุ่งสูง เขาโกรธที่ตัวเองสงบเยือกเย็นได้ไม่ถึงครึ่งอย่างที่นภิสาทำ

เสียงใสหัวเราะในลำคอ หัวคิ้วเลิกขึ้น และดวงตาที่มองแคลนน้ำไทราวกับชายหนุ่มไม่ต่างจากปรสิตบนปลายรองเท้า

“แล้วแต่คุณจะคิดสิคะ ถ้าตาปกติแล้วมองเห็นของเสียอย่างคุณ ฉันยอมตาบอดเลยดีกว่า” นภิสาเดินไปยังรถ หญิงสาวไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวน้ำไทอีกแล้ว แม้อีกฝ่ายจะยังเดินตามมา เธอพอจะรู้ว่าคนท่าทางยียวน กวนประสาท โมโหง่ายอย่างเขาต่อให้โกรธขีดสุด ก็ยังไม่กล้าลงมืออย่างที่ธนาตย์ คนรักสามปีของเธอทำ

“ระวังจะต้องมาเกลือกกลั้วกับของเสียอย่างผม” น้ำไทกระแทกของวางลงบนกระโปรงรถสปอร์ตของนภิสา และคว้ามือนุ่มที่มีรีโมทเปิดรถมายัดเงินที่เจ้าตัวโปรยใส่หน้าเขาคืนให้ครบ “ผมไม่ใช่ขอทาน”

“ไม่ใช่ขอทานแต่เป็นชีกอสินะคะ” นภิสาดึงมือตัวเองกลับมา หันไปสนใจเก็บของเข้ารถอย่างใจเย็น ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับบุคคลที่เธอตราว่าเขาต่ำเตี้ยเรี่ยดินในสายตา ไม่มีค่าที่เธอจะใส่ใจ

“เออเว้ย ทำความผิดอะไรไว้บ้างก็ทำมึนไม่รู้ ยังเชิดคอยืดคอยาวได้เท่าเอเวอร์เรสต์อยู่อีก ไปคิดซะนะว่าคุณเคยทำให้ใครตายหรือเปล่า” นิ้วหนาชี้กดลงไปบนหน้าผากเนียนของนภิสาจนหน้าหงาย แล้วหัวเราะร่วนสะใจจากไป ปล่อยให้คนโดนผลักหน้าผากหน้าแดงก่ำด้วยความกรุ่นโกรธ นภิสานับถอยหลังกับตัวเองในใจ เข้าไปนั่งในรถ มองกระจกหลังก็พบว่าอีกฝ่ายเดินอยู่บนทางรถวิ่ง เธอโดนผู้ชายที่เธอไม่รู้ชื่อคนนี้สบประมาท และโยนความผิดที่เธอไม่รู้เรื่องมาให้ คิดว่าคนอย่างเธอจะไม่หมดความอดทนอย่างนั้นเหรอ

รถสปอร์ตสตาร์ทเครื่องนิ่มๆ หญิงสาวถอยรถออกมาจากซอง กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งตรงไปข้างหน้า บีบแตรเสียงดังลั่นให้คนที่เดินเอื่อยเฉื่อย ฮัมเพลงกับการต่อว่าเธอได้รู้จักยมบาล

น้ำไทหันกลับมามอง ตาเบิกกว้างอย่างตะลึง คาดไม่ถึง เขากระโดดหลบออกไปจากทางรถวิ่งได้อย่างเฉียดฉิว เสียงเบรกดังลั่น กระจกฝั่งคนขับลดลงมาปรากฏหน้าเชิด มุมปากมีรอยยิ้มเยื้อนสาแก่ใจอยู่

“ขอโทษนะคะ ฉันตาไม่ดีเลยมองไม่เห็น”

รถแพงทะยานออกไปอย่างเร็ว ไม่รอให้หน้าต่างเลื่อนขึ้นปิดเรียบร้อยด้วยซ้ำไป น้ำไทยืนอึ้ง พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหลืออด หากนภิสาเป็นน้องชายเขาล่ะก็ เขาคงไล่เตะสักป้าบข้อหาทำตัวกวนบาทาเหลือร้าย แต่เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง และเขาก็ยังรู้ว่าผู้ชายที่ดีควรแสดงออกอย่างไร ไม่เหมือนที่นภิสาเพิ่งถูกปฏิบัติมา และยังแสดงท่าว่าไม่เป็นไรอยู่อีก

เขารู้ว่าหากนภิสาตั้งใจจะฆ่าเขาจริง แม่เจ้าประคุณคงไม่บีบแตรมาดังลั่นจากระยะไกล แล้วเจ้าหล่อนไม่คิดบ้างหรือไง ถ้าเขาสติสตังหาย ก้าวขาไม่ออก เขาก็เจ็บ ก็ตายได้เหมือนกัน แล้วยังมาสะใจที่ได้ทำอีก

น้ำไทกัดฟันกรอด ฮึ่มฮั่มที่เขาทำอะไรนภิสาไม่ได้ ความหยิ่ง เชิด และไม่เห็นหัวใครของนภิสายากที่จะกู่กลับได้จริง โทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้นขัดอารมณ์หงุดหงิด น้ำไทดูเลขหมายแล้วอยากจะเก็บเครื่องเข้าที่เดิม แล้วแสร้งเป็นมองไม่เห็น แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้

“มีอะไรพี่หอม”

“ไอ้เล็ก แกไปจิ๊จ๊ะกับกล้วยหอมอยู่ที่ไหนฮะ หรือไปต้มถั่วดำกิน ถึงได้ชักช้าอยู่ได้ ไหนล่ะคนที่ยายให้ไปพามาน่ะ”

น้ำไทยกมือสางผมตัดสั้นของตัวเองด้วยความอึดอัด ร่ำอยากจะกลับสวนตองหอมให้รู้แล้วรู้รอด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหอมทองชอบคิดว่าเขาเป็นเกย์อยู่เรื่อย

“ถั่วดำโคตรอร่อยเลยพี่หอม ผมชอบ!”

เสียงกรีดร้องของปลายสายดังแสบแก้วหูกลับมา น้ำไทตัดสายทิ้งอย่างหงุดหงิด ไม่สนว่าคำประชดของเขาจะทำให้พี่สาวเข้าใจผิดไปมากน้อยแค่ไหน

เวลานี้ในสมองของเขากำลังครุ่นคิดหาวิธีสั่งสอนผู้หญิงนิสัยแย่อย่างนภิสาอยู่ คนอะไรลืมยายตัวเอง ยายนะไม่ใช่เห็บหมัดจะได้ลืมกันง่ายๆ เขาสมควรที่จะต้องใช้แผนขั้นสุดท้ายจริงๆ แล้วล่ะ ถ้าขอให้ไปดีๆ ไม่ได้ก็ต้อง...ลักพาตัว!

..................................................

อะแฮ่ม ตอนนี้อยากมาสารภาพว่าอยากพักการเขียนดราม่าไว้ชั่วคราวค่ะ อยากกลับมาแนวฮาๆ ดูบ้าง ช่วงนี้ชีวิตก็มึนพอแล้ว ฮา จับพระเอกแนวทุ่งคนนี้มา (เรื่องนี้พระเอกจะภาพลักษณ์ฮาๆ ตรงๆ อย่างนี้) ไม่อยากให้คนอ่านเครียด ส่วนเรื่องอีกสองเรื่องอาจพักก่อน หรือแตะอย่างมากก็จะเป็นของวาดตะวันอีกเรื่องค่ะ แต่ตอนนี้อยากเขียนอะไรฮาๆ ดู อ่านแล้วเป็นยังไงบอกกันได้นะคะ ^O^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ย. 2557, 22:21:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2557, 19:44:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1198





   บทที่ 2 บุกบ้านจอมฟ้า >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 6 ก.ย. 2557, 22:38:54 น.
เอ่อออ จะผิดไหมถ้าเค้าบอกว่าเค้าไม่ฮาอะ ><


ผักหวาน 15 ก.ย. 2557, 10:16:17 น.
ขออ่านตอนต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account